“อืม...ไม่น่าจะใช่นะคะ แต่ฉันขอหาข้อมูลก่อน” เอ่ยบอกเสร็จรติชาก็เอาสีและลายของงูที่ตอนนี้ตายแล้วไปเสิร์ชหาชื่อมันในอินเตอร์เน็ต หาไปหามาจึงรู้ว่ามันคืองูเขียวพระอินทร์ “งูเขียวพระอินทร์ค่ะ มีพิษแต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงมาก” “ชื่อเพราะแต่ไม่น่าคบสักเท่าไหร่” คำพูดของปิลันธน์ทำให้รติชาหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่เธอจะหันไปจัดการฝังซากงูให้เรียบร้อย ท่าทางจับพลั่วขุดดินของเธอมันอิมแพคเข้าที่หัวใจของบอสหนุ่มอย่างจัง ให้ตายสิทำไมเขาต้องแพ้ทางผู้หญิงแบบนี้ด้วยเมื่อฝังงูเสร็จรติชาก็ยืนเท้าสะเอวมองแถวต้นไทรเกาหลีที่ปลูกไว้ริมรั้วบ้านของปิลันธน์ เพราะทุกต้นใบของมันร่วงจนเกือบหมดแล้วที่ไม่ร่วงก็เหลืองรอวันร่วงโรยเช่นกัน“บอสให้คนมาดูสวนบ้างหรือเปล่าคะ”“เปล่าครับ ทำไม”“ต้นไทรเกาหลีมันกำลังจะตายนะคะ”“ไทรเกาหลีคือต้นไหนครับ” ปิลันธน์เอ่ยถามอย่างงุนงงเพราะวันๆ เขานั้นทำแต่งานจึงไม่มีเวลาสนใจเรื่องต้นไม้รอบๆ บ้านสักเท่าไหร่ “ต้นที่บอสปลูกไว้ติดรั้วพวกนี้ไงคะ” รติชาชี้นิ้วไปยังต้นไม้ที่ว่า “อ้อ...ต้นที่ทางโครงการให้มาตอนซื้อบ้าน งั้นพรุ่งนี้เช้าคุณปิ่นไปช่วยผมเลือกต้นไม้ได้ไหมครับ พอดีผมไม่มีความรู้เรื่
ทุกวันทำงานของรติชาช่างมีอะไรให้ทำและลุ้นตลอดเวลา บางวันต้องออกไปประชุมกับปิลันธน์ที่กินเวลาแทบทั้งวัน บางวันก็ว่างจนนั่งตบยุงรองาน บางวันก็ต้องจับเจ้าตั๊กแตนตำข้าวที่แอบเข้ามาในห้องทำงานของชายหนุ่มไปปล่อย รติชามองออกว่ามันคนละตัวกันซึ่งไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมมันถึงขยันเข้ามากันนักพอนั่งนับนิ้วดูแล้วเธอก็ทำงานที่นี่มาเกือบสองเดือน เวลามันผ่านไปเร็วจนรติชาเองยังนึกใจหายและพลอยทำให้คิดถึงเพื่อนรุ่นพี่ขึ้นมา หลังเลิกงานวันนั้นเธอจึงเข้าไปเยี่ยมอรสาที่บ้าน แม้ก่อนหน้าจะโทรคุยโทรถามไถ่กันตลอดแต่ก็ไม่เท่ากับการได้เจอตัวจริง“สวัสดีค่ะน้องอุ่น” รติชาเอ่ยทักทายหลานสาวตัวน้อยที่ตอนนี้อ้อแอ้อยากพูดอยากคุยกับทุกๆ คนไปหมด “อ้อแอ้แบบนี้อยากคุยกับพี่เหรอคะ” คำแทนตัวเองว่าพี่ของรติชาทำให้คุณแม่มือใหม่อย่างอรสาหัวเราะออกมา เพราะดูเหมือนใครๆ ก็อยากเป็นพี่ของลูกสาวเธอ“ชีวิตตอนนี้เป็นไงบ้างปิ่น”“เรื่อยๆ ค่ะ ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน ซึ่งบอสก็ยังเป็นบอส เยอะแยะเรื่องงานสารพัด”“นั่นแหละคือคุณปิลันธน์”“แต่เพราะเขาเป๊ะและเยอะแบบนั้นมั้งคะธุรกิจถึงได้โตวันโตคืน”“ใช่จ้ะ กว่าจะมีวันนี้บอสก็เริ่มทุกอย่างม
ในขณะที่ปิลันธน์เองก็คิดแบบเดียวกับเธอ บอสหนุ่มนั่งจิบวิสกี้ไปด้วยพร้อมกับคิดเรื่องตัวเอง ความรู้สึกที่เขามีให้รติชามันอาจเกิดขึ้นเพียงแค่ฝ่ายเดียว ที่คิดแบบนั้นเพราะเท่าที่ได้ทำงานด้วยกันหรือจังหวะที่มีโอกาสได้ไปไหนมาไหนนอกเหนือจากเวลางานตามลำพัง เขามองไม่ออกจริงๆ ว่ารติชารู้สึกอะไรกับเขาแต่เพราะเธอเป็นแบบนั้นเขาจึงยิ่งต้องใจเย็น ไม่บุ่มบ่ามจนทำให้เธอระแวงก่อนครบสามเดือนมีโปรเจกต์ใหญ่ที่รติชาต้องรับผิดชอบ นั่นคือทริปท่องเที่ยวประจำปีของบริษัท โดยก่อนลาคลอดอรสาทำไว้แล้วบางส่วนรติชาจึงเข้ามาสานต่อให้ลุล่วง ทางปิลันธน์ยกให้เธอเป็นแม่งานซึ่งตัวรติชาเองก็อยากใช้โปรเจกต์นี้ส่งท้ายการทำงานที่นี่เช่นกัน บอสหนุ่มรู้ว่าเหลือเวลาที่ตัวเองจะได้ทำงานกับเลขาอย่างรติชาอีกไม่นาน แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรหากจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปในทิศทางอื่น สิ่งเดียวที่เขากังวลตอนนี้คือเธอยังคงยืนกรานที่จะไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ โปรเจกต์ส่งท้ายทำให้ตารางงานชีวิตของรติชาค่อนข้างยุ่ง เพราะอยากทำให้พนักงานเกือบร้อยชีวิตประทับใจ หัวหน้าแผนกทุกคนต่างเสนอแนะกิจกรรมที่พวกเขาอยากทำ บางอย่างก็ได้รับการอนุมัติแต่บางอย่างก็ถูก
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาทริปท่องเที่ยวของบริษัทก็เกิดขึ้น โดยครั้งนี้มีการแบ่งกลุ่มเพื่อแข่งแรลลี่หาผู้ชนะที่จะได้เงินรางวัลถึงหนึ่งแสนบาท รติชาลงชื่อเข้าร่วมแข่งอย่างไม่ลังเลแต่กลับไม่มีคนมาจับคู่กับเธอด้วยเหตุเกรงใจสายตาของบอสหนุ่ม นั่นจึงเปิดโอกาสให้ปิลันธน์ลงมาแจมแต่ก็วางฟอร์มว่าเขาไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่จุดสตาร์ทคือที่หน้าบริษัทส่วนจุดเริ่มต้นนั้นคือหน้าโรงแรมที่พัก โดยมีทั้งหมดสิบฐานและต้องเก็บแต้มแต่ละฐานให้ได้มากที่สุด รติชาจริงจังกับกิจกรรมทุกๆ ฐานเธอนึกสนุกแต่ไมได้หวังเงิน ส่วนปิลันธน์ก็ใจเย็นเป็นน้ำแข็ง บางจังหวะยังแกล้งขับรถหลงทาง“บอส”“มองผมแบบนั้นทำไม ผมไม่ได้ตั้งใจพาคุณหลงนะ” คนไม่ได้ตั้งใจรีบออกตัว รถวันนี้ที่เขาใช้คือรถสปอร์ตคันสวยคู่ใจที่รติชาเคยขับรถมาชนท้ายจนต้องส่งไปซ่อมนั่นเอง “ก็ฉันบอกแล้วนี่ค่ะว่าให้บอสเลี้ยวซ้ายๆ บอสจะเลี้ยวขวามาทำไม” จีพีเอสสาวหน้างอเพราะฉุนชายหนุ่มเล็กน้อย เธอนั่งมองแผนที่แบบกระดาษให้ปิลันธน์มาตลอดทางจนตาล้าไปหมด เพราะการแข่งแรลลี่ครั้งนี้ห้ามใช้จีพีเอสจากโทรศัพท์มือถือหรือที่ติดมาในรถยนต์อย่างเด็ดขาด“ผมขอโทษๆ เดี๋ยวกลับรถให้” ปิลันธน์เอ่ยบอกอ
“ขอบคุณค่ะ”“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับจากนั้นก็อาสาเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างให้ เมื่อเสร็จทั้งสองก็กลับเข้าการแข่งแรลลี่อีกครั้ง แม้ตอนนี้จะอยู่รั้งท้ายก็ตามแต่ดูเหมือนผลแพ้ชนะจะไม่สำคัญเท่ากับการได้รู้จักตัวตนของอีกฝ่าย ถึงอย่างนั้นปิลันธน์ก็ยังคงไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมาอย่างชัดเจน ส่วนรติชาก็ยังคงปกติไม่ได้แสดงท่าทางเชื้อเชิญใดๆ เช่นกัน ทั้งๆ ที่ในใจของทั้งคู่นั้นค่อยๆ เชื่อมเข้าหากันทีละนิดช่วงพักเบรกจู่ๆ รติชาก็เผลอมองหาปิลันธน์อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน พอรู้ว่าเขากำลังทำอะไรก็เอาแต่มองอยู่แบบนั้น กระทั่งส่ายหน้าไล่ความรู้สึกบ้าๆ ของตัวเองให้ออกไปจากสมองพร้อมคว้าโทรศัพท์ออกมากดโทรหาโสภิตา“ฉันว่าตัวเองต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ”“ไม่เพี้ยนหรอก แกกำลังปิ๊งบอสปิลันธน์อยู่ต่างหาก” คนโสดอีกหนึ่งคนเอ่ยอย่างรู้ใจรติชา เพื่อนสนิทเธอคนนี้เป็นพวกปากไม่ตรงกับใจสักเท่าไหร่หรือต่อให้รู้ใจตัวเองก็ยังต้องการกองหนุน“ไม่...หรอก...มั้งแก”
แต่ยิ่งเห็นว่าใครต่อใครให้ความสนใจเธอมากขึ้นปิลันธน์ก็เกิดอาการหวง พอหวงมากเข้าก็ดื่มเหล้าข่มอารมณ์ตัวเองไปหลายต่อหลายแก้วเช่นกัน ขณะที่หูก็พยายามฟังว่าโต๊ะของรติชากำลังคุยกันเรื่องอะไร แต่จู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาชนแก้วกับเขา“คุณแองจี้”“บังเอิญจังเลยนะคะ ที่เราได้เจอกันที่นี่” แองจี้คือหนึ่งในลูกค้าวีไอพีของปิลันธน์ เธอเองก็มาพักผ่อนที่รีสอร์ตแห่งนี้และบังเอิญรู้ว่าบริษัทชายหนุ่มเองก็จัดทริปประจำปีและเข้าพักเช่นกัน จึงถือวิสาสะเดินเข้ามาหาทั้งๆ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง“ครับ...คุณแองจี้มาพักผ่อนหรือครับ”“ใช่ค่ะแองจี้มาพักผ่อนกับเพื่อนๆ เราสองคนไปนั่งดื่มกันตรงริมชายหาดดีไหมคะ ตรงนี้เสียงดังมากแองจี้แสบหูไปหมดแล้ว” แองจี้เอ่ยชวน แม้ปิลันธน์จะอยากปฏิเสธแต่เพราะเธอคือลูกค้ากระเป๋าหนักและคิดว่าไปคุยกันไม่นานก็คงแยกย้าย สุดท้ายชายหนุ่มจึงตอบรับคำเชิญนั้นรติชาหันไปเห็นจังหวะที่ปิลันธน์กำลังเดินออกไปกับผู้หญิงคนหนึ่งเข้าพอดี ซึ่งผู้หญิงคนนั้นสวยและเซ็
“ไม่อยากรู้ค่ะ”“แต่ผมอยากบอก” ปิลันธน์เงียบไปครู่หนึ่ง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะพูดความรู้สึกออกไปตอนนี้ดีไหมหรือรอจนกว่ารติชาสร่างเมาเสียก่อน แต่อีกใจก็อยากพูดให้มันหายอึดอัด “เพราะผมไม่ได้คิดอะไรกับเธอ”“บอสใจร้าย ไปหักอกผู้หญิงสวยๆ แบบนั้นได้ยังไง”“เพราะผมมีคนที่ชอบอยู่แล้ว เธอคนนั้นดูจริงใจไม่วางฟอร์ม ทำอะไรที่ผู้หญิงเขาไม่ทำกันตั้งหลายอย่างและที่สำคัญเธอไม่กลัวแมลง” ปิลันธน์สารภาพรักทางอ้อมกับรติชา แต่คนเมาก็แกล้งทำเป็นทิ้งตัวนอนหลับทั้งๆ ที่ใจนั้นเต้นแรงจนกลัวว่าบอสหนุ่มจะได้ยินปิลันธน์รู้ว่ารติชาได้ยินที่เขาพูดทุกคำอย่างชัดเจน แต่ในเมื่อเธอแกล้งหลับเพราะขัดเขินเขาจึงไม่อยากปลุกเธอขึ้นมา บอสหนุ่มใช้จังหวะนั้นนั่งมองใบหน้าที่แดงก่ำเพราะฤทธิ์เหล้าของคนตรงหน้า นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่เคยรู้สึกพิเศษกับผู้หญิงคนไหนเท่ารติชามาก่อนเธอกำลังทำให้หัวใจเขาเต้นด้วยจังหวะแปลกๆเธอกำลังทำให้ผู้ชายที่ไม่เคยคิดว่าจะรักใคร
ปิลันธน์อดไม่ได้ที่จะฝากรอยจูบไว้บนหัวไหล่มนของรติชานั่นก็เพื่อประทับตราความเป็นเจ้าของและไม่ได้มีแค่จุดเดียว น้ำเสียงยามที่เขาเอ่ยเรียกเธอนั้นแหบพร่าด้วยไฟปรารถนาอันเร่าร้อน ส่งผลให้แก่นกายส่วนล่างพองขยายจนปวดหนึบพร้อมกับพยายามดันตัวเองออกมาเพื่อผงาดนอกกางเกง“ผมต้องการคุณ” ปิลันธน์กระซิบบอกรติชาเสียแหบพร่า ก่อนจะหอมแก้มนุ่มๆ ที่แดงปลั่งของเธอหนักๆ รติชาเม้มริมฝีปากที่บวมเจ่อจากการจูบที่กินเวลายาวนานของตัวเองเล็กน้อย แววตาของเธอสั่นไหวอย่างขัดเขินก่อนจะพยักหน้ารับเพื่ออนุญาตให้เขาทำอย่างที่ใจนั้นต้องการคำอนุญาตของรติชาช่วยทำลายกำแพงความลังเลในใจของปิลันธน์ ชายหนุ่มผละออกจากเธอเล็กน้อยจากนั้นก็จัดการถอดเสื้อผ้าออกแล้วโยนมันทิ้งไปให้ห่างอย่างไม่สนใจ ร่างกายช่วงบนที่เต็มไปด้วยกล้ามของเขาช่างสวยงาม โดยเฉพาะซิกแพคลอนสวยนั่น แต่สิ่งที่สะดุดสายตาของรติชาจนทำให้เธอกลืนน้ำลายลงคอนั่นก็คือช่วงกลางลำตัวของบอสหนุ่ม แม้เขาจะยังสวมอันเดอร์แวร์อยู่แต่สิ่งนั้นก็ดุนเนื้อผ้าออกมาจนมองเห็นรูปร่างของมันได้อย่างชัดเจนรติชาส่ายศีรษะไปมาเพื่อไล่ภาพจินตนาการในหัวให้ออกไป
ปิลันธน์อดไม่ได้ที่จะฝากรอยจูบไว้บนหัวไหล่มนของรติชานั่นก็เพื่อประทับตราความเป็นเจ้าของและไม่ได้มีแค่จุดเดียว น้ำเสียงยามที่เขาเอ่ยเรียกเธอนั้นแหบพร่าด้วยไฟปรารถนาอันเร่าร้อน ส่งผลให้แก่นกายส่วนล่างพองขยายจนปวดหนึบพร้อมกับพยายามดันตัวเองออกมาเพื่อผงาดนอกกางเกง“ผมต้องการคุณ” ปิลันธน์กระซิบบอกรติชาเสียแหบพร่า ก่อนจะหอมแก้มนุ่มๆ ที่แดงปลั่งของเธอหนักๆ รติชาเม้มริมฝีปากที่บวมเจ่อจากการจูบที่กินเวลายาวนานของตัวเองเล็กน้อย แววตาของเธอสั่นไหวอย่างขัดเขินก่อนจะพยักหน้ารับเพื่ออนุญาตให้เขาทำอย่างที่ใจนั้นต้องการคำอนุญาตของรติชาช่วยทำลายกำแพงความลังเลในใจของปิลันธน์ ชายหนุ่มผละออกจากเธอเล็กน้อยจากนั้นก็จัดการถอดเสื้อผ้าออกแล้วโยนมันทิ้งไปให้ห่างอย่างไม่สนใจ ร่างกายช่วงบนที่เต็มไปด้วยกล้ามของเขาช่างสวยงาม โดยเฉพาะซิกแพคลอนสวยนั่น แต่สิ่งที่สะดุดสายตาของรติชาจนทำให้เธอกลืนน้ำลายลงคอนั่นก็คือช่วงกลางลำตัวของบอสหนุ่ม แม้เขาจะยังสวมอันเดอร์แวร์อยู่แต่สิ่งนั้นก็ดุนเนื้อผ้าออกมาจนมองเห็นรูปร่างของมันได้อย่างชัดเจนรติชาส่ายศีรษะไปมาเพื่อไล่ภาพจินตนาการในหัวให้ออกไป
“ไม่อยากรู้ค่ะ”“แต่ผมอยากบอก” ปิลันธน์เงียบไปครู่หนึ่ง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะพูดความรู้สึกออกไปตอนนี้ดีไหมหรือรอจนกว่ารติชาสร่างเมาเสียก่อน แต่อีกใจก็อยากพูดให้มันหายอึดอัด “เพราะผมไม่ได้คิดอะไรกับเธอ”“บอสใจร้าย ไปหักอกผู้หญิงสวยๆ แบบนั้นได้ยังไง”“เพราะผมมีคนที่ชอบอยู่แล้ว เธอคนนั้นดูจริงใจไม่วางฟอร์ม ทำอะไรที่ผู้หญิงเขาไม่ทำกันตั้งหลายอย่างและที่สำคัญเธอไม่กลัวแมลง” ปิลันธน์สารภาพรักทางอ้อมกับรติชา แต่คนเมาก็แกล้งทำเป็นทิ้งตัวนอนหลับทั้งๆ ที่ใจนั้นเต้นแรงจนกลัวว่าบอสหนุ่มจะได้ยินปิลันธน์รู้ว่ารติชาได้ยินที่เขาพูดทุกคำอย่างชัดเจน แต่ในเมื่อเธอแกล้งหลับเพราะขัดเขินเขาจึงไม่อยากปลุกเธอขึ้นมา บอสหนุ่มใช้จังหวะนั้นนั่งมองใบหน้าที่แดงก่ำเพราะฤทธิ์เหล้าของคนตรงหน้า นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่เคยรู้สึกพิเศษกับผู้หญิงคนไหนเท่ารติชามาก่อนเธอกำลังทำให้หัวใจเขาเต้นด้วยจังหวะแปลกๆเธอกำลังทำให้ผู้ชายที่ไม่เคยคิดว่าจะรักใคร
แต่ยิ่งเห็นว่าใครต่อใครให้ความสนใจเธอมากขึ้นปิลันธน์ก็เกิดอาการหวง พอหวงมากเข้าก็ดื่มเหล้าข่มอารมณ์ตัวเองไปหลายต่อหลายแก้วเช่นกัน ขณะที่หูก็พยายามฟังว่าโต๊ะของรติชากำลังคุยกันเรื่องอะไร แต่จู่ๆ ก็มีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาชนแก้วกับเขา“คุณแองจี้”“บังเอิญจังเลยนะคะ ที่เราได้เจอกันที่นี่” แองจี้คือหนึ่งในลูกค้าวีไอพีของปิลันธน์ เธอเองก็มาพักผ่อนที่รีสอร์ตแห่งนี้และบังเอิญรู้ว่าบริษัทชายหนุ่มเองก็จัดทริปประจำปีและเข้าพักเช่นกัน จึงถือวิสาสะเดินเข้ามาหาทั้งๆ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง“ครับ...คุณแองจี้มาพักผ่อนหรือครับ”“ใช่ค่ะแองจี้มาพักผ่อนกับเพื่อนๆ เราสองคนไปนั่งดื่มกันตรงริมชายหาดดีไหมคะ ตรงนี้เสียงดังมากแองจี้แสบหูไปหมดแล้ว” แองจี้เอ่ยชวน แม้ปิลันธน์จะอยากปฏิเสธแต่เพราะเธอคือลูกค้ากระเป๋าหนักและคิดว่าไปคุยกันไม่นานก็คงแยกย้าย สุดท้ายชายหนุ่มจึงตอบรับคำเชิญนั้นรติชาหันไปเห็นจังหวะที่ปิลันธน์กำลังเดินออกไปกับผู้หญิงคนหนึ่งเข้าพอดี ซึ่งผู้หญิงคนนั้นสวยและเซ็
“ขอบคุณค่ะ”“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับจากนั้นก็อาสาเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างให้ เมื่อเสร็จทั้งสองก็กลับเข้าการแข่งแรลลี่อีกครั้ง แม้ตอนนี้จะอยู่รั้งท้ายก็ตามแต่ดูเหมือนผลแพ้ชนะจะไม่สำคัญเท่ากับการได้รู้จักตัวตนของอีกฝ่าย ถึงอย่างนั้นปิลันธน์ก็ยังคงไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมาอย่างชัดเจน ส่วนรติชาก็ยังคงปกติไม่ได้แสดงท่าทางเชื้อเชิญใดๆ เช่นกัน ทั้งๆ ที่ในใจของทั้งคู่นั้นค่อยๆ เชื่อมเข้าหากันทีละนิดช่วงพักเบรกจู่ๆ รติชาก็เผลอมองหาปิลันธน์อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน พอรู้ว่าเขากำลังทำอะไรก็เอาแต่มองอยู่แบบนั้น กระทั่งส่ายหน้าไล่ความรู้สึกบ้าๆ ของตัวเองให้ออกไปจากสมองพร้อมคว้าโทรศัพท์ออกมากดโทรหาโสภิตา“ฉันว่าตัวเองต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ”“ไม่เพี้ยนหรอก แกกำลังปิ๊งบอสปิลันธน์อยู่ต่างหาก” คนโสดอีกหนึ่งคนเอ่ยอย่างรู้ใจรติชา เพื่อนสนิทเธอคนนี้เป็นพวกปากไม่ตรงกับใจสักเท่าไหร่หรือต่อให้รู้ใจตัวเองก็ยังต้องการกองหนุน“ไม่...หรอก...มั้งแก”
หนึ่งอาทิตย์ต่อมาทริปท่องเที่ยวของบริษัทก็เกิดขึ้น โดยครั้งนี้มีการแบ่งกลุ่มเพื่อแข่งแรลลี่หาผู้ชนะที่จะได้เงินรางวัลถึงหนึ่งแสนบาท รติชาลงชื่อเข้าร่วมแข่งอย่างไม่ลังเลแต่กลับไม่มีคนมาจับคู่กับเธอด้วยเหตุเกรงใจสายตาของบอสหนุ่ม นั่นจึงเปิดโอกาสให้ปิลันธน์ลงมาแจมแต่ก็วางฟอร์มว่าเขาไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่จุดสตาร์ทคือที่หน้าบริษัทส่วนจุดเริ่มต้นนั้นคือหน้าโรงแรมที่พัก โดยมีทั้งหมดสิบฐานและต้องเก็บแต้มแต่ละฐานให้ได้มากที่สุด รติชาจริงจังกับกิจกรรมทุกๆ ฐานเธอนึกสนุกแต่ไมได้หวังเงิน ส่วนปิลันธน์ก็ใจเย็นเป็นน้ำแข็ง บางจังหวะยังแกล้งขับรถหลงทาง“บอส”“มองผมแบบนั้นทำไม ผมไม่ได้ตั้งใจพาคุณหลงนะ” คนไม่ได้ตั้งใจรีบออกตัว รถวันนี้ที่เขาใช้คือรถสปอร์ตคันสวยคู่ใจที่รติชาเคยขับรถมาชนท้ายจนต้องส่งไปซ่อมนั่นเอง “ก็ฉันบอกแล้วนี่ค่ะว่าให้บอสเลี้ยวซ้ายๆ บอสจะเลี้ยวขวามาทำไม” จีพีเอสสาวหน้างอเพราะฉุนชายหนุ่มเล็กน้อย เธอนั่งมองแผนที่แบบกระดาษให้ปิลันธน์มาตลอดทางจนตาล้าไปหมด เพราะการแข่งแรลลี่ครั้งนี้ห้ามใช้จีพีเอสจากโทรศัพท์มือถือหรือที่ติดมาในรถยนต์อย่างเด็ดขาด“ผมขอโทษๆ เดี๋ยวกลับรถให้” ปิลันธน์เอ่ยบอกอ
ในขณะที่ปิลันธน์เองก็คิดแบบเดียวกับเธอ บอสหนุ่มนั่งจิบวิสกี้ไปด้วยพร้อมกับคิดเรื่องตัวเอง ความรู้สึกที่เขามีให้รติชามันอาจเกิดขึ้นเพียงแค่ฝ่ายเดียว ที่คิดแบบนั้นเพราะเท่าที่ได้ทำงานด้วยกันหรือจังหวะที่มีโอกาสได้ไปไหนมาไหนนอกเหนือจากเวลางานตามลำพัง เขามองไม่ออกจริงๆ ว่ารติชารู้สึกอะไรกับเขาแต่เพราะเธอเป็นแบบนั้นเขาจึงยิ่งต้องใจเย็น ไม่บุ่มบ่ามจนทำให้เธอระแวงก่อนครบสามเดือนมีโปรเจกต์ใหญ่ที่รติชาต้องรับผิดชอบ นั่นคือทริปท่องเที่ยวประจำปีของบริษัท โดยก่อนลาคลอดอรสาทำไว้แล้วบางส่วนรติชาจึงเข้ามาสานต่อให้ลุล่วง ทางปิลันธน์ยกให้เธอเป็นแม่งานซึ่งตัวรติชาเองก็อยากใช้โปรเจกต์นี้ส่งท้ายการทำงานที่นี่เช่นกัน บอสหนุ่มรู้ว่าเหลือเวลาที่ตัวเองจะได้ทำงานกับเลขาอย่างรติชาอีกไม่นาน แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรหากจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปในทิศทางอื่น สิ่งเดียวที่เขากังวลตอนนี้คือเธอยังคงยืนกรานที่จะไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศ โปรเจกต์ส่งท้ายทำให้ตารางงานชีวิตของรติชาค่อนข้างยุ่ง เพราะอยากทำให้พนักงานเกือบร้อยชีวิตประทับใจ หัวหน้าแผนกทุกคนต่างเสนอแนะกิจกรรมที่พวกเขาอยากทำ บางอย่างก็ได้รับการอนุมัติแต่บางอย่างก็ถูก
ทุกวันทำงานของรติชาช่างมีอะไรให้ทำและลุ้นตลอดเวลา บางวันต้องออกไปประชุมกับปิลันธน์ที่กินเวลาแทบทั้งวัน บางวันก็ว่างจนนั่งตบยุงรองาน บางวันก็ต้องจับเจ้าตั๊กแตนตำข้าวที่แอบเข้ามาในห้องทำงานของชายหนุ่มไปปล่อย รติชามองออกว่ามันคนละตัวกันซึ่งไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมมันถึงขยันเข้ามากันนักพอนั่งนับนิ้วดูแล้วเธอก็ทำงานที่นี่มาเกือบสองเดือน เวลามันผ่านไปเร็วจนรติชาเองยังนึกใจหายและพลอยทำให้คิดถึงเพื่อนรุ่นพี่ขึ้นมา หลังเลิกงานวันนั้นเธอจึงเข้าไปเยี่ยมอรสาที่บ้าน แม้ก่อนหน้าจะโทรคุยโทรถามไถ่กันตลอดแต่ก็ไม่เท่ากับการได้เจอตัวจริง“สวัสดีค่ะน้องอุ่น” รติชาเอ่ยทักทายหลานสาวตัวน้อยที่ตอนนี้อ้อแอ้อยากพูดอยากคุยกับทุกๆ คนไปหมด “อ้อแอ้แบบนี้อยากคุยกับพี่เหรอคะ” คำแทนตัวเองว่าพี่ของรติชาทำให้คุณแม่มือใหม่อย่างอรสาหัวเราะออกมา เพราะดูเหมือนใครๆ ก็อยากเป็นพี่ของลูกสาวเธอ“ชีวิตตอนนี้เป็นไงบ้างปิ่น”“เรื่อยๆ ค่ะ ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน ซึ่งบอสก็ยังเป็นบอส เยอะแยะเรื่องงานสารพัด”“นั่นแหละคือคุณปิลันธน์”“แต่เพราะเขาเป๊ะและเยอะแบบนั้นมั้งคะธุรกิจถึงได้โตวันโตคืน”“ใช่จ้ะ กว่าจะมีวันนี้บอสก็เริ่มทุกอย่างม
“อืม...ไม่น่าจะใช่นะคะ แต่ฉันขอหาข้อมูลก่อน” เอ่ยบอกเสร็จรติชาก็เอาสีและลายของงูที่ตอนนี้ตายแล้วไปเสิร์ชหาชื่อมันในอินเตอร์เน็ต หาไปหามาจึงรู้ว่ามันคืองูเขียวพระอินทร์ “งูเขียวพระอินทร์ค่ะ มีพิษแต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงมาก” “ชื่อเพราะแต่ไม่น่าคบสักเท่าไหร่” คำพูดของปิลันธน์ทำให้รติชาหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่เธอจะหันไปจัดการฝังซากงูให้เรียบร้อย ท่าทางจับพลั่วขุดดินของเธอมันอิมแพคเข้าที่หัวใจของบอสหนุ่มอย่างจัง ให้ตายสิทำไมเขาต้องแพ้ทางผู้หญิงแบบนี้ด้วยเมื่อฝังงูเสร็จรติชาก็ยืนเท้าสะเอวมองแถวต้นไทรเกาหลีที่ปลูกไว้ริมรั้วบ้านของปิลันธน์ เพราะทุกต้นใบของมันร่วงจนเกือบหมดแล้วที่ไม่ร่วงก็เหลืองรอวันร่วงโรยเช่นกัน“บอสให้คนมาดูสวนบ้างหรือเปล่าคะ”“เปล่าครับ ทำไม”“ต้นไทรเกาหลีมันกำลังจะตายนะคะ”“ไทรเกาหลีคือต้นไหนครับ” ปิลันธน์เอ่ยถามอย่างงุนงงเพราะวันๆ เขานั้นทำแต่งานจึงไม่มีเวลาสนใจเรื่องต้นไม้รอบๆ บ้านสักเท่าไหร่ “ต้นที่บอสปลูกไว้ติดรั้วพวกนี้ไงคะ” รติชาชี้นิ้วไปยังต้นไม้ที่ว่า “อ้อ...ต้นที่ทางโครงการให้มาตอนซื้อบ้าน งั้นพรุ่งนี้เช้าคุณปิ่นไปช่วยผมเลือกต้นไม้ได้ไหมครับ พอดีผมไม่มีความรู้เรื่
“เรียกแล้วแต่กู้ภัยบอกจะมาจับให้ก็ตอนที่ผมเห็นตัวงูแล้ว” นั่นคือสิ่งที่บอสหนุ่มได้หลังจากคุยกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเขาก็พอเข้าใจได้ “อ้าว! ต้องเจองูก่อนด้วยเหรอถึงจะมาช่วย แล้วถ้าหาไม่เจอไม่ต้องอยู่กับงูไปตลอดหรือไง แล้วรปภ.หมู่บ้านละคะ บอสบอกไปหรือยัง” ก่อนจะถามถึงรปภ.หมู่บ้านรติชาก็บ่นเรื่องกู้ภัยยาวเหยียด “บอกแล้วครับแต่คงมาไม่ได้เพราะท้องเสียหนัก”“เอ่อ...งั้นบอสรอก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันไปช่วยหางู” เอ่ยบอกเสร็จรติชาก็วางสายจากปิลันธน์ทันที จากนั้นก็คว้ากระเป๋าและกุญแจรถมาไว้ในมือ รีบรุดไปยังรถที่จอดอยู่ในชั้นห้าของคอนโดมิเนียมเมื่อมาถึงก็บึ่งไปหาชายหนุ่มอย่างไม่ลังเล ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรถของรติชาก็จอดเทียบอยู่ข้างๆ รั้วบ้านของปิลันธน์ “งูยังอยู่ในบ้านไหมคะ” ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่วันนี้อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนสบายๆ สวมรองเท้าแตะสีชมพูเอ่ยถามผู้ชายตัวโตกว่าขึ้นอย่างมาดแมน พร้อมกับรวบผมขึ้นแล้วมัดไว้ตรงหลังศีรษะ สีหน้าจริงจัง“อยู่ครับ” เจ้าบ้านเอ่ยบอกเพราะทันทีที่เห็นงูเลื้อยเข้าไปภายในบ้านเขาก็รีบออกมาแล้วปิดประตูหน้าต่างทุกบานเพื่อขังมันไว้ข้างในเพื่อรอคนมาจับออกไป รติชาอดที่จะขำสีหน้าที