“ของข้าใช่ไหม ถุงหอมอันนี้เป็นของข้าใช่ไหม”หลินฮวาพยักหน้าอายๆ“สวยที่สุด แถมยังหอมอีกด้วย” ยกถุงหอมขึ้นมาตรงหน้าสูดดมฟอดใหญ่ ก่อนจะเลยไปหาแก้มเนียน“ต้าหวัง อายพวกนาง”สาวใช้สองคนก้มหน้าอมยิ้มก่อนจะรีบออกไปจากตรงนั้น“เห็นไหมพวกนางรู้ว่าเจ้าอายเปิดโอกาสให้เราสองคนแล้ว”“เข้าข้างตัวเอง”“ก็ข้ารักของข้า เจ้าเป็นคนเดียวที่เย็บถุงหอมให้ข้า ดีใจเหลือเกินเจ้าเองก็มีใจให้ข้า”“หากไม่มีใจจะยอมให้...กอดรัดอยู่อย่างนี้หรือ แต่หลินฮวาได้ยินว่าถุงหอมอันเก่าของต้าหวังเป็นของ... ชายาเอก”เจิ้งจินเทาจับถุงหอมข้างเอวขึ้นมาดูรู้ในทันทีว่าซูเยี่ยนสร้างเรื่องให้อีกแล้ว“เจ้าเชื่อนางอย่างนั้นหรือ”“ก็...ต้าหวังมีถุงหอมติดตัวเพียงอันเดียว”เจิ้งจินเทายิ้ม“ถุงหอมอันนี้เป็นของเก่าของเสด็จแม่ข้า ตั้งแต่นางยังมีชีวิตอยู่ของชิ้นนี้เป็นเหมือนเครื่องรางเพราะฝ่าบาทเพิ่งจะมอบให้ข้าตอนข้าไปรบ”หลินฮวายิ้มออกมาทันที“ข้ามีอันใหม่แล้ว เอาของเจ้าพกติดตัวส่วนถุงหอมชิ้นนี้ข้ามอบให้เจ้า ไว้ปกป้องคุ้มครองหวางเฟยของข้าจะดีกว่า”ปลดถุงหอมอันเก่าออก เอาถุงหอมที่แสนจะขี้เหร่ของหลินฮวาแขวนไว้แทน หลินฮวาปิดปากขำในเมื่อถุงหอมของห
หมู่บ้านกลางหุบเขา“แผนการของเรา เปลี่ยนไปแล้วอย่างไรเสียข้าก็ต้องเดินทางไปวังหลวงอยู่ดี เสี่ยวจงดูแลชายารองของข้าให้ดีที่สุด”หลินฮวาในมือกำกระบี่แน่น ซูเยี่ยนยืนรีรออยู่ด้านหลัง“ข้าไปด้วย”น้ำเสียงออดอ้อน เจิ้งจินเทายิ้มด้วยความเอ็นดู“หลินฮวาน้อยแม้จะเคยรบทัพมาไม่น้อย แต่รู้ไหมว่าตอนนี้เป็นชายาคนเดียวที่ข้ารักที่สุดข้าไม่มีทางให้เจ้าไปเผชิญความลำบากอย่างแน่นอน”“แต่ หลินฮวาก็มีวรยุทธ์อีกทั้งตามท่านพ่อออกรบมาก็ไม่น้อย เรื่องลำบากเพียงแค่นี้”“ให้ข้าเป็นคนจัดการ เจ้ารอฟังข่าวดีอยู่ที่นี่เสี่ยวจงกับท่านฟางจะดูแลเจ้าอย่างดี” ท่านฟางพยักหน้าไปมา“แต่ หลินฮวาเป็นห่วงท่าน”คว้าถุงหอมที่แขวนที่เอวให้หลินฮวาดู“มีถุงหอมของเจ้าคอยปกป้องข้าไม่เป็นไร”เสี่ยวจงกับหานห้าวตงเบิกตากว้างขำกับถุงหอมที่ลวดลายบิดเบี้ยวนั้น ไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างเจิ้งจินเทาจะยอมแขวนถุงหอมที่ไม่มีความสวยงามแม้แต่น้อย“แต่ หลินฮวา”“มีแต่ชายารองผู้ดื้อดึง เชื่อฟังข้าสักนิดข้าเป็นห่วงเจ้าอีกอย่างหากพาเจ้าไปด้วยเกรงว่าห่วงหน้าพะวงหลังอาจทำการไม่สำเร็จ หากคิดถึงข้าเพียงแค่นั่งเย็บถุงหอมอีกหลายใบหน่อย เพื่อข้า”หลินฮวาทำหน้
“ข้าเอง ในวันนั้นหลังจากที่เราทั้งสามร่วมวงเสวยเย็นกันเสร็จ ต้าหวังก็ส่งหลินฮวากลับห้องของนาง ข้ายังนั่งอยู่ด้านนอก ไท่จือลุกลี้ลุกลนถามหาหลินฮวา เพียงแค่มองด้วยหางตาข้าก็รู้ว่าเขามีเรื่องสำคัญ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะบอกกล่าวเรื่องราวใดใดลูกศรก็พุ่งออกมาเสียบทะลุยอดอกของไท่จือล้มลงตรงหน้าเสียงองครักษ์ตะโกนให้จับตัวเจิ้งจินเทาและท่านอ๋องเก้าก็พาทหารเข้ามาจับตัวข้าและพาหมอหลวงมาตรวจดูอาการของไท่จือ เรื่องทั้งหมดที่ข้าเล่ามาเป็นความสัจจริง”“ท่านไม่เห็นคนยิงธนูเช่นนั้นหรือ”“ตอนนั้น ท้องฟ้าเริ่มมืดมิดเช่นไรจะได้เห็นตัวคนร้าย มีเพียงสีหน้าเป็นกังวลของไท่จือเท่านั้นที่ข้าสัมผัสได้ว่าไท่จือต้องไปรับรู้เรื่องราวที่ไม่อาจบอกใครได้ ซึ่งหมายถึงความเป็นความตาย”เจิ้งลี่เฉิง ยกมือขึ้นกุมขมับ“ฝ่าบาทข้าเชื่อว่าด้วยพระปรีชาต้องสืบหาข้อเท็จจริงได้แน่นอน”เจิ้งลี่เฉิงลุกขึ้นยืน“แล้วทำไมท่านไม่หนีไปเสียในทีแรก”“การหนีอาจทำให้ข้าไม่อาจรักษาชีวิตไว้ได้ทางที่ดีอยู่ที่นี่รอความจริงปรากฏข้าเชื่อว่าสวรรค์มีตา เพียงแค่อยู่ที่นี่ไม่ปริปากเสียย่อมไม่เกิดอันตราย”“แล้วบอกข้าเช่นนี้ไม่กลัวอันตรายหรือไร”“ข้าเชื่อว่
“รอให้ฟ้ามืดคนของเราอีกหลายคนจะมาสมทบ ถึงตอนนั้นค่อยเข้าไปในวังหลวง”“ฝ่าบาทเองก็น่าเป็นห่วงไม่น้อยแต่ตราบใดที่ฝ่าบาทยังแสร้งทำไม่รู้หรือไม่รู้เรื่องราวความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจริงๆ ก็ยังจะปลอดภัย ข้าไตร่ตรองมาหลายคืนว่าสมควรจะพาฝ่าบาทออกมาด้วยแต่ หากทิ้งบัลลังก์นั่นมาเสียเกรงว่า พวกเขาจะยิ่งมีอำนาจมากขึ้นเช่นนั้นฝ่าบาทไว้เป็น เรื่องที่ต้องคิดกันอีกที”“ต้าหวัง ทรงภักดีต่อฝ่าบาทอย่างหาที่สุดแม้กระทั่งถูกสั่งให้ตามล่าตัวต้าหวังยังห่วงใยฝ่าบาท หานห้าวตงคิดว่าฝ่าบาทเองก็คง ได้มีโอกาสไตร่ตรองและจะพบความจริงในไม่ช้า”"ข้าหวังเช่นนั้น คนชั่วอยู่ใกล้ตัวฝ่าบาท ข้ากลัวเหลือเกินว่าข้าจะช้าไปอีก”หมู่บ้านกลางหุบเขา“น้องหลินพี่ ว่าเจ้าอยู่รอต้าหวังแบบนี้คงเบื่อแย่”ซูเยี่ยนพูดขึ้นเมื่ออยู่เพียงลำพัง“ข้าก็เบื่อแต่สองสามวันมานี้รู้สึกแย่ เรี่ยวแรงไม่ค่อยมีอีกทั้งกินอะไรก็ไม่รู้สึกว่าจะถูกปาก”ซูเยี่ยนขมวดคิ้ว“เจ้าบอกเรื่องนี้กับต้าหวังหรือไม่”หลินฮวาส่ายหน้าไปมา“ต้าหวังก่อนหน้านั้นเคร่งเครียดกับเรื่องที่จะกลับไปวังหลวงข้าจึง...ไม่อาจรบกวนเขา”ซูเยี่ยนยิ้มในหน้า“ข้ามียาดี กินแล้วช่วยบำรุงร่างกาย
ประตูในตำหนักชิงหนิงกงเปิดออกเจิ้งจินเทายืนนิ่งเหล่าขันทีนางกำนัลพากันหลบ"ต้าหวัง ทำเช่นนี้ไม่ส่งผลดี"อิงเผยฮองเฮาพูดเบาๆ"ข้ามารับตัวไท่จือฮองเฮาหลบไปเสีย"ย่างสามขุมเข้าหา“ข้าดูแลไท่จืออยู่ท่านเป็นคนที่คิดสังหารเขา ยังจะมาชิงตัวเขาอีก คิดว่ามีกี่หัวจึงจะพอให้ตัด”ยืนกางมือขว้าง ร่างสงบแน่นิ่งของไท่จือ“ทุกอย่างเป็นฮองเฮาที่รู้อยู่แก่ใจ ข้าไม่เกรงใจแล้ว”ชักกระบี่ออกจี้ที่คอหอยของฮองเฮา“กราบทูลฝ่าบาทเรียก องครักษ์คุ้มกันฮองเฮา มีผู้คิดสังหารฮองเฮา”เสียงขันทีตะโกนสั่งการ"องครักษ์จับตัวเจิ้งจินเทาเขาจะทำร้ายข้า"น้ำเสียงหวาดกลัวเต็มที่ เมื่อกระบี่จี้ที่คอหอย เจิ้งจินเทาหอบเอาร่างไร้สติของไท่จือไว้ในมือ"ทหาร... องครักษ์อย่าปล่อยเขาไป"เบื้องหน้านั้นทหารและองครักษ์นับสิบกระบี่ในมือฟาดฟันห่ำหั่น หารห้าวตงกับต้วนเจี้ยนหลินตามมาสมทบกลายเป็นเหนือกว่าขึ้นมาทันที"ทหาร พวกเจ้าไร้ความสามารถกันเพียงนี้เชียวหรือ อย่าให้ต้าหวังรอดไปได้"เสียงสั่งรัวเร็วด้วยความโมโหที่เหล่าทหารล้วนล้มตายดังใบไม่ร่วง"ต้าหวังอยู่นานไม่ได้แล้วท่านกับท่านต้วนรีบหนีไปก่อนพาไท่จือออกนอกเขตวังหลวงเสียส่วนทางนี้ข้าหลอกล่
หมู่บ้านกลางหุบเขาซูเยี่ยนยกถ้วยยาที่มีควันลอยอ้อยอิ่งเข้ามาข้างใน หลินฮวานั่งคลุมผ้าอยู่บนแท่นนอน“น้องหลิน ยาบำรุงที่ข้าเคยบอกไว้ โชคดีเหลือเกินเมื่อวานข้าเข้าป่าเก็บสมุนไพรที่ต้องการมาจนครบไม่น่าเชื่อว่าหุบเขาแห่งนี้จะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสมุนไพร เจ้ารีบดื่มกำลังร้อนๆ”หลินฮวารับถ้วยยามาถือไว้ก่อนจะจรดที่ริมฝีปากซูเยี่ยนมองตาไม่กะพริบทำท่ากลืนน้ำลงคอทั้งๆ ที่แอบเทลงบนถ้วยที่วางไว้ข้างกายชายเสื้อช่วยปิดบังไว้จนสิ้น เสี่ยวจงอมยิ้มไม่เสียทีที่ฝึกกันเสียนาน ยาที่ได้จะถูกส่งไปให้ท่านฟางตรวจดูว่ามีส่วนผสมของสิ่งใดบ้าง เพื่อจะได้รู้เจตนาของซูเยี่ยน“น้องหลินเก่งเสียจริงยามีรสขม และฝาดเผื่อนแต่น้องหลินกับกินมันเข้าไปง่ายดาย”“ข้า เดิมอยู่แต่ในสนามรบเรื่องยากับการรบพุ่งมักเป็นของคู่กันบาดแผลในการรบล้วนต้องดื่มยาเป็นอาจิณ”ซูเยี่ยนยิ้มหวาน“ดีแล้วยานี้จะช่วยให้เลือดลมของเจ้าเป็นปกติอีกทั้งยังกลับมากินมานอนได้เหมือนเดิม”เสี่ยวจงยิ้มบางๆ ซูเยี่ยนนวยนาดออกไปแล้ว“นำยานี่ไปให้ท่านฟางหาส่วนผสมของมัน”เสี่ยวจงรีบมารับถ้วยยาแล้วรับคำก่อนจะก้าวขาออกไป"เตรียมตัวพร้อมหรือยัง"หูซื่อเย่ถามคนของเขา"ท่านอ๋อง
“ ข้าอยู่ข้างไท่จือกับฝ่าบาทเสมอมา”“ฮองเฮา กับอาเก้า”เหลือบตามองปฏิกิริยาของเจิ้งจินเทา สีหน้ายังไม่วางใจเท่าที่ควรด้วยอ๋องเก้าเองก็เป็นพี่น้องกับเจิ้งจินเทา“อาเล็กรู้แล้วใช่ไหม”เจิ้งจินเทายิ้มบางๆ พยักหน้าช้าๆ“แล้วทำไมไม่บอกเสด็จพ่อ”“เรื่องบางเรื่องที่ไม่บอกไม่ใช่ว่าข้าไม่หวังดี ทว่าการที่จะให้ใครบางคนที่ข้ารักต้องเจ็บช้ำใจจากคนที่เขารักและไว้ใจ ข้าไม่กล้าที่จะให้เขาต้องพบเจอมัน ในเมื่อเขามีความสุขในขณะนั้นไม่จำเป็นต้องให้เขามารับรู้หากว่าคนผู้นั้นไม่ได้สร้างความเดือดร้อนอะไรให้กับข้า”“อาเล็ก เพราะท่านคิดแบบนี้ใช่ไหมพวกเราทั้งหมดจึงต้องมาอยู่ที่นี่”น้ำเสียงตัดพ้อ“ไท่จือ ที่ต้าหวังไม่บอกฝ่าบาทเพราะว่าไม่อยากให้ฝ่าบาทไม่สบายใจต้าหวังหวังดีกับฝ่าบาท บอกไปคิดว่าฝ่าบาทยังยอมเชื่อง่ายดายหรือนั่นยิ่งอาจนำภัยมาสุ่ตัวเหมือนที่ท่านทำไปแล้วอย่างไรเล่า ฮองเฮาเป้นที่รักใคร่ของฝ่าบาท ความลับไม่มีในโลกสักวันฝ่าบาทก็จะได้รับรู้”ต้วนเจี้ยนหลิน เข้าใจในสิ่งที่เจิ้งจินเทาพยายามจะบอกไท่จือ“ข้าผิดเองคิดไมถึงว่าเจ้าเก้าจะกล้าขนาดนี้ กล้าแม้กระทั่งลอบสังหารไท่จือโยนความผิดให้กับข้า”"อาเล็กต้องจัดก
หลินฮวานั่งอยู่บนคาคบไม้สูงลิบ เสี่ยวจงวิ่งออกมาจาป่ารก“ชายารอง มีคนมาทางนี้”ดวงตาตื่นตระหนก หลินฮวากระโดดลงจากคาคบไม้วิ่งเข้าไปในป่ารกทึบ หมอบลงกับพื้นข้างๆ เสี่ยวจง“ใครกัน”กระซิบเบาสุดเบา“ท่านอ๋องเก้าแน่นอน นี่เป็นคนของท่านอ๋องเก้าทั้งหมด คงไปตามหาต้าหวังที่หมู่บ้านกลางหุบเขาเป็นแน่” หลินฮวาทำสีหน้าตกใจ“อย่างนั้นเราต้องรีบกลับไปที่หมู่บ้านกันแล้วที่นั่นคงราบเป็นกองไปแล้ว”เสี่ยวจงดึงไว้“ชายารองท่านต้องอยู่นิ่งๆ ก่อน สักประเดี๋ยวหากท่านเก้าพบท่านอาจได้โอกาสจับตัวท่านไปต่อรองกับต้าหวัง”หลินฮวานิ่งคิดยอมอยู่นิ่งๆ ไม่ขยับตัวจนกระทั่ง ทัพของหูซือเย่ผ่านไปหลินฮวาถอนหายใจอย่างโล่งอก“เสี่ยวจง เราตามพวกมันไปดีไหม”“ชายารอง เสี่ยวจงเป็นห่วงกลัวว่าเราสองคนจะพลาดท่า”“ข้าหลินฮวา ออกรบมากับท่านพ่อบ่อยครั้งรับรองเรื่องกลยุทธ์ไม่เป็นรองใคร”“แต่ ชายารองท่าน ไตร่ตรองให้ดีข้าเกรงว่าหากถูกจับไม่สู้เราเร่งเดินทางไปหาต้าหวังบอกเล่าเรื่องราวที่เราพบ ท่านเก้าให้ต้าหวังฟังเพื่อหาทางรับมือ”หลินฮวาคิดตาม“แล้วเราจะล่วงหน้าไปได้อย่างไรในเมื่อพวกเขานำเราหากเราเร่งเดินทางเกรงว่าจะถูกพบเจอ”“เชื่อใจเสี่ย
“ท่านอา ท่านอาหญิงท่านสองคนจะไปจริงๆหรือ”เจิ้งลี่กังสีหน้าเศร้าสร้อยเดินมาส่งจ้งจินเทากับหลินฮวาที่หน้าประตูวัง เสี่ยวจงยืนรีรออยู่ด้านหน้าเกี้ยวหานห้าวตงยืนม้าคอย“ไม่ได้ไปไหน จวนฤดูร้อนของเราอยู่ห่างไปไม่ถึงร้อยลี้ด้วยซ้ำไป”“ท่านอาเล็ก ข้าจะต้องคิดถึงท่านทั้งสองมากแน่ๆ เสด็จพ่อบอกข้าว่าไม่อาจขัดเจตจำนงของท่านอา แต่ข้าเห็นว่าถึงจะไม่มีสงครามแต่ท่านอาก็ยังเป็นแม่ทัพของเราเช่นนั้นควรจะรั้งอยู่ที่นี่ข้าจึงจะสบายใจไม่ต้องกังวลสิ่งใด”“ขอบพระทัยฝ่าบาทยิ่งแล้วข้ากับ ชายาตั้งใจใช้ชีวิตสงบสุขที่นั่น ให้หลินฮวาคลอดอ๋องน้อยอย่างสบายใจครั้งนี้จึงถือว่าพาหวางเฟยไปหย่อนใจ ไท่จือท่านจไม่ต้องกังวลมีอะไรก็ส่งม้าเร็วไปเจิ้งจินเทารับรองจะมาถึงนี่อย่าทันท่วงทีครั้งนี้ข้าได้ให้หานห้าวตงคอยรั้งอยู่ที่จวนอ๋องไร้พ่ายเพื่อคอยอารักขาไท่จือและฝ่าบาท และท่านพ่อภรรยาอีกชั้น” ยกมือขึ้นโอบรอบเอวอวบของหลินฮวาตั้งใจพาหลินฮวาไปพักผ่อนที่จวนริมน้ำเพื่อหาเวลาอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง“ไอ้เรื่องความปลอดภัยข้าไม่ห่วงในเมื่อบ้านมืองสงบสุขเพียงนี้ นั่นก็เพราะท่านอาที่ปูทางมาตลอดมาวันนี้ข้าห่วงคือเรื่องที่ข้าจะเหงา หากว่าท่า
เจ้าอย่าใจร้ายกับข้านักเลย“ท่านอาเล็กกกกกก”เจิ้งจินเทาเลิกคิ้วสูงเจิ้งลี่กังเท้าคางตรงหน้าบนโต๊ะร่างอักษรของเจิ้งจินเทา“ว่าอย่างไรไท่จือ” เสี่ยวจงรีบรินชา เจิ้งจินเทาวางพู่กันลงกอดอกหันมาสนใจเจิ้งลี่กัง“คือข้าได้ยินมาว่า ว่าที่ชายาของท่านอา อือของอาเล็ก นางมีเวทย์มนตร์”เจิ้งจินเทาเลิกคิ้วสูงหานห้าวตงก้าวขาเข้ามาข้างใน ได้ยินประโยคสุดท้ายพอดีถึงกับขมวดคิ้ว“วันนี้ข้าเลย นำสิ่งนี้มามอบให้กับท่านอา”ยิ้มกว้างสดใส ในทุกครั้งที่อยากเอาใจเจิ้งจินเทา ยังๆไม่ยอมแพ้จากน้ำศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้ยังไปที่วิหารเทียมฟ้าไปขอวัตถุมงคลมาให้กับเจิ้งจินเทาได้อีก“หมายความว่าอย่างไรเจ้าจะให้ข้าเอาสายสร้อยเส้นนี้ไป ทำอะไร”เจิ้งจินเทาเองก้ขมวดคิ้ว“ก็ว่าที่อาสะใภ้ของข้า นางมีเวทย์มนตร์เปลี่ยนท่านอาเล้กได้เพียงนี้และข้าไปเสาะแสวงหาสิ่งนี้มาเพื่อท่านมีเพียงสร้อยเส้นนี้เท่านั้นที่จะ..ต่อกรกับชายาของท่านข้าเห็นท่านอาเป็นแบบนี้แล้ว ข้าไม่สบายใจท่านแต่ไหนแต่ไรหญิงงามแค่ไหนก็ไม่เคยชายตามองแต่มาวันนี้กลับเปลี่ยนไป หากไม่ใช่ เวทย์หรือมนตร์ดำแล้วจะเป็นสิ่งใดได้”หานห้าวตงถึงกับปิดปากขำ“ต้าหวางไท่จือดั้นก้นไปถึงวิห
ทำอย่างไรให้เจ้าหันมอง“เสี่ยว จงเก็บเครื่องเสวยเหล่านี้กลับไปเสีย”“เอ่อ เอ่อต้าหวางจะไม่รอ เอ่อ คุณหนูหลินฮวาอีกสักครู่หรือไร”เจิ้งจินเทาถอนหายใจ“ไม่ข้ากำลังจะออกไปแล้วตอนนี้งานราชสำนักกำลังเร่งรัดข้าไม่อาจรอได้หากนางมาก็ให้นางเสวยเพียงลำพังบอกว่าข้าออกไปที่วังหลวงเสียแล้ว”“แต่ แต่ต้าหวาง ท่านก็อย่าใจร้ายกับคุณหนูให้มากอีกหน่อยก็จะแต่งนางแล้ว เอาใจนางหน่อยจะดีไหม ที่นางไที่ตำหนักบุรพาเพราะไท่จือเป้นคนที่เอาใจเก่งแล้วนางก็สำนึกผิดแล้วยอมคุกเข่าแต่ท่านอ๋องท่านเองก็ทำเกินไปหน่อยหักหาญน้ำใจคุณหนูเพียงนั้น....”เจิ้งจินเทาเลิกคิ้วสูง“เสี่ยวจงเจ้าจงใจว่าข้าว่าข้าไม่เข้าใจการเอาใจหญิงงามอย่างนั้นหรือ แล้วเจ้ายังแอบดูสิ่งที่ข้าทำกับคุณหนูของเจ้าอย่างนั้นหรือ"คิดถึงรสจูบหวานหอมเมื่อวานหากหลินฮวานางจะยินดีให้เขาจูบรสจูบจะหวานกว่านี้สักกี่เท่ากัน แต่ดูนางเขาสิเห็นเขาเป็นศัตรูตลอดมา“เสี่ยวจงมิบังอาจ แต่เสี่ยวจงอยากจะบอกท่านอ๋องว่าคุณหนูหลินฮวานางยังเด็กเพิ่งจะสิบห้าแล้ว แล้วไท่จือก็อายุไม่อ่อนแก่กว่ากันเท่าไหร่ ฉะนั้นสองคนอาจสนิทสนมกันได้ไม่ยาก ท่านอ๋องท่านก็แค่เอาใจคุณหนูหลินฮวาหน่อยหากว่า
“ไหนว่าเราเข้ามาอยู่ในฐานะแขก ท่านพ่อ เห้นไหมเขา ให้ลูกอดข้าว”“หลินอวาเราในฐานะเชลย ตอนนี้เจ้ากำลังจะเป็นบรรณาการของเขาเช่นนั้นคำพูดของต้าหวางเจ้าต้องคอยเชื่อฟังให้มากไม่มีเขาจึงไม่มีเราในวันนี้”“ท่านพ่อท่านพูดแบบนี้คนแบบนั้นจึงได้ใจ”“หุบปากเจ้าเสียหลินฮวา”เจิ้งจินเทาเดินเอามือไพล่หลังเข้ามาบริเวณที่พำนักที่ร่มรื่นสงบของหลินฮวาและต้วนเจี้ยนหลิน“ต้าหวาง”หลินฮวาย่อกาย แล้วเดินหลบเข้าข้างในเสียเชอะทำเหมือนว่าไม่ได้ยินในสิ่งที่หลินฮวานิาทาเขาไว้ ต่อหน้าท่านพ่อของหลินฮวาเป็นเทพสงครามที่องอาจไม่มีให้เสียหน้า“ท่านแม่ทัพ”ประสานมือนอบน้อม หลินฮวาถอนหายใจ คนผู้นี้แสดงกิริยาต่อหน้าบิดาของหลินอวาเสียดิบดีมิน่าเล่าท่านพ่อเลยไม่เคยมองเขาในด้านไม่ดี“เกรงใจไปล้วต้าหวางข้าก็เพียงแค่แม่ทัพที่ไร้ทัพต้าหวางมีสิ่งใดให้รับใช้เชิญว่ามา”เจิ้งจินเทายิ้มบางๆ“ก็…แค่อยากจะแวะมาถามสารทุกข์สุขดิบว่าทั้งต้วนไม่สิ ท่านต้วนหับบุตรีของท่าน อยู่ที่นี่สบายดีหรือไม่”หลินหิวที่นั่งหลบอยุ่ในบ้านขมวดคิ้ว“เรื่องแค่นี้ถึงกับต้องแวะมาเชียวหรือ”สายตาบอกว่าไม่อยากจะเชื่อหลินฮวาเองก้ไำม่เชื่อในสิ่งที่เจิ้งจินเทาพูดมา“อ
“ท่านอาเก้าท่านเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่”“แล้วไท่จือเล่าเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่อย่าบอกนะว่าเราสองคนใจตรงกันมาเพื่อว่าที่ชายาของพี่แปดเหมือนกัน”ไข้าต่างกับท่าน”ปกปิดสิ่งที่ซ่อนไว้ก็เสี่ยวจงบอกเขาว่าวันนี้คุณหนูต้วนจะเข้ามาพบฮองเอาตามพระบรรชาหากอยากพบนางจะต้องมาที่นี่ไม่น่าเชื่อว่าจะพบหูซื่อเย่ที่ออกมาจากส่วนในของตำหนักชิงหนิงกง“ท่านอาเก้าท่านอาเพิ่งจะออกมาจากส่วนใน….”หูซื่อเย่ถอนหายใจส่ายหน้าไปมา“ข้าไม่แปลกใจเลย ว่าตำแน่งไท่จือได้มาเพราะโชคช่วย ข้ากับฮองเฮามีเรื่องหารือเรื่องความปลอดถัยในตำหนักชิงหนิงกงข้าจึงต้องตรวจตราทุกซอกมุม”“ท่านลงมือเองเลยหรือปกติข้าเห็นแต่ท่านสั่งการ สั่งการและสั่งการ”“นานแค่ไหนแล้วที่นั่งบนตำหนักบูรพา” สีหน้าและแววตาหยามเหยียดของหูซื่อเย่ทำให้เจิ้งลี่กังกัดฟันแน่น“อาเก้าท่านเองก็เป็นอ๋องมานานเท่าไหร่แล้วเคยออกไปนอกเขตวังหลวงบ้างหรือไม่”“หุบปากเจ้าเสียไท่จือคิดว่านั่งบัลลังก์ตำหนักบูรพาแล้วยิ่งใหญ่เกินใครหรืออย่างไรจึงไม่ต้องนับถือใคร”“ข้านับถือคนที่ควรนับถืออย่างอาเล้กต้าหวางที่น่านับถือกว่าอ๋องบางคนที่เอาแต่สร้างบารมีรวบรวมซ่องสุม”“เจ้าว่าใครซ่องสุม”เจิ้งล
“อย่าๆๆๆทำแบบนี้ท่านอ๋องเก้าท่านจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ”ปิงซูเยียนส่งเสียงร้องครางด้วยความกระสันเมื่อหูซื่อเย่งัดเอาทุกกระบวนท่ามาปรนเปรอซูเยี่ยนก็นางมาหาเขาที่จวนอ๋อง เพราะพรุ่งนี้นางจะต้องแต่งเข้าจวนต้าหวังอ๋องไร้พ่ายเจิ้งจินเทาคนนั้น“อ่าาาาาข้าติดใจรสสวาทของเจ้าเสียแล้วซูเยี่ยน เจ้าไม่ต้องแต่งดีไหม”“ไม่แต่งแล้วท่านอ๋องจะให้ซูเยี่ยนอยุ่ในฐานะใดกัน”เอวหนาขยับเร่งจังหวะซู๊ดปากด้วยรู้สึกเสียวกระสันอย่างที่สุด“เจ้าอยาอยากให้ข้ายกเจ้าไว้ในฐานะใดกันเล่าในเมื่อเจ้าก็รู้ว่าข้าไร้ซึ่งชายาและอำนาจในมือ หากข้าสามารถนั่งบัลลังก์มังกรได้ข้าจะแย่งชิงเจ้ามาจากเจิ้งจินเทาเสียแล้วตำแหน่งฮองเฮาก็ควรมอบให้เจ้าดีไหม”ซูเยี่ยนยิ้ม“ท่านอ๋องท่านไม่ได้ปดข้าใช่ไหม”“ใครกล้าปดเจ้าเจ้ายอมมอบายให้ข้าเพียงนี้ทั้งๆที่พรุ่งนี้จะเข้าหอกับเจิ้งจินเทาเจ้ากลับยอมเป็นคนของข้าซูเยี่ยนข้าเช่นไรจึงจะกล้าไม่ดีกับเจ้า”จูบซอกซอนมือล้วงลึกไปที่หว่างขา กระตุ้นสวาทอีกครั้งไม่เลิกรา“ท่านอ๋องงงงท่านปากหวานเสียจริงข้ามีหรือจะยอมใจแข็งข้าไม่แต่งกับเจิ้งจินเทาดีไหมท่านก็พาข้าหนีไปใช้ชีวิตสองคน”“ไม่ได้ทำเช่นนั้นเราต้องหนีจนตาย ทางที
“ไท่จือท่านแน่ใจหรือว่าเราจะทำแบบนั้นจริงๆ“ทำแบบไหน”เจิ้งลี่กังผู้ใจจดใจจ่อกับการประคองน้ำศักดิ์ตามคำแอบอ้างของหลวงจีนในวัดเทียมฟ้า“ก็แบบว่าเอาน้ำนี่”“หืมมอย่าเรียกน้ำนี่เจ้าไม่ได้ยินที่ไต้ซือพูดหรือไรเสี่ยวจง”เสี่ยวจงพยักหน้าขึ้นลง“ช้่างเถอะจะน้ำอะไรก้ช่างแต่ไท่จือท่าเอาไปสาดใส่ต้าหวางเกรงว่าต้าหวางจะทรงกริ้ว”“กริ้วก็กริ้ว ข้ายอมเพื่อให้ท่าอาหลุดพ้นจากเวทย์มนตร์ของนางจิ้งจอกนั่น”“เสี่ยวจงก้ไม่เห้นว่า คุณหนูหลินฮวาจะเป้นนางจิ้งจอกตรงไนหนางเพิ่ง15ใบหน้างดงามอ่อนเยาว์”“นั่นๆนั่นอย่าไงรเเล่าอ่อนเยาว์ นางเป็นนางจิ้งจอกจึงอ่อนเยาว์”“ไท่จือ ใครอายุ15ก็อ่อนเยาวืทั้งนั้นข้ากับท่านตอน15ก็อ่อนเยาว์”“นางอ่อนเยาว์มากไหม ถ้านางอ่อนเยาว์มากเสดงว่านางคือนางจิ้งจอก”เสี่ยวจงถอนหายใจ“เอาแบบนี้ข้าคิดออกแล้ว”“คิดอะไรออก”“คิดว่าคนที่ต้องเวทย์มิใช่ต้าหวางหากเป็นไท่จือ”“หะ นางมีเวทย์มนตร์แม้กระทั่งข้าที่ไม่เคยเห็นหน้านางยังต้องเวทย์นางหรือไรนางร้ายกาจจริงๆ”“ไท่จือท่านผิดแล้วท่านต้องเวทย์ของหลวงจีนที่วัดเทียมฟ้าต่างหาก”“ข้าไม่เข้าใจข้าจะต้องเวทย์ของไต้ซือได้อย่างไร”“ก็จากที่ดูอะไน ท่านลองเชื
“ต้าหวางท่านอาเล็กข้าได้ยินว่าท่านอา มีสาวสวยเคียงข้่างเช่นนี้นี่เองจึงรีบกลับจวนในทุกวัน”“หืมมม ไท่จือได้ยินมาผิดแล้วหญิงงามสาวสวยคำพูดเพ้อพกของใครกัน”เจิ้งลี่กังเหล่ตา“หืม เช่นนั้นหรือที่ข้าได้ยินมาผิดไปแล้วใช่ไหมตายจริงข้าก้เชื่อคนง่ายด้วยสิ เขาว่ากันว่าอาเล้กไปรับกลับมาคราวนี้ได้บรรณาการชิ้นเอกมาจากแคว้นฉี ข้าเองชื่นชอบหญิงงามอาเล็กหากไม่ว่าอะไร หลานรักคนนี้ขอพบหน้าบรรณาการของท่านสักครั้ง”“ไม่ได้”เสียงเข้มแข็งขัน“อ้าว ทำไมเล่าหญิงงามงามลำพังไร้คนเชยชมชื่นชมเช่นไรจึงเรียกหญิงงาม”“ไท่จือ ท่านมีหญิงงามมากมายให้เชยชม คนนี้ เจิ้งจินเทาบังอาจพูดว่าไม่ได้”เจิ้งลี่กังอมยิ้ม“น่าตื่นเต้นข้าชักอยากจะเห้นหน้านางเข้าจริงๆเสียแล้วว่าจะงดงามเพียงใด จึงทำให้ท่านอาเล็กที่เป็นดั่งครอบครัวจึง กล้าใจแคบกับข้าได้ลงคอ”“ไม่ได้ ข้าบอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้”เผลอพูดไปด้วยความโมโห เจิ้งลี่กังอ้าปากค้างเสี่ยวจงรีบดึงมือเจิ้งลี่กังไปเสียอีกทาง“เอาจริงๆนะเสี่ยวจงข้าไม่เข้าใจบรรณาการของท่านอาคนนั้นงามล่มสวรรคืเลยรือไรจึงหวงนักหวงหนา“ไท่จือ ต้าหวังไม่ได้หวงท่าน แต่ว่านางนะ เกลียดชังต้าหวังต้าหวังเ้กรงว่าหากไ
ทัพของแคว้นฉี และเหล่าทหารต่างปกป้องท่านแม่ทัพและหลินฮวากระบี่ในมือ ถูกกางกั้น เบื้องหน้าไม่ให้คนของแคว้นเว่ยเข้าถึงตัวแม่ทัพและบุตรีหลินฮวาที่บัดนี้หมดเรี่ยวแรงมือกำกระบี่แน่น ด้วตาตื่ตตระหนกทัพองแคว้นแีแน่แล้วต้องพ่ายแพ้ ใบหย้าขะมุกขมอม กัดฟันยืยหยัดไม่ถอย“ยอมจำนนเสีย”หานห้าวตงตวาดเหล่าทหารของแคว้นฉีไม่กี่สิบนายที่ยืนรายล้อมแม่ทัพกีบหลินฮวาไว้ปกป้องยิ่งชีวิตต้วนเจี้ยนหลิน ทรุดตัวลงกับก้มหน้ามองพื้นดิน“ข้าต้วนเจี้ยนหลิน ยอมจำนนแล้วขอเพียง ปล่อยทหารและราษฎรที่อาศัยที่ชายแดนแห่งนี้ไปเสียอย่าได้ฆ่าแกงกันเลย”น้ำเสียงเด็ดเดี่ยว หลินฮวาทรุดกายลงข้างบิดา ก้มหน้ากัดฟัน“ยอมจำนน มีค่าใดกัน”“ข้ายอมให้ท่านปลิดชีพข้าเพื่อแลกกับชีวิตของทหารและราษฎรทั้งหลาย”“ท่านอ่อง ศึกในครั้งนี้แคว้ยฉีพ่ายแพ้ย่อยยับ แม่ทัพต้วนแห่งแคว้นฉียินดีให้ท่านปลิดชีพเขาเพื่อแลกกับชีวิตของราษฎร และทหาร ที่เหลือเพียงหยิบมือ”ร่างสูงชะลูดก้าวขายาว ๆ ยังค่ายทหารที่มีแต่ฝุ่นควันคละคลุ้งไปทั่วบริเวณของกองทัพแคว้นฉี“นำเขากลับแคว้นเว่ยในฐานะเชลย”คำพูดที่หลุดออกจากปากทำเอาเจิ้งจินเทาถอนหายใจด้วยความโล่งอกทุกอย่างลุล่วงไปด้ว