“ถ้าพวกคุณมัวชักช้าล่ะก็จบไม่สวยแน่!”นี่เป็นเสียงของเสี่ยวหยวนผู้ช่วยของลู่ม่านเซิง เธอมองไปที่คนอื่นอย่างเหนือกว่า เมื่อพูดถึงขนาดนี้แล้วแน่นอนว่าไม่มีใครกล้าทำให้เธอขุ่นเคือง ดังนั้นผู้จัดการร้านจึงตอบกลับไปความเคารพ “ได้ค่ะ ทางเราจะตั้งใจแก้กระโปรงให้คุณลู่อย่างสุดฝีมือแน่นอนค่ะ”“พรุ่งนี้เป็นงานฉลองการประมูลเพื่อการกุศลที่เย่กรุ๊ปให้ความสำคัญมากที่สุด พี่เซิงต้องสวมเดรสชุดนี้ เพราะฉะนั้นแก้ให้ทันก่อนวันพรุ่งนี้ด้วย!” ผู้ช่วยกล่าวอีกครั้งผู้จัดการร้านรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย เพราะแก้เดรสตัวนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้วแต่ก็ถูกส่งกลับมาอีกทุกครั้ง ตลอดระยะเวลาในการทำงานมาหลายปี เธอไม่เคยจริงจังและระมัดระวังเท่านี้มาก่อนเลยหลังจากแก้ไปแล้วหลายรอบและคิดว่ามันโอเคแล้ว เธอก็ไม่คิดเลยว่าจะถูกส่งกลับมาอีก ผู้จัดการร้านกล่าว “เราส่งชุดเดรสไปให้หลายวันแล้ว พวกคุณพึ่งจะเอามาส่งคืน เดรสตัวนี้เป็นงานทำมือ หากต้องการแก้ไขจะต้องปักด้วยมือเท่านั้น เกรงว่าคงจะแก้ไม่ทันค่ะ”เมื่อผู้ช่วยได้ยินแบบนั้นก็พูดกลับไปเสียงเย็น “ถ้าอย่างนั้นพวกคุณก็หยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่ แล้วมาแก้เดรสให้พี่เซิงก่อน พว
เมื่อได้ยินแบบนั้น ถังเยาก็ตกตะลึงและมองไปที่เวินหนี่ “งั้นก็หมายความว่าการเปิดเผยความสัมพันธ์กับเย่หนานโจวในครั้งนี้ก็เพื่อปูทางให้ตัวเองสินะ เป็นความคิดที่ฉลาดจริง ๆ!”“หากเธอมีคนหนุนหลังที่ดีอย่างเย่หนานโจว ไม่ว่าจะทำอะไรก็ราบรื่น เธอจะไม่พึ่งพาเขาหรือไง” เวินหนี่พูดตามความเป็นจริง ไม่ว่าใครก็ต้องฉวยโอกาสนี้เอาไว้หากพลาดไปก็จะไม่มีโอกาสแบบนี้อีกถังเยาโกรธจนแทบบ้า “จะปล่อยให้ยัยนั่นลอยตัวอย่างราบรื่นได้ยังไงกัน!”พวกเธอเดินเข้าไปด้านใน“โอ้ คุณถัง คุณเวิน”ผู้จัดการร้านกังวลมากจนไม่รู้จะจัดการยังไงแล้ว หลังจากเห็นพวกเธอก็เอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม “ยินดีต้อนรับค่ะ”ผู้จัดการร้านรู้จักถังเยาผู้จัดการร้านคนนี้เป็นนักออกแบบที่มีชื่อเสียงและถือว่าเป็นเพื่อนร่วมสายงานของถังเยาด้วย เสื้อผ้าที่เธอออกแบบได้ปรากฏในแฟชั่นรายสัปดาห์อันทรงเกียรติมากมายเธอมีชื่อเสียงในวงการแฟชั่น และมีคนดังหลายคนใส่ชุดที่เธอออกแบบไปเดินพรมแดงถังเยาพูดขึ้น “เรามาดูเดรสน่ะ เวินหนี่ชุดหนึ่ง ของฉันชุดหนึ่ง ขอผ้าเนื้อดีสวย ๆ และต้องมีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะชุดสำหรับเวินหนี่!”ผู้จัดการร้านยิ้มแล
เวินหนี่ชอบชุดนี้มากตั้งแต่แรกเห็นเธอไปที่ห้องลองชุดถังเยารออยู่ใกล้ ๆ และเลือกชุดของตัวเองไปพลาง ๆ เมื่อเวินหนี่เดินออกมา ถังเยาก็หันกลับไป ก่อนจะเห็นเวินหนี่ที่ดูสวยสง่า สีหน้าของเธอเรียบเฉยแต่ก็งดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ทำเอาถังเยาตกตะลึงไปชั่วขณะก่อนจะปรบมือ “เวินหนี่ เธอทำให้ฉันได้เปิดโลก เธอสวยมากขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!”ผมของเวินหนี่สยาย ผิวของเธอขาวมากและชุดสีแดงก็ช่วยขับผิวทำให้สว่างมากยิ่งขึ้น ตัวชุดท่อนบนโอบรับหน้าอกที่สมบูรณ์แบบของเธอ บวกกับเอวบาง ๆ นั้นกลายเป็นส่วนเว้าส่วนโค้งที่สง่างาม ชายกระโปรงปักด้วยดอกกุหลาบเย็บมืออย่างปราณีต และสิ่งที่สมบูรณ์สำหรับชุดนี้ก็คือมันไม่แย่งความโดดเด่นของผู้ที่สวมใส่ แถมยังแสดงความอวบอิ่มและความอ่อนโยนของผู้หญิงได้อย่างเต็มที่เธอมองเวินหนี่ที่ดูเหมือนดอกกุหลาบที่งดงามท่ามกลางขวากหนามดอกไม้เติมเต็มคน ส่วนคนก็มีความสวยงามมากยิ่งกว่าดอกไม้ นิยามนี้มันเป็นแบบนี้นี่เองสินะเวินหนี่ยืนอยู่หน้ากระจกและรู้สึกว่าตัวเองดูแตกต่างออกไป เธอดูเป็นผู้หญิงมากขึ้น “ฉันก็คิดว่าไม่เลวเหมือนกัน”ผู้จัดการเพิ่งจะเดินกลับมา เป็นเวลาเดียวกับที่เวิน
เธอเคาะประตู“เข้ามา!” น้ำเสียงของเย่หนานโจวเรียบนิ่งเวินหนี่เดินเข้าไปเห็นเย่หนานโจวกำลังดูคอมพิวเตอร์ ช่วงนี้เขากำลังยุ่งอยู่กับเตรียมงานฉลองแต่ก็ยุ่งอยู่ที่บริษัทมากพอแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะยุ่งอะไรอีกหลังจากกลับมาที่บ้าน เย่หนานโจวเงยหน้าขึ้นเหลือบมองเธอ “มีอะไร?”เวินหนี่พูดขึ้น “พรุ่งนี้เป็นงานประจำปีของเย่กรุ๊ป ฉันจะเข้าร่วมด้วยนะคะ”สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของเย่หนานโจว สายตาของเขาจับจ้องไปที่เธอ“ฉันจำได้ว่าเธอไม่ชอบเข้าร่วมกิจกรรมพวกนี้ไม่ใช่เหรอ”เธอไม่ชอบเข้าร่วมกิจกรรมประเภทนี้เพราะรู้สึกว่ามันดึงดูดสายตามากเกินไปและเธอก็ไม่ค่อยชอบความครึกครื้นวุ่นวายเมื่อก่อนเธอคิดว่ามันไม่จำเป็นแต่ตอนนี้เธอคิดว่ามันจำเป็นแล้วเวินหนี่ยิ้มแล้วตอบไปว่า “คนเราเปลี่ยนแปลงได้เสมอ”“เข้าใจแล้ว” เย่หนานโจวพูดต่อ “ฉันจะให้คนเตรียมชุดไว้ให้”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเตรียมไว้แล้ว”เวินหนี่เตรียมพร้อมแล้ว เธอมองเขาอีกครั้งก่อนจะเสริมขึ้นอีกว่า “ฉันรูดการ์ดของคุณไปนะ”พูดจบเวินหนี่ก็เดินออกไป เย่หนานโจวนิ่งอยู่นานแต่การที่เธอใช้เงินของเขา มันกลับทำให้ริมฝีปากเขายกยิ้มขึ้น…แขกผู้มีเกียรติห
เสียงนั้นดังมากจนทุกคนได้ยินจางจื่อฉียิ้มและดื่มน้ำมะนาวในมือ ดูเหมือนจะพอใจกับผลลัพธ์นี้เธอไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับลู่ม่านเซิง แต่เธอก็รู้ว่าช่วงนี้คนที่แย่งทรัพยากรของเธอไปคือลู่ม่านเซิงและลอบจดจำเรื่องนี้ไว้ในใจ สำหรับการต่อสู้ในวงการบันเทิง เรื่องพวกนี้ไม่ได้มีค่าอะไรเลยแม้แต่ลู่ม่านเซิงที่ต้องการสวมชุดระดับไฮเอนด์ ก็ยังมาลัดคิวเธอ ซึ่งมันถือว่ามากเกินไปหน่อยการที่ลู่ม่านเซิงไม่ได้สมดั่งใจ เธอเองก็ถือว่าได้ระบายความโกรธด้วย ผู้จัดการร้านอยู่ด้านใน อย่าพูดถึงเรื่องแก้เสร็จเลย เพราะต่อให้แก้เสร็จแล้ว ก็ใช่ว่าลู่ม่านเซิงจะพอใจ และสุดท้ายคนโดนด่าก็คือเธออยู่ดี เธอเพียงแค่ยอมรับความจริง “เราพยายามที่สุดแล้วค่ะ…”“พยายามอะไร ฉันเห็นว่าทุกคนต่างก็แต่งตัวดีกันทั้งนั้น มีเพียงชุดของพี่เซิงที่ยังแก้ไม่เสร็จ คุณจงใจสินะ!”“นี่คุณกำลังกล่าวหาฉันนะคะ”เมื่อได้ยินพวกเธอทะเลาะกัน ลู่ม่านเซิงจึงเดินออกมาและถามด้วยใบหน้าใจดี “เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้ทะเลาะกันล่ะ”ผู้ช่วยของเธอพูดขึ้น “พี่เซิง ชุดเดรสของพี่ยังแก้ไม่เสร็จเลยค่ะ อีกเดี๋ยวพี่ต้องใส่มันแล้ว วันนี้มีคนมาร่วมงานตั้งมากมาย ถ้า
ผู้ช่วยของลู่ม่านเซิงทราบข่าวและกระซิบที่ข้างหูเธอ “พี่เซิงคะ ฉันได้ยินมาว่าเป็นเวินหนึ่ค่ะ เธอคือคนที่ก่อปัญหา!”สายตาของเธออดไม่ได้ที่จะหันไปหาเวินหนี่เวินหนี่กำลังพูดคุยอยู่กับถังเยา และเทียบกระโปรงในมือ สิ่งนี้ทำให้ลู่ม่านเซิงไม่พอใจเป็นอย่างมาก เธอเดินเข้าไปหาเวินหนี่แล้วพูดว่า “เวินหนี่ เป็นเธอนี่เอง พอรู้ว่าฉันจะเข้าร่วมงานฉลองเลยอยากทำให้ฉันอับอายงั้นเหรอ?”เมื่อเห็นว่าเวินหนี่กำลังแต่งหน้าและแต่งตัว เธอจึงยิ้มเยาะ “อะไรกัน คิดอยากจะลองแข่งขันกับฉันหรือว่าอยากทำให้เย่หนานโจวหันมามองสักครั้ง?”เวินหนี่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ โดยที่ช่างแต่งหน้าของถังเยากำลังทำผมให้เธอ เธอมองท่าทางหยิ่งผยองของลู่ม่านเซิงผ่านกระจกลู่ม่านเซิงแสดงท่าทางดุร้ายเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอเท่านั้นเวินหนี่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมองเธอ แต่พูดขึ้นอย่างเย็นชา “เธอเดามั่วเองเก่งจังเลยนะ ฉันแต่งตัวก็เพื่อความพึงพอใจของตัวเองต่างหาก”“ทำมาเป็นพูดดี แล้วทำไมเธอต้องทำลายการแก้ชุดของฉันด้วย” ลู่ม่านเซิงพูดด้วยเสียงอันดัง “เพราะเธอได้ยินเสี่ยวหยวนคุยเกี่ยวกับการแก้ชุดของฉันกับอาจารย์หลี่ก็เลยไม่พอใจ จึงวางแผนทำลายฉันล
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงและหายใจเข้าดังเฮือกและทำให้จางจื่อฉีได้เปิดโลก“เวินหนี่ เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไง คนที่เธอตบคือลู่ม่านเซิงนะ!” เพื่อนร่วมงานของเธอตกใจมากลู่ม่านเซิงโดนตบจนหน้าหันและตกตะลึงไปหลายวินาทีเวินหนี่พูดขึ้น “เธอตบถังเยาก่อน ทำยังไงก็ได้อย่างงั้นและนี่คือสิ่งที่ฉันตอบแทนเธอ!”ผู้ช่วยรู้สึกตกตะลึง เมื่อได้สติเธอก็ผลักเวินหนี่ออกไปทันที “เธอบ้าไปแล้วเหรอ กล้าดียังไงมาตบพี่เซิง …”เวินหนี่ตบผู้ช่วยอีกคนด้วยหลังมือ “ไม่มีมารยาท เพราะลู่ม่านเซิงมีผู้ช่วยที่ชอบก่อปัญหาแบบเธอ ถึงไม่แปลกใจที่จะถูกคนอื่นตบ!”“เธอ...เวินหนี่ เธอ...”เมื่อผู้ช่วยเห็นว่าเวินหนี่ดูไม่เกรงกลัวเลย จึงโกรธมากจนพูดไม่ออกลู่ม่านเซิงปิดแก้ม หลั่งน้ำตา แล้วพูดขึ้นเบา ๆ “เสี่ยวหยวน ช่างเถอะ เราจะทำให้เธอขุ่นเคืองไม่ได้…”“ทำให้ขุ่นเคืองไม่ได้?”เย่ซูเฟินรีบเข้ามา เมื่อเธอเห็นลู่ม่านเซิงถูกตบ เธอก็โกรธขึ้นมาทันที “เวินหนี่เธออีกแล้วเหรอ ครั้งนี้ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม เธอรังแกเซิงเซิงลับหลังฉันกับเย่หนานโจว เธอเป็นแค่เลขาของเย่หนานโจว คิดว่าตัวเองเป็นหงส์หรือยังไง เซิงเซิงคือว่าที่ลูก
คำพูดอย่างกะทันหันของเย่หนานโจวทำให้ทุกคนตกตะลึงกันไปพักใหญ่แต่งงานแล้ว?นี่คือสิ่งที่พวกเขาสมควรได้ยินหรือเปล่า?สีหน้าของลู่ม่านเซิงซีดลงทันที เธอมองไปที่เย่หนานโจวด้วยดวงตาแดงก่ำ หัวใจของเธอรู้สึกราวกับถูกแทงด้วยมีดคม ๆ เธอกำหมัดแน่นเขายอมรับต่อหน้าคนมากมายว่าตัวเองแต่งงานแล้ว!สิ่งนี้โจมตีเธออย่างหนักจนเกือบสูญเสียการทรงตัว โชคดีที่เย่ซูเฟินที่อยู่ข้าง ๆ และพยุงเธอเอาไว้เวินหนี่เงยหน้าขึ้นมองเย่หนานโจวอีกครั้ง เขายังคงจับมือของเธอไว้แน่น เธอไม่รู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้ยอมรับต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนี้ มันทำให้เธอสับสนเล็กน้อยและไม่ได้สติอยู่พักหนึ่งขณะเดียวกันก็รู้สึกเป็นกังวลด้วยคำพูดของเย่หนานโจวในคืนวันแต่งงานลอยเข้ามาในหัวของเธอ ที่ว่าหากคนอื่นรู้เรื่องนี้เธอก็จะต้องชดใช้อย่าสาสมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนไม่ใช่เรื่องจริงคนอื่นตกตะลึงไปหลายวินาที ก่อนจะรู้สึกตัวและถามขึ้นอีกว่า “ประธานเย่ซ่อนเรื่องนี้ไว้อย่างดีจริง ๆ ทำไมถึงไม่เคยบอกเราเกี่ยวกับการแต่งงานเลยล่ะครับ ว่าแต่เธอคนนั้นเป็นใครกัน”เย่หนานโจวมีสีหน้าไร้อารมณ์ “ภรรยาของผมเป็นคนถ่อมตัว เธอไม่ชอบ
อาจ้านตอบว่า “ช้าอีกหน่อยแล้วกัน สถานที่เดิม”หญิงผมแดงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ได้เลย ฉันจะรอคุณตรงเวลานะ”พูดจบหญิงผมแดงก็รีบเดินออกจากบริเวณของเขาไป พอเธอจากไปแล้ว อาจ้านก็ค่อย ๆ เอาหัวใจของสัตว์กลับใส่ที่เดิม จากนั้นเขาก็เย็บปิดแผลอย่างประณีต แม้ว่าเมื่อครู่จะดูโหดร้ายเลือดสาดสักแค่ไหน แต่ในตอนนี้หัวใจของสัตว์นั้นก็ยังสามารถเต้นได้อีกครั้งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว อาจ้านถอดถุงมือที่เปื้อนเลือดออก ล้างมือด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อและสบู่หลายรอบ จนกระทั่งไม่เหลือกลิ่นใด ๆ แล้วจึงออกไป เขาขับรถมุ่งหน้าไปยังฟาร์มที่หน้าประตูมีคนยืนเฝ้าอยู่ พอเห็นรถของอาจ้านเข้ามาก็รีบเปิดประตูให้เข้าไป ด้านในฟาร์มมีการปลูกดอกไม้บางชนิดตกแต่งไว้ แต่มีเพียงสตรอเบอร์รีเท่านั้นที่เป็นพืชหลักของฟาร์มสตรอเบอร์รีในแปลงไม่ได้ถูกเก็บไปขาย หลายลูกปล่อยให้เน่าอยู่บนพื้น อาจ้านลงจากรถ สายตาเขาเหลือบมองทุ่งสตรอเบอร์รีที่ได้รับการดูแลมาอย่างดีอย่างพอใจ บนใบหน้าจึงเผยรอยยิ้มจาง ๆผู้คุมหน้าประตูส่งตะกร้าให้ อาจ้านรับตะกร้ามาแล้วเดินตรงเข้าสู่แปลงสตรอเบอร์รี ทุ่งเบื้องหน้าเต็มไปด้วยผลสตรอเบอร์รีที่สุกงอมจนเป็นส
[ฉันว่าคุณพูดถูกนะ เทียบกันแล้วฉันชอบคลิปสั้นของจางจื่อฉีมากกว่า ชอบบทของเธอในละครเรื่องนั้นจริงๆ!]ใบหน้าของลู่ม่านเซิงแทบเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธคนพวกนี้พูดบ้าอะไรกัน! บอกว่าจางจื่อฉีถ่ายได้ดีกว่าเธออย่างนั้นหรือ? เป็นไปได้ยังไง! เธอหน้าตาสวยกว่าจางจื่อฉีตั้งเยอะผู้ช่วยของเธอที่อยู่ข้าง ๆ เห็นยอดไลค์ในคลิปสั้นของจางจื่อฉีพุ่งทะลุสิบล้านแล้ว จึงพูดจาดูถูกขึ้นมาทันที “พวกชาวเน็ตเขียนอะไรกัน เห็น ๆ อยู่ว่าคุณเซิงสวยกว่า จางจื่อฉีน่ะอาศัยแค่กระแสความทรงจำ ไม่ได้มีความสามารถจริงจังอะไรเลย แถมดันไปถ่ายคลิปสั้นแบบนี้อีก มันเป็นสิ่งที่คนธรรมดาเขาเล่นกันทั้งนั้น ดาราจะไปโพสต์คลิปบนแอปแบบนี้ได้ยังไง ไร้เกียรติมาก!”ผู้ช่วยของเธอดูถูกวิธีการนี้มาก เพราะส่วนใหญ่ดาราที่โพสต์บนแอปสั้นมักจะเป็นพวกที่ไม่ค่อยดัง พยายามหารายได้จากตรงนี้ เธอจึงไม่สนใจสิ่งนี้เลย“อ๊า!” ลู่ม่านเซิงโมโหถึงกับปามือถือลงพื้น!ผู้ช่วยที่ตอนแรกตั้งใจจะปลอบเธอ ถึงกับหน้าซีดเมื่อเห็นลู่ม่านเซิงปามือถือด้วยความโกรธ “คุณเซิง…”ลู่ม่านเซิงโกรธจนตาแดงก่ำ “ทำไมยอดไลค์ของจางจื่อฉีถึงได้ถึงสิบล้าน มีคนชอบเธอตั้งมา
ทางด้านลู่ม่านเซิงก็กำลังถ่ายทำเช่นกันเธอแต่งกายสไตล์ย้อนยุคแบบเดียวกับจางจื่อฉี“ดีมากเลย เซิงเซิง สวยมาก!” ช่างภาพกล่าวพลางถ่ายจากหลายมุม“มุมนี้ดูดีมาก ได้ภาพสวยเลย!”ช่างภาพชมเธอไม่หยุดระหว่างถ่ายทำลู่ม่านเซิงเองก็มั่นใจในตัวเองสูง เธอตั้งใจถ่ายมาก เพราะรู้ดีว่าเสน่ห์และความงามของเธอเหนือกว่าจางจื่อฉี ซึ่งในวงการบันเทิงแล้ว ความงามถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง หลายคนดังได้จากเพียงรูปลักษณ์เธอเองก็แสดงละครได้ดี แถมยังมีหน้าตาที่โดดเด่น จึงมั่นใจว่าจะเอาชนะจางจื่อฉีได้แน่นอนจริง ๆ แล้วเป้าหมายของเธอไม่ใช่จางจื่อฉี แต่เป็นเวินหนี่เธอจงใจไม่ให้ความร่วมมือกับจางจื่อฉีเพื่อโค่นล้มเวินหนี่ หากเธอชนะจางจื่อฉีได้ ก็จะถือว่าชนะเวินหนี่ด้วยและหากชนะครั้งนี้ก็จะมีครั้งต่อไปเมื่อดูภาพถ่ายของตัวเอง เธอก็พึงพอใจมาก เชื่อมั่นว่าจะขึ้นเทรนด์ในโลกออนไลน์ได้“รีบปล่อยภาพนี้ไปให้เร็วที่สุดนะ ใช้ความร้อนแรงของงานในวันนี้ให้เต็มที่” ลู่ม่านเซิงสั่ง“แน่นอนครับ คาดว่าค่ำนี้น่าจะได้เห็นกันแล้ว!”ริมฝีปากของลู่ม่านเซิงเผยรอยยิ้มมั่นใจ คิดว่าความสำเร็จอยู่ในมือเธอแล้วค่ำวันนั้น สื่อ
เธอยังคงเป็นคนของบริษัทเย่หนานโจว หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น บริษัทก็ย่อมต้องคุ้มครองเธออยู่แล้ว ช่วงนี้ยังมีข่าวมากมายที่ออกมาช่วยลบล้างข่าวเสียของลู่ม่านเซิงอีกด้วยเวินหนี่มองลู่ม่านเซิงในชุดนี้อย่างเย้ยหยัน “เลียนแบบจนได้ดี มันสนุกมากไหม?”คำพูดนี้จี้จุดของลู่ม่านเซิง แต่คราวนี้เธอไม่สนใจ เธอต้องการชนะเสียครั้งหนึ่ง จึงยิ้มตอบอย่างมั่นใจ “เวินหนี่ เธอไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง จะไปรู้ได้ยังไงว่าอะไรที่คนดูชอบ คนที่สวยก็ย่อมมีคนติดตามมากกว่า หรือเธอว่าไม่จริง?”ความหมายก็คือเธอเชื่อว่าตัวเองสวยกว่าจางจื่อฉี แต่แม้ว่าลู่ม่านเซิงจะพูดอย่างนั้น จางจื่อฉีก็มีฝีมือการแสดงที่เหนือกว่า ความเป็นนักแสดงมืออาชีพทำให้ไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันเรื่องความสวยจางจื่อฉียืนอยู่อย่างสงบ สีหน้าเยือกเย็น ไม่คิดจะโต้เถียงใด ๆ กับลู่ม่านเซิง ราวกับไม่อยากเสียเวลาถกเถียงกับเธอเลยเวินหนี่ก็ไม่ได้สนใจจะโต้แย้งอะไรในเรื่องนี้ เธอเอ่ยขึ้นเพื่อให้ลู่ม่านเซิงเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การพึ่งพาคนอื่นนั้นไม่ได้ยั่งยืน “ในเมื่อเธอชอบนัก ก็เอาไปเถอะ จางจื่อฉีไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่ได้ใช้ที่นี่”พอเห็นเวินหนี่รู
เวินหนี่ถ่ายรูปให้จางจื่อฉีไปหลายรูป แม้เธอจะไม่ใช่คนที่โดดเด่นเพราะความสวยงาม แต่ด้วยฝีมือการแสดงของเธอที่ยอดเยี่ยม ก็ทำให้นักแสดงชายหลายคนมีชื่อเสียงได้เช่นกัน ความไม่ถือตัวและความเป็นกันเองของจางจื่อฉีเป็นสิ่งที่เวินหนี่ชื่นชมเมื่อการแสดงแฟชั่นโชว์เกือบสิ้นสุดลง เวินหนี่เดินหาช่างภาพเพื่อนำไปถ่ายภาพเสร็จสมบูรณ์พอเสี่ยวอิ่งเห็นจางจื่อฉี เธอก็ร้องกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นเต้น “จางจื่อฉี! ฉันได้เจอตัวจริงแล้ว!”เวินหนี่เห็นเสี่ยวอิ่งมีปฏิกิริยาขนาดนี้ก็อดแซวไม่ได้ “ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ?”เสี่ยวอิ่งตอบอย่างไม่ลังเล “แน่นอนสิ! ฉันดูละครที่เธอเล่นมาตั้งหลายเรื่อง นี่มันเหมือนฝันไปเลย ฉันได้เจอไอดอลของฉัน ฉันชอบเธอมาก ๆ เลยล่ะ!”จางจื่อฉียิ้มแล้วเดินเข้ามาทักทาย “สวัสดี ฉันคือจางจื่อฉีค่ะ” เธอเอื้อมมือออกไปจับมือกับเสี่ยวอิ่งเสี่ยวอิ่งมองมือของจางจื่อฉีด้วยความตื่นเต้น ราวกับอยู่ในความฝัน เธอจับมือจางจื่อฉีแล้วพูดอย่างซาบซึ้งจนแทบร้องไห้ “นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า? ฉันดูละครที่คุณแสดงมาทุกเรื่องเลยนะคะ ฉันรู้ประวัติของคุณด้วย คุณมาจากต่างจังหวัดแล้วต่อสู้ในวงการบันเทิงตั้งนาน ฉ
เมื่อเปรียบเทียบความสามารถของลู่ม่านเซิงในการสร้างกระแสดังในทางลบ กับความหยิ่งในศักดิ์ศรีของจางจื่อฉีที่ปฏิเสธไม่รับเล่นบทละครที่ไม่ได้คุณภาพแล้ว เวินหนี่ก็รู้สึกได้ถึงความจริงที่ว่าในวงการบันเทิงยุคนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นและดับลงอย่างรวดเร็ว นักแสดงหน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนมาแทนที่อย่างรวดเร็ว ขณะที่คนเก่าก็ถูกลืมไปได้ง่ายบางคนอาจโด่งดังจากละครเรื่องเดียว แต่ถ้าไม่มีผลงานต่อไปคอยสนับสนุนจากคนดังแถวหน้าก็อาจตกไปเป็นระดับล่างได้ในพริบตา การแข่งขันในวงการนี้โหดร้ายและไร้ปรานี ต่อให้เวินหนี่ไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงเอง เธอก็ยังเห็นความเป็นจริงเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนแม้การเล่นละครที่ด้อยคุณภาพจะทำให้ชื่อเสียงไม่ดี แต่ถ้ามันสามารถเรียกความสนใจจากผู้คนได้ นักแสดงคนนั้นก็สามารถนับเป็น ‘สินค้าทางการตลาด’ ที่ประสบความสำเร็จแล้วเวินหนี่มองจางจื่อฉีและพูดว่า “คุณเป็นนักแสดงที่ดีค่ะ ไม่ใช่แค่ฝีมือการแสดงที่ดี แต่ยังไม่ยอมตามกระแสแบบทั่วไป คนที่เป็นแบบนี้หาได้ยากมาก ขอให้เชื่อเถอะค่ะว่าสักวันคุณจะต้องโด่งดังแน่นอน”จางจื่อฉีรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินคำชมจากเวินหนี่ เธอจึงยิ้มและพูดด้วยความขอบคุณ “ตอนน
นักข่าวที่มางานนี้ไม่ได้มีเพียงแค่พวกเธอ เพราะสื่อออนไลน์พัฒนาไปไว ทุกคนต่างก็พยายามเป็นคนแรกในการปล่อยข่าว รายงานแรกที่แม่นยำที่สุดย่อมได้เรตติ้งดีที่สุดแม้งานเดินแบบเวทีทีสเตจนี้จะไม่ใช่ข่าวใหญ่ แต่การถ่ายทอดสดก็ทำให้ทุกสื่อแข่งกันเพื่อเป็นอันดับหนึ่งของกระแสบนรันเวย์ตอนนี้มีนางแบบเดินอยู่บ้างแล้ว บรรดาดาราหลายคนก็อยู่ที่นั่งฝั่งผู้ชม เวินหนี่กำลังมองหามุมที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพ“คุณเวิน”ทันใดนั้นเสียงเรียกเธอก็ดังขึ้นจากด้านหลัง เวินหนี่หันกลับไปก็พบว่าจางจื่อฉีกำลังยืนอยู่ตรงนั้น เธอเหลือบมองไปรอบ ๆ เห็นแต่ทีมงานและดาราที่อยู่ด้านใน“คุณจาง ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้คะ?”จางจื่อฉีตอบอย่างเป็นกันเอง “ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณจางหรอก เรียกว่าจื่อฉีก็พอ”เวินหนี่รู้สึกดีกับอีกฝ่ายอยู่แล้ว “ทำไมคุณถึงออกมาอยู่ตรงนี้ล่ะคะ? เข้าไปด้านในเถอะนะ ตรงนี้มีแต่ทีมงาน เดี๋ยวถ้าโดนนักข่าวรุมถ่ายจะลำบากเอานะคะ!”เวินหนี่รู้ดีว่าพวกนักข่าวนั้นดุดันแค่ไหน การที่จางจื่อฉีออกมาแบบนี้อาจทำให้เธอเสี่ยงต่ออันตรายได้จางจื่อฉีไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร เธอมองไปยังพวกนักข่าวและช่างภาพที่กำล
เย่หนานโจวหัวเราะเย็นชา “เคยเห็นการยินยอมพร้อมใจแบบนี้ด้วยหรือไง?”ปลายสายถึงกับเงียบ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ก็ในเมื่อทุกคนเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ก็ควรจะรับผิดชอบตัวเอง ไม่ถึงกับถูกหลอกกันง่าย ๆ เขารู้สึกว่าเย่หนานโจวกังวลเกินไปแต่พอคิดอีกที คงเป็นเพราะความห่วงใยที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้ จึงเข้าใจได้ว่าความกังวลของเย่หนานโจวก็มีเหตุผลอยู่เย่หนานโจวเปิดม่านหน้าต่างออก มองออกไปข้างนอก ดวงตาสีเข้มเต็มไปด้วยความกังวลใจ "เธอแทบไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนเลย ถ้ามีใครสักคนเข้ามาหว่านล้อมไม่กี่คำแล้วเธอดันหลงเชื่อขึ้นมาล่ะ? มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย"ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น เขาจะประมาทไม่ได้เลยแม้แต่น้อยหลังจากวางสาย เย่หนานโจวเดินกลับไปที่ห้องเปลี่ยนชุด เวินหนี่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยและเดินออกมาพอดี เห็นเขาเดินเข้ามาตรงเวลา เธอจึงหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมา “ฉันจัดการเองได้”เย่หนานโจวไม่คัดค้าน แต่จ้องมองเธอแล้วกล่าวว่า “ฉันต้องไปทำธุระสักพัก คราวหน้าค่อยมาใหม่แล้วกัน”“ค่ะ” เวินหนี่พูดขณะเป่าผม โดยไม่หันไปมองเขาเมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อย เวินหนี่เดินออกมาพร้อมกับเย่หนานโจว“หน
เย่หนานโจวมองเวินหนี่ด้วยสายตาที่จับจ้องไปยังเธอไม่วางตาโดนมองแบบนี้แล้ว เวินหนี่ก็เริ่มรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย “ว่ายน้ำเสร็จแล้วหรือยังคะ? ถ้าเสร็จแล้ว ช่วยปล่อยให้ฉันออกไปจะได้ไหม?”เย่หนานโจวสบตาเธอด้วยแววตาที่ลึกล้ำขึ้นทุกที “เธอไม่ได้โกหกฉันแน่นะ?”เวินหนี่ใจเต้นแรง รู้สึกเหมือนร่างกายถูกพันธนาการไว้ด้วยเส้นเชือกที่มองไม่เห็น เธอจึงเงยหน้าขึ้นจ้องตาเขากลับ “ฉันไม่ได้โกหก”เย่หนานโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อย ๆ คลายมือที่จับเธอไว้ แล้วพูดเสียงต่ำ “เธอโกหกฉันมาแล้วครั้งหนึ่ง ฉันจะไม่ยอมให้เธอโกหกอีกเป็นครั้งที่สอง”เวินหนี่นิ่งเงียบ ตอนนี้ในสถานการณ์ระหว่างพวกเขา ไม่ว่ามันจะเป็นการโกหกหรือไม่ ก็แทบไม่มีความสำคัญอะไรอีกแล้ว การปกป้องตัวเองด้วยการโกหกก็เป็นเรื่องหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เย่หนานโจวไม่ทำให้เธอลำบากใจไปมากกว่านี้ เขาปล่อยให้เธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องเปลี่ยนชุดที่เตรียมไว้ให้เวินหนี่เดินเข้าไปข้างในทันที แล้วเลขาหญิงก็ตามเข้ามาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ในมือ เป็นชุดกีฬาที่สวมใส่สบายและโปร่ง “คุณเวินคะ นี่เป็นชุดที่ท่านประธานเตรียมไว้ให้ค่ะ”เวินหนี่ทั้งตัวเปียกชุ่มไปหม