ร้านเนื้อย่าง...“เราสองคนน่ะกินเยอะ ๆ นะดูสิแขนเล็กอย่างกับตะเกียบ พี่ล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ เลยว่าทำไมผู้หญิงสมัยนี้ถึงได้คลั่งผอมกันนัก”“ก็ผอมแล้วสวยไงคะ” สายธารรีบพูดแย้งพี่ม่อนทันที“อื้ม สวยจริง ๆ พี่ไม่เถียง” พี่ม่อนพูดตอบสายธารแต่สายตากลับเอาแต่มองใบหน้าของฉัน“มะ มองพริ้งทำไมคะ หรือที่หน้าพริ้งมีอะไรเลอะ” ฉันรีบเอามือมาถู ๆ หน้าของตัวเอง“ไม่มีอะไรเลอะหรอก พริ้งน่ารักขึ้นกว่าตอนเรียน ม.ปลาย เยอะเลยนะ ^_^”“...” ฉันทำหน้าไม่ถูกเลย จู่ ๆ มันก็รู้สึกเขินจนไม่กล้ามองหน้าพี่ม่อนฉันเคยแอบชอบพี่ม่อนมาก่อน ถึงตอนนี้จะไม่ได้รู้สึกแบบนั้นแล้ว แต่บางเวลาที่พี่ม่อนมองฉันด้วยสายตาแบบนี้มันก็ทำให้ฉันรู้สึกหวั่นใจอยู่เหมือนกันนะ“ยัยพริ้ง! พี่ม่อนชอบแกชัวร์”สายธารกระซิบพูด เบา ๆ ไม่รู้ว่าพี่ม่อนจะได้ยินหรือเปล่าเพราะเขาก็นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามนี่เอง ฉันมองเพื่อนสายตาดุ ๆ ก่อนจะเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินเนื้อย่าง อยากให้หมดเร็ว ๆ อยากกลับห้องแล้วเวลา 21:50 น.ตอนแรกฉันคิดว่าคงจะมากินเนื้อเสร็จแล้วก็คงจะกลับ แต่มันไม่ใช่แบบที่ฉันคิดน่ะสิเพราะพี่ชิม่อนดันชวนฉันกับสายธารไปเที่ยวกันต่อที่คลับแน่นอนว่าเ
ฉันลุกขึ้นแล้วเดินดุ่ม ๆ ออกมาจากคลับโดยไม่ได้บอกใครเลย สายธารไปเข้าห้องน้ำยังไม่กลับมาที่โต๊ะเอาไว้เดี๋ยวฉันแชทไปบอกว่าฉันจะกลับก่อนฉันทนไม่ได้หรอกที่ต้องนั่งมองภาพพี่สิงห์ทำอะไรต่อมิอะไรกับผู้หญิงคนนั้นหมับ!!“พริ้ง !! จะไปไหน”พี่ชิม่อนไม่รู้ว่าตามฉันออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาคว้ามือมาจับแขนฉันไม่ให้ฉันเดินต่อไปไหนได้“พริ้งง่วง อยากกลับไปนอนแล้วค่ะ”“แต่สายธารยังอยู่ในคลับนะ แล้วจะกลับได้ไง”“เดี๋ยวพริ้งเรียกแท็กซี่กลับเองก็ได้ค่ะ”“สายธารเมาแค่ไหนพริ้งไม่เห็นเหรอ ให้เพื่อนขับรถกลับคนเดียวแถมยังเมาไม่ได้สติแบบนั้นมีหวังกลับไปไม่ถึงห้องแน่ ๆ”คำพูดของพี่ม่อนทำให้ฉันตั้งสติได้ มันจริงแบบที่พี่ม่อนพูด และฉันก็ควรคิดถึงเพื่อนให้มาก ๆ กว่านี้สิ ไม่ใช่เห็นแก่ตัวหนีกลับก่อนแบบนี้“ งั้นเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ”ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเดินย่างกรายกลับเข้าไปในคลับเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม ไฟหลากสีสาดส่องไปมา ทั้งทีี่ฉันควรจะสนุก แต่ไม่เลยมันไม่สนุกเลยสักนิด ภายใต้ความมืดสลัว ๆ ของคลับ สายตาของฉันมันกลับเห็นการกระทำของคนสองคนตรงหน้าชัดเจน ทุกการเคลื่อนไหวมันชัดเต็มสองตาของฉันเลยจริง ๆ“พร
“เพราะเป็นเธอ...”พี่สิงห์พูดขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ เขากำลังหลอกล่ออะไรฉันอยู่กันอีกฉันรู้ว่าตัวเองกำลังจะยอมอ่อนให้เขา แต่อีกความคิดมันก็พยายามจะรั้งตัวเองเอาไว้ไม่กลับไปให้เขารังแกอีก“จะเก็บพริ้งไว้ทำไมคะ ในเมื่อสักวันเดี๋ยวพริ้งก็โดนพี่สิงห์เขี่ยทิ้งอยู่ดี...” ฉันถามออกไปน้ำเสียงปนเศร้า มันอึดอัดมากจริง ๆพี่สิงห์เงียบ ความเงียบของเขามันยิ่งทำให้ฉันเจ็บเพราะมันก็เหมือนพี่สิงห์กำลังตอบฉันอยู่ว่ามันมีวันนั้นแน่นอน วันที่เขาเขี่ยฉันทิ้ง... แค่มันไม่ใช่วันนี้แค่นั้นเอง“พริ้งอยากลงไปข้างล่างค่ะ”“ฉันไม่ให้ไป!!” พี่สิงห์รีบพูดห้าม แถมยังทำเสียงแข็งตะคอกใส่ฉันด้วย เมื่อกี๊ยังเงียบอยู่เลย“ทำไมคะ” มันมีเหตุผลอะไรกันที่เขาไม่ยอมให้ฉันลงไป เพราะพี่ม่อนหลานชายของตัวเองน่ะเหรอ“อยากลงไปอ่อยมันมากรึไง ไอ้ม่อนน่ะ ฮะ!!”ฉันถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยใจ ฉันคงเป็นผู้หญิงที่ไม่ดีมาก ๆ สินะเลยในสายตาพี่สิงห์“พริ้งจะลงไปหาเพื่อนค่ะ ไม่ได้ไปหาพี่ม่อน”“เพื่อนหรือผัว?”พี่สิงห์จ้องหน้าฉันตาเขม่ง จะพูดคำหยาบคายพวกนี้ไปถึงไหนกัน ไม่คิดถึงใจคนฟังบ้างหรือไงฉันมองไปที่ประตูห้องจากนั้นก็มองพี่สิงห์ชั่ง
หลังจากเย็บแผลเสร็จ ฉันยังคงอึ้งแล้วก็ตกใจกับสิ่งที่ตัวเองได้เห็นไม่หาย คือพี่สิงห์ทำได้จริง ๆ เขาเย็บแผลเป็น แถมยังมือเบามากด้วย“พี่สิงห์เป็นหมอเหรอคะ”มันเป็นคำถามที่ไม่น่าจะถามใช่ไหมล่ะ เพราะตั้งแต่รู้จักพี่สิงห์มาฉันไม่เคยเห็นเขาแต่งตัวด้วยชุดของหมอ แล้วก็รู้แค่เขามีบริษัทเป็นของตัวเอง ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับหมอ แต่มันอดสงสัยไม่ได้เลยจริง ๆ“ไม่ใช่ !!”“แต่พี่สิงห์ทำ...”“กลับ”พี่สิงห์ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องตรวจเลย ส่วนฉันก็ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ถึงพี่สิงห์จะตอบว่าไม่ใช่ แต่ฉันก็ยังมีคำถามอีกอยู่ดี“จะนอนที่นี่รึไง !!” พี่สิงห์หันมาดุฉันเสียงแข็งฉันหยุดออกมาจากภวังค์ความคิดของตัวเองจากนั้นก็รีบเดินตามหลังพี่สิงห์ไปติด ๆภายในรถไม่มีการพูดจาใด ๆ ระหว่างฉันกับพี่สิงห์ ฉันก็มัวแต่ตกใจแล้วก็แปลกใจจนลืมเรื่องที่คลับไปเลย พอความตกใจมันหายใจ ความคิดความรู้สึก ภาพที่เห็นพี่สิงห์ทำอะไรบ้างกับผู้หญิงคนนั้นก็ลอยเข้ามาในหัวฉันหันหน้าออกไปมองด้านนอกกระจกของรถที่กำลังแล่นอยู่บนถนน พร้อมกับความคู้สึกที่ว่างเปล่าตอนนี้ฉันคือเมียน้อย แถมยังเป็นเมียน้อยของคู่หมั้นพี่สาวของตัวเอง ทำไมฉันถ
“จอดร้านข้างหน้าหน่อยค่ะ” เมื่อเห็นว่าคนที่โดนถามเอาแต่เงียบ ฉันเลยบอกให้พี่สิงห์จอดตรงร้านโจ๊ก มันเป็นร้านที่ขายอยู่ข้างหน้าคอนโคที่ฉันอยู่ ตอนนี้เวลาตี 4 กว่า ๆ แล้ว“จะกิน?”“ค่ะ จะซื้อไปกินบนห้อง” พอฉันบอกแบบนั้นพี่สิงห์ก็จอดรถให้“พี่สิงห์กลับเลยก็ได้นะคะ” ฉันหันไปบอกพี่สิงห์ก่อนจะเปิดประตู แต่ประตูรถมันกลับเปิดไม่ออก“พี่สิงห์พริ้งจะลงปลดล็อกประตูให้ด้วยค่ะ”“เธอจะให้ฉันกลับไปที่ไหน” พี่สิงห์ถามเสียงเรียบ“ก็เรื่องของพี่สิคะ ไม่เกี่ยวกับพริ้งสักหน่อย”“ไม่เกี่ยวได้ยังไง เพราะฉันจะนอนกับเธอ”“ไม่ค่ะ ไม่ให้นอน ทำไมไปนอนโรงแรมล่ะคะ” ฉันรีบปฏิเสธทันที“อื้มได้ งั้นเอาตามที่เธอบอกแล้วกัน” แทบจะไม่เชื่อหูตัวเองว่าพี่สิงห์ยอมง่ายขนาดนี้ แต่ก็ดีแล้วแหละดีมากด้วย“ปลดล็อกประตูรถสิคะ พริ้งจะลง”“หึ!!”พี่สิงห์หัวเราะในลำคอจากนั้นเขาก็ขับรถออกไปจากหน้าคอนโดของฉัน โดยที่ฉันยังไม่ทันจะได้ลงจากรถเลย“พี่สิงห์!! จอดให้พริ้งลงก่อนสิ”ไร้การตอบกลับจากผู้ชายที่กำลังขับรถอยู่# โรงแรม ภายในห้องฉันต้องมาที่โรงแรมกับพี่สิงห์อย่างเลี่ยงไม่ได้ พอเข้ามาในห้องพี่สิงห์ก็พุ่งมาจูบฉัน ดันฉันไปติดกับกำแพงห
# คอนโดของฉัน“เดี๋ยวฉันไปส่งที่มหาลัย” พี่สิงห์พูดขึ้นเมื่อขับรถมาถึงคอนโดที่ฉันพักอยู่“พริ้งไปกับเพื่อนค่ะ”“ฉัน จะ ไป ส่ง” พี่สิงห์พูดเน้นคำ แล้วก็จ้องหน้าฉันแบบไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่“แล้วจะให้พริ้งบอกเพื่อนว่าไงล่ะคะ จู่ ๆ ก็นั่งรถไปเรียนกับพี่เขย”“แล้วทำไมต้องรายงานเพื่อนเธอทุกอย่าง?”ฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อเริ่มคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว จากนั้นฉันก็ตัดสินใจเปิดประตูลงจากรถโดยมีพี่สิงห์เดินตามหลังมาติด ๆ“ทำไมไม่รอที่รถคะ ถ้าเพื่อน...”“ถ้ามันลำบากมากเธอก็แค่พูดความจริง ฉันไม่ได้ห้าม แต่เธอเลือกที่จะปิดเอง” พี่สิงห์พูดขัดขึ้น มันจริงอย่างที่เขาบอก ใช่! เขาไม่ได้ห้ามแต่เรื่องแบบนี้มันน่ายินดีนักเหรอ เรื่องที่ฉันเป็นเมียน้อยของคู่หมั้นพี่สาวตัวเองฉันเดินนำพี่สิงห์ไปโดยไม่พูดอะไรต่อ ในใจแอบกลัวอยู่ไม่น้อย กลัวว่าสายธารจะมาเจอ ตลอดทางเดินขึ้นห้องฉันพยายามคิดว่าคำแก้ตัวที่มันสมเหตุสมผลอยู่ตลอดเวลาแต่พอมาถึงห้องกลับพบว่าห้องของสายธารนั้นล็อกอยู่ พอเห็นแบบนั้นหลังจากที่เข้ามาในห้องตัวเองแล้วฉันก็รีบโทรหาสายธารทันทีตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด ~ (เสียงรอสาย)“อื้อ แกว่าไง...” เสียงของสายธารที่ต
# มหาวิทยาลัยฉันมาถึงก่อนเวลาเข้าเรียน ไปนั่งรอสายธารแถวโต๊ะตรงโรงอาหาร“พริ้ง ^_^”พี่ม่อนเดินมาทางฉันใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ฉันไม่ได้พูดอะไรแค่ยิ้มตอบเขาไปก็แค่นั้น“ขาเป็นไงบ้าง เมื่อคืนอาสิงห์พาไปหาหมอใช่ไหม” ฉันเห็นสีหน้าของพี่ม่อนดูแปลกไปพอพูดถึงพี่สิงห์ เหมือนกำลังคิดอะไรสักอย่างอยู่“คะ คะ พี่สิงห์พาพริ้งไปหาหมอแล้วก็ไปส่งที่ห้อง”“อาสิงห์ก็รู้จักเป็นห่วงน้องสาวคู่หมั้นเหมือนกันนะเนี่ย ^_^”น้องสาวคู่หมั้น มันสะอึกไปกับคำคำนี้ยังไงก็ไม่รู้“เป็นอะไร ทำไมเงียบไปเลยหื้ม” พี่ม่อนยกมือขึ้นมาลูบผมฉันเบา ๆ แล้วก็นั่งลงข้าง ๆ กับฉันฉันสังเกตเห็นสายตาของผู้หญิงที่เดินผ่านไปมา พวกเธอมองมาทางฉันกับพี่ม่อนแบบไม่ค่อยจะเป็นมิตรสักเท่าไหร่เลย“คืนนี้ไปปาร์ตี้ด้วยกันไหม ^_^”“เอ่อ คือ...” เอาละสิจะพูดปฏิเสธไปยังไงดี เพราะคืนนี้พี่สิงห์ก็จะให้ลูกน้องมารับฉัน“เป็นปาร์ตี้ริมสระว่ายน้ำน่ะ ไม่ใช่ที่คลับ ^_^”“เอ่อ พะ พริ้งไม่ถนัดเรื่องปาร์ตี้เท่าไหร่”“อ่า จะปฏิเสธงั้นสินะ” สีหน้าพี่ม่อนดูเฟล ๆ ไปเลยนะ แต่เขาก็ยังจะฝืนยิ้มให้ฉันอยู่ ส่วนฉันก็พยักหน้าตอบแล้วก็ยิ้มแห้ง ๆโชคดีที่สายธารมันเดินมา
ฉันแกะมือของพี่สิงห์ออกจากแก้มก่อนจะเดินหนีเข้าหวังจะไปเข้าห้องน้ำ แต่!! ฉันดันหลงทางนี่สิไม่รู้ว่าห้องน้ำไปทางไหน พยายามมองหาป้ายบอกทางก็ไม่มีหมับ! พรึบ!“อ่ะ !!” ฉันอุทานออกมาเสียงหลงเพราะจู่ ๆ ก็โดนใครไม่รู้มาคว้าจับแขนของฉัน กำลังจะดึงแขนออกแต่พอมองคนที่จับอยู่เห็นว่าเป็นพี่ม่อนฉันก็ค่อยคลายความตกใจลง“ขอโทษที่พี่ทำให้ตกใจ ตอนแรกพี่แค่สงสัยว่าใช่พริ้งหรือเปล่า”“ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ ไหนจะไม่มาไง?”“เอ่อคือว่าพริ้ง...” ฉันกำมือตัวเองแน่นเพราะไม่รู้ว่าจะตอบไปแบบไหนดีกับคำถามของพี่ม่อนที่ถามฉัน ไม่คิดว่าที่พี่ม่อนชวนมันจะเป็นงานเดียวกันกับพี่สิงห์ถ้าจะบอกว่าฉันมากับพี่สิงห์ซึ่งเป็นอาของเขามันก็คงจะไม่ใช่เรื่องดี แต่ถึงฉันไม่บอกยังไงพี่ม่อนก็ต้องเห็นด้วยตาของตัวเองอยู่แล้ว“มากับอาสิงห์งั้นเหรอ?” พี่ม่อนถามเบา ๆฉันถอนหายใจออกมายาว ๆ แล้วพยักหน้าตอบอย่างเลี่ยงไม่ได้“ทำไมถึง...”พรึบ!!ยังไม่ทันได้ฟังพี่ม่อนพูดอะไรต่อ จู่ ๆ มือของเราทั้งคู่ก็ถูกแยกออกจากกัน โดยมีใครก็ไม่รู้มายืนตรงหน้าฉัน เหมือนกำลังบังตัวฉันเอาไว้“พะ พี่สิงห์...” เมื่อมองดูดี ๆ แล้ว แผ่นหลังนี้ฉันจำได้ดีว่าเป็นใคร
— Talk Singhaหึ!! คิดว่าผมไม่รู้หรือไงว่าเมียตัวเองแอบหนีไปเที่ยว เธอคงไม่รู้ว่าผมให้ลูกน้องคอยตามดูเธอเอาไว้ ว่าแล้ว ไล่ผมมาจัง กลับไปเจอดีแน่ ๆที่เธอไม่กล้าบอกผมก็เพราะรู้ว่าบอกผมยังไงผมก็ไม่ให้ไป ผมหวง ถ้าจะไปผมต้องไปด้วย ดูท่าเพื่อนของเธอคงจะเป็นต้นคิดแน่ ๆโชคดีที่งานอีกงานที่ผมต้องไปพรุ่งนี้ถูกยกเลิก ผมเลยคิดว่าจะบินกลับไทยไปตอนนี้เลยจริง ๆ ผมก็ไม่ได้โกรธอะไรมากมาย ผมแค่ไม่ชอบให้พริ้งไปเที่ยว เพราะเวลาเธอเมามันเหมือนคนอื่นเขาซะที่ไหนกันล่ะ แต่วันนี้ลูกน้องผมบอกว่าเธอดื่มน้ำเปล่า ค่อยโล่งใจหน่อย ถ้าผมรู้ว่าเธอดื่มเหล้าคงจะหัวเสียมากกว่านี้หลังจากที่ผมแน่ใจว่าเมียผมหลับไปแล้ว ผมก็กดวางสายก่อนจะนั่งรถไปขึ้นเครื่องกลับไทยจริง ๆ ผมไม่ชอบมางานสังคมแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่เพราะพ่อเป็นคนขอให้ผมมา จะเอาเมียมาด้วยก็ไม่ยอมมา คงเพราะมีแผน อุตส่าห์ซื้อของขวัญไว้ให้ เตรียมจะเซอร์ไพรส์ รู้แบบนี้มันน่าให้ไหมวะ เมียผมแม่งดื้อ !!!#ประเทศไทยมาถึงผมก็สั่งให้ลูกน้องเอาของที่ผมจะให้เมียมาที่คอนโด เป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ได้หวือหวาอะไรมาก เมื่อคุยกับลูกน้องเสร็จผมก็รีบเดินขึ้นไปที่ห้อง รอเวลาเ
หนีเที่ยว พรุ่งนี้พี่สิงห์จะต้องไปดูงานที่ต่างประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าฉันไปด้วยไม่ได้เพราะต้องเรียน วันนี้เขาก็เลยจะงอแงเป็นพิเศษ แถมจะเอาฉันไปด้วยให้ได้เลย “ไปแค่สองวันเอง ไม่ได้รึไง?” พี่สิงห์ยกหัวขึ้นมานอนบนหน้าตักของฉันแล้วทำหน้าอ้อน ตอนนี้เราอยู่กันในห้อง พี่สิงห์เพิ่งจะไปรับฉันกลับมาจากมหาวิทยาลัย “ก็นั่นสิคะ แค่สองวันเองนะ” ฉันย้อนคำพูดของพี่สิงห์ทันที“เดี๋ยวนี้รู้จักเถียง” พี่สิงห์มองฉันตาดุ ๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาหยิกแก้มของฉัน “อื้อ พี่สิงห์ ก็พริ้งบอกว่าพริ้งมีเรียนไง” ฉันจับมือพี่สิงห์ออกจากแก้มแล้วก็อธิบายเหตุผลเดิม ๆ ที่ฉันพูดไปเป็นร้อยครั้งแล้ว ให้พี่สิงห์ฟัง “ไม่อยากห่างเธอ” พี่สิงห์พูดเสียงจริงจัง“เราก็วิดีโอคอลคุยกันไงคะ ^_^”“มันเหมือนกันไหมล่ะ คอลคุยแล้วฉันได้กอดเธอไหมล่ะ” นั่นไง งอแงอีกแล้ว คนแก่นี่จริง ๆ เลยนะ “ยังไงก็ไปไม่ได้ค่ะ พี่สิงห์เข้าใจพริ้งหน่อย”“เธอใจร้ายชะมัด”“แล้วนี่เก็บกระเป๋ายังคะ?”“นี่อยากให้ฉันไปมากว่างั้น เธอมีพิรุธ !!” พูดจบพี่สิงห์ก็ลุกขึ้นมองหน้าฉันอย่างเอาเรื่อง เขามองฉันด้วยสายตาที่กำลังจ้องจะจับผิดฉันอยู่“เปล่า พริ้งแค่จะเก็บกระเป๋าให้ไ
ทะเล...ที่พี่สิงห์บอกว่าจะพาฉันมาเที่ยวทะเลน่ะ ตอนแรกฉันคิดว่าทะเลที่ไทย แต่ที่ไหนได้เขาพาฉันไปเที่ยวทะเลที่ต่างประเทศ ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวของคุณพ่อพี่สิงห์มา และแน่นอนว่ารวยระดับพี่สิงห์ต้องเป็นเกาะส่วนตัวนี่เดี๋ยวกลับไปจากเที่ยวก็ต้องไปงานแต่งของพี่มารีต่อด้วย เรามากันแค่สองวันหนึ่งคืนเท่านั้น เพราะมีเวลาแค่นี้จริง ๆ “ไปใส่ชุดนี้หน่อย”ในขณะที่ฉันกำลังนั่งมองบรรยากาศยามเช้าที่ชิงช้าริมหาดพี่สิงห์ก็ยื่นถุงอะไรบางอย่างมาให้ฉัน แถมเขายังทำหน้าอ้อนฉันอีกด้วย “อะไรคะ?” ฉันรับถุงมาจากพี่สิงห์ก่อนจะปิดดูข้างใน เมื่อเห็นว่าของข้างในนั้นมันมีสีแดงสดฉันก็รีบปิดถุงทันที มันคือบิกินี่ที่พี่สิงห์ซื้อให้ฉัน “บะ บ้า ก็พริ้งบอกว่าไม่ใส่ไง”พี่สิงห์นี่จริง ๆ เลยนะ ฉันอุตส่าห์ตั้งใจแล้วแท้ ๆ ที่จะไม่หยิบบิกินี่มา ไม่รู้ว่าพี่สิงห์แอบเอาใส่กระเป๋ามาด้วยตั้งแต่เท่าไหร่ “อุตส่าห์ซื้อมาตั้งแพง” พี่สิงห์บ่น แต่ฉันไม่ได้บอกให้เขาซื้อให้เลยนะ พี่สิงห์น่ะอยากจะซื้อเองต่างหาก “ก็พริ้งบอกแล้วว่าไม่ต้องซื้อ”“ก็อยากให้เมียใส่ ที่นี่มีแค่ผัวเธอนะ เธอจะอายทำไม”“ก็พริ้งอายนี่นา...” ฉันทำหน้ามุ่ยตอบพี่สิงห์
เชื่อไหมคะถ้าฉันจะบอกว่าตอนนี้ฉันถูกพี่สิงห์ลากตัวมาที่ห้างสรรพสินค้า เพื่อที่จะมาเลือกซื้อชุดบิกินี่ตามที่เขาได้พูดเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่อยากจะใส่มันเลยสักนิด“พี่สิงห์ไม่เอา พริ้งบอกแล้วไงว่าไม่อยากใส่” ฉันปัดมือพี่สิงห์ออก เพราะเขาเอาบิกินี่สีแดงสดมาทาบลงบนตัวของฉัน“เซ็กซี่ดี เอาอันนี้ แล้วสีไหนอีกดี” รับบทเป็นคนหูหนวกไปแล้วค่ะแฟนฉันตอนนี้ ฉันถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จะทำยังไงกับเขาดีเนี่ยพูดไม่ฟังเลยพี่สิงห์หยิบชุดบิกินี่มาประมาณสามชุดได้แต่ละชุดควไม่ต้องให้พูดถึงความโป๊ของมันนะ ถ้าแบบนี้ให้ฉันแก้ผ้าเลยยังจะดีกว่า“ยิ้มหน่อยสิ ดูทำหน้าเข้า” พี่สิงห์บอกฉันหลังจากที่จ่ายเงินค่าชุดเดินออกมาจากร้านเรียบร้อยแล้ว“พี่สิงห์น่ะ บอกไม่ฟังเลย”“หิว กินอะไรดี เธออยากกินอะไร?” ค่ะ!! สุดท้ายพี่สิงห์ก็คือพี่สิงห์ ฉันควรชินได้แล้วจริง ๆ“อะไรก็ได้ค่ะ”“อะไรก็ได้ มันไม่มีขายหรอกนะ”“กวน... เหรอคะ” ฉันพูดเว้นคำมันก็แล้วแต่พี่สิงห์จะไปเติมคำในช่องว่าง“นั่นปากใช่ไหม ใครให้พูดกับคนที่อายุเยอะกว่าแบบนี้ อีกอย่างใครใช้ให้พูดกับผัวแบบนี้ ฮะ” พี่สิงห์มองฉันสายตาเกรี้ยวกราดเขายกมือขึ้นมาเท้าเอว
ภายในห้อง... เมื่อมาถึงพี่สิงห์ก็ยังงอนตุ๊บป่องอยู่ แต่ฉันต้องไปให้อาหารแมวก่อน ดูสิพอเห็นคนเดินเข้ามาในห้องนางร้องใหญ่เลย อึเอาไว้หลายกองด้วยนะ“ค้าบบ แม่กำลังจะเอาอาหารให้กินอยู่นี่ไงสิงห์” ฉันปรามแมวน้อยเพราะเอาแต่ร้องแล้วก็จะปีนกรงท่าเดียว“เหมี๊ยว เหมี๊ยว ~” ดูมันทำท่าเข้าสิน่ารักซะไม่มีหลังจากเอาอาหารให้แมวเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องมาง้อแฟน เฮ้อ!! เป็นฉันนี่มันก็เหนื่อยเหมือนกันนะ“พี่สิงห์ งอนอะไรพริ้งอีก” ฉันถามเขาแต่พี่สิงห์ก็เอาแต่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงไม่สนใจฉันเลย“ทำไมคนแก่ชอบขี้งอนจัง ไม่กลัวพริ้งเบื่อเหรอคะ”“กล้าเบื่อฉันก็ลองดู !!” พี่สิงห์ละสายตาออกจากหน้าจอโทรศัพท์ เขาจ้องฉันตาเขม่งเลยตอนนี้“พริ้งแค่คุ้นหน้าผู้ชายคนนั้น เขาน่าจะแอบกิ๊ก ๆ กันกับยัยสารธาร”“อื้ม” พี่สิงห์พยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ เขามองโทรศัพท์ในมือต่อ แต่ฉันดูออกว่าแบบนี้น่ะยังไม่หายงอนหรอกฉันถอนหายใจออกมาเบา ๆ จากนั้นก็คลานเข่าขึ้นไปบนเตียง นั่งคร่อมตรงช่วงสะโพกของพี่สิงห์แล้วก็มุดหน้าลงไประหว่างแขนสองข้างของพี่สิงห์ที่กำลังเล่นโทรศัพท์อยู่“พี่สิงห์ทำไมขี้งอนขนาดนี้เนี่ย” ฉันบนพึมพำบนแผงอกก
เช้าวันใหม่... ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะรีบดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงเพราะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนฉันแช่ชุดนักศึกษาเอาไว้แล้วยังไม่ได้เอาไปตากเลยเพราะเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนที่พี่สิงห์อาบน้ำอยู่เมื่อเดินเข้าไปดูในห้องน้ำฉันก็ไม่เห็นชุดนักศึกษาของตัวเองแล้ว หายไปไหนกัน“พี่สิงห์ พี่สิงห์เห็นชุดที่พริ้งแช่เอาไว้เมื่อคืนไหม” ฉันเดินไปนั่งลงบนเตียงแล้วถามพี่สิงห์ที่กำลังนอนหลับอยู่พี่สิงห์ปรือตาขึ้นมามองฉันแต่แค่แป๊บเดียวเท่านั้นที่เขามองหน้า สายตาของพี่สิงห์ค่อย ๆ เลื่อนมองตรงระดับหน้าอกของฉันอย่างหื่นกามแป๊ะ!! ฉันฟาดไปที่ไหล่กว้างของพี่สิงห์แรง ๆ เพราะเขาเอาแต่บ้ากามไม่สนใจคำถามของฉันเลย“โอ้ย! เธอตีแรงไปไหมวะพริ้ง” พี่สิงห์จ้องหน้าฉันสายตาดุ ๆ เขายกมือขึ้นไปลูบตรงที่เพิ่งโดนฉันฟาดไปเมื่อกี๊“พริ้งถามน่ะ ไม่ได้ยินเหรอคะ”“เอาไปตากให้แล้ว” พี่สิงห์ตอบก่อนที่เขาจะเอาหัวของตัวเองมาวางไว้บนหน้าตักของฉัน จะว่าไปพี่สิงห์ก็น่ารักเหมือนกันนะเนี่ยมีตากผ้าให้ด้วย“ขอบคุณนะคะ ^_^”“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็น...”“ไม่ค่ะ หยุดบ้ากามก่อนจะได้ไหม พริ้งอยากกลับห้องแล้ว แมวพริ้งไม่มีอาหารกิน”“แมวกับผัวอะไรสำคัญกว่า
ฉันดันตัวพี่สิงห์ออกเพื่อที่จะให้ตัวเองหลุดออกจากอ้อมกอดของเขา แต่พี่สิงห์กลับไม่ยอมปล่อยฉัน เขาเอาแต่จ้องไปหน้าของฉันไม่ละสายตา จนฉันต้องถอนหายใจออกมาเพราะความหนักใจกับอาการที่เหมือนเด็กของพี่สิงห์ ไม่สิ! เด็กบางคนยังพูดรู้เรื่องกว่าเขาอีกนะ“นานตรงไหนคะ แค่ไม่กี่ปีเอง”“สำหรับฉันหนึ่งเดือนก็ถือว่านานมาก” พี่สิงห์ยังคงงอแงไม่ยอมเลิก ฉันจะจัดการกับผู้ชายคนนี้ยังไงดี“เราเลิกคุยกันเรื่องนี้กันดีกว่าค่ะ”“ยังคุยไม่รู้เรื่อง” พี่สิงห์ขัดขึ้น เขาพ่นลมหายใจแรง ๆ รดใบหน้าของฉันด้วย“พริ้งรู้เรื่องแล้ว แต่พี่สิงห์น่ะไม่รู้เรื่อง” ฉันพูดด้วยอารมณ์ที่เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง“ถ้าพี่สิงห์ยังพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้งั้นคืนนี้พริ้งขอกลับไปนอนที่คอนโดนะคะ” ฉันพูดตัดปัญหาไป เพราะขืนถ้ายังคุยกันไม่รู้เรื่องแบบนี้แล้วต้องมานอนด้วยกันพี่สิงห์ก็คงต้องหยิบเรื่องหมั้นขึ้นมาพูดอีกแน่ ๆ“เธอทำไมใจร้ายแบบนี้วะพริ้ง แม่ง!!” นั่นไง!! พอไม่ได้ดั่งใจเขาก็โวยวาย ก็เขาพูดเองว่ารอได้แล้วจะมาอะไรเนี่ย งานหมั้นเชียวนะ มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลยพี่สิงห์ปล่อยกอดออกจากฉันจากนั้นก็เดินหน้าบึ้งพร้อมกับกระแทกเท้ากลับไปน
พี่สิงห์มองค้อนฉัน แอบคิดในใจนะว่านี่ฉันคิดดีแล้วใช่ไหมที่ให้อภัยเขา ดูความเอาแต่ใจของเขาสิ แต่ก็นะถ้าฉันกลับคำพูดก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน “พะ พี่สิงห์ทำแบบนี้มันสกปรกนะคะ” ฉันเบิกตากว้างเพราะ จู่ ๆ พี่สิงห์ก็ถอดเสื้อตัวเองออกมาเช็ดคราบน้ำกามของเขาที่ติดอยู่บนหน้าท้องของฉันออก แล้วก็เช็ดน้ำกามที่ติดอยู่ตรงหว่างขาให้ฉันด้วย “ถ้าไม่เอาเสื้อฉันเช็ดแล้วเธอจะเอาอะไรเช็ด เสื้อเธอไหม?” พี่สิงห์เลิกคิ้วถาม ฉันเงียบไม่ได้เถียงอะไรต่อเพราะพูดไปก็คงไม่ชนะเขาหรอก ฉันลุกขึ้นแต่งตัวโดยมีพี่สิงห์จ้องมองตลอดเวลา ส่วนเขาน่ะยังไม่ลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าเลย ไม่อายเลยรึไง นี่เขาโป๊อยู่นะ ทำหน้ากวนฉันด้วยนะ“พี่สิงห์ใส่เสื้อผ้าได้แล้ว” ฉันทนมองไม่ไหวเลยต้องบอกให้พี่สิงห์ลุกขึ้นใส่เสื้อผ้า“นึกว่าเธออยากมอง” ดูเขาพูดสิ ไหนคำว่าอายไม่มีเลยจริง ๆ “บะ บ้าเหรอคะ ใครจะอยากมองกันล่ะ ไม่เห็นจะหน้ามองเลยสักนิด”“ก็เธอไง ไม่รู้ตัวเหรอว่าเธอจ้องมันอยู่”พอพี่สิงห์พูดแบบนั้นฉันถึงกับต้องรีบหันหน้าไปทางอื่นทันที ใบหน้ามันร้อนผ่าวฉัน ฉันรู้สึกได้เลยตอนนี้ “ไม่ต่อเหรอ?”“ตะ ต่ออะไรเล่า บะ บ้า สั่งให้นักบินเอาเครื
พอจบคำพูดของพี่สิงห์ฉันก็แสร้งทำเป็นหาวนอนยกมือขึ้นมาปิดปาก“พริ้งง่วงจังค่ะ อยากนอนแล้วเอาเครื่องลงได้แล้ว” ฉันพูดออกไปน้ำเสียงงัวเงียเพื่อให้มันดูสมจริงยิ่งขึ้น“ง่วง? นี่เธอล้อฉันเล่นหรือเปล่า” พี่สิงห์ขมวดคิ้วหนาเป็นปมพร้อมกับยืนเอามือท้าวเอวมองค้อนฉัน เขาดูจะไม่ค่อยเชื่อฉันสักเท่าไหร่“ง่วงจริง ๆ นะคะ ตาจะปิดแล้วเนี่ย”“งั้นเธอนอนไปเดี๋ยวทำเอง” พูดจบพี่สิงห์ก็ทำท่าเหมือนจะขึ้นมาคร่อมตัวฉัน เห็นแบบนั้นฉันรีบขยับหนีเขาทันทีพร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเอาไว้ ไม่ชอบเลยที่มีเตียงนอนอยู่บนเครื่องแบบนี้ มันเข้าทางพี่สิงห์ไปหมดทุกอย่าง“ง่วงหรือไม่อยากให้ทำ?” พี่สิงห์เลิกคิ้วขึ้นเชิงถาม ตอนนี้เขาอยู่ในท่าที่มือทั้งสองข้างวางค้ำยันกับที่นอนเอาไว้พร้อมจะคลานเข่าเข้ามาหาฉันตลอดเวลา“มะ ไม่อยากทำ” ฉันเม้มปากแน่น คือแบบฉันก็ไม่รู้จะพูดยังไงอะนะ คือก็คนมันยังไม่พร้อมจะให้ทำแบบนั้นนี่นา แต่แทนที่พี่สิงห์จะเข้าใจเปล่าเลยค่ะ เขาคลานเข่าเข้ามาใกล้ฉันเรื่อย ๆ“พี่สิงห์...” มันรู้สึกร้อนวูบวาบกับสายตาแบบนี้ของเขายังไงก็ไม่รู้ มันเหมือนกับว่าพี่สิงห์กำลังสื่อบอกฉันว่ายังไงครั้งนี้เขาก็ไม่ยอมปล่อยฉันไปแ