“อ๊ะ! พิมพ์ใจจะขาดอยู่แล้ว อื้อ!” พิมพ์รพีพรบิดร่างไปมาด้วยความเสียวซ่าน ปลัดเมฆายิ้มหวาน เขาขยับตัวลุกขึ้นยืนข้างเตียง จัดการถอดสิ่งกีดขวางท่อนล่างให้พ้นกาย ขณะที่สายตามองไปยังร่างบางที่นอนหอบหายใจแรง ด้วยความต้องการในตัวเขา ชายหนุ่มยิ้มยั่วใส่แววตาหวานปรือปรอยนั้น เขาจับร่างบางโอบอุ้มขึ้นจากเตียง พิมพ์รพีพรกอดคอเขาไว้แน่น ขาเรียวเกี่ยวกระหวัดรอบเอวสอบอัตโนมัติ
“พี่เมฆ...อื๊อ!” เสียงหวานครางแว่ว เมื่อดอกไม้กลางกายที่บานฉ่ำสัมผัสถูกความร้อนรุ่มแข็งแกร่ง
มือใหญ่ยกสะโพกเต่งตึงขึ้น แล้วกดลงพร้อมๆกับส่ายสะโพกสอบบดเบียด ส่งตัวตนแข็งแกร่งเข้าไปตามช่องทางรักอุ่นลื่น
“อื้ม...พี่ต้องขาดใจตายก่อนพิมพ์แน่เลย” สองร่างกอดเกี่ยวกระหวัดรัดแน่น
“ขยับสิพิมพ์ มันจะดีกว่านี้” เสียงทุ้มสั่นพร่าเมื่อเอ่ยบอกคนร่างเล็กที่อุ้มแนบอกอยู่ให้ทำอย่างที่ต้องการ พิมพ์รพีพรเริ่มขยับสะโพกเล็กน้อย ความเสียวซ่านก่อตัวขึ้นมาทันทีเมื่อเธอขยับสะโพก
“อา...พิมพ์น่ารักที่สุด พิมพ์จ๋า ขยับอีกสิพิมพ์คนเก่ง พี่รักพิมพ์ที่สุด” พิมพ์รพีพรขยับสะโพกอย่างกล้ากลัวๆ มือใหญ่บีบเคล้นอยู่ที่สะโพกเต่งต
“อื้อ...พี่เมฆ” พิมพ์รพีพรหอบหายใจแรง การรอคอยช่างทรมานเหลือเกิน หญิงสาวตัดสินใจยกสะโพกขึ้นแล้วกดลงช้าๆ คนข้างล่างช่างรู้ใจ ในจังหวะที่เธอกดร่องดอกไม้ลงครอบครองความแข็งแกร่งช้าๆ เขาก็เกร็งสะโพกเสยขึ้นรับแรงกระแทกทันที“เร็วกว่านี้นะพิมพ์จ๋า...พี่จะขาดใจตายอยู่แล้ว” ปลัดเมฆากระซิบเสียงกระเส่า พิมพ์รพีพรค่อยๆปรับจังหวะให้เร็วขึ้น“อา...อย่างนั้นแหละพิมพ์ น่ารักที่สุด” พิมพ์รพีพรซบหน้าแนบอยู่ที่อกกว้าง มือเล็กเกาะเกี่ยวจิกอยู่บนบ่ากว้างแน่น ปลัดเมฆาบีบเคล้นสองเนื้อเต่งตึงที่สะโพกเร่งเร้า ปากก็พร่ำคำหวานให้กำลังใจคนขี้อาย“อื๊อๆ...พี่เมฆ ช่วยพิมพ์ด้วย” พิมพ์รพีพรเร่งรัวสะโพกถี่ยิบ อย่างที่เธอก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำได้ เมื่อความเสียวกระสันแผ่ไปทั้งร่างจนใกล้จะถึงที่สุด เธอเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้จนน่าตกใจ ปลัดเมฆารับรู้อาการของหญิงสาว เขาใช้มือใหญ่กดสะโพกเต่งตึงแล้วยกสะโพกสวนเสยขึ้นรัวเร็วในจังหวะเดียวกัน จนกระทั่งพิมพ์รพีพรเกร็งค้าง ครวญครางเสียงหวานราวกับจะขาดใจ“พี่เมฆ...อ๊ายๆๆ” ปลัดเมฆาพลิกร่างของภรรยาลงแล้วตามทาบทับ เขารัวสะโพกสอบเร็วแรง จนไล่แตะวิมานแสงด
พิมพ์รพีพรและปลัดเมฆานัดกันไว้แล้ว ว่าจะไปเยี่ยมไอรักที่กำลังตั้งท้องเกือบสี่เดือนแล้ว ตามคำชวนของธีร์ภาณุ ที่ต้องการเลี้ยงฉลองการสละโสด กับปลัดเมฆาซึ่งเป็นเพื่อนรักกัน แต่ธีร์ภาณุไม่ได้มาร่วมงานแต่งของเพื่อน ไอรักซึ่งเป็นเพื่อนรักในกลุ่มเดียวกันกับพิมพ์รพีพร ก็อยากจะคุยกับเพื่อนสาว อยากรู้ว่าจับพลัดจับผลูอย่างไร ถึงลงเอยด้วยการแต่งงานกับคนที่ไม่ชอบหน้ากันตั้งแต่เจอหน้ากันในครั้งแรก พิมพ์รพีพรโทรศัพท์ไปชวนน่านน้ำเพื่อนซี้ร่วมกลุ่มแล้ว แต่น่านน้ำปฏิเสธ เนื่องจากกำลังเร่งทำคะแนนกับบอสสุดหล่อ ที่น่านน้ำหลงรักอย่างหัวปักหัวปำอยู่เมื่อรถของปลัดเมฆาแล่นเข้ามาจอด ภายในบริเวณหน้าบ้านไม้หลังใหญ่สไตล์รีสอร์ตสองชั้น ที่เพิ่งปลูกใหม่อยู่กลางไร่แสงตะวัน ไอรักอยู่ในชุดคลุมท้องสีหวานยืนขึ้นจากเก้าอี้โยกตัวโปรด หญิงสาวยิ้มกว้าง เมื่อเห็นเพื่อนรักเดินลงมาจากรถ พิมพ์รพีพรเดินเร็วแทบจะเป็นวิ่ง ตรงเข้าหาเพื่อนรัก สองสาวกอดกันกลมด้วยความคิดถึง“คิดถึงหนูไอจัง เป็นไงบ้าง ไหนดูซิคุณแม่คนสวยท้องโตแค่ไหนแล้ว” พิมพ์รพีพรผละออกจากไอรัก แล้วมองร่างของเพื่อนตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า สองสาวสบตากันหัวเรา
“แกพักผ่อนเถอะพิมพ์ เดินทางมาคงเหนื่อย เดี๋ยวฉันไปจัดการพี่ธีร์ก่อน ดึกแล้วน่าจะพอได้แล้ว” ไอรักเดินออกจากห้องเพื่อนตรงไปที่ระเบียงกว้างทันที“พี่ธีร์ขา” ไอรักเรียกเสียงออดอ้อน ธีร์ภาณุหันไปตามเสียง ปลัดเมฆาก็หันตามยิ้มๆ ถึงปากจะบอกว่าอนุญาตให้เมาเต็มที่ แต่เธอง่วงแล้ว และก็ไม่อยากนอนคนเดียว“ครับ...หนูไอ” ปลัดเมฆาดูสองสามีภรรยาส่งยิ้มหวานให้กันแล้ว ชักรู้สึกว่าตัวเองเป็นก้าง“เอิ่ม...ขอตัวไปดูภรรยาก่อนล่ะนะ” ปลัดเมฆารีบลุกจากเก้าอี้ ที่จริงเขาอยากนอนกอดร่างนุ่มนิ่มมากกว่าที่จะมานั่งดื่มกับธีร์ภาณุ แต่นานๆเจอกันที เขาเองก็ไม่อยากเสียมารยาทกับเพื่อน“ตามสบายเพื่อน” ธีร์ภาณุเอ่ยตามหลังปลัดเมฆาไป ไอรักเดินยิ้มหวานเข้าใกล้สามี“ดื่มไปกี่แก้วคะ” เอาเข้าจริงไอรักก็ไม่ค่อยชอบให้สามีดื่มเท่าไร เพราะมันไม่ได้ดีต่อสุขภาพเลย“ไม่เท่าไรครับ ยังฟิต เตะปี๊บดังทั้งคืน”ร่างของไอรักถูกรวบให้นั่งลงบนตักแกร่งของสามี หญิงสาวเอนศีรษะซบไปกับแผงอกกว้างอย่างวางใจ“คนเรานี่ก็แปลกนะคะพี่ธีร์ ไม่ถูกชะตากันตั้งแต่วันแรก แต่กลับมาลงเอยเป็นคู่กันอย่างพี่เม
“พิมพ์จ๋า อย่าทรมานพี่อย่างนี้” พิมพ์รพีพรคลี่ยิ้มหวาน มือเล็กไขว้ลงดึงรั้งชุดนอนเซ็กซี่ดึงออกทางศีรษะ หน้าอกอวบอิ่มดีดเด้งยั่วสายตาคนมองทันที เพราะหญิงสาวไม่ได้ใส่ชั้นใน พิมพ์รพีพรเตรียมพร้อมอยู่แล้ว เธอก็ต้องการสามีไม่ได้แตกต่างกันกับเขา กลีบดอกไม้บานฉ่ำชิดอยู่หน้าท้องแกร่ง มือใหญ่ถูกมือเล็กจับขึ้นมาสัมผัสหน้าอกอวบอย่างเย้ายวน ปลัดเมฆากอบกุมเคล้นคลึงอย่างหนักหน่วงด้วยอารมณ์ร้อนรุ่มยิ่งนัก“อา...พิมพ์” ปลัดเมฆาครางกระเส่า เมื่อพิมพ์รพีพรโหย่งตัวขึ้นแล้วจดจ่อร่องดอกไม้อุ่นลื่นเข้ากับปลายลำแข็งขัน มือเล็กทั้งสองข้างยันหน้าอกแกร่งไว้ สะโพกมนกดลงช้าๆค่อยๆครอบครองตัวตนของสามีไว้ทุกทิศทาง“อืม...พี่เมฆ อ๊ะ!” เมื่อใกล้สุดทางลำรักร้อน ปลัดเมฆาเสยสะโพกขึ้นกระแทกแรง พิมพ์รพีพรจึงต้องอุทานออกมาด้วยความเสียวซ่าน ใบหน้างามแหงนเงย ปากเล็กพ่นลมออกเบาๆ“พิมพ์น่ารักที่สุด อา...” มือใหญ่บีบคลึงเนื้อสะโพกหนั่นแน่น สลับกับการเคล้นคลึงหน้าอกอวบสร้างความเสียวกระสันในคนคุมเกมด้านบน พิมพ์รพีพรขยับสะโพกรัว กระแทกลงรุนแรง ปลัดเมฆาเสยสะโพกรับสอดประสาน สร้างกระแสความวาบหวามกระจายอยู่รอบตั
“อา...พิมพ์จ๋า พี่รักพิมพ์นะ” “พิมพ์ก็รักพี่เมฆค่ะ” พิมพ์รพีพรหลับตาลงยิ้มด้วยความสุข สักครู่เดียว ร่างเล็กก็ถูกพาเอนตัวลงบนที่นอนนุ่ม ปลัดเมฆาทอดกายลงมาเคียงข้างด้านหลัง วงแขนแกร่งกอดกระชับเอวคอดแน่น ริมฝีปากหยักได้รูปกดลงที่เรือนผมนุ่มหอมแรงๆ “อืม...ยังไม่หายคิดถึงเลย” พิมพ์รพีพรหยิกลงบนหลังมือใหญ่ ที่ลูบวนแถวหน้าท้องแบนราบของตน “หื่นเกินไปแล้วค่ะ” คำต่อว่าของภรรยาทำให้ปลัดเมฆาอมยิ้ม จมูกโด่งกดลงที่ต้นคอขาวด้านหลัง พิมพ์รพีพรหดคอลงส่งเสียงอู้อี้ เพราะเหนื่อยเต็มที “อีกครั้งนะ นะๆ” ก่อนที่พิมพ์รพีพรจะได้ปฏิเสธ มือใหญ่ก็จับท่อนขาเรียวเธอยกขึ้นไปพาดไว้บนสะโพกตนเอง แล้วแทรกตัวตนเข้ามาในร่องรักที่ฉ่ำแฉะอยู่แล้ว “อ๊ะ...พี่เมฆ” ปลัดเมฆารัวสะโพกเร็วโดยที่พิมพ์รพีพรไม่ทันตั้งตัว นิ้วเรียวใหญ่กดบดบี้ติ่งกลางกายสาวซ้ำ คนถูกจู่โจมได้แต่ถอนใจ มือเล็กข้างหนึ่งเกาะเกี่ยวหมอนที่หนุนอยู่ อีกข้างจิกลงบนท่อนแขนแกร่งที่กอดรัดเอวตัวเองไว้ “อย
“ฉันอกหัก ฉันอยู่กรุงเทพไม่ได้แล้ว ฉันจะออกไปจากที่ตรงนี้ ฉันจะออกไปแตะขอบฟ้า” คำพร่ำพรรณนาของเพื่อนรักพรั่งพรูออกมาพร้อมเสียงสะอื้นโวยวาย ทำให้ไอรักคุณแม่ท้องแก่ที่กำลังอุ้มท้องลูกสาวคนแรก ซึ่งมีอายุครรภ์เกือบแปดเดือนขมวดคิ้วผูกโบ อกหัก? คือเท่าที่รู้น่านน้ำเพื่อนรักยังไม่เคยมีแฟนเลยไม่ใช่หรือ “เอ่อ...น้ำ แกใจเย็นๆนะ แกอกหักจากใครเหรอ” “บอสไงแก ฉันเฝ้าถนอมตามรักมาตั้งหลายเดือน แล้วนี่อยู่ดีๆบอส ก็มาประกาศปาวๆว่ากำลังจะแต่งงาน กับแฟนสาวที่คบกันมาตั้งแต่สมัยไปเรียนอยู่อังกฤษ ฉัน...ฉันรับม่ายด้าย นี่ไงแก...นี่ไง...การ์ดยังอยู่ในมือฉันอยู่เลย นี่ไง...ฮือๆ” น่านน้ำยังคงโวยวายระบายความในใจกับเพื่อนรัก ไอรักเป็นเพื่อนรักกลุ่มเดียวกัน หลังจากเรียนจบไอรักก็แต่งงานทันที แต่ความเป็นเพื่อนรักทำให้ยังติดต่อกันอยู่ “แล้วยายพิมพ์รู้เรื่องนี้หรือยัง” ไอรักถามหาพิมพ์รพีพรเพื่อนรักในกลุ่มอีกคน “ยัง...ยายพิมพ์เพิ่งแต่งงาน ฉันไม่อยากรบกวนเวลาสวีตมัน...ฮึกๆ” เสียงสะอื้นยังคงด
“นอนบนเรือนใหญ่” หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่นกับคำตอบสั้นๆที่ได้รับ“แล้วใครอยู่บนเรือนใหญ่บ้างคะ” เธอยังซักไซ้ต่อด้วยความอยากรู้“คุณกับคุณภูชิต” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ น่านน้ำพอจะฟังออก หญิงสาวจึงเลือกที่จะเงียบ ใบหน้าเรียบเฉยที่ดูเคร่งขรึมตลอดเวลา ดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววเด็ดเดี่ยว ประกอบกับเคราเขียวครึ้มบนใบหน้า ทำให้น่านน้ำแอบกลัวเขาอยู่นิดๆ แต่ก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เธอเคยเห็นเขาที่ไหนมาก่อนหรือเปล่านะรถคันใหญ่แล่นเข้าสู่บริเวณไร่ภูชิต ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว ความมืดปกคลุมไปทั่วบริเวณ แต่เมื่อรถแล่นเข้าใกล้บ้านไม้สไตล์รีสอร์ทหลังใหญ่ ก็มีแสงสว่างจากตัวบ้านและดวงไฟจากบริเวณรอบๆบ้าน ไม่ได้ดูมืดมิดเหมือนตลอดทางที่นั่งรถผ่านมา น่านน้ำเปิดประตูลงจากรถพร้อมๆกับคนขับ หญิงสาวมองไปรอบๆ“เข้าบ้านกันเถอะคุณน่านน้ำ อากาศเย็นหมอกลงจัด เดี๋ยวคุณจะไม่สบายเอาได้” น่านน้ำวิ่งตามคนที่ถือกระเป๋าของเธอเดินนำหน้าไปทางตัวบ้านก่อนแล้ว
“เงียบจัง” น่านน้ำในชุดนอนกางเกงขายาวเสื้อแขนยาวลายคิตตี้สีชมพู นั่งกอดหมอนใบใหญ่บนเตียงกว้าง บรรยากาศบ้านไร่ช่างวังเวงน่ากลัวจริง ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มืดไปหมด หญิงสาวถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ในวันนี้ มือบางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แต่พอเหลือบดูเวลาแล้ว หญิงสาวก็ได้แต่นั่งตาละห้อย“ดึกป่านนี้หลับกันหมดแล้วล่ะ เฮ้อ!” น่านน้ำเอนตัวลงนอน กว่าเธอจะข่มตาหลับได้ก็ใช้เวลานานนักหนา ทำให้แปดนาฬิกาในวันแรกของการทำงาน น่านน้ำยังคงนอนหลับไม่รู้สึกตัว เนื่องจากการเดินทางไกลและมาเจอสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็น ซึ่งแตกต่างจากอากาศในเมืองหลวง ทำให้ร่างกายของเธอปรับสภาพไม่ทัน หญิงสาวจึงเข้าสู่โหมดไข้สูงและตัวร้อนจี๋ก๊อกๆ“คุณน่านน้ำ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อน แล้วตามด้วยเสียงทุ้มตามมา น่านน้ำพยายามปรือตาขึ้น แต่ทำไมหนังตาเธอมันถึงหนักอึ้งอย่างนี้ หญิงสาวไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะพาร่างตัวเองลงจากเตียงเลยภูชิตขมวดคิ้วมุ่น เขาเคาะประตูอีกครั้ง หากแต่ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่อยู่ข้างใน ชายหนุ่มจึงตัดสินใจกลับไปที่ห้องตนเอง หยิบกุญแจสำรองมาไขกุยแจเปิดประตูห้องออก
“ไร่ภูชิตนี่อากาศดี๊ดีนะคะ” น่านน้ำเอ่ยเสียงกังวานใส ยิ้มหวานระบายเต็มใบหน้าเนียน เจ้าของไร่ภูชิตมองรอยยิ้มนั้นนิ่งค้าง“คุณภูชิต คุณภูชิตคะ” น่านน้ำโบกมือไปมาตรงหน้าชายหนุ่ม ภูชิตสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะปรับสีหน้าให้เรียบเฉยเหมือนเดิม“เอ่อ...ครับ” “น้ำว่าที่นี่อากาศดี๊ดีนะคะ” ภูชิตยิ้มเล็กน้อยพยักหน้ารับ“คุณน่านน้ำชอบที่นี่ไหมครับ” คนถูกถามระบายยิ้มหวานอีกครั้ง“ชอบค่ะ เอ่อ...คุณภูชิตเรียกน้ำเฉยๆก็ได้นะคะ” ภูชิตพยักหน้ารับ“ครับคุณน้ำ” เสียงเรียกราวกับคนละเมอ“น้ำขออนุญาตเรียกคุณภูนะคะ จะได้คุ้นเคยกัน”“ครับ” ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าใกล้ จนสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากลมหายใจกันและกัน บรรยากาศเบื้องหลังเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน พระอาทิตย์ดวงกลมโตกำลังจะลับขอบฟ้า ลำแสงสีส้มสาดส่องไปทั่วบริเวณไร่ภูชิต น่านน้ำหลับตาพริ้ม เอาล่ะ...อะไรจะเกิดมันก็ต
“สิน...ไอ้สิน” ภูชิตตะโกนเรียกลูกน้อง เพราะรู้ดีว่าเหล่าลูกน้องที่ติดตามเขา ต้องคอยดูและระวังความปลอดภัยให้เขาอยู่ใกล้ๆ“ครับนาย” นายสินวิ่งเร็วมาถึงหน้าเรือนไม้ ยืนเอามือกุมเป้าก้มหน้ารอฟังคำสั่ง“ไปซื้อยาลดไข้ชนิดน้ำมาให้หน่อย” ลูกน้องตัวโตทำหน้างงแปลกใจ ภูชิตจึงตวาดเสียงดัง“แกจะทำหน้างงทำไม สั่งอะไรก็ไปซื้อมาสิ”“ครับนาย ว่าแต่วันนี้นายจะเข้าไปดูในไร่ไหมครับ ผมจะได้ให้ไอ้อ๋องมันมาขับรถให้”“วันนี้คงไม่ไปไหน จะไปทำอะไรกันก็ไปเถอะ” ภูชิตพูดจบก็เดินเข้าบ้านไป ปล่อยให้ลูกน้องเกาหัวแกรกๆ ปกติแล้วภูชิตจะออกสำรวจไร่ทุกวัน ‘ไร่ภูชิต’ปลูกพืชไร่หลายชนิด ไม่เคยมีสักวันที่ผู้เป็นนายจะไม่ออกไปตรวจไร่ เพราะชายหนุ่มจะมุ่งมั่นกับการทำงานให้ออกมาดีที่สุด และมักจะควบคุมการทำงานทุกอย่างด้วยตัวเอง หากแต่ตอนนี้ผู้เป็นนายกลับมีบางอย่างที่รั้งให้เขาอยากอยู่กับบ้าน มากกว่าการออกไปตรวจงานไร่อย่างที่เคยเป็น“คุณน้ำ...ลุกมาทานยาเถอะจ้ะ” นางแตงอ่อนปลุกน่านน้ำในตอนเที่ยงเกือบบ่ายโมง หญิงสาวปรือตามองอย่างลำบาก แต่การที่ได้นอนหลับพักผ่อนมาตลอดช่วงเช้า และได้รับการเช็ด
ภูชิตสะบัดศีรษะไล่ความคิดติดเรทออกจากสมองตัวเอง เขายืนขึ้นเต็มความสูงร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร แล้วก้มมองสภาพเปียกปอนของตัวเอง และหันไปมองคนบนเตียง เสื้อนอนลายคิดตี้สีชมพูเปียกแนบไปกับอกอวบ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าคิตตี้เป็นอะไรที่น่ารักมาก ยิ่งตอนนี้ที่มันสะท้อนขึ้นลงตามจังหวะลมหายใจของคนที่สวมใส่อยู่ คิตตี้ช่างเป็นอะไรที่น่าค้นหาจริงๆยาก็กินไม่ได้ ตัวก็ร้อนจี๋ วิธีเดียวที่จะลดอุณหภูมิในตัวคนไข้ได้ ก็คงเป็นการเช็ดตัวสินะภูชิตกลับเข้ามาในห้องของน่านน้ำอีกครั้งในชุดใหม่ พร้อมกับกะละมังใบเล็กและผ้าขนหนู ชายหนุ่มยืนมองร่างของคนบนเตียงแล้วถอนหายใจ เขาวางกะละมังไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง ร่างสูงนั่งลงบนเตียงชิดร่างของหญิงสาว“ผมจะเช็ดตัวให้นะ ไม่ได้คิดอะไรจริงๆนะ” บุรุษพยาบาลจำเป็นเอ่ยขึ้นเพื่อเตือนสติตัวเอง มากกว่าที่จะบอกคนไข้ที่นอนอยู่บนเตียง มือใหญ่ดึงผ้าห่มผืนใหญ่คลุมร่างเล็กจนถึงคอ ก่อนจะค่อยๆคลำเข้าไปใต้ผ้าห่ม แกะกระดุมเสื้อนอนทีละเม็ด แล้วค่อยๆพลิกร่างใต้ผ้าห่มดึงเสื้อนอนออก“ชิ้นที่หนึ่ง” เสื้ออุ่นๆที่อยู่ในมือทำให้ภูชิตอดไม่ได้ที่จะยกขึ้นอย่างกล้า
“เงียบจัง” น่านน้ำในชุดนอนกางเกงขายาวเสื้อแขนยาวลายคิตตี้สีชมพู นั่งกอดหมอนใบใหญ่บนเตียงกว้าง บรรยากาศบ้านไร่ช่างวังเวงน่ากลัวจริง ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มืดไปหมด หญิงสาวถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ในวันนี้ มือบางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แต่พอเหลือบดูเวลาแล้ว หญิงสาวก็ได้แต่นั่งตาละห้อย“ดึกป่านนี้หลับกันหมดแล้วล่ะ เฮ้อ!” น่านน้ำเอนตัวลงนอน กว่าเธอจะข่มตาหลับได้ก็ใช้เวลานานนักหนา ทำให้แปดนาฬิกาในวันแรกของการทำงาน น่านน้ำยังคงนอนหลับไม่รู้สึกตัว เนื่องจากการเดินทางไกลและมาเจอสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็น ซึ่งแตกต่างจากอากาศในเมืองหลวง ทำให้ร่างกายของเธอปรับสภาพไม่ทัน หญิงสาวจึงเข้าสู่โหมดไข้สูงและตัวร้อนจี๋ก๊อกๆ“คุณน่านน้ำ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อน แล้วตามด้วยเสียงทุ้มตามมา น่านน้ำพยายามปรือตาขึ้น แต่ทำไมหนังตาเธอมันถึงหนักอึ้งอย่างนี้ หญิงสาวไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะพาร่างตัวเองลงจากเตียงเลยภูชิตขมวดคิ้วมุ่น เขาเคาะประตูอีกครั้ง หากแต่ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่อยู่ข้างใน ชายหนุ่มจึงตัดสินใจกลับไปที่ห้องตนเอง หยิบกุญแจสำรองมาไขกุยแจเปิดประตูห้องออก
“นอนบนเรือนใหญ่” หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่นกับคำตอบสั้นๆที่ได้รับ“แล้วใครอยู่บนเรือนใหญ่บ้างคะ” เธอยังซักไซ้ต่อด้วยความอยากรู้“คุณกับคุณภูชิต” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ น่านน้ำพอจะฟังออก หญิงสาวจึงเลือกที่จะเงียบ ใบหน้าเรียบเฉยที่ดูเคร่งขรึมตลอดเวลา ดวงตาสีน้ำตาลเข้มฉายแววเด็ดเดี่ยว ประกอบกับเคราเขียวครึ้มบนใบหน้า ทำให้น่านน้ำแอบกลัวเขาอยู่นิดๆ แต่ก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด เธอเคยเห็นเขาที่ไหนมาก่อนหรือเปล่านะรถคันใหญ่แล่นเข้าสู่บริเวณไร่ภูชิต ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว ความมืดปกคลุมไปทั่วบริเวณ แต่เมื่อรถแล่นเข้าใกล้บ้านไม้สไตล์รีสอร์ทหลังใหญ่ ก็มีแสงสว่างจากตัวบ้านและดวงไฟจากบริเวณรอบๆบ้าน ไม่ได้ดูมืดมิดเหมือนตลอดทางที่นั่งรถผ่านมา น่านน้ำเปิดประตูลงจากรถพร้อมๆกับคนขับ หญิงสาวมองไปรอบๆ“เข้าบ้านกันเถอะคุณน่านน้ำ อากาศเย็นหมอกลงจัด เดี๋ยวคุณจะไม่สบายเอาได้” น่านน้ำวิ่งตามคนที่ถือกระเป๋าของเธอเดินนำหน้าไปทางตัวบ้านก่อนแล้ว
“ฉันอกหัก ฉันอยู่กรุงเทพไม่ได้แล้ว ฉันจะออกไปจากที่ตรงนี้ ฉันจะออกไปแตะขอบฟ้า” คำพร่ำพรรณนาของเพื่อนรักพรั่งพรูออกมาพร้อมเสียงสะอื้นโวยวาย ทำให้ไอรักคุณแม่ท้องแก่ที่กำลังอุ้มท้องลูกสาวคนแรก ซึ่งมีอายุครรภ์เกือบแปดเดือนขมวดคิ้วผูกโบ อกหัก? คือเท่าที่รู้น่านน้ำเพื่อนรักยังไม่เคยมีแฟนเลยไม่ใช่หรือ “เอ่อ...น้ำ แกใจเย็นๆนะ แกอกหักจากใครเหรอ” “บอสไงแก ฉันเฝ้าถนอมตามรักมาตั้งหลายเดือน แล้วนี่อยู่ดีๆบอส ก็มาประกาศปาวๆว่ากำลังจะแต่งงาน กับแฟนสาวที่คบกันมาตั้งแต่สมัยไปเรียนอยู่อังกฤษ ฉัน...ฉันรับม่ายด้าย นี่ไงแก...นี่ไง...การ์ดยังอยู่ในมือฉันอยู่เลย นี่ไง...ฮือๆ” น่านน้ำยังคงโวยวายระบายความในใจกับเพื่อนรัก ไอรักเป็นเพื่อนรักกลุ่มเดียวกัน หลังจากเรียนจบไอรักก็แต่งงานทันที แต่ความเป็นเพื่อนรักทำให้ยังติดต่อกันอยู่ “แล้วยายพิมพ์รู้เรื่องนี้หรือยัง” ไอรักถามหาพิมพ์รพีพรเพื่อนรักในกลุ่มอีกคน “ยัง...ยายพิมพ์เพิ่งแต่งงาน ฉันไม่อยากรบกวนเวลาสวีตมัน...ฮึกๆ” เสียงสะอื้นยังคงด
“อา...พิมพ์จ๋า พี่รักพิมพ์นะ” “พิมพ์ก็รักพี่เมฆค่ะ” พิมพ์รพีพรหลับตาลงยิ้มด้วยความสุข สักครู่เดียว ร่างเล็กก็ถูกพาเอนตัวลงบนที่นอนนุ่ม ปลัดเมฆาทอดกายลงมาเคียงข้างด้านหลัง วงแขนแกร่งกอดกระชับเอวคอดแน่น ริมฝีปากหยักได้รูปกดลงที่เรือนผมนุ่มหอมแรงๆ “อืม...ยังไม่หายคิดถึงเลย” พิมพ์รพีพรหยิกลงบนหลังมือใหญ่ ที่ลูบวนแถวหน้าท้องแบนราบของตน “หื่นเกินไปแล้วค่ะ” คำต่อว่าของภรรยาทำให้ปลัดเมฆาอมยิ้ม จมูกโด่งกดลงที่ต้นคอขาวด้านหลัง พิมพ์รพีพรหดคอลงส่งเสียงอู้อี้ เพราะเหนื่อยเต็มที “อีกครั้งนะ นะๆ” ก่อนที่พิมพ์รพีพรจะได้ปฏิเสธ มือใหญ่ก็จับท่อนขาเรียวเธอยกขึ้นไปพาดไว้บนสะโพกตนเอง แล้วแทรกตัวตนเข้ามาในร่องรักที่ฉ่ำแฉะอยู่แล้ว “อ๊ะ...พี่เมฆ” ปลัดเมฆารัวสะโพกเร็วโดยที่พิมพ์รพีพรไม่ทันตั้งตัว นิ้วเรียวใหญ่กดบดบี้ติ่งกลางกายสาวซ้ำ คนถูกจู่โจมได้แต่ถอนใจ มือเล็กข้างหนึ่งเกาะเกี่ยวหมอนที่หนุนอยู่ อีกข้างจิกลงบนท่อนแขนแกร่งที่กอดรัดเอวตัวเองไว้ “อย
“พิมพ์จ๋า อย่าทรมานพี่อย่างนี้” พิมพ์รพีพรคลี่ยิ้มหวาน มือเล็กไขว้ลงดึงรั้งชุดนอนเซ็กซี่ดึงออกทางศีรษะ หน้าอกอวบอิ่มดีดเด้งยั่วสายตาคนมองทันที เพราะหญิงสาวไม่ได้ใส่ชั้นใน พิมพ์รพีพรเตรียมพร้อมอยู่แล้ว เธอก็ต้องการสามีไม่ได้แตกต่างกันกับเขา กลีบดอกไม้บานฉ่ำชิดอยู่หน้าท้องแกร่ง มือใหญ่ถูกมือเล็กจับขึ้นมาสัมผัสหน้าอกอวบอย่างเย้ายวน ปลัดเมฆากอบกุมเคล้นคลึงอย่างหนักหน่วงด้วยอารมณ์ร้อนรุ่มยิ่งนัก“อา...พิมพ์” ปลัดเมฆาครางกระเส่า เมื่อพิมพ์รพีพรโหย่งตัวขึ้นแล้วจดจ่อร่องดอกไม้อุ่นลื่นเข้ากับปลายลำแข็งขัน มือเล็กทั้งสองข้างยันหน้าอกแกร่งไว้ สะโพกมนกดลงช้าๆค่อยๆครอบครองตัวตนของสามีไว้ทุกทิศทาง“อืม...พี่เมฆ อ๊ะ!” เมื่อใกล้สุดทางลำรักร้อน ปลัดเมฆาเสยสะโพกขึ้นกระแทกแรง พิมพ์รพีพรจึงต้องอุทานออกมาด้วยความเสียวซ่าน ใบหน้างามแหงนเงย ปากเล็กพ่นลมออกเบาๆ“พิมพ์น่ารักที่สุด อา...” มือใหญ่บีบคลึงเนื้อสะโพกหนั่นแน่น สลับกับการเคล้นคลึงหน้าอกอวบสร้างความเสียวกระสันในคนคุมเกมด้านบน พิมพ์รพีพรขยับสะโพกรัว กระแทกลงรุนแรง ปลัดเมฆาเสยสะโพกรับสอดประสาน สร้างกระแสความวาบหวามกระจายอยู่รอบตั
“แกพักผ่อนเถอะพิมพ์ เดินทางมาคงเหนื่อย เดี๋ยวฉันไปจัดการพี่ธีร์ก่อน ดึกแล้วน่าจะพอได้แล้ว” ไอรักเดินออกจากห้องเพื่อนตรงไปที่ระเบียงกว้างทันที“พี่ธีร์ขา” ไอรักเรียกเสียงออดอ้อน ธีร์ภาณุหันไปตามเสียง ปลัดเมฆาก็หันตามยิ้มๆ ถึงปากจะบอกว่าอนุญาตให้เมาเต็มที่ แต่เธอง่วงแล้ว และก็ไม่อยากนอนคนเดียว“ครับ...หนูไอ” ปลัดเมฆาดูสองสามีภรรยาส่งยิ้มหวานให้กันแล้ว ชักรู้สึกว่าตัวเองเป็นก้าง“เอิ่ม...ขอตัวไปดูภรรยาก่อนล่ะนะ” ปลัดเมฆารีบลุกจากเก้าอี้ ที่จริงเขาอยากนอนกอดร่างนุ่มนิ่มมากกว่าที่จะมานั่งดื่มกับธีร์ภาณุ แต่นานๆเจอกันที เขาเองก็ไม่อยากเสียมารยาทกับเพื่อน“ตามสบายเพื่อน” ธีร์ภาณุเอ่ยตามหลังปลัดเมฆาไป ไอรักเดินยิ้มหวานเข้าใกล้สามี“ดื่มไปกี่แก้วคะ” เอาเข้าจริงไอรักก็ไม่ค่อยชอบให้สามีดื่มเท่าไร เพราะมันไม่ได้ดีต่อสุขภาพเลย“ไม่เท่าไรครับ ยังฟิต เตะปี๊บดังทั้งคืน”ร่างของไอรักถูกรวบให้นั่งลงบนตักแกร่งของสามี หญิงสาวเอนศีรษะซบไปกับแผงอกกว้างอย่างวางใจ“คนเรานี่ก็แปลกนะคะพี่ธีร์ ไม่ถูกชะตากันตั้งแต่วันแรก แต่กลับมาลงเอยเป็นคู่กันอย่างพี่เม