“เชื่อใจพี่นะพิมพ์ ปล่อยตัวตามสบายนะ หลับตาลงแล้วหายใจเข้าลึกๆ” เสียงกระซิบปลุกปลอบข้างหู พิมพ์รพีพรทำตามอย่างว่าง่าย เธอไม่เหลือสมองส่วนใดที่จะสั่งการได้แล้ว ในตอนนี้ทุกอย่างมันว่างเปล่า รับรู้ได้แต่เพียงความหวามไหวที่ถูกปลุกเร้าขึ้นมา
คนนำทางที่คอยปลุกปลอบแอบถอนหายใจหนักหน่วง ในตอนที่จับตัวตนความแข็งแกร่งทาบทับกลางแปลงดอกไม้งาม โดยไม่ได้รุกล้ำเข้าสู่เส้นทางร่องลึก มือหนาตวัดไปด้านหลังคนตัวเล็ก จับยึดสะโพกงอนกดกระชับให้รับความแข็งแกร่งร้อนผ่าวของตน ร่างเล็กสะท้านไหวหนีบหัวเข่ารัดร่างแกร่งแน่น หน้าอกอวบแนบไปกับหน้าอกแกร่ง ใบหน้างามแหงนเงยครางเสียงหวานหวิวออกมา ปลัดเมฆารีบจูบซับเสียงนั้นไว้ทันที
คนตัวโตขยับส่ายสะโพกวนช้าๆแต่กดแรงหนักแน่น ริมฝีปากหยักได้รูปดูดดึงอย่างโหยหา ลิ้นสากไล่เกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กอย่างได้ใจ พิมพ์รพีพรปล่อยทุกสิ่งให้ชายหนุ่มเป็นผู้นำพาไป สะโพกเต่งตึงแอ่นรับทุกจังหวะการชักนำจากคนตัวโต ลำแขนกลมกลึงกอดรัดร่างแกร่งไว้แน่น มือบางจิกลงบนบ่ากว้างเพื่อระบายความเสียวซ่านที่ก่อตัวรุนแรงขึ้น
เมื่อความหวามไหวจับมือเดินทางมากับความกระสันซ่าน สองร่างเริ่ม
“สวัสดีค่ะคุณย่าพร” เจ้าของเสียงหวานที่เดินขึ้นเรือนมา อยู่ในชุดเดรสแขนกุดรัดรูปสีเข้มค่อนข้างสั้น ย่าพรขยับแว่นตาเพ่งมองผู้มาเยือน แต่ดูยังไงก็จำไม่ได้ จนกระทั่งหญิงสาวเดินมานั่งเก้าอี้ไม้ข้างๆเก้าอี้โยกของตัวเอง ย่าพรก็ยังมีสีหน้าสงสัยจำไม่ได้“เมไงคะ คุณย่าพรลืมเมแล้วหรือคะ” เมธาวีถอดแว่นตาดำอันใหญ่ ยิ้มหวานให้หญิงชรา“อ้อ...แม่เมหรอกรึ จำได้ๆ เพื่อนแม่หนุงหนิงกับเจ้าพี แล้วเป็นไงมาไงล่ะเนี่ย ถึงได้มาถึงนี่ได้” เมธาวียิ้มหวานเหลียวหน้าเหลียวหลัง มองหาใครสักคน“เอ่อ...เมได้ข่าวว่าน้องพิมพ์เปิดโฮมสเตย์แล้วก็กำลังจะแต่งงาน เลยอยากมาร่วมแสดงความยินดีค่ะ”เมธาวีตอบย่าพร แต่ไม่ยอมสบตาเพราะกำลังมองหาพีรพล วันนี้เธอแวะไปหาเขาที่ออฟฟิศแต่เช้า แต่เลขาของพีรพลแจ้งว่าชายหนุ่มกลับบ้านที่ต่างจังหวัด เพราะพิมพ์รพีพรจะแต่งงานวันอาทิตย์นี้ เธอเคยมาที่นี่หลายครั้งสมัยเรียนมหาวิทยาลัย มากับกลุ่มเพื่อนที่สนิทกันหลายคน เมธาวีจึงรู้จักบ้านนาเปี่ยมรักนี้พอสมควร ย่าพรพยักหน้ายิ้มๆ แต่เมื่อเห็นปลัดเมฆาเดินออกมาจากห้องจึงหันไปถามถึงหลานสาว“อ้าว...พ่อปลั
“เราจัดกันเล็กๆ แล้วก็กะทันหันนิดหน่อย เลยไม่ได้เชิญใครน่ะครับเม” พีรพลอธิบายเหตุผลให้เมธาวีฟัง แล้วสบตาภรรยาที่นั่งอยู่ข้างๆ“กะทันหัน! น้องพิมพ์...เอ่อ...ป่องหรือคะ”“แค้กๆ” พิมพ์รพีพรสำลักน้ำที่กำลังยกขึ้นดื่มทันที“ไม่มีใครป่องหรอกแม่เม หนุ่มสาวเขาใจร้อนอยากทำอะไรให้มันถูกต้องตามประเพณี ย่าเห็นว่าเหมาะสมกันดี เลยรีบๆจัดงานให้ คนแก่อย่างย่าจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ ได้เห็นหลานเป็นฝั่งเป็นฝาก็สุขใจนอนตายตาหลับแล้ว”ย่าพรพูดเนิบๆ ตอบข้อสงสัยให้เมธาวีที่ดูจะอยากรู้สาเหตุการแต่งงานของหลานสาวคนเล็กเหลือเกิน“ย่าต้องอยู่กับพวกเราไปนานๆ อยู่เลี้ยงลูกให้ยายพิมพ์จนโตเลยนะครับ พิมพ์รีบๆผลิตเหลนมาให้ย่าเลี้ยงนะ พีทกับแพทนานๆจะได้มาเยี่ยม ถ้าพิมพ์มีเหลนให้ย่าสักสองสามคน ย่าคงไม่เหงา ใช่ไหมครับย่า”คนที่ถูกพี่ชายยุให้มีลูกปั้นสีหน้าได้ยากเย็นนัก ย่าพรยิ้มและหันมาสบตากับหลานสาวคนเล็ก“ย่าจะรอเลี้ยงเหลนนะยายพิมพ์”เอาล่ะสิพิมพ์รพีพร ทำไมใครๆถึงดูเหมือนจะเข้าข้างปลัดเมฆานักหนานะ นี่ถ้าทุกคนรู้ว่าเธอวางแผนป้องกันตัว ด้วยการเตรียมอาวุธครบมือใน
“คิดถึงพีเหมือนกันค่ะ” นิชากระซิบแผ่วเบาข้างหูสามี ริมฝีปากบางถูกครอบครองอีกครั้ง นิชาหยุดความคิดในทุกเรื่อง หญิงสาวขยับกายเบียดร่างแกร่งแนบแน่น มือเล็กควานลงไปตรงปมผ้าขาวม้า ก่อนจะปลดมันออกย่างรวดเร็ว และดึงรั้งออกจากร่างของสามี ความแข็งแกร่งใหญ่โตพร้อมรบที่ป่ายปัดบนหน้าท้อง ทำให้นิชารู้สึกวูบวาบแปลบปลาบไปทั่วท้องน้อย หญิงสาวพลิกร่างตนเองให้ขึ้นมาทาบทับอยู่เหนือร่างคนตัวโต พีรพลยินยอมแต่โดยดี เพราะรู้ว่าภรรยาจะเป็นคนนำพาเขาไปสู่วิมานปลายแสงดาวอย่างสุขสมเพียงใด“แล้วจะไม่ให้คิดถึงได้ยังไง แม่เสือสาวแสนซน” พีรพลพูดน้ำเสียงกระเส่าด้วยไฟเสน่หาที่พุ่งทะยานสูง เขามองภรรยาที่ลุกขึ้นนั่งทาบทับต้นขาตัวเองไว้ มือหนาไขว่คว้ากอบกุมสองเต้าอวบ เคล้นคลึงสร้างความปั่นป่วนให้คนบนร่างของตน นิชาห่อปากครางเบาๆ ค่อยๆเลื่อนตัวโน้มลงตรงกลางกายสามี มือเล็กจับตัวตนแข็งแกร่งแล้วขยับรูดขึ้นลงช้าๆ ใบหน้างามค่อยๆก้มลง ลิ้นเล็กแตะเบาๆส่วนปลายของลำกายแกร่ง พีรพลจับศีรษะทุยภรรยา แทรกนิ้วเรียวใหญ่เข้าไปในเรือนผมนุ่ม“อา...” ชายหนุ่มครางเสียงทุ้มต่ำออกมา เขาขบกรามแน่นเมื่อ ลิ้นเล็กลากเลียไปตามท่อนลำให
“ไม่เป็นไรหรอกกระถิน พี่พิมพ์ไม่เหนื่อย” พิมพ์รพีพรตอบอย่างเลื่อนลอย“แต่พี่ว่าพิมพ์ควรไปพักผ่อนนะ” พีรพลพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม เขาสังเกตน้องสาวมาตั้งแต่เช้า พิมพ์รพีพรทำงานไม่พูดไม่จา ดูเหงาๆซึมๆจนน่าแปลกใจ“ไปพักเถอะพิมพ์ เดี๋ยวพี่หนุงหนิงดูแลทางนี้ให้เอง สถานที่จัดงานต่างๆก็เตรียมพร้อมแล้ว เหลือแค่ตกแต่งดอกไม้สดก่อนวันงานแค่นั้นเอง” หนุงหนิงพยักพเยิดให้พีรพลพาน้องสาวไปพักผ่อน เพราะว่าที่เจ้าสาวดูเครียดจนน่าเป็นห่วง“พี่พีรักพี่หนุงหนิงมากไหมคะ” พิมพ์รพีพรเอ่ยถามพี่ชายขณะเดินกลับเรือนใหญ่ มาตามทางที่ร่มครึ้มด้วยต้นไม้ใหญ่“รักสิ รักมาก รักจนไม่รู้ว่าถ้าโลกนี้ไม่มีหนุงหนิง พี่ไม่รู้จะใช้ชีวิตอยู่ได้ยังไง” พิมพ์รพีพรหยุดเดินถอนหายใจยาว“เป็นอะไรยายตัวแสบ วันนี้ซึมผิดปกตินะ” พีรพลหันกลับมามองน้องสาวที่ยืนก้มหน้า เอาเท้าเขี่ยดิน“คนเราไม่รักกัน แล้วจะแต่งงานกันไปเพื่ออะไรคะ” พีรพลยิ้มกว้างอย่างเอ็นดูยายตัวแสบของตนเอง“การที่เราจะรักใครสักคน เราต้องเปิดโอกาสให้เขาเรียนรู้เรา และเราก็ต้องเปิดใจเรียนรู้เขา” พิมพ์รพีพรเม้มปากเ
“เล่นน้ำๆ” สองเสียงเล็กๆประสานกันดังลั่น พร้อมกับกระโดดโลดเต้นชูมือขึ้นสูง พีรพลถอนหายใจมองสบตาภรรยา“เดี๋ยวหนุงหนิงจะขึ้นไปเอาชุดว่ายน้ำให้ พีพาลูกๆไปที่ศาลาริมน้ำก่อนเลย” พีรพลพยักหน้ารับ แขนล่ำอุ้มลูกสาวข้างหนึ่ง อีกข้างจูงมือลูกชายเดินนำหน้าเมธาวีไปก่อน“รีบๆตามมานะหนุงหนิง” เมธาวีเลิกคิ้วเมื่อพูดจบ แล้วก็สะบัดหน้าเดินนวยนาดตามพีรพลและเด็กๆไป นิชาส่ายหน้ายิ้มๆ“คุณแม่ไม่เล่นน้ำด้วยกันหรือคะ” เด็กหญิงตัวเล็กขี่หลังพ่อลอยไปลอยมาอย่างสนุกสนาน ส่วนพี่ชายของเธอมีห่วงยางสวมไว้ที่เอวลอยคออยู่ใกล้ๆผู้เป็นพ่อ“ถ้าแม่เล่นน้ำด้วย ใครจะคอยหาขนมหาน้ำยื่นให้แพทล่ะ” เด็กหญิงตัวเล็กพยักหน้าหงึกๆเข้าใจ แล้วก็เปลี่ยนเรื่องคุย“ป้าเมว่ายน้ำเก่งจังนะคะ ว่ายไปตั้งไกล ป้าเมใส่ชุดว่ายน้ำซ้วยสวยเนอะคุณพ่อ”พีรพลไม่ตอบคำถามลูกทันที เขาหันไปสบตาคนที่นั่งอยู่บนศาลาริมน้ำ นิชามองเมินไปทางอื่น“คุณแม่ก็ใส่ชุดว่ายน้ำสวยนะครับ สวยกว่าป้าเมอีกนะ” พีรพลทำเป็นกระซิบกระซาบกับลูกสาว แต่เสียงดังจนคนที่นั่งอยู่บนศาลาริมน้ำได้ยินชัดเจน“ช่วยด้วย
“โอเคค่ะ...ทีนี้กลับได้แล้วใช่ไหม” พิมพ์รพีพรหันหน้าไปถามคนตัวโตที่นั่งอยู่บนเตียงกว้างกลางห้อง ปลัดเมฆาใช้มือใหญ่ตบที่เตียงเบาๆ“พิมพ์ยังไม่ลองเตียงเลย” เขาจงใจยั่วคนตัวเล็ก ที่ออกอาการเกร็งจนจับได้“ก็เห็นแล้ว ออกไปข้างนอกเถอะ” พิมพ์รพีพรเลี่ยงที่จะเดินเข้าใกล้คนตัวโต หญิงสาวเดินอ้อมไปทางประตู“ดูอย่างเดียวได้ไง มันต้องมาลองนั่งๆนอนๆด้วย มานี่เลย” ปลัดเมฆาลุกจากเตียงก้าวยาวประชิดตัวพิมพ์รพีพร แล้วรวบร่างบางไปล้มตัวนอนที่เตียงกว้างด้วยกัน“ว้าย! พี่เมฆ ปล่อยพิมพ์นะ” คนเอะอะโวยวายสู้แรงคนกอดไม่ได้ เลยได้แต่เอะอะโวยวายถีบลมถีบฟ้า ร่างใหญ่กดทาบทับจนพิมพ์รพีพรแทบจมหายไปบนที่นอน เสียงหอบหายใจของเธอทำให้ปลัดเมฆาหัวเราะ ก่อนทุกอย่างภายในห้องจะนิ่งเงียบ คนที่ทาบทับร่างบางไว้สบสายตาคนถูกทับด้วยแววตาอ่อนโยน มือใหญ่ปัดปรอยผมที่ระอยู่บนใบหน้าเนียนรูปไข่ พิมพ์รพีพรมองสบตาปลัดเมฆาและเผยอปากเล็กน้อยอย่างลืมตัว ก่อนจะเรียกสติตัวเองกลับมาได้ก่อน“ลุกสิพี่เมฆ พิมพ์ทดสอบทุกอย่างตามที่พี่เมฆต้องการแล้ว พอใจหรือยัง”“ยังไม่ทุกอย่าง” แววตากรุ้มกริ่มไม่น่าไว้วางใ
“พี่ร้อนจัง” ปลัดเมฆานอนอยู่บนเตียง และกำลังออดอ้อนพยาบาลจำเป็นที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่เก้าอี้มุมห้อง เขาอ้างว่าเจ็บแผลและแผลอาจจะกระทบกระเทือน จึงขับรถไปส่งเธอที่บ้านไม่ได้ ส่วนกำนันเสือและแม่นภาก็ยังไม่กลับมาจากข้างนอก พิมพ์รพีพรจึงรู้สึกไม่ปลอดภัยที่ต้องอยู่กับเขาสองต่อสอง“ร้อนก็ไปอาบน้ำสิ” พิมพ์รพีพรพูดโดยไม่มองหน้าชายหนุ่ม“จะให้ไปอาบได้ยังไง แผลก็เน่าพอดี พิมพ์อาบให้หน่อยสิ”“บ้า...ลุกไปอาบเองเลย”“คนใจร้าย ทำให้เขาเจ็บแล้ว ไม่คิดจะดูแล” ปลัดเมฆาพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ตาก็เหล่มองคนใจร้ายอย่างมีความหวัง พิมพ์รพีพรถอนหายใจเฮือกใหญ่ หญิงสาวลุกขึ้นเดินมาที่เตียงกว้าง“จะอาบก็ลุกสิคะ”“ลุกไม่ไหว เจ็บแผล พิมพ์ช่วยพยุงพี่หน่อย” คนถูกขอร้องทำสีหน้ายุ่งยาก แต่ก็ยอมช่วยแต่โดยดี เพราะในใจก็รู้สึกผิดอยู่ลึกๆที่ทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพนี้เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องน้ำ พิมพ์รพีพรหันรีหันขวาง เธอไม่รู้ว่าจะช่วยเขายังไงดี“อาบยังไงล่ะ” หน้างอง้ำทำให้ปลัดเมฆานึกสนุก คือที่จริงแผลก็ไม่ได้ลึกหนักหนาอะไร แล้วเขาก็ไม่ได้ปวดแผลส
พิมพ์รพีพรกลั้นหายใจก้มลงช้าๆ ทำใจกับสิ่งที่จะได้เห็น ใบหน้าที่เหมือนกับจะร้องไห้ทำให้ปลัดเมฆารู้สึกสงสาร“พี่อาบด้านหน้าเองก็ได้ พิมพ์ถูสบู่ข้างหลังให้พี่หน่อยนะ” พิมพ์รพีพรถอนหายใจเฮือกใหญ่ ส่งฝักบัวในมือให้เขาแล้วอ้อมไปด้านหลังทันทีกว่าจะจัดการคนตัวโตให้อาบน้ำเช็ดตัวเสร็จ แล้วพันผ้าเช็ดตัวไว้ที่เอวสอบได้สำเร็จ พิมพ์รพีพรแทบจะเป็นลมร้อยรอบ หัวใจดวงน้อยกระเด็นกระดอนตีลังกาอยู่หลายตลบ เพราะต้องพยายามอย่างยิ่งยวด ที่จะไม่ต้องเห็นอะไรที่เคยเห็นมาแล้ว ว่ามันอลังการงานสร้างขนาดไหน แต่คนขี้แกล้งก็เรียกร้องให้ทำโน่นทำนี่ที่น่าหวาดเสียวทั้งนั้น“ใส่เสื้อผ้าให้หน่อยสิ” ปลัดเมฆาพูดจบก็ยิ้มกว้าง ยื่นเสื้อผ้าในมือให้หญิงสาว พิมพ์รพีพรอยากจะกรี๊ดเสียงดังๆ แต่ก็ทำได้เพียงยื่นมือออกไปรับมา“หันหลังเลยค่ะ” หญิงสาวสั่งเสียงเข้ม“ครับผม” ปลัดเมฆารับคำด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอืม...มีคนคอยทำอะไรให้ มันดีอย่างนี้นี่เอง “เสร็จแล้วค่ะ ไปนอนได้แล้ว” ปลัดเมฆาหันหน้ากลับมามองคนตัวเล็ก“พิมพ์ก็ไปอาบน้ำเถอะ กว่าพ่อกับแม่จะกลับมาคงดึก พี่ไม่อยากให
น่านน้ำมองตามแผ่นหลังกว้างหายเข้าไปในห้องน้ำ พร้อมกับประตูห้องน้ำที่ปิดตามมา ประโยคที่เธอได้ยินก่อนที่ประตูห้องน้ำจะปิดสนิท ทำให้หญิงสาวรีบกระโจนลงจากเตียงกว้างทันที“ถ้าจะอาบน้ำพร้อมผมก็ตามเข้ามาได้เลยนะ ประตูไม่ได้ล็อก”ขาเรียวเล็กรีบพาเจ้าของร่างออกจากห้องกว้างทันที ภูชิตยื่นหน้าออกมาจากห้องน้ำ ทันเห็นหลังไวๆออกจากห้องไป เขาส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มกับตัวเอง“คนอะไรเนื้อนุ่มเนียนน่าฟัดไปทั้งตัว หึๆ”เมื่อคืนกว่าน่านน้ำจะข่มตานอนได้ก็ย่างเข้าสู่วันใหม่แล้ว เธอนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง คิดทบทวนเรื่องราวตอนหัวค่ำ ทั้งๆที่แอบปลื้มเจ้านายหนุ่ม แต่ทำไมเมื่อเขารุกประชิดร่าง เธอกลับรู้สึกหวาดกลัว อย่างนี้อาจจะทำให้สิ่งที่เธอหวังไม่สำเร็จ เอาล่ะ...ต่อนี้ไปเธอต้อง
“เอ่อ...น้ำยอมแล้วค่ะ คุณภูชิตลุกขึ้นก่อนนะคะ” เสียงหวานอ้อมแอ้มบอกอย่างยอมจำนน คนที่ได้สัมผัสความนุ่มนิ่มถอนหายใจยาว เขายังไม่อยากลุก กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆทำให้ใจเต้นแรง และรู้สึกดีอย่างประหลาด“ลุกสิคะ” คิ้วเข้มเลิกสูง ไม่เข้าใจว่าเธอจะทำอะไร น่านน้ำเหมือนจะเดาใจออกว่าชายหนุ่มสงสัย“ก็เดี๋ยวน้ำจะถอดชุดออกให้คุณภูชิตตรวจดูไง คุณภูชิตไม่ต้องลำบากมาถอดให้น้ำหรอกน่า” พูดอย่างใจกล้าแต่หัวใจแทบจะวายอยู่แล้ว ภูชิตยิ้มราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวพูด แต่ก็ยอมลุกขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่ข้างร่างบาง รอดูว่าคนใจกล้าจะถอดเสื้อผ้าให้เขาตรวจสอบจริงๆไหมน่านน้ำยันกายลุกขึ้นนั่งคุกเข่า แววตาไม่มั่นใจฉายชัด หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกแล้วผ่อนออกช้าๆ อย่างยากลำบาก มือเล็กค่อยๆแกะกระดุมเสื้อเม็ดแรก ภูชิตมองตามใจเต้นรัว เขาเคยเห็นมาแล้ว และรู้ดีว่าภายใต้เสื้อผ้าที่บดบังร่างกายนี้อยู่
“ทำอะไรอยู่นะ” ภูชิตพูดเบาๆ เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องของคนที่ทำให้เขาหมดอารมณ์ไปต่อกับสาวสวยไฟแรงหุ่นอวบอั๋น มือใหญ่ยกค้าง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะเคาะประตูดีไหม แต่เนื่องจากสมองยังคิดหาเรื่องราวจะคุยกับคนในห้องไม่ได้ ภูชิตจึงตัดสินใจลดมือลงหันหลังกลับ ไปเปิดประตูห้องของตนแทนเสียงเปิดปิดประตูห้องไม่ได้ทำให้คนที่ยืนอยู่ระเบียงกว้างตกใจ เพราะน่านน้ำไม่ได้ยิน เธอยังคงดื่มด่ำอยู่กับภาพบรรยากาศตรงหน้า ภูชิตจัดการถอดเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าเตรียมตัวอาบน้ำทันที ร่างแกร่งกำยำเปลือยเปล่ากำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มหันหลังเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะมุมห้อง“ว่าไงสิน” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์และเสียงทุ้มที่ได้ยินตามมาทีหลัง ทำให้คนที่แอบย่องเข้าห้องนอนอื่นสะดุ้งสุดตัว“คุณภูชิตกลับมาแล้ว เอาไงล่ะทีนี้” น่านน้ำเหลียวซ้ายแลขวา ชะโง
“สวัสดีค่ะคุณศศิพิมล” น่านน้ำยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร หากแต่คนที่ต้องรับไหว้กลับชักสีหน้าไม่พอใจเท่าไร“สวัสดีค่ะคุณน่านน้ำ” ร่างสมส่วนอวบอัดเดินเข้าใกล้ภูชิต มือเรียวจับจองคล้องแขนล่ำอย่างต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ริมฝีปากสีสดแสนเซ็กซี่แย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ภูชิตก้มลงมองแขนเรียวที่คล้องแขนตัวเอง แล้วสบตาเจ้าของมือเรียว ใบหน้านิ่งขรึมไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดๆออกมา เขาหันไปสบตาน่านน้ำอยู่ครู่เดียวก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับร่างเย้ายวนที่พยายามเบียดกระแซะร่างของเขาจนแทบจะสิงกันอยู่แล้วเมื่อประตูห้องทำงานปิดลงหลังจากที่สองคนนั้นออกไปแล้ว น่านน้ำก้มลงมองหน้าอกตัวเอง มือเล็กกอดอกจับสองเต้าตัวเองแล้วถอนหายใจ“จะสู้เขาไหวไหมน่านน้ำ ซะบะละฮึ่มขนาดนั้น” น่านน้ำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง และเริ่มคิดเป็นจริงเป็นจังว่า หากต้องเพิ่
“พอทานได้ไหมครับ” คำถามจากภูชิต ทำให้น่านน้ำตื่นจากภวังค์ เพิ่งรู้ตัวว่าสายตาของตัวเองจ้องมองอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม หญิงสาวยิ้มแก้เก้อ เพราะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร“เอ่อ...ได้ค่ะ” ตอบแล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างจริงจัง เพราะหิวหรือเพราะเขินอายที่แอบมองแล้วถูกจับได้ก็ไม่รู้“นายคะ วันนี้ของหวานมีลอดช่องน้ำกะทิ กับบัวลอยไข่หวาน นายจะรับอะไรดีคะ” ภูชิตกับน่านน้ำเงยหน้ามองหญิงสาวในชุดผ้าถุงและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปเน้นทรวดทรง ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างโต๊ะอาหารที่ทั้งสองนั่งทานอยู่ ภูชิตพ่นลมหายใจออกเบาๆ นั่นเป็นสิ่งที่น่านน้ำสังเกตเห็นแวบเดียวเท่านั้น“คุณน้ำทานอะไรดีครับ” ภูชิตไม่ตอบคำถามของหญิงสาวที่ยืนยิ้มส่งสายตาวิบวับให้ตนเอง แต่กลับหันมาถามผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทน
“ก็ได้ครับ ผมจะให้โอกาสคุณแล้วกัน พรุ่งนี้เราจะเริ่มงานกันจริงๆเสียที หวังว่าคงไม่มีเหตุการณ์อะไรให้ต้องเลื่อนวันเริ่มงานอีกนะครับ” น่านน้ำคลี่ยิ้มกว้าง ยิ้มหวานบนในหน้าเนียนกับแววตาสดใสบ่งบอกว่าดีใจสุดขีด ทำให้หัวใจของภูชิตกระตุกวูบไหวอีกแล้ว“ขอบคุณมากค่ะ น้ำสัญญาว่าจะทำงานให้สุดความสามารถเลยค่ะ” ภูชิตพยักหน้ารับ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป เมื่อประตูห้องถูกปิดลง“คุณได้อยู่ต่อนะจ๊ะ คุณน่านน้ำ” น่านน้ำบอกกับตัวเองแล้วลุกขึ้นกระโดดโลดเต้น โดยไม่สนใจเสื้อคลุมที่หล่นไปกองอยู่กับพื้น เธอกระทืบเท้ากรี๊ดในลำคอ ดีใจที่ยังมีโอกาสอยู่พิชิตใจเจ้านายหนุ่ม ร่างเล็กหมุนตัวอย่างมีคนมีความสุขสุดๆ จนไม่ได้ยินเสียงประตูที่เปิดออกอีกครั้ง“เอ่อ...คุณน่านน้ำผมรอทานขะ...” ภูชิตอ้าปากค้างกับภาพตรงหน้าที่ได้เห็น น่านน้ำหยุดทุกการเคลื่อนไหวอ้าปากค้างตาโตและรีบหันหลังให้คนที่โผล่หน้าเข้ามา ภูชิตรีบดึงประตูปิด เขาหอบหายใจแรงราวกับเด็กหนุ่มเพิ่งเคยเห็นเนื้อนวลสาวครั้งแรก“ขะ...ขอโทษครับ ผมรอทานข้าวนะครับ” น่านน้ำรีบวิ่งไปกดล็อกประตู ก่อนที่จะเอ่ยเสียงแผ่วเบาออกไป“ค่ะ”
ภูชิตเปิดประตูรถออกแล้ววางร่างบอบบางไว้ที่เบาะด้านข้างคนขับ มือใหญ่จับโน่นถอดนี่อย่างว่องไวไม่เว้นแม้แต่ชั้นในตัวจิ๋วสองชิ้น น่านน้ำตกใจหัวใจหล่นไปกองที่ตามตุ่ม ครั้นจะยกมือปัดป้องหรือเอ่ยปากว่าไม่เป็นไรแล้ว ก็ไม่ทันการณ์ นั่นยิ่งจะทำให้มารยาเล่มแรกที่เธองัดมาใช้ถูกเขาจับได้ เสียเชิงหญิงอย่างเธอกันพอดี คนตัวเล็กจึงจำใจหลับตาไว้อย่างนั้น โดยไม่รู้ตัวเลยว่าผิวเนื้อเนียนขาวโพลนของตัวเอง ตอนนี้กลับกลายเป็นสีแดงเรื่อขึ้นจนทั่วร่าง ด้วยความสะเทิ้นอาย หากแต่ภูชิตไม่ได้สังเกตเพราะเขารีบถอดเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของตนมาคลุมร่างของหญิงสาวไว้ทันที และถึงจะไม่ทันได้สังเกตผิวเนื้อเนียนที่เปลี่ยนสี สายตาคมกล้าก็อดไม่ได้ที่ชำเลืองมองทรวงอกอวบอิ่มที่เคยสัมผัสมาแล้ว และรู้ว่าหยุ่นเด้งเพียงใดภูชิตรวบพันเสื้อผ้าและชั้นในเปียกน้ำเอาไปวางไว้ท้ายกระบะ ร่างใหญ่วิ่งไปเปิดประตูด้านคนขับ แล้วขึ้นนั่งประจำที่ หลังจากสตาร์ทรถแล้วภูชิตจึงรู้ว่าลืมปิดประตูอีกด้าน ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยื่นแขนยาวและโน้มตัวไปดึงประตูปิดช้าๆ กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆ
“ไร่ภูชิตนี่อากาศดี๊ดีนะคะ” น่านน้ำเอ่ยเสียงกังวานใส ยิ้มหวานระบายเต็มใบหน้าเนียน เจ้าของไร่ภูชิตมองรอยยิ้มนั้นนิ่งค้าง“คุณภูชิต คุณภูชิตคะ” น่านน้ำโบกมือไปมาตรงหน้าชายหนุ่ม ภูชิตสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะปรับสีหน้าให้เรียบเฉยเหมือนเดิม“เอ่อ...ครับ” “น้ำว่าที่นี่อากาศดี๊ดีนะคะ” ภูชิตยิ้มเล็กน้อยพยักหน้ารับ“คุณน่านน้ำชอบที่นี่ไหมครับ” คนถูกถามระบายยิ้มหวานอีกครั้ง“ชอบค่ะ เอ่อ...คุณภูชิตเรียกน้ำเฉยๆก็ได้นะคะ” ภูชิตพยักหน้ารับ“ครับคุณน้ำ” เสียงเรียกราวกับคนละเมอ“น้ำขออนุญาตเรียกคุณภูนะคะ จะได้คุ้นเคยกัน”“ครับ” ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าใกล้ จนสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากลมหายใจกันและกัน บรรยากาศเบื้องหลังเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน พระอาทิตย์ดวงกลมโตกำลังจะลับขอบฟ้า ลำแสงสีส้มสาดส่องไปทั่วบริเวณไร่ภูชิต น่านน้ำหลับตาพริ้ม เอาล่ะ...อะไรจะเกิดมันก็ต
“สิน...ไอ้สิน” ภูชิตตะโกนเรียกลูกน้อง เพราะรู้ดีว่าเหล่าลูกน้องที่ติดตามเขา ต้องคอยดูและระวังความปลอดภัยให้เขาอยู่ใกล้ๆ“ครับนาย” นายสินวิ่งเร็วมาถึงหน้าเรือนไม้ ยืนเอามือกุมเป้าก้มหน้ารอฟังคำสั่ง“ไปซื้อยาลดไข้ชนิดน้ำมาให้หน่อย” ลูกน้องตัวโตทำหน้างงแปลกใจ ภูชิตจึงตวาดเสียงดัง“แกจะทำหน้างงทำไม สั่งอะไรก็ไปซื้อมาสิ”“ครับนาย ว่าแต่วันนี้นายจะเข้าไปดูในไร่ไหมครับ ผมจะได้ให้ไอ้อ๋องมันมาขับรถให้”“วันนี้คงไม่ไปไหน จะไปทำอะไรกันก็ไปเถอะ” ภูชิตพูดจบก็เดินเข้าบ้านไป ปล่อยให้ลูกน้องเกาหัวแกรกๆ ปกติแล้วภูชิตจะออกสำรวจไร่ทุกวัน ‘ไร่ภูชิต’ปลูกพืชไร่หลายชนิด ไม่เคยมีสักวันที่ผู้เป็นนายจะไม่ออกไปตรวจไร่ เพราะชายหนุ่มจะมุ่งมั่นกับการทำงานให้ออกมาดีที่สุด และมักจะควบคุมการทำงานทุกอย่างด้วยตัวเอง หากแต่ตอนนี้ผู้เป็นนายกลับมีบางอย่างที่รั้งให้เขาอยากอยู่กับบ้าน มากกว่าการออกไปตรวจงานไร่อย่างที่เคยเป็น“คุณน้ำ...ลุกมาทานยาเถอะจ้ะ” นางแตงอ่อนปลุกน่านน้ำในตอนเที่ยงเกือบบ่ายโมง หญิงสาวปรือตามองอย่างลำบาก แต่การที่ได้นอนหลับพักผ่อนมาตลอดช่วงเช้า และได้รับการเช็ด