เธอรู้ดีว่าในค่ำคืนที่แสนเร่าร้อนนั้น ชายหนุ่มไม่ได้ฉวยโอกาส หากแต่พยายามอย่างที่สุดที่จะหักห้ามใจตนเอง เพื่อช่วยเหลือเธอจากความทรมานนั้น และรสิตาก็รู้ตัวดีว่าตนเองเป็นคนทำให้เรื่องราวต่างๆมันวุ่นวายเอง หญิงสาวพ่นลมหายใจออกเบาๆ เธอจะไม่วิ่งหนีความรู้สึกตัวเองหรอกนะ
“ค่ะ พี่ไท” รสิตาฉีกยิ้มกว้าง เปิดใจรับความจริงใจของไทธรณ์
“ปล่อยมือแนนได้แล้วค่ะ แล้วก็ลงมือทำขนมช่วยแนนด้วย เดี๋ยวคุณย่าตื่นขึ้นมาขนมยังไม่เสร็จจะโดนว่าเอาได้” ไทธรณ์ปล่อยมือจากมือบาง
“อ้อ! เย็นนี้พี่จะมารับแนนไปทานข้าวที่บ้านนะครับ แม่สั่งให้มาเชิญสะใภ้ใหญ่ไปหาหน่อย แม่คิดถึง”
“ใครเขาไปตกลงเป็นสะใภ้ใหญ่ตั้งแต่เมื่อไร”
“ไม่รู้ล่ะ แม่ส่งมอบตำแหน่งนี้ให้แนนแล้ว และพี่ก็ยินดีรับตำแหน่งเป็นลูกเขยบ้านนี้ให้ด้วยนะ ไม่เกี่ยงงอนสักนิด”
“ขี้ตู่”
“ไม่ได้ขี้ตู่ เขารักจริงหวังแต่งต่างหาก”
“ไม่เถียงกับพี่ไทแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นถือว่าเรายอมรับซึ่งกันและกันนะครับ”
รสิตาไม่ตอบก้มหน้าอมยิ้มปั้นสาคูในมืออย่างตั้งอกตั้งใจ ไทธรณ์มองท่าทางของหญิงสาวก็พลอยยิ้มไปทำขนมไปด้วยท่
“ไม่ต้องเลยนะ ห้ามพี่ธีร์ขึ้นมานอนบนเตียงไม่อย่างนั้นหนูไอจะร้องให้บ้านแตกเลย”“ครับๆ พี่นอนข้างล่างก็ได้ คนใจร้าย” ไอรักโยนหมอนกับผ้าห่มลงข้างเตียง ธีร์ภาณุยิ้มก่อนจะนั่งลงจัดที่นอนสำหรับตัวเองยังมีเวลาอีกทั้งคืน หึๆ“ขอบคุณมานะคะพี่ไท แล้วก็อย่าลืมสัญญาว่าจะมารับแนนไปทานข้าวกลางวันพรุ่งนี้ เป็นการไถ่โทษนะคะ” รสิตาพูดเสียงใสขณะที่ไทธรณ์ลดความเร็วของรถลง แล้วจอดอยู่ริมรั้วสูง“แต่วันนี้พี่เหนื่อยเหลือเกิน ไม่รู้พรุ่งนี้จะมีแรงขับรถมาหาแนนหรือเปล่า?” ไทธรณ์พูดพร้อมกับตีหน้าเศร้าเล็กน้อย“วันนี้พี่ไทไม่ได้ทำงานทั้งวันไม่ใช่หรือคะแล้วจะเหนื่อยอะไร แล้วนี่ทำไมไม่เรียกเด็กๆมาเปิดประตูสักทีล่ะคะ แนนง่วงแล้วค่ะ ฮ้าว!” ไทธรณ์ขยับตัวทำท่าฮึดฮัด“แนนจะไม่ให้รางวัลพี่หน่อยหรือครับ ที่พี่มาส่งเนี่ย” ไทธรณ์ถามสีหน้าจริงจัง จนรสิตาอดขำไม่ได้ หญิงสาวหัวเราะคิก ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าหาคนขับรถแสนงอน แล้วจุมพิตเบาๆบนแก้มสากของชายหนุ่ม“กู๊ดไนท์ค่ะ”“แค่นี้เองหรือ” คนขับรถตัวโตยังประท้วง“แค่นี้ล่ะค่ะ
ธีร์ภาณุนอนยิ้มกับท่าทีที่ไม่ดิ้นรนขัดขืนของไอรัก เขาเองก็นอนไม่หลับเหมือนกัน ก็ในเมื่อต้องนอนร่วมห้องกับร่างบางนุ่มนิ่ม แต่กลับไม่ได้ใกล้ชิด มันทำให้เขารู้สึกกระสับกระส่ายนอนไม่หลับ นอนคิดมาตั้งนานจะหาเหตุผลอะไรปีนขึ้นไปบนเตียงดี ที่สุดแล้วเขาก็หาเหตุผลแบบข้างๆคูๆ และอาศัยวิชาพญามารแถไปเรื่อยขึ้นมานอนบนเตียงได้สำเร็จหลังจากที่นอนกอดได้สักพักคนกอดชักได้ใจ แปลงร่างเป็นปลาหมึก ราวกับว่ามีสักสิบมือลูบไล้ไปทั่วร่างบาง ไอรักตีแรงๆที่มือทั้งสองข้าง แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาคนตัวโตในความมืดที่มีแสงสลัว ที่พอให้เห็นกันได้ในระยะใกล้ หญิงสาววางมือนุ่มไปที่แก้มสากของชายหนุ่มทั้งสองข้าง แล้วออกแรงบีบหน้าที่แสนจะเจ้าเล่ห์แรงๆ ดึงหน้าโน้มลงมาหาตนเองให้สบตากันในระยะใกล้“นอนเฉยๆไม่เป็นหรือไงคะ เอามือออกไปไกลๆเลย ถ้าไม่อยากให้หนูไอหยิกจนแก้มขาด”ไอรักขู่พร้อมกับหยิกแก้มสากเต็มแรง“โอ๊ย! ใจร้าย” ธีร์ภาณุใช้มือลูบแก้มที่โดนหยิกเบาๆ ไอรักทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะพลิกตัวหันหลังให้คนตัวโต“ใจร้ายอย่างนี้ต้องโดนทำโทษ” มือหนาจับร่างบางพลิกกลับมานอนทาบทับร่างแกร่งของตนเอง แล้วก
“พี่ขออนุญาตไปรับแขกก่อนนะครับ” พูดจบธีร์ภาณุก็เดินเข้าห้องน้ำไป เพื่อจัดการธุระส่วนตัวก่อนลงไปพบกับแขกคนสำคัญไอรักลุกขึ้นนั่งบนเตียงกว้าง หญิงสาวถอนหายใจยาว และรับรู้ว่าตอนนี้หัวใจตัวเองมันเต้นแรงจนเจ้าของยังตกใจ สัมผัสจากร่างแกร่งของธีร์ภาณุเริ่มจะทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กใจแตก ยิ่งได้ใกล้ชิดกับเขาแทนที่เธอจะรังเกียจและตื่นกลัว แต่มันกลับทำให้เธอคุ้นชินและรู้สึกวาบหวิวทุกครั้งที่เขาสัมผัส ที่หนักกว่านั้นคือเธอคิดว่าเธอชอบกับการได้อยู่ใกล้ชิดเขาเป็นอะไรไปหนอหนูไอ ไอรักยกมือปิดหน้าตัวเองแล้วส่ายไปมาอย่างขัดเขินในความรู้สึกของตนเอง“พี่ธีร์ไปไหนคะน้าเรียม” ไอรักเอ่ยถามเมื่อเดินลงจาก แล้วไม่เห็นรถของธีร์ภาณุ คือเธอเป็นภรรยานะ ถึงแม้จะแค่ในนามก็เถอะน่า ถ้าไม่ถามหาสามีแล้วจะให้ถามหาใครล่ะหญิงวัยกลางคนที่กำลังถือสายยางรดน้ำต้นไม้อยู่ หันมายิ้มกว้างให้ไอรัก“นายเล็กออกไปธุระกับคุณมินตราค่ะ” ไอรักขมวดคิ้วสงสัย จนคู่สนทนาต้องอธิบายต่อ“คุณมินตราเป็นเพื่อนของนายเล็กค่ะ เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ เมื่อก่อ
“เสียใจด้วยนะครับ ผมขอให้มินเจอคนดีๆที่สามารถดูแลชีวิตมินได้ในเร็ววันนี้นะครับ” ธีร์ภาณุพูดจบก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู“สายมากแล้วครับ เดี๋ยวผมต้องกลับเข้าไร่แสงตะวัน” ชายหนุ่มพยายามตัดบทเพื่อขอตัวกลับ วันนี้เขาเพียงแค่ต้องการคุยกับมินตราให้รู้เรื่อง เขาไม่อยากให้หญิงสาวไปที่บ้านอีก เพราะไม่ต้องการให้ไอรักคิดมากและใช้เป็นเหตุผลหนีกลับบ้านได้“มินอยากไปที่ไร่ด้วยจังเลยค่ะ” มีหรือคนอย่างมินตราจะยอมแพ้ง่ายๆ เธอลงทุนไปเยอะมันต้องลองกันสักตั้ง“เอ่อ...คงไม่สะดวกนะครับ ผมว่ามินเพิ่งกลับมา น่าจะใช้เวลาอยู่กับครอบครัวนะครับ คุณลุงกับคุณป้าสบายดีใช่ไหมครับ” ธีร์ภาณุพยายามเบี่ยงเบนประเด็น“คุณพ่อคุณแม่สบายดีค่ะ เมื่อคืนมินก็ได้คุยกับพวกท่านแล้ว ไม่มีอะไรจะคุยแล้วค่ะ แต่มินอยากไปเที่ยวดูโน่นดูนี่มากกว่า นะคะขอมินไปที่ไร่ด้วย มินอยากไปดูสวนดอกไม้ของธีร์น่ะค่ะ ป่านนี้คงออกดอกสวยสะพรั่ง ให้มินได้ไปเปิดหูเปิดตาดูดอกไม้สวยๆงามๆหน่อยนะคะ” มินตราพยายามออดอ้อน เมื่อก่อนเธอเคยใช้ลูกอ้อนแบบนี้กับธีร์ภาณุได้ วันนี้มันก็ต้องยังใช้ได้สิน่า ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขารู้สึกลำบากใจ
“อุ๊ย!” มินตราจับอาการของไอรักได้ จึงแกล้งอุทานเบาๆและปล่อยมือจากแขนของชายหนุ่ม “ขอโทษนะคะคุณไอรัก คือว่ามินคุ้นเคยกับการเดินควงแขนธีร์ตั้งแต่สมัยที่เราคบกัน เอ่อ...ตั้งแต่ตอนที่คุณไอรักยังไม่ได้รู้จักธีร์เลยมั้งคะ” มินตราจงใจพูดให้ไอรักคิดมาก ธีร์ภาณุเห็นบรรยากาศไม่ค่อยดีจึงเบี่ยงเบนประเด็น “เอ่อ...แล้วแปลนบ้านล่ะครับคุณแนน” “อุ๊ย! ลืมหยิบลงมาจากรถ รอสักครู่นะคะ” รสิตาเดินลงจากบ้านกลับไปที่รถ ธีร์ภาณุเดินตามหลังหญิงสาวไปเพื่อจะถือเอกสารช่วย มินตราเดินนวยนาดไปนั่งลงข้างๆไอรัก “คุณไอรักเป็นผู้หญิงที่โชคดีจังเลยนะคะ จับธีร์ซะอยู่หมัด ทั้งที่ธีร์มีตัวเลือกตั้งเยอะแยะแต่กลับมาเลือกคุณ เอ...หรือเพราะคุณพ่อของคุณไอรักเป็นเพื่อนกับพ่อของธีร์หรือเปล่าคะ ธีร์ถึงต้องจำใจยอมตกล่องปล่องชิ้นด้วย” ไอรักหันขวับทันที เธอจ้องใบหน้าที่แต่งเข้มจัดของหญิงสาว แต่ก่อนที่ไอรักจะอ้าปากโต้ตอบ เสียงรสิตาก็ดังขึ้น “มาแล้วค่ะ คุณไอรักดูด้วยกันเลยนะคะ บ้านของคุณไอรักกับคุณธีร์ค่ะ
“เอ่อ...ครับ พี่ตามใจหนูไอเสมอครับ เดี๋ยวเราไปอาบน้ำด้วยกันนะ” ธีร์ภาณุได้ทีแกะแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมของมินตรา และโอบกอดเอวคอดของไอรักแน่น พร้อมกับจุมพิตที่ขมับของหญิงสาวแรงๆ ก่อนจะล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงโทรหาลุงมิ่ง สั่งการตามที่นายหญิงของไร่บัญชาการทันที“คุณมินตรารอลุงมิ่งอยู่ตรงนี้นะคะ ข้างนอกนี่แหละค่ะ หนูไอกับพี่ธีร์ขอตัวก่อน ร้อนจริงๆนะคะ พี่ธีร์เข้าไปในบ้านเถอะค่ะ เดี๋ยวเรามาผลัดกันถูหลังนะคะ วันนี้หนูไอมีรางวัลพิเศษให้พี่ธีร์ด้วยนะ” ไอรักจงใจพูดยั่วมินตรา หญิงสาวซบศีรษะลงที่บ่าแกร่งอย่างออเซาะ พร้อมกับรอยยิ้มที่บ่งบอกให้รู้ว่าเธออยู่เหนือกว่ามินตรามากนัก ธีร์ภาณุหันหลังกลับพาไอรักเดินเข้าบ้าน โดยไม่สนใจมินตราที่แทบจะร้องกรี๊ดออกมาเมื่อเสียงรถที่ลุงมิ่งขับมาเพื่อจะพามินตราไปส่งแล่นออกห่างจากตัวบ้านไปแล้ว ไอรักก็ปล่อยแขนธีร์ภาณุทันที หญิงสาวถอยออกห่างชายหนุ่ม แต่ช้าไปหนึ่งก้าว เพราะคนตัวเล็กถูกคนตัวโตคว้าหมับเข้าที่เอวบาง“อ๊ะๆ...เมื่อกี้ใครที่ชวนเขาอาบน้ำ แล้วนี่จะมาหนีไปไหน”“พี่ธีร์ก็รู้ว่าหนูไอพูดเพื่ออะไร ไม่ต้องมาฉวยโอกาสเลย”
หญิงสาวหอบหายใจเร็วอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะปรับจังหวะให้เป็นปกติ คนที่เพิ่งส่งเธอไปวิมานแสงดาวยืนขึ้นเต็มความสูง เขายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่นัยน์ตาคู่สวย ไอรักก้มหน้ารู้สึกอายจนไม่อยากสบสายตาของธีร์ภาณุเลย หากแต่ตอนนี้เธอรู้สึกเพลียแทบจะยืนไม่ไหว แข้งขาก็พาลอ่อนแรง มือบางจึงต้องเกาะแขนชายหนุ่มไว้เพื่อพยุงร่างกายตัวเอง“นี่ไงรางวัลพิเศษ ชื่นใจที่สุด” ธีร์ภาณุกอดคนตัวเล็กในอ้อมแขนครู่หนึ่ง ก่อนจะจัดการถอดบราเซียร์ออกจากร่างบาง ไอรักเตรียมตัวอ้าปากประท้วง“พี่จะอาบน้ำให้ครับ อยู่เฉยๆนะ ไม่อย่างนั้นพี่ไม่รับประกันความปลอดภัย” ไอรักหุบปากลงทันที ยืนนิ่งให้ชายหนุ่มอาบน้ำให้ราวกับเด็กน้อยธีร์ภาณุใช้ผ้าขนหนูซับน้ำให้ร่างบางก่อนจะพันตัวให้ แล้วรุนหลังไอรักออกจากห้องน้ำ “หนูไอแต่งตัวเองนะครับ พี่เปียกหมดเลยขอตัวอาบน้ำแป๊บหนึ่งนะครับ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดพรายขึ้นมาอีกแล้ว ไอรักหันหลังให้ชายหนุ่มแล้วเดินออกจากห้องน้ำทันที ไม่ต้องรอให้บอกซ้ำธีร์ภาณุเปิดฝักบัวให้แรงขึ้น เขาต้องการให้สายน้ำดับความร้อนระอุของอารมณ์ภายใน เขาไม่ใช่พระอิฐพระปูน ที่ทำอะไรให้หญิงสาวขนาดนั้นแล้วตัวเองจ
“นายเล็กครับ” ธีร์ภาณุและไอรักหันไปมองเจ้าของเสียงพร้อมกัน และนั่นมันก็ทำให้ลุงมิ่งรู้สึกว่าตัวเองมาไม่ถูกเวลาเอาซะเลย “มีอะไรครับลุงมิ่ง” “เอ่อ...มีแขกมาหาครับ” ลุงมิ่งพูดขณะที่มุมกุมเป้าก้มหน้ามองดิน เพราะรู้สึกตัวเองว่าเข้ามาขัดจังหวะของเจ้านายอย่างไม่น่าให้อภัย “ใคร” “เอ่อ...คุณมินตราครับ” ไอรักกับธีร์ภาณุหันหน้ามาสบตากันโดยอัตโนมัติ คนหนึ่งแววตาเต็มไปด้วยคำถาม คนหนึ่งแววตาเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ กลัวคนที่สบตาด้วยจะเข้าใจผิด ก่อนที่ธีร์ภาณุจะได้พูดอะไร ไอรักสะบัดหน้าหนีด้วยความงอน ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินเร็วตรงไปที่บ้านหลังเล็กทันที “หนูไอ” ธีร์ภาณุเรียกตามคนขี้งอนแต่หญิงสาวก็ไม่หันหลังกลับมา “ผมขอโทษครับนายเล็ก” ลุงมิ่งเอ่ยขึ้นอย่างสำนึกผิด “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับลุงมิ่ง” ชายแก่พยักหน้าหงึกๆ แ
“ทำอะไรอยู่นะ” ภูชิตพูดเบาๆ เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องของคนที่ทำให้เขาหมดอารมณ์ไปต่อกับสาวสวยไฟแรงหุ่นอวบอั๋น มือใหญ่ยกค้าง ชายหนุ่มกำลังชั่งใจว่าจะเคาะประตูดีไหม แต่เนื่องจากสมองยังคิดหาเรื่องราวจะคุยกับคนในห้องไม่ได้ ภูชิตจึงตัดสินใจลดมือลงหันหลังกลับ ไปเปิดประตูห้องของตนแทนเสียงเปิดปิดประตูห้องไม่ได้ทำให้คนที่ยืนอยู่ระเบียงกว้างตกใจ เพราะน่านน้ำไม่ได้ยิน เธอยังคงดื่มด่ำอยู่กับภาพบรรยากาศตรงหน้า ภูชิตจัดการถอดเสื้อผ้าโยนลงตะกร้าเตรียมตัวอาบน้ำทันที ร่างแกร่งกำยำเปลือยเปล่ากำลังจะเดินเข้าห้องน้ำ หากแต่เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น ทำให้ชายหนุ่มหันหลังเดินกลับไปหยิบโทรศัพท์ที่โต๊ะมุมห้อง“ว่าไงสิน” เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์และเสียงทุ้มที่ได้ยินตามมาทีหลัง ทำให้คนที่แอบย่องเข้าห้องนอนอื่นสะดุ้งสุดตัว“คุณภูชิตกลับมาแล้ว เอาไงล่ะทีนี้” น่านน้ำเหลียวซ้ายแลขวา ชะโง
“สวัสดีค่ะคุณศศิพิมล” น่านน้ำยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร หากแต่คนที่ต้องรับไหว้กลับชักสีหน้าไม่พอใจเท่าไร“สวัสดีค่ะคุณน่านน้ำ” ร่างสมส่วนอวบอัดเดินเข้าใกล้ภูชิต มือเรียวจับจองคล้องแขนล่ำอย่างต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ริมฝีปากสีสดแสนเซ็กซี่แย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ ภูชิตก้มลงมองแขนเรียวที่คล้องแขนตัวเอง แล้วสบตาเจ้าของมือเรียว ใบหน้านิ่งขรึมไม่ได้บ่งบอกความรู้สึกใดๆออกมา เขาหันไปสบตาน่านน้ำอยู่ครู่เดียวก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับร่างเย้ายวนที่พยายามเบียดกระแซะร่างของเขาจนแทบจะสิงกันอยู่แล้วเมื่อประตูห้องทำงานปิดลงหลังจากที่สองคนนั้นออกไปแล้ว น่านน้ำก้มลงมองหน้าอกตัวเอง มือเล็กกอดอกจับสองเต้าตัวเองแล้วถอนหายใจ“จะสู้เขาไหวไหมน่านน้ำ ซะบะละฮึ่มขนาดนั้น” น่านน้ำทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง และเริ่มคิดเป็นจริงเป็นจังว่า หากต้องเพิ่
“พอทานได้ไหมครับ” คำถามจากภูชิต ทำให้น่านน้ำตื่นจากภวังค์ เพิ่งรู้ตัวว่าสายตาของตัวเองจ้องมองอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่ม หญิงสาวยิ้มแก้เก้อ เพราะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเดินมานั่งอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร“เอ่อ...ได้ค่ะ” ตอบแล้วก็ยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างจริงจัง เพราะหิวหรือเพราะเขินอายที่แอบมองแล้วถูกจับได้ก็ไม่รู้“นายคะ วันนี้ของหวานมีลอดช่องน้ำกะทิ กับบัวลอยไข่หวาน นายจะรับอะไรดีคะ” ภูชิตกับน่านน้ำเงยหน้ามองหญิงสาวในชุดผ้าถุงและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปเน้นทรวดทรง ที่ยืนยิ้มอยู่ข้างโต๊ะอาหารที่ทั้งสองนั่งทานอยู่ ภูชิตพ่นลมหายใจออกเบาๆ นั่นเป็นสิ่งที่น่านน้ำสังเกตเห็นแวบเดียวเท่านั้น“คุณน้ำทานอะไรดีครับ” ภูชิตไม่ตอบคำถามของหญิงสาวที่ยืนยิ้มส่งสายตาวิบวับให้ตนเอง แต่กลับหันมาถามผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงหน้าแทน
“ก็ได้ครับ ผมจะให้โอกาสคุณแล้วกัน พรุ่งนี้เราจะเริ่มงานกันจริงๆเสียที หวังว่าคงไม่มีเหตุการณ์อะไรให้ต้องเลื่อนวันเริ่มงานอีกนะครับ” น่านน้ำคลี่ยิ้มกว้าง ยิ้มหวานบนในหน้าเนียนกับแววตาสดใสบ่งบอกว่าดีใจสุดขีด ทำให้หัวใจของภูชิตกระตุกวูบไหวอีกแล้ว“ขอบคุณมากค่ะ น้ำสัญญาว่าจะทำงานให้สุดความสามารถเลยค่ะ” ภูชิตพยักหน้ารับ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป เมื่อประตูห้องถูกปิดลง“คุณได้อยู่ต่อนะจ๊ะ คุณน่านน้ำ” น่านน้ำบอกกับตัวเองแล้วลุกขึ้นกระโดดโลดเต้น โดยไม่สนใจเสื้อคลุมที่หล่นไปกองอยู่กับพื้น เธอกระทืบเท้ากรี๊ดในลำคอ ดีใจที่ยังมีโอกาสอยู่พิชิตใจเจ้านายหนุ่ม ร่างเล็กหมุนตัวอย่างมีคนมีความสุขสุดๆ จนไม่ได้ยินเสียงประตูที่เปิดออกอีกครั้ง“เอ่อ...คุณน่านน้ำผมรอทานขะ...” ภูชิตอ้าปากค้างกับภาพตรงหน้าที่ได้เห็น น่านน้ำหยุดทุกการเคลื่อนไหวอ้าปากค้างตาโตและรีบหันหลังให้คนที่โผล่หน้าเข้ามา ภูชิตรีบดึงประตูปิด เขาหอบหายใจแรงราวกับเด็กหนุ่มเพิ่งเคยเห็นเนื้อนวลสาวครั้งแรก“ขะ...ขอโทษครับ ผมรอทานข้าวนะครับ” น่านน้ำรีบวิ่งไปกดล็อกประตู ก่อนที่จะเอ่ยเสียงแผ่วเบาออกไป“ค่ะ”
ภูชิตเปิดประตูรถออกแล้ววางร่างบอบบางไว้ที่เบาะด้านข้างคนขับ มือใหญ่จับโน่นถอดนี่อย่างว่องไวไม่เว้นแม้แต่ชั้นในตัวจิ๋วสองชิ้น น่านน้ำตกใจหัวใจหล่นไปกองที่ตามตุ่ม ครั้นจะยกมือปัดป้องหรือเอ่ยปากว่าไม่เป็นไรแล้ว ก็ไม่ทันการณ์ นั่นยิ่งจะทำให้มารยาเล่มแรกที่เธองัดมาใช้ถูกเขาจับได้ เสียเชิงหญิงอย่างเธอกันพอดี คนตัวเล็กจึงจำใจหลับตาไว้อย่างนั้น โดยไม่รู้ตัวเลยว่าผิวเนื้อเนียนขาวโพลนของตัวเอง ตอนนี้กลับกลายเป็นสีแดงเรื่อขึ้นจนทั่วร่าง ด้วยความสะเทิ้นอาย หากแต่ภูชิตไม่ได้สังเกตเพราะเขารีบถอดเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของตนมาคลุมร่างของหญิงสาวไว้ทันที และถึงจะไม่ทันได้สังเกตผิวเนื้อเนียนที่เปลี่ยนสี สายตาคมกล้าก็อดไม่ได้ที่ชำเลืองมองทรวงอกอวบอิ่มที่เคยสัมผัสมาแล้ว และรู้ว่าหยุ่นเด้งเพียงใดภูชิตรวบพันเสื้อผ้าและชั้นในเปียกน้ำเอาไปวางไว้ท้ายกระบะ ร่างใหญ่วิ่งไปเปิดประตูด้านคนขับ แล้วขึ้นนั่งประจำที่ หลังจากสตาร์ทรถแล้วภูชิตจึงรู้ว่าลืมปิดประตูอีกด้าน ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ยื่นแขนยาวและโน้มตัวไปดึงประตูปิดช้าๆ กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆ
“ไร่ภูชิตนี่อากาศดี๊ดีนะคะ” น่านน้ำเอ่ยเสียงกังวานใส ยิ้มหวานระบายเต็มใบหน้าเนียน เจ้าของไร่ภูชิตมองรอยยิ้มนั้นนิ่งค้าง“คุณภูชิต คุณภูชิตคะ” น่านน้ำโบกมือไปมาตรงหน้าชายหนุ่ม ภูชิตสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะปรับสีหน้าให้เรียบเฉยเหมือนเดิม“เอ่อ...ครับ” “น้ำว่าที่นี่อากาศดี๊ดีนะคะ” ภูชิตยิ้มเล็กน้อยพยักหน้ารับ“คุณน่านน้ำชอบที่นี่ไหมครับ” คนถูกถามระบายยิ้มหวานอีกครั้ง“ชอบค่ะ เอ่อ...คุณภูชิตเรียกน้ำเฉยๆก็ได้นะคะ” ภูชิตพยักหน้ารับ“ครับคุณน้ำ” เสียงเรียกราวกับคนละเมอ“น้ำขออนุญาตเรียกคุณภูนะคะ จะได้คุ้นเคยกัน”“ครับ” ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าใกล้ จนสัมผัสได้ถึงไออุ่นจากลมหายใจกันและกัน บรรยากาศเบื้องหลังเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน พระอาทิตย์ดวงกลมโตกำลังจะลับขอบฟ้า ลำแสงสีส้มสาดส่องไปทั่วบริเวณไร่ภูชิต น่านน้ำหลับตาพริ้ม เอาล่ะ...อะไรจะเกิดมันก็ต
“สิน...ไอ้สิน” ภูชิตตะโกนเรียกลูกน้อง เพราะรู้ดีว่าเหล่าลูกน้องที่ติดตามเขา ต้องคอยดูและระวังความปลอดภัยให้เขาอยู่ใกล้ๆ“ครับนาย” นายสินวิ่งเร็วมาถึงหน้าเรือนไม้ ยืนเอามือกุมเป้าก้มหน้ารอฟังคำสั่ง“ไปซื้อยาลดไข้ชนิดน้ำมาให้หน่อย” ลูกน้องตัวโตทำหน้างงแปลกใจ ภูชิตจึงตวาดเสียงดัง“แกจะทำหน้างงทำไม สั่งอะไรก็ไปซื้อมาสิ”“ครับนาย ว่าแต่วันนี้นายจะเข้าไปดูในไร่ไหมครับ ผมจะได้ให้ไอ้อ๋องมันมาขับรถให้”“วันนี้คงไม่ไปไหน จะไปทำอะไรกันก็ไปเถอะ” ภูชิตพูดจบก็เดินเข้าบ้านไป ปล่อยให้ลูกน้องเกาหัวแกรกๆ ปกติแล้วภูชิตจะออกสำรวจไร่ทุกวัน ‘ไร่ภูชิต’ปลูกพืชไร่หลายชนิด ไม่เคยมีสักวันที่ผู้เป็นนายจะไม่ออกไปตรวจไร่ เพราะชายหนุ่มจะมุ่งมั่นกับการทำงานให้ออกมาดีที่สุด และมักจะควบคุมการทำงานทุกอย่างด้วยตัวเอง หากแต่ตอนนี้ผู้เป็นนายกลับมีบางอย่างที่รั้งให้เขาอยากอยู่กับบ้าน มากกว่าการออกไปตรวจงานไร่อย่างที่เคยเป็น“คุณน้ำ...ลุกมาทานยาเถอะจ้ะ” นางแตงอ่อนปลุกน่านน้ำในตอนเที่ยงเกือบบ่ายโมง หญิงสาวปรือตามองอย่างลำบาก แต่การที่ได้นอนหลับพักผ่อนมาตลอดช่วงเช้า และได้รับการเช็ด
ภูชิตสะบัดศีรษะไล่ความคิดติดเรทออกจากสมองตัวเอง เขายืนขึ้นเต็มความสูงร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร แล้วก้มมองสภาพเปียกปอนของตัวเอง และหันไปมองคนบนเตียง เสื้อนอนลายคิดตี้สีชมพูเปียกแนบไปกับอกอวบ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าคิตตี้เป็นอะไรที่น่ารักมาก ยิ่งตอนนี้ที่มันสะท้อนขึ้นลงตามจังหวะลมหายใจของคนที่สวมใส่อยู่ คิตตี้ช่างเป็นอะไรที่น่าค้นหาจริงๆยาก็กินไม่ได้ ตัวก็ร้อนจี๋ วิธีเดียวที่จะลดอุณหภูมิในตัวคนไข้ได้ ก็คงเป็นการเช็ดตัวสินะภูชิตกลับเข้ามาในห้องของน่านน้ำอีกครั้งในชุดใหม่ พร้อมกับกะละมังใบเล็กและผ้าขนหนู ชายหนุ่มยืนมองร่างของคนบนเตียงแล้วถอนหายใจ เขาวางกะละมังไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง ร่างสูงนั่งลงบนเตียงชิดร่างของหญิงสาว“ผมจะเช็ดตัวให้นะ ไม่ได้คิดอะไรจริงๆนะ” บุรุษพยาบาลจำเป็นเอ่ยขึ้นเพื่อเตือนสติตัวเอง มากกว่าที่จะบอกคนไข้ที่นอนอยู่บนเตียง มือใหญ่ดึงผ้าห่มผืนใหญ่คลุมร่างเล็กจนถึงคอ ก่อนจะค่อยๆคลำเข้าไปใต้ผ้าห่ม แกะกระดุมเสื้อนอนทีละเม็ด แล้วค่อยๆพลิกร่างใต้ผ้าห่มดึงเสื้อนอนออก“ชิ้นที่หนึ่ง” เสื้ออุ่นๆที่อยู่ในมือทำให้ภูชิตอดไม่ได้ที่จะยกขึ้นอย่างกล้า
“เงียบจัง” น่านน้ำในชุดนอนกางเกงขายาวเสื้อแขนยาวลายคิตตี้สีชมพู นั่งกอดหมอนใบใหญ่บนเตียงกว้าง บรรยากาศบ้านไร่ช่างวังเวงน่ากลัวจริง ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มืดไปหมด หญิงสาวถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ในวันนี้ มือบางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แต่พอเหลือบดูเวลาแล้ว หญิงสาวก็ได้แต่นั่งตาละห้อย“ดึกป่านนี้หลับกันหมดแล้วล่ะ เฮ้อ!” น่านน้ำเอนตัวลงนอน กว่าเธอจะข่มตาหลับได้ก็ใช้เวลานานนักหนา ทำให้แปดนาฬิกาในวันแรกของการทำงาน น่านน้ำยังคงนอนหลับไม่รู้สึกตัว เนื่องจากการเดินทางไกลและมาเจอสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็น ซึ่งแตกต่างจากอากาศในเมืองหลวง ทำให้ร่างกายของเธอปรับสภาพไม่ทัน หญิงสาวจึงเข้าสู่โหมดไข้สูงและตัวร้อนจี๋ก๊อกๆ“คุณน่านน้ำ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อน แล้วตามด้วยเสียงทุ้มตามมา น่านน้ำพยายามปรือตาขึ้น แต่ทำไมหนังตาเธอมันถึงหนักอึ้งอย่างนี้ หญิงสาวไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะพาร่างตัวเองลงจากเตียงเลยภูชิตขมวดคิ้วมุ่น เขาเคาะประตูอีกครั้ง หากแต่ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่อยู่ข้างใน ชายหนุ่มจึงตัดสินใจกลับไปที่ห้องตนเอง หยิบกุญแจสำรองมาไขกุยแจเปิดประตูห้องออก