“ตายแล้ว คุณแม่นอนตื่นสายขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ทำไมไม่มีใครปลุกคุณแม่ล่ะคะ”
“ป๊ะป๋าห้ามปลุกครับ ป๊ะป๋าบอกว่าคุณแม่เหนื่อย เพราะต้องดูแลพวกเรา ต้องให้คุณแม่พักผ่อนเยอะๆ แล้วตอนนี้คุณแม่หายเหนื่อยหรือยังครับ”
พรรณดารายิ้มให้ลูกชาย ยื่นมือไปลูบศีรษะเล็กเบาๆด้วยความรักเอ็นดู
“หายแล้วครับคนเก่ง”
“ถ้าหายเหนื่อยแล้วก็ลุกไปกินข้าวกันเถอะค่า” น้องพริ้งจับมือคุณแม่ดึงเบาๆ พรรณดาราขยับลุกขึ้นจากเตียง พี่พร้อมรีบวิ่งมาจับมือคุณแม่อีกข้าง ช่วยกันจูงคุณแม่ตรงไปยังโต๊ะที่มีอาหารมื้อเช้าวางอยู่เต็ม
กวีที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วยิ้มหวานให้คนเพิ่งตื่น เขาปล่อยให้เธอนอนตื่นสายโดยไม่ปลุก เพราะรู้ว่าเมื่อคืนนี้เธอหมดพลังกับเขาไปเยอะ ชายหนุ่มจัดการอาบน้ำแต่งตัวให้ลูกทั้งสองเสร็จแล้ว จึงบอกลูกๆไปปลุกคุณแม่คนสวยมารับประทานอาหารเช้าพร้อมกัน
“คุณแม่นั่งตรงนี้นะครับ” พี่พร้อมจัดการเลื่อนเก้าอี้ให้คุณแม่ให้นั่งข้างป๊ะป๋า
“นี่น้ำส้มของคุณแม่ค่ะ” น้องพริ้งเขย่งเท้า ค่อยๆยื่นมือไปดึงแก้วน้ำส้มบนโต๊ะมาไว้ใกล้ๆคุณแม่
พรรณดาราเอ่ยคำขอบคุณ พร้อมทั้งหอมแก้มลูกทั้งสอง เด
พรรณดาราเดินตามเด็กหิ้วกระเป๋าขึ้นไปบนห้อง หญิงสาวจะตามไปจัดกระเป๋าของลูกๆและของเธอเอง แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเดินเข้าไปในห้องที่เคยนอนประจำแล้วไม่พบกระเป๋า กวีเดินตามมายืนกอดอกพิงกรอบประตู มองสีหน้าแปลกใจของเธอยิ้มๆ“เด็กเอากระเป๋าลูกไปไว้ห้องคุณปู่คุณย่าแล้ว”“แล้วกระเป๋าหนูล่ะคะ”“อยู่ในห้องพี่”“หนูไม่นอนกับพี่วี” พรรณดาราสวนกลับทันควัน ขืนนอนกับเขาเธอได้อ่อนเปลี้ยเพลียแรงอีกแน่ๆ แล้วคืนนี้นอนบ้านที่มีพ่อกับแม่เขาอยู่ด้วย หากเธอตื่นสายอีกเหมือนคราวที่แล้วคงได้อายพวกท่านอีกแน่นอน“แต่พี่จะนอนกับหนู” กวีตอบยียวนพรรณดาราสะบัดค้อนให้คนเอาแต่ใจ ที่จริงอยากกระโดดข่วนหน้าเขาด้วยซ้ำ“เป็นอะไร กลัวตุ๊กแกในห้องพี่เหรอครับ”พรรณดาราขึงตาใส่ตุ๊กแกตัวใหญ่ที่ตามติดมาถึงนี่ กวีขยับเข้าไปยืนใกล้ภรรยา เขาโน้มใบหน้าลงกระซิบชิดใบหูเล็ก“คืนนี้พี่จะบอกตุ๊กแกให้กินตับหนูเบาๆนะครับ พี่สัญญา”สองสัปดาห์ต่อมาคนที่ไปตามง้อเมียถึงกรุงเทพก็ง้อเมียสำเร็จ เพลิงตะวันพาลูกเมียกลับมาถึงไร่ภูอิงฟ้าในตอนบ่าย ปู่ทวด
“พี่เพลิงดูอะไรอยู่คะ” หยาดพิรุณอุ้มลูกเดินตามสามีออกมาเพื่อจะเดินกลับบ้านไปด้วยกัน หญิงสาวมองตามสายตาสามีแล้วยื่นมือไปแตะต้นแขนเขา“พี่เพลิงสัญญากับน้ำฝนแล้วนะคะว่าจะไม่ยุ่งเรื่องนี้ ปล่อยให้พี่หนูพรรณได้ตัดสินใจเองเถอะค่ะ น้ำฝนสงสารพี่หนูพรรณ สงสารหลาน”เพลิงตะวันถอนหายใจแรง เขาหันมายิ้มให้ภรรยา รับลูกมาอุ้มแนบอก ก้มลงหอมแก้มนุ่มฟอดใหญ่“ครับ น้ำฝนว่ายังไง พี่ก็ว่าตามนั้น”หยาดพิรุณยิ้มหวานให้สามี“น่ารักแบบนี้ต้องให้รางวัล”คำว่ารางวัลทำให้คนที่ห่างเมียไปนานหลายวันยิ้มกว้าง เพลิงตะวันไม่สนใจน้อง ไม่สนใจหลานอีกต่อไป ชายหนุ่มคว้ามือนุ่มของเมียมากุมไว้แน่น แล้วรีบจับจูงเดินกลับบ้านไปอย่างรวดเร็ว ในหัวก็คิดวิธีที่จะทำให้ลูกชายหลับโดยเร็วที่สุด เขาจะได้อ้าแขนรอรับรางวัลจากเมียให้ชุ่มปอดกว่าจะทำใจให้กล้าพอที่จะคุยกับพี่ชายได้ พรรณดาราก็ทำใจอยู่หลายวัน วันนี้ก่อนจะไปนอนที่บ้านสามีหญิงสาวจึงตัดสินใจที่จะบอกพี่เพลิงว่าเธอตัดสินใจที่จะกลับไปอยู่กับสามี เธอทำเพื่อลูกๆพรรณดาราเดินมาหาพี่ชายที่บ้านอยู่ติดกัน หลังจากที่
“ไม่ได้ด่าแล้วหนีทำไม แน่จริงกลับมาพูดกันให้รู้เรื่องสิ ไอ้เพลิง!” กวียังไม่ยอมหยุด ก็ก่อนที่เมียเขาจะเดินมาหามันเธอยังยิ้มพูดคุยปกติอยู่เลย แต่พอมาเจอมัน เธอกลับร้องไห้ขี้มูกโป่ง ไม่ใช่มันแล้วจะเป็นใครที่ทำให้เมียเขาต้องร้องไห้เสียน้ำตาแบบนี้“พี่วี!” พรรณดาราผลักคนที่เธอกอดไว้ออกสุดแรง หญิงสาวมองหน้าเขาด้วยสายตาคาดโทษ คนอะไรไม่มีเหตุผล ไม่ฟังคนอื่นบ้างเลย เอาแต่เอะอะโวยวายอยู่นั่นแหละ“ไอ้เพลิงมันว่าอะไรหนู บอกพี่มา พี่จะไปจัดการมันให้” คนห่วงเมียจนขาดสติไม่สังเกตสักนิดว่า เมียโมโหจนจะกลายร่างเป็นนางยักษ์เขมือบหัวเขาอยู่แล้ว“พี่เพลิงไม่ได้ว่าอะไรหนู” พรรณดาราพยายามอธิบายอย่างใจเย็นทั้งที่ในใจเดือดปุดๆ“อ้าว! แล้วหนูร้องไห้ทำไมครับ” กวีถามเสียงอ่อนลง เห็นตาดุๆของเธอแล้วชักเสียวสันหลัง“แล้วทีเมื่อกี้ทำไมไม่ถามก่อน ไปโวยวายพี่เพลิงทำไมคะ คนอะไรชอบใช้อารมณ์เป็นใหญ่”“ก็พอเห็นหนูร้องไห้แล้วพี่ใจไม่ดี”พรรณดารามองค้อนคนแก้ตัวเสียงอ่อย นี่แหละเขา ไม่ว่าอะไรก็ขอให้ได้พาลคนอื่นก่อน แล้วค่อยมาคุยมาถามทีหลัง แบบนี้ต้องปล่อยให้คาใจต่อไป เธอจะ
เพลิงตะวันยิ้มเยาะ แล้วหมุนตัวเดินเข้าบ้านไปก่อน ปล่อยให้คนถูกด่าว่าเป็นสากกะเบือมองตามด้วยความอาฆาตแค้น ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้เพลิง!“ไม่มีชีวิตคู่ของใครสมบูรณ์แบบไปทุกอย่างหรอก ทุกคนต้องเจอบททดสอบกันทั้งนั้น ชีวิตคู่จะไปต่อหรือสิ้นสุดลง ขึ้นอยู่กับเราสองคนว่ารักกันมากพอที่จะจับมือกันฝ่าฟันบททดสอบไปได้หรือเปล่า ที่ผ่านมาก็ขอให้เป็นบทเรียน ต่อไปมีอะไรก็คุยกันดีๆนะลูก” แม่พราวบอกสอนลูกสาวและลูกเขย ทั้งยกมือซับน้ำตาที่หางตาอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรที่ทำให้ลูกสาวตัดสินใจกลับไปคืนดีกับลูกเขย ท่านก็ถือว่านี่เป็นเรื่องที่น่ายินดี หลานๆจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูกเสียที แม้ตัวเองจะต้องทนคิดถึงหลานตัวน้อย ท่านก็ยอม เพราะดูจากการเกาะติดนั่งตักคนเป็นพ่ออย่างแน่นเหนียว ไม่ยอมลุกไปไหนเลยของหลานทั้งสองคนแล้ว ก็พอรู้ได้ว่าอยากกลับไปอยู่กับพ่อเขาขนาดไหน แล้วยายพราวจะกล้าขัดขวางความสุขของหลานๆได้อย่างไร“ขอบคุณครับคุณแม่ ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้ลูกสาวคุณแม่ต้องเสียใจอีก”“จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหมกวี ไม่มีอะไรที่พ่อต้องกังวลใช่ไหม” พ่อนนท์ถามลูก
“ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ผมจะไม่มีวันให้น้องสาวผมกลับไปเสี่ยงกับพี่อีกแน่” เพลิงตะวันเปิดฉากขู่ทันทีเมื่อแน่ใจว่าจะไม่มีใครได้ยินบทสนทนาระหว่างเขากับน้องเขย“กูรู้แล้ว”“เออ...รู้แล้วก็ดี จะทำอะไรทีหน้าทีหลังก็หัดคิดซะก่อน ไม่ใช่พอมันเกิดเรื่องแล้วก็ทำให้คนอื่นเขาวุ่นวายไปทั่ว ทำให้เมียต้องเสียใจ ทำให้ลูกต้องลำบาก แบบนี้มันใช่เหรอ”“มึงจะบ่นทำซากอะไร กูก็พยายามทำดีที่สุดแล้ว แล้วตอนนี้มันก็โอเคแล้ว”“โอเคเชี่ยอะไร ได้ข่าวว่ายังจับตัวไอ้ห่านั่นไม่ได้ไม่ใช่เหรอ ที่จริงพี่ควรรอให้ทุกอย่างมันเคลียร์กว่านี้ก่อนแล้วค่อยมารับลูกเมียกลับไปอยู่ด้วย”“ก็กูคิดถึงลูกคิดถึงเมีย”“ทนคิดถึงนิดหน่อยไม่ได้หรือไงวะ ห่างกันไม่กี่ปีเองก็จะเป็นจะตายเลยหรือไง อีกอย่างหนูพรรณก็พาลูกไปหาอยู่บ่อยๆไม่ใช่เหรอ”“ไปหาแล้วได้แต่มองน้ำลายหยดติ๋งๆ แต่ทำเชี่ยไรไม่ได้เลยเนี่ยนะ มึงไม่สงสารกูบ้างเหรอไอ้เพลิง จิตใจมึงมันทำด้วยอะไร”“สงสารทำไม พี่ทำตัวเองไม่ใช่เหรอ ไปเสือกเรื่องของคนอื่นเขาทำไม”“มึงคิดว่ากูอยากเสือกงั้นสิ ถ้ากูไม่ตกกระไดพลอยโจนไปกับมัน
“หนูทำแบบนี้ใช่ไหม” กวีลูบล้วงลงใต้ชายกระโปรงชุดนอน เขาสอดมือเข้าไปตรงขอบกางเกงในตัวจิ๋ว ขยับนิ้วกลางแทรกลงกลางกลีบเนื้อนุ่ม“พี่วี!” พรรณดาราผวาเฮือก สะโพกสาวแอ่นขึ้นน้อยๆ หญิงสาวจิกมือทั้งสองบนบ่ากว้าง สบสายตาเขาอย่างขัดเขิน สองแก้มแดงปลั่งด้วยสะเทิ้นอายตาคมมองหน้าคนเขินจัด กวีอมยิ้มเอ็นดูเมื่อภรรยาสาวหลุบตาหนี ไม่ยอมสบตาเขา“อายทำไม พี่ก็ทำเหมือนกัน เวลาทำพี่คิดถึงหนู คิดถึงตอนที่พี่อยู่ในตัวหนู แล้วหนูล่ะ เวลาทำแบบนี้ คิดถึงพี่ไหม” กวีขยับกดคลึงปุ่มเนื้อนุ่มช้าๆแต่หนักแน่น คนใต้ร่างบิดส่าย สั่นสะท้านเป็นระยะ ทว่ายังไม่ยอมปริปากพูด พรรณดารากัดริมฝีปากล่างไว้แน่น“ดื้อ...” กวีต่อว่าคนที่เอาแต่หลบหน้าเขา ไม่ยอมตอบคำถามวาบหวิวสักที“อื้อ! พี่วี!” พรรณดาราอุทานเรียกสามี พร้อมกับแอ่นสะโพกลอยเหนือที่นอน เมื่อถูกนิ้วเรียวยาวกระทุ้งเข้าสู่ร่องรักอุ่นอ้าว เขาจงใจแกล้ง เพราะอยากให้เธอตอบคำถามน่าอาย“เวลาทำเอง เสียวแบบนี้ไหมครับ” กวีก้มลงกระซิบถามชิดใบหูเล็ก เขาตวัดลิ้นเลียเบาๆ ยิ่งได้ยินเสียงครางแผ่วพร่าของเมียรัก ยิ่งคึกคัก ยิ่งอยากแกล้ง“
พรรณดาราแหงนเงยหน้า หลับตาพริ้ม กรีดร้องรัญจวนใจ หญิงสาวแตะเส้นวิมานในทันที แอ่งเนื้อนุ่มพร่างพรมหยาดน้ำกระเซ็นรินรดตัวเองและสามีจนชุ่มโชกกวีช้อนท้ายทอยเล็กเบี่ยงหน้าเธอขึ้นมา ก่อนจะก้มลงจูบดุดัน บดขยี้ริมฝีปากนุ่มด้วยอารมณ์รักร้อนแรง ในขณะที่ตาคมปลาบยังจับจ้องผืนเนื้อสาวที่เปียกชุ่มฉ่ำวาวเต็มไปด้วยหยาดน้ำรักของเธอ นิ้วเรียวเล็กยังคงแตะต้องอยู่ตรงนั้น เขาเห็นเธอขยับมันน้อยๆ และทุกครั้งที่เธอขยับนิ้ว กายสาวก็สั่นสะท้านกวีจัดการชุดนอนและบราไร้ค่าบนร่างภรรยาออกจนหมด เขาลูบไล้เนื้อนวลแผ่วเบาปลอบประโลม ปล่อยให้ภรรยาเก็บเกี่ยวความหวามหวานอยู่ชั่วครู่ กระทั่งจังหวะลมหายใจเธอเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ“ทีนี้ของจริงนะครับ” เสียงแหบพร่ากระซิบบอกชิดใบหูยังผลให้ขนอ่อนบนกายสาวลุกชัน แม้จะเสร็จสมด้วยตัวเองไปแล้ว แต่กลับรู้สึกยังไม่เพียงพอ เพราะพรรณดารารู้ดีว่ายามสามีโจนจ้วงเข้าหานั้น ให้ความรู้สึกที่มากกว่าที่เธอทำไปเมื่อครู่เป็นไหนๆ“หนูรออยู่ค่ะ” พรรณดาราอาจจะเขินอายเป็นบ้างบางครั้ง แต่เมื่อถูกสามีปลุกเร้าจนกู่ไม่กลับแล้ว หญิงสาวก็พร้อมที่จะกระโจนเข้ากองไฟสวาทที่เขาจุดขึ
เมื่อเกมพลิก คนที่เคยเป็นฝ่ายรุกก็เลยต้องตั้งรับ จากที่เคยเป็นผู้ควบคุม กลับต้องกลายเป็นผู้ตามอย่างจำนน พรรณดาราทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากครวญครางจนเสียงแหบแห้ง เธอถูกสามีส่งไปแตะเส้นวิมานแล้วหลายต่อหลายครั้ง กระนั้นเธอก็ไม่ได้รับความปรานีจากเขา สามีของเธอยังคงโหมกระหน่ำจ้วงแทงเธอราวกับเขาไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อยกวียิ้มพอใจ กับร่างขาวโพลนที่คุกเข่ายกสะโพกสูง เธอซุกหน้าแนบที่นอน ร่างสาวสั่นไหวไปตามแรงโยกโยนตัวเข้าหาของเขา เสียงครวญครางแหบแห้งกระตุ้นเร้าให้เขาคึกคักจนไม่อาจออมแรงไว้ได้ ชายหนุ่มเร่งขยับสะโพกสอบเข้าลึกออกเกือบสุด กระแทกกระทั้นจนคนที่ถูกเขาจู่โจมต้องอ้อนวอน“พะ..พี่วี อ๊ะ! สะ...เสร็จสักทีเถอะ นะ...หนูไม่ไหวแล้วนะ อื๊อ!” พรรณดาราบอกสามีเสียงกระท่อนกระแท่น เธอยอมรับก็ได้ว่าเธอยอมแพ้เกมสวาทในยกนี้ให้แก่เขาอย่างราบคาบ“ร้องขอพี่สิ” กวีโน้มตัวลงกระซิบแนบใบหูเล็ก เขาโอบกอดร่างนุ่มนิ่มเต็มสองแขน มือร้อนบีบกำขยำฟอนเฟ้นเต้าอวบรุนแรง ขณะที่สะโพกสอบก็ยังไม่หยุดขยับโยก“พะ...พี่วีขา ได้โปรด อ๊ะ! หนูมะ...ไม่ไหวแล้วค่ะ”“น่ารักที่สุด”กวีหอมแก้ม
เรือนร่างสาวสวยสะพรั่งเปลือยเปล่าถูกอุ้มมาวางลงบนเตียงอย่างเบามือที่สุด คนอุ้มสวมเพียงผ้าเช็ดตัวพันเอวสอบอยู่ผืนเดียวถอยห่างไปทันที แต่ไม่ไวไปกว่ามือเรียวบางที่คว้าหมับกระตุกเอาชายผ้าเช็ดตัวหลุดติดมือไป จนเจ้าของผ้าเช็ดตัวต้องถลาตามไปดึงเอาไว้ด้วยความตกใจ แต่กลับพลาดสะดุดขาตัวเองล้มลงทาบทับกายเปลือยนุ่มนิ่มที่นอนหงายอยู่บนเตียงเสียเต็มเปา ยังดีที่เขายั้งตัวเองไว้ได้ทันด้วยการใช้ข้อศอกดันตัวเองไว้ ไม่ให้น้ำหนักตัวทุ่มลงไปบนตัวเธอทั้งหมด ไม่อย่างนั้นคนตัวเล็กอาจจะกระดูกหักก็เป็นได้“กระติ๊บ ทำอะไรของคุณฮึ!” พบรักว่าเสียงเข้มทว่าไม่มั่นคง“นอนๆ นอนด้วยกันค่ะ” พลอยชมพูว่าเสียงอู้อี้ แถมยังใช้สองแขนกอดรัดร่างเกือบเปลือยของคนที่คร่อมทับตัวเองอยู่ไว้แน่น“จะนอนก็นอนไป ปล่อยผม”“ไม่ปล่อย จุ๊บๆก่อนนะคะพี่ต่าย”พบรักถอนหายใจ พลอยชมพูคงเข้าใจว่าเขาเป็นพี่ชายของเธอ ชายหนุ่มจึงตัดใจหลับตาจุ๊บไปหนึ่งทีที่หน้าผากมน“ฝันดีนะคะ” พลอยชมพูว่าแล้วปล่อยวงแขนออก หญิงสาวหลับตาลงเอาดื้อๆ เป็นพบรักเสียเองที่เริ่มลังเลว่าจะลุกไปจากตรงนี้ทั้งที่มีโอกาสแล้วหรือไม่ เขาไ
“กระติ๊บ” พบรักเรียกคนที่ยังเมาไม่รู้เรื่อง หวังให้เธอได้สติสักน้อยนิดก็ยังดี เขาจะได้บอกให้เธอจัดการอาบน้ำทำความสะอาดตัวสักหน่อย ขืนปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ดีแน่“ขา...” พลอยชมพูเงยหน้าขึ้น ขานรับเสียงยานคางหวานจ๋อย ทว่าดวงตาคู่งามยังหลับพริ้ม ริมฝีปากอิ่มสวยคลี่ยิ้มหวานเย้ายวน“คุณควรอาบน้ำ” พบรักถอนหายใจ แล้วบอกคนที่ยืนอิงแนบอกตัวเองอยู่ ไม่ใช่เธอคนเดียวที่ควรอาบน้ำหรอก เขาก็ด้วย เพราะเปื้อนไปทั้งตัว ทั้งกลิ่นก็ชวนให้คลื่นเหียนอาเจียนออกมาสมทบกับเธอเหลือเกิน“ไม่อาบ จะนอนค่ะ” พลอยชมพูบอกแล้วซบหน้ากับอกกว้าง“ไม่อาบไม่ได้” พบรักบอกเสียงเข้ม จับบ่าของคนยืนโงนเงนดันตัวเธอออกห่าง“ไม่หวายยย...ง่วงค่ะ มึนหัวด้วย” พลอยชมพูส่ายหน้า โบกไม้โบกมือว่าไม่ไหวจริงๆพบรักถอนหายใจแรง ชักรำคาญยายเมรีขี้เมา ถ้ายังต่อล้อต่อเถียงกับเธออยู่นี่ เขาก็คงไม่ได้พักผ่อนสักที ชายหนุ่มจึงตัดสินใจดันร่างสาวไปยืนใต้ฝักบัว แล้วเปิดน้ำชำระล้างร่างกายเธอ ทว่าเมื่อคนเมาถูกสายน้ำรินรดตัวก็สะดุ้ง กระโดดเข้ามากอดเขาไว้แน่น“กระติ๊บ! ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย” พบรักอยากจะจับแม่ตั
“ถ้าบอกว่าไม่พอใช้ คุณพบจะเพิ่มเงินเดือนให้ติ๊บเหรอคะ” พลอยชมพูถามแล้วยิ้มกว้าง ตาเป็นประกาย“เปล่า จะบอกว่าไม่พอก็ต้องพอ”“โธ่! ก็นึกว่าจะใจดีให้เงินเดือนเพิ่ม” ใบหน้ายิ้มร่าเมื่อครู่หุบลงทันควัน“คนอื่นเขายังพอใช้เลย อยู่ที่นี่บ้านก็ไม่ต้องเช่า ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ ผมไม่เห็นว่ากระติ๊บมีความจำเป็นต้องใช้เงินเลยนะ”“ผู้ชายก็งี้แหละ ไม่เข้าใจผู้หญิงเอาเสียเลย คุณพบรู้ไหมว่าผู้หญิงน่ะ เขามีของที่ต้องซื้อใช้ประจำเดือนเยอะแยะ”“ของใช้ประจำเดือน...หมายถึงผ้าอนามัยเหรอ มันก็ไม่น่าจะแพงอะไรขนาดนั้นนะ”พลอยชมพูถอนหายใจแรง ตาคู่งามเหลือบมองบน“ติ๊บไม่คุยกับคุณพบแล้ว ผู้ชายอะไรไม่เข้าใจความเป็นผู้หญิงเอาเสียเลย ติ๊บขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”ลูกจ้างสาวสวยของพบรักสะบัดค้อนเดินออกจากห้องไปแล้ว ชายหนุ่มมองตามจนกระทั่งประตูห้องปิดลง พบรักเอนกายพิงพนักเก้าอี้ ถอนหายใจบางเบา ระบายยิ้มเต็มใบหน้าคมเข้ม เธอน่ารักสดใส เวลาได้พูดคุย ได้อยู่ใกล้ๆ เขายอมรับว่าหัวใจเต้นในจังหวะที่แปลกไปจากเดิม“เอ้า! ไชโย!” เสียงเ
“คุณกระติ๊บ” ลำดวนกวักมือเรียกเมื่อเห็นคนที่ตามหามาตั้งแต่เช้าเดินเข้ามาใกล้“กินอะไรมาหรือยังคะคุณกระติ๊บ”“กินแล้วค่ะ อิ่มตื้อเลย” ก็จะไม่ให้อิ่มได้อย่างไร เธอกินขนมมาตลอดทาง และกินหมดคนเดียวไม่แบ่งคนขับรถด้วย“แล้วนี่ไปไหนมาคะ รู้หรือเปล่าว่าวันนี้เป็นวันเงินเดือนออก”“วันนี้เงินเดือนออกหรือคะ แล้วติ๊บต้องไปรับเงินเดือนที่ไหนคะ” พลอยชมพูถามกลับด้วยความตื่นเต้น“ของน้าและของคนอื่นที่เป็นพนักงานประจำก็โอนเข้าบัญชีค่ะ แต่ถ้าเป็นพวกจ้างรายวันมาทำงานบางอย่างก็ให้ไปรับกับการเงินที่ออฟฟิศ”“งั้นติ๊บคงต้องไปรับที่ออฟฟิศ เพราะติ๊บไม่ได้ให้เลขที่บัญชีธนาคารไว้ ติ๊บไปรับตอนนี้เลยได้ไหมคะ” เพราะเป็นเงินเดือนจากน้ำพักน้ำแรงเดือนแรก หลังจากที่ออกจากบ้านมาทำงานที่นี่ พลอยชมพูจึงตื่นเต้นเป็นพิเศษ“ตอนนี้ติดพักเที่ยงค่ะ ไปรับหลังบ่ายโมงดีกว่าค่ะ” พลอยชมพูพยักหน้ารับ ยิ้มหวานวาดฝันถึงเงินเดือนก้อนเล็กๆของเธอ“เอ่อ...คุณพบบอกว่าจะเป็นคนจ่ายเงินเดือนให้คุณกระติ๊บเองค่ะ”พลอยชมพูโกรธจนควันออกหู เมื่อเธออุตส่าห์เดินไปถึงออ
พยาบาลเงยหน้ามองสบตาญาติผู้ป่วยยิ้มๆ พบรักค้อมศีรษะให้ และเอ่ยคำขอบคุณ เขารอกระทั่งคุณพยาบาลเดินออกไปจากห้องแล้ว จึงก้มลงมองคนที่ยังคงกอดเขาไว้แน่น“ไหนใครบอกจะไม่ร้องไห้นะ”พลอยชมพูผละหน้าที่เปียกปอนน้ำตาออกมาจากอกกว้าง ใช้หลังมือปาดน้ำตา เงยหน้ามองคนล้อเลียนด้วยสายตางอนๆ“ก็ตอนแรกว่าจะไม่ร้องแล้ว ฮึกๆ แต่มันทนไม่ไหว มันเจ็บ ฮึกๆ คุณพบไม่ได้เป็นคนถูกฉีดยานี่ คุณพบไม่เข้าใจหรอก”“เจ็บเท่ามดกัด แค่นี้ทำมาร้อง”“มดกัดไม่เจ็บขนาดนี้หรอก ติ๊บเคยถูกมดกัดนะ ทำไมจะไม่รู้ว่ามันเจ็บแค่ไหน คุณพบน่ะเป็นผู้ใหญ่เสียเปล่า มาโกหกเด็กทำไม”คนถูกกล่าวหาว่าโกหกเด็กยิ้มในหน้า“เด็กโข่งน่ะสิ”พลอยชมพูสะอึกเมื่อถูกเขาว่า หญิงสาวยืดอก เชิดหน้าขึ้น มองเมินไปทางอื่น ปาดน้ำตาอีกสองที บอกเขาด้วยน้ำเสียงงอนๆ“คุณพบไม่เป็นติ๊บคุณพบไม่มีวันเข้าใจหรอก คนเรามีเรื่องที่ทำให้เจ็บแล้วจำฝังใจทั้งนั้นแหละ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ ฉีดเข็มสุดท้ายติ๊บคงไปฉีดที่กรุงเทพ เพราะถึงวันนั้นติ๊บคงกลับบ้านแล้ว คงไม่ได้รบกวนคุณพบอีกแล้วค่ะ”หลังขับรถออกมาจากโรงพยา
“มีคนทำแล้วค่ะ บ้านพักตั้งยี่สิบหลัง ต้องช่วยกันหลายคนหน่อยค่ะ ไม่งั้นเสร็จไม่ทันลูกค้าที่จะเข้าเช็กอินช่วงบ่ายแน่”“อ๋อ! ค่ะ...แล้วทำห้องนี้เสร็จแล้ว เราไปกินข้าวกันได้เลยใช่ไหมคะน้าลำดวน” พลอยชมพูถาม ขณะที่เดินตามลำดวนเข้าไปในห้อง เริ่มลงมือจัดเก็บตามขั้นตอนที่ลำดวนแนะนำและทำให้ดูมาหลายห้องแล้ว“หิวแล้วเหรอคะ” ลำดวนถามยิ้มๆ มือก็จัดการดึงผ้าปูที่นอนขึ้นจากเตียง“นิดหน่อยค่ะ” ก็จะไม่ให้เธอหิวได้อย่างไร เมื่อเช้าหลังจากที่พบรักบอกเธอว่าสัปดาห์หน้าต้องไปฉีดยาเข็มที่สอง เธอก็ตื้อไปหมด กินอะไรไม่ลง การกินข้าวมื้อเช้าน้อยเกินไป เลยส่งผลให้หิวเร็วกว่าปกติ“งั้นก็เร่งมือช่วยกันนะคะ เสร็จแล้วเราไปกินข้าวที่ห้องครัวกัน”“ค่ะ เอ่อ...น้าลำดวนคะ ติ๊บสงสัยอย่างหนึ่งค่ะ”“อะไรหรือคะ”“ที่นี่ไม่มีผู้จัดการรีสอร์ตหรือคะ คือตั้งแต่มาทำงานที่นี่ ติ๊บเห็นคุณพบทำโน่นนี่เองทุกอย่างเลย”“ก็คุณพบไงล่ะคะ คุณพบน่ะเป็นทั้งเจ้าของทั้งผู้จัดการ เธอทำเองทุกอย่าง ทำจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน เพราะไม่อยากมีเวลาว่างให้จิตใจต้องคิดเรื่องอื่นฟุ้งซ่าน” ลำดวนพูดไปด้ว
พลอยชมพูตัดสินใจออกแรงดันอกกว้าง พยายามพาตัวออกจากพันธนาการแสนหวาดเสียว ทว่าตัวเล็กๆแรงน้อยๆอย่างเธอไม่สามารถพาตัวเองขยับไปไหนได้เลย หญิงสาวถอนหายใจออกมาสุดแรง ตัดสินใจแล้วว่า การปลุกเขาให้ตื่นดูจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นเธอคงโดนเขากอดจนขาดอากาศหายใจตายแน่ๆพลอยชมพูสูดหายใจลึก รวบรวมพลังกายพลังใจ บอกตัวเองว่าต้องตั้งมั่นอยู่บนความหาญกล้า ก่อนจะเอ่ยเรียกเขาออกไปด้วยเสียงสั่นน้อยๆ“คุณพบคะ”แต่ดูเหมือนว่างูเหลือมตัวโตที่รัดเธอไว้แน่นจะไม่ได้ยิน เขาไม่รู้สึกตัว ไม่ลืมตา และที่สำคัญไม่ยอมคลายอ้อมแขนออกจากตัวเธอด้วย มิหนำซ้ำยังรัดแน่นขึ้นอีกต่างหาก นี่เขาคิดจะรัดเธอจนกระดูกหัก แล้วหลังจากนั้นก็จะเขมือบเธอลงท้องหรือเปล่า“คุณพบคะ! คุณพบๆๆๆๆๆ” พลอยชมพูเรียกเขาเสียงดังขึ้น และเรียกติดๆกันหลายครั้ง ทั้งออกแรงดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่ในอ้อมกอดของเขาด้วย และครั้งนี้มันได้ผล เขาค่อยๆลืมตาขึ้น เธอยิ้มดีใจที่เขารู้สึกตัว เขามองสบตาเธอ แต่ครู่เดียวเขาก็หลับตาลงดังเดิม“อ้าว! คุณพบ! ตื่นสิคะ” พลอยชมพูโวยวาย เมื่อกี้ก็ตื่นแล้วนี่ แล้วก็เห็นอยู่ว่าเธอนอนอยู่ตรงนี้
พบรักยกมือขึ้นกอดอก มองตามร่างบางเดินหนีไปด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนหันไปมองบริเวณที่งานแต่งกำลังดำเนินอยู่ แล้วระบายยิ้มบางเบาโดยไม่รู้ตัวหลังพิธีแต่งงานของลูกค้าเสร็จสิ้นลงแล้ว ช่วงค่ำมีงานเลี้ยงแขกผู้มาร่วมงาน พนักงานรีสอร์ตต้องมาคอยทำหน้าที่บริการอาหารและเครื่องดื่ม พลอยชมพู น้ำหวาน และพนักงานชายอีกคนรับหน้าที่ผสมเครื่องดื่ม“สีสวยจังเลย” แม้จะอยู่ประจำจุดผสมเครื่องดื่ม แต่ดูเหมือนว่าพลอยชมพูก็ทำได้แค่เพียงยืนให้กำลังใจเพื่อนพนักงาน และชื่นชมเมื่อพนักงานชายผสมเครื่องดื่มและจัดวางท็อปปิ้งบนแก้วออกมาได้อย่างสวยงาม“อร่อยด้วยนะคะคุณกระติ๊บ” น้ำหวานกระซิบบอก“อร่อยแต่เมาแหงๆ” พลอยชมพูทำหน้าเหยเก“ไม่เมาหรอกค่ะ ผสมเหล้านิดเดียวเอง ลองชิมดูหน่อยไหมคะ” น้ำหวานยื่นแก้วน้ำสีสวยให้พลอยชมพู“ไม่เอาค่ะ เดี๋ยวเมา เดี๋ยวถูกคุณพบว่า” พลอยชมพูส่ายหน้าปฏิเสธ“ลองชิมดูนิดเดียวเองค่ะ คุณพบไม่เห็นหรอก อย่างน้อยก็จะได้รู้รสชาติ เผื่อวันหลังจะได้มาหัดชงไงคะ” น้ำหวานยื่นแก้วไปแตะมือพลอยชมพู คนถูกคะยั้นคะยอรับมาถือไว้สีหน้าไม่สู้ดีเท่าไร“แก้วเดียวไม่
“เอามันม่วงด้วยนะคะคุณพบ” พลอยชมพูเกาะแขนคนข้างๆ เขย่าอย่างตื่นเต้น ตากลมสุกใสมองมันทิพย์ลูกขนาดพอดีคำทั้งสีขาวสีม่วงที่ถูกปิ้งอยู่บนตะแกรงด้วยความตื่นตาตื่นใจพบรักหลุบตามองมือนุ่มที่เกาะแขนตนอยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปสั่งแม่ค้าให้ พอแม่ค้ายื่นถุงให้ พลอยชมพูก็รับมาถือไว้เอง“ของติ๊บ ติ๊บถือเองค่ะ” เจ้าของมันทิพย์ยิ้มอย่างดีใจ“จะเอาอะไรอีกไหม” พบรักเอ่ยถามคนที่ยังเกาะแขนเขาไว้ด้วยมือข้างเดียว ส่วนอีกมือถือถุงขนมไว้พลอยชมพูมองซ้ายขวา ชะเง้อคอมองร้านค้าที่เรียงรายกันอยู่“แค่นี้ก็พอแล้วค่ะ เรารีบกลับรีสอร์ตกันเถอะ”“แล้วไหนบอกว่าจะซื้ออย่างอื่นด้วย”“ก็ตอนนี้ไม่อยากได้แล้ว ไปเถอะค่ะ” พลอยชมพูดึงแขนที่เธอเกาะอยู่ให้เดินกลับไปที่รถด้วยกัน พบรักยอมเดินตามแต่โดยดี เขายิ้มในหน้า ตาคมอ่อนแสงลงเมื่อหลุบมองมือที่จับอยู่บนแขนของตน“คุณพบรีบๆหน่อยสิคะ” พลอยชมพูเร่ง เมื่อคนขับขับรถด้วยความเร็วที่ไม่ค่อยทันใจเธอเอาเสียเลย“รู้ไหมว่าการขับรถเร็วอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้”“รู้ค่ะ แต่ติ๊บอยากกลับถึงรีสอร์ตก่อนบ