เสียงเรียกเข้ายังคงดังอย่างต่อเนื่อง นายหัวอารัณย์ก็เลยกดรับเพราะคิดว่าคนที่โทรศัพท์มาหาเขาในเวลาดึกแบบนี้น่าจะมีธุระด่วน เขากดรับแต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรคนปลายสายก็ส่งเสียงทักทายมาทันที และเสียงนั้นก็เหมือนว่าเขาเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
“นายหัว ใช่เบอร์นายหัวอารัณย์ไหมคะ นายหัวบอกคนของนายหัวกลับไปก่อนได้ไหม หนูรู้นะว่านายหัวส่งเขามาขู่ให้หนูกลัวใช่ไหมล่ะ แต่ทำแบบนี้มันไม่เข้าท่าเลยนะ ถ้าอยากให้หนูออกไปก็พูดกันดีๆ ก็ได้ ไม่ต้องใช่แผนแบบนี้หรอก” หญิงสาวพูดรัวจนเขาจับใจความไม่ค่อยได้
“เพลงขวัญเหรอ พูดช้าๆ ได้ไหม เกิดอะไรขึ้น”
“ก็คนของนายหัวที่หนูเจอตอนเย็น ตอนนี้พวกเขากำลังเดินอยู่รอบๆ บ้าน หนูได้ยินเสียงพวกมันแล้วจำได้ นายหัวสั่งพวกนั้นมาก่อกวนหนูใช่ไหม” เธอรับเล่าขณะที่มือไม้ก็สั่นไปหมด
“ไม่ใช่นะ นั่นไม่ใช่คนของฉัน เธอรออยู่ที่นั่นนะ หาที่ซ่อนก่อนเดี๋ยวฉันจะรีบไป” พูดจบนายหัวก็รีบคว้ากุญแจรถแล้วขับรถลัดสวนยางพาราไปยังบ้านของเพลงขวัญอย่างรวดเร็ว
เสียงรถที่ดังมาแต่ไกลทำให้คนที่กำลังหาทางงัดประตูบ้านรีบเผ่นกลับไปทันที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เพลงขวัญ อยู่ข้างในหรือเปล่า เปิดประตูหน่อยนี่ฉันเอง” เสียงนายหัวอารัณย์ที่ดังอยู่หน้าประตูทำให้เพลงขวัญที่ซ่อนอยู่ใต้เตียงรีบออกมาแต่ก็ยังไม่กล้าเปิดประตูเพราะยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าใช่เขาจริงหรือเปล่า
“นายหัวแน่นะคะ” เธอถามย้ำ
“อือ” พอได้ยินคำยืนยันอีกครั้งเพลงขวัญก็ค่อยๆ แง้มประตูออกทีละนิด แล้วพอเห็นว่าเป็นนายหัวอารัณย์จริงหญิงสาวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“เกิดอะไรขึ้น ขอเข้าไปข้างในได้ไหม” เขาถามด้วยความเป็นห่วงยิ่งเห็นใบหน้าของเธอที่มีแต่ความตื่นกลัวก็ยิ่งกังวลมากขึ้น เพราะเท่าที่ได้คุยกับเพลงขวัญเธอจะเป็นคนที่มั่นใจในตนเองมากแต่สีหน้าที่เห็นตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นเลย
“พวกมันมากันหลายคนค่ะ น่าจะเป็นวัยรุ่นเมื่อตอนเย็น”
เพลงขวัญเดินนำเขามายังห้องรับแขกซึ่งมีชุดโซฟาเล็กๆ ตั้งอยู่จากนั้นเธอก็เล่าเหตุการณ์เมื่อครู่ให้กับนายหัวอารัณย์รวมถึงเรื่องเมื่อคืนก่อนที่เธอได้ยินเสียงคนคุยกันมีรอยเท้ากระจายอยู่รอบๆ บ้าน
“แล้วทำไมเพิ่งบอกฉัน”
“ก็หนูคิดว่าเป็นคนที่นายหัวส่งมา”
“ฉันจะทำอย่างนั้นทำไม”
“ก็นายหัวอยากได้บ้านของหนูนี่คะ”
“เพลงขวัญ ฉันไม่เคยอยากได้บ้านของเธอเลยเพราะที่ดินแค่นี้ฉันจะเอาไปทำอะไร”
“แต่นายหัวก็เอาไปแล้วนี่คะ” เธอเถียงกลับ
“ที่ฉันยอมเอาเงินให้พี่ชายของเธอเพื่อแลกกับโฉนดที่ดินและบ้านก็เพราะถ้าฉันไม่ทำแบบนั้นพี่ชายเธอก็จะเอาไปขายให้คนอื่นแล้วเธอคิดว่าเขาจะยอมให้ยายของเธออยู่ต่อในที่ดินของเขาหลังจากที่ขาดส่งทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเหรอ” นายหัวหนุ่มถามหญิงสาวที่ดูเหมือนเธอคิดว่าเขาอยากได้บ้านและที่ดินของมาก ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยอยากจะเลย
“แล้วทำไมนายหัวถึงยอมล่ะคะ”
“เพราะฉันเห็นแก่ยายของเธอไงล่ะ ยายของเธอก็เหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ตั้งแต่เกิดมาฉันก็เห็นท่านมาทำงานที่บ้านของฉันแล้ว บางครั้งท่านก็ยังช่วยเลี้ยงฉันตอนที่พ่อกับแม่ของฉันไม่ว่าง แล้วเธอคิดว่าฉันจะทนเห็นท่านลำบากไปหาที่อยู่ใหม่ได้เหรอ”
“หนูขอโทษที่คิดไม่ดีกับนายหัว หนูไม่กล้าไว้ใจใครที่นี่เลย ขนาดพี่ชายของหนูยังทำกับยายได้ ก็เลยไม่คิดว่าคนอื่นจะมาหวังดีกับยาย” เพลงขวัญไม่คิดก่อนว่านายหัวอารัณย์จะมีน้ำใจกับยายของเธอมากขนาดนี้มาก่อน
“ฉันไม่ถือโทษอะไรหรอกนะเพลงขวัญ เธอยังเด็กมาก พอเจอเรื่องแบบนี้ก็ต้องระแวงเป็นธรรมดา จำไว้อย่างหนึ่งนะคนอย่างฉันถ้าอยากได้อะไรแล้วฉันไม่ต้องเสียเวลาทำอะไรแบบนี้เลย”
“แล้ววัยรุ่นที่หนูเจอไม่ใช่คนของนายหัวเหรอคะ” เธอถามย้ำเพราะดูจากลักษณะแล้วพวกนั้นเกรงใจนายหัวอยู่ไม่น้อย
“เด็กพวกนั้นเป็นคนงานของนายหัววาทิต”
“ถึงว่าล่ะรอยเท้าถึงมาจากด้านนั้น สงสัยว่าพรุ่งนี้หนูคงต้องไปคุยกับนายหัวให้เขาบอกคนของเขาว่าอย่ามายุ่งกับหนูอีก”
“เธอคิดว่ามันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ”
“คนเราโตกันแล้วก็น่าจะพูดกันรู้เรื่องนะคะ”
“ฉันก็ไม่อยากทำให้เธอกลัวหรอกนะ แต่มันจำเป็นที่จะต้องบอกไปตรงๆ เธอจะได้ตัดสินใจถูกว่าจะเอายังไงต่อ”
“นายหัวจะบอกอะไรหนู”
“วัยรุ่นที่เธอเจอเมื่อวาน”
“ทำไมคะ”
“มีสองคนที่เพิ่งออกจากคุกมาเมื่อเดือนที่แล้ว”
“เขาติดคุกข้อหาอะไรคะ”
“พยายามข่มขืน แต่เขามีคนคอยช่วยก็เลยติดไม่นาน”
เพลงขวัญคิดไม่ตก เธอกะว่าจะอยู่ที่บ้านยาวถึงเปิดเทอมจึงขนของออกจากหอพักแล้วไปฝากไว้ที่บ้านของเพื่อนเพราะปิดเทอมยาวถึงสี่เดือนจึงไม่อยากเสียค่าหอพักไปฟรีๆ
“หนูคงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วใช่ไหมคะ” เธอถามความเห็นของเขาเพราะไม่รู้จะปรึกษาใคร
“ฉันขอถามหน่อยนะว่าทำไมถึงอยากอยู่ที่นี่”
“ก็ที่นี่เป็นบ้านของหนู ถ้าไม่อยู่ที่นี่นายหัวจะให้หนูไปไหนล่ะคะ”
“กลับกรุงเทพไง” เขาเสนอทางออกเพราะไม่อยากให้เธออยู่ที่นี่เพราะตนเองคงตามมาช่วยไม่ได้ทุกครั้ง
“ยังไงหนูก็ต้องกลับไปเรียนอยู่แล้วล่ะค่ะ แต่ไม่คิดว่าจะต้องกลับเร็วกว่ากำหนด” เธอพูดแล้วก็ถอนหายใจ
“ไม่อยากกลับเหรอ มีอะไรหรือเปล่าถ้าเป็นเรื่องค่าใช้จ่ายฉันช่วยเธอได้เพราะรับปากยายเธอไว้แล้วว่ายังไงก็จะส่งเธอเรียนจนจบนั่นแหละ”
“หนูยังพอมีเงินเก็บค่ะ แต่ที่ยังไม่อยากกลับเพราะยังไม่ได้หาหอใหม่เลย”
“หาทำไมแล้วหอเดิมล่ะ”
“ช่วงปิดเทอมหนูไม่ได้เช่าค่ะ ตั้งสี่เดือนนะคะ เสียดายค่าหอ แล้วหนูก็คิดว่าจะกลับมาอยู่กับยาย แต่ไม่คิดว่ายายจะจากไปเร็วแบบนี้” เสียงนั้นฟังดูเศร้าจนคนฟังก็รู้สึกเศร้าตามเธอไปด้วย
“ฉันรู้นะเพลงขวัญว่ามันทำใจยาก แต่เธอก็ต้องผ่านมันไปได้”
“แต่ก่อนหนูตั้งใจเรียนเพราะอยากจะจบมาทำงานดีๆ ได้เงินเดือนสูงๆ และกลับมาช่วยดูแลยาย”
“เธอคิดดีแล้ว และก็ควรทำต่อ”
“แต่ตอนนี้หนูไม่รู้ว่าจะทำแบบนั้นไปทำไม ถึงหนูประสบความสำเร็จแต่ยายก็ไม่อยู่แล้ว หนูไม่รู้จะทำไปเพื่อใคร” เพลงขวัญเสียงสั่นน้ำตาคลอ
“เพื่อตัวเองไง เธออายุยังน้อยนะ ยังมีอนาคตอีกไกล อย่าเพิ่งท้อสิ” นายหัวอารัณย์พูดให้กำลังใจ
“หนูมองอนาคตไม่ออกเลยค่ะ”
“ฉันเข้าใจนะ เรื่องนั้นเดี๋ยวเวลาผ่านไปเธอก็จะเข้าใจและปรับตัวได้ แต่เรื่องที่เราควรกังวลก็คือเรื่องที่มีคนพยายามจะเข้ามาในบ้านเธอมากกว่า”
เพลงขวัญมัวแต่เสียใจจนลืมนึกถึงเรื่องที่เขาพูดถึงไปจนสนิท “หนูควรไปแจ้งความไว้ก่อนไหม” “แต่เราไม่มีหลักฐานนะ เธอได้ยินแค่เสียงแต่ไม่เห็นหน้าพวกมัน” “แล้วหนูต้องอยู่อย่างหวาดระแวงเหรอคะนายหัว” “คืนนี้ไปอยู่ที่บ้านฉันก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยคิดกันต่อว่าจะเอายังไง” “หนูไม่อยากรบกวนนายหัวหรอกค่ะ” “แล้วมีที่อื่นให้ไปอยู่ไหมล่ะ ไปอยู่ที่นั่นก่อน ส่วนเรื่องกลับไปอยู่กรุงเทพค่อยคุยกันอีกทีก็ได้ คืนนี้มันดึกแล้วฉันง่วง” “หนูว่าพวกมันคงไม่มาแล้วล่ะค่ะ” “เธอเชื่อใจพวกในมากกว่าเชื่อใจฉันเหรอเพลงขวัญ” “เปล่าหนูก็แค่เกรงใจ” “บ้านฉันมีสามห้องนอน เธอไปอยู่ที่นั่นฉันก็ไม่เดือดร้อนอะไร” “นายหัวไม่กลัวแฟนของนายหัวรู้เหรอคะ” “นี่ฉันไปมีแฟนตอนไหน” “ป้านงค์บอกว่าแฟนนายหัวเป็นเจ้าของร้านปุ๋ยในเมือง” เธอบอกเขาตามที่ได้ยินมา “ชาวบ้านก็พูดกันไปเรื่อยนั่นแหละ จีไม่ใช่แฟนฉันแต่เราสองคนสนิทกันเพราะฉันสั่งของที่ร้านของเธอตลอด เธออย่าเพิ่งถามอะไรให้มากความเลยฉันง
นายหัวกลับจากสวนยางก่อนเวลาแปดโมงเช้าเล็กน้อยพอมาถึงก็รีบไปอาบน้ำก่อนจะออกมาอีกครั้งในเวลาไม่นาน “หิวหรือยัง” เขาถามเพลงขวัญที่นั่งรออยู่บนโซฟารับแขกกลางห้อง “ยังค่ะ” “แต่ฉันหิวแล้ว” เขาเดินไปยังโต๊ะทานอาหารทำให้เพลงขวัญก็ต้องเดินตามไปด้วย “นายหัวคะ หนูไปกินกับป้าแววและพี่บุหลันได้ไหม” เธอเกรงใจทั้งเจ้าของบ้านและลูกจ้างอีกสองคน “กินด้วยกันนี่แหละ” “แต่หนูเป็นลูกหนี้ของนายหัวคนอื่นรู้คงไม่ดีแน่” เพลงขวัญไม่อยากถูกคนอื่นมองไปในทางอื่น “สถานะลูกหนี้จะเริ่มหลังจากเธอเรียนจบแต่ตอนนี้เธออยู่ที่นี่ในฐานะของคนที่ฉันต้องดูแลตามคำสั่งเสียของยายนวลปราง” “แต่หนูว่า...” “ถ้ายายเธอรู้คงเสียใจนะที่เธอกำลังจะขัดคำสั่งของท่าน” นายหัวอารัณย์อ้างถึงยายของเธอเพราะรู้ว่าเพลงขวัญจะต้องทำตาม “ค่ะ” หลังทานอาหารแล้วเพลงขวัญก็ช่วยบุหลันเก็บโต๊ะและกำลังจะล้างจานแต่นายหัวก็มาเรียกให้เธอให้ตามไปที่ห้องทำงาน “เพลงไปก่อนนะคะ” หญิงสาวบอกบุหลันและป้าแววจากนั้นตัวเองก็รีบเข้าไปหานายหัวใน
เพลงขวัญมาอยู่ที่บ้านของนายหัวครบหนึ่งสัปดาห์แล้ว หญิงสาวช่วยงานป้าแววและบุหลันบ้างเวลาที่นายหัวไม่อยู่ เพราะไม่อยากจะทำตัวเป็นคุณหนูที่มาอยู่บ้านเขาแล้วไม่ช่วยหยิบจับอะไรเลย แต่ถ้านายหัวอยู่บ้านเธอก็จะเข้าห้องและนั่งทำงานของตนเองไปเงียบๆ และวันนี้ก็ครบกำหนดที่เธอจะต้องทำแกงไตปลาให้กับนายหัวอารัณย์ทานอีกครั้ง หญิงสาวตั้งใจปรุงรสชาติให้ออกมาใกล้เคียงกับวันนั้นให้มากที่สุด “ป้าแววว่ารสชาติเหมือนเดิมไหมคะ” “เหมือนจ้ะ” “พี่ก็ว่าเหมือนนะ”“โล่งอกไปทีค่ะ” เพลงขวัญถอดหายใจด้วยความโล่งอก ทั้งสามคนช่วยกันจัดโต๊ะอาหารซึ่งเสร็จทันเวลาที่นายหัวกับเพื่อนมาถึงบ้านพอดี “น่ากินมากเลยนะบุหลัน” วริศผู้จัดการสวนและพ่วงตำแหน่งหัวหน้าคนงานเอ่ยชมเพราะตอนนี้มีแค่บุหลันยืนรออยู่ที่โต๊ะอาหารเพียงคนเดียว “ไม่ใช่ฝีมือบุหลันหรอกค่ะ คุณวริศ บนโต๊ะนั่นฝีมือป้าแววกับน้องเพลง” “แล้วเพลงขวัญไปไหนแล้วล่ะ” นายหัวอารัณย์ถาม เขาอยากจะแนะนำเพลงขวัญให้รู้จักกับผู้จัดการสวนยางเอาไว้เพราะอาจจะได้เจอกันบ้างถ้าเธอยังอยู่ที่นี่ “
นายหัวอารัณย์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วพยายามดึงให้เพลงขวัญที่นอนอยู่บนเตียงลุกขึ้น เพราะถ้าขืนเธอยังนอนอยู่แบบนั้นเขาก็คงห้ามใจตัวเองไม่อยู่ “เพลงก็ไม่ได้อยากเป็นเมียนายหัวเหมือนกัน บอกเลยใช่สเปก เพลงไม่อยากมีผัวแก่” หญิงสาวเถียงเขากลับ “ไม่อยากแต่ก็มายั่วถึงห้อง” “ยั่วที่ไหน เพลงก็แค่อยากมาคุยด้วยแล้วก็จะกลับ” หญิงสาวลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแต่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็ทำให้เธอยืนไม่ค่อยตรงจนที่ยืนอยู่ต้องรีบเข้ามาประคอง อารัณย์โอบร่างของเธอไว้หลวมๆ กลิ่นกายสาวที่เข้าปะทะจมูกทำให้เขารู้สึกร้อนรุ่มขึ้นได้อย่างง่ายดาย ในหัวนึกไปถึงเรื่องที่ตนเองฝันเมื่อครั้งก่อนแล้วก็ไม่อยากจะให้เธอกลับไปที่ห้องอย่างที่ปากพยายามบอก “ฉันเปลี่ยนใจแล้ว” “เปลี่ยนใจอะไรคะ” เธอเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาหวานเยิ้ม “ก็เปลี่ยนอยากจะลองมีเมียเด็ก อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะอร่อยอย่างที่พูดไหม” “ไม่นะเพลงไม่อยากเป็นเมียนายหัว อื้อ...” เพลงขวัญครางในลำคอและพยายามสะบัดหน้าหนีริมฝี หนาที่กดจูบลงมาบนเรียวปากอิ่ม ชายหนุ่มใช้มือใหญ่บีบปลาย
นายหัวหนุ่มส่งเธอให้สุขสมอีกครั้ง แล้วเขาก็รีบจัดการกับเสื้อผ้าของตนออก ก่อนจะเปิดลิ้นชักควานหาถุงยางอนามัยที่ซื้อเก็บไว้ จากนั้นก็รีบสวมมันลงบนท่อนเอ็นร้อน กดคลึงตัวตนลงบนกลีบกุหลาบที่เคลือบไว้ด้วยน้ำหวานใสกดเข้าไปช้าๆ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นไปอย่างที่ต้องการ“นายหัว ไม่ไหว เพลงเจ็บ”“อย่าเกร็งสิเพลง” เขาก้มลงจุมพิตเธออย่างแผ่วเบา ส่วนมือร้อนทั้งสองข้างเคล้นคลึงอยู่บนอกอวบเบี่ยงเบนความสนใจ พอเห็นว่าเพลงขวัญเคลิบเคลิ้มก็กดตัวตนเข้าไปพรวดเดียวอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ จนในที่สุดท่อนเอ็นก็เข้าไปในกลางกายสาวลึกสุดโคน “อ๊าย!...” เพลงขวัญร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวดรู้สึกราวกับร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยง“ไม่เอาแล้วนายหัว เพลงไม่เอาแล้วเอาออกไปนะคะ”เธอร้องโวยวายขณะที่น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลอาบสองแก้ม แต่เมื่อเดินทางมาถึงขั้นนี้แล้วอารัณย์ไม่มีทางจะถอยออกอย่างแน่นอน“ทำไมไม่บอกว่ายังไม่เคย”ชายหนุ่มไม่คิดมาก่อนว่าหญิงสาวจะยังไม่ผ่านมือชายเพราะดูท่าทางและการแต่งตัวแล้วเขาคิดว่าเธอนั้นไม่ใช่สาวบริสุทธิ์อย่างแน่นอนเมื่อเธอนิ่งไม่ยอมตอบเขาก็เริ่มขยับตัวทีละนิดเพราะถ้าย
เพลงขวัญนอนหมดแรงอยู่ในอ้อมกอดของนายหัวอารัณย์จนกระทั่งแสงทองของเช้าวันใหม่จับที่เส้นขอบฟ้า ปกติแล้วนายหัวหนุ่มจะต้องออกไปดูคนงานกรีดยางตั้งแต่เช้าแต่วันนี้เขากลับยอมทิ้งงานเพราะไม่อยากจะลุกจากที่นอนเลยสักนิดเขามองหน้าหญิงสาวที่พยายามจะเว้นระยะห่างกับเธอให้มากที่สุดแต่แล้วก็พ่ายแพ้ต่อความต้องการของตนเองจนได้ อารัณย์ไม่รู้ว่าหญิงสาวตื่นขึ้นมาแล้วจะโกรธ จะร้องไห้หรือจะโวยวายมากน้อยแค่ไหน แต่ก็ทำใจไว้ระดับหนึ่งแล้ว ไม่ว่าเธอจะตื่นมาด้วยอารมณ์แบบไหนเขาก็พร้อมจะรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองทำลงไปเพลงขวัญที่ขยับตัวไล่ความปวดเมื่อยก่อนจะลืมตื่นขึ้นแล้วพบว่าตนเองนอนกอดร่างเปลือยเปล่าของใครบางคนอยู่ เธอรีบขยับตัวลุกนั่งแล้วก็ตาเบิกโพลงเมื่อเห็นว่าตนเองกอดอยู่กับนายหัว“นายหัว” หญิงสาวรีบขยับหนีแล้วดึงผ้าห่มออกมาคลุมตัวนั่นยิ่งทำให้ผ้าห่มฝั่งของนายหัวขยับออกทีละนิด“เพลงขวัญถ้าไม่อยากให้ฉันจับเธอกินตั้งแต่เช้าก็อย่าดึงผ้าห่มไปแบบนั้น”“นายหัวเข้ามาห้องเพลงได้ยังไง แล้วนายหัวทำไม่นอนโป๊แบบนี้”“ดูดีๆ ว่านี่ห้องใคร”เพลงขวัญมองไปรอบๆ ห้องแล้วหันมองหน้านายหัว เมื่อคืนเธอจำได้ว่าหลั
ในอำเภอที่เพลงขวัญอยู่ไม่มีร้านซ่อมคอมพิวเตอร์เลยสักร้านหญิงสาวเลยคิดจะเข้าไปในเมืองเพราะเคยเอาไปซ่อมอยู่ครั้งหนึ่ง เธอรีบเก็บของสำหรับนอนค้างที่นั่นหนึ่งคืนเผื่อว่าโน้ตบุ๊กจะซ่อมเสร็จไม่ทันรถเที่ยวสุดท้าย “น้องเพลงจะไปไหนคะ” บุหลันที่กำลังทำความสะอาดบ้านอยู่ก็ถามด้วยความแปลกใจเพราะปกติแล้วเพลงขวัญไม่ค่อยออกไปไหนโดยเฉพาะเวลากลางวันแบบนี้ “เพลงจะเข้าเมืองค่ะพี่บุหลันว่าจะเอาโน้ตบุ๊กไปซ่อม ไม่รู้จะเสร็จทันไหมก็เลยเอากระเป๋าเสื้อผ้าไปเผื่อด้วยถ้าไม่เสร็จก็คงจะหาเช่าห้องพักรายวันรอค่ะ” “มันซ่อมหลายวันเลยเหรอ” บุหลันไม่ค่อยเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ก็ถามขึ้น อีกอย่างเธอก็เห็นว่าเพลงขวัญมีท่าทีแปลกตั้งแต่เช้าก็รู้สึกเป็นห่วง “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ก็เผื่อไว้ก่อน ระหว่างรอซ่อมเพลงก็จะหาร้านอินเทอร์เน็ตแถวนั้นทำงานไปก่อน ดีกว่ากลับมารอที่บ้านแล้วงานไม่เดินเลยค่ะ เพลงฝากพี่บุหลันบอกนายหัวด้วยนะคะ” “พี่ว่าเพลงไปบอกเองดีไหม นายหัวอยู่ในห้องทำงาน” “เพลงกลัวไม่ทันรถลุงจวบค่ะพี่บุหลัน รบกวนพี่บุหลันด้วยนะคะ” “ได้ งั้นเพลงรีบไ
นายหัวอารัณย์พาเพลงขวัญมายังร้านจำหน่ายสินค้าไอทีเขาให้เธอเลือกโน้ตบุ๊กรุ่นที่ชอบโดยไม่ต้องสนใจราคาเพราะมันเป็นเครื่องมือที่เธอทั้งเรียนและทำงาน ซึ่งเพลงขวัญก็เห็นด้วยกับแต่ก็ยังรู้สึกเกรงใจ “เพลงว่าเอารุ่นที่ต่ำกว่านี้ก็ได้นะคะนายหัว” “ทำไมกลัวฉันไม่มีจ่ายเหรอ” “เพลงรู้ว่านายหัวรวยมาก งั้น้พลงเอารุ่นนี้ค่ะ เอาเมาส์ด้วยนะคะ แต่ไม่เอาตัวที่แถมให้นะคะ เพลงอยากได้ตัวที่แพงๆ หน่อยค่ะ อ้อ เอาแผนรองเมาส์ที่คนเล่นเกมชอบใช้ด้วยนะคะ” ในเมื่อเขาอยากจะจ่ายเพลงขวัญก็ไม่ขัดศรัทธา “เอาอะไรเพิ่มอีกไหม” “ไม่ค่ะ” “งั้นก็ไปหาอะไรกินเถอะฉันหิวแล้ว” “ทางร้านเขาจะย้ายข้อมูลให้ด้วยไหมคะ เพลงมีรูปที่ถ่ายกับครอบครัวอยู่ในนั้น” “อือ ฉันบอกให้แล้ว” กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็เป็นเวลาสี่โมงเย็นระหว่างนั้นทั้งสองคนก็ไปนั่งรอที่ร้านกาแฟ พอทางร้านย้ายข้อมูลและลงโปรแกรมเสร็จก็โทรตามให้ไปรับ “เรารีบกลับกันเถอะค่ะ เพลงมีงานต้องรีบส่ง” เพลงขวัญรีบบอกเมื่อเห็นท่าทางของนายหัวไม่ได้รีบร้อนเลยสักนิด “ฉันขี
ทางด้านนายหัวอารัณย์หลังจากคุยกับเพลิงแล้วเขาก็กลับไปที่บ้านของตนเอง เพราะอยากให้เพลงขวัญได้พักผ่อน เขารอจนกระทั่งถึงเวลาเย็นจึงขับรถเข้ามาหาเธอ แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อทั้งบ้านมืดสนิทเขาตะโกนเรียกเท่าไหร่หญิงสาวก็ไม่เปิดประตูชายหนุ่มเดินเข้าเปิดไฟที่ห้องรับแขกก่อนจะเดินเข้าไปตามเพลงขวัญในห้องนอน แต่แล้วพอเขาเปิดเข้าไปข้างในก็ต้องใจหายเมื่อพบว่าห้องนั้นว่างเปล่าและข้าวของบางอย่างมันหายไป นายหัวพยายามโทรหาเพลงขวัญแต่โทรเท่าไหร่ก็ไม่ติด เขาคิดว่าเธอน่าจะยังไปไหนไม่ไกลอย่างมากก็น่าจะแค่ในเมืองและทางเดียวที่จะเข้าเมืองได้ก็คือการนั่งรถลุงจวบเข้าไปเขารีบไปยังร้านป้านงค์ซึ่งอยู่ติดกับท่ารถเพื่อถามว่ามีใครเห็นเพียงขวัญบ้างไหม แต่ก็ไม่มีใครเห็นเพราะช่วงที่เพลงขวัญโบกรถชาวบ้านไปนั้นป้านงค์ก็กำลังวุ่นวายอยู่กับการขายของ“แล้วคนอื่นล่ะครับมีใครเห็นไหม”“ลุงไม่แน่ใจเท่าไหร่นะเพราะลุงสายตาไม่ดี แต่ช่วงสายๆ ลุงเห็นผู้หญิงคนหนึ่งโบกรถชาวบ้านที่จะเข้าในเมือง“ขอบคุณครับลุง” นายหัวอารัณย์กล่าวขอบคุณและคิดว่าผู้หญิงที่ลุงคนนี้บอกน่าจะใช่เพลงขวัญเขารีบขับรถเข้าไปในตัวจังหวัด ตามหาเพลงขวัญทั
นายหัวอารัณย์มองคนที่หลับสนิทแล้วได้แต่ส่ายหน้าถ้าวันนี้เขามาไม่ทันคนที่เธอร่วมรักอย่างบ้าคลั่งก็น่าจะเป็นนายหัววาทิต คิดแล้วก็รู้สึกเจ็บใจว่าทำไมพี่ชายของเธอจึงทำกับเธอแบบนี้เขาน่าจะมองออกและเตือนเธอให้ระวังตัวแต่เพราะคิดว่าเพลิงเป็นพี่ชายของเธอเป็นครอบครัวของเธอจึงไม่ได้ระแวงอะไรเลยสักนิดนายหัวหนุ่มเดินเข้าห้องน้ำจัดการชำระล้างร่างกายของตนเองจากนั้นใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กชุบน้ำมาเช็ดเนื้อตัวเพลงขวัญให้สะอาด เขานอนกอดเธอด้วยความหวงแหนก่อนจะออกจากบ้านของเธอในตอนเช้านายหัวอารัณย์ให้คนช่วยตามาพี่ชายของเพลิงขวัญเพื่อจะถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่ามันเป็นแผนของเขาหรือนายหัววาทิตกันแน่“นายทำแบบนี้ได้ยังไงเพลิงนั้นน้องสาวนายนะ”“ผมไม่ทางเลือกที่ไหนล่ะนายหัว คนอย่างผมเรียนก็ไม่ได้สูง หางานทำก็ลำบากแล้วพอมีคนมาเสนอเงินให้ถึงสองล้านถ้าไม่รีบคว้าไว้ผมก็โง่เต็มที”“เพลงขวัญมาได้ยินเธอคงเสียใจมาก นายรู้ไหมว่าเธอดีใจมากแค่ไหนที่นายกลับมานายเป็นครอบครัวคนเดียวที่เหลืออยู่”“ผมก็แค่อยากให้น้องสบาย นายหัววาทิตเขาชอบเพลงขวัญมาก ผมก็แค่อยากช่วยให้เขาได้สมหวัง”“นายนี่มันเห็นแก่ตัวและเห็
หลังจากไปส่งเพลงขวัญที่บ้านแล้วนายหัวอารัณย์ก็เข้ามาซื้อของที่ร้านประจำในตัวอำเภอขณะกำลังจะกลับก็เห็นพี่ชายของเพลงขวัญนั่งอยู่กับชายอีกสามคนที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง เขาแปลกใจมากเพราะเพลงขวัญบอกว่าเย็นนี้พี่ชายของตนเองก็จะอยู่ที่บ้านด้วย เขาเข้าไปนั่งมุมหนึ่งในร้านแล้วเรียกเด็กเสิร์ฟมาคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกของคนงานในสวนยางพารา “นายเพลิงกับเพื่อนมากันนานหรือยังต้อม” “มาตั้งแต่บ่ายแล้วครับนายหัว” “เราพอจะรู้ไหมว่าเขาคุยอะไรกัน” “ผมไม่ใจนะครับว่าฟังถูกหรือเปล่า บางทีอาจจะหูฝาด” “ไหนลองเล่ามาสิว่าเขาพูดว่าอะไร” “เขาบอกว่าวันนี้จะได้เงินหนึ่งล้าน พอเพื่อนเขาถามเขาก็หัวเราะแล้วก็บอกว่าเขาขายน้องสาว ผมเลยคิดว่าตัวเองน่าฟังผิด” “ขอบใจนะต้อม” นายหัวควักธนบัตรในละหนึ่งพันบาทให้กับเด็กหนุ่มแล้วรีบออกจากร้านเพราะคิดว่าน่าจะเกิดอันตรายกับเพลงขวัญแน่ๆ แต่ด้วยความรีบร้อนจึงชนกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ลานจอดรถ “ขอโทษครับ” นายหัวหนุ่มรีบกล่าวขอโทษ แล้วพอเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าคนที่ตัวเองชนคือปุยฝ้ายเพื่อนสมัยเรียนของตน
วันนี้นายหัวอารัณย์มีนัดคุยกับเพื่อนที่สวนปาล์ม เขาเลยพาเพลงขวัญนั่งรถมาด้วย หลังจากคุยงานเสร็จก็เลยพาเธอไปยังน้ำตกแห่งหนึ่งที่อยู่ระหว่างทาง ซึ่งน้ำตกแห่งนี้ไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่เพราะอยู่ห่างไกลจากบ้านเรือนประชาชนอีกทั้งการเดินทางเข้ามาที่นี่ยังต้องใช้รถที่ขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้นแต่มันไม่เป็นปัญหาสำหรับเขาเลย “เพลงเพิ่งรู้ว่าแถวนี้มีน้ำตกด้วย” หญิงสาวบอกกับนายหัวหลังจากลงมานั่งบนโขดหินและหย่อนเท้าลงในน้ำเย็นเฉียบ เธอเคยไปน้ำตกที่อื่นมาบ้างแล้วแต่เพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก “ไม่ค่อยมีคนรู้จักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่คนอื่นๆ เขาจะไปน้ำตกอีกที่ซึ่งมันเดินทางสะดวกกว่านี้”“แล้วทำไมนายหัวถึงพาเพลงมาที่นี่ล่ะคะ เพลงว่ามันเปลี่ยวมาก”“ก็เพราะมันเปลี่ยวและมีความเป็นส่วนตัวไงล่ะฉันถึงอยากพาเธอมาที่นี่”“เรื่องที่เราจะคุยกันมันไม่ได้เป็นความลับมากขนาดนั้นสักหน่อยนายหัวไม่ต้องพามาที่แบบนี้ก็ได้”“ทำไมเธอกลัวอะไรเพลง”“เปล่าค่ะ เพลงก็แค่ไม่ค่อยชอบบรรยากาศเท่าไหร่มันดูวังเวงยังไงก็ไม่รู้”“ไม่ต้องกลัวหรอกน่าอยู่กับฉันเธอจะกลัวอะไร เอาล่ะเธอลองเล่าเรื่องที่พี่ชายเธอคุยกั
“นายบอกฉันว่าน้องสาวนายไม่มีแฟนแล้วนั่นมันยังไงกันทำไมเธอถึงมากับนายหัวอารัณย์ได้ล่ะเพลิง” นายหัววาทิตมองเพลงขวัญที่เดินออกจากร้านกาแฟมาพร้อมกับนายหัวอารัณย์ด้วยความไม่พอใจ “เรื่องนี้ผมอธิบายได้ครับนายหัววาทิต เพลงก็แค่ไปช่วยงานนายหัวที่บ้านนายหัวอารัณย์เท่านั้นเอง”“แค่ช่วยงานอย่างเดียวเหรอ”“ครับ ผมถามแล้วน้องผมไม่ได้คิดอะไรกับนายหัวเลย”“น้องนายไม่ได้คิดแต่ฉันเห็นนะสายตานายหัวอารัณย์ที่มันมองเพลงขวัญฉันว่าเรื่องนี้เราช้าไม่ได้แล้วล่ะ”“แล้วนายหัวจะเอายังไงละครับ”“ฉันให้เวลาอีกสองวันนะ”“ได้ครับไม่มีปัญหา แล้วเย็นนี้นายหัวจะไปกินข้าวที่บ้านผมอยู่ไหม”“ไปสิฉันก็อยากทำความรู้จักเธอไว้ก่อนถึงวันนั้นเธอจะได้ไม่ตกใจมาก”“แล้วเรื่องนี้เมียนายหัวจะไม่เข้ามายุ่งใช่ไหม”“ปุยฝ้ายเหรอไม่มีทางรู้เรื่องนี้หรอก”“แต่น้องผมต้องกลับไปเรียนนะครับ”“จะเรียนทำไมเป็นเมียฉันไม่ต้องเรียนหรอกแค่ทำหน้าที่บนเตียงให้ดีก็พอ”“แล้วนายจะอยู่กับน้องสาวอีกกี่วัน”“ก็คงจะถึงวันที่นายหัวจะลงมือนั่นแหละครับ ว่าแต่เงินงวดที่สองนายหัวจะให้ผมเมื่อไหร่”“แม้แต่มือของน้องสาวนายฉันยังไม่ได้จับจะมาทวง
หลังจากทานอาหารเย็นกับพี่ชายแล้วเพลงขวัญก็มานั่งดูทีวีต่อที่ห้องรับแขก เธอลังเลว่าจะถามถึงเงินหนึ่งล้านที่พี่ชายเอามาใช้หนี้นายหัวดีไหม เพราะกลัวว่าพี่ชายจะไปทำอะไรที่ผิดกฎหมายมาหรือเปล่าแต่อีกใจหนึ่งก็กลัวพี่ชายจะโกรธที่เธอไปกล่าวหาถ้าหากเงินนั้นหามาด้วยความสุจริต “มีอะไรจะถามพี่ใช่ไหม” เพลิงเห็นว่าน้องสาวของตนเอาแต่จ้องหน้าก็ถามขึ้นเพราะคิดว่าตอนนี้เพลงขวัญคงอยากจะถามอะไรเขาหลายๆ ถึงเรื่องราวที่เขาหายไปนาน ซึ่งตัวเขาก็มีเรื่องที่จะถามน้องสาวอยู่เหมือนกัน “ค่ะ พี่เพลิงรู้ได้ยังไงว่าเพลงมีเรื่องจะถาม” “พี่เห็นเรามาตั้งแต่เกิดทำไมจะไม่รู้ล่ะ ว่าแต่เพลงจะถามอะไรพี่ล่ะ” “พี่เพลิงต้องสัญญาว่าจะตอบความจริงนะคะ” “ถึงแม้ที่ผ่านมาพี่จะทำตัวเกเรแต่ตอนนี้พี่เปลี่ยนไปแล้วนะ เพลงทำเหมือนไม่เชื่อใจพี่เลย” เพลิงมองหน้าน้องสาวซึ่งเป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ของเขา “เพลงขอโทษ เพลงก็แค่สงสัย” หญิงสาวเอ่ยเสียงเบาเพราะรู้สึกผิดที่ไประแวงพี่ชายแบบนั้น “สงสัยอะไรก็ถามมาเลย เราพี่น้องกันนะเพลง มีอะไรก็พูดกันตรงๆ” “พี่เ
นายหัวอารัณย์นั่งมองถนนหน้าบ้านอย่างร้อนใจเพราะตอนนี้ก็เกือบจะสิบโมงเช้าแล้วแต่เพลงขวัญกับพี่ชายก็ยังไม่มาตามที่บอกไว้ เขาอยากคุยกับพี่ชายของเธอเรื่องหนี้สินทั้งหมด ถ้าหากเพลิงจะมีเงินใช้หนี้ไม่หมดเขาก็ยินดีที่จะยกให้เพื่อแลกกับการที่เพลงขวัญต้องอยู่ในการดูแลของเขาจนเธอเรียนจบซึ่งระยะเวลาสองปีนี้ก็คงนานพอที่เขาและเธอจะได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันมากขึ้น “นายหัวรออะไรคะ” บุหลันที่ทำความสะอาดบ้านอยู่เห็นนายหัวเดินไปเดินมาแล้วก็ชะโงกหน้าไปยังถนนหน้าบ้านก็อดจะถามไม่ได้เพราะปกติเวลานี้ถ้าเจ้านายไม่เข้าไปที่โรงงานก็จะนั่งทำงานอยู่ในห้องมากกว่าออกมานั่งในห้องรับแขกอย่างที่เธอเห็นอยู่ในขณะนี้ “ฉันรอชลที เขาว่าจะมาแต่นี่ก็เลยเวลานัดแล้วทำไมยังไม่มาสักที” เขาพูดโกหกออกไปทั้งที่ตอนนี้ตัวเองกำลังรอเพลงขวัญและพี่ชาย“ทำไมนายหัวไม่ลองโทรตามดูล่ะคะ เผื่อคุณชลทีจะลืม”“ไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องด่วนอะไรมาก ฉันเข้าไปทำงานก่อนนะถ้าเขามาบุหลันก็ไปตามฉันในห้องก็แล้วกัน”“ได้ค่ะ” นายหัวอารัณย์เดินเข้ามาในห้องทำงานแต่ก็พยายามเงี่ยหูฟังว่ามีเสียงรถดังเข้ามาหรือเปล่าแล้วรอยยิ้มก็ปรากฏที
หญิงสาวเก็บของใช้จำเป็นลงกระเป๋า แต่ยังไม่ได้เอาไปทุกอย่างเพราะไม่รู้ว่าพี่ชายจะกลับมาอยู่ที่บ้านนานแค่ไหน ถ้าให้เลือกเพลงขวัญก็อยากให้เขากลับมาอยู่กับเธอที่นี่ตลอดเพราะเพลิงเป็นญาติเดียวที่เหลืออยู่ นายหัวอารัณย์จอดรถที่หน้าบ้านของเพลงขวัญชายหนุ่มตาละห้อยเพราะไม่อยากให้เธอห่างจากเขา “นายหัวจะลงไปไหมคะ” “ไม่หรอก ฉันอยากให้เธอกับพี่ชายได้อยู่กันตามลำพัง แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมารับนะ” “เพลงยังไม่รู้เลยว่าพี่เพลิงจะอยู่นานไหม” “ถ้าเขากลับมาอยู่ตลอด เธอก็จะอยู่ที่นี่กับเขาตลอดอย่างนั้นเหรอ แล้วฉันล่ะ เธอไม่สงสารฉันเลยเหรอ เธอไม่อยู่ฉันคงนอนไม่หลับแน่ๆ” “นายหัวพูดอย่างกับเราอยู่ด้วยกันมานานอย่างนั้นแหละ เราเพิ่งนอนด้วยกันสามคืนเองเดี๋ยวนายหัวก็ลืมเพลงไปเอง” “ใครจะลืมลง เมียทั้งคนนะ ขอกอดหน่อยได้ไหม” “อย่านะคะเดี๋ยวพี่เพลิงเห็น” หญิงสาวรีบร้องห้าม “ใจร้ายกับผัวจังนะ อย่างนี้ไม่น่าให้กลับมาเลย” “นายหัวขาเพลงไม่ได้ไปไหนไกลเลย บ้านเพลงก็อยู่แค่นี้ ของใช้เพลงก็ยังอยู่ที่บ้านายหัวนะค
เพลงขวัญตื่นนอนมาอีกครั้งในช่วงสายของวันใหม่ เธอรู้สึกดีที่การตื่นนอนในวันนี้มีนายหัวอารัณย์นอนอยู่ข้างๆ มันทำให้เธออบอุ่นและไม่อยากจะลุกออกจากที่นอนเลยสักนิด หญิงสาวนอนมองใบหน้าที่คล้ำแดดของเขาแล้วยิ้ม นายหัวอารัณย์เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์มากคนหนึ่งยิ่งมองใกล้ๆ แบบนี้เธอก็ยิ่งรู้สึกดีกับเขามากขึ้น หัวใจมันเต้นเป็นจังหวะแปลกๆความคิดอยากจะเป็นเจ้าของชายคนนี้เริ่มมากขึ้น แต่คงเป็นแค่ตนเองที่คิดแบบนี้เพราะยังไงเสียนายหัวก็ไม่เคยคิดเรื่องแต่งงานใหม่หรือมีครอบครัวอีกแล้ว แต่เธอก็เลือกที่จะยอมเป็นเมียบำเรอของเขาเพราะอย่างน้อยก็ยังได้และได้นอนอยู่ในอ้อมกอดของเขา ขณะมองเขาเพลินๆ เสียงโทรศัพท์ของเพลงขวัญก็ดังขึ้น หญิงสาวรีบหยิบผ้าเช็ดตัวที่วางอยู่ปลายเตียงมานุ่งก่อนจะหยิบโทรศัพท์แล้วเดินไปที่ห้องแขก คนที่โทรเข้ามาเป็นพี่จากบุหลันซึ่งโทรมาถามว่าเพลงขวัญจะกลับบ้านเมื่อไหร่เพราะตอนนี้พี่ชายของเธอกลับมาอยู่ที่บ้านและมาตามหาเพลงขวัญที่บ้านของนายหัว เพลงขวัญดีใจที่จะได้เจอพี่ชายและอยากจะถามเข้าเรื่องบ้านกับที่ดิน เผื่อบางทีพี่ชายอาจจะมีเงินกลับมาใช้หนี้นายหัวซึ่