เพลงขวัญมาอยู่ที่บ้านของนายหัวครบหนึ่งสัปดาห์แล้ว หญิงสาวช่วยงานป้าแววและบุหลันบ้างเวลาที่นายหัวไม่อยู่ เพราะไม่อยากจะทำตัวเป็นคุณหนูที่มาอยู่บ้านเขาแล้วไม่ช่วยหยิบจับอะไรเลย แต่ถ้านายหัวอยู่บ้านเธอก็จะเข้าห้องและนั่งทำงานของตนเองไปเงียบๆ
และวันนี้ก็ครบกำหนดที่เธอจะต้องทำแกงไตปลาให้กับนายหัวอารัณย์ทานอีกครั้ง หญิงสาวตั้งใจปรุงรสชาติให้ออกมาใกล้เคียงกับวันนั้นให้มากที่สุด
“ป้าแววว่ารสชาติเหมือนเดิมไหมคะ”
“เหมือนจ้ะ”
“พี่ก็ว่าเหมือนนะ”
“โล่งอกไปทีค่ะ” เพลงขวัญถอดหายใจด้วยความโล่งอก
ทั้งสามคนช่วยกันจัดโต๊ะอาหารซึ่งเสร็จทันเวลาที่นายหัวกับเพื่อนมาถึงบ้านพอดี
“น่ากินมากเลยนะบุหลัน” วริศผู้จัดการสวนและพ่วงตำแหน่งหัวหน้าคนงานเอ่ยชมเพราะตอนนี้มีแค่บุหลันยืนรออยู่ที่โต๊ะอาหารเพียงคนเดียว
“ไม่ใช่ฝีมือบุหลันหรอกค่ะ คุณวริศ บนโต๊ะนั่นฝีมือป้าแววกับน้องเพลง”
“แล้วเพลงขวัญไปไหนแล้วล่ะ” นายหัวอารัณย์ถาม เขาอยากจะแนะนำเพลงขวัญให้รู้จักกับผู้จัดการสวนยางเอาไว้เพราะอาจจะได้เจอกันบ้างถ้าเธอยังอยู่ที่นี่
“อยู่ในครัวค่ะ เดี๋ยวบุหลันไปตามให้นะคะ”
บุหลันเข้าไปตามเพลงขวัญส่วนตัวเองก็นั่งรอในครัวเพราะไม่อยากไปรบกวนเวลาทานอาหารของเจ้านาย
“เพลงขวัญนั่งลงสิ”
“นี่ใช่น้องเพลงจริงๆ เหรอ ไม่เห็นหน้ามาหลายปีสวยขึ้นเยอะเลย ทำหน้างงแบบนั้นคงจำไม่ได้ล่ะสิ”
“เพลงไม่แน่ใจเท่าไหร่” หญิงสาวรู้สึกคุ้นหน้าอยู่บ้างแต่ยังนึกชื่อเขาไม่ออก
“พี่วริศไง เราเคยเจอกันแล้วตอนนั้นน้องเพลงยังเป็นเด็กอยู่เลย”
“อ้อ พี่วริศ เพลงจำได้แล้วค่ะ ขอโทษนะคะที่จำไม่ได้ตั้งแต่แรก”
“น้องเพลงโตเป็นสาวแล้วส่วนพี่ก็แก่ลงจะจำไม่ได้ก็ไม่แปลกอะไรเลย”
“เพิ่งรู้ว่าเคยรู้จักกันมาก่อน”
“ครับ ผมกับน้องเพลงเคยรู้จักกันแต่ก็นานมากแล้ว ยังคิดอยู่เลยว่าโตมาหน้าตาจะเป็นยังไง พอโตเป็นสาวแล้วสวยกว่าที่คิดไว้เยอะเลย”
“แต่ฉันว่ายังเด็กอยู่เลยนะ”
“นายหัวก็ชอบว่าหนูเป็นเด็กอยู่เรื่อย อย่าลืมนะคะว่าวันนี้เราพนันอะไรกันไว้”
“นี่พนันอะไรกันเหรอน้องเพลง” ชลทีถามขึ้นบ้างเพราะเห็นว่าสีหน้าของเธอนั้นจริงจังเอามากๆ
“ยังบอกไม่ได้ค่ะคุณชล แต่เพลงมั่นใจว่าครั้งนี้เพลงต้องชนะนะแน่ๆ” เพลงขวัญที่เคยเจอกับชลทีมาแล้วพูดจากับเข้าด้วยท่าทางสนิทสนมและทำให้นายหัวไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เพราะเวลาคุยกับเขาเพลงขวัญจะห่างเหินมากกว่านี้
“ฉันหิวแล้ว รีบกินเถอะ”
เพลงขวัญใจเต้นแรงเมื่อเห็นชายสามคนตักแกงไตปลามากินกับขนมจีนและผักสดที่เตรียมไว้ เธอกำลังลุ้นสุดตัวว่าทุกคนจะพอใจกับรสชาติที่เธอตั้งใจปรุงอย่างสุดฝีมือหรือไม่
“แกงไตปลาวันนี้อร่อยมาก ฝีมือป้าแววนี้ใช้ได้เลย ไม่เหมือนครั้งก่อน ว่าไหมชล” วริศหันมาถามชลที
“อร่อยกว่าทุกครั้งที่เคยกินเลย” ชลทีเห็นด้วยกับเพื่อน
เพลงขวัญได้แต่มองแล้วยิ้มเพราะสองในสามเสียงก็เท่ากับว่าการเดิมพันครั้งนี้เธอเป็นผู้ชนะ และนายหัวจะต้องเลิกมองว่าเธอเป็นเด็กสักที
“ในเมื่อคุณชลกับพี่วริศบอกว่าอร่อย เพราะฉะนั้นก็ถือว่าเพลงชนะ ต่อไปนายหัวห้ามพูดว่าเพลงเป็นเด็กและเพลงก็จะไม่แทนตัวเองว่าหนูอีกแล้ว คุณชลกับพี่วริศเป็นพยานให้เพลงด้วยนะคะ”
“นี่พนันกันว่าแกงไตปลาจะอร่อยไหมเหรอ ใครเป็นคนเริ่ม” ชลทีหันมามองหน้านายหัวอารัณย์ที่เป็นทั้งเพื่อนและเจ้านายสลับกับเพลงขวัญที่นั่งยิ้มอย่างผู้ชนะ
“นายหัวเริ่มค่ะ”
คำตอบของเพลงขวัญทำให้ผู้จัดการโรงงานและผู้จัดการสวนยางพาราหัวเราะออกมาพร้อมๆ กันเพราะดูแล้วคนที่เริ่มน่าจะนิสัยเด็กไม่ต่างจากเพลงขวัญเท่าไหร่
หลังจากทานกันจนอิ่มทั้งสามหนุ่มก็ย้ายมานั่งดื่มเหล้าอยู่ที่หน้าระเบียงโดยมีบุหลันและเพลงขวัญช่วยกันทำกับแกล้มให้
“เดี๋ยวพี่กับป้าแววกลับก่อนนะเพลง เพลงก็เข้านอนได้เลย ของพวกนั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เราค่อยเก็บ”
“จะดีเหรอคะ”
“นายหัวกับเพื่อกินเหล้ากันแบบนั้นกว่าจะเลิกก็ตีหนึ่งตีสองนู่นแหละป้าเห็นจนชินแล้ว”
“แล้วเขาจะเมาไหมคะ”
“ป้ายังไม่เคยเห็นนายหัวเมาเลยนะ พวกเขาน่ะคอทองแดงกันทั้งนั้น”
เพลงขวัญพยักหน้ารับทราบจากนั้นเธอก็เดินไปถามนายหัวว่ามีอะไรอยากได้เพิ่มไหมเพราะจะได้เตรียมให้ก่อนจะเข้านอน
“กินเหล้าเป็นไหม” ชลทีถามขึ้นเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาหา
“เป็นค่ะ” เธอตอบด้วยความมั่นใจเพราะตอนเรียนอยู่ก็เคยดื่มเบียร์อยู่บ้าง
“งั้นก็กินด้วยกันสิ” วริศเอ่ยชวนอีกคน
“ไม่ใช่เด็กแล้วนี่ งั้นก็นั่งกินด้วยกันเลยสิ” นายหัวอารัณย์มองเธออย่างท้าทายเพราะอยากจะรู้เหมือนกันว่าคนที่ย้ำมาตลอดว่าตนเองไม่ใช่เด็กเจอเหล้าดีกรีแรงเข้าไปจะเมาคอพับลงไหม
“ได้สิคะ แข่งกันไหมล่ะว่าใครจะเมาก่อน” หญิงสาวท้าทาย
“แข่งกับนายหัวคงยาก พี่ว่าถ้าอยากแข่งจริงแข่งกับชลทีดีไหมล่ะ” วริศรีบเสนอเพราะในบรรดาเขาสามคนนั้นชลทีคออ่อนที่มากที่สุด
“แข่งไหมคะคุณชล” ชลทีพยักหน้ารับคำท้าและคิดว่ายังไงตนเองก็ชนะ แต่ดื่มไปได้ไม่นานชายหนุ่มก็ขอยอมแพ้
“พี่กลับก่อนนะเพลง เอาไว้ครั้งหน้าพี่จะแข่งด้วย”
“ค่ะพี่วริศ”
นายหัวอารัณย์กับเพื่อนช่วยพยุงคนที่เมาคอพับลงไปยังรถของวริศพอกลับขึ้นมาก็ไม่เห็นเพียงขวัญฟุบอยู่บนโต๊ะ
“เพลงขวัญไหวไหม เมาหรือเปล่า”
หญิงสาวไม่ตอบแต่ยกมือขึ้นโบกเป็นสัญลักษณ์ว่าตนเองไม่เมาก่อนละลุกขึ้นแล้วเดินเซเข้าไปในบ้าน
ชายหนุ่มเดินตามไปจนเธอเข้าห้องนอนเขาจึงกลับมาอาบน้ำและเตรียมตัวเข้านอนบ้าง
แต่ยังไม่ทันได้นอนเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเสียก่อนเขาจึงเดินมาเปิดเพราะกลัวว่าเพลงขวัญจะต้องการความช่วยเหลือ
“มีอะไร” เขาถามคนที่ยืนโงนเงนอยู่หน้าห้อง
“เพลงมีเรื่องจะคุยกับนายหัว”
“พรุ่งนี้ค่อยคุยดีไหม เธอเมามากแล้ว”
“ไม่เอา เพลงจะคุยตอนนี้” เสียงตอบของเธอฟังยังไงก็เมาแต่เขาก็ขี้เกียจเถียงกับคนเมา
“เอาล่ะมีอะไรก็ว่ามา” เขาเดินกลับเข้ามาในห้องนอนแล้วนั่งลงเก้าอี้ ส่วนเธอนั้นตรงดิ่งไปนั่งบนเตียง
“เพลงอยากถามว่าทำไมนายหัวถึงชอบพูดว่าไม่ชอบเด็กแล้วเพื่อนนายหัวก็ยังบอกอีกว่านายหัวไม่อยากมีเมียเด็ก”
“ในเป็นรสนิยมส่วนตัวฉันไม่จำเป็นต้องตอบเธอหรอกมั้ง ไม่ชอบเด็กก็คือไม่ชอบเด็ก”
“นายหัวก็พูดแค่ประโยคเดิมๆ ไม่ชอบเด็กๆ”
“ยังไม่เคยมีเมียเด็กสักหน่อยจะรู้ว่าไม่อร่อยได้ไง”
“เธอพูดเหมือนตัวเองอร่อย”
“แกงไตปลาที่เพลงทำอร่อยยังไงเพลงก็อร่อยแบบนั้น”
“ฉันว่าเธอน่าจะเมามากแล้วนะ กลับไปนอนได้แล้ว”
“ไล่กันจัง กลัวอะไรคะ กลัวว่ามีเมียเด็กแล้วจะติดใจเหรอคะ” เพลงขวัญเป็นคนที่ดื่มเหล้าแล้วจะไม่เมาคอพับแต่เธอมักจะทำอะไรไปโดยไม่รู้ตัว
“อย่ายั่วให้ยากเลย ยังไงฉันก็ไม่มีทางเอาเธอทำเมียหรอก”
นายหัวอารัณย์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วพยายามดึงให้เพลงขวัญที่นอนอยู่บนเตียงลุกขึ้น เพราะถ้าขืนเธอยังนอนอยู่แบบนั้นเขาก็คงห้ามใจตัวเองไม่อยู่ “เพลงก็ไม่ได้อยากเป็นเมียนายหัวเหมือนกัน บอกเลยใช่สเปก เพลงไม่อยากมีผัวแก่” หญิงสาวเถียงเขากลับ “ไม่อยากแต่ก็มายั่วถึงห้อง” “ยั่วที่ไหน เพลงก็แค่อยากมาคุยด้วยแล้วก็จะกลับ” หญิงสาวลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแต่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็ทำให้เธอยืนไม่ค่อยตรงจนที่ยืนอยู่ต้องรีบเข้ามาประคอง อารัณย์โอบร่างของเธอไว้หลวมๆ กลิ่นกายสาวที่เข้าปะทะจมูกทำให้เขารู้สึกร้อนรุ่มขึ้นได้อย่างง่ายดาย ในหัวนึกไปถึงเรื่องที่ตนเองฝันเมื่อครั้งก่อนแล้วก็ไม่อยากจะให้เธอกลับไปที่ห้องอย่างที่ปากพยายามบอก “ฉันเปลี่ยนใจแล้ว” “เปลี่ยนใจอะไรคะ” เธอเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาหวานเยิ้ม “ก็เปลี่ยนอยากจะลองมีเมียเด็ก อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะอร่อยอย่างที่พูดไหม” “ไม่นะเพลงไม่อยากเป็นเมียนายหัว อื้อ...” เพลงขวัญครางในลำคอและพยายามสะบัดหน้าหนีริมฝี หนาที่กดจูบลงมาบนเรียวปากอิ่ม ชายหนุ่มใช้มือใหญ่บีบปลาย
นายหัวหนุ่มส่งเธอให้สุขสมอีกครั้ง แล้วเขาก็รีบจัดการกับเสื้อผ้าของตนออก ก่อนจะเปิดลิ้นชักควานหาถุงยางอนามัยที่ซื้อเก็บไว้ จากนั้นก็รีบสวมมันลงบนท่อนเอ็นร้อน กดคลึงตัวตนลงบนกลีบกุหลาบที่เคลือบไว้ด้วยน้ำหวานใสกดเข้าไปช้าๆ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นไปอย่างที่ต้องการ“นายหัว ไม่ไหว เพลงเจ็บ”“อย่าเกร็งสิเพลง” เขาก้มลงจุมพิตเธออย่างแผ่วเบา ส่วนมือร้อนทั้งสองข้างเคล้นคลึงอยู่บนอกอวบเบี่ยงเบนความสนใจ พอเห็นว่าเพลงขวัญเคลิบเคลิ้มก็กดตัวตนเข้าไปพรวดเดียวอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ จนในที่สุดท่อนเอ็นก็เข้าไปในกลางกายสาวลึกสุดโคน “อ๊าย!...” เพลงขวัญร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวดรู้สึกราวกับร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยง“ไม่เอาแล้วนายหัว เพลงไม่เอาแล้วเอาออกไปนะคะ”เธอร้องโวยวายขณะที่น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลอาบสองแก้ม แต่เมื่อเดินทางมาถึงขั้นนี้แล้วอารัณย์ไม่มีทางจะถอยออกอย่างแน่นอน“ทำไมไม่บอกว่ายังไม่เคย”ชายหนุ่มไม่คิดมาก่อนว่าหญิงสาวจะยังไม่ผ่านมือชายเพราะดูท่าทางและการแต่งตัวแล้วเขาคิดว่าเธอนั้นไม่ใช่สาวบริสุทธิ์อย่างแน่นอนเมื่อเธอนิ่งไม่ยอมตอบเขาก็เริ่มขยับตัวทีละนิดเพราะถ้าย
เพลงขวัญนอนหมดแรงอยู่ในอ้อมกอดของนายหัวอารัณย์จนกระทั่งแสงทองของเช้าวันใหม่จับที่เส้นขอบฟ้า ปกติแล้วนายหัวหนุ่มจะต้องออกไปดูคนงานกรีดยางตั้งแต่เช้าแต่วันนี้เขากลับยอมทิ้งงานเพราะไม่อยากจะลุกจากที่นอนเลยสักนิดเขามองหน้าหญิงสาวที่พยายามจะเว้นระยะห่างกับเธอให้มากที่สุดแต่แล้วก็พ่ายแพ้ต่อความต้องการของตนเองจนได้ อารัณย์ไม่รู้ว่าหญิงสาวตื่นขึ้นมาแล้วจะโกรธ จะร้องไห้หรือจะโวยวายมากน้อยแค่ไหน แต่ก็ทำใจไว้ระดับหนึ่งแล้ว ไม่ว่าเธอจะตื่นมาด้วยอารมณ์แบบไหนเขาก็พร้อมจะรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองทำลงไปเพลงขวัญที่ขยับตัวไล่ความปวดเมื่อยก่อนจะลืมตื่นขึ้นแล้วพบว่าตนเองนอนกอดร่างเปลือยเปล่าของใครบางคนอยู่ เธอรีบขยับตัวลุกนั่งแล้วก็ตาเบิกโพลงเมื่อเห็นว่าตนเองกอดอยู่กับนายหัว“นายหัว” หญิงสาวรีบขยับหนีแล้วดึงผ้าห่มออกมาคลุมตัวนั่นยิ่งทำให้ผ้าห่มฝั่งของนายหัวขยับออกทีละนิด“เพลงขวัญถ้าไม่อยากให้ฉันจับเธอกินตั้งแต่เช้าก็อย่าดึงผ้าห่มไปแบบนั้น”“นายหัวเข้ามาห้องเพลงได้ยังไง แล้วนายหัวทำไม่นอนโป๊แบบนี้”“ดูดีๆ ว่านี่ห้องใคร”เพลงขวัญมองไปรอบๆ ห้องแล้วหันมองหน้านายหัว เมื่อคืนเธอจำได้ว่าหลั
ในอำเภอที่เพลงขวัญอยู่ไม่มีร้านซ่อมคอมพิวเตอร์เลยสักร้านหญิงสาวเลยคิดจะเข้าไปในเมืองเพราะเคยเอาไปซ่อมอยู่ครั้งหนึ่ง เธอรีบเก็บของสำหรับนอนค้างที่นั่นหนึ่งคืนเผื่อว่าโน้ตบุ๊กจะซ่อมเสร็จไม่ทันรถเที่ยวสุดท้าย “น้องเพลงจะไปไหนคะ” บุหลันที่กำลังทำความสะอาดบ้านอยู่ก็ถามด้วยความแปลกใจเพราะปกติแล้วเพลงขวัญไม่ค่อยออกไปไหนโดยเฉพาะเวลากลางวันแบบนี้ “เพลงจะเข้าเมืองค่ะพี่บุหลันว่าจะเอาโน้ตบุ๊กไปซ่อม ไม่รู้จะเสร็จทันไหมก็เลยเอากระเป๋าเสื้อผ้าไปเผื่อด้วยถ้าไม่เสร็จก็คงจะหาเช่าห้องพักรายวันรอค่ะ” “มันซ่อมหลายวันเลยเหรอ” บุหลันไม่ค่อยเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ก็ถามขึ้น อีกอย่างเธอก็เห็นว่าเพลงขวัญมีท่าทีแปลกตั้งแต่เช้าก็รู้สึกเป็นห่วง “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ก็เผื่อไว้ก่อน ระหว่างรอซ่อมเพลงก็จะหาร้านอินเทอร์เน็ตแถวนั้นทำงานไปก่อน ดีกว่ากลับมารอที่บ้านแล้วงานไม่เดินเลยค่ะ เพลงฝากพี่บุหลันบอกนายหัวด้วยนะคะ” “พี่ว่าเพลงไปบอกเองดีไหม นายหัวอยู่ในห้องทำงาน” “เพลงกลัวไม่ทันรถลุงจวบค่ะพี่บุหลัน รบกวนพี่บุหลันด้วยนะคะ” “ได้ งั้นเพลงรีบไ
นายหัวอารัณย์พาเพลงขวัญมายังร้านจำหน่ายสินค้าไอทีเขาให้เธอเลือกโน้ตบุ๊กรุ่นที่ชอบโดยไม่ต้องสนใจราคาเพราะมันเป็นเครื่องมือที่เธอทั้งเรียนและทำงาน ซึ่งเพลงขวัญก็เห็นด้วยกับแต่ก็ยังรู้สึกเกรงใจ “เพลงว่าเอารุ่นที่ต่ำกว่านี้ก็ได้นะคะนายหัว” “ทำไมกลัวฉันไม่มีจ่ายเหรอ” “เพลงรู้ว่านายหัวรวยมาก งั้น้พลงเอารุ่นนี้ค่ะ เอาเมาส์ด้วยนะคะ แต่ไม่เอาตัวที่แถมให้นะคะ เพลงอยากได้ตัวที่แพงๆ หน่อยค่ะ อ้อ เอาแผนรองเมาส์ที่คนเล่นเกมชอบใช้ด้วยนะคะ” ในเมื่อเขาอยากจะจ่ายเพลงขวัญก็ไม่ขัดศรัทธา “เอาอะไรเพิ่มอีกไหม” “ไม่ค่ะ” “งั้นก็ไปหาอะไรกินเถอะฉันหิวแล้ว” “ทางร้านเขาจะย้ายข้อมูลให้ด้วยไหมคะ เพลงมีรูปที่ถ่ายกับครอบครัวอยู่ในนั้น” “อือ ฉันบอกให้แล้ว” กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็เป็นเวลาสี่โมงเย็นระหว่างนั้นทั้งสองคนก็ไปนั่งรอที่ร้านกาแฟ พอทางร้านย้ายข้อมูลและลงโปรแกรมเสร็จก็โทรตามให้ไปรับ “เรารีบกลับกันเถอะค่ะ เพลงมีงานต้องรีบส่ง” เพลงขวัญรีบบอกเมื่อเห็นท่าทางของนายหัวไม่ได้รีบร้อนเลยสักนิด “ฉันขี
นายหัวหนุ่มทนนอนอยู่ในห้องคนเดียวต่อไปไม่ไหว ถ้าหากคืนนี้เขาไม่ได้ปลดปล่อยมีหวังได้อกแตกตายแน่ๆ พอเขาเดินออกมาจากห้องนอนอีกครั้งก็พบว่าตอนนี้เพลงขวัญทำงานเสร็จแล้วและเธอกำลังเก็บของเหมือนกำลังจะออกไปจากที่นี่เพราะดูจากชุดที่สวมแล้วมันไม่ใช่ชุดนอนที่เธอสวมอยู่ก่อนหน้านี้ “เก็บของเตรียมจะหนีฉันใช่ไหมเพลงขวัญ” นายหัวอารัณย์พูดด้วยอารมณ์โมโหอย่างสุดขีดที่เห็นว่าเธอกำลังจะหนี “เปล่านะคะ” เพลงขวัญรีบปฏิเสธแล้ววางกระเป๋าลงบนโต๊ะเล็กๆ หน้าโซฟา “ก็เห็นอยู่ยังจะเถียงนะ มานั่งคุยกันตรงนี้” เขานั่งลงบนโซฟาตัวยาวแล้วตบเบาะข้างๆ ให้เธอตามมานั่ง แต่พอเธอเดินมาใกล้ชายหนุ่มรวบคนที่ตัวเล็กกว่าให้มานั่งอยู่บนตักของตนเอง “ปล่อยเพลงนะคะนายหัว” “ปล่อยเพื่อให้เธอหนีฉันไปเหรอเพลง” เพลงขวัญนั่งตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนของเขาเพราะเขาไม่เคยเรียกเธอด้วยชื่อเล่นแบบนี้มาก่อนนั่นก็อาจแสดงว่าตอนนี้เขาคงกำลังโกรธเธอมาก “ฉันว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องคุยกันนะ แล้วก็ไม่ต้องบอกว่าห้ามพูดถึงเรื่องเมื่อคืนอีก” “เพลงคุยกับน
เพลงขวัญคล้อยตามรสจูบที่เขาบรรจงมอบให้ ลิ้นเล็กเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นใหญ่หยอกล้อกันเป็นพัลวันอย่างไม่มีใครยอมแพ้ จูบที่เนิ่นนานเร่าร้อนและหนักหน่วงขึ้น มือใหญ่ที่ประคองศีรษะอยู่เลื่อนมาสอดใต้เสื้อยืด สองมือกอบกุมเต้าเต่งตึงผ่านบราลูกไม้ก่อนจะเอื้อมไปปลดตะขอออกแล้วดึงทั้งเสื้อยืดและบราเซียออกไปอย่างรวดเร็วโดยที่หญิงสาวไม่ได้คัดค้าน “ตรงนี้เป็นของฉันคนเดียวนะเพลง” เขาจ้องมองหน้าอกอวบด้วยสายตาที่หื่นกระหายอย่างปิดไม่มิด เพลงขวัญอายจนหน้าแดงเมื่อเขาค่อยๆ ก้มลงไล้ปลายลิ้นไปยังเนินอก ขณะที่สายตาก็เสยขึ้นมาสบกับตาคู่สวย เธอเห็นความปรารถนาในสายตาเขาแล้วก็ขนลุกไปทั่วทั้งตัว “เพลงจะเป็นของนายหัวคนเดียว” เสียงหวานตอบก่อนจะหงายศีรษะไปทางด้านหลังเมื่อปากร้อนเข้าดูดกลืนสลับกับรัวลิ้นลงบนปลายยอดเขาทำทั้งสองข้างอย่างไม่น้อยหน้า ขณะที่อีกมือก็ไต่ลงไปเอวคอดก่อนจะปลดกระดุมกางเกงยีนออกรูดซิปลง และดึงกางเกงออกไปทางเรียวขาทั้งที่ปากยังคงดูดกลืนไม่ยอมปล่อย มือหยาบกร้านลูบไล้ไปตามเรียวขาก่อนจะค่อยๆ จับให้แยกออก นายหัวหนุ่มแทรกกลางหว่างขาและนั่งคุกเข่าบนพื้นพรม
คำว่าอีกครั้งของนายหัวอารัณย์คือคำโกหกที่เพลงขวัญจะไม่เชื่ออีกอย่างเด็ดขาดเพราะกว่าเขาจะยอมให้เธอได้นอนพักก็ทำเอาหมดแรงและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองกลับมานอนอยู่บนเตียงกว้างตั้งแต่ตอนไหน หญิงสาวรู้สึกตัวตื่นอีกครั้งก็เลยเวลาอาหารกลางวันไปแล้ว เพลงขวัญนอนลืมตาอยู่บนเตียงกว้างอย่างเดียวดาย เธอรู้สึกใจหายที่ตื่นมาไม่เจอเขา การตื่นนอนมาในวันนี้ความรู้สึกของหญิงสาวต่างจากเมื่อวานอย่างสิ้นเชิง คืนแรกเธอโทษว่าเพราะเหล้าที่ดื่มเข้าไปเลยทำให้ตัวเองกล้ามากขึ้น แต่เมื่อคืนเธอมีสติเต็มร้อยแทนที่จะขัดขืนแต่กลับยอมให้เขาเอาเปรียบครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้จักเหนื่อยจะพูดว่าเขาเอาเปรียบก็คงไม่ถูกเพราะเพลงขวัญก็ยอมรับว่าตนเองมีความสุขมากและความรู้สึกที่มีให้กับนายหัวอารัณย์ก็มากเกินกว่าเจ้าหนี้กับลูกหนี้อาจจะยังไม่ถึงกับรักแต่ก็ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน แล้วถ้าหากต้องกลับไปเรียนและอยู่ห่างเขาเธอจะทนได้ไหมถึงแม้นายหัวบอกว่าจะบินไปหาแต่เธอก็กลัวว่าเขาจะไม่ทำตามที่พูดเพราะเขายังมีงานให้ต้องรับผิดชอบอีกมาก เพลงขวัญกลัวว่าระหว่างนี้เขาจะมีคนอื่น ถึงเขาจะสัญญากับเธอแล้วก็ตามยิ่งคิ
ทางด้านนายหัวอารัณย์หลังจากคุยกับเพลิงแล้วเขาก็กลับไปที่บ้านของตนเอง เพราะอยากให้เพลงขวัญได้พักผ่อน เขารอจนกระทั่งถึงเวลาเย็นจึงขับรถเข้ามาหาเธอ แต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อทั้งบ้านมืดสนิทเขาตะโกนเรียกเท่าไหร่หญิงสาวก็ไม่เปิดประตูชายหนุ่มเดินเข้าเปิดไฟที่ห้องรับแขกก่อนจะเดินเข้าไปตามเพลงขวัญในห้องนอน แต่แล้วพอเขาเปิดเข้าไปข้างในก็ต้องใจหายเมื่อพบว่าห้องนั้นว่างเปล่าและข้าวของบางอย่างมันหายไป นายหัวพยายามโทรหาเพลงขวัญแต่โทรเท่าไหร่ก็ไม่ติด เขาคิดว่าเธอน่าจะยังไปไหนไม่ไกลอย่างมากก็น่าจะแค่ในเมืองและทางเดียวที่จะเข้าเมืองได้ก็คือการนั่งรถลุงจวบเข้าไปเขารีบไปยังร้านป้านงค์ซึ่งอยู่ติดกับท่ารถเพื่อถามว่ามีใครเห็นเพียงขวัญบ้างไหม แต่ก็ไม่มีใครเห็นเพราะช่วงที่เพลงขวัญโบกรถชาวบ้านไปนั้นป้านงค์ก็กำลังวุ่นวายอยู่กับการขายของ“แล้วคนอื่นล่ะครับมีใครเห็นไหม”“ลุงไม่แน่ใจเท่าไหร่นะเพราะลุงสายตาไม่ดี แต่ช่วงสายๆ ลุงเห็นผู้หญิงคนหนึ่งโบกรถชาวบ้านที่จะเข้าในเมือง“ขอบคุณครับลุง” นายหัวอารัณย์กล่าวขอบคุณและคิดว่าผู้หญิงที่ลุงคนนี้บอกน่าจะใช่เพลงขวัญเขารีบขับรถเข้าไปในตัวจังหวัด ตามหาเพลงขวัญทั
นายหัวอารัณย์มองคนที่หลับสนิทแล้วได้แต่ส่ายหน้าถ้าวันนี้เขามาไม่ทันคนที่เธอร่วมรักอย่างบ้าคลั่งก็น่าจะเป็นนายหัววาทิต คิดแล้วก็รู้สึกเจ็บใจว่าทำไมพี่ชายของเธอจึงทำกับเธอแบบนี้เขาน่าจะมองออกและเตือนเธอให้ระวังตัวแต่เพราะคิดว่าเพลิงเป็นพี่ชายของเธอเป็นครอบครัวของเธอจึงไม่ได้ระแวงอะไรเลยสักนิดนายหัวหนุ่มเดินเข้าห้องน้ำจัดการชำระล้างร่างกายของตนเองจากนั้นใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กชุบน้ำมาเช็ดเนื้อตัวเพลงขวัญให้สะอาด เขานอนกอดเธอด้วยความหวงแหนก่อนจะออกจากบ้านของเธอในตอนเช้านายหัวอารัณย์ให้คนช่วยตามาพี่ชายของเพลิงขวัญเพื่อจะถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่ามันเป็นแผนของเขาหรือนายหัววาทิตกันแน่“นายทำแบบนี้ได้ยังไงเพลิงนั้นน้องสาวนายนะ”“ผมไม่ทางเลือกที่ไหนล่ะนายหัว คนอย่างผมเรียนก็ไม่ได้สูง หางานทำก็ลำบากแล้วพอมีคนมาเสนอเงินให้ถึงสองล้านถ้าไม่รีบคว้าไว้ผมก็โง่เต็มที”“เพลงขวัญมาได้ยินเธอคงเสียใจมาก นายรู้ไหมว่าเธอดีใจมากแค่ไหนที่นายกลับมานายเป็นครอบครัวคนเดียวที่เหลืออยู่”“ผมก็แค่อยากให้น้องสบาย นายหัววาทิตเขาชอบเพลงขวัญมาก ผมก็แค่อยากช่วยให้เขาได้สมหวัง”“นายนี่มันเห็นแก่ตัวและเห็
หลังจากไปส่งเพลงขวัญที่บ้านแล้วนายหัวอารัณย์ก็เข้ามาซื้อของที่ร้านประจำในตัวอำเภอขณะกำลังจะกลับก็เห็นพี่ชายของเพลงขวัญนั่งอยู่กับชายอีกสามคนที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง เขาแปลกใจมากเพราะเพลงขวัญบอกว่าเย็นนี้พี่ชายของตนเองก็จะอยู่ที่บ้านด้วย เขาเข้าไปนั่งมุมหนึ่งในร้านแล้วเรียกเด็กเสิร์ฟมาคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกของคนงานในสวนยางพารา “นายเพลิงกับเพื่อนมากันนานหรือยังต้อม” “มาตั้งแต่บ่ายแล้วครับนายหัว” “เราพอจะรู้ไหมว่าเขาคุยอะไรกัน” “ผมไม่ใจนะครับว่าฟังถูกหรือเปล่า บางทีอาจจะหูฝาด” “ไหนลองเล่ามาสิว่าเขาพูดว่าอะไร” “เขาบอกว่าวันนี้จะได้เงินหนึ่งล้าน พอเพื่อนเขาถามเขาก็หัวเราะแล้วก็บอกว่าเขาขายน้องสาว ผมเลยคิดว่าตัวเองน่าฟังผิด” “ขอบใจนะต้อม” นายหัวควักธนบัตรในละหนึ่งพันบาทให้กับเด็กหนุ่มแล้วรีบออกจากร้านเพราะคิดว่าน่าจะเกิดอันตรายกับเพลงขวัญแน่ๆ แต่ด้วยความรีบร้อนจึงชนกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ลานจอดรถ “ขอโทษครับ” นายหัวหนุ่มรีบกล่าวขอโทษ แล้วพอเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าคนที่ตัวเองชนคือปุยฝ้ายเพื่อนสมัยเรียนของตน
วันนี้นายหัวอารัณย์มีนัดคุยกับเพื่อนที่สวนปาล์ม เขาเลยพาเพลงขวัญนั่งรถมาด้วย หลังจากคุยงานเสร็จก็เลยพาเธอไปยังน้ำตกแห่งหนึ่งที่อยู่ระหว่างทาง ซึ่งน้ำตกแห่งนี้ไม่เป็นที่นิยมเท่าไหร่เพราะอยู่ห่างไกลจากบ้านเรือนประชาชนอีกทั้งการเดินทางเข้ามาที่นี่ยังต้องใช้รถที่ขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้นแต่มันไม่เป็นปัญหาสำหรับเขาเลย “เพลงเพิ่งรู้ว่าแถวนี้มีน้ำตกด้วย” หญิงสาวบอกกับนายหัวหลังจากลงมานั่งบนโขดหินและหย่อนเท้าลงในน้ำเย็นเฉียบ เธอเคยไปน้ำตกที่อื่นมาบ้างแล้วแต่เพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก “ไม่ค่อยมีคนรู้จักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่คนอื่นๆ เขาจะไปน้ำตกอีกที่ซึ่งมันเดินทางสะดวกกว่านี้”“แล้วทำไมนายหัวถึงพาเพลงมาที่นี่ล่ะคะ เพลงว่ามันเปลี่ยวมาก”“ก็เพราะมันเปลี่ยวและมีความเป็นส่วนตัวไงล่ะฉันถึงอยากพาเธอมาที่นี่”“เรื่องที่เราจะคุยกันมันไม่ได้เป็นความลับมากขนาดนั้นสักหน่อยนายหัวไม่ต้องพามาที่แบบนี้ก็ได้”“ทำไมเธอกลัวอะไรเพลง”“เปล่าค่ะ เพลงก็แค่ไม่ค่อยชอบบรรยากาศเท่าไหร่มันดูวังเวงยังไงก็ไม่รู้”“ไม่ต้องกลัวหรอกน่าอยู่กับฉันเธอจะกลัวอะไร เอาล่ะเธอลองเล่าเรื่องที่พี่ชายเธอคุยกั
“นายบอกฉันว่าน้องสาวนายไม่มีแฟนแล้วนั่นมันยังไงกันทำไมเธอถึงมากับนายหัวอารัณย์ได้ล่ะเพลิง” นายหัววาทิตมองเพลงขวัญที่เดินออกจากร้านกาแฟมาพร้อมกับนายหัวอารัณย์ด้วยความไม่พอใจ “เรื่องนี้ผมอธิบายได้ครับนายหัววาทิต เพลงก็แค่ไปช่วยงานนายหัวที่บ้านนายหัวอารัณย์เท่านั้นเอง”“แค่ช่วยงานอย่างเดียวเหรอ”“ครับ ผมถามแล้วน้องผมไม่ได้คิดอะไรกับนายหัวเลย”“น้องนายไม่ได้คิดแต่ฉันเห็นนะสายตานายหัวอารัณย์ที่มันมองเพลงขวัญฉันว่าเรื่องนี้เราช้าไม่ได้แล้วล่ะ”“แล้วนายหัวจะเอายังไงละครับ”“ฉันให้เวลาอีกสองวันนะ”“ได้ครับไม่มีปัญหา แล้วเย็นนี้นายหัวจะไปกินข้าวที่บ้านผมอยู่ไหม”“ไปสิฉันก็อยากทำความรู้จักเธอไว้ก่อนถึงวันนั้นเธอจะได้ไม่ตกใจมาก”“แล้วเรื่องนี้เมียนายหัวจะไม่เข้ามายุ่งใช่ไหม”“ปุยฝ้ายเหรอไม่มีทางรู้เรื่องนี้หรอก”“แต่น้องผมต้องกลับไปเรียนนะครับ”“จะเรียนทำไมเป็นเมียฉันไม่ต้องเรียนหรอกแค่ทำหน้าที่บนเตียงให้ดีก็พอ”“แล้วนายจะอยู่กับน้องสาวอีกกี่วัน”“ก็คงจะถึงวันที่นายหัวจะลงมือนั่นแหละครับ ว่าแต่เงินงวดที่สองนายหัวจะให้ผมเมื่อไหร่”“แม้แต่มือของน้องสาวนายฉันยังไม่ได้จับจะมาทวง
หลังจากทานอาหารเย็นกับพี่ชายแล้วเพลงขวัญก็มานั่งดูทีวีต่อที่ห้องรับแขก เธอลังเลว่าจะถามถึงเงินหนึ่งล้านที่พี่ชายเอามาใช้หนี้นายหัวดีไหม เพราะกลัวว่าพี่ชายจะไปทำอะไรที่ผิดกฎหมายมาหรือเปล่าแต่อีกใจหนึ่งก็กลัวพี่ชายจะโกรธที่เธอไปกล่าวหาถ้าหากเงินนั้นหามาด้วยความสุจริต “มีอะไรจะถามพี่ใช่ไหม” เพลิงเห็นว่าน้องสาวของตนเอาแต่จ้องหน้าก็ถามขึ้นเพราะคิดว่าตอนนี้เพลงขวัญคงอยากจะถามอะไรเขาหลายๆ ถึงเรื่องราวที่เขาหายไปนาน ซึ่งตัวเขาก็มีเรื่องที่จะถามน้องสาวอยู่เหมือนกัน “ค่ะ พี่เพลิงรู้ได้ยังไงว่าเพลงมีเรื่องจะถาม” “พี่เห็นเรามาตั้งแต่เกิดทำไมจะไม่รู้ล่ะ ว่าแต่เพลงจะถามอะไรพี่ล่ะ” “พี่เพลิงต้องสัญญาว่าจะตอบความจริงนะคะ” “ถึงแม้ที่ผ่านมาพี่จะทำตัวเกเรแต่ตอนนี้พี่เปลี่ยนไปแล้วนะ เพลงทำเหมือนไม่เชื่อใจพี่เลย” เพลิงมองหน้าน้องสาวซึ่งเป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ของเขา “เพลงขอโทษ เพลงก็แค่สงสัย” หญิงสาวเอ่ยเสียงเบาเพราะรู้สึกผิดที่ไประแวงพี่ชายแบบนั้น “สงสัยอะไรก็ถามมาเลย เราพี่น้องกันนะเพลง มีอะไรก็พูดกันตรงๆ” “พี่เ
นายหัวอารัณย์นั่งมองถนนหน้าบ้านอย่างร้อนใจเพราะตอนนี้ก็เกือบจะสิบโมงเช้าแล้วแต่เพลงขวัญกับพี่ชายก็ยังไม่มาตามที่บอกไว้ เขาอยากคุยกับพี่ชายของเธอเรื่องหนี้สินทั้งหมด ถ้าหากเพลิงจะมีเงินใช้หนี้ไม่หมดเขาก็ยินดีที่จะยกให้เพื่อแลกกับการที่เพลงขวัญต้องอยู่ในการดูแลของเขาจนเธอเรียนจบซึ่งระยะเวลาสองปีนี้ก็คงนานพอที่เขาและเธอจะได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันมากขึ้น “นายหัวรออะไรคะ” บุหลันที่ทำความสะอาดบ้านอยู่เห็นนายหัวเดินไปเดินมาแล้วก็ชะโงกหน้าไปยังถนนหน้าบ้านก็อดจะถามไม่ได้เพราะปกติเวลานี้ถ้าเจ้านายไม่เข้าไปที่โรงงานก็จะนั่งทำงานอยู่ในห้องมากกว่าออกมานั่งในห้องรับแขกอย่างที่เธอเห็นอยู่ในขณะนี้ “ฉันรอชลที เขาว่าจะมาแต่นี่ก็เลยเวลานัดแล้วทำไมยังไม่มาสักที” เขาพูดโกหกออกไปทั้งที่ตอนนี้ตัวเองกำลังรอเพลงขวัญและพี่ชาย“ทำไมนายหัวไม่ลองโทรตามดูล่ะคะ เผื่อคุณชลทีจะลืม”“ไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องด่วนอะไรมาก ฉันเข้าไปทำงานก่อนนะถ้าเขามาบุหลันก็ไปตามฉันในห้องก็แล้วกัน”“ได้ค่ะ” นายหัวอารัณย์เดินเข้ามาในห้องทำงานแต่ก็พยายามเงี่ยหูฟังว่ามีเสียงรถดังเข้ามาหรือเปล่าแล้วรอยยิ้มก็ปรากฏที
หญิงสาวเก็บของใช้จำเป็นลงกระเป๋า แต่ยังไม่ได้เอาไปทุกอย่างเพราะไม่รู้ว่าพี่ชายจะกลับมาอยู่ที่บ้านนานแค่ไหน ถ้าให้เลือกเพลงขวัญก็อยากให้เขากลับมาอยู่กับเธอที่นี่ตลอดเพราะเพลิงเป็นญาติเดียวที่เหลืออยู่ นายหัวอารัณย์จอดรถที่หน้าบ้านของเพลงขวัญชายหนุ่มตาละห้อยเพราะไม่อยากให้เธอห่างจากเขา “นายหัวจะลงไปไหมคะ” “ไม่หรอก ฉันอยากให้เธอกับพี่ชายได้อยู่กันตามลำพัง แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมารับนะ” “เพลงยังไม่รู้เลยว่าพี่เพลิงจะอยู่นานไหม” “ถ้าเขากลับมาอยู่ตลอด เธอก็จะอยู่ที่นี่กับเขาตลอดอย่างนั้นเหรอ แล้วฉันล่ะ เธอไม่สงสารฉันเลยเหรอ เธอไม่อยู่ฉันคงนอนไม่หลับแน่ๆ” “นายหัวพูดอย่างกับเราอยู่ด้วยกันมานานอย่างนั้นแหละ เราเพิ่งนอนด้วยกันสามคืนเองเดี๋ยวนายหัวก็ลืมเพลงไปเอง” “ใครจะลืมลง เมียทั้งคนนะ ขอกอดหน่อยได้ไหม” “อย่านะคะเดี๋ยวพี่เพลิงเห็น” หญิงสาวรีบร้องห้าม “ใจร้ายกับผัวจังนะ อย่างนี้ไม่น่าให้กลับมาเลย” “นายหัวขาเพลงไม่ได้ไปไหนไกลเลย บ้านเพลงก็อยู่แค่นี้ ของใช้เพลงก็ยังอยู่ที่บ้านายหัวนะค
เพลงขวัญตื่นนอนมาอีกครั้งในช่วงสายของวันใหม่ เธอรู้สึกดีที่การตื่นนอนในวันนี้มีนายหัวอารัณย์นอนอยู่ข้างๆ มันทำให้เธออบอุ่นและไม่อยากจะลุกออกจากที่นอนเลยสักนิด หญิงสาวนอนมองใบหน้าที่คล้ำแดดของเขาแล้วยิ้ม นายหัวอารัณย์เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์มากคนหนึ่งยิ่งมองใกล้ๆ แบบนี้เธอก็ยิ่งรู้สึกดีกับเขามากขึ้น หัวใจมันเต้นเป็นจังหวะแปลกๆความคิดอยากจะเป็นเจ้าของชายคนนี้เริ่มมากขึ้น แต่คงเป็นแค่ตนเองที่คิดแบบนี้เพราะยังไงเสียนายหัวก็ไม่เคยคิดเรื่องแต่งงานใหม่หรือมีครอบครัวอีกแล้ว แต่เธอก็เลือกที่จะยอมเป็นเมียบำเรอของเขาเพราะอย่างน้อยก็ยังได้และได้นอนอยู่ในอ้อมกอดของเขา ขณะมองเขาเพลินๆ เสียงโทรศัพท์ของเพลงขวัญก็ดังขึ้น หญิงสาวรีบหยิบผ้าเช็ดตัวที่วางอยู่ปลายเตียงมานุ่งก่อนจะหยิบโทรศัพท์แล้วเดินไปที่ห้องแขก คนที่โทรเข้ามาเป็นพี่จากบุหลันซึ่งโทรมาถามว่าเพลงขวัญจะกลับบ้านเมื่อไหร่เพราะตอนนี้พี่ชายของเธอกลับมาอยู่ที่บ้านและมาตามหาเพลงขวัญที่บ้านของนายหัว เพลงขวัญดีใจที่จะได้เจอพี่ชายและอยากจะถามเข้าเรื่องบ้านกับที่ดิน เผื่อบางทีพี่ชายอาจจะมีเงินกลับมาใช้หนี้นายหัวซึ่