ความร่มรื่นของไม้ดอกไม้ประดับที่ถูกปลูกตามทางเดินที่ทอดยาว ทำให้ทรายทองยิ้มออกมาน้อยๆ ภายในรั้วพระธรรมอันกว้างใหญ่ เธอรู้สึกสงบทุกครั้งที่ได้เข้ามา วัดแห่งนี้เธอรู้จักดี เมื่อก่อนเธออยู่ที่นี่...พัทยา อยู่มานาน ก่อนจะเจออังเดรเสียอีก ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะอยากมาวัด แถมยังซื้อชุดสังฆทานและอะไรต่อมิอะไรมาทำบุญอีกเยอะแยะ เธออยากรู้แต่ยังไม่มีโอกาสถาม
คนทั้งสามอันประกอบด้วยอังเดร ทรายทองและนิค หิ้วข้าวของขึ้นไปบนศาลา มีพุทธศาสนิกชนจำนวนหนึ่งยังอยู่บนนั้น
อังเดรกับทรายทองร่วมกันถวายสังฆทาน กรวดน้ำทำบุญให้กับผู้ล่วงลับ ส่วนนิคนั้น ทำได้เพียงนั่งอย่างสงบอยู่ห่างๆ ด้วยว่าไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ และในตอนที่อังเดรกล่าวคำกรวดน้ำ ทรายทองก็ได้รู้ว่าเขามาทำบุญให้ใคร
พอเสร็จจากการทำบุญ ทั้งสามก็ลงมาด้านล่าง พากันเดินทอดน่องสูดกลิ่นต้นไม้ใบหญ้าอันเขียวชอุ่ม ไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใด ทว่าเมื่ออังเดรพลิกดูนาฬิกา เขาก็จำต้องหยุดเดินเพื่อสั่งความ
“นิคไปเอารถมา”
เขาสั่งลูกน้อง นิคจึงเดินเร็วๆ เพื่อไปเคลื่อนรถมารับเจ้านาย
“ทำไมกลับเร็วละคะ อยู่ต่ออีกนิ
‘แต่พี่ไม่อยากเสี่ยงกับคนคนนี้ ไม่อยากให้แกต้องเจ็บหากโดนเขาเล่นงาน’อังเดรส่ายหน้ารัวๆ รู้สึกได้ว่าอุษณีกำลังกลัวแม้แต่ชื่อของผู้ชายคนนี้“ผมจะคุยกับเขา และถ้าตกลงกันได้ ทุกๆ อย่างที่เรามี จะถูกส่งไปหาเขา เขาจะช่วยเปิดตลาดในประเทศของเขาและประเทศอื่นๆ ที่เขามีฐานธุรกิจอยู่ สิ่งที่เราต้องทำให้ได้ก็คือผลิตสิ่งที่เขาต้องการ ให้มีมาตรฐานและคุณภาพ ส่งไปให้เขา แล้วเฝ้ารอกำไร มันง่ายมากเลยพี่อุ่น”‘เชื่อสิ แกต้องไม่อยากรู้จักเขา ไม่อยากแน่ๆ เขาไม่ใช่คนธรรมดา เขามีความสามารถในการค้นหาความลับอย่างที่แกไม่เคยพบเชียวล่ะ’“พี่พูดเรื่องอะไร ความลับอะไรกัน”‘ช่างเถอะ พี่เอ่อ...จะเข้าบริษัทให้ก็แล้วกัน แค่นี้นะ’ตู๊ด...สัญญาณตัดสายดังขึ้นในทันทีที่อุษณีกล่าวจบ อังเดรไม่เข้าใจในสิ่งที่อุษณีบอก แต่มันไร้สาระเกินกว่าจะเอามาขบคิด เขาต้องรีบกลับไปที่โรงแรม ศึกษาเอกสารที่จำเป็นในการเจรจา และลงมาพบมิสเตอร์รูจตามที่นัดไว้ เขาเชื่อว่ามันจะสำเร็จ เขามั่นใจ____________________________________
อังเดรบอกดังๆ พร้อมหน้าโหดๆ นั่นแล้วก้าวจากไป มีนิควิ่งตามไปติดๆ ราวกับเอลฟ์ตัวยักษ์ผู้ซื่อสัตย์ต่อเจ้านายทรายทองมองตามแล้วน้อยใจ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเขาไม่ถามสักคำว่าเธอเป็นอะไรหรือเปล่า ข้อเท้าเธอคงเคล็ดและกำลังเจ็บอย่างที่สุด“คุณโกรธเขาไหม เขาดูโกรธมาก”คนถูกถามเงยหน้ามองคนถาม และได้รู้ว่ายังมีบุรุษอยู่ตรงนี้อีกตั้งหนึ่งคน“ฉันชินแล้วค่ะ เขาเป็นบ้า อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนพวกสตรีวัยทองน่ะ คุณพอจะรู้จักไหม”ร็อกเล่ต์ยิ้มขันกับคำเปรียบเปรยของหญิงสาว เขาว่ามันจริงทีเดียวในเรื่องนี้“มีผู้หญิงสองประเภทที่ทำให้ผู้ชายเป็นบ้า”“ฉันเป็นประเภทไหนกันละคะ” ถามอย่างขำๆ เพราะไม่คิดว่าคำตอบที่ได้จะทำให้ตัวเองตัวชา“ประเภทที่เขาอาจจะรักน่ะสิ”ทรายทองตาเบิกโต ส่ายหน้ารัวๆ ปฏิเสธสิ่งที่ร็อกเล่ต์คาดเดา“คุณต้องล้อฉันเล่นแน่ๆ”“อันนี้ก็ต้องรอดู เอาละ ผมคิดว่าคุณน่าจะมีปัญหากับการเดินนะ ให้ผมช่วยดีไหม”“นั่นดีมากๆ เลยค่า&rdqu
[6]หัวใจที่ถูกลืม________________ทรายทองถูกผลักลงเตียงอย่างไม่ปรานีนัก ทำให้กางเกงที่สวมอยู่ร่นขึ้นมาจนแทบจะเห็นขอบกางเกงชั้นใน แต่อังเดรไม่สน ความรื่นรมย์ใจที่ได้ทำการค้ากับร็อกเล่ต์ หมดไปตั้งแต่เขาเจอความวุ่นวายอันเกิดจากทรายทองแล้ว“ฉันไม่ใจดีพาเธอมาด้วยบ่อยๆ หรอกนะ! ทำไมชอบก่อเรื่องอยู่เรื่อย ห่างผู้ชายแค่ไม่กี่ชั่วโมงมันจะลงแดงหรือไง”เขาประกาศใส่หน้าหล่อนอย่างโมโห ไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับแม่นางเช่าตัวแสบดี หล่อนอยู่เหนือการควบคุมของเขาไปแล้ว“ทรายก็ไม่ได้อยากจะมาซะหน่อย”คำแทนตัวที่อีกฝ่ายใช้ทำให้อังเดรรู้ว่าทรายทองมีความเคืองโกรธเขาเพียงกึ่งเดียวเท่านั้น เพราะหากหล่อนไม่พอใจในตัวเขามากกว่านี้ละก็ หล่อนจะแทนตัวเองว่า ‘ฉัน’ และระบายสิ่งที่อยู่ในใจออกมาให้เขาฟังจนหูชาเลย“ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอคลาดสายตาอีกแล้ว กลับกรุงเทพฯ คราวนี้เธอต้องมาอยู่ใกล้ๆ ฉัน”“คนนะคะไม่ใช่กางเกงในจะได้ตัวติดกันตลอดเวลา และ
หัวใจทรายทองเต้นแรง อะไรบางอย่างในอกกำลังฟูฟ่องและพองโต เขาหันไปจัดกระเป๋าเดินทางต่อ ทว่าทรายทองมั่นใจ มีสีแดงระเรื่อฉายชัดบนโหนกแก้มเขา“ความทุกข์บางอย่างทำให้ทรายฝันร้าย เหล้าเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ทรายหลับสบาย”“และเธอต้องดื่มมันหนักขึ้นเรื่อยๆ เธอต้องหยุด แล้วรักษาสิ่งที่เป็นด้วยวิธีอื่น” เขาชี้แนะ จัดการปิดกระเป๋าเดินทางของตัวเองเมื่อมีข้าวของส่วนใหญ่อยู่ในนั้นพอแล้ว เขาหันมาจัดการกับกระเป๋าของทรายทองบ้าง บรรจงพับและวางอย่างเป็นระเบียบ“ยารักษามันหายาก และแพง”เธอเปรยขึ้น พยายามจ้องตาเขา แต่เขากลับเอาแต่จัดกระเป๋า ตั้งอกตั้งใจอย่างมากยามพับกางเกงชั้นในตัวจ้อยสีดำที่ทำจากผ้าลูกไม้บางๆ ทว่าจู่ๆ เขาก็เงยหน้าขึ้นมาสบตาเธอจริงจัง“ฉันซื้อให้ก็ได้ ขอแค่มันมี ต้องไปรักษาหรือซื้อยาที่ไหนล่ะ”“ที่คุณมั้ง”“หือ?” อังเดรงุนงง ละมือจากสิ่งที่ทำอยู่ เขายืดกายเต็มความสูงและจดจ้องสตรีร่างเล็กอย่างต้องการคำตอบที่ชัดเจน“หัวใจของคุณไงคะ”ดวงตาสีน้ำตาลท
“ฉันจะเอาชุดนี้ไปเผาทันทีที่เธอถอดมัน”“งั้นทรายจะไม่ถอด” เธอโต้คืนอังเดรไม่ได้ห่มผ้าให้ หล่อนตื่นอยู่ และเขาไม่ชอบแสดงอารมณ์อ่อนโยนใดๆ ให้ใครรู้ เขาขยับตัว จะเดินออกจากห้องนอน“ไม่นอนด้วยกันหรือคะ”“นี่เพิ่งจะหกโมงเย็น ฉันยังไม่ง่วง จะลงไปหาอะไรดื่ม แถวๆ นี้แหละ เธอนอนเถอะ”เขาสั่งแล้วก้าวยาวๆ จากไป ทรายทองอยากถามว่าเขาจะไปไหน ทว่าพอทวนคำถามในใจมากกว่าสองรอบ ก็ได้คำตอบว่าไม่ใช่ธุระอะไรของนางเช่าอย่างเธอหญิงสาวลุกมาอาบน้ำลวกๆ พยายามเร่งรีบให้มากที่สุดเท่าที่สตรีขาเดี้ยงจะทำได้ เธอปีนขึ้นเตียงอีกครั้งในชุดวันเกิด อาการปวดตุบๆ ที่ข้อเท้าหนักหน่วงขึ้นเมื่อออกแรงเดินมากเกินไป ยาแก้ปวดเริ่มออกฤทธิ์อย่างรุนแรง และมันทำให้เธอหลับไปในที่สุด____________________________เสียงอึกทึกภายในสถานบันเทิงครบวงจรที่ชื่อ DC ยังดังอยู่เนืองๆ เสียงเพลงน่าปวดกบาลกับไฟสีรุ้งวูบวาบเหนือหัวเป็นสิ่งที่ปรายรุ้งได้ยินและสัมผัสจนชินแล้ว และเธอยังต้องเผชิญกับมันต่อไป ตราบใดที่ยังไม่สามารถลืมตาอ
เสี่ยร้องขอด้วยเกรงกลัวมัจจุราชร้ายที่จี้หัวอยู่ชลกรดึงเจ้าตัวไปอีกทาง ยังเล็งปืนเข้าใส่ ไม่สนแม้ว่าจะกลายเป็นจุดสนใจของลูกค้าท่านอื่น“ไปให้พ้นหน้ากูเลยมึง! ไป!!!”สิ้นเสียงสุดท้ายของชลกร ร่างเตี้ยของลูกค้าจอมหื่นก็แผ่นแน่บหายไปในแสงสลัวตรงโถงทางเดินหน้าลิฟต์ ปรายรุ้งถอนหายใจอย่างโล่งอก ปาดมือชื้นเหงื่อของตัวเองกับกระโปรงสั้นที่สวมอยู่ สำรวจดูถาดบิลเล็กๆ ของลูกค้าที่ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อสูท แล้วก็เบาใจด้วยว่ามันยังอยู่ดี“ทีหลังก็อย่ายั่ว! ถ้าอยากยั่วไปทำอย่างอื่น ไม่ใช่เด็กเสิร์ฟ!” ชลกรบอกเสียงดัง หน้าตาบูดบึ้ง เอาปืนเหน็บไว้ที่ด้านหลังแล้วดึงชายเสื้อสูทคลุมทับมันไว้ปรายรุ้งอึ้งเลยเมื่อได้ฟัง เธอไปทำอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาช่างกล่าวหาได้ลงคอ“ถ้ามาช่วยแล้วจะมาด่าอย่างนี้ละก็ ไม่ต้องช่วยก็ได้ ขอบคุณ” เอ่ยขอบคุณแบบประชดแล้วก้าวไปยังลิฟต์ที่กำลังเปิดอ้า ไม่ได้สำรวจตัวเองด้วยซ้ำว่ากระดุมเสื้อเชิ้ตที่สวมอยู่ มันหลุดออกจากรัง เผยให้เห็นเนินทรวงอวบอิ่มที่ซ่อนอยู่ชลกรเดินตามปรายรุ้งไปติดๆ เข้
“ทราบค่า”คนสวยบอกเสียงยานคาง เดินเข้าไปใกล้แล้วนั่งลงยองๆ เพื่อวางแก้ววิสกี้ลงบนโต๊ะ แลเห็นขวดเหล้าและอะไรต่อมิอะไรอีกหลายสิ่ง สองคนนี้คงดื่มกันไปมากโข แต่ยังไม่พอใจเลยสั่งวิสกี้แบบแก้วมาจิบอีก น่าหมั่นไส้คนรวยชะมัด“ขาสวยนะน้องสาว”ชลกรเอ่ยแซว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าเขา“ทะลึ่ง!”ปรายรุ้งปรามดังๆ ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ ของชลกร เขาคงยินดีที่ได้แกล้งเธอ นี่หรือการทำตัวดีๆ ที่เขาสัญญาว่าจะทำ โม้สิ้นดี“อะแฮ่ม...หนูปราย”เฮียเปาปรามพนักงานของตัวเอง แม้จะใจดีอย่างไรก็ยังอยากเห็นพนักงานรู้สติเสมอว่ากำลังทำสิ่งใดอยู่ปรายรุ้งยกมือไหว้เจ้านาย“ขอโทษค่ะเฮีย คนนี้ไม่ไหวจริงๆ ค่ะ ปากเปราะ มือไว แล้วก็กวนประสาทจริงๆ” บอกอย่างเหลืออด ลุกไปยืนห่างๆ พวกเขา สองมือกอดถาดไม้ที่บุด้วยผ้ากำมะหยี่เนื้อดีเอาไว้แน่น“จริงเหรอวะ” เฮียเปาหันไปถามเพื่อนชลกรยิ้มแป้น ตาหวานฉ่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ มันยังไม่พอ เขายกแก้วที่ปรายรุ้งเพิ่งยกมาให้ กระดกเข้าปากจนเก
[7]สาวเสิร์ฟพรหมจรรย์____________________ปรายรุ้งไม่เข้าใจเลยว่าปัญหาของเจ้านายเหตุใดต้องได้รับความช่วยเหลือจากเธอ ทว่าเมื่อกลับเข้ามาที่ห้อง VIP 5 อีกครั้ง กุญแจรถยนต์ของใครบางคนก็ถูกยัดใส่มือมา เฮียเปายืนยิ้มอย่างขออภัยในความไม่สะดวกแล้วชี้ไปยังร่างของชลกรที่ตอนนี้โดนหิ้วปีกด้วยสองบริกรชาย เขาส่งยิ้มแป้นพร้อมกับตาหวานฉ่ำมาให้ ก่อนจะคอพับคออ่อนแล้วสลบเหมือดราวกับตาย“หนูขับรถเป็นใช่ไหม” เจ้านายถาม ปรายรุ้งพยักหน้า “ดีเลย รบกวนจริงๆ ช่วยขับไปส่งมันหน่อย เดี๋ยวเฮียบอกที่อยู่ให้”“แล้วทำไมเฮียไม่ไปส่งเองละคะ”“เฮียต้องอยู่เคลียร์ความเรียบร้อย ต้องรอแคชเชียร์ปิดบัญชี กว่าจะได้กลับบ้านก็คงตีสามโน่น”“หนูก็ยังต้องเก็บร้าน กว่าจะเสร็จก็เช้า ที่สำคัญหนูไม่ได้สนิทกับเขามากขนาดนั้นนะ”“จริงเหรอ...ก็เห็นซื้อข้าวของให้กันนี่นา” ว่าพลางส่งถุงกระดาษให้ปรายรุ้ง หญิงสาวรับไปด้วยใบหน้าที่เหมือนโดนบัง
บทส่งท้าย___________ทรายทองนั่งป้อนข้าวสองแฝด ในตอนที่อังเดรเดินลงบันไดมา นิคยืนอยู่ไม่ไกล รอรับคำสั่งเจ้านายอย่างเอลฟ์ตัวยักษ์ผู้ภักดีอยู่เช่นเดิม ผิดก็แต่ช่วงนี้ เอลฟ์ตัวยักษ์มักเปลี่ยนฝ่ายย้ายข้างมาภักดีต่อคุณหนูตัวแสบแสนซนอยู่บ่อยๆ แน่ละ สองแฝดน่ารักและน่าเอ็นดูเหลือเกิน“โอย...สายๆๆ สายแล้วที่รัก” เขาบ่นขณะเดินรีบๆ มาหาภรรยากับลูก ก้มลงหอมแก้มสองแฝดแรงๆ ลูกน้อยที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ ก่อนจะหันมาจุมพิตภรรยาที่ข้างขมับ“รีบก็ไปสิคะ เดี๋ยวรถติดนะคุณเอื้อ”อังเดรพยักหน้า ก็อยากจะไปละนะแต่ว่า...“อะไรคะ” ถามสามีเพราะเขาก้มลงมาใกล้เธอแล้วแบมือขออะไรสักอย่าง“ก็ตังค์ไปทำงานไง”ทรายทองทำหน้ายุ่ง “ให้แล้ว วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงเหมือนทุกวันไงคะ” บอกเหมือนรำคาญ ก็แหม...สามีที่รักทำเหมือนจำวันสำคัญวันนี้ไม่ได้นี่นา“แต่มันไม่พอนี่ที่รัก” ก้มลงมากระซิบอีก อายเจ้านิคเกินจะกล่าวยามต้องแบมือขอเงินภรรยา“โอ๊ยคุณเอื้อ จะเอาอะไรนักหนาคะ อาหารการกินทรายก็สั่งเลขาจัดให้แล้ว แทบไม่ต้องซื้ออะไรเลยนะ แถมที่ให้ไปก็ตั้งเยอะ” บ่นอย่างงอนๆ“สองร้อยเนี่ยนะที่รัก!” อังเดรร้องออกมาอย่างสุดจะทน ได้ยินเสีย
คนถูกทักสะดุ้งโหยงรีบซ่อนถุงยางอนามัยกับเข็มไว้ข้างหลัง สองตามองไปที่หน้าประตูห้องน้ำ ปรายรุ้งโผล่แค่ส่วนหน้ากับไหล่ขาวๆ ออกมานิดหน่อยแต่ช่างยั่วคนมองสิ้นดี“อ่า...ก็...หะ...หา หากรรไกรตัดเล็บไง”“หรือคะ...ฉันถูหลังไม่ถึง มาถูให้หน่อยสิ” คนสวยมียั่ว คนถูกยั่วหูผึ่ง “อ๊ะๆ หยิบถุงยางมาด้วยสิคะที่รัก”“จ้า...ไม่ลืมจ้าไม่ลืม หึๆๆ” บอกว่าไม่ลืมแต่น้ำเสียงเจ้าเล่ห์เหลือร้าย ทว่าปรายรุ้งไม่ทันได้สังเกต เพราะเพียงแค่ชลกรถอดเสื้อผ้าแล้วเดินเข้ามาในห้องน้ำในสภาพเปลือยเปล่า หญิงสาวก็ลืมไปแล้วว่าการถูหลังมันคืออะไร_____________สองเดือนต่อมางานเลี้ยงครบรอบการแต่งงานของทรายทอง ถูกจัดขึ้นที่คฤหาสน์อัชวินอย่างเป็นกันเองที่สุด ทว่าแขกที่มาร่วมงานก็ยังต้องแต่งตัวสวยแบบว่าผูกเนกไทใส่สูท ทั้งสหายและญาติๆ ของครอบครัวอัชวินและครอบครัววัฒนากูร ต่างถูกเชิญมางานเลี้ยงอย่างอบอุ่น งานเลี้ยงแบบที่มีการเปิดฟลอร์เต้นรำจึงดูหรูหราอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทุกคนในงานต่างมีรอยยิ้มพร่างพราย ซุ้มอาหารและเครื่องดื่มถูกจัดไว้อย่างสวยงามและพรั่งพร้อมอย่างที่สุด สองแฝดของทรายทองถูกพาเข้านอนตั้งแต่ยังไม่สองทุ่ม ทั้งสองหลับสนิทรา
“เป็นอะไรไปคะ แค่จะมีน้องต้องงอนพ่อแม่ด้วยเหรอ ไม่ใช่เด็กสามขวบนะคะ” ทรายทองติงสามี ไม่ได้เอ่ยอย่างตำหนิมากมาย แค่อยากให้เขาเข้าใจว่าทุกสิ่งมันเกิดขึ้นได้เสมอ คนเราไม่สามารถบงการทุกอย่างได้หรอกคนถูกติงถอนหายใจอีกครั้ง สองตาทอดมองออกไปยังชายหาด สองแขนโอบเอวภรรยาไว้แน่น“ก็ห่วงนี่นา แม่ไม่ใช่สาวรุ่นแล้วนะ อีกไม่กี่ปีก็ห้าสิบแล้ว มันอันตราย ฉันเคืองพ่อด้วย อะไรจะฟิตขนาดนั้น”“โธ่คุณเอื้อ พวกเขาก็เหมือนคู่แต่งงานใหม่ดีๆ นี่เอง อย่าไปงอนพวกเขามากเลย ชีวิตคนเรามันสั้นนะคะ ให้พวกเขาได้อยู่ดูแลกันไปอย่างมีความสุขเถอะ อีกอย่างน่ะ มีเด็กเยอะๆ ครอบครัวจะได้อบอุ่นไม่ใช่หรือคะ”“มีปัญหาตั้งมากกับการมีลูกในตอนอายุเยอะแล้ว” เขายังท้วงติงไม่เลิก“งั้นคุณก็ช่วยพ่อคุณดูแลแม่สิคะ เราอาจต้องมีหมอประจำบ้านที่เป็นหมอสูติก็คราวนี้แหละ ยิ่งอายุเยอะยิ่งอันตราย แต่ถ้าเรารู้วิธีดูแลแก้ไข มันก็ไม่น่าห่วงไม่ใช่หรือคะ แม่คุณไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ มันเป็นความผิดพลาดเหมือนกัน แต่มันเป็นความผิดที่งดงามเหลือเกินคุณเอื้อ มันเป็นเรื่องดี แทนที่จะงอนพวกเขา ทรายว่ามาเอาใจช่วยพวกเขาดีกว่านะคะ”อังเดรกอดภรรยาแน่นขึ้นไปอีก ทรา
[20]กรงขังผีเสื้อ_________“พี่ทราย...พี่คะ!”ทรายทองสะดุ้งโหยง กะพริบตาปริบๆ รู้สึกถึงมืออุ่นของน้องสาวที่จับมือตนอยู่“เอ่อ...ขอโทษที มันแค่คิดอะไรเพลินๆ น่ะ” ตอบออกไปแล้วเหลือบมองสามีแวบหนึ่ง อังเดรเดินเข้ามาหาเธอ วางมือบนไหล่บางอย่างต้องการให้กำลังใจปรายรุ้งยิ้มให้พี่สาว “บอกหนูหน่อย ทำไมพี่ไปอยู่กับคนอื่น ทำไมไม่อยู่กับหนูคะ แล้วทำไมแม่ต้องบอกว่าพี่ตายแล้ว”“เรื่องมันยาวน่ะปราย แต่ว่า มันไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่สองผัวเมียที่มีลูกไม่ได้ มาเจอพี่ เห็นพี่แล้วคงนึกเอ็นดูเลยขอไปเลี้ยง พ่อแม่เอง ก็คงอยากให้ลูกมีความเป็นอยู่ที่ดีละมั้ง ก็แค่นั่นแหละ”“หรือคะ ดีจัง...แม่เคยเล่าว่าตอนหนูเด็กๆ บ้านเราจนมากๆ เพิ่งพอมีใช้บ้างตอนที่พ่อมีเรือเป็นของตัวเอง แล้วพี่ละคะ พี่เป็นยังไงบ้าง”“ก็สบายดี คนฐานะดีย่อมเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งได้ดีอย่างใจพวกเขา เสียก็แต่พวกท่านอายุสั้นไปหน่อย”ปรายรุ้งพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็ยังมีอีกหลายข้อที่ยังไม่ได้บทสรุป“แล้วทำไมพี่ไม่มาหาเราบ้าง”“เพราะว่า เอ่อ...เรื่องมันยาวไงปราย คร้านจะเล่า เอาไว้ว่างๆ จะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน” ทรายทองปฏิเสธ เงยหน้ามองสามีก็เห็นเขามองลงมาอย่
สองสาวต่างกอดกันแล้วร่ำไห้ ทรายทองรู้สึกเหมือนว่าความลับที่แบกมานานได้ถูกทำลายให้สูญสลายไป ด้วยคำถามเพียงไม่กี่คำของน้องสาว ส่วนปรายรุ้งนั้นสุดแสนจะดีใจ ดีใจยิ่งกว่าถูกบอกรักจากชลกรเสียอีก“พี่ทราย พี่รู้ไหมว่าหนูดีใจแค่ไหน...ฮึกๆ ในที่สุดพี่ก็เป็นพี่สาวหนูจริงๆ ฮึกๆ”“อือ...แกอย่าร้องสิ ร้องทำไม เลยทำให้ฉันร้องด้วย” ว่าพลางปาดน้ำตาป้อยๆ รอยยิ้มแห่งความยินดีปรากฏบนใบหน้าของทั้งสอง สองบุรุษที่ยืนดูอยู่ อดยิ้มออกมาไม่ได้ทั้งอังเดรและชลกรต่างรู้ว่าสองสตรีรักกันมากแค่ไหน มันเป็นเรื่องดีที่ทั้งคู่กลายมาเป็นพี่น้องกันจริงๆ แต่ลึกๆ แล้วอังเดรยังข้องใจ เหตุใดทรายทองถึงไม่บอกเรื่องนี้ให้ปรายรุ้งรู้ตั้งแต่แรกปรายรุ้งผละจากการกอดพี่สาว“พี่ปิดบังหนูทำไม ทำไมไม่บอกล่ะ”“มัน...ไม่มีจังหวะน่ะ” ทรายทองแก้ต่างไปเรื่อย เธอกลัวต่างหาก กลัวความจริง ไม่อยากให้ปรายรุ้งต้องเจ็บปวดไปกับตัวเอง“ทำไมละคะ ทำไมพี่ถึงไม่อยู่กับหนู ไม่อยู่กับพ่อแม่ ทำไม”ปรายรุ้งถามรัวๆ นั่งถามพี่สาวจริงจัง ไม่หวั่นแม้ว่าใต้เข่าของตัวเองจะเป็นเม็ดทราย หยดน้ำตาบนใบหน้ายังมีอยู่ แต่หญิงสาวไม่สนใจจะเช็ดมันแล้วนัยน์ตาของตาทรายทองไ
“ฉันจะใส่”“ไม่เอา อายเขา เอารองเท้าคุณคืนไปนะตาบ้า ฮ่าๆๆ” เธอหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ มองเท้าเขาแล้วขำแรง เหมือนเอารองเท้าเด็กมาสวมให้ช้างอะไรอย่างนั้น“ใส่เถอะน่า ถ้าฉันใส่แล้วเธอหัวเราะ ฉันจะใส่มันให้เธอดูทุกวันเลย”“โอ๊ย...คุณโช...แค่นี้ก็รักจะตายอยู่แล้ว...” บอกเขาแล้วเกาะแขนประจบ เอาแก้มถูๆ ต้นแขนเขาเหมือนอย่างที่เคยเห็นทรายทองทำกับอังเดร“ก็อยากให้รักมากๆ นี่นา เอาละ เราจะไปซื้อรองเท้าหรือว่าจะขึ้นไปหาพี่สาวเธอก่อนดี”“ไปซื้อรองเท้าค่า อย่าไปห่วงพี่ทรายเลย สามีนางมาค่ะ เราเข้าไปก็เป็นส่วนเกิน”“ดีจริง...เราไปหาที่เงียบๆ คุยกันดีกว่า...หึๆ”“อย่านะคุณโช ไม่ต้องเลย” บอกเขาอย่างนั้นแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สุดท้ายก็โดนชลกรลากแขนไปขึ้นรถ และไม่ได้กลับมาที่โรงพยาบาลอีก แม้ว่าจะถึงเวลาที่ทรายทองต้องกลับบ้านก็ตาม___________หลายเดือนต่อมากลิ่นน้ำทะเลเค็มๆ ลอยมาปะทะประสาทรับกลิ่นของทรายทองอย่างจัง ทว่านั่นไม่ทำให้คุณแม่มือใหม่สนใจมันได้เท่ามะม่วงเปรี้ยวในตะกร้าที่แม่ค้าหิ้วมาขาย ลูกชายฝาแฝดของเธอตอนนี้อายุได้สิบเดือนแล้ว และกำลังนั่งเล่นกองทรายอยู่กับบิดาของแกและนิค น้ำทะเลตอนบ่ายคล้อยเริ
“โอเคๆ ตั้งแล้วๆ อ่า...คนนี้ชื่ออะไรดีน้า อืม...อนาวิลดีไหม”“เพราะมากค่ะสามีขา...” คนขี้อ้อนเอ่ยชมสามีทันทีที่ได้ชื่อถูกใจ “แล้วอีกคนละคะ”อังเดรทำหน้าคิดหนักยิ่งกว่าเก่า “อืม...อนาวิลแล้วก็ต้อง...อณิษฐ์...ใช่ อณิษฐ์” เขายิ้มกว้าง ทรายทองกระแซะร่างเข้าหาสามี สอดแขนโอบเอวเขาไว้ ในขณะที่อังเดรก็กอดเธอกลับมา“สามีตั้งชื่อเก่งมากค่ะ ชื่อเล่นเดี๋ยวทรายตั้งเอง” บอกเขาแล้วเงยหน้าจุมพิตปลายคางสากไปหนึ่งที“หายโกรธแล้วใช่ไหมคนดี”ทรายทองส่ายหน้าเบาๆ“ไม่ได้โกรธ แค่น้อยใจ โดนสามีง้อบ่อยๆ เดี๋ยวก็หาย ถ้าจะให้หายไวละก็ควรมีกระเป๋าแบรนด์เนมมาปลอบใจสักโหลสองโหล”“โอเว่อร์ มันเปลือง...อีกอย่างน่ะ เงินฉันฉันให้เธอหมดแล้ว อยากได้อะไรก็ไปซื้อเอาครับ”คราวนี้อังเดรเป็นต่อ เขากลั้นขำ หากจะให้สามีทำเซอร์ไพรส์มอบของขวัญให้ในวันพิเศษต่างๆ ละก็ หล่อนคงหมดหวังละ เพราะทุกบาททุกสตางค์ให้ศรีภรรยาไปหมดสิ้นแล้ว“โอ๊ย...คุณเอื้ออ่า...ไม่รับมุกเลย งั้นเดี๋ยวทรายจะโอนเงินให้เดือนละแสนแล้วกัน”“เอาไว้ให้สามีใช้จ่ายใช่ไหมที่รัก”“เอาไว้ซื้อของขวัญเซอร์ไพรส์เมียย่ะ”“เธอมันร้ายจริงๆ”“ก็มันเป็นนิสัยของทรายไปแล้ว...อื้อ
[19]ผู้ชายที่ไม่เคยถูกรัก________________เช้าวันถัดมาก๊อกๆๆประตูถูกเคาะและถูกเปิดออกในนาทีต่อมา ทรายทองยืนอยู่ที่ปลายเตียง กำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ อังเดรปรากฏกายใต้กรอบประตู เขาเดินเข้ามาช้าๆ มีร่างเอลฟ์ยักษ์ของนิคเดินตามมาติดๆ นิคหยุดยืนอยู่ชิดผนังด้านหนึ่ง ส่วนอังเดรหยุดยืนที่กลางห้อง เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างประหม่า“นึกว่า...จะไม่มานะคะ”“มาสิ ฉันต้องมาแน่ แต่ว่า...ช้าไปหน่อย...ฉันรีบที่สุดแล้ว มันไม่มีเที่ยวบินที่เร็วกว่านี้ ฉัน...”อุแว้....อุแว้...“โอ...คุณพระ! นี่ฉันได้ลูกแฝด!?”อังเดรช็อกเหมือนถูกช็อตด้วยไฟฟ้าแสนโวลต์ เขาจ้องมองกระบะทารกทั้งสองตาค้าง ปรายรุ้งอุ้มทารกคนหนึ่งขึ้นมา เจ้าหนูยังร้องจ้า“พี่ทราย สงสัยน้องจะหิว พี่กลับขึ้นเตียงเถอะจะได้เอาน้องกินนม” คนเป็นน้องบอกทรายทองขยับขึ้นไปนั่งแล้วรีบเอ่ยบางอย่าง“ให้คุณเอื้ออุ้มลูกมาซิปราย”อังเดรยืนตัวแข็ง หัวใจเขาเต้นแรง นั่นมันมนุษย์ตัวเล็กที่แผดเสียงร้องจ้า ที่สำคัญคือมีมนุษย์ตัวเล็กตั้งสองคนแน่ะ ให้ตายเถอะ! ประสาทจะกิน ทรายทองไม่ยอมบอกเขาเลยกับการมีครรภ์แฝด หล่อนมันตัวแสบ อยากให้เขาช็อกตายหรืออย่างไร“เอาสิคุ
“อย่ามาพูด เลิกจ้ำจี้ฉันเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกทีย่ะ” ปรามเขาอย่างเคืองๆ ก็ปากบอกอยากจะมีลูก แต่ใช้งานเธออย่างกับนางเอกหนังเอวีละก็ เชิญไปมีกับคนอื่นเถอะ ถ้ามีลูกขึ้นมาเธอคงเหมือนซอมบี้ ไม่ต้องมีเวลาหลับเวลานอนกันละ“ปรายใจร้าย...” เขาสวนทันควัน มือข้างหนึ่งเลื่อนไปโอบเอวบางแล้วดึงเข้าหาตัว ทว่ายังจ้องผิวเนื้อของทารกแฝดไม่วางตา“มีลูกนี่งานใหญ่นะคุณโช เรายังไม่เต็มอิ่มกับชีวิตหนุ่มสาวเลย ฉันยังอยากอยู่กับคุณไปก่อน เราอย่าเพิ่งมีลูกกันเลย รออีกสักนิดดีกว่า นะๆ” ปรายรุ้งอ้อนสามี ทั้งอธิบายความเป็นจริงให้เขารู้ชลกรขยับไปยืนซ้อนหลังปรายรุ้ง กอดเอวหล่อนไว้หลวมๆ แล้วเกยคางบนไหล่บาง แอบสูดกลิ่นหอมของคนรักที่ซอกคอขาวแต่สองตายังจ้องสองแฝด“แล้วแต่เธอเถอะ แต่อย่านานนะที่รัก ม๊าอยากอุ้มหลานจะแย่แล้ว”“ฉันรู้ค่ะ รออีกสักปีนะคะ ระหว่างนี้เราก็มาช่วยพี่ทรายเลี้ยงหลาน ฝึกงานไปด้วยดีไหมคะ”“เป็นความคิดที่เยี่ยมมาก ซ้อมบทพ่อแม่ไปพลางๆ เวลาเรามีลูกเราจะได้ไม่หัวหมุนเนาะ”หนุ่มสาวคุยกันกะหนุงกะหนิงจนทรายทองลอบยิ้ม พวกเขาดูรักกันดี ออดอ้อนกัน รับฟังความคิดเห็นของกันและกัน ไม่เหมือนคู่เธอเลยที่ฝ่ายชายเอาแ