“วันสองวันนี้ฉันคงไม่ได้เข้าไป DC ฉันกำลังหางานกลางวันทำอยู่ ความจริงก็กะว่าจะทำที่ DC ไปด้วย มันอยู่ในช่วงที่อะไรๆ ยังไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ ฉันเองก็กลัวโดนด่าเหมือนกันที่ลาบ่อยๆ แต่ฉันไม่มีทางเลือก”
“แต่เธอเลือกเชิญฉันเข้าบ้านได้นะ เธอเห็นถุงที่ฉันหิ้วมาไหม ของกินทั้งนั้น” เขาชูถุงกับข้าวกับปลาให้ปรายรุ้งดู หญิงสาวทำหน้าเหมือนคิดหนัก
“ฉันเอากับข้าวมาฝาก ไม่ได้มาปล้ำ ทำหน้าดีๆ หน่อยแม่คุณ”
“เอามาฝากหรือโดนบังคับมาล่ะ หน้าบูดเป็นตูดลิงเลย”
“ตูดลิงที่ไหนจะหล่อขนาดนี้วะ”
“เอ๊ะ! อย่ามาวะกับฉันนะ”
เมื่อถูกเสียงแวดๆ ปรามเข้าให้ ชลกรก็หน้าจ๋อย
“ผู้ชายเมื่อกี้ใครน่ะ”
“ลูกค้าพี่ทราย เขาเอาเค้กมาฝาก”
คราวนี้มีรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปากของชลกร
“เชิญฉันเข้าบ้านทีเถอะ ยืนขาแข็งแล้ว” เขาสั่งแต่ปรายรุ้งส่ายหน้า “ทำไมล่ะ”
“ฉันอยู่บ้านคนเดียว และนี่มันก็ใกล้มืดแล้ว”
“เธอกลัวฉันหรือไง เมื่อคืนเรายังนอนห้องเดียวกันเลย”
“ก็สถานการณ์มันไม่เหมือนกันนี่นา ตอนนี้คุณอาจกำลังวางแผนเคลมฉันอยู่ก็ได้”
“ถ้าได้ก็ดีสิ”
“คุณโชกุน!”
“โธ่...ล้อเล่นๆ เข้าบ้านเถอะ เมื่อยขา”
เขาตัดบทแล้วรุนหลังปรายรุ้งเข้าบ้าน บ้านหล่อนเงียบสงบดี แม้อยู่กลางซอยก็ตาม เขายังไม่เห็นทรายทอง
“พี่เธอไปไหน”
“ไปกับลูกค้า ทำไม อยากเป็นลูกค้าพี่ฉันเหรอ” ถามเสียงห้วนโดยไม่รู้ตัว
“เสียงเธอเหมือนพวกผู้หญิงที่กำลังหึงไม่มีผิด”
ปรายรุ้งหันมามองเขาแล้วส่ายหน้าพรืด ผลักประตูบ้านเพื่อพาเขาก้าวเข้าไปข้างใน ชลกรเห็นโน้ตบุ๊กที่เปิดค้างไว้ก็รู้ได้ทันทีว่าหญิงสาวกำลังหางานอยู่
“เธอเรียนจบอะไรมา”
“บัญชี” เธอตอบสั้นๆ เดินเอาข้าวของที่เขาซื้อมาไปวางบนโต๊ะกินข้าวขนาดสี่ที่นั่งที่อยู่หน้าห้องครัว ชลกรมีกับข้าวมาหลายอย่าง แต่น่าแปลกที่มันใส่กล่องพลาสติกแบบแข็งแรงมา ไม่เหมือนตามร้านอาหารที่เป็นกล่องโฟม มีขาหมูเยอรมันที่เธอชอบด้วยนะ จำได้ว่าทรายทองเคยพาไปกินที่ร้าน จานหนึ่งหลายร้อยเชียว วันนี้โชคดีมีลาภปาก
“ไปทำงานกับฉันไหมล่ะ ที่บ้านฉันมีบริษัทส่งออกอาหารกระป๋องน่ะ” เขาอธิบาย ที่บ้านเขาส่งออกข้าวหุงอัดกระป๋องพร้อมรับประทาน และยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เป็นอาหารไทยๆ รวมถึงผลไม้ด้วย บริษัทใหญ่พอสมควร มีพนักงานราวพันกว่าคนได้
“เงินดีปะ?” ถามขำๆ เพราะไม่คิดว่าเขาจะจริงจัง
“ก็ตามตำแหน่ง มีสวัสดิการตามปกติ สิ้นปีมีโบนัส และมีเจ้านายหล่อๆ เดินตรวจงานบ้างพอให้ปลื้มปริ่ม”
“แหวะ! ฉันจะไม่ไปทำงานที่นั่นเพราะข้อสุดท้ายนี่แหละ” ประชดเขาพลางรินน้ำมาวางข้างจานข้าว อาหารถูกจัดเตรียมแล้ว พร้อมทั้งของหวานที่เป็นเค้กของเฮียจิว
ชลกรเดินมามองข้าวปลาที่ถูกจัดวางอยู่กลางโต๊ะ นั่งลงยังเก้าอี้ตรงข้ามปรายรุ้ง รู้สึกหิวขึ้นมาตงิดๆ ส่วนปรายรุ้งเริ่มจัดการอาหารตรงหน้าแล้ว
“อาหย่อยมากเยย...หึๆๆ”
คำชื่นชมหลุดจากปากที่กำลังเคี้ยวข้าวเต็มคำ ชลกรต้องส่ายหน้าด้วยระอาเหลือ หล่อนคงหิวมากถึงได้กินไม่ห่วงสวย หรือบางทีหล่อนก็กำลังทำตัวเป็นธรรมชาติที่สุด ไม่ได้เสแสร้งให้ดูสวยงามเพื่อเอาใจใคร หล่อนคือผู้หญิงที่อยู่ในโลกของความจริงโดยแท้
“อร่อยละสิ”
“อาฮะ อร่อยมาก ขาหมูนี่กรอบสุดๆ ซื้อมาจากร้านไหนเนี่ย”
“ซื้ออะไรล่ะ ม๊าทำ” เขาตอบอย่างภาคภูมิ
“แม่คุณนี่นะ”
“ใช่ ฉันบอกม๊าว่าจะซื้อกับข้าวไปฝากสาว ม๊าเลยใจดีเข้าครัวทำให้”
“คุณหาของฝากสาวบ่อยละสิ” ถามติดงอนเล็กน้อย แทะขาหมูแรงๆ ราวกับว่ามันเป็นหน้าหวานๆ ของชลกร
“เปล่า! ช่างเถอะ กินๆๆ”
“แต่ม๊าคุณทำกับข้าวอร่อยนะ ขาหมูอร่อย กระเพาะปลาก็อร่อย ไก๋ตุ๋นด้วย โอ๊ย...อร่อยทุกอย่างเลย!”
เขายิ้มเมื่อได้ยินคำชม
“ฉันจะบอกม๊าให้แล้วกันว่าเธอชอบ”
จู่ๆ สีแดงระเรื่อก็พาดที่โหนกแก้มของปรายรุ้ง คำพูดแสนธรรมดาแต่มาพร้อมยิ้มเขินของชลกร ทำให้เธอเขินไปด้วยอีกคน ทำไมนะ เขาก็พูดประโยคปกติที่คนอื่นเขาพูดกัน แต่ทำไมความรู้สึกมันแปลกๆ ก็ไม่รู้
“คุณเป็นลูกคนเดียวเหรอ”
“อือ...”
“เหงาไหม”
“มากๆ” ตอบพลางแทะขาหมูเยอรมันด้วยท่าที่เรียบร้อยยิ่งกว่ากุลสตรีอย่างปรายรุ้งเสียอีก
“ฉันก็มีพี่สาว แต่ก็เหงาไม่แพ้คุณ แม่รักพี่มากๆ จนถึงวันสุดท้ายที่มีลมหายใจทีเดียว”
ปรายรุ้งอิ่มตื้อขึ้นมาเมื่อนึกถึงมารดา ความรักที่เธอควรได้จากการเป็นลูกที่เหลืออยู่เพียงคนเดียว ถูกแบ่งปันไปให้พี่สาวที่อยู่ในห้องอันว่างเปล่า มารดาที่รักทำเหมือนลูกสาวคนโตยังมีลมหายใจ ท่านมีชีวิตส่วนใหญ่ขลุกอยู่ในห้องนั้น ไม่ทำงานทำการ เอาแต่นั่งจ้องข้าวของเครื่องใช้และเสื้อผ้าที่ตัวเองซื้อหามาให้ลูกสาวคนโต
“คนเราย่อมมีความทุกข์เป็นของตัวเอง”
“ใช่ และความทุกข์ที่สุดของฉันในตอนนี้ก็คือ...ฉันจะกินอาหารพวกนี้หมดได้ยังไง ฮ่าๆๆ”
อารมณ์อันแปรปรวนของปรายรุ้งทำให้ชลกรต้องคลี่ยิ้มออกมา หล่อนพร้อมเสมอในการพาตัวเองออกห่างความทุกข์ หล่อนมีชีวิตชีวา เหมือนแสงพระอาทิตย์ในวันที่ท้องฟ้ามืดมัวด้วยเมฆหมอก หล่อนสว่างและสดใส มีรอยยิ้ม และกระตือรือร้นในการทำให้ตัวเองมีความสุข
“ยัยติงต๊องเอ๊ย”เขาว่าหล่อนเลยถูกแย่งขาหมูกรอบๆ ไปจากจานทั้งที่ตักมันมาแล้ว“ค่าที่คุณว่าฉัน คุณต้องสละขาหมูชิ้นนี้ให้ฉัน เพราะว่าฉันเป็นสตรีร่างบอบบางที่สมควรอย่างยิ่งในการขุนให้อ้วนพี”“เชิญ...” เขาเอ่ยอย่างระอา เอื้อมมือไปตักเอาขาหมูอีกชิ้น ทว่าส่วนที่กรอบและอร่อยได้ถูกตักไปจนสิ้นแล้วด้วยช้อนของปรายรุ้งหนุ่มสาวรับประทานมื้อค่ำในตอนหกโมงเย็น กว่าจะเสร็จสิ้นก็ปาเข้าไปทุ่มเศษๆ“แน่ใจนะว่าคุณจะไม่เอาขนมเค้ก”“กระเพาะฉันไม่ใช่กระเพาะหมูนะ มื้อนี้ฉันกินเยอะแล้วจริงๆ”ปรายรุ้งเบะปากใส่ ก้มลงมองท้องของตัวเองแล้วส่ายหน้า มันยื่นออกมาน้อยๆ ราวกับสตรีมีครรภ์ไม่มีผิด“ฉันดูเหมือนคนท้องอ่อนๆ”“ไม่...ฉันว่าน่าจะสักห้าเดือน ฮ่าๆๆ”“คุณโชกุน!” ปรายรุ้งร้องโอดโอย วางจานขนมเค้กลงอย่างเคืองๆ เธอเก็บจานชามเข้าไปล้างโดยที่ชลกรทำเพียงแค่ส่งกำลังใจและรอยยิ้มหวานๆ มาให้ อย่าได้ฝันว่าเขาจะมาช่วยเธอล้างจาน นั่นมันละครย่ะ ไม่ใช่ความจริง
[5]เมียเช่าฝรั่ง_____________________________________________________________________________________________โรงแรมหรูแห่งหนึ่งของพัทยาเหนือ คือสถานที่ที่อังเดรพาทรายทองเข้าพัก หญิงสาวไม่ค่อยสดใสนัก เธอง่วงนอนและอยากหลับที่ล็อบบี้ให้รู้แล้วรู้รอด นิคเข้าพักยังห้องที่ราคาสมกับฐานะของเขา ซึ่งอยู่ภายในโรงแรมเดียวกัน อังเดรอยากมั่นใจว่านิคจะพารถมาเกยตรงหน้าเขาได้ภายในห้านาทีเมื่อถูกเรียกตัว“ไปสืบให้รู้ว่าตอนนี้มิสเตอร์รูจทำอะไรอยู่”อังเดรสั่งความนิคเมื่อขึ้นมาถึงห้องพักแล้ว มือข้างขวาไม่ยอมปล่อยจากรอบเอวทรายทอง นิคปลีกตัวไปทำตามคำสั่งเจ้านาย ทรายทองมองตามอย่างใคร่รู้“ตกลงนิคเป็นคนขับรถหรือว่านักสืบกันแน่คะ”“เป็นทั้งสองอย่างนั่นแหละ นิคไม่ใช่คนขับรถธรรมดา”อังเดรอธิบาย เดินเข้าไปในห้องที่พนักงานเปิดประตูรอท่า ก่อนจะส่งธนบัตรใบสีม่วงให้คนยกกระเป๋า พนักงานหนุ่มไหว้รับทิปก่อนจะปิดประตูให้แล้วก้าวจากไปทรายทอง
“อาฮะ แต่อย่าโป๊มาก ไม่ชอบ”“โอ...ใจดีที่สุดเลย รับรองไม่โป๊ จะปิดตั้งแต่คางยันตาตุ่มเลยค่า” คนสวยโผเข้ากอดอังเดร ทั้งยังจุมพิตปลายคางสากอย่างมันเขี้ยว เขาหล่อเหลานั่นเรื่องจริง แต่คงดีกว่านี้หากเขายอมยิ้มเสียบ้าง“ฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปรอที่สระ” เขาบอก ความจริงคืออยากพาตัวเองออกจากความน่ารักของทรายทอง รอยยิ้มของหล่อนกำลังทำให้ใจเขาเต้นแรง เขาไม่ชอบความรู้สึกนี้ เพราะมันไม่สามารถควบคุมได้ด้วยสมองอังเดรเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยสวมกางเกงว่ายน้ำแล้วนุ่งเสื้อคลุมลงไปรอที่สระ เวลานี้แดดร่มลมตกไม่ร้อนสักเท่าไหร่ อากาศกำลังดีทีเดียว และเขาหวังอย่างยิ่งว่าจะได้เจอมิสเตอร์รูจที่นั่นทรายทองแต่งตัวเสร็จหลังอังเดร เธออยู่ในชุดว่ายน้ำสีเหลืองอ๋อย ท่อนบนนั้นเหมือนเอาผ้าแถบมาปิดปลายถันเอาไว้ มีสายเสื้อเส้นเล็กๆ เกี่ยวไขว่กันที่ด้านหลัง ส่วนตัวกางเกงนั้นออกแบบมาให้เปิดเปลือยเนื้อหนังบั้นท้ายอย่างเต็มที่ น่าจะเรียกมันว่าจีสตริงเสียมากกว่า โดยรวมแล้วทรายทองดูยิ่งกว่าคำว่าเซ็กซี่เสียอีกหญิงสาวแต่งตัวเสร็จก็สวมเสื้อคลุมบางๆ ทับอีก
ทรายทองเดินไปทางที่อังเดรชี้มือบอก เขาสวมเสื้อคลุมสีเทาอ่อนและเดินนำหน้าเธอไปพร้อมๆ กับมิสเตอร์รูจ“เชิญนั่งครับ ดีใจที่ได้พบคุณที่นี่” อังเดรเอ่ยอย่างยินดีมิสเตอร์รูจยังเงียบอยู่ หนุ่มใหญ่ยังเพลิดเพลินกับการเฝ้ามองบุรุษที่อายุอ่อนกว่าตน อังเดรน่าจะอายุราวสามสิบต้นๆ หากเดาไม่ผิด“ผมมาพักผ่อนน่ะ สุดสัปดาห์” หนุ่มใหญ่อธิบาย เหลือบมองไปทางสตรีที่นั่งอยู่ก็เห็นเจ้าตัวนิ่วหน้าพลางยกศอกขึ้นมาพิจารณา มีรอยถลอกไม่น้อยบนศอกข้างหนึ่งของหล่อน“คุณน่าจะไปหายาใส่สักนิด ขออภัยในความสะเพร่าของผม”อังเดรมองตามสายตาของมิสเตอร์รูจ แอบเคืองนิดๆ ที่สายตาของหนุ่มใหญ่ไม่ละไปจากร่างของทรายทอง“ไม่หรอกค่ะ มันเป็นความผิดของฉันเอง” ทรายทองออกตัวจังหวะนั้นเองที่อังเดรสังเกตเห็นทูพีชสีเหลืองอ๋อยที่อยู่ใต้เสื้อคลุมบางๆ ความไม่พอใจเริ่มปรากฏบนใบหน้าเขา“เธอใส่ชุดบ้าอะไรเนี่ย!!!”เสียงอันดังทำเอาร็อกเล่ต์ต้องเลิกคิ้วสูง เพราะเหมือนจะเห็นภาพตัวเองซ้อนทับอังเดร นิสัยหวงข้าวของหรือแม้แต่คู่ควงนั้น ตนมักเป็นอยู่เสมอ“ก็ทูพีชไงคะ แหะๆ” ทรายทองหัวเ
อังเดรฉลองความสำเร็จเล็กๆ ด้วยการลากทรายทองกลับห้อง เขาบำรุงบำเรอหล่อนด้วยบทรักที่ทรายทองต้องร้องขอชีวิต มันสุขสมและเสียวซ่านกว่าทุกๆ ครั้งที่เคยพบพาน ทรายทองคิดเอาว่าเขาคงดีใจที่กำลังจะได้ลูกค้ารายใหญ่ แต่สำหรับอังเดรแล้ว เขาเชื่อว่ามันมาจากสายตาของชายอื่นที่เฝ้ามองหล่อนเขาไม่ชอบ และไม่อยากให้ทรายทองมองใครด้วยสายตาแห่งความปลาบปลื้ม เขาจึงพยายามอย่างยิ่งในการฉุดหล่อนไว้ด้วยตัณหาราคะอันมืดดำ เพราะเขารู้ดีว่านอกจากตัวเองแล้ว ไม่มีทางที่ใครจะได้ทำแบบนี้ อย่างน้อยสิ่งหนึ่งที่เขานับถือทรายทองก็คือ การที่หล่อนมีเพียงเขาเท่านั้นที่อยู่บนเตียง“เบาๆ สิคะ ทรายช้ำหมดแล้ว” บอกเขายามที่ตัวตนแห่งชายเร่งการสวมสอดเสียดสี ร่องรูลึกลับของอิสตรีกำลังอ้าอมเอาส่วนนั้นของเขาจนเธอทั้งปวดร้าวและเสียวซ่าน ความแข็งแกร่งที่บุกทะลวงเข้ามาเต็มไปด้วยความร้อนผ่าวและชุ่มฉ่ำ มันกำลังเติมเต็มเธอเหมือนทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา“ไม่...ฉันกำลังให้รางวัลเธออยู่...อ๊า...”เขาครางกระเส่า จับยกสองขาหล่อนขึ้นสูงในลักษณะตั้งฉาก มือแกร่งจับข้อเท้าเล็กๆ ไว้มั่น ใช้มันเป็นที่ยึดขณะดันตัวตนแห่งชายเข้าหาร่
ความร่มรื่นของไม้ดอกไม้ประดับที่ถูกปลูกตามทางเดินที่ทอดยาว ทำให้ทรายทองยิ้มออกมาน้อยๆ ภายในรั้วพระธรรมอันกว้างใหญ่ เธอรู้สึกสงบทุกครั้งที่ได้เข้ามา วัดแห่งนี้เธอรู้จักดี เมื่อก่อนเธออยู่ที่นี่...พัทยา อยู่มานาน ก่อนจะเจออังเดรเสียอีก ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะอยากมาวัด แถมยังซื้อชุดสังฆทานและอะไรต่อมิอะไรมาทำบุญอีกเยอะแยะ เธออยากรู้แต่ยังไม่มีโอกาสถามคนทั้งสามอันประกอบด้วยอังเดร ทรายทองและนิค หิ้วข้าวของขึ้นไปบนศาลา มีพุทธศาสนิกชนจำนวนหนึ่งยังอยู่บนนั้นอังเดรกับทรายทองร่วมกันถวายสังฆทาน กรวดน้ำทำบุญให้กับผู้ล่วงลับ ส่วนนิคนั้น ทำได้เพียงนั่งอย่างสงบอยู่ห่างๆ ด้วยว่าไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ และในตอนที่อังเดรกล่าวคำกรวดน้ำ ทรายทองก็ได้รู้ว่าเขามาทำบุญให้ใครพอเสร็จจากการทำบุญ ทั้งสามก็ลงมาด้านล่าง พากันเดินทอดน่องสูดกลิ่นต้นไม้ใบหญ้าอันเขียวชอุ่ม ไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใด ทว่าเมื่ออังเดรพลิกดูนาฬิกา เขาก็จำต้องหยุดเดินเพื่อสั่งความ“นิคไปเอารถมา”เขาสั่งลูกน้อง นิคจึงเดินเร็วๆ เพื่อไปเคลื่อนรถมารับเจ้านาย“ทำไมกลับเร็วละคะ อยู่ต่ออีกนิ
‘แต่พี่ไม่อยากเสี่ยงกับคนคนนี้ ไม่อยากให้แกต้องเจ็บหากโดนเขาเล่นงาน’อังเดรส่ายหน้ารัวๆ รู้สึกได้ว่าอุษณีกำลังกลัวแม้แต่ชื่อของผู้ชายคนนี้“ผมจะคุยกับเขา และถ้าตกลงกันได้ ทุกๆ อย่างที่เรามี จะถูกส่งไปหาเขา เขาจะช่วยเปิดตลาดในประเทศของเขาและประเทศอื่นๆ ที่เขามีฐานธุรกิจอยู่ สิ่งที่เราต้องทำให้ได้ก็คือผลิตสิ่งที่เขาต้องการ ให้มีมาตรฐานและคุณภาพ ส่งไปให้เขา แล้วเฝ้ารอกำไร มันง่ายมากเลยพี่อุ่น”‘เชื่อสิ แกต้องไม่อยากรู้จักเขา ไม่อยากแน่ๆ เขาไม่ใช่คนธรรมดา เขามีความสามารถในการค้นหาความลับอย่างที่แกไม่เคยพบเชียวล่ะ’“พี่พูดเรื่องอะไร ความลับอะไรกัน”‘ช่างเถอะ พี่เอ่อ...จะเข้าบริษัทให้ก็แล้วกัน แค่นี้นะ’ตู๊ด...สัญญาณตัดสายดังขึ้นในทันทีที่อุษณีกล่าวจบ อังเดรไม่เข้าใจในสิ่งที่อุษณีบอก แต่มันไร้สาระเกินกว่าจะเอามาขบคิด เขาต้องรีบกลับไปที่โรงแรม ศึกษาเอกสารที่จำเป็นในการเจรจา และลงมาพบมิสเตอร์รูจตามที่นัดไว้ เขาเชื่อว่ามันจะสำเร็จ เขามั่นใจ____________________________________
อังเดรบอกดังๆ พร้อมหน้าโหดๆ นั่นแล้วก้าวจากไป มีนิควิ่งตามไปติดๆ ราวกับเอลฟ์ตัวยักษ์ผู้ซื่อสัตย์ต่อเจ้านายทรายทองมองตามแล้วน้อยใจ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเขาไม่ถามสักคำว่าเธอเป็นอะไรหรือเปล่า ข้อเท้าเธอคงเคล็ดและกำลังเจ็บอย่างที่สุด“คุณโกรธเขาไหม เขาดูโกรธมาก”คนถูกถามเงยหน้ามองคนถาม และได้รู้ว่ายังมีบุรุษอยู่ตรงนี้อีกตั้งหนึ่งคน“ฉันชินแล้วค่ะ เขาเป็นบ้า อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนพวกสตรีวัยทองน่ะ คุณพอจะรู้จักไหม”ร็อกเล่ต์ยิ้มขันกับคำเปรียบเปรยของหญิงสาว เขาว่ามันจริงทีเดียวในเรื่องนี้“มีผู้หญิงสองประเภทที่ทำให้ผู้ชายเป็นบ้า”“ฉันเป็นประเภทไหนกันละคะ” ถามอย่างขำๆ เพราะไม่คิดว่าคำตอบที่ได้จะทำให้ตัวเองตัวชา“ประเภทที่เขาอาจจะรักน่ะสิ”ทรายทองตาเบิกโต ส่ายหน้ารัวๆ ปฏิเสธสิ่งที่ร็อกเล่ต์คาดเดา“คุณต้องล้อฉันเล่นแน่ๆ”“อันนี้ก็ต้องรอดู เอาละ ผมคิดว่าคุณน่าจะมีปัญหากับการเดินนะ ให้ผมช่วยดีไหม”“นั่นดีมากๆ เลยค่า&rdqu
บทส่งท้าย___________ทรายทองนั่งป้อนข้าวสองแฝด ในตอนที่อังเดรเดินลงบันไดมา นิคยืนอยู่ไม่ไกล รอรับคำสั่งเจ้านายอย่างเอลฟ์ตัวยักษ์ผู้ภักดีอยู่เช่นเดิม ผิดก็แต่ช่วงนี้ เอลฟ์ตัวยักษ์มักเปลี่ยนฝ่ายย้ายข้างมาภักดีต่อคุณหนูตัวแสบแสนซนอยู่บ่อยๆ แน่ละ สองแฝดน่ารักและน่าเอ็นดูเหลือเกิน“โอย...สายๆๆ สายแล้วที่รัก” เขาบ่นขณะเดินรีบๆ มาหาภรรยากับลูก ก้มลงหอมแก้มสองแฝดแรงๆ ลูกน้อยที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ ก่อนจะหันมาจุมพิตภรรยาที่ข้างขมับ“รีบก็ไปสิคะ เดี๋ยวรถติดนะคุณเอื้อ”อังเดรพยักหน้า ก็อยากจะไปละนะแต่ว่า...“อะไรคะ” ถามสามีเพราะเขาก้มลงมาใกล้เธอแล้วแบมือขออะไรสักอย่าง“ก็ตังค์ไปทำงานไง”ทรายทองทำหน้ายุ่ง “ให้แล้ว วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงเหมือนทุกวันไงคะ” บอกเหมือนรำคาญ ก็แหม...สามีที่รักทำเหมือนจำวันสำคัญวันนี้ไม่ได้นี่นา“แต่มันไม่พอนี่ที่รัก” ก้มลงมากระซิบอีก อายเจ้านิคเกินจะกล่าวยามต้องแบมือขอเงินภรรยา“โอ๊ยคุณเอื้อ จะเอาอะไรนักหนาคะ อาหารการกินทรายก็สั่งเลขาจัดให้แล้ว แทบไม่ต้องซื้ออะไรเลยนะ แถมที่ให้ไปก็ตั้งเยอะ” บ่นอย่างงอนๆ“สองร้อยเนี่ยนะที่รัก!” อังเดรร้องออกมาอย่างสุดจะทน ได้ยินเสีย
คนถูกทักสะดุ้งโหยงรีบซ่อนถุงยางอนามัยกับเข็มไว้ข้างหลัง สองตามองไปที่หน้าประตูห้องน้ำ ปรายรุ้งโผล่แค่ส่วนหน้ากับไหล่ขาวๆ ออกมานิดหน่อยแต่ช่างยั่วคนมองสิ้นดี“อ่า...ก็...หะ...หา หากรรไกรตัดเล็บไง”“หรือคะ...ฉันถูหลังไม่ถึง มาถูให้หน่อยสิ” คนสวยมียั่ว คนถูกยั่วหูผึ่ง “อ๊ะๆ หยิบถุงยางมาด้วยสิคะที่รัก”“จ้า...ไม่ลืมจ้าไม่ลืม หึๆๆ” บอกว่าไม่ลืมแต่น้ำเสียงเจ้าเล่ห์เหลือร้าย ทว่าปรายรุ้งไม่ทันได้สังเกต เพราะเพียงแค่ชลกรถอดเสื้อผ้าแล้วเดินเข้ามาในห้องน้ำในสภาพเปลือยเปล่า หญิงสาวก็ลืมไปแล้วว่าการถูหลังมันคืออะไร_____________สองเดือนต่อมางานเลี้ยงครบรอบการแต่งงานของทรายทอง ถูกจัดขึ้นที่คฤหาสน์อัชวินอย่างเป็นกันเองที่สุด ทว่าแขกที่มาร่วมงานก็ยังต้องแต่งตัวสวยแบบว่าผูกเนกไทใส่สูท ทั้งสหายและญาติๆ ของครอบครัวอัชวินและครอบครัววัฒนากูร ต่างถูกเชิญมางานเลี้ยงอย่างอบอุ่น งานเลี้ยงแบบที่มีการเปิดฟลอร์เต้นรำจึงดูหรูหราอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทุกคนในงานต่างมีรอยยิ้มพร่างพราย ซุ้มอาหารและเครื่องดื่มถูกจัดไว้อย่างสวยงามและพรั่งพร้อมอย่างที่สุด สองแฝดของทรายทองถูกพาเข้านอนตั้งแต่ยังไม่สองทุ่ม ทั้งสองหลับสนิทรา
“เป็นอะไรไปคะ แค่จะมีน้องต้องงอนพ่อแม่ด้วยเหรอ ไม่ใช่เด็กสามขวบนะคะ” ทรายทองติงสามี ไม่ได้เอ่ยอย่างตำหนิมากมาย แค่อยากให้เขาเข้าใจว่าทุกสิ่งมันเกิดขึ้นได้เสมอ คนเราไม่สามารถบงการทุกอย่างได้หรอกคนถูกติงถอนหายใจอีกครั้ง สองตาทอดมองออกไปยังชายหาด สองแขนโอบเอวภรรยาไว้แน่น“ก็ห่วงนี่นา แม่ไม่ใช่สาวรุ่นแล้วนะ อีกไม่กี่ปีก็ห้าสิบแล้ว มันอันตราย ฉันเคืองพ่อด้วย อะไรจะฟิตขนาดนั้น”“โธ่คุณเอื้อ พวกเขาก็เหมือนคู่แต่งงานใหม่ดีๆ นี่เอง อย่าไปงอนพวกเขามากเลย ชีวิตคนเรามันสั้นนะคะ ให้พวกเขาได้อยู่ดูแลกันไปอย่างมีความสุขเถอะ อีกอย่างน่ะ มีเด็กเยอะๆ ครอบครัวจะได้อบอุ่นไม่ใช่หรือคะ”“มีปัญหาตั้งมากกับการมีลูกในตอนอายุเยอะแล้ว” เขายังท้วงติงไม่เลิก“งั้นคุณก็ช่วยพ่อคุณดูแลแม่สิคะ เราอาจต้องมีหมอประจำบ้านที่เป็นหมอสูติก็คราวนี้แหละ ยิ่งอายุเยอะยิ่งอันตราย แต่ถ้าเรารู้วิธีดูแลแก้ไข มันก็ไม่น่าห่วงไม่ใช่หรือคะ แม่คุณไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ มันเป็นความผิดพลาดเหมือนกัน แต่มันเป็นความผิดที่งดงามเหลือเกินคุณเอื้อ มันเป็นเรื่องดี แทนที่จะงอนพวกเขา ทรายว่ามาเอาใจช่วยพวกเขาดีกว่านะคะ”อังเดรกอดภรรยาแน่นขึ้นไปอีก ทรา
[20]กรงขังผีเสื้อ_________“พี่ทราย...พี่คะ!”ทรายทองสะดุ้งโหยง กะพริบตาปริบๆ รู้สึกถึงมืออุ่นของน้องสาวที่จับมือตนอยู่“เอ่อ...ขอโทษที มันแค่คิดอะไรเพลินๆ น่ะ” ตอบออกไปแล้วเหลือบมองสามีแวบหนึ่ง อังเดรเดินเข้ามาหาเธอ วางมือบนไหล่บางอย่างต้องการให้กำลังใจปรายรุ้งยิ้มให้พี่สาว “บอกหนูหน่อย ทำไมพี่ไปอยู่กับคนอื่น ทำไมไม่อยู่กับหนูคะ แล้วทำไมแม่ต้องบอกว่าพี่ตายแล้ว”“เรื่องมันยาวน่ะปราย แต่ว่า มันไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่สองผัวเมียที่มีลูกไม่ได้ มาเจอพี่ เห็นพี่แล้วคงนึกเอ็นดูเลยขอไปเลี้ยง พ่อแม่เอง ก็คงอยากให้ลูกมีความเป็นอยู่ที่ดีละมั้ง ก็แค่นั่นแหละ”“หรือคะ ดีจัง...แม่เคยเล่าว่าตอนหนูเด็กๆ บ้านเราจนมากๆ เพิ่งพอมีใช้บ้างตอนที่พ่อมีเรือเป็นของตัวเอง แล้วพี่ละคะ พี่เป็นยังไงบ้าง”“ก็สบายดี คนฐานะดีย่อมเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งได้ดีอย่างใจพวกเขา เสียก็แต่พวกท่านอายุสั้นไปหน่อย”ปรายรุ้งพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็ยังมีอีกหลายข้อที่ยังไม่ได้บทสรุป“แล้วทำไมพี่ไม่มาหาเราบ้าง”“เพราะว่า เอ่อ...เรื่องมันยาวไงปราย คร้านจะเล่า เอาไว้ว่างๆ จะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน” ทรายทองปฏิเสธ เงยหน้ามองสามีก็เห็นเขามองลงมาอย่
สองสาวต่างกอดกันแล้วร่ำไห้ ทรายทองรู้สึกเหมือนว่าความลับที่แบกมานานได้ถูกทำลายให้สูญสลายไป ด้วยคำถามเพียงไม่กี่คำของน้องสาว ส่วนปรายรุ้งนั้นสุดแสนจะดีใจ ดีใจยิ่งกว่าถูกบอกรักจากชลกรเสียอีก“พี่ทราย พี่รู้ไหมว่าหนูดีใจแค่ไหน...ฮึกๆ ในที่สุดพี่ก็เป็นพี่สาวหนูจริงๆ ฮึกๆ”“อือ...แกอย่าร้องสิ ร้องทำไม เลยทำให้ฉันร้องด้วย” ว่าพลางปาดน้ำตาป้อยๆ รอยยิ้มแห่งความยินดีปรากฏบนใบหน้าของทั้งสอง สองบุรุษที่ยืนดูอยู่ อดยิ้มออกมาไม่ได้ทั้งอังเดรและชลกรต่างรู้ว่าสองสตรีรักกันมากแค่ไหน มันเป็นเรื่องดีที่ทั้งคู่กลายมาเป็นพี่น้องกันจริงๆ แต่ลึกๆ แล้วอังเดรยังข้องใจ เหตุใดทรายทองถึงไม่บอกเรื่องนี้ให้ปรายรุ้งรู้ตั้งแต่แรกปรายรุ้งผละจากการกอดพี่สาว“พี่ปิดบังหนูทำไม ทำไมไม่บอกล่ะ”“มัน...ไม่มีจังหวะน่ะ” ทรายทองแก้ต่างไปเรื่อย เธอกลัวต่างหาก กลัวความจริง ไม่อยากให้ปรายรุ้งต้องเจ็บปวดไปกับตัวเอง“ทำไมละคะ ทำไมพี่ถึงไม่อยู่กับหนู ไม่อยู่กับพ่อแม่ ทำไม”ปรายรุ้งถามรัวๆ นั่งถามพี่สาวจริงจัง ไม่หวั่นแม้ว่าใต้เข่าของตัวเองจะเป็นเม็ดทราย หยดน้ำตาบนใบหน้ายังมีอยู่ แต่หญิงสาวไม่สนใจจะเช็ดมันแล้วนัยน์ตาของตาทรายทองไ
“ฉันจะใส่”“ไม่เอา อายเขา เอารองเท้าคุณคืนไปนะตาบ้า ฮ่าๆๆ” เธอหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ มองเท้าเขาแล้วขำแรง เหมือนเอารองเท้าเด็กมาสวมให้ช้างอะไรอย่างนั้น“ใส่เถอะน่า ถ้าฉันใส่แล้วเธอหัวเราะ ฉันจะใส่มันให้เธอดูทุกวันเลย”“โอ๊ย...คุณโช...แค่นี้ก็รักจะตายอยู่แล้ว...” บอกเขาแล้วเกาะแขนประจบ เอาแก้มถูๆ ต้นแขนเขาเหมือนอย่างที่เคยเห็นทรายทองทำกับอังเดร“ก็อยากให้รักมากๆ นี่นา เอาละ เราจะไปซื้อรองเท้าหรือว่าจะขึ้นไปหาพี่สาวเธอก่อนดี”“ไปซื้อรองเท้าค่า อย่าไปห่วงพี่ทรายเลย สามีนางมาค่ะ เราเข้าไปก็เป็นส่วนเกิน”“ดีจริง...เราไปหาที่เงียบๆ คุยกันดีกว่า...หึๆ”“อย่านะคุณโช ไม่ต้องเลย” บอกเขาอย่างนั้นแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สุดท้ายก็โดนชลกรลากแขนไปขึ้นรถ และไม่ได้กลับมาที่โรงพยาบาลอีก แม้ว่าจะถึงเวลาที่ทรายทองต้องกลับบ้านก็ตาม___________หลายเดือนต่อมากลิ่นน้ำทะเลเค็มๆ ลอยมาปะทะประสาทรับกลิ่นของทรายทองอย่างจัง ทว่านั่นไม่ทำให้คุณแม่มือใหม่สนใจมันได้เท่ามะม่วงเปรี้ยวในตะกร้าที่แม่ค้าหิ้วมาขาย ลูกชายฝาแฝดของเธอตอนนี้อายุได้สิบเดือนแล้ว และกำลังนั่งเล่นกองทรายอยู่กับบิดาของแกและนิค น้ำทะเลตอนบ่ายคล้อยเริ
“โอเคๆ ตั้งแล้วๆ อ่า...คนนี้ชื่ออะไรดีน้า อืม...อนาวิลดีไหม”“เพราะมากค่ะสามีขา...” คนขี้อ้อนเอ่ยชมสามีทันทีที่ได้ชื่อถูกใจ “แล้วอีกคนละคะ”อังเดรทำหน้าคิดหนักยิ่งกว่าเก่า “อืม...อนาวิลแล้วก็ต้อง...อณิษฐ์...ใช่ อณิษฐ์” เขายิ้มกว้าง ทรายทองกระแซะร่างเข้าหาสามี สอดแขนโอบเอวเขาไว้ ในขณะที่อังเดรก็กอดเธอกลับมา“สามีตั้งชื่อเก่งมากค่ะ ชื่อเล่นเดี๋ยวทรายตั้งเอง” บอกเขาแล้วเงยหน้าจุมพิตปลายคางสากไปหนึ่งที“หายโกรธแล้วใช่ไหมคนดี”ทรายทองส่ายหน้าเบาๆ“ไม่ได้โกรธ แค่น้อยใจ โดนสามีง้อบ่อยๆ เดี๋ยวก็หาย ถ้าจะให้หายไวละก็ควรมีกระเป๋าแบรนด์เนมมาปลอบใจสักโหลสองโหล”“โอเว่อร์ มันเปลือง...อีกอย่างน่ะ เงินฉันฉันให้เธอหมดแล้ว อยากได้อะไรก็ไปซื้อเอาครับ”คราวนี้อังเดรเป็นต่อ เขากลั้นขำ หากจะให้สามีทำเซอร์ไพรส์มอบของขวัญให้ในวันพิเศษต่างๆ ละก็ หล่อนคงหมดหวังละ เพราะทุกบาททุกสตางค์ให้ศรีภรรยาไปหมดสิ้นแล้ว“โอ๊ย...คุณเอื้ออ่า...ไม่รับมุกเลย งั้นเดี๋ยวทรายจะโอนเงินให้เดือนละแสนแล้วกัน”“เอาไว้ให้สามีใช้จ่ายใช่ไหมที่รัก”“เอาไว้ซื้อของขวัญเซอร์ไพรส์เมียย่ะ”“เธอมันร้ายจริงๆ”“ก็มันเป็นนิสัยของทรายไปแล้ว...อื้อ
[19]ผู้ชายที่ไม่เคยถูกรัก________________เช้าวันถัดมาก๊อกๆๆประตูถูกเคาะและถูกเปิดออกในนาทีต่อมา ทรายทองยืนอยู่ที่ปลายเตียง กำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ อังเดรปรากฏกายใต้กรอบประตู เขาเดินเข้ามาช้าๆ มีร่างเอลฟ์ยักษ์ของนิคเดินตามมาติดๆ นิคหยุดยืนอยู่ชิดผนังด้านหนึ่ง ส่วนอังเดรหยุดยืนที่กลางห้อง เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างประหม่า“นึกว่า...จะไม่มานะคะ”“มาสิ ฉันต้องมาแน่ แต่ว่า...ช้าไปหน่อย...ฉันรีบที่สุดแล้ว มันไม่มีเที่ยวบินที่เร็วกว่านี้ ฉัน...”อุแว้....อุแว้...“โอ...คุณพระ! นี่ฉันได้ลูกแฝด!?”อังเดรช็อกเหมือนถูกช็อตด้วยไฟฟ้าแสนโวลต์ เขาจ้องมองกระบะทารกทั้งสองตาค้าง ปรายรุ้งอุ้มทารกคนหนึ่งขึ้นมา เจ้าหนูยังร้องจ้า“พี่ทราย สงสัยน้องจะหิว พี่กลับขึ้นเตียงเถอะจะได้เอาน้องกินนม” คนเป็นน้องบอกทรายทองขยับขึ้นไปนั่งแล้วรีบเอ่ยบางอย่าง“ให้คุณเอื้ออุ้มลูกมาซิปราย”อังเดรยืนตัวแข็ง หัวใจเขาเต้นแรง นั่นมันมนุษย์ตัวเล็กที่แผดเสียงร้องจ้า ที่สำคัญคือมีมนุษย์ตัวเล็กตั้งสองคนแน่ะ ให้ตายเถอะ! ประสาทจะกิน ทรายทองไม่ยอมบอกเขาเลยกับการมีครรภ์แฝด หล่อนมันตัวแสบ อยากให้เขาช็อกตายหรืออย่างไร“เอาสิคุ
“อย่ามาพูด เลิกจ้ำจี้ฉันเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกทีย่ะ” ปรามเขาอย่างเคืองๆ ก็ปากบอกอยากจะมีลูก แต่ใช้งานเธออย่างกับนางเอกหนังเอวีละก็ เชิญไปมีกับคนอื่นเถอะ ถ้ามีลูกขึ้นมาเธอคงเหมือนซอมบี้ ไม่ต้องมีเวลาหลับเวลานอนกันละ“ปรายใจร้าย...” เขาสวนทันควัน มือข้างหนึ่งเลื่อนไปโอบเอวบางแล้วดึงเข้าหาตัว ทว่ายังจ้องผิวเนื้อของทารกแฝดไม่วางตา“มีลูกนี่งานใหญ่นะคุณโช เรายังไม่เต็มอิ่มกับชีวิตหนุ่มสาวเลย ฉันยังอยากอยู่กับคุณไปก่อน เราอย่าเพิ่งมีลูกกันเลย รออีกสักนิดดีกว่า นะๆ” ปรายรุ้งอ้อนสามี ทั้งอธิบายความเป็นจริงให้เขารู้ชลกรขยับไปยืนซ้อนหลังปรายรุ้ง กอดเอวหล่อนไว้หลวมๆ แล้วเกยคางบนไหล่บาง แอบสูดกลิ่นหอมของคนรักที่ซอกคอขาวแต่สองตายังจ้องสองแฝด“แล้วแต่เธอเถอะ แต่อย่านานนะที่รัก ม๊าอยากอุ้มหลานจะแย่แล้ว”“ฉันรู้ค่ะ รออีกสักปีนะคะ ระหว่างนี้เราก็มาช่วยพี่ทรายเลี้ยงหลาน ฝึกงานไปด้วยดีไหมคะ”“เป็นความคิดที่เยี่ยมมาก ซ้อมบทพ่อแม่ไปพลางๆ เวลาเรามีลูกเราจะได้ไม่หัวหมุนเนาะ”หนุ่มสาวคุยกันกะหนุงกะหนิงจนทรายทองลอบยิ้ม พวกเขาดูรักกันดี ออดอ้อนกัน รับฟังความคิดเห็นของกันและกัน ไม่เหมือนคู่เธอเลยที่ฝ่ายชายเอาแ