[4]ลิ้นกับฟัน__________________________________________________________________________________________________อังเดรเดินออกจากห้องน้ำทั้งที่ยังไม่ได้อาบ เขาเดินลงบันไดมา คาดว่าจะได้เห็นท่าทีซึมๆ ของทรายทอง แต่เปล่าเลย หล่อนนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา มือหนึ่งถือแก้วน้ำส้ม ส่วนมืออีกข้างถือสมาร์ตโฟนแนบหูอยู่ เขายืนมองจากขั้นบันได เริ่มกอดอกเมื่อได้ยินเสียงหวานๆ ของหล่อน“ทรายไม่ว่างเลยค่ะมี่ถง...อยากไปหาคุณจะแย่ พอดีว่าพ่อทรายมาเยี่ยม จะปล่อยทิ้งไว้คนเดียวก็กระไรอยู่ พ่อยังไม่ค่อยชินถนนหนทางในเมืองเท่าไหร่ค่ะ คุณอย่าโกรธทรายนะคะ”เสียงอ่อนเสียงหวานนั้นไม่ได้เข้ากับท่าทีเนือยๆ ราวเบื่อโลกของเจ้าของเลย ทรายทองมีความสามารถอย่างล้นเหลือในการหลอกคู่สนทนาว่าตอนที่พูดนั้นเธอกำลังพูดแล้วยิ้มไปด้วย“คิดถึงคุณเหมือนกันค่า...” ตอบกลับคนปลายสายแล้วถอนหายใจเบา ๆ การรักษาฐานลูกค้าดีๆ เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับอาชีพอย่างเธอ พ่อหนุ่มในสายก็เป็นคนหนึ่งในนั้น เขาโทรมารบเร้าขอเช่าชั่วโมงนางเช่าอย่างเธอไปดูหนังฟังเพลงค่ำนี้ แต่เธอต้องปฏิเสธเพราะรับปากอังเดร อภิมหาลูกค้าชั้นยอดไว้แล้วเรียบร้อย“อาทิตย์หน้าเจอก
ปรายรุ้งตะเบ็งเสียงร้องประหนึ่งว่าเพิ่งได้รับคำสั่งให้คว้านท้องฆ่าตัวตาย “พี่อย่ามาบังคับหนูนะ หนูเพิ่งเรียนจบ และหนูจะไม่ยอมให้พี่จับแต่งงานเด็ดขาด”“นี่แสดงว่าแกไปกับผู้ชายมาจริงๆ ใช่ไหม!”“หนูไม่บอกพี่หรอก พี่อยากแต่งก็แต่งเองสิ!” ปรายรุ้งเถียงคอเป็นเอ็นการมีปากเสียงของสองพี่น้องต่างสายเลือดกำลังเข้มข้นตอนที่อังเดรเดินลงบันไดมาเจอ เขาวางกระเป๋าเดินทางสองใบที่ถือมาไว้ข้างบันได“ฉันแต่งแน่ถ้าเจอผู้ชายดีๆ สักคน แต่แกก็เห็นว่าตอนนี้มันหายากมาก แต่ไม่ต้องห่วงนะ ถ้าฉันเจอเขาละก็ ฉันไม่ปล่อยให้หลุดมือแน่!”“เธอคิดจริงๆ หรือว่าจะได้แต่งงานน่ะ”เสียงห้วนๆ ของอังเดรถามทรายทองราวประชด“แน่นอนฉันจะแต่ง” หันไปตอบอย่างมุ่งมั่น“ฉันจะพังงานแต่งงานเธอ จะเอาคลิปที่เราสนุกกันตอนอยู่บนเตียงไปฉายแทนวิดีโอพริเวดดิ้งของบ่าวสาว เจ้าบ่าวคงจะปลื้มตาค้างเลย หึๆๆ”ทรายทองอ้าปากค้างเมื่อได้ฟัง ในขณะที่ปรายรุ้งตาโตยิ่งกว่าไข่ห่าน“นี่พวกพี่เป็นพวกบ้า
ติ๊ง!!เสียงข้อความเข้า เรียกความสนใจของทรายทอง หญิงสาวยกสมาร์ตโฟนขึ้นดู สลับกับใบหน้าเขา และสมาร์ตที่เขาถืออยู่ ดูเหมือนว่าเขากำลังโอนเงินให้กัน“สำหรับเมื่อเช้า และเพิ่มให้อีกหน่อยเป็นค่าอารมณ์ของเธอ ฉันซื้ออารมณ์บูดๆ นั่น ทิ้งมันซะ อย่าพามันไปหาลูกค้าของฉันเลย” เขาเอ่ยอย่างจริงจังในอย่างหลัง เพราะไม่ต้องการให้คู่ค้าที่กำลังจะไปพบ ต้องเผชิญกับอารมณ์บูดๆ ของคู่ควงเขา การสละทรัพย์อันน้อยนิดเพื่อแลกกับทรัพย์ก้อนใหญ่จึงเป็นสิ่งที่เขาควรทำอย่างยิ่ง“คิดว่าเงินนี่จะฟาดหัวฉันได้หรือยะ”“อย่าคิดแบบนั้นสิ มีเลขศูนย์ตั้งห้าหกตัวนะ”“เชอะ! ฉันไม่เอาหรอก” เบะปากใส่เขาอย่างอวดดี“แน่ใจเหรอ เอาไปต่อทุนได้นะ”“ไม่!” ยืนยันเสียงกร้าวแกร่ง แต่แอบเหล่มองตัวเลขในข้อความแวบหนึ่ง“โอเค...ไม่ก็ไม่ งั้นโอนคืนมา”“เอาก็ได้!” ทรายทองรีบเอ่ย อารมณ์ดีขึ้นมาห้าสิบเปอร์เซ็นต์ เพราะนอกจากค่าเสื้อผ้าที่ยังเหลือแล้ว เธอยังมีทุนสำหรับการไปคลายเครียดที่บ่อนก
“โอ๊ย! ไม่นะ เอาคืนมา” เธอไขว่คว้าเอาขวดเล็กๆ ที่บรรจุน้ำสีอำพันเอาไว้ วิสกี้ขวดพกพาเธอแอบซื้อมาเมื่อเช้าตอนที่เขาพาไปซื้อเสื้อผ้า“ฉันไม่ชอบให้เธอมีลมหายใจกลิ่นวิสกี้ มันน่าเบื่อ” ว่าแล้วก็โยนขวดเล็กๆ ลงข้างทาง ไม่สนว่ามันจะตกแตกแล้วทำให้รถคันอื่นต้องมีปัญหากับล้อยาง“คุณเองก็ดื่ม”“แต่ไม่ได้ดื่มพร่ำเพรื่ออย่างเธอ ฉันดื่มเพราะต้องเข้าสังคม”“ฉันดื่มเอาเมา! ได้ยินหรือยังฮะ รถจอดเมื่อไหร่ไปหาเจ้าขวดเล็กๆ นั่นมาคืนด้วย”“ฉันไม่รับคำสั่งใคร”เขาบอกอย่างถือดี ขยับนั่งตัวตรงแล้วมองไปนอกหน้าต่าง“โธ่เว้ย! นี่ฉันอยู่กับมนุษย์ถ้ำหรือยังไง เบื่อ! ได้ยินไหมว่าเบื่อๆๆ อื้อออ!!!”การหลับตาท่องคำว่าเบื่ออย่างเอาเป็นเอาตายทำให้ทรายทองได้รับจุมพิตร้อนๆ ของอังเดรเป็นสิ่งตอบแทน เขาหันหน้ากลับมาหาและโจนจ้วงลิ้นร้อนๆ เข้าใส่ริมฝีปากช่างจ้อนั่น แล้วไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น ทรายทองก็แทบอ่อนเรี่ยวแรง“มันดีกว่าสั่งให้เธอหุบปากเยอะเลย หึๆๆ”เข
“วันสองวันนี้ฉันคงไม่ได้เข้าไป DC ฉันกำลังหางานกลางวันทำอยู่ ความจริงก็กะว่าจะทำที่ DC ไปด้วย มันอยู่ในช่วงที่อะไรๆ ยังไม่เรียบร้อยเท่าไหร่ ฉันเองก็กลัวโดนด่าเหมือนกันที่ลาบ่อยๆ แต่ฉันไม่มีทางเลือก”“แต่เธอเลือกเชิญฉันเข้าบ้านได้นะ เธอเห็นถุงที่ฉันหิ้วมาไหม ของกินทั้งนั้น” เขาชูถุงกับข้าวกับปลาให้ปรายรุ้งดู หญิงสาวทำหน้าเหมือนคิดหนัก“ฉันเอากับข้าวมาฝาก ไม่ได้มาปล้ำ ทำหน้าดีๆ หน่อยแม่คุณ”“เอามาฝากหรือโดนบังคับมาล่ะ หน้าบูดเป็นตูดลิงเลย”“ตูดลิงที่ไหนจะหล่อขนาดนี้วะ”“เอ๊ะ! อย่ามาวะกับฉันนะ”เมื่อถูกเสียงแวดๆ ปรามเข้าให้ ชลกรก็หน้าจ๋อย“ผู้ชายเมื่อกี้ใครน่ะ”“ลูกค้าพี่ทราย เขาเอาเค้กมาฝาก”คราวนี้มีรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปากของชลกร“เชิญฉันเข้าบ้านทีเถอะ ยืนขาแข็งแล้ว” เขาสั่งแต่ปรายรุ้งส่ายหน้า “ทำไมล่ะ”“ฉันอยู่บ้านคนเดียว และนี่มันก็ใกล้มืดแล้ว”“เธอกลัวฉันหรือไง เมื
“ยัยติงต๊องเอ๊ย”เขาว่าหล่อนเลยถูกแย่งขาหมูกรอบๆ ไปจากจานทั้งที่ตักมันมาแล้ว“ค่าที่คุณว่าฉัน คุณต้องสละขาหมูชิ้นนี้ให้ฉัน เพราะว่าฉันเป็นสตรีร่างบอบบางที่สมควรอย่างยิ่งในการขุนให้อ้วนพี”“เชิญ...” เขาเอ่ยอย่างระอา เอื้อมมือไปตักเอาขาหมูอีกชิ้น ทว่าส่วนที่กรอบและอร่อยได้ถูกตักไปจนสิ้นแล้วด้วยช้อนของปรายรุ้งหนุ่มสาวรับประทานมื้อค่ำในตอนหกโมงเย็น กว่าจะเสร็จสิ้นก็ปาเข้าไปทุ่มเศษๆ“แน่ใจนะว่าคุณจะไม่เอาขนมเค้ก”“กระเพาะฉันไม่ใช่กระเพาะหมูนะ มื้อนี้ฉันกินเยอะแล้วจริงๆ”ปรายรุ้งเบะปากใส่ ก้มลงมองท้องของตัวเองแล้วส่ายหน้า มันยื่นออกมาน้อยๆ ราวกับสตรีมีครรภ์ไม่มีผิด“ฉันดูเหมือนคนท้องอ่อนๆ”“ไม่...ฉันว่าน่าจะสักห้าเดือน ฮ่าๆๆ”“คุณโชกุน!” ปรายรุ้งร้องโอดโอย วางจานขนมเค้กลงอย่างเคืองๆ เธอเก็บจานชามเข้าไปล้างโดยที่ชลกรทำเพียงแค่ส่งกำลังใจและรอยยิ้มหวานๆ มาให้ อย่าได้ฝันว่าเขาจะมาช่วยเธอล้างจาน นั่นมันละครย่ะ ไม่ใช่ความจริง
[5]เมียเช่าฝรั่ง_____________________________________________________________________________________________โรงแรมหรูแห่งหนึ่งของพัทยาเหนือ คือสถานที่ที่อังเดรพาทรายทองเข้าพัก หญิงสาวไม่ค่อยสดใสนัก เธอง่วงนอนและอยากหลับที่ล็อบบี้ให้รู้แล้วรู้รอด นิคเข้าพักยังห้องที่ราคาสมกับฐานะของเขา ซึ่งอยู่ภายในโรงแรมเดียวกัน อังเดรอยากมั่นใจว่านิคจะพารถมาเกยตรงหน้าเขาได้ภายในห้านาทีเมื่อถูกเรียกตัว“ไปสืบให้รู้ว่าตอนนี้มิสเตอร์รูจทำอะไรอยู่”อังเดรสั่งความนิคเมื่อขึ้นมาถึงห้องพักแล้ว มือข้างขวาไม่ยอมปล่อยจากรอบเอวทรายทอง นิคปลีกตัวไปทำตามคำสั่งเจ้านาย ทรายทองมองตามอย่างใคร่รู้“ตกลงนิคเป็นคนขับรถหรือว่านักสืบกันแน่คะ”“เป็นทั้งสองอย่างนั่นแหละ นิคไม่ใช่คนขับรถธรรมดา”อังเดรอธิบาย เดินเข้าไปในห้องที่พนักงานเปิดประตูรอท่า ก่อนจะส่งธนบัตรใบสีม่วงให้คนยกกระเป๋า พนักงานหนุ่มไหว้รับทิปก่อนจะปิดประตูให้แล้วก้าวจากไปทรายทอง
“อาฮะ แต่อย่าโป๊มาก ไม่ชอบ”“โอ...ใจดีที่สุดเลย รับรองไม่โป๊ จะปิดตั้งแต่คางยันตาตุ่มเลยค่า” คนสวยโผเข้ากอดอังเดร ทั้งยังจุมพิตปลายคางสากอย่างมันเขี้ยว เขาหล่อเหลานั่นเรื่องจริง แต่คงดีกว่านี้หากเขายอมยิ้มเสียบ้าง“ฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปรอที่สระ” เขาบอก ความจริงคืออยากพาตัวเองออกจากความน่ารักของทรายทอง รอยยิ้มของหล่อนกำลังทำให้ใจเขาเต้นแรง เขาไม่ชอบความรู้สึกนี้ เพราะมันไม่สามารถควบคุมได้ด้วยสมองอังเดรเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยสวมกางเกงว่ายน้ำแล้วนุ่งเสื้อคลุมลงไปรอที่สระ เวลานี้แดดร่มลมตกไม่ร้อนสักเท่าไหร่ อากาศกำลังดีทีเดียว และเขาหวังอย่างยิ่งว่าจะได้เจอมิสเตอร์รูจที่นั่นทรายทองแต่งตัวเสร็จหลังอังเดร เธออยู่ในชุดว่ายน้ำสีเหลืองอ๋อย ท่อนบนนั้นเหมือนเอาผ้าแถบมาปิดปลายถันเอาไว้ มีสายเสื้อเส้นเล็กๆ เกี่ยวไขว่กันที่ด้านหลัง ส่วนตัวกางเกงนั้นออกแบบมาให้เปิดเปลือยเนื้อหนังบั้นท้ายอย่างเต็มที่ น่าจะเรียกมันว่าจีสตริงเสียมากกว่า โดยรวมแล้วทรายทองดูยิ่งกว่าคำว่าเซ็กซี่เสียอีกหญิงสาวแต่งตัวเสร็จก็สวมเสื้อคลุมบางๆ ทับอีก
บทส่งท้าย___________ทรายทองนั่งป้อนข้าวสองแฝด ในตอนที่อังเดรเดินลงบันไดมา นิคยืนอยู่ไม่ไกล รอรับคำสั่งเจ้านายอย่างเอลฟ์ตัวยักษ์ผู้ภักดีอยู่เช่นเดิม ผิดก็แต่ช่วงนี้ เอลฟ์ตัวยักษ์มักเปลี่ยนฝ่ายย้ายข้างมาภักดีต่อคุณหนูตัวแสบแสนซนอยู่บ่อยๆ แน่ละ สองแฝดน่ารักและน่าเอ็นดูเหลือเกิน“โอย...สายๆๆ สายแล้วที่รัก” เขาบ่นขณะเดินรีบๆ มาหาภรรยากับลูก ก้มลงหอมแก้มสองแฝดแรงๆ ลูกน้อยที่หน้าเหมือนเขาอย่างกับแกะ ก่อนจะหันมาจุมพิตภรรยาที่ข้างขมับ“รีบก็ไปสิคะ เดี๋ยวรถติดนะคุณเอื้อ”อังเดรพยักหน้า ก็อยากจะไปละนะแต่ว่า...“อะไรคะ” ถามสามีเพราะเขาก้มลงมาใกล้เธอแล้วแบมือขออะไรสักอย่าง“ก็ตังค์ไปทำงานไง”ทรายทองทำหน้ายุ่ง “ให้แล้ว วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงเหมือนทุกวันไงคะ” บอกเหมือนรำคาญ ก็แหม...สามีที่รักทำเหมือนจำวันสำคัญวันนี้ไม่ได้นี่นา“แต่มันไม่พอนี่ที่รัก” ก้มลงมากระซิบอีก อายเจ้านิคเกินจะกล่าวยามต้องแบมือขอเงินภรรยา“โอ๊ยคุณเอื้อ จะเอาอะไรนักหนาคะ อาหารการกินทรายก็สั่งเลขาจัดให้แล้ว แทบไม่ต้องซื้ออะไรเลยนะ แถมที่ให้ไปก็ตั้งเยอะ” บ่นอย่างงอนๆ“สองร้อยเนี่ยนะที่รัก!” อังเดรร้องออกมาอย่างสุดจะทน ได้ยินเสีย
คนถูกทักสะดุ้งโหยงรีบซ่อนถุงยางอนามัยกับเข็มไว้ข้างหลัง สองตามองไปที่หน้าประตูห้องน้ำ ปรายรุ้งโผล่แค่ส่วนหน้ากับไหล่ขาวๆ ออกมานิดหน่อยแต่ช่างยั่วคนมองสิ้นดี“อ่า...ก็...หะ...หา หากรรไกรตัดเล็บไง”“หรือคะ...ฉันถูหลังไม่ถึง มาถูให้หน่อยสิ” คนสวยมียั่ว คนถูกยั่วหูผึ่ง “อ๊ะๆ หยิบถุงยางมาด้วยสิคะที่รัก”“จ้า...ไม่ลืมจ้าไม่ลืม หึๆๆ” บอกว่าไม่ลืมแต่น้ำเสียงเจ้าเล่ห์เหลือร้าย ทว่าปรายรุ้งไม่ทันได้สังเกต เพราะเพียงแค่ชลกรถอดเสื้อผ้าแล้วเดินเข้ามาในห้องน้ำในสภาพเปลือยเปล่า หญิงสาวก็ลืมไปแล้วว่าการถูหลังมันคืออะไร_____________สองเดือนต่อมางานเลี้ยงครบรอบการแต่งงานของทรายทอง ถูกจัดขึ้นที่คฤหาสน์อัชวินอย่างเป็นกันเองที่สุด ทว่าแขกที่มาร่วมงานก็ยังต้องแต่งตัวสวยแบบว่าผูกเนกไทใส่สูท ทั้งสหายและญาติๆ ของครอบครัวอัชวินและครอบครัววัฒนากูร ต่างถูกเชิญมางานเลี้ยงอย่างอบอุ่น งานเลี้ยงแบบที่มีการเปิดฟลอร์เต้นรำจึงดูหรูหราอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทุกคนในงานต่างมีรอยยิ้มพร่างพราย ซุ้มอาหารและเครื่องดื่มถูกจัดไว้อย่างสวยงามและพรั่งพร้อมอย่างที่สุด สองแฝดของทรายทองถูกพาเข้านอนตั้งแต่ยังไม่สองทุ่ม ทั้งสองหลับสนิทรา
“เป็นอะไรไปคะ แค่จะมีน้องต้องงอนพ่อแม่ด้วยเหรอ ไม่ใช่เด็กสามขวบนะคะ” ทรายทองติงสามี ไม่ได้เอ่ยอย่างตำหนิมากมาย แค่อยากให้เขาเข้าใจว่าทุกสิ่งมันเกิดขึ้นได้เสมอ คนเราไม่สามารถบงการทุกอย่างได้หรอกคนถูกติงถอนหายใจอีกครั้ง สองตาทอดมองออกไปยังชายหาด สองแขนโอบเอวภรรยาไว้แน่น“ก็ห่วงนี่นา แม่ไม่ใช่สาวรุ่นแล้วนะ อีกไม่กี่ปีก็ห้าสิบแล้ว มันอันตราย ฉันเคืองพ่อด้วย อะไรจะฟิตขนาดนั้น”“โธ่คุณเอื้อ พวกเขาก็เหมือนคู่แต่งงานใหม่ดีๆ นี่เอง อย่าไปงอนพวกเขามากเลย ชีวิตคนเรามันสั้นนะคะ ให้พวกเขาได้อยู่ดูแลกันไปอย่างมีความสุขเถอะ อีกอย่างน่ะ มีเด็กเยอะๆ ครอบครัวจะได้อบอุ่นไม่ใช่หรือคะ”“มีปัญหาตั้งมากกับการมีลูกในตอนอายุเยอะแล้ว” เขายังท้วงติงไม่เลิก“งั้นคุณก็ช่วยพ่อคุณดูแลแม่สิคะ เราอาจต้องมีหมอประจำบ้านที่เป็นหมอสูติก็คราวนี้แหละ ยิ่งอายุเยอะยิ่งอันตราย แต่ถ้าเรารู้วิธีดูแลแก้ไข มันก็ไม่น่าห่วงไม่ใช่หรือคะ แม่คุณไม่ได้ตั้งใจหรอกค่ะ มันเป็นความผิดพลาดเหมือนกัน แต่มันเป็นความผิดที่งดงามเหลือเกินคุณเอื้อ มันเป็นเรื่องดี แทนที่จะงอนพวกเขา ทรายว่ามาเอาใจช่วยพวกเขาดีกว่านะคะ”อังเดรกอดภรรยาแน่นขึ้นไปอีก ทรา
[20]กรงขังผีเสื้อ_________“พี่ทราย...พี่คะ!”ทรายทองสะดุ้งโหยง กะพริบตาปริบๆ รู้สึกถึงมืออุ่นของน้องสาวที่จับมือตนอยู่“เอ่อ...ขอโทษที มันแค่คิดอะไรเพลินๆ น่ะ” ตอบออกไปแล้วเหลือบมองสามีแวบหนึ่ง อังเดรเดินเข้ามาหาเธอ วางมือบนไหล่บางอย่างต้องการให้กำลังใจปรายรุ้งยิ้มให้พี่สาว “บอกหนูหน่อย ทำไมพี่ไปอยู่กับคนอื่น ทำไมไม่อยู่กับหนูคะ แล้วทำไมแม่ต้องบอกว่าพี่ตายแล้ว”“เรื่องมันยาวน่ะปราย แต่ว่า มันไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่สองผัวเมียที่มีลูกไม่ได้ มาเจอพี่ เห็นพี่แล้วคงนึกเอ็นดูเลยขอไปเลี้ยง พ่อแม่เอง ก็คงอยากให้ลูกมีความเป็นอยู่ที่ดีละมั้ง ก็แค่นั่นแหละ”“หรือคะ ดีจัง...แม่เคยเล่าว่าตอนหนูเด็กๆ บ้านเราจนมากๆ เพิ่งพอมีใช้บ้างตอนที่พ่อมีเรือเป็นของตัวเอง แล้วพี่ละคะ พี่เป็นยังไงบ้าง”“ก็สบายดี คนฐานะดีย่อมเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งได้ดีอย่างใจพวกเขา เสียก็แต่พวกท่านอายุสั้นไปหน่อย”ปรายรุ้งพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็ยังมีอีกหลายข้อที่ยังไม่ได้บทสรุป“แล้วทำไมพี่ไม่มาหาเราบ้าง”“เพราะว่า เอ่อ...เรื่องมันยาวไงปราย คร้านจะเล่า เอาไว้ว่างๆ จะเล่าให้ฟังก็แล้วกัน” ทรายทองปฏิเสธ เงยหน้ามองสามีก็เห็นเขามองลงมาอย่
สองสาวต่างกอดกันแล้วร่ำไห้ ทรายทองรู้สึกเหมือนว่าความลับที่แบกมานานได้ถูกทำลายให้สูญสลายไป ด้วยคำถามเพียงไม่กี่คำของน้องสาว ส่วนปรายรุ้งนั้นสุดแสนจะดีใจ ดีใจยิ่งกว่าถูกบอกรักจากชลกรเสียอีก“พี่ทราย พี่รู้ไหมว่าหนูดีใจแค่ไหน...ฮึกๆ ในที่สุดพี่ก็เป็นพี่สาวหนูจริงๆ ฮึกๆ”“อือ...แกอย่าร้องสิ ร้องทำไม เลยทำให้ฉันร้องด้วย” ว่าพลางปาดน้ำตาป้อยๆ รอยยิ้มแห่งความยินดีปรากฏบนใบหน้าของทั้งสอง สองบุรุษที่ยืนดูอยู่ อดยิ้มออกมาไม่ได้ทั้งอังเดรและชลกรต่างรู้ว่าสองสตรีรักกันมากแค่ไหน มันเป็นเรื่องดีที่ทั้งคู่กลายมาเป็นพี่น้องกันจริงๆ แต่ลึกๆ แล้วอังเดรยังข้องใจ เหตุใดทรายทองถึงไม่บอกเรื่องนี้ให้ปรายรุ้งรู้ตั้งแต่แรกปรายรุ้งผละจากการกอดพี่สาว“พี่ปิดบังหนูทำไม ทำไมไม่บอกล่ะ”“มัน...ไม่มีจังหวะน่ะ” ทรายทองแก้ต่างไปเรื่อย เธอกลัวต่างหาก กลัวความจริง ไม่อยากให้ปรายรุ้งต้องเจ็บปวดไปกับตัวเอง“ทำไมละคะ ทำไมพี่ถึงไม่อยู่กับหนู ไม่อยู่กับพ่อแม่ ทำไม”ปรายรุ้งถามรัวๆ นั่งถามพี่สาวจริงจัง ไม่หวั่นแม้ว่าใต้เข่าของตัวเองจะเป็นเม็ดทราย หยดน้ำตาบนใบหน้ายังมีอยู่ แต่หญิงสาวไม่สนใจจะเช็ดมันแล้วนัยน์ตาของตาทรายทองไ
“ฉันจะใส่”“ไม่เอา อายเขา เอารองเท้าคุณคืนไปนะตาบ้า ฮ่าๆๆ” เธอหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ มองเท้าเขาแล้วขำแรง เหมือนเอารองเท้าเด็กมาสวมให้ช้างอะไรอย่างนั้น“ใส่เถอะน่า ถ้าฉันใส่แล้วเธอหัวเราะ ฉันจะใส่มันให้เธอดูทุกวันเลย”“โอ๊ย...คุณโช...แค่นี้ก็รักจะตายอยู่แล้ว...” บอกเขาแล้วเกาะแขนประจบ เอาแก้มถูๆ ต้นแขนเขาเหมือนอย่างที่เคยเห็นทรายทองทำกับอังเดร“ก็อยากให้รักมากๆ นี่นา เอาละ เราจะไปซื้อรองเท้าหรือว่าจะขึ้นไปหาพี่สาวเธอก่อนดี”“ไปซื้อรองเท้าค่า อย่าไปห่วงพี่ทรายเลย สามีนางมาค่ะ เราเข้าไปก็เป็นส่วนเกิน”“ดีจริง...เราไปหาที่เงียบๆ คุยกันดีกว่า...หึๆ”“อย่านะคุณโช ไม่ต้องเลย” บอกเขาอย่างนั้นแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สุดท้ายก็โดนชลกรลากแขนไปขึ้นรถ และไม่ได้กลับมาที่โรงพยาบาลอีก แม้ว่าจะถึงเวลาที่ทรายทองต้องกลับบ้านก็ตาม___________หลายเดือนต่อมากลิ่นน้ำทะเลเค็มๆ ลอยมาปะทะประสาทรับกลิ่นของทรายทองอย่างจัง ทว่านั่นไม่ทำให้คุณแม่มือใหม่สนใจมันได้เท่ามะม่วงเปรี้ยวในตะกร้าที่แม่ค้าหิ้วมาขาย ลูกชายฝาแฝดของเธอตอนนี้อายุได้สิบเดือนแล้ว และกำลังนั่งเล่นกองทรายอยู่กับบิดาของแกและนิค น้ำทะเลตอนบ่ายคล้อยเริ
“โอเคๆ ตั้งแล้วๆ อ่า...คนนี้ชื่ออะไรดีน้า อืม...อนาวิลดีไหม”“เพราะมากค่ะสามีขา...” คนขี้อ้อนเอ่ยชมสามีทันทีที่ได้ชื่อถูกใจ “แล้วอีกคนละคะ”อังเดรทำหน้าคิดหนักยิ่งกว่าเก่า “อืม...อนาวิลแล้วก็ต้อง...อณิษฐ์...ใช่ อณิษฐ์” เขายิ้มกว้าง ทรายทองกระแซะร่างเข้าหาสามี สอดแขนโอบเอวเขาไว้ ในขณะที่อังเดรก็กอดเธอกลับมา“สามีตั้งชื่อเก่งมากค่ะ ชื่อเล่นเดี๋ยวทรายตั้งเอง” บอกเขาแล้วเงยหน้าจุมพิตปลายคางสากไปหนึ่งที“หายโกรธแล้วใช่ไหมคนดี”ทรายทองส่ายหน้าเบาๆ“ไม่ได้โกรธ แค่น้อยใจ โดนสามีง้อบ่อยๆ เดี๋ยวก็หาย ถ้าจะให้หายไวละก็ควรมีกระเป๋าแบรนด์เนมมาปลอบใจสักโหลสองโหล”“โอเว่อร์ มันเปลือง...อีกอย่างน่ะ เงินฉันฉันให้เธอหมดแล้ว อยากได้อะไรก็ไปซื้อเอาครับ”คราวนี้อังเดรเป็นต่อ เขากลั้นขำ หากจะให้สามีทำเซอร์ไพรส์มอบของขวัญให้ในวันพิเศษต่างๆ ละก็ หล่อนคงหมดหวังละ เพราะทุกบาททุกสตางค์ให้ศรีภรรยาไปหมดสิ้นแล้ว“โอ๊ย...คุณเอื้ออ่า...ไม่รับมุกเลย งั้นเดี๋ยวทรายจะโอนเงินให้เดือนละแสนแล้วกัน”“เอาไว้ให้สามีใช้จ่ายใช่ไหมที่รัก”“เอาไว้ซื้อของขวัญเซอร์ไพรส์เมียย่ะ”“เธอมันร้ายจริงๆ”“ก็มันเป็นนิสัยของทรายไปแล้ว...อื้อ
[19]ผู้ชายที่ไม่เคยถูกรัก________________เช้าวันถัดมาก๊อกๆๆประตูถูกเคาะและถูกเปิดออกในนาทีต่อมา ทรายทองยืนอยู่ที่ปลายเตียง กำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ อังเดรปรากฏกายใต้กรอบประตู เขาเดินเข้ามาช้าๆ มีร่างเอลฟ์ยักษ์ของนิคเดินตามมาติดๆ นิคหยุดยืนอยู่ชิดผนังด้านหนึ่ง ส่วนอังเดรหยุดยืนที่กลางห้อง เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างประหม่า“นึกว่า...จะไม่มานะคะ”“มาสิ ฉันต้องมาแน่ แต่ว่า...ช้าไปหน่อย...ฉันรีบที่สุดแล้ว มันไม่มีเที่ยวบินที่เร็วกว่านี้ ฉัน...”อุแว้....อุแว้...“โอ...คุณพระ! นี่ฉันได้ลูกแฝด!?”อังเดรช็อกเหมือนถูกช็อตด้วยไฟฟ้าแสนโวลต์ เขาจ้องมองกระบะทารกทั้งสองตาค้าง ปรายรุ้งอุ้มทารกคนหนึ่งขึ้นมา เจ้าหนูยังร้องจ้า“พี่ทราย สงสัยน้องจะหิว พี่กลับขึ้นเตียงเถอะจะได้เอาน้องกินนม” คนเป็นน้องบอกทรายทองขยับขึ้นไปนั่งแล้วรีบเอ่ยบางอย่าง“ให้คุณเอื้ออุ้มลูกมาซิปราย”อังเดรยืนตัวแข็ง หัวใจเขาเต้นแรง นั่นมันมนุษย์ตัวเล็กที่แผดเสียงร้องจ้า ที่สำคัญคือมีมนุษย์ตัวเล็กตั้งสองคนแน่ะ ให้ตายเถอะ! ประสาทจะกิน ทรายทองไม่ยอมบอกเขาเลยกับการมีครรภ์แฝด หล่อนมันตัวแสบ อยากให้เขาช็อกตายหรืออย่างไร“เอาสิคุ
“อย่ามาพูด เลิกจ้ำจี้ฉันเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกทีย่ะ” ปรามเขาอย่างเคืองๆ ก็ปากบอกอยากจะมีลูก แต่ใช้งานเธออย่างกับนางเอกหนังเอวีละก็ เชิญไปมีกับคนอื่นเถอะ ถ้ามีลูกขึ้นมาเธอคงเหมือนซอมบี้ ไม่ต้องมีเวลาหลับเวลานอนกันละ“ปรายใจร้าย...” เขาสวนทันควัน มือข้างหนึ่งเลื่อนไปโอบเอวบางแล้วดึงเข้าหาตัว ทว่ายังจ้องผิวเนื้อของทารกแฝดไม่วางตา“มีลูกนี่งานใหญ่นะคุณโช เรายังไม่เต็มอิ่มกับชีวิตหนุ่มสาวเลย ฉันยังอยากอยู่กับคุณไปก่อน เราอย่าเพิ่งมีลูกกันเลย รออีกสักนิดดีกว่า นะๆ” ปรายรุ้งอ้อนสามี ทั้งอธิบายความเป็นจริงให้เขารู้ชลกรขยับไปยืนซ้อนหลังปรายรุ้ง กอดเอวหล่อนไว้หลวมๆ แล้วเกยคางบนไหล่บาง แอบสูดกลิ่นหอมของคนรักที่ซอกคอขาวแต่สองตายังจ้องสองแฝด“แล้วแต่เธอเถอะ แต่อย่านานนะที่รัก ม๊าอยากอุ้มหลานจะแย่แล้ว”“ฉันรู้ค่ะ รออีกสักปีนะคะ ระหว่างนี้เราก็มาช่วยพี่ทรายเลี้ยงหลาน ฝึกงานไปด้วยดีไหมคะ”“เป็นความคิดที่เยี่ยมมาก ซ้อมบทพ่อแม่ไปพลางๆ เวลาเรามีลูกเราจะได้ไม่หัวหมุนเนาะ”หนุ่มสาวคุยกันกะหนุงกะหนิงจนทรายทองลอบยิ้ม พวกเขาดูรักกันดี ออดอ้อนกัน รับฟังความคิดเห็นของกันและกัน ไม่เหมือนคู่เธอเลยที่ฝ่ายชายเอาแ