หลิวชิงชิงใช้ชีวิตอยู่ในเรือนเล็กท้ายตำหนักของท่านอ๋องอี้หลงอย่างเรียบง่าย ชีวิตเหมือนเดิมในทุกๆวันเช้าขึ้นมาเมื่อนางอาบน้ำชำระกายเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเรียบร้อย นางก็เข้าไปในครัวกับหยงเอ๋อเพื่อลงมือทำอาหารเช้าที่นางชอบกินกันกับหย่งเอ๋อ 2 คนจากนั้นเมื่อทำอาหารเสร็จเรียบร้อยและลงมือทานกันแล้ว
บางวันนางก็ลงมือทำขนมกินเล่นที่เป็นขนมแห้งทั้งหลายที่เก็บไว้ได้นานเอาใส่ขวดโหลเรียงรายเอาไว้ในครัวเพื่อจะเอามานั่งกินกับน้ำชายามบ่ายจากนั้นนางก็จะนั่งเล่นหน้าเรือนของนางเงียบๆมองดูทิวทัศน์และบรรยากาศอันร่มรื่นหน้าเรือนอย่างสบายใจหรือไม่บางวันนางก็จะเอาผ้าจากในหีบสินเดิมของนางออกมาตัดเย็บเสื้อผ้าของนางหรือของหยงเอ๋อหรือเป็นพวกเครื่องใช้เช่นผ้าม่านผ้าคลุมโต๊ะหรือผ้าผวยที่ใช้นุ่นยัดเข้าไปอีกที เพื่อจะเอาไว้ใช้ในฤดูหนาว ขณะที่เย็บผ้ากันอยู่นั้นอุปกรณ์การตัดเย็บที่นำมาด้วยจากจวนเสนาบดีมีไม่ครบ
อาจจะต้องออกไปหาซื้อที่ตลาดมาเพิ่มเติม ลายผ้าบางลายนั้นนางก็เบื่อแล้วอยากจะไปหาลายใหม่ๆมาเพิ่มเติมเพื่อตัดเย็บเสื้อผ้าหรือเครื่องใช้อื่นๆอีก จึงให้หยงเอ๋อออกไปบอกพ่อบ้านว่าจะขอออกไปที่ตลาดให้เตรียมรถม้าไว้ให้นางด้วย เมื่อพ่อบ้านบอกว่าอีกครึ่งชั่วยามให้ออกไปขึ้นรถมาที่หน้าจวน ทั้งสองจึงเตรียมตัว พอได้เวลาก็เดินออกไปขึ้นรถม้าที่หน้าจวน ระหว่างทางเดินลัดเลาะผ่านสวนไปนั้นชิงชิงก็เหลียวมองไปที่เรือนใหญ่ ที่เป็นที่พำนักของท่านอ๋องอี้หลงสวามีที่ยังไม่เคยเห็นหน้าของนาง
มองเข้าไปบรรยากาศสงบเงียบอึมครึมดูน่ากลัว ไม่มีแม้บ่าวสักคนที่จะเดินผ่านไปผ่านมา บ่าวในจวนนี้มีจำนวนไม่มากนัก ดูแล้วน่าจะนับคนได้ นอกนั้นก็จะเป็นทหารที่ยืนเฝ้ายามตามจุดต่างๆแล้วก็จะมีองครักษ์ของท่านอ๋องที่จะเดินไปมามองเห็นไกลๆ เมื่อมองเข้าไปไม่เห็นใคร นางก็เดินเลยไปเพื่อจะออกไปขึ้นรถมาที่หน้าตำหนัก เมื่อออกไปหน้าประตูเห็นรถม้าคันใหญ่มีตราประทับประจำตัวของท่านอ๋องอี้หลงติดอยู่มองดูหน้าเกรงขามยิ่งกว่ารถม้าที่นางเคยใช้ที่จวนของเสนาบดี ทั้งสองพากันขึ้นไปบนรถม้า เมื่อรถม้าวิ่งผ่านมาตามทางจนถึงตลาดผู้คนต่างหลบหลีกรถม้าที่มีตราประทับของตำหนักของอี้หลง
นางเข้าใจแล้วว่าอนุภาพของท่านอ๋องรุนแรงมากเพียงใดไม่มีใครกล้าขวางทางรถม้าเลย ทุกคนต่างหลบหลีกเป็นทางยาวไปทำให้ถึงตลาดด้วยความรวดเร็ว เมื่อลงจากรถม้าคนขับบอกว่าจะไปจอดรออยู่ที่ริมถนนหน้าตลาด ถ้าหากว่าพระชายาเสร็จธุระแล้วให้บ่าวไปตามเขาได้จากนั้น ทั้งสองก็เดินชมข้าวของในตลาดอย่างสบายใจ ซื้อถังหูลูกมา 2 ไม้แบ่งกันกินกับหยงเอ๋อคนละไม้ระหว่างทางที่เดินไปร้านขายผ้าเมื่อเดินไปถึงร้านขายเสื้อผ้านางตรงเข้าไปเลือกลายผ้าที่นางต้องการเถ้าแก่ของร้านออกมาต้อนรับด้วยความยินดีด้วยรู้ว่าคุณหนูหลิวชิงชิง ตอนนี้ได้กลายเป็นพระชายาของท่านอ๋องอี้หลงแล้ว ชิงชิงชี้เลือกลายผ้าที่นางต้องการได้หลายพับรวมถึงเลือกซื้อผ้าให้หย่งเอ๋อเพื่อเอาไว้ตัดเครื่องแต่งกายของหยงเอ๋อเองด้วยและเลือกซื้อผ้าที่จะใช้ทำผ้าม่านและเครื่องใช้ที่เรือนเล็กเพิ่มจากนั้นก็สั่งซื้ออุปกรณ์ตัดเย็บที่เราต้องการจนครบแล้วสั่งให้เถ้าแก่เอาให้คนเอาไปส่งที่ตำหนักของท่านอ๋องอี้หลง
จากนั้นหยงเอ๋อก็นำเงินตำลึงชำระให้แก่เถ้าแก่จนเรียบร้อย เมื่อเสร็จการซื้อผ้าทั้งสองก็ออกจากร้านตรงไปเดินไปเรื่อยๆทำข้าวของข้างทางแปลกๆและเลือกซื้อบางอย่างที่นางต้องการ แล้วก็เข้าตรงไปที่ร้านเครื่องประดับนางเข้าไปเลือกชมเครื่องประดับที่วางเรียงรายอยู่ละลานตาเลือกซื้อกำไลลายแปลกๆเพิ่มอีกสองชิ้น และซื้อกำไลหยกให้หยงเอ๋อหนึ่งชิ้นและนางก็ซื้อปิ่นปักผมลายผีเสื้ออีก 1 ชิ้นและซื้อเครื่องประดับที่ใช้ประดับผมอีก 3-4 ชิ้นด้วยกันเมื่อได้ของเรียบร้อยหยงเอ๋อควักเงินตำลึงชำระให้กับทางร้านแล้วทั้งสองก็ออกจากร้านไป
ตรงไปที่ร้านเครื่องร้านเครื่องยาเพื่อหาซื้อเครื่องเทศบางอย่างจะนำเอาไปติดไว้ในครัวเพื่อเอาไว้ใช้ทำอาหารและขนมที่นางชอบและเลือกซื้อผลไม้ผลไม้แช่อิ่มและอาหารแห้งบางอย่างรวมถึงปลาตากแห้งเนื้อตากแห้ง เอากลับไปด้วยและซื้อเนื้อวัวเนื้อหมูเพื่อนำไปติดครัวไว้อีกเล็กน้อย ยังมีผลไม้ที่น่ากินก็เลือกซื้อไป 2-3 อย่างและเห็นผักสดที่ชาวบ้านเอามากองขายข้างทาง นางก็เลยช่วยอุดหนุนชาวบ้านและขอให้ชาวบ้านคนนึงช่วยขนข้าวของตามหยงเอ๋อไปเก็บไว้ที่รถม้า
แล้วนางก็เดินเข้าไปเดินดูของใช้ในร้านข้างๆ ระหว่างที่รอหยงเอ๋อเอาของไปเก็บ ขณะที่เลือกดูข้าวของในร้านขายเครื่องเคลือบที่นางเข้ามานี้นางเห็นถ้วยชาใบใหญ่นางจึงเลือกซื้อมาอีก 4-5 ใบเพื่อนำไปใช้น้ำใส่น้ำสมุนไพร เพราะที่เรือนหลังเล็กนั้นมีแต่จอกใบเล็กๆจากนั้นนางเลือกซื้อโถเคลือบอีก 2-3 ใบและหม้อเคลือบใบเล็กอีก 3 ใบด้วยกันแล้วให้เถ้าแก่นำไปส่งให้ที่ตำหนักของท่านอ๋อง บอกเขาว่าเป็นของพระชายาระหว่างนั้นนางก็นั่งรอที่ร้านให้หยงเอ๋อมาชำระเงินและจะได้กลับกันเลย
อาหารมื้อค่ำนั้นทั้งสองช่วยกันทำขึ้นมาและนั่งกินกันสองคน เมื่อกินเรียบร้อยแล้ว หย่งเอ๋อเข้าไปปอกผิงก้วย 2 ลูกและหั่นเป็นชิ้นพอดีคำนำมาวางให้ชิงชิงนั่งกินเล่นที่หน้าเรือนเล็กของนางและยกน้ำสมุนไพรเอามาวางข้างเมื่อชิงชิงนั่งผิงก้วยและจิบน้ำสมุนไพรของนางอย่างมีความสุขอยู่นั้น นางรู้สึกว่าได้ยินเสียงอะไรบางอย่างนางจึงวางผิงก้วยและถ้วยชาลงที่โต๊ะมุกข้างๆตัว นางลุกขึ้นแล้วค่อยๆเดินออกไปมองที่สวนด้านหน้าเรือนของนางแต่ไม่เห็นอะไรนางจึงค่อยๆเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆจนเกือบจะถึงหน้าเรือนใหญ่ที่เป็นที่พำนักของท่านอ๋องอี้หลง ในลานกว้างท่ามกลางแสงจันทร์หน้าเรือนนั้นมีบุรุษผู้หนึ่งใส่ชุดขาวผมยาวรูปร่างองอาจ สูงสง่าดูไกลๆแล้วจะเป็นบุรุษผู้ที่มีความหล่อเหลาเป็นอันมาก คล้ายๆเทพเซียนเหาะลงมาเยือนโลกมนุษย์ นางจึงค่อยๆลัดเลาะไปตามพุ่มไม้ค่อยแอบดูบุรุษผู้นั้นร่างรำกะบี่ท่วงท่างดงามในลานกว้าง เขาร่ายรำกระบี่อยู่เพียงผู้เดียวเหาะเหินขึ้นไปบนอากาศและเหาะลงมาดูแล้วช่างสง่างามเหมือนเทพเทวดาจุติลงมายังโลกมนุษย์ หลิวชิงชิงอ้าปากมองร่างสูงสง่างามนั้นอย่างตกตะลึง สักพักก็มีร่างในชุดดำเหาะออกมาจากด้านในเรือนใหญ่ต
เมื่อลืมตาตื่นมาเช้าวันใหม่จริงๆและเหมยเอ๋อก็ทำภารกิจประจำวันตามปกติทั้งสอง เข้าครัวทำอาหารเหมือนเดิมและช่วยกันนำไก่ที่ซื้อมาเก็บไว้เอามาหั่นเป็นชิ้นไม่ใหญ่มาก หมักจนได้ที่แล้วก็เอาไม้ไผ่ที่ทำไว้มาเสียบไก่ย่างในเตาถ่านเล็กๆที่อยู่ในครัว กลิ่นไก่ย่างหอมกรุ่นไปทั้งเรือน ช่วยกันทำผัดผักขึ้นมาอีก 2 อย่างเมื่ออาหารเสร็จแล้ว ก็ลำเลียงอาหารออกไปตั้งที่โต๊ะกลางในห้องโถงหน้าเรือนเล็ก และนั่งลงกินข้าวเช้ากันสองคน เมื่อกินข้าวเช้ากันเรียบร้อยแล้วหยงเอ๋อทยอยนำถ้วยชามออกไปล้างในครัวด้านหลัง ชิงชิงลุกขึ้นเดินออกมาเพื่อย่อยอาหารที่เพิ่งกินอิ่มไปนางเดินไปก้มลงมองตามอ่างบัวที่อยู่ที่ชายคานเรือนเรียงรายเป็นแถวยาวทั้งสองข้างนั้น เห็นปลาหางนกยูงแหวกว่ายไปมาอยู่ในอ่างบัวสลับกับปลาตัวเล็กๆสีแดงสีทองสีขาวตัวอ้วนว่ายกระดุ๊กกระดิ๊กอยู่ในอ่างบัวนั้นนางมองดูปลาแวกว่ายจนพอใจแล้ว ก็เดินไปดูดอกไม้ที่ด้านหน้าเรือน ก้มลงมองดูว่ามีพื้นที่ไหนบ้างที่นาจะปลูกดอกไม้สีต่างๆกันนั้นแซมได้อีก เมื่อรู้สึกเมื่อยก็กลับขึ้นไปหน้าเรือนเพื่อนั่งลงตรงเก้าอี้โยกตัวโปรด เอนกายแล้วก็นั่งมองตรงไปยังสวนด้านหน้าของเรือนตัวเอง สักพัก
หลังอาหารค่ำ ชิงชิงออกมานั่งที่หน้าระเบียงเพื่อรับลมอยู่เหมือนเดิมนางคอยฟังเสียงว่าจะมีเสียงฝึกวรยุทธเหมือนคืนนั้นที่นางออกไปแอบดูบุรุษชุดขาวนั้นหรือไม่ ผ่านไปสักชั่วยามนึงนางได้ยินเสียงเหมือนมีดาบฟาดอยู่ในอากาศดังวืดๆนางจึงค่อยๆเดินออกจากหน้าเรือนของนางลัดเลาะไปตามสวน ไปแอบดูตามพุ่มไม้เหมือนคืนนั้น บุรุษผู้นั้นวันนี้เขาใส่ชุดดำเขากวัดแกว่งดาบอยู่ในอากาศ ฝึกวรยุทธอยู่เช่นเดิมวันนี้เขาฝึกวรยุทธ์อยู่คนเดียวในลานกว้างท่ามกลางแสงจันทร์ นางตะลึงมองท่าทางองอาจสง่างามเวลาที่เหาะเหินไปมากลางอากาศนั้นได้ติดตา สักพักนึงเขาก็หยุดกลางคันและเหาะลงมาด้านล่าง จากนั้นเขากรีดร้องเสียงดังขึ้นมาทำให้นางตกใจมากเสียงนั้นโหยหวนฟังดูน่ากลัวมาก เขากุมใบหน้าของเขาและทรุดลงนั่งกลางลานกว้างนั้น สักพักนึงก็มีบุรุษหลายคนวิ่งกรูกันออกมาจากในเรือนใหญ่รีบเข้ามาพยุงเขาและพากลับเขาไปในเรือนใหญ่ทันที นางตะลึงค้างอยู่ตรงนั้นว่าเกิดอะไรขึ้นกับบุรุษที่ฝึกวรยุทธ์อยู่นั้นแต่ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ นางจึงค่อยๆเดินย้อนกลับไปที่เรือนของนาง เสียงร้องโหยหวนเยือกเย็นนั้นยังก้องอยู่ในโสตประสาทของนางไม่คลาย มันเป็นเสียงโหยหวนท
เมื่อทานอาหารเย็นเรียบร้อยชิงชิงบอกหยงเอ๋อว่าจะไปเดินเล่นย่อยอาหาร อาจจะนานสักหน่อยไม่ต้องตามหาเดี๋ยวจะกลับมาเอง ชิงชิงเดินเล่นที่สวนหน้าเรือนเล็ก จากนั้นเลาะเดินไปด้านข้างเล็กน้อยเพื่อมองดูที่จะทำแปลงผักเล็กๆ เอาไว้กินจะได้ไม่ต้องออกไปหาซื้อเพราะอยู่กันแค่สองคนใช้ผักปริมาณไม่มากสักพักก็เห็นกระต่ายตัวสีขาวอ้วนๆวิ่งเล่นอยู่นางเดินเข้าไปใกล้ๆมันเพื่อดูให้ชัดๆ แต่มันวิ่งหนีไปนางจึงวิ่งไล่มันไปเรื่อยๆ จนเข้ามาในป่าละเมาะด้านหลังของตำหนักอ๋อง พอเดินมาถึงนางก็มองหากระต่ายตัวนั้นแต่ก็ไม่เห็นมัน จึงพยายามมองหามันตามพุ่มไม้ สักพักเห็นหลังมันไวๆ จึงเดินตามมันไปค่อยๆเพราะกลัวมันจะเตลิดหนีไปอีก จนได้ยินน้ำไหลรินนางมองหาเจ้ากระต่ายขาวตัวนั้นแต่ไม่เห็นจึงเดินตามเสียงน้ำไหลรินนั้นไป จนไปถึงบ่อน้ำแร่ที่ควันลอยกรุ่นขึ้นมา นางเดินไปมองอย่างสนใจ เมื่อเดินไปใกล้ๆไออุ่นน้อยๆปะทะร่างกายนาง นางยืนมองอย่างสนใจ วันหลังจะต้องแอบมาลงแช่ตัวในบ่อน้ำแร่นี้ดูบ้างแล้ว ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นร่างของนางก็ถูกรวบขึ้น อุ้มลงไปในบ่อน้ำแร่นั้น นางกรีดร้องอย่างตกใจ เมื่อร่างใหญ่นั้นอุ้มนางลงไปในบ่อน้ำแร่ด้วยกันเมื่อย
เมื่อหายเหนื่อย ท่านอ๋องก็อุ้มนางลงแช่น้ำด้วยกัน ร่างล่ำสันยกนางให้นั่งตักแกร่ง “ เมียจ๋า เราเข้าหอกันวันนี้นะ เมื่อวันแต่งงานข้าขออภัยที่ติดภาระกิจไม่ได้มาเข้าหอ เจ้ารอข้านานไหม ” ชิงชิงมองใบหน้าหล่อเหล้านั้น นางยิ้มเอียงอาย “ ก็นานหลายชั่วยามเพคะ นึกว่าท่านอ๋องจะรังเกียจหม่อมฉันไม่อยากจะพบกันจึงไม่มาเข้าหอ แถมยังให้หม่อมฉันอยู่ที่เรือนเล็กท้ายตำหนักอีก ” ใบหน้าหล่อคมยกยิ้มเล็กน้อยก้มลงหอมแก้มนวลปลั่งนั้น“ ที่ข้าให้เจ้าอยู่เรือนเล็กเพราะว่าข้าไม่สบายเป็นโรคร้ายในบางครั้ง จึงไม่อยากให้เจ้าได้รับอันตราย เจ้าเข้าใจหรือไม่ แล้วเจ้ากลัวสวามีคนนี้หรือไม่ ” ชิงชิงมองเข้าไปในดวงตาเว้าวอนนั้น “ ชิงเอ๋อไม่เข้าใจว่าท่านเป็นโรคอะไรถึงให้หม่อมอยู่ใกล้ไม่ได้แต่ว่าหม่อมฉันจะรอท่านเมื่อพร้อมที่จะเล่าทุกอย่างให้หม่อมฉันฟัง ” ท่านอ๋องยกยิ้มให้พระชายาตัวน้อย โอบกอดนางไว้ ประกบจูบนางอย่างดูดดื่มอีกครั้งเมื่อพอใจก็ ก้มลงอ้าปากดูดดึงยอดอกอวบของนางจนร่างอวบสั่นระริกจากนั้นค่อยสอดลำกายแกร่งเข้าไปที่ร่องอวบของนางอีกครั้ง แล้วจับสะโพกผายนั้นขึ้นลงให้นางรู้จังหวะรัก เมื่อชิงชิงจับจังหวะรักของท่านอ๋องได้ก็ยกส
ชิงชิงสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อสายๆ กระพริบตาและทบทวนความทรงจำของเมื่อวานนี้ขึ้นได้หน้านางแดงก่ำขึ้นมาทันทีและหันไปมองข้างกายพบว่าที่นอนว่างเปล่า ท่านอ๋องอี้หลงลุกจากที่นอนออกไปแล้ว นางจึงค่อยๆลุกขึ้นนั่งรู้สึกระบมไปทั่วกายและเจ็บแปลบที่บริเวณกลางกายนางเหลียวมองหาเสื้อผ้าของนางรอบๆเตียงแต่่ไม่เห็น มีชุดคลุมตัวใหญ่ของท่านอ๋องวางอยู่ นางจึงหยิบขึ้นมาใส่แล้วเดินไปแง้มประตูออกไป พบว่ามีบ่าวรับใช้หญิงยืนอยู่ นางจึงบอกบ่าวรับใช้นั้นให้ไปนำเสื้อผ้าของนางที่เรือนหลังเล็กมาให้นางด้วย และตามหยงเอ๋อมาด้วย เมื่อบ่าวเดินลงไปทำตามคำสั่งแล้ว ชิงชิงหันกลับเข้าไปในห้องตามเดิม ไปนั่งรออยู่ที่ตั่งเล็กรอเครื่องแต่งกาย สักพักหนึ่งหย่งเอ๋อก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเสื้อผ้าของนาง ชิงชิงรีบผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดของนาง แล้วนำชุดคลุมของท่านอ๋องไปเก็บไว้ที่เดิม แล้วบอกหย่งเอ๋อว่าให้ตามบ่าวมาช่วยเก็บเตียงในห้องท่านอ๋อง และให้หย่งเอ๋อประคองนางลงไปจากห้องของท่านอ๋อง เมื่อลงไปด้านล่างไม่พบใครอยู่บริเวณนั้น แต่เห็นพ่อบ้านเดินสวนเข้ามาจึงถามว่าท่านอ๋องอยู่ไหนพ่อบ้านบอกว่าท่านออกมาติดภารกิจตอนนี้ออกไปนอกตำหนักพร้อ
ทุกคนมีใบหน้าที่ดีใจและมีความหวังมากขึ้นอย่างน้อยท่านอ๋องก็มีอาการดีขึ้นและมีความหวังว่าจะหายขาด จากนั้นท่านอ๋องลุกขึ้นจากแท่นหินกลางห้องใต้ดินนั้นและสวมเสื้อคลุมที่องครักษ์ยื่นให้สวม จากนั้นต่างทุกคนทะยอยขึ้นมาจากห้องใต้ดิน ท่านหมอบอกว่าหากท่านอาจารย์ได้ตัวยาครบเมื่อใดจะพามาหาท่านอ๋องทันทีจากนั้นก็ลากลับไปเมื่ออาการดีขึ้นแล้ว ท่านอ๋องก็จะขึ้นไปนอนพักผ่อนในห้องนอนด้านบน เมื่อนึกขึ้นได้จึงสอบถามว่าพระชายาอยู่ที่ไหนพ่อบ้านบอกว่าพระชายากลับไปที่เรือนเล็กแล้ว ท่านอ๋องพยักหน้าและเดินเข้าไปพักผ่อนในห้องด้านบน หลังอาหารค่ำนั้นท่านอ๋องเดินไปหาพระชายาที่เรือนเล็ก เมื่อเดินไปถึงพบนางกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ที่เก้าอี้โยกหน้าเรือน ท่านอ๋องเดินไปนั่งข้างพระชายาและเอ่ยขึ้นว่า “ เมื่อเช้าเปิ่นหวางมีภารกิจสำคัญต้องไปทำ จึงไม่ได้รอให้เจ้าตื่นมา แล้วตอนนี้เจ้ารู้สึกเป็นอย่างไรบ้างยังรู้สึกเจ็บระบมอยู่หรือไม่ ชิงชิงหันหน้าไปมองท่านอ๋องใบหน้านางแดงก่ำแล้วก็บอกท่านอ๋องว่า ”เมื่อเช้าก็ยังเจ็บมากเพคะ แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นบ้างแล้วเพคะ"จากนั้นท่านอ๋องฉุดมือนางลุกขึ้นไปนั่งชมดาวที่ตรงริมๆของระเบียงเมื่อนั่งลงแล้วท
หลายวันต่อมาท่านอ๋องมักจะมานอนที่เรือนหลังเล็กกับพระชายา หรือให้พระชายาไปหาที่ตำหนักใหญ่เป็นบางครั้ง อาการของท่านอ๋องดีขึ้นตามลำดับไม่ค่อยมีอาการพิษกำเริบให้เห็นแล้วเขาดูปกติดีจนเวลาผ่านมาเกือบครึ่งค่อนเดือนไม่มีอาการกำเริบขึ้นเลยสักครั้ง ทุกคนต่างลงความเห็นว่าท่านอ๋องน่าจะอาการทุเลามากแล้ว เช้าวันนั้นท่านอ๋องพาพระชายาไปร่วมเสวยอาหารที่วังหลวงกับฮ่องเต้และฮองเฮา และจะได้ไปสังสรรค์กับบรรดาพี่น้องที่ไม่ได้พบกันนานแล้วด้วย ทั้งสองขึ้นรถม้าที่หน้าตำหนักตั้งแต่เช้าเพื่อตรงไปที่วังหลวงเมื่อไปถึงประตูใหญ่ทั้งคู่เดินเข้าไปด้วยกันท่านอ๋องจูงมือพระชายาเดินไปจนถึงในอุทยานที่ฮ่องเต้กับฮองเฮาประทับ อยู่รวมถึงยังมีเหล่าองค์ชายและท่านอ๋องหลายคนนั่งอยู่ในบริเวณนั้นด้วย เมื่อเดินไปถึงทุกคนต่างตกตะลึงที่เห็นท่านอ๋องอี้หลงไม่ได้สวมหน้ากากเงินที่เขามักจะสวมเป็นประจำตั้งแต่เด็ก วันนี้เขาเดินเข้ามาด้วยใบหน้าหล่อเหลา ผิวเนียนขาวผ่องสง่าราศีจับมาแต่ไกล ทุกสายตาต่างหันไปมองใบหน้าของเขา เมื่อเดินไปถึงเขาถวายความเคารพแก่ฮ่องเต้และฮองเฮาเสร็จแล้วก็ทักทายเหล่าพี่น้องของเขา ฮ่องเต้เอ่ยเขาถามทันทีเมื่อเห็นอาก
หลังจากผ่านเหตุการณ์เลวร้ายไปไป 3 เดือนเช้าวันหนึ่ง เมื่อตื่นมาพระชายาหลิวมีอาการคลื่นไส้อาเจียนตั้งแต่เช้านางรีบวิ่งไปที่กระโถนเพื่ออาเจียนเอาน้ำใสๆออกมา ท่านอ๋องลุกขึ้นนั่งบนเตียงมองพระชายาวิ่งไปอาเจียนตั้งแต่เช้าและลุกขึ้นไปลูบหลังนางว่าเป็นอย่างไรบ้างรู้สึกเป็นยังไงบ้าง จะให้ตามท่านหมอเลยไหมนางบอกว่าตามท่านหมอมาก็ดีเหมือนกันเพราะนางไม่เคยมีอาการแบบนี้เลย ท่านอ๋องจึงเรียกหยงเอ๋อมาบอกว่าให้ไปตามให้ไปบอกพ่อบ้านให้ไปตามหมอมาดูอาการพระชายาตอนนี้เลย หลังจากนั้นเขาลุกขึ้นไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายและพยุงชิงชิงมานั่งมานั่งบนเตียง จากนั้นให้หย่งเอ๋อมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้นาง เมื่อเช็ดหน้าเช็ดตาจนสบายดีแล้วเอายายาแก้คลื่นเหียนมาให้นางสูดดมจนนางรู้สึกสบายขึ้นจึงนั่งพิงหัวเตียงอยู่เพื่อรอท่านหมอ ผ่านไปครู่ใหญ่ท่านหมอก็เดินเข้ามาในเรือนหลังเล็กและลงมือตรวจอาการพระชายา เมื่อลงมือตรวจอาการไปได้สักพักหนึ่งก็หันมาบอกท่านอ๋องว่าขอแสดงความยินดีด้วยตอนนีพระะชายมีท่านอ๋องน้อยแล้วขอให้พระชายาดูแลตนเองให้ดีๆตอนช่วงนี้อย่าเคลื่อนไหวร่างกายมากให้ทำกิจกรรมเบาๆเพราะยังท้องอ่อนๆอยู่และได้ให้ยาบำรุงครรภ์ไว้
อีกสองวันต่อมาท่านแม่ทัพใหญ่ลู่กังเข้าวังเพื่อไปทูลขอร้องฮ่องเต้ให้ขอออกราชโองการหย่าร้างหลู้เหม่ยหลิงกับท่านอ๋องอี้หลงเพราะว่าท่านอออี้หลงมีอาการกำเริบทำให้ลูกเหม่ยหลิงหวาดกลัวมาก นางกลัวจนแทบจะเป็นบ้าแม้ท่านแม่ทัพบอกว่าแม้จะเห็นใจท่านอ๋องอี้หลงเป็นอย่างมากแต่ไม่อาจปล่อยให้บุตรสาวหวาดกลัวสามีตนเองจงมีอาการเหมือนเหมือนจะบ้า เขาคงขอต้องขอตัดไฟตั้งแต่ต้นลมก่อนที่บุตรีของตนเองจะกลายเป็นบ้า เมื่อฮ่องเต้รู้เรื่องก็ไม่ได้เอาความอะไร เพราะเข้าใจดีและอีกอย่างหนึ่งท่านอ๋องอี้หลงก็มาบอกเรื่องราวเหล่านี้แก่เขา ตั้งแต่แรกแล้วเพราะว่าไม่ได้ต้องการพระชายารองตั้งแต่แรกแล้วเขารักเพียงหลิวชิงชิงชายาของเขาเพียงเท่านั้น หากว่ามีท่านแม่ทัพใหญ่มาขอหย่าก็ขอให้ฮ่องเต้ช่วยจัดการให้เขาด้วยฮ่องเต้จึงรับปากว่าจะออกราชโองการให้เลยตอนนี้ ท่านแม่ทัพใหญ่กลับออกไปด้วยสีหน้าโล่งใจ ที่การขอร้องฮ่องเต้เป็นไปอย่างง่ายดายและราบรื่น เมื่อคล้อยหลังท่านอ๋องท่านแม่ทัพใหญ่ ฮ่องเต้ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ท่านอ๋องทำแบบนี้ดีแล้วมันจะได้ไม่มีปัญหากับทุกฝ่ายทั้งไม่มีปัญหากับบ้านเมืองและท่านอ๋องก็สมหวังไม่ต้องมีชายาที่ตัวเองไม
ท่านอ๋องนั่งที่เรือนเล็กปล่อยให้นางบีบนวดตามร่างกายไปได้สักครู่ เขาก็รู้สึกถึงอาการป่วยของเขาที่เริ่มจะกำเริบขึ้น เริ่มมีอาการร้อนรุ่มตามร่างกายเหมือนมีอาการลมปรานแปรปรวน ธาตุไฟจะเข้าแทรกพอเริ่มมีอาการเขาก็เริ่มกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวนเหมือนสัตว์ที่บาดเจ็บ เส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาตามลำคอและใบหน้าของเขาเป็นสีแดงเต้นตุบๆเหมือนมีสิ่งใดเคลื่อนไหวอยู่ในนั้น มองดูน่ากลัวมากทั้งหน้าเขามีแต่เส้นเลือดไขว้กันเป็นใยแมงมุม เริ่มขึ้นตามหน้าใบหน้าและลำคอให้เห็นดูน่าสยดสยองมาก พระชายาหลู้และบ่าวรับใช้ของนางกรีดร้องขึ้นพร้อมกัน เมื่อเห็นสิ่งนั้นนางทรุดนั่งลงกับพื้น หงายหลังล้มลงเพราะตกใจเป็นอย่างมาก นางหนีท่านอ๋องออกมายังหน้าประตู เมื่อนางหันไปมองเห็นท่านอ๋องทรุดนั่งลงแล้วกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวน เสียงนั้นบาดลึกเข้าไปในใจนาง มันน่ากลัวมากเหมือนกับอสุรกายร้ายหรือปีศาจที่เขาเล่าลือกัน นางรู้แล้วสิ่งที่เขาเล่าลือกันนั้นเป็นความจริงท่านอ๋องเป็นมนุษย์กึ่งปีศาจนางเพียงแต่เห็นแต่รูปโฉมที่เป็นมนุษย์ของเขา อาจจะเป็นรูปโฉมที่ลวงตาคนก็ได้ แต่ตอนนี้นางได้เห็นอีกด้านหนึ่งของเขามันเหมือนปีศาจที่น่ากลัวม
พระชายารองหลู้เดินวนเวียนไปมาในเรือนเล็กปีกซ้ายของตนเอง ตั้งแต่หลังเข้าหอท่านอ๋องแทบจะไม่มาที่เรือนหลังนี้เลยเมื่อนางไปหาก็ไม่พบหรือไม่ท่านอ๋องก็ให้นางกลับมารอที่เรือนนี้แล้วจะตามมา แต่ก็ไม่เคยตามมาหานางดังที่บอกนางเลย นางครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดี หลานเอ๋อสาวใช้ของนางที่นั่งมองพระชายาหลู้เดินวนเวียนไปมาจนปวดหัวจึงเอ่ยขึ้นว่า “ พระชายารองเจ้าคะ เรื่องแบบนี้ต้องใจเย็นๆ หากคิดจะผูกใจสามีท่านต้องมีความอดทนมากกว่านี้ งั้นวันนี้ท่านลองทำขนมไปให้ท่านอ๋องชิมดีไหมเจ้าคะ จะได้เป็นการหาทางใกล้ชิดพูดคุยกันมากๆ เผื่อจะได้สนิทสนมกันมากขึ้น ” พระชายาหลู้มีสีหน้าที่ดีขึ้น “ ถ้าอย่างนั้นดีเลย ข้าจะเข้าไปทำขนมแล้วเอาไปให้ท่านพี่ลองชิมดูก็แล้วกัน” นางเข้าไปไปทำขนมขนมหวานสูตรที่มารดาเคยสอนนางและมันอร่อยมาก เมื่อทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางถือจานขนมนั้นตรงไปที่ตำหนักใหญ่ เมื่อเข้าไปถึงพ่อบ้านบอกว่าท่านอ๋องไม่อยู่ออกไปธุระต่างเมืองอีกหลายวันถึงจะกลับนางโมโหมากที่ท่านอ๋องไม่บอกนางเลยว่าจะไปที่ไหนนางเป็นพระชายาของท่านอ๋องแท้ๆ แต่ไม่รู้ความเคลื่อนไหวของสวามีเลยว่าเขาจะอยู่หรือไม่อยู่ที่ตำหนัก แถมยังไม่เคยมาห
ท่านอ๋องอี้หลงสั่งองครักษ์ไปสอดแนมที่จวนเสนาบดีหลิวว่าพระชายาทำอะไรบ้างในแต่ละวัน มีใครมาหานางหรือนางไปพบใครบ้าง ให้มารายงานทุกเรื่องที่เกี่ยวกับนาง ด้านจวนเสนาบดี หงอี้หรานมาเยี่ยมชิงชิงที่จวนเสนาบดีบ่อยๆ เขามักจะมานั่งคุยกับชิงชิงที่ศาลากลางสระบัว มานั่งกินขนมที่ชิงชิงทำ และบางครั้งก็หาซื้ออะไรแปลกๆมาฝากนาง หรือเขามักจะอยู่รับทานอาหารค่ำกับครอบครัวเสนาบดีหลิวเพราะเขารู้จักครอบครัวนี้มาตั้งแต่เขาเป็นเด็กมาวิ่งเล่นในจวนเสนาบดีนี้ และมาเยี่ยมครอบครัวเสนาบดีหลิวพร้อมบิดามารดาของเขาที่ตอนนี้อยู่ที่เมืองตงสู ชิงชิงเกิดความคิดอยากจะไปเที่ยวเมืองตงสูดูบ้าง นางไม่ได้ไปเที่ยวต่างเมืองมานานแล้ว หงอี้หรานจึงบอกว่างั้นก็ตามเขาไปเที่ยวที่เมืองตงสูได้เลย เขาจะกลับเอาของไปส่งเป็นเที่ยวแรกในอีกสามวัน ชิงชิงจึงบอกว่าจะต้องขออนุญาติท่านพ่อก่อนว่าจะให้นางไปได้หรือไม่ องครักษ์ขั้นสองของท่านอ๋องนำข่าวเรื่องเกี่ยวกับพระชายากลับไปทูลท่านอ๋องทุกเรื่อง เมื่อเสร็จสิ้นการรายงานขององครักษ์ขั้นสอง ท่านอ๋องใบหน้าบึ้งตึ้งขึ้นมาทันที หมายความว่านางมีที่หมายใหม่ อยากจะหาสามีใหม่ทั้งที่สามีเก่าก็ยังอยู่ตรงนี้ นาง
วันนี้ชิงชิงมาเดินเล่นที่ตลาด นางสบายใจขึ้นบ้างแล้วและเริ่มทำใจได้ นางคิดได้แล้วจะขอหย่ากับท่านอ๋องให้ได้ เมื่อตัดใจได้จึงมาเดินเล่นซื้อหาของกินที่ตลาดกับหยงเอ๋อ เมื่อเดินหาของกินเล่นได้หลายอย่างแล้ว แวะซื้ออุปกรณ์ตัดเย็บเล็กน้อย ซื้อเครื่องปรุงครีบประทินผิวเพิ่มเติม ผลไม้เชื่อมหลายๆอย่าง และก็เดินเล่นเรื่อยๆไป ขณะนั้นหันไปสบตากับบุรุษคนหนึ่งเขายิ้มกว้างให้นางเหมือนดีใจที่ได้พบกัน นางมองรอยยิ้มนั้นแล้วเพิ่งนึกออกว่าคืออดีตสหายวัยเด็ดที่ชื่อหงอี้หราน ฝ่ายอี้หรานรีบเดินมาหานางทันที “ จำข้าได้ไหมชิงเอ๋อ ข้าไปค้าขายที่ต่างเมืองมาหลายปีเพิ่งกลับมาเยี่ยมญาติที่นี่จึงมาเดินเล่นดูข้าวของแปลกๆเผื่อจะนำไปขายยังเมืองตงสูที่ข้าทำการค้าอยู่ ” ชิงชิงยิ้มตอบร่างหนา “ ไม่ได้พบกันเสียนาน เมื่อยังเยาว์เจ้าขี้เหร่มากไม่หล่อเหลาเท่านี้ พอโตขึ้นแทบจำไม่ได้ รูปร่างที่เคยผอมเกร็งตอนนี้สูงใหญ่ผึ่งผายน่าดู ” อี้หรานยิ้มแย้มให้อีกฝ่าย “ ก็ข้าเป็นผู้ใหญ่แล้วอยู่ดีกินดีกว่าเดิมก็เลยอ้วนท้วนขึ้น แต่เจ้าสวยงามขึ้นมาก ออกเรือนหรือยัง หากยังข้าขอสมัครเป็นคนแรก เจ้าจะรับพิจารณาหรือไม่ ”ชิงชิงหัวเราะเบาๆคิดว่าเขาพู
พระชายาหลิวยืนอยู่ข้างเรือนเล็กปีกซ้ายที่ท่านอ๋องจัดให้พระชายาหลู้หรืออดีตหลู้เหม่ยหลิน นางได้ยินเสียงร้องครวญครางของสวามีและหลู้เหม่ยหลินชัดเจน เสียงร่วมรักดังก้องสนั่นจนออกมานอกตัวเรือน นางเดินหลบบ่าวไพร่มาเพื่ออยากจะรู้ความจริงว่ากับหญิงอื่นที่ท่านอ๋องบอกว่าไม่ได้รักนาง ไม่ได้ต้องการนางท่านอ๋องจะร่วมรักกับนางอย่างเร่าร้อนเหมือนที่เป็นกับตนเองหรือไม่ เมื่อได้ยินเสียงทั้งหมดนางก็ได้คำตอบว่านางก็เป็นเพียงหญิงคนหนึ่งในอีกหลายๆคนของท่านอ๋องเท่านั้น ในอนาคตคงจะมีหญิงอื่นเข้าตำหนักมาอีกหลายๆคน คงไม่หยุดอยู่แค่หลู้เหม่ยหลินอย่างที่นางเคยคิด เมื่อยืนแอบฟังที่หลังพุ่มไม้ใหญ่ได้สองชั่วยามแล้ว เสียงร่วมรักของสวามีกับหลู้เหม่ยหลินก็ยังดังก้องให้ได้ยิน เสียงครวญครางของสวามีแสดงถึงความสุขสมของเขาเป็นอย่างมาก น้ำตาของนางไหลรินเป็นทาง นางคงจะไร้เดียงสาจนเกินไป คิดว่าความรักนั้นมีอยู่จริง แต่นางเพิ่งได้รู้ว่าสำหรับชายแล้ว ความใคร่ไม่จำเป็นต้องมีความรักเสมอไป เขาสามารถร่วมรักกับหญิงใดก็ได้อย่างมีความสุข คำว่ารักจากปากชายนั้นเป็นเพียงคำลวงให้หญิงที่ไร้เดียงสาเช่นนางหลงไปก็เท่านั้น เมื่อคิดได้ดังนั้น
เช้าวันงานแต่งงานท่านอ๋องกับหลู้เหม่ยหลิน ทางวังหลวงเป็นผู้มาดำเนินการต่างๆในตำหนักให้จนพร้อมพรัก ภายในตำหนักตบแต่งด้วยโคมไฟสีแดง ม่านสีแดง และเครื่องตกแต่งต่างๆจนสวยงาม และคบไฟสว่างตามจุดต่างๆ โต๊ะอาหารและเก้าอี้นั่งถูกเตรียมไว้เต็มลานกว้างหน้าตำหนักนับร้อยๆชุดบ่าวไพร่เดินสวนกันไปมาเพื่อจัดเตรียมความพร้อมต่างๆ อาหารถูกส่งมาจากวังหลวงมาจัดเตรียมไว้อย่างมากมายข้าวปลาอาหารมีมากมายหลากหลายอย่าง สุราชั้นดีรสเลิศที่สุดถูกเตรียมไว้จนพร้อม ผลไม้และขนมมคลต่างๆจัดไว้เต็มโต๊ะขนาดใหญ่มีหลากหลายสีสันสวยงามล้วนน่ารับประทานเป็นอันมากแต่ที่ตรงข้ามกับบรรยากาศงานนั้นคือเจ้าบ่าวแต่งตัวอย่างแกนๆ อยู่ในห้องของเขา ไม่แม้จะไปรับเจ้าสาวด้วยตนเอง ส่งเพียงแม่สื่อไปเท่านั้นเขาไม่มีกระจิตกระใจจะไป ยิ่งมองไปทางเรือนหลังเล็กของชายารักใจเขารานรอน นางจะเสียใจมากไหม นางจะร้องไห้หรือเปล่า ในอกเขาเจ็บแปลบน้อยๆ กลัวนางจะน้อยใจจนร้องไห้ เขาไม่ได้อยากทำแบบนี้เลยแต่ว่าด้วยความเป็นราชวงศ์บางครั้งต้องแยกระหว่างหัวใจกับหน้าที่ แม้ไม่ได้อยากทำก็ต้องทำไปอย่างนั้นเพื่อแว่นแคว้นให้คงอยู่อย่างร่มเย็นส่วนพระชายาหลิวยืนมองบรรยากา
บ่ายวันต่อมาหลู้เหม่ยหลินมาขอพบพระชายาหลิว บ่าวที่ตำหนักหน้าจึงเดินนำนางมาส่งยังเรือนเล็กของพระชายาหลิว เมื่อหยงเอ๋อได้ยินเสียงที่หน้าเรือนจึงเดินออกไปเมียงมองเห็นหลู้เหม่ยหลินยืนอยู่ที่ด้านหน้าเรือนและกำลังมองไปมองมารอบๆตัว หยงเอ๋อเปิดประตูออกไป“ หยงเอ๋อ พระชายาหลิวอยู่หรือไม่ ข้ามาพบเพื่อฝากเนื้อฝากตัวกับนาง รู้หรือไม่อีกไม่นานข้าจะเข้ามาเป็นพระชายารองแล้วนะ ” หลู้เหม่ยหลินเอ่ยขึ้น หยงเอ๋อแอบเบ้ปากเล็กน้อยแล้วตอบว่า “ อีกสักครู่พระชายาจะออกมาพบเชิญคุณหนูหลู้นั่งรอที่โต๊ะด้านข้างนี่ก่อนเจ้าค่ะ ”หลู้เหม่ยหลินเดินขึ้นไปบนระเบียงแล้วไปหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้มุกชุดเล็ก ด้านหน้าเรือนพลางแอบสำรวจดูรอบๆ นางรำพึงในใจว่าพระชายาหลิวได้มาอยู่เรือนเล็กๆนิดเดียวแถมยังอยู่เสียท้ายตำหนักอย่างนี้ แสดงว่าท่านอ๋องก็ไม่ได้ชื่นชอบอะไรนางมากมาย เป็นพระชายาท้ายจวนชัดๆ เฮ้อะ !! นางขิงในใจเล็กน้อย พระชายาหลิวเดินออกมาจากในเรือนแล้วอ้อมมานั่งที่เก้าอี้มุกข้างๆหลู้เหม่ยหลิน “ เจ้ามีธุระอะไรกับข้า พูดมาตามตรงระหว่างเรานั้นเหมือนไก่เห็นนมงู งูเห็นนมไก่เพราะฉะนั้นเจ้าไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำตัวเป็นหญิงอ่อนหวานต