ชิงชิงสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อสายๆ กระพริบตาและทบทวนความทรงจำของเมื่อวานนี้ขึ้นได้หน้านางแดงก่ำขึ้นมาทันทีและหันไปมองข้างกายพบว่าที่นอนว่างเปล่า ท่านอ๋องอี้หลงลุกจากที่นอนออกไปแล้ว นางจึงค่อยๆลุกขึ้นนั่งรู้สึกระบมไปทั่วกายและเจ็บแปลบที่บริเวณกลางกายนางเหลียวมองหาเสื้อผ้าของนางรอบๆเตียงแต่่ไม่เห็น มีชุดคลุมตัวใหญ่ของท่านอ๋องวางอยู่ นางจึงหยิบขึ้นมาใส่แล้วเดินไปแง้มประตูออกไป พบว่ามีบ่าวรับใช้หญิงยืนอยู่ นางจึงบอกบ่าวรับใช้นั้นให้ไปนำเสื้อผ้าของนางที่เรือนหลังเล็กมาให้นางด้วย และตามหยงเอ๋อมาด้วย เมื่อบ่าวเดินลงไปทำตามคำสั่งแล้ว ชิงชิงหันกลับเข้าไปในห้องตามเดิม ไปนั่งรออยู่ที่ตั่งเล็กรอเครื่องแต่งกาย สักพักหนึ่งหย่งเอ๋อก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเสื้อผ้าของนาง ชิงชิงรีบผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดของนาง แล้วนำชุดคลุมของท่านอ๋องไปเก็บไว้ที่เดิม แล้วบอกหย่งเอ๋อว่าให้ตามบ่าวมาช่วยเก็บเตียงในห้องท่านอ๋อง และให้หย่งเอ๋อประคองนางลงไปจากห้องของท่านอ๋อง เมื่อลงไปด้านล่างไม่พบใครอยู่บริเวณนั้น แต่เห็นพ่อบ้านเดินสวนเข้ามาจึงถามว่าท่านอ๋องอยู่ไหนพ่อบ้านบอกว่าท่านออกมาติดภารกิจตอนนี้ออกไปนอกตำหนักพร้อ
ทุกคนมีใบหน้าที่ดีใจและมีความหวังมากขึ้นอย่างน้อยท่านอ๋องก็มีอาการดีขึ้นและมีความหวังว่าจะหายขาด จากนั้นท่านอ๋องลุกขึ้นจากแท่นหินกลางห้องใต้ดินนั้นและสวมเสื้อคลุมที่องครักษ์ยื่นให้สวม จากนั้นต่างทุกคนทะยอยขึ้นมาจากห้องใต้ดิน ท่านหมอบอกว่าหากท่านอาจารย์ได้ตัวยาครบเมื่อใดจะพามาหาท่านอ๋องทันทีจากนั้นก็ลากลับไปเมื่ออาการดีขึ้นแล้ว ท่านอ๋องก็จะขึ้นไปนอนพักผ่อนในห้องนอนด้านบน เมื่อนึกขึ้นได้จึงสอบถามว่าพระชายาอยู่ที่ไหนพ่อบ้านบอกว่าพระชายากลับไปที่เรือนเล็กแล้ว ท่านอ๋องพยักหน้าและเดินเข้าไปพักผ่อนในห้องด้านบน หลังอาหารค่ำนั้นท่านอ๋องเดินไปหาพระชายาที่เรือนเล็ก เมื่อเดินไปถึงพบนางกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ที่เก้าอี้โยกหน้าเรือน ท่านอ๋องเดินไปนั่งข้างพระชายาและเอ่ยขึ้นว่า “ เมื่อเช้าเปิ่นหวางมีภารกิจสำคัญต้องไปทำ จึงไม่ได้รอให้เจ้าตื่นมา แล้วตอนนี้เจ้ารู้สึกเป็นอย่างไรบ้างยังรู้สึกเจ็บระบมอยู่หรือไม่ ชิงชิงหันหน้าไปมองท่านอ๋องใบหน้านางแดงก่ำแล้วก็บอกท่านอ๋องว่า ”เมื่อเช้าก็ยังเจ็บมากเพคะ แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นบ้างแล้วเพคะ"จากนั้นท่านอ๋องฉุดมือนางลุกขึ้นไปนั่งชมดาวที่ตรงริมๆของระเบียงเมื่อนั่งลงแล้วท
หลายวันต่อมาท่านอ๋องมักจะมานอนที่เรือนหลังเล็กกับพระชายา หรือให้พระชายาไปหาที่ตำหนักใหญ่เป็นบางครั้ง อาการของท่านอ๋องดีขึ้นตามลำดับไม่ค่อยมีอาการพิษกำเริบให้เห็นแล้วเขาดูปกติดีจนเวลาผ่านมาเกือบครึ่งค่อนเดือนไม่มีอาการกำเริบขึ้นเลยสักครั้ง ทุกคนต่างลงความเห็นว่าท่านอ๋องน่าจะอาการทุเลามากแล้ว เช้าวันนั้นท่านอ๋องพาพระชายาไปร่วมเสวยอาหารที่วังหลวงกับฮ่องเต้และฮองเฮา และจะได้ไปสังสรรค์กับบรรดาพี่น้องที่ไม่ได้พบกันนานแล้วด้วย ทั้งสองขึ้นรถม้าที่หน้าตำหนักตั้งแต่เช้าเพื่อตรงไปที่วังหลวงเมื่อไปถึงประตูใหญ่ทั้งคู่เดินเข้าไปด้วยกันท่านอ๋องจูงมือพระชายาเดินไปจนถึงในอุทยานที่ฮ่องเต้กับฮองเฮาประทับ อยู่รวมถึงยังมีเหล่าองค์ชายและท่านอ๋องหลายคนนั่งอยู่ในบริเวณนั้นด้วย เมื่อเดินไปถึงทุกคนต่างตกตะลึงที่เห็นท่านอ๋องอี้หลงไม่ได้สวมหน้ากากเงินที่เขามักจะสวมเป็นประจำตั้งแต่เด็ก วันนี้เขาเดินเข้ามาด้วยใบหน้าหล่อเหลา ผิวเนียนขาวผ่องสง่าราศีจับมาแต่ไกล ทุกสายตาต่างหันไปมองใบหน้าของเขา เมื่อเดินไปถึงเขาถวายความเคารพแก่ฮ่องเต้และฮองเฮาเสร็จแล้วก็ทักทายเหล่าพี่น้องของเขา ฮ่องเต้เอ่ยเขาถามทันทีเมื่อเห็นอาก
สายๆวันนี้พ่อบ้านเดินมาบอกว่าท่านอ๋องจะชวนพระชายาไปเดินเล่นซื้อข้าวของกันที่ตลาด และจะไปลองชิมอาหารที่ภัตตาคารมีชื่อของเมืองด้วย ชิงชิงจึงบอกพ่อบ้านไปว่าขอเวลาเตรียมตัวสักครู่ขอให้ท่านอ๋องรอนางที่ตำหนักใหญ่เมื่อนางเสร็จเรียบร้อยจะเดินไปหาท่านอ๋องที่นั่นเอง พ่อบ้านรับคำและเดินจากไป เมื่อเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยชิงชิงและหยงเอ๋อก็เดินออกไปหาท่านอ๋องที่ตำหนักใหญ่ ร่างสูงยืนรอทั้งคู่อยู่ที่หน้าตำหนักแล้ว เมื่อชิงชิงและหยงเอ๋อเดินไปถึงทั้งสี่คนรวมถึงองค์รักษ์ซีห้าวก็เดินออกไปขึ้นรถม้าหน้าตำหนักองค์รักษ์ซีห้าวนั่งกับคนขับรถม้า ท่านอ๋องและพระชายารวมถึงหยงเอ๋อ เข้าไปนั่งในรถม้า จากนั้นจึงเริ่มเดินทางไปตลาดกันเป็นครั้งแรกของท่านอ๋องที่จะไปเดินเที่ยวตลาดทั้งที่คนอื่นเขาไปมากันจนเบื่อแต่ท่านอ๋องไม่เคยมีโอกาสนั้นเพิ่งมีความมั่นใจว่าตัวเองจะเผชิญหน้ากับผู้อื่นได้โดยไม่กังวลว่าจะมีผู้ใดหวาดกลัวตนเองอีก วันนี้จึงเปิดเผยใบหน้าหล่อเหลาต่อหน้าผู้คนจำนวนมากเป็นครั้งแรก หลังจากที่เมื่อวานเปิดเผยให้ฮ่องเต้และฮองเฮา รวมถึงเหล่าพี่น้องของเขาได้เห็นกันเป็นครั้งแรกในรอบเกือบยี่สิบปีเมื่อรถม้าถึงหน้าตลาด องค
หลู้เหม่ยหลินเมื่อสงสัยว่าบุรุษที่มากับหลิวชิงชิงเป็นใครกัน นางจึงเดินเข้าไปทักทายหลิวชิงชิงตรงๆทันที “ พระชายาของท่านอ๋องอี้หลงนั่นเอง ไม่ได้พบกันนานนะเพคะ สบายดีหรือไม่ ” เหม่ยหลินปั้นหน้ายิ้มแย้มทักทายหลิวชิงชิงอย่างเสแสร้งสุดๆ แต่มีหรือคู่ปรับของหลู้เหม่ยหลินตลอดกาลอย่างหลิวชิงชิงหรือพระชายาหลิวจะไม่รู้เท่าทัน“ อ๋อ ไม่ได้พบกันก็ดีแล้ว ตอนนี้ข้าเป็นพระชายาไม่อาจมาทะเลาะกับเจ้ากลางตลาดได้เหมือนเดิมแล้วนะ ”พระชายาหลิวมองเหม่ยหลินด้วยหางตาเบาๆ นางขิงหลู้เหม่ยหลินด้วยการควงแขนสวามีโชว์คู่ปรับเก่าไปเล็กน้อย“ อ๋อ เจ้าคงจะรู้จักสวามีของข้าท่านอ๋องอี้หลงดีแล้วสินะ ” พระชายาหลินขิงอวดสวามีกับคู่ปรับเก่า หลู้เหม่ยหลินตะลึงงันนี่หรือคือท่านอ๋องปีศาจที่เขาเล่าลือกันจนไม่มีใครอยากจะเข้าคัดเลือกเป็นพระชายาเพราะกลัวกิติศัพท์ของท่านอ๋องว่าหน้าตาอัปลักษณ์จนต้องใส่หน้ากากเงินไว้ตลอดเวลาที่ต้องออกจากตำหนัก และดุร้ายโหดเหี้ยมฆ่าคนไม่กระพริบตา แถมทรมานบ่าวไพร่ในจวนอย่างโหดเหี้ยม หลู้เหม่ยหลินรำพึงในใจนี่ข้าเตะหมูเข้าปากหมาหรือนี่ กลายเป็นหลิวชิงชิงได้สวามีหล่อเหลาปานเทพบุตร ทั้งที่ทุกคนต่างคิดว่านา
ข่าวลือเรื่องท่านอ๋องอี้หลงซึ่งขณะนี้หายขาดจากโรคร้ายแล้วนั้น เมื่อถอดหน้ากากสีเงินนั่นออกมีใบหน้าที่หล่อเหลา จนเป็นที่กล่าวขวัญถึงของหญิงงามในแคว้น ต่างอิจฉาในวาสนาของหลิวชิงชิงที่ได้สวามีหล่อเหลารูปร่างสูงสง่าผึ่งผายเดินไปที่ใดก็เป็นที่เป็นจุดสนใจเพราะหล่อเหลาดังเทพเซียนจุติมาอยู่บนโลกมนุษย์ ข่าวนี้ทำให้หลู้เหม่ยหลินดิ้นพล่านด้วยความอิจฉาตาร้อน นางเจ็บใจที่วันนั้นได้ถีบหลิวชิงชิงออกไปยืนตรงหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ ตอนนั้นนางสะใจมาก คิดว่าหลิวชิงชิงคงตกที่นั่งลำบากที่ไหนได้กลับกลายเป็นว่าหยิบยืนโอกาสทองให้หลิวชิงชิงไป เรื่องอื่นยังไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องที่นางถีบหลิวชิงชิงนั้นนางเจ็บใจมากที่สุดเพราะเตะหมูเข้าปากหมาไปด้วยตัวเองแท้ๆ นางจะต้องหาทางแก้ไขเรื่องนี้โดยด่วน โชควาสนานี้นางจะแย่งยื้อมาจากหลิวชิงชิงเอง เมื่อคิดได้ดังนั้น นางรีบเดินออกจากเรือนของตนเองไปหาท่านพ่อของนางที่เป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้นเพื่อขอร้องให้ท่านพ่อใช้อำนาจที่มีช่วยผลักดันให้นางเป็นพระชายาอีกคนของท่านอ๋องอี้หลงให้จงได้ แม้ไม่ได้เป็นพระชายาเอก ขอเป็นพระชายารองก็ยังดี เมื่อเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่หน้าเรือน เห็นท่านพ่อกำล
หลายวันต่อมาค่ำวันนั้นพระชายาหลิวเดินมาที่ตำหนักใหญ่พร้อมด้วยหยงเอ๋อเพราะท่านอ๋องให้พ่อบ้านไปตามมาเพื่อทานอาหารค่ำด้วยกัน เมื่อนางเดินมาถึงห้องโถงกลางที่ใช้เป็นห้องทานอาหารนั้น ท่านอ๋องนั่งรออยู่ที่โต๊ะกลมกลางห้อง มีอาหารหลากหลายอย่างวางบนโต๊ะนั่นท่าทางดูน่ากินเป็นอย่างมาก ชิงชิงเดินไปถึงก็ทรุดนั่งลงข้างๆสวามีของตน“ ท่านพี่เพคะ รอน้องนานหรือไม่ น้องมัวแต่เก็บส่วนผสมเครื่องประทินผิวไว้ให้เรียบร้อยก่อนเพคะ ก็เลยมาช้าไปเล็กน้อย ” ท่านอ๋องหันมามองพระชายาพลางยกยิ้มน้อยๆให้นาง “ ไม่เป็นไรหรอก ชิงเอ๋อ พี่รอเจ้าได้ วันนี้พี่สั่งให้เขาทำอาหารหลายๆอย่างที่เจ้าชอบ เราเริ่มทานกันเลยก็แล้วกันพี่หิวมากแล้ว ”จากนั้นทั้งสองลงมือทานอาหารบนโต๊ะนั่น ชิงชิงคีบอาหารทุกอย่างบนโต๊ะมาชิมจานละนิดจานละหน่อย แล้วเอ่ยชมพ่อครัวของที่ตำหนักนี้ว่าทำอาหารได้เลิศรสไม่แพ้ภัตตาคารใหญ่เลย แล้วฝากบอกพ่อบ้านไปชื่นชมพ่อครัวและให้รางวัลเป็นเงินตำลึงแก่เขาและบอกให้แบ่งให้คนในครัวทั้งหมดด้วย พ่อบ้านรับเงินตำลึงไปจากหยงเอ๋อแล้วบอกว่าทุกคนในครัวคงจะดีใจเป็นอย่างมากกับความเมตตาของพระชายา ชิงชิงยิ้มน้อยๆ จากนั้นคีบอาหารใส่ในถ้
ช่วงบ่ายๆวันต่อมามีขันทีนำราชโองการจากองค์ฮ่องเต้มาตำหนักของท่านอ๋องอี้หลง พ่อบ้านให้บ่าวไป เชิญพระชายามารับทราบราชโองการนี้ด้วย ท่านอ๋องและพระชายารับราชโองที่หน้าตำหนัก ขันทีแจ้งข้อความในราชโองการนั้นว่า“ ด้วยท่านแม่ทัพหลู้กังทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติมานานหลายสิบปี นับเป็นคุณงามความดีที่ใหญ่หลวงมาก จึงพระราชทานตำแหน่งพระชายารองของท่านอ๋องอี้หลงให้แก่คุณหนูหลู้เหม่ยหลิน ขอท่านอ๋องอี้หลงน้อมรับราชโองการนี้ไว้ด้วย ท่านอ๋องและพระชายากล่าวรับราชโองการแล้ว ขันทีจึงขอตัวกลับออกไป พ่อบ้านเกาตกตะลึงจนไม่แม้แต่จะหยิบเงินตำลึงเป็นของกำนัลให้แก่ขันทีด้วยซ้ำ ท่านอ๋องพยุงพระชายาลุกขึ้น แล้วโอบกอดนางไว้ ” พี่ไม่ได้อยากได้ชายาหรืออนุเพิ่มขึ้นมาเลย แต่คิดว่าเสด็จพ่อคงต้องมีความจำเป็นบางอย่าง ถึงได้ประทานคุณหนูหลู้มาเป็นพระชายารองของพี่เจ้าเข้าใจพี่หรือไม่ พี่รักเพียงเจ้าเท่านั้น ไม่อยากให้คนอื่นมาแทรกกลางระหว่างเราเลย “ท่านอ๋องเชยคางพระชายาหลิวขึ้นมามองสบดวงตาปริ่มน้ำตาของนาง ” น้องกับหลู้เหม่ยหลินเป็นคู่ปรับกันมานานหลายปีแล้วเพคะ น้องคิดว่าคงเป็นเพราะวันนั้นนางพบท่านพี่ที่ตลาด คงจะนึกพึงใจเป็นแ
หลังจากผ่านเหตุการณ์เลวร้ายไปไป 3 เดือนเช้าวันหนึ่ง เมื่อตื่นมาพระชายาหลิวมีอาการคลื่นไส้อาเจียนตั้งแต่เช้านางรีบวิ่งไปที่กระโถนเพื่ออาเจียนเอาน้ำใสๆออกมา ท่านอ๋องลุกขึ้นนั่งบนเตียงมองพระชายาวิ่งไปอาเจียนตั้งแต่เช้าและลุกขึ้นไปลูบหลังนางว่าเป็นอย่างไรบ้างรู้สึกเป็นยังไงบ้าง จะให้ตามท่านหมอเลยไหมนางบอกว่าตามท่านหมอมาก็ดีเหมือนกันเพราะนางไม่เคยมีอาการแบบนี้เลย ท่านอ๋องจึงเรียกหยงเอ๋อมาบอกว่าให้ไปตามให้ไปบอกพ่อบ้านให้ไปตามหมอมาดูอาการพระชายาตอนนี้เลย หลังจากนั้นเขาลุกขึ้นไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกายและพยุงชิงชิงมานั่งมานั่งบนเตียง จากนั้นให้หย่งเอ๋อมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้นาง เมื่อเช็ดหน้าเช็ดตาจนสบายดีแล้วเอายายาแก้คลื่นเหียนมาให้นางสูดดมจนนางรู้สึกสบายขึ้นจึงนั่งพิงหัวเตียงอยู่เพื่อรอท่านหมอ ผ่านไปครู่ใหญ่ท่านหมอก็เดินเข้ามาในเรือนหลังเล็กและลงมือตรวจอาการพระชายา เมื่อลงมือตรวจอาการไปได้สักพักหนึ่งก็หันมาบอกท่านอ๋องว่าขอแสดงความยินดีด้วยตอนนีพระะชายมีท่านอ๋องน้อยแล้วขอให้พระชายาดูแลตนเองให้ดีๆตอนช่วงนี้อย่าเคลื่อนไหวร่างกายมากให้ทำกิจกรรมเบาๆเพราะยังท้องอ่อนๆอยู่และได้ให้ยาบำรุงครรภ์ไว้
อีกสองวันต่อมาท่านแม่ทัพใหญ่ลู่กังเข้าวังเพื่อไปทูลขอร้องฮ่องเต้ให้ขอออกราชโองการหย่าร้างหลู้เหม่ยหลิงกับท่านอ๋องอี้หลงเพราะว่าท่านอออี้หลงมีอาการกำเริบทำให้ลูกเหม่ยหลิงหวาดกลัวมาก นางกลัวจนแทบจะเป็นบ้าแม้ท่านแม่ทัพบอกว่าแม้จะเห็นใจท่านอ๋องอี้หลงเป็นอย่างมากแต่ไม่อาจปล่อยให้บุตรสาวหวาดกลัวสามีตนเองจงมีอาการเหมือนเหมือนจะบ้า เขาคงขอต้องขอตัดไฟตั้งแต่ต้นลมก่อนที่บุตรีของตนเองจะกลายเป็นบ้า เมื่อฮ่องเต้รู้เรื่องก็ไม่ได้เอาความอะไร เพราะเข้าใจดีและอีกอย่างหนึ่งท่านอ๋องอี้หลงก็มาบอกเรื่องราวเหล่านี้แก่เขา ตั้งแต่แรกแล้วเพราะว่าไม่ได้ต้องการพระชายารองตั้งแต่แรกแล้วเขารักเพียงหลิวชิงชิงชายาของเขาเพียงเท่านั้น หากว่ามีท่านแม่ทัพใหญ่มาขอหย่าก็ขอให้ฮ่องเต้ช่วยจัดการให้เขาด้วยฮ่องเต้จึงรับปากว่าจะออกราชโองการให้เลยตอนนี้ ท่านแม่ทัพใหญ่กลับออกไปด้วยสีหน้าโล่งใจ ที่การขอร้องฮ่องเต้เป็นไปอย่างง่ายดายและราบรื่น เมื่อคล้อยหลังท่านอ๋องท่านแม่ทัพใหญ่ ฮ่องเต้ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ท่านอ๋องทำแบบนี้ดีแล้วมันจะได้ไม่มีปัญหากับทุกฝ่ายทั้งไม่มีปัญหากับบ้านเมืองและท่านอ๋องก็สมหวังไม่ต้องมีชายาที่ตัวเองไม
ท่านอ๋องนั่งที่เรือนเล็กปล่อยให้นางบีบนวดตามร่างกายไปได้สักครู่ เขาก็รู้สึกถึงอาการป่วยของเขาที่เริ่มจะกำเริบขึ้น เริ่มมีอาการร้อนรุ่มตามร่างกายเหมือนมีอาการลมปรานแปรปรวน ธาตุไฟจะเข้าแทรกพอเริ่มมีอาการเขาก็เริ่มกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวนเหมือนสัตว์ที่บาดเจ็บ เส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาตามลำคอและใบหน้าของเขาเป็นสีแดงเต้นตุบๆเหมือนมีสิ่งใดเคลื่อนไหวอยู่ในนั้น มองดูน่ากลัวมากทั้งหน้าเขามีแต่เส้นเลือดไขว้กันเป็นใยแมงมุม เริ่มขึ้นตามหน้าใบหน้าและลำคอให้เห็นดูน่าสยดสยองมาก พระชายาหลู้และบ่าวรับใช้ของนางกรีดร้องขึ้นพร้อมกัน เมื่อเห็นสิ่งนั้นนางทรุดนั่งลงกับพื้น หงายหลังล้มลงเพราะตกใจเป็นอย่างมาก นางหนีท่านอ๋องออกมายังหน้าประตู เมื่อนางหันไปมองเห็นท่านอ๋องทรุดนั่งลงแล้วกรีดร้องออกมาอย่างโหยหวน เสียงนั้นบาดลึกเข้าไปในใจนาง มันน่ากลัวมากเหมือนกับอสุรกายร้ายหรือปีศาจที่เขาเล่าลือกัน นางรู้แล้วสิ่งที่เขาเล่าลือกันนั้นเป็นความจริงท่านอ๋องเป็นมนุษย์กึ่งปีศาจนางเพียงแต่เห็นแต่รูปโฉมที่เป็นมนุษย์ของเขา อาจจะเป็นรูปโฉมที่ลวงตาคนก็ได้ แต่ตอนนี้นางได้เห็นอีกด้านหนึ่งของเขามันเหมือนปีศาจที่น่ากลัวม
พระชายารองหลู้เดินวนเวียนไปมาในเรือนเล็กปีกซ้ายของตนเอง ตั้งแต่หลังเข้าหอท่านอ๋องแทบจะไม่มาที่เรือนหลังนี้เลยเมื่อนางไปหาก็ไม่พบหรือไม่ท่านอ๋องก็ให้นางกลับมารอที่เรือนนี้แล้วจะตามมา แต่ก็ไม่เคยตามมาหานางดังที่บอกนางเลย นางครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดี หลานเอ๋อสาวใช้ของนางที่นั่งมองพระชายาหลู้เดินวนเวียนไปมาจนปวดหัวจึงเอ่ยขึ้นว่า “ พระชายารองเจ้าคะ เรื่องแบบนี้ต้องใจเย็นๆ หากคิดจะผูกใจสามีท่านต้องมีความอดทนมากกว่านี้ งั้นวันนี้ท่านลองทำขนมไปให้ท่านอ๋องชิมดีไหมเจ้าคะ จะได้เป็นการหาทางใกล้ชิดพูดคุยกันมากๆ เผื่อจะได้สนิทสนมกันมากขึ้น ” พระชายาหลู้มีสีหน้าที่ดีขึ้น “ ถ้าอย่างนั้นดีเลย ข้าจะเข้าไปทำขนมแล้วเอาไปให้ท่านพี่ลองชิมดูก็แล้วกัน” นางเข้าไปไปทำขนมขนมหวานสูตรที่มารดาเคยสอนนางและมันอร่อยมาก เมื่อทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางถือจานขนมนั้นตรงไปที่ตำหนักใหญ่ เมื่อเข้าไปถึงพ่อบ้านบอกว่าท่านอ๋องไม่อยู่ออกไปธุระต่างเมืองอีกหลายวันถึงจะกลับนางโมโหมากที่ท่านอ๋องไม่บอกนางเลยว่าจะไปที่ไหนนางเป็นพระชายาของท่านอ๋องแท้ๆ แต่ไม่รู้ความเคลื่อนไหวของสวามีเลยว่าเขาจะอยู่หรือไม่อยู่ที่ตำหนัก แถมยังไม่เคยมาห
ท่านอ๋องอี้หลงสั่งองครักษ์ไปสอดแนมที่จวนเสนาบดีหลิวว่าพระชายาทำอะไรบ้างในแต่ละวัน มีใครมาหานางหรือนางไปพบใครบ้าง ให้มารายงานทุกเรื่องที่เกี่ยวกับนาง ด้านจวนเสนาบดี หงอี้หรานมาเยี่ยมชิงชิงที่จวนเสนาบดีบ่อยๆ เขามักจะมานั่งคุยกับชิงชิงที่ศาลากลางสระบัว มานั่งกินขนมที่ชิงชิงทำ และบางครั้งก็หาซื้ออะไรแปลกๆมาฝากนาง หรือเขามักจะอยู่รับทานอาหารค่ำกับครอบครัวเสนาบดีหลิวเพราะเขารู้จักครอบครัวนี้มาตั้งแต่เขาเป็นเด็กมาวิ่งเล่นในจวนเสนาบดีนี้ และมาเยี่ยมครอบครัวเสนาบดีหลิวพร้อมบิดามารดาของเขาที่ตอนนี้อยู่ที่เมืองตงสู ชิงชิงเกิดความคิดอยากจะไปเที่ยวเมืองตงสูดูบ้าง นางไม่ได้ไปเที่ยวต่างเมืองมานานแล้ว หงอี้หรานจึงบอกว่างั้นก็ตามเขาไปเที่ยวที่เมืองตงสูได้เลย เขาจะกลับเอาของไปส่งเป็นเที่ยวแรกในอีกสามวัน ชิงชิงจึงบอกว่าจะต้องขออนุญาติท่านพ่อก่อนว่าจะให้นางไปได้หรือไม่ องครักษ์ขั้นสองของท่านอ๋องนำข่าวเรื่องเกี่ยวกับพระชายากลับไปทูลท่านอ๋องทุกเรื่อง เมื่อเสร็จสิ้นการรายงานขององครักษ์ขั้นสอง ท่านอ๋องใบหน้าบึ้งตึ้งขึ้นมาทันที หมายความว่านางมีที่หมายใหม่ อยากจะหาสามีใหม่ทั้งที่สามีเก่าก็ยังอยู่ตรงนี้ นาง
วันนี้ชิงชิงมาเดินเล่นที่ตลาด นางสบายใจขึ้นบ้างแล้วและเริ่มทำใจได้ นางคิดได้แล้วจะขอหย่ากับท่านอ๋องให้ได้ เมื่อตัดใจได้จึงมาเดินเล่นซื้อหาของกินที่ตลาดกับหยงเอ๋อ เมื่อเดินหาของกินเล่นได้หลายอย่างแล้ว แวะซื้ออุปกรณ์ตัดเย็บเล็กน้อย ซื้อเครื่องปรุงครีบประทินผิวเพิ่มเติม ผลไม้เชื่อมหลายๆอย่าง และก็เดินเล่นเรื่อยๆไป ขณะนั้นหันไปสบตากับบุรุษคนหนึ่งเขายิ้มกว้างให้นางเหมือนดีใจที่ได้พบกัน นางมองรอยยิ้มนั้นแล้วเพิ่งนึกออกว่าคืออดีตสหายวัยเด็ดที่ชื่อหงอี้หราน ฝ่ายอี้หรานรีบเดินมาหานางทันที “ จำข้าได้ไหมชิงเอ๋อ ข้าไปค้าขายที่ต่างเมืองมาหลายปีเพิ่งกลับมาเยี่ยมญาติที่นี่จึงมาเดินเล่นดูข้าวของแปลกๆเผื่อจะนำไปขายยังเมืองตงสูที่ข้าทำการค้าอยู่ ” ชิงชิงยิ้มตอบร่างหนา “ ไม่ได้พบกันเสียนาน เมื่อยังเยาว์เจ้าขี้เหร่มากไม่หล่อเหลาเท่านี้ พอโตขึ้นแทบจำไม่ได้ รูปร่างที่เคยผอมเกร็งตอนนี้สูงใหญ่ผึ่งผายน่าดู ” อี้หรานยิ้มแย้มให้อีกฝ่าย “ ก็ข้าเป็นผู้ใหญ่แล้วอยู่ดีกินดีกว่าเดิมก็เลยอ้วนท้วนขึ้น แต่เจ้าสวยงามขึ้นมาก ออกเรือนหรือยัง หากยังข้าขอสมัครเป็นคนแรก เจ้าจะรับพิจารณาหรือไม่ ”ชิงชิงหัวเราะเบาๆคิดว่าเขาพู
พระชายาหลิวยืนอยู่ข้างเรือนเล็กปีกซ้ายที่ท่านอ๋องจัดให้พระชายาหลู้หรืออดีตหลู้เหม่ยหลิน นางได้ยินเสียงร้องครวญครางของสวามีและหลู้เหม่ยหลินชัดเจน เสียงร่วมรักดังก้องสนั่นจนออกมานอกตัวเรือน นางเดินหลบบ่าวไพร่มาเพื่ออยากจะรู้ความจริงว่ากับหญิงอื่นที่ท่านอ๋องบอกว่าไม่ได้รักนาง ไม่ได้ต้องการนางท่านอ๋องจะร่วมรักกับนางอย่างเร่าร้อนเหมือนที่เป็นกับตนเองหรือไม่ เมื่อได้ยินเสียงทั้งหมดนางก็ได้คำตอบว่านางก็เป็นเพียงหญิงคนหนึ่งในอีกหลายๆคนของท่านอ๋องเท่านั้น ในอนาคตคงจะมีหญิงอื่นเข้าตำหนักมาอีกหลายๆคน คงไม่หยุดอยู่แค่หลู้เหม่ยหลินอย่างที่นางเคยคิด เมื่อยืนแอบฟังที่หลังพุ่มไม้ใหญ่ได้สองชั่วยามแล้ว เสียงร่วมรักของสวามีกับหลู้เหม่ยหลินก็ยังดังก้องให้ได้ยิน เสียงครวญครางของสวามีแสดงถึงความสุขสมของเขาเป็นอย่างมาก น้ำตาของนางไหลรินเป็นทาง นางคงจะไร้เดียงสาจนเกินไป คิดว่าความรักนั้นมีอยู่จริง แต่นางเพิ่งได้รู้ว่าสำหรับชายแล้ว ความใคร่ไม่จำเป็นต้องมีความรักเสมอไป เขาสามารถร่วมรักกับหญิงใดก็ได้อย่างมีความสุข คำว่ารักจากปากชายนั้นเป็นเพียงคำลวงให้หญิงที่ไร้เดียงสาเช่นนางหลงไปก็เท่านั้น เมื่อคิดได้ดังนั้น
เช้าวันงานแต่งงานท่านอ๋องกับหลู้เหม่ยหลิน ทางวังหลวงเป็นผู้มาดำเนินการต่างๆในตำหนักให้จนพร้อมพรัก ภายในตำหนักตบแต่งด้วยโคมไฟสีแดง ม่านสีแดง และเครื่องตกแต่งต่างๆจนสวยงาม และคบไฟสว่างตามจุดต่างๆ โต๊ะอาหารและเก้าอี้นั่งถูกเตรียมไว้เต็มลานกว้างหน้าตำหนักนับร้อยๆชุดบ่าวไพร่เดินสวนกันไปมาเพื่อจัดเตรียมความพร้อมต่างๆ อาหารถูกส่งมาจากวังหลวงมาจัดเตรียมไว้อย่างมากมายข้าวปลาอาหารมีมากมายหลากหลายอย่าง สุราชั้นดีรสเลิศที่สุดถูกเตรียมไว้จนพร้อม ผลไม้และขนมมคลต่างๆจัดไว้เต็มโต๊ะขนาดใหญ่มีหลากหลายสีสันสวยงามล้วนน่ารับประทานเป็นอันมากแต่ที่ตรงข้ามกับบรรยากาศงานนั้นคือเจ้าบ่าวแต่งตัวอย่างแกนๆ อยู่ในห้องของเขา ไม่แม้จะไปรับเจ้าสาวด้วยตนเอง ส่งเพียงแม่สื่อไปเท่านั้นเขาไม่มีกระจิตกระใจจะไป ยิ่งมองไปทางเรือนหลังเล็กของชายารักใจเขารานรอน นางจะเสียใจมากไหม นางจะร้องไห้หรือเปล่า ในอกเขาเจ็บแปลบน้อยๆ กลัวนางจะน้อยใจจนร้องไห้ เขาไม่ได้อยากทำแบบนี้เลยแต่ว่าด้วยความเป็นราชวงศ์บางครั้งต้องแยกระหว่างหัวใจกับหน้าที่ แม้ไม่ได้อยากทำก็ต้องทำไปอย่างนั้นเพื่อแว่นแคว้นให้คงอยู่อย่างร่มเย็นส่วนพระชายาหลิวยืนมองบรรยากา
บ่ายวันต่อมาหลู้เหม่ยหลินมาขอพบพระชายาหลิว บ่าวที่ตำหนักหน้าจึงเดินนำนางมาส่งยังเรือนเล็กของพระชายาหลิว เมื่อหยงเอ๋อได้ยินเสียงที่หน้าเรือนจึงเดินออกไปเมียงมองเห็นหลู้เหม่ยหลินยืนอยู่ที่ด้านหน้าเรือนและกำลังมองไปมองมารอบๆตัว หยงเอ๋อเปิดประตูออกไป“ หยงเอ๋อ พระชายาหลิวอยู่หรือไม่ ข้ามาพบเพื่อฝากเนื้อฝากตัวกับนาง รู้หรือไม่อีกไม่นานข้าจะเข้ามาเป็นพระชายารองแล้วนะ ” หลู้เหม่ยหลินเอ่ยขึ้น หยงเอ๋อแอบเบ้ปากเล็กน้อยแล้วตอบว่า “ อีกสักครู่พระชายาจะออกมาพบเชิญคุณหนูหลู้นั่งรอที่โต๊ะด้านข้างนี่ก่อนเจ้าค่ะ ”หลู้เหม่ยหลินเดินขึ้นไปบนระเบียงแล้วไปหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้มุกชุดเล็ก ด้านหน้าเรือนพลางแอบสำรวจดูรอบๆ นางรำพึงในใจว่าพระชายาหลิวได้มาอยู่เรือนเล็กๆนิดเดียวแถมยังอยู่เสียท้ายตำหนักอย่างนี้ แสดงว่าท่านอ๋องก็ไม่ได้ชื่นชอบอะไรนางมากมาย เป็นพระชายาท้ายจวนชัดๆ เฮ้อะ !! นางขิงในใจเล็กน้อย พระชายาหลิวเดินออกมาจากในเรือนแล้วอ้อมมานั่งที่เก้าอี้มุกข้างๆหลู้เหม่ยหลิน “ เจ้ามีธุระอะไรกับข้า พูดมาตามตรงระหว่างเรานั้นเหมือนไก่เห็นนมงู งูเห็นนมไก่เพราะฉะนั้นเจ้าไม่ต้องเสแสร้งแกล้งทำตัวเป็นหญิงอ่อนหวานต