เสียงเขาร้องโอดโอยอย่างบอกให้รู้ว่าเจ็บจริงๆ ไม่ใช่เสแสร้ง นั่นพอจะทำให้สิ่งที่เดือดปุดๆ ในอกของหล่อนคลายลงบ้างเล็กน้อย
“จำไว้แล้วกันว่าอย่าพูดแบบนี้กับฉันอีก”
เขาสะบัดเท้าไปมา นัยน์ตาวาวจ้าด้วยความโกรธ แล้วในขณะเดียวกันก็นึกประหลาดใจที่ผู้หญิงคนนี้มองเขาอย่างไม่แยแส สำหรับผู้ชายที่เคยคิดว่าตัวเองเลอเลิศสุดแสน ผู้หญิงเห็นเป็นต้องจับตามองด้วยแววตาชื่นชม บางครั้งมองจนเหลียวหลัง ปรารถนาในตัวเขาอย่างเปิดเผย แล้วนี่กะแค่นางรำคนหนึ่ง ที่ภิไธยเห็นว่าต่ำต้อยกว่าเขาจนเปรียบเทียบไม่ได้ หล่อนมองเขาด้วยแววตาจงชังรังเกียจเสียด้วยซ้ำ ทำให้เขาสุดจะทน
เขากัดฟันข่มความเจ็บปวดให้พ้นไป สาวเท้าเข้าไปใกล้ ขบฟันแน่นส่งเสียงลอดออกมา
“หล่อนจะมากเกินไปแล้ว หล่อนทำร้ายฉัน”
เหมือนลืมตัวไปชั่วขณะหนึ่ง ภิไธยจับบ่าบอบบางนั้นเขย่าแรงๆ พานกะไหล่ในมือหล่อนปลิวหวือไปอีกทิศทางหนึ่ง แล้วหล่อนก็สั่นเทิ้มด้วยแรงเขย่าอย่างไม่ปรานีปราศรัยสักนิดนั่น
“ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าดีกับฉันอย่างนี้...”
มือข้างหนึ่งปล่อยออกจากบ่าเงื้อขึ้นสูง หมายดวงหน้าที่ลงเมคอัพไว้เข้มจัดนั่น ดวงตาของเกนเกดขยายกว้างขึ้น บอกถึงความตกใจ แล้วสัญชาตญาณปกป้องตัวเองก็ทำให้หล่อนรีบเบนหน้าออกไปห่าง ใจหล่นวับ
แต่ระวีออกมาถึงพอดี “อย่าฮะ คุณไธย”
เขาห้ามเสียงตกใจ คว้ามือของภิไธยเอาไว้ได้ทัน
ภิไธยฮึดฮัดอยู่บ้างแต่อกกลับโล่ง เพราะโมหะตัวเดียวที่เกือบจะทำให้เขาทำบ้าๆ
ก็เขาไม่เคยลงมือทำร้ายผู้หญิงมาก่อนเลยนี่นา
เขาดึงภิไธยออกห่างจากเกนเกด แต่ภิไธยก็ยังไม่ยอมอยู่เฉย เขามองเกนเกดเหมือนจะฉีกหล่อนออกเป็นชิ้นๆ พร้อมกับเสือกใสไล่ส่ง
“ไสหัวออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้เลย”
เกนเกดเม้มปากเข้าหากัน หล่อนเพิ่งผ่านพ้นนาทีวิกฤติไปหยกๆ แคล้วคลาดไปอย่างหวุดหวิด แล้วเมื่อยังยืนจ้องหน้าเขาอยู่เฉยๆ ก็ได้ยินเสียงห้าวห้วนขับไล่มาอีก
“ยังจะมายืนอยู่อีก”
“ฉันไปแน่ค่ะ ไม่ต้องไล่ก็ไป...ที่มานี่ก็มาทำงานตามที่คุณชนาเธอจ้างเอาไว้เท่านั้น...แล้วคงจะเป็นหนเดียวด้วย...ฉันเป็นนางรำก็จริง แต่เชื่อไหมคะ...ไปมาก็หลายแห่งแล้ว ได้พบเศรษฐีมาก็มาก พวกผู้ดีก็มาก เมื่อก่อนฉันก็คิดว่าพวกเศรษฐีมีเงินนี่คงจะเป็นผู้ดีกันหมด แต่คืนนี้ฉันเพิ่งรู้...”
ริมฝีปากอิ่มเต็มเคลือบสีสดจัดจ้านเพราะต้องเข้าแสงไฟแย้มออกจากกันอย่างเยาะหยัน นั่นทำให้ภิไธยเป็นฝ่ายสั่นเทิ้มขึ้นมาบ้างเหมือนกัน แล้วระวีก็รั้งเอาไว้ไม่อยู่ ภิไธยสลัดหลุดไปแล้ว แต่คราวนี้เกนเกดว่องไวนักหนา หล่อนวิ่งหนีโดยยกชายผ้านุ่งขึ้นเห็นช่วงขาขาวเนียนนวลกระจ่าง
“คุณไธย...”
ระวีกระโจนตามติดมา ใจภาวนาให้เกนเกดหนีไปได้พ้นๆ แล้วเขาก็โล่งอกเมื่อเห็นเกนเกดไปถึงรถยนต์ของหล่อนเปิดประตูที่ไม่ได้ล็อกขึ้นไปนั่งแล้วล็อกเสียแน่นหนา กระจกก็ไม่ได้ไขลงมา
“คุณไธยอย่าตามเลย” ระวีร้องบอกเมื่อเขาเข้ามาถึงตัวญาติผู้พี่ “ปล่อยไปเถอะฮะ ต่อไปนี้คงจะไม่ต้องเจอะเจอกันอีกแล้ว”
ภิไธยยืดตัวขึ้นตรงมองตามรถโฟล์คเก่าๆ นั่นไป ด้วยแววตาที่ระวีเองก็ไม่สู้จะสบายใจสักเท่าไหร่เพราะเขาใกล้ชิดมานานปีจนรู้ว่าแววตาแบบนี้แหละบอกว่าภิไธยจะไม่ยอมหยุดอยู่เพียงแค่นี้แน่นอน
“ฉันอยากรู้ว่าแม่นั่นชื่ออะไร ทำงานประจำที่ไหนหรือเปล่า หรือเป็นแค่นางรำอย่างเดียว”
...เอาล่ะซิโว้ย...
ระวีอุทานในใจ มาตกหัวเขาเหมือนเดิมซิน่า
“เร็วด้วยนะ ระวี ฉันอยากรู้...” สายตาเขาไปสะดุดกับอะไรอย่างหนึ่งที่เป็นสีทองแวววาว พอเขามองไประวีก็มองตามปร๊าด
“รองเท้าครับ คุณไธย...”
“เก็บมาด้วย...”
ระวีไปหยิบรองเท้านั่นแล้วก็เจอเครื่องประดับอีกชิ้นหนึ่ง ชิ้นไม่ใหญ่มากนัก อาจจะเป็นเครื่องประดับผม...เขาหยิบมาด้วยกัน
“คุณไธยจะส่งคืนหรือครับ...”
“ตามตัวให้ได้ก่อน”
“ยังกะเรื่องนางซินเดอเรลลา” เพื่อนพ้องล้อเลียนเมื่อเห็นรองเท้าทองปลายงอนเชิดที่เกนเกดทิ้งหลุดเอาไว้ ภิไธยยังมีสีหน้าปกติไม่บอกว่าเขารู้สึกอย่างไรกันแน่ ระวีจึงเดินเลยผ่านไปเพื่อเก็บรองเท้านั่นไว้ในห้องข้างใน
“สนุกกันต่อเถิด...”
งานเลี้ยงวันเกิดของเขาเหมือนงานสังสรรค์ที่มีหัวข้อธุรกิจเป็นแกนนำเสียมากกว่า มีเหล้าเป็นเครื่องดื่มแล้วแต่จะเลือก เพราะเสิร์ฟกันไม่อั้น แต่ในเวลาเดียวกันก็ไม่มีผู้หญิงเข้ามาเพิ่มความมีชีวิตชีวา ไม่มีความรื่นรมย์ใดๆ เลย นอกจากจะเจรจากันอย่างเคร่งเครียดต่อ
ภิไธยเป็นเช่นนี้เสมอ ทุกลมหายใจเข้าออกของเขาดูจะเป็นเรื่องงานไปเสียหมด แล้วเมื่องานจบลงในตอนเที่ยงคืนเศษๆ เขาก็พอใจที่การเจรจาเรื่องการค้าอย่างหนึ่งของเขาบรรลุผลไปด้วยดี
นั่นเป็นของขวัญวันเกิดที่เขาให้กับตัวเอง
เป็นความภูมิใจอันแสนสุขของเขา งานย่อมมาก่อนสิ่งอื่นใดเสมอ
จนเหลือแต่เขากับระวีเพียงสองคนเท่านั้น...ชายหนุ่มถึงมีท่าทางตามสบายขึ้นมาบ้าง ถอดเสื้อสูทออก พร้อมกับเอ่ยพึม “ฉันเพลียจัง...ขอกาแฟสักแก้ว...เร็วๆ นะ”
“เหนื่อยแล้วผมว่าเป็นน้ำหวานดีกว่า มันจะทำให้ชื่นใจขึ้นได้”
ภิไธยหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปาก
“อีกแล้ว นายเคี่ยวเข็ญฉันดื่มน้ำหวาน ให้ฉันเป็นหน้าตัวเมียอีกแล้ว”
“มันไม่เกี่ยวหรอกฮะ ไอ้ความคิดแบบนั้นมันเป็นค่านิยมซะมากกว่า...ผมเพียงไม่อยากให้คุณไธยดื่มกาแฟเพียวตอนเหนื่อยจัดๆ ...มันจะยิ่งไปกระตุ้นให้เครียดหนักขึ้นไปอีก”
ระวีออกไปจากห้องแล้ว ภิไธยถึงหย่อนกายลงนั่งมือควานลงไปพบกล่องเล็กๆ ที่นางรำคนนั้นบอกว่าชนาส่งมาให้เขา...เพียงพิจารณาอย่างจริงจังแวบเดียว ภิไธยก็รู้สึกคุ้นตาอย่างประหลาด
ชายหนุ่มเปิดกล่องออกดู แล้วก็นิ่งอึ้งเมื่อมองเห็นแหวนในกล่อง
ชนาคืนแหวนหมั้นให้กับเขาในงานวันเกิดของเขา
หล่อนมีเจตนาอย่างไรกันแน่...
เขาหยิบแหวนมาพิจารณาใกล้ๆ พอดีกับประตูห้องเปิดเข้ามา เขาถือแหวนค้างไว้ในมือเช่นนั้น
“ของขวัญจากใครหรือฮะ”
ระวีวางแก้วใบสูงที่ละอองฝ้าเกาะโดยรอบบอกให้รู้ว่าเย็นจัดลงตรงด้านขวามือของเขา แล้วมองดูแหวนวงนั้น
ภิไธยยกไหล่เล็กน้อย “คุณแมวคืนมา...”
ระวีพยายามมองหาความผิดปกติจากภิไธย แต่เขาก็ไม่ได้เห็นแม้แต่นิดเดียว
“ต่อโทรศัพท์ไปบ้านคุณแมวให้ที”
ระวีปฏิบัติตามคำสั่งโดยเร็ว พักใหญ่ก็ส่งหูโทรศัพท์มาให้เขา ภิไธยกรอกเสียงนุ่มๆ ลงไป
“ขอสายคุณชนาครับ”
“ไม่อยู่ค่ะ ออกบิน...”
“จะกลับเมื่อไหร่ครับ”
“วันพุธหน้าค่ะ...”
อย่างเบามือภิไธยวางสายลง แล้วเอนหลังพิงพนักใส่แหวนลงไปในกล่องตามเดิม แล้วปิดฉับลง จึงเท่ากับกล่องนั้นยังอยู่ในอุ้งมือ
“รออีกสี่วันฉันกับเขามีเรื่องจะต้องพูดกันเยอะ...”
“คุณแมวมีเจตนาอะไรกันแน่ถึงส่งแหวนคืน...”
“เขาคงอยากจะถอนหมั้น แต่ฉันไม่ยอมนะ...มันง่ายเกินไป ก็หมั้นหมายกันเอาไว้แล้ว จะแต่งกันไม่นานนี้...มาทำแบบนี้ไม่ได้แน่”
ที่ระวีแสนประหลาดใจก็คือซุ่มเสียงและท่าทางของภิไธยไม่บอกสักนิดว่าจะเคืองขุ่นนอกเสียจากไม่พอใจที่ชนาทำเหมือนเป็นเรื่องของเด็กเล่นขายของ
“อยู่ๆ ก็ส่งนางรำมารำบ้าบอกลางงาน...ทำให้เพื่อนๆ ฉันได้หัวเราะกันเกรียว...แถมแม่นั่นก็ยังทำให้เท้าฉันเจ็บ”
“ผมว่าจะขอดู ก็ลืมไป...คุณไธยยกขาขึ้นหน่อยซิ”
“ไม่ต้อง” เขาโบกมือ “ไม่ถึงกับมากมาย แต่แม่นั่นลองดีกับฉันมากเกินไป อย่าลืมนะ ระวี...สืบเสาะดูว่ามาจากไหน ชื่ออะไร...”
“คุณไธยจะทำอะไร” ระวีถามออกไปอย่างโง่ๆ ไม่น้อย
ได้ยินเสียงหัวเราะของภิไธยกังวานไปทั่วทั้งห้องทีเดียว
“ผู้หญิงนี่เอามาทำอะไรได้บ้างเล่า...ถ้าไม่จับลงนอนหงายแล้วเราอยู่ข้างบนน่ะ ฮึ...นายบอกฉันทีเถอะ...หรือนายจะให้ฉันเอาแม่คนนั้นมานั่งไว้บนแท่นปูผ้าขาวลาดกราบวันละสามเวลา จะได้เจริญกับตัวเอง”
เรื่องอะไร?เกนเกดขับรถเข้าบ้านในตอนเที่ยงคืนเศษๆ ไปแล้ว หล่อนมีคิวการแสดงประจำที่ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่งซึ่งหรูหราติดอันดับของสถานที่ที่มีการแสดงศิลปะแบบไทยๆ หลังจากออกมาจากบ้านของภิไธยแล้ว...เมคอัพยังไม่ได้ล้างจากใบหน้าแต่เกนเกิดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดธรรมดาแล้ว“แม่เกดรึ...”เสียงสั่นเครือทักขึ้น ทำให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นแล้วก็หิ้วรองเท้าขึ้นมาด้วย“คุณยายยังไม่นอนอีกหรือคะ...”“ยายลงมากินน้ำ...คอแห้ง หลับไปพักหนึ่งแล้วล่ะ...”เกนเกดเดินออกมาสู่แสงสว่างตรงเชิงบันได สีหน้าสีตาของหล่อนเป็นปกติ ไม่มีความเหน็ดเหนื่อยอยู่เลย ทั้งที่ก็มีหล่อนคนเดียวที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในบ้านไม้เก่าๆ หลังนี้ เพื่อเลี้ยงตัวเองแล้วยังจะคนแก่อีกสามคน ที่เป็นเหมือนภาระ...ไม่ใช่เท่านั้นภาระที่หนักอึ้งของเกนเกดอีกคนหนึ่งยังนอนไม่รู้สึกรู้สมอยู่ในโรงพยาบาลนอนเป็นเจ้าชายนิทรามานานปีแล้วและคงจะไม่มีวันฟื้นกลับคืนตื่นมาได้อีกนางกลืนน้ำลายลงในลำคออย่างฝืดๆ น้ำตาเหมือนจะรื้นขึ้นมาเองเมื่อเดินเข้ามาใกล้แตะแขนของหลานสาวเพียงเบามือพร้อมกับเยงถามปลอบประโลม“กินอะไรมาหรือยังล่ะนี่...”“เรียบร้อยแล้วค่ะ ที่ร้านเค้าใจดี เร
“เกนเกด”ชื่อของนางรำคนนั้น...ระวีถอนใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อควานคว้าหาตัวหญิงสาวที่ภิไธยปรารถนาจนพบตัวเข้าที่นี่ หลังจากสุ่มไปหลายต่อหลายแห่งที่มีการแสดงศิลปะแบบไทยทอดสายตามองท่ารำกรีดกรายสวยงามของหล่อน แล้วเขาก็พบว่าท่ามกลางแสงไฟกระจ่าง เกนเกดเป็นผู้หญิงสวยคนหนึ่งเมื่อเต็มเครื่องทรง ทำให้ระวีอยากรู้เวลาที่หล่อนถอดเครื่องออกหมดรวมทั้งเครื่องสำอางที่ลงไว้เข้มจัดบนใบหน้านั่นด้วย อยากเห็นดวงหน้าที่แท้จริง...เมื่อการแสดงในชุดนี้จบลง เขาก็เห็นเกนเกดเข้าไปทางด้านหลังเวที ไม่รู้ว่าหล่อนยังมีการแสดงชุดอื่นอีกหรือไม่ ระวีจึงยังนั่งอยู่ที่เดิม...ตรงหน้าเขาคือชุดอาหารที่แทบจะไม่ได้พร่อง เพราะเขาไม่สู้จะคุ้นลิ้นกับอาหารไทยรสออกหวานนำมากกว่ารสอื่น...เพื่อนหญิงของเขาตรงหน้าต่างหากที่ทำท่าเอร็ดอร่อยเหลือเกิน“มีอะไรหรือ วี” สายตาของสุพัตรายังว่องไวเหมือนเคย แม้จะไม่ได้พูดในตอนแรกที่เห็นเขาแสดงกิริยาทอดถอนใจ... “หรือว่าเกิดปิ๊งกับคนสวยนั่น...”“ผมตามหาตัวเธออยู่”สุพัตราชะงักไปเล็กน้อย มือจับช้อนยกค้าง ก่อนจะปรับให้เข้าสู่ปกติโดยเร็ว“ไม่ใช่เพื่อตัวเอง” เหมือนเขาแก้ตัวต่ออย่างร้อนรนพอประมาณ เพราะจนเป
“คุณไธยอยากพบคุณ...”เกนเกดมองหน้าระวีเขม็ง เหมือนจะค้นหาอะไรบางอย่างจากเขาแต่หล่อนก็ไม่ได้พบสิ่งใดเลย“เขาจะขอโทษดิฉัน หรืออยากเสนอราคาใหม่ล่ะคะ” เกนเกดถามเยาะๆ “เห็นทีจะไม่ไปเหยียบบ้านนั้นอีกแล้วค่ะ เหมือนตัวเองเป็นผู้หญิงชั้นต่ำดูถูกเหยียดหยามกันเกินไป ดิฉันก็เป็นคนเท่าๆ กับเขา”สุพัตราจับมือของเกนเกดมาบีบเบาๆ พร้อมกับพูดเสียงอ่อนโยน“คุณไธยเขาเป็นคนขวานผ่าซากแบบนั้นเสมอ บางครั้งก็ถึงบ้าระห่ำ”ได้ยินเสียงระวีกระแอมกระไอในคอเบาๆ แต่สุพัตราไม่ฟังเสียงเขาเลย“เขาอาจจะแสดงกิริยาไม่สุภาพไปบ้าง แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่งนะคะ พอไปทบทวนดูแล้วอาจจะเสียใจก็ได้ เพราะถ้าเขาโกรธเคืองที่อยู่ๆ คุณเกดโผล่เข้าไปคืนนั้น เขาน่าจะโกรธคุณแมวมากกว่า...” เมื่อเห็นสีหน้าเกนเกดแสดงความงุนงงกับชื่อนั้น สุพัตราจึงรีบเอ่ยต่อ “ก็คุณชนานั่นแหละค่ะ...ไม่ใช่คนอื่นไกลที่ไหน”เกนเกดไม่ได้แสดงความคิดเห็นแต่อย่างใดทั้งสิ้นหล่อนยังนั่งปิดปากเงียบ“ผมอยากจะเชิญในนามคุณไธยไปที่บ้าน”“ขอบคุณค่ะที่จะเชิญ...แต่เห็นจะไม่ไป...”“วิทยุ พาน กับรองเท้า สามอย่างนั่นยังอยู่ที่บ้านนะครับ”“ถ้าจะกรุณาเพราะก็เป็นของที่มี
ข้อมูลเกี่ยวกับนางรำเขียน ลงนิตยสารดรุณี ช่วงปี2523-2524 ตีพิมพ์รวมเล่มกับ สนพ.โชคชัยเทเวศร์ปี 2524(คนเขียนอายุ 23-24ปีที่เขียน)เคยเป็นละครวิทยุ คณะนีลิกานนท์เคยเป็นละครทีวี ช่อง3 ในช่วง ร้อยรสบทละครนำแสดงโดย ออฟ อภิชาติ พัววิมล และ นุ่น สินิทรา บุณยศักดิ์ผ่านมา 39 จะ 40 ปี จึงหยิบขึ้นมาทำอีบุ๊คอีกครั้งหนึ่ง เพราะมั่นใจในรสแซบของเรื่อง และการปะทะกันของเธอกับเขาเกนเกด นางรำ ผู้บอกว่าไม่ใช่เพียงแค่อาชีพแต่คือลมหายใจอาริตา-----------------------------------------“ผู้หญิงนี่เอามาทำอะไรได้บ้างเล่า...ถ้าไม่จับลงนอนหงายแล้วเราอยู่ข้างบนน่ะ ฮึ...นายบอกฉันทีเถอะ...หรือนายจะให้ฉันเอาแม่คนนั้นมานั่งไว้บนแท่นปูผ้าขาวลาดกราบวันละสามเวลา จะได้เจริญกับตัวเอง”คำพูดอย่างผยอง ดูหมิ่นนี้ ออกจากปากเขาภิไธย หนุ่มเข้าขั้นเศรษฐี ปากร้าย เอ่ยถึงผู้หญิง ช่างไม่น่ารักส่วนเธอ เกนเกด คือผู้หญิงคนนั้น คนที่มีงาน นางรำ เป็นอาชีพเธอรับงานรำตามแต่คนจ้าง งานที่เป็นเงิน เธอมีสโสแกนว่าไม่ใช่แค่เพียงอาชีพ แต่คือลมหายใจเธอมองงาน เป็นลมหายใจ!!!และเพราะต้องรักษาลมหายใจทั้งของตัวเองและญาติผู้ใหญ่รวม
นางรำ2มันอะไรกันเรื่องบ้าอันใดที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขา พอประตูด้านหน้าเปิดเข้ามาเขาก็เห็นสีทองพร่างพรายขึ้นมาก่อนในแสงสลัวๆ ของห้องนี้...แล้วจึงรวมกันเห็นเป็นร่างอ้อนแอ้นในชุดนางรำ หล่อนมาผิดงานแน่ๆ เพราะเขาไม่ได้เชื้อเชิญหรือจ้างวานหล่อนเลย เสียงต่างๆ ในห้องเงียบกริบไปพักหนึ่ง ก่อนจะดังแซดขึ้นมาทำนองว่าหล่อนเป็นใครมาจากไหน และจะมาทำอะไร“ระวี...” เขาเรียกชายหนุ่มรุ่นน้องที่เป็นกึ่งๆ ญาติด้วยเสียงอันบอกถึงอำนาจอย่างเต็มที่ “เกิดอะไรขึ้น”“คุณชนาส่งมาเป็นของขวัญวันเกิดคุณค่ะ”เกนเกดตอบเสียเอง หล่อนหันมาพยักหน้าน้อยๆ เป็นอาณัติสัญญาณให้กับระวี แววตาหยาดเยิ้มคู่นั้นเหมือนจะสะกดให้ระวีงงงัน ยอมทำตามที่หล่อนสั่งโดยดีลั่นทำให้ภิไธยสั่นเทิ้มไปทั้งกายก็ว่าได้แต่เสียงเพลงเจื้อยแจ้วขึ้นมาก่อน แล้วแม่สาวนั่นก็ออกท่าร่ายรำอย่างสวยงาม พร้อมกับสองหูของเขาได้ยินเสียงวิจารณ์เบื้องหลัง“อื้อฮือ...นางรำคนนี้สวยเฉียบ...ใส่เครื่องได้สวย ชักอยากจะเห็นเวลาถอดเครื่องทรงออกแล้วซิ”หล่อนวาดแขนเยื้องย่างไปตามลีลาเพลง ซึ่งทำให้ภิไธยปวดศีรษะมากกว่าอย่างอื่นตั้งแต่ชื่อของชนาที่หลุดออกมาให้ได้ยินแล้วที่ทำให้เขารู
“คุณไธยอยากพบคุณ...”เกนเกดมองหน้าระวีเขม็ง เหมือนจะค้นหาอะไรบางอย่างจากเขาแต่หล่อนก็ไม่ได้พบสิ่งใดเลย“เขาจะขอโทษดิฉัน หรืออยากเสนอราคาใหม่ล่ะคะ” เกนเกดถามเยาะๆ “เห็นทีจะไม่ไปเหยียบบ้านนั้นอีกแล้วค่ะ เหมือนตัวเองเป็นผู้หญิงชั้นต่ำดูถูกเหยียดหยามกันเกินไป ดิฉันก็เป็นคนเท่าๆ กับเขา”สุพัตราจับมือของเกนเกดมาบีบเบาๆ พร้อมกับพูดเสียงอ่อนโยน“คุณไธยเขาเป็นคนขวานผ่าซากแบบนั้นเสมอ บางครั้งก็ถึงบ้าระห่ำ”ได้ยินเสียงระวีกระแอมกระไอในคอเบาๆ แต่สุพัตราไม่ฟังเสียงเขาเลย“เขาอาจจะแสดงกิริยาไม่สุภาพไปบ้าง แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่งนะคะ พอไปทบทวนดูแล้วอาจจะเสียใจก็ได้ เพราะถ้าเขาโกรธเคืองที่อยู่ๆ คุณเกดโผล่เข้าไปคืนนั้น เขาน่าจะโกรธคุณแมวมากกว่า...” เมื่อเห็นสีหน้าเกนเกดแสดงความงุนงงกับชื่อนั้น สุพัตราจึงรีบเอ่ยต่อ “ก็คุณชนานั่นแหละค่ะ...ไม่ใช่คนอื่นไกลที่ไหน”เกนเกดไม่ได้แสดงความคิดเห็นแต่อย่างใดทั้งสิ้นหล่อนยังนั่งปิดปากเงียบ“ผมอยากจะเชิญในนามคุณไธยไปที่บ้าน”“ขอบคุณค่ะที่จะเชิญ...แต่เห็นจะไม่ไป...”“วิทยุ พาน กับรองเท้า สามอย่างนั่นยังอยู่ที่บ้านนะครับ”“ถ้าจะกรุณาเพราะก็เป็นของที่มี
“เกนเกด”ชื่อของนางรำคนนั้น...ระวีถอนใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อควานคว้าหาตัวหญิงสาวที่ภิไธยปรารถนาจนพบตัวเข้าที่นี่ หลังจากสุ่มไปหลายต่อหลายแห่งที่มีการแสดงศิลปะแบบไทยทอดสายตามองท่ารำกรีดกรายสวยงามของหล่อน แล้วเขาก็พบว่าท่ามกลางแสงไฟกระจ่าง เกนเกดเป็นผู้หญิงสวยคนหนึ่งเมื่อเต็มเครื่องทรง ทำให้ระวีอยากรู้เวลาที่หล่อนถอดเครื่องออกหมดรวมทั้งเครื่องสำอางที่ลงไว้เข้มจัดบนใบหน้านั่นด้วย อยากเห็นดวงหน้าที่แท้จริง...เมื่อการแสดงในชุดนี้จบลง เขาก็เห็นเกนเกดเข้าไปทางด้านหลังเวที ไม่รู้ว่าหล่อนยังมีการแสดงชุดอื่นอีกหรือไม่ ระวีจึงยังนั่งอยู่ที่เดิม...ตรงหน้าเขาคือชุดอาหารที่แทบจะไม่ได้พร่อง เพราะเขาไม่สู้จะคุ้นลิ้นกับอาหารไทยรสออกหวานนำมากกว่ารสอื่น...เพื่อนหญิงของเขาตรงหน้าต่างหากที่ทำท่าเอร็ดอร่อยเหลือเกิน“มีอะไรหรือ วี” สายตาของสุพัตรายังว่องไวเหมือนเคย แม้จะไม่ได้พูดในตอนแรกที่เห็นเขาแสดงกิริยาทอดถอนใจ... “หรือว่าเกิดปิ๊งกับคนสวยนั่น...”“ผมตามหาตัวเธออยู่”สุพัตราชะงักไปเล็กน้อย มือจับช้อนยกค้าง ก่อนจะปรับให้เข้าสู่ปกติโดยเร็ว“ไม่ใช่เพื่อตัวเอง” เหมือนเขาแก้ตัวต่ออย่างร้อนรนพอประมาณ เพราะจนเป
เรื่องอะไร?เกนเกดขับรถเข้าบ้านในตอนเที่ยงคืนเศษๆ ไปแล้ว หล่อนมีคิวการแสดงประจำที่ร้านอาหารไทยแห่งหนึ่งซึ่งหรูหราติดอันดับของสถานที่ที่มีการแสดงศิลปะแบบไทยๆ หลังจากออกมาจากบ้านของภิไธยแล้ว...เมคอัพยังไม่ได้ล้างจากใบหน้าแต่เกนเกิดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดธรรมดาแล้ว“แม่เกดรึ...”เสียงสั่นเครือทักขึ้น ทำให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นแล้วก็หิ้วรองเท้าขึ้นมาด้วย“คุณยายยังไม่นอนอีกหรือคะ...”“ยายลงมากินน้ำ...คอแห้ง หลับไปพักหนึ่งแล้วล่ะ...”เกนเกดเดินออกมาสู่แสงสว่างตรงเชิงบันได สีหน้าสีตาของหล่อนเป็นปกติ ไม่มีความเหน็ดเหนื่อยอยู่เลย ทั้งที่ก็มีหล่อนคนเดียวที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในบ้านไม้เก่าๆ หลังนี้ เพื่อเลี้ยงตัวเองแล้วยังจะคนแก่อีกสามคน ที่เป็นเหมือนภาระ...ไม่ใช่เท่านั้นภาระที่หนักอึ้งของเกนเกดอีกคนหนึ่งยังนอนไม่รู้สึกรู้สมอยู่ในโรงพยาบาลนอนเป็นเจ้าชายนิทรามานานปีแล้วและคงจะไม่มีวันฟื้นกลับคืนตื่นมาได้อีกนางกลืนน้ำลายลงในลำคออย่างฝืดๆ น้ำตาเหมือนจะรื้นขึ้นมาเองเมื่อเดินเข้ามาใกล้แตะแขนของหลานสาวเพียงเบามือพร้อมกับเยงถามปลอบประโลม“กินอะไรมาหรือยังล่ะนี่...”“เรียบร้อยแล้วค่ะ ที่ร้านเค้าใจดี เร
เสียงเขาร้องโอดโอยอย่างบอกให้รู้ว่าเจ็บจริงๆ ไม่ใช่เสแสร้ง นั่นพอจะทำให้สิ่งที่เดือดปุดๆ ในอกของหล่อนคลายลงบ้างเล็กน้อย“จำไว้แล้วกันว่าอย่าพูดแบบนี้กับฉันอีก”เขาสะบัดเท้าไปมา นัยน์ตาวาวจ้าด้วยความโกรธ แล้วในขณะเดียวกันก็นึกประหลาดใจที่ผู้หญิงคนนี้มองเขาอย่างไม่แยแส สำหรับผู้ชายที่เคยคิดว่าตัวเองเลอเลิศสุดแสน ผู้หญิงเห็นเป็นต้องจับตามองด้วยแววตาชื่นชม บางครั้งมองจนเหลียวหลัง ปรารถนาในตัวเขาอย่างเปิดเผย แล้วนี่กะแค่นางรำคนหนึ่ง ที่ภิไธยเห็นว่าต่ำต้อยกว่าเขาจนเปรียบเทียบไม่ได้ หล่อนมองเขาด้วยแววตาจงชังรังเกียจเสียด้วยซ้ำ ทำให้เขาสุดจะทนเขากัดฟันข่มความเจ็บปวดให้พ้นไป สาวเท้าเข้าไปใกล้ ขบฟันแน่นส่งเสียงลอดออกมา“หล่อนจะมากเกินไปแล้ว หล่อนทำร้ายฉัน”เหมือนลืมตัวไปชั่วขณะหนึ่ง ภิไธยจับบ่าบอบบางนั้นเขย่าแรงๆ พานกะไหล่ในมือหล่อนปลิวหวือไปอีกทิศทางหนึ่ง แล้วหล่อนก็สั่นเทิ้มด้วยแรงเขย่าอย่างไม่ปรานีปราศรัยสักนิดนั่น“ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าดีกับฉันอย่างนี้...”มือข้างหนึ่งปล่อยออกจากบ่าเงื้อขึ้นสูง หมายดวงหน้าที่ลงเมคอัพไว้เข้มจัดนั่น ดวงตาของเกนเกดขยายกว้างขึ้น บอกถึงความตกใจ แล้วสัญชาตญาณ
นางรำ2มันอะไรกันเรื่องบ้าอันใดที่เกิดขึ้นตรงหน้าเขา พอประตูด้านหน้าเปิดเข้ามาเขาก็เห็นสีทองพร่างพรายขึ้นมาก่อนในแสงสลัวๆ ของห้องนี้...แล้วจึงรวมกันเห็นเป็นร่างอ้อนแอ้นในชุดนางรำ หล่อนมาผิดงานแน่ๆ เพราะเขาไม่ได้เชื้อเชิญหรือจ้างวานหล่อนเลย เสียงต่างๆ ในห้องเงียบกริบไปพักหนึ่ง ก่อนจะดังแซดขึ้นมาทำนองว่าหล่อนเป็นใครมาจากไหน และจะมาทำอะไร“ระวี...” เขาเรียกชายหนุ่มรุ่นน้องที่เป็นกึ่งๆ ญาติด้วยเสียงอันบอกถึงอำนาจอย่างเต็มที่ “เกิดอะไรขึ้น”“คุณชนาส่งมาเป็นของขวัญวันเกิดคุณค่ะ”เกนเกดตอบเสียเอง หล่อนหันมาพยักหน้าน้อยๆ เป็นอาณัติสัญญาณให้กับระวี แววตาหยาดเยิ้มคู่นั้นเหมือนจะสะกดให้ระวีงงงัน ยอมทำตามที่หล่อนสั่งโดยดีลั่นทำให้ภิไธยสั่นเทิ้มไปทั้งกายก็ว่าได้แต่เสียงเพลงเจื้อยแจ้วขึ้นมาก่อน แล้วแม่สาวนั่นก็ออกท่าร่ายรำอย่างสวยงาม พร้อมกับสองหูของเขาได้ยินเสียงวิจารณ์เบื้องหลัง“อื้อฮือ...นางรำคนนี้สวยเฉียบ...ใส่เครื่องได้สวย ชักอยากจะเห็นเวลาถอดเครื่องทรงออกแล้วซิ”หล่อนวาดแขนเยื้องย่างไปตามลีลาเพลง ซึ่งทำให้ภิไธยปวดศีรษะมากกว่าอย่างอื่นตั้งแต่ชื่อของชนาที่หลุดออกมาให้ได้ยินแล้วที่ทำให้เขารู
ข้อมูลเกี่ยวกับนางรำเขียน ลงนิตยสารดรุณี ช่วงปี2523-2524 ตีพิมพ์รวมเล่มกับ สนพ.โชคชัยเทเวศร์ปี 2524(คนเขียนอายุ 23-24ปีที่เขียน)เคยเป็นละครวิทยุ คณะนีลิกานนท์เคยเป็นละครทีวี ช่อง3 ในช่วง ร้อยรสบทละครนำแสดงโดย ออฟ อภิชาติ พัววิมล และ นุ่น สินิทรา บุณยศักดิ์ผ่านมา 39 จะ 40 ปี จึงหยิบขึ้นมาทำอีบุ๊คอีกครั้งหนึ่ง เพราะมั่นใจในรสแซบของเรื่อง และการปะทะกันของเธอกับเขาเกนเกด นางรำ ผู้บอกว่าไม่ใช่เพียงแค่อาชีพแต่คือลมหายใจอาริตา-----------------------------------------“ผู้หญิงนี่เอามาทำอะไรได้บ้างเล่า...ถ้าไม่จับลงนอนหงายแล้วเราอยู่ข้างบนน่ะ ฮึ...นายบอกฉันทีเถอะ...หรือนายจะให้ฉันเอาแม่คนนั้นมานั่งไว้บนแท่นปูผ้าขาวลาดกราบวันละสามเวลา จะได้เจริญกับตัวเอง”คำพูดอย่างผยอง ดูหมิ่นนี้ ออกจากปากเขาภิไธย หนุ่มเข้าขั้นเศรษฐี ปากร้าย เอ่ยถึงผู้หญิง ช่างไม่น่ารักส่วนเธอ เกนเกด คือผู้หญิงคนนั้น คนที่มีงาน นางรำ เป็นอาชีพเธอรับงานรำตามแต่คนจ้าง งานที่เป็นเงิน เธอมีสโสแกนว่าไม่ใช่แค่เพียงอาชีพ แต่คือลมหายใจเธอมองงาน เป็นลมหายใจ!!!และเพราะต้องรักษาลมหายใจทั้งของตัวเองและญาติผู้ใหญ่รวม