ดวงตาคมกริบเหมือนใบมีดโกนนั้น กวาดมองทั่วร่างเธออย่างสำรวจ ก่อนจะนั่งบนโซฟา นั่งนิ่งๆ จ้องมองร่างเล็กที่อยู่ในชุดแซกสั้น พอนั่งกับพื้นแบบนี้ชายกระโปรงก็ร่นไปถึงโคนขา ที่ทั้งเรียวสวยและขาวกระจ่างตา แล้วไหนจะท่านั่งที่ก้มหน้าตัวงอ คอเสื้อที่คว้านลึกอยู่แล้วก็ยิ่งลึกลงไปจนเห็นเต้าอวบขาวนวลลออตา
ชินภพถึงกับพรูหายใจเพื่อระงับความรู้สึกพลุ่งพล่านภายใน ทั้งจากความโกรธ และอารมณ์บางอย่างที่จู่ๆ ก็พวยพุ่งขึ้นมาอย่างไม่ทันเตรียมใจ ทว่าเสียงที่เปล่งออกมาคำแรกในตอนนี้
“เธอแต่งตัวบ้าอะไรเนี้ย!”
ร่างเล็กถึงกับสะดุ้ง ยิ่งก้มหน้างุดลงไปอีก แน่นอนคอเสื้อก็ลึกตาม จนจะเห็นทั้งเต้าอยู่แล้ว
“เงยหน้าขึ้น แล้วตอบฉันมา!”
อัณชญาสะดุ้งอีกครั้ง แล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่หล่อเหมือนฟ้าประทาน แต่ก็ช่างดุเหลือเกิน แล้วเธอก็เอ่ยเสียงตะกุกตะกัก
“คือ...เอ่อ...หนู....คือ....”
“คืออะไร!” ชินภพตะเบ็งเสียงใส่อย่างหงุดหงิด เพราะโมโหกับความอ้ำอึ้งของเด็กสาว
“หนูอยากแซ่บค่ะ”
“หา อะไรนะ!”
“พี่นุ่มบอกว่านายชอบผู้หญิงแซ่บ หนูเลยให้พี่นุ่มหาชุดแซ่บๆ และแต่งหน้าให้หนูค่ะ” เธอสารภาพไปตรงๆ เผื่อนายจะเลิกโมโหเสียที แต่ดูเหมือนว่า
“จะบ้าเหรอ อายุแค่นี้จะแซ่บไปทำไม!”
“ก็หนูอยากเป็นเมียนาย”
“ทำไมถึงอยากเป็น!”
“หนูอยากอยู่ที่นี่ หนูไม่อยากถูกนายไล่ออกจากบ้าน เพราะถ้าเป็นแบบนั้นพ่อจะขายหนูให้ไอ้เสี่ยโต หนูไม่อยากถูกส่งเข้าไปอยู่ในซ่อง” บอกพร้อมกับทำหน้าเศร้า ตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้
“ถ้าอยากอยู่ที่นี่นะ อย่าทำอะไรบ้าๆ แบบนี้อีก ทำตัวปกติ และตั้งใจเรียนหนังสือให้จบก่อนเถอะ” น้ำเสียงชินภพอ่อนลง อาจเพราะหน้าสวยๆ นั้นกำลังเบะปาก เขาอาจเสียงดังเกินไป หรือกลัวว่าเขาจะไล่ออกจากบ้านจริงๆ
“ค่ะ ค่ะ หนูจะไม่แต่งตัวแบบนี้อีกแล้ว หนูจะแต่งตัวตามปกติของหนูค่ะ” น้ำเสียงเริ่มร่าเริงขึ้นจนคนมองรู้สึกหมั่นไส้ และสงสัยท่าทีน้ำตาซึมเมื่อครู่
“ใช่ แต่งตามปกตินั้นแหละ แต่มีข้อแม้อย่างเดียวนะ”
“ข้อแม้อะไรคะ”
“ห้ามเอาหน้ามาให้ฉันเห็นอีก!”
“ค่ะ ค่ะ” นอกจากทำหน้าเศร้าแล้ว น้ำตายังไหลพราก เพราะเสียงนายเกรี้ยวกราดเหลือเกิน แถมใบหน้าหล่อเหลาราวฟ้าประทานนั้นก็ดุดันจนเธอรู้สึกกลัว
“ไปได้แล้ว!”
“ค่ะ ค่ะ” เด็กสาวลนลานออกจากห้องด้วยความกลัว ไม่คิดว่านายจะดุถึงเพียงนี้ เธอปล่อยโฮขณะวิ่งออกจากตึกใหญ่ วิ่งผ่านหน้านุ่มที่รอสังเกตการณ์อยู่ชั้นล่างตรงบันได
“อัณ เกิดอะไรขึ้น” นุ่มวิ่งตามหลังอัณชญาไปยังเรือนพัก กระทั่งขึ้นมาบนเรือน ก็เห็นอัณชญาปล่อยโฮอยู่ในห้องส่วนตัว
“อัณ เป็นอะไร นายทำอะไรอัณเหรอ! ”
อัณชญาก็ยังไม่ตอบ เอาแต่สะอึกสะอื้นตัวสั่น
“นายขยี้ความสาวของอัณแบบไม่ปราณีใช่ไหม แต่นายคงอดใจไม่ไหวน่ะ เพราะอัณแซ่บมาก อย่าโกรธนายนะอัณ เพราะพี่ได้ยินสาวๆ ที่ตึกส้มซุบซิบกัน เรื่องเซ็กซ์นายดุดันอยู่บ้าง แต่พวกนั้นก็ชอบกันทั้งนั้นนะ อัณไม่ชอบเหรอ”
“นายเขาตะเพิดหนูออกมา และบอกไม่ให้เอาหน้าไปให้เห็นอีกค่ะ ฮือๆ”
“อ้าว” นุ่มถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกเลยงานนี้ แต่งงอยู่ได้ไม่กี่วินาที พลก็โทร. มาหานุ่ม บอกเสียงดังฟังชัด
[พวกมึงหาเรื่องใส่ตัวกันทำไมวะ อยู่ดีไม่ว่าดี นายโกรธมากรู้ไหม และมึงนะนังนุ่ม นายสั่งหักเงินเดือนครึ่งหนึ่งเป็นเวลาสองเดือน และถ้ามีครั้งหน้าอีก มึงได้ไปทำงานในไร่แน่]
“พี่พล นุ่มผิดไปแล้ว คุยกับนายให้หน่อยสิ โดนหักครึ่งหนึ่งตั้งสองเดือน นุ่มตายแน่ๆ ไม่พอส่งเงินค่างวดรถมอไซค์ให้พ่อน่ะสิ”
[เออ รอนายอารมณ์ดีก่อนจะคุยให้ หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ]
เมื่อพลวางสายไป นุ่มถึงกับปล่อยโฮเสียงดังยิ่งกว่าอัณชญาเสียอีก
"""""""""""""""""""
อัณชญาเป็นเด็กดี “จะรีบไปไหน” เสียงห้าวทุ้มถามขึ้น เมื่อเห็นลูกน้องคนสนิทกำลังเดินลงมาจากอาคารสำนักงานภายในบริเวณไร่ ที่มีโรงงานผลิตไวน์รวมอยู่ด้วย ส่งออกทั้งในและต่างประเทศ“จะไปโรงเรียนนังอัณ”“ไปทำไม นี่ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนไม่ใช่เหรอ” มันเพิ่งจะบ่ายโมง จริงๆ แล้วเด็กคนนั้นไปโรงเรียนเองได้ แต่ต้องเดินไปขึ้นสองแถวที่อยู่ห่างจากตัวบ้านค่อนข้างไกล เขาเลยให้พล หรือคนขับรถไปรับส่งอีกฝ่าย“พอดีมีเรื่องนิดหน่อย” พลตอบด้วยสีหน้าลำบากใจ“มีเรื่องอะไร”“นังอัณทะเลาะกับเพื่อนที่โรงเรียนครับ”“เรื่องแค่นี้ทำไมต้องเรียกผู้ปกครอง เด็กทำผิดครูก็สั่งสอนหรือลงโทษไปสิ”“เพื่อนหัวแตก เข้าโรง’ บาลครับ ผู้ปกครองเด็กจะแจ้งความ”“เอ้า เวร! ทำไมต้องทำรุนแรงขนาดนั้น”“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ปกติอัณเป็นเด็กดี เรียบร้อย ไม่เคยหาเรื่องใครก่อนนะครับนาย” พลกลัวว่าผู้เป็นนายจะคิดว่าหลานสาวเป็นเด็กเกเร และอาจไม่อยากให้อยู่ด้วยแล้ว“หลานมึงเป็นเด็กดีว่างั้นเหอะ”“ก็ที่ผ่านมาอัณก็ไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใครมาก่อนนะครับ คิดว่าเด็กคนนั้นต้องมาหาเรื่องอัณก่อนแน่นอน”“งั้นรีบไปดูหลานคนดีของมึงเหอะ!” ชินภพพูดประชดก่อนโบ
“นายสั่งไม่ให้เอาหน้าไปให้เห็นไม่ใช่เหรอ มึงก็ทำตามเถอะ อย่าหาเรื่องใส่ตัวอีก กูเหนื่อยแล้วนะ”“หนูแค่อยากขอบคุณ”“เออ เข้าใจ แต่มึงอยู่เฉยๆ เถอะ และอย่าไปก่อเรื่องไรอีก แค่นี้นายก็คงพอใจแล้ว”“เขาเกลียดหนูขนาดนั้นเลยเหรอ”“ถ้าเกลียด เขาคงไล่มึงออกจากที่นี่แล้ว เอาง่ายๆ เลยนะ มึงตั้งใจเรียนหนังสือ สนใจแต่เรื่องของตัวเองพอ เรื่องนายไม่ต้องสนใจหรอก”“พี่นุ่มก็ไม่ยอมให้หนูไปทำงานบ้านที่ตึกใหญ่เลย ให้แค่รดน้ำต้นไม้โน่นเลย ไกลจากตึกใหญ่”“ก็ดีแล้ว มึงจะอยากเสนอหน้าไปให้นายเห็นอีกหรือไง เดี๋ยวนุ่มก็เดือดร้อนอีกหรอก ดีนะนายยกโทษให้ หักเงินเดือนแค่เดือนเดียว”“ที่เหลือหนูจะใช้คืนพี่นุ่มเอง”“ก็ดีเหมือนกัน มันเดือดร้อนเพราะมึงอยากแซ่บแท้ๆ”“ก็คิดว่านายจะชอบนี่” เด็กสาวพูดทำหน้าง้อใส่พล“ไม่ว่ามึงจะแซ่บหรือไม่แซ่บ เขาก็ไม่เอามึงทำเมียตอนนี้หรอก”“หนูไม่สวยเหรอ”“มึงเป็นเด็ก นายไม่ชอบเด็ก!” พูดจบ พลก็เบื่อจะคุยกับหลานสาว เลยเดินลงบันไดกลับตึกใหญ่ไปเลย ปล่อยอัณชญาพึมพำอยู่คนเดียว“คนเรามันก็ต้องโตสักวันไหมล่ะ!”หลังจากเหตุการณ์ไอ้ฟีลหัวแตก สถานการณ์ที่โรงเรียนก็เป็นปกติ แต่เพื่อนที่มีน้อยอยู่แล้ว
ต่อไปนี้นอกจากจะไม่ต้องเสนอหน้าไปให้เขาเห็น ต้องอย่าออกไปไหนคนเดียวเพิ่มอีกกระทงหวังว่าคงไม่มีอะไรเพิ่มเติมมากกว่านี้นะเมื่อกลับมาถึงบ้าน นายผู้มีใบหน้าหล่อเหลาและแสนเย็นชานั้น ก็ไม่พูดไม่จาอะไรอีก เหมือนพาฝุ่นไรที่เกาะหลังคารถกลับบ้านมาด้วยเมื่อเดินกลับมายังเรือนพัก ซึ่งตอนนี้ไม่มีคนอยู่ เพราะป้าหมายกับนุ่มจะกลับเรือนพักประมาณสองทุ่มครึ่ง แต่นี่เพิ่งสองทุ่มเอง และเจ้านายก็เพิ่งกลับอัณชญาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งทำการบ้านอยู่ตามลำพัง กระทั่งทุกคนกลับเรือนพัก รวมทั้งน้าพลของเธอด้วย อีกฝ่ายเรียกเธอไปสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น หลังจากได้ยินจากเจ้านายมาบ้างแล้วพลก็อยากต่อว่าหลานสาว เพราะเพิ่งเกิดเรื่องที่โรงเรียนไปแท้ๆ ดันมีเรื่องไอ้เสี่ยโตเข้ามาอีก แต่พอเห็นหน้าเศร้าๆ ก็เลยได้แต่บ่นไม่จริงจังนัก“ดวงมึงตกแน่ๆ เลยนังอัณ มีแต่เรื่อง”“หนูก็ว่างั้นแหละ เดินอยู่ดีๆ ก็เจอไอ้เสี่ยโต มันจะจับหนูขึ้นรถหน้าตาเฉย ถ้าหนูไม่สะบัดมือจนมันล้ม ป่านนี้หนูอาจถูกปู้ยี่ปู้ยำแล้วก็ได้ ฮือๆ” เจ้าตัวก็สะอื้นขึ้นมาเบาๆ“เออๆ มึงไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องร้อง เดี๋ยวพรุ่งนี้พาไปทำบุญที่วัด”“นุ่มไปด้วยนะพี่พล” นุ่
ดวงตกอย่างแรก เพราะเป็นวันหยุดยาว เจ้านายเข้ากรุงเทพฯ คนงานในบ้านหลายคนก็มีโอกาสได้ออกเที่ยว เธอก็เช่นกัน วันนี้นัดกับนุ่มจะเข้าไปเมืองไปหาซื้อของใช้ และเดินเล่นเตร็ดเตร่ ชอบที่สุดคือตลาดนัดกลางคืน สองสาวเพลิดเพลินกระทั่งท้องไส้ปั่นป่วนจึงหาร้านอาหารที่ไม่ไกลจากตลาด“กินซาบูกันนะพี่ อัณเลี้ยงเอง”“โห รวย”“ก็ไม่รวย แต่หนูก็ได้เงินเดือนไง”“อ๋อ ลืมไป ยังไงอัณก็ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงของนาย เงินเดือนเยอะกว่าพี่อีก”พอนุ่มพูดถึงนาย อัณชญาก็ยิ้มเศร้า เพราะตั้งแต่วันเกิดเรื่องที่ประตูซุ้มดอกไม้ทางเข้าออกตึกส้ม เธอก็ไม่เคยได้เจอหน้าชินภพอีกเลย อยู่แบบเจียมตัวและใจ แทบจะขังตัวเองอยู่บนเรือนพัก อยากยืดแข้งยืดขาก็ออกมาเดินรอบๆ บ้าน ไม่กล้าเฉียดใกล้ตึกใหญ่ หรือตึกส้ม เพราะกลัวจะมีเหตุหรือเรื่องร้ายต่างๆ ให้เขาให้เขาหัวเสีย เพราะหากเกิดเรื่องขึ้นอีกครั้ง นายอาจเฉดหัวเธอออกจากบ้านก็ได้“ตอนแรกหนูก็เกรงใจนะ เขาให้เงินเดือน ทั้งที่หนูไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเองเลย แต่น้าพลบอกว่าเก็บไว้สำหรับการเรียนต่อม’ หาลัย” เพราะอีกเดือนเดียวก็จบแล้วมัธยมปลายแล้วทั้งสองพากันไปกินซาบูอย่างเอร็ดอร่อย ตามด้วยขนมหวานอีก
จะเป็นเด็กดีของนายอัณชญาเดินออกจากห้องสอบพร้อมกับแตงกวาด้วยความโล่งใจ เพราะเป็นการสอบครั้งสุดท้ายในชีวิตเด็กมัธยมของทั้งสอง จากนั้นก็นอนรอผลสอบ และผลแอดมิดชั่นที่เธอเลือกไว้ถึงห้าอันดับ ทั้งในมหาวิทยาลัยในตัวจังหวัดและในกรุงเทพฯ ส่วนในกรุงเทพฯ ไม่คิดว่าจะติด เพราะเป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของเมืองไทย หรือถ้าสอบติดก็ไม่รู้จะได้ไปเรียนไหม ทุกอย่างขึ้นกับชินภพ เพราะเธอเป็นคนของเขาไปแล้ว ถึงจะอยู่ในตำแหน่งนางบำเรอที่ยังไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ก็เถอะ“ฉลองสอบเสร็จ กินหมูทะกันไหม” แตงกวาชวน“เอาสิ แต่ขอโทร. บอกน้าพลก่อนนะ”เธอขออนุญาตน้าชายเรียบร้อย ซึ่งอีกฝ่ายกำชับ ห้ามกลับเกินสองทุ่ม และอัณชญาก็รับปากเป็นมั่นเหมาะ แต่ขณะเดินพ้นบริเวณโรงเรียนมาเล็กน้อย“อัณ!”เสียงเรียกที่แสนคุ้นหูนั้นทำให้เธอหันขวับไปมองด้วยสีหน้าหวาดหวั่น“อัณ สบายดีนะ พ่อคิดถึงลูกมากๆ เลย” อาทิตย์โผกอดลูกสาว โดยไม่สนใจท่าทีหวาดๆ ของคนเป็นลูก เพราะเมื่อใดที่พ่อพูดจาไพเราะกับเธอแบบนี้ มันผิดปกติ บ่งบอกว่าอีกฝ่ายต้องการบางอย่างจากเธอ ไม่ต่างจากตอนที่เกลี้ยกล่อมพาเธอมาขายให้ชินภพ แต่ตอนนั้นเธอยอม เพราะพ่อขู่ว่าจะขายให้ไอ้เสี่ย
คำสั่งนายอัณชญาดีใจกรี๊ดลั่นบ้าน เมื่อผลสอบแอดมิดชั่นออกมาว่าเธอสอบติดทุกอันดับที่เลือก“เป็นไรวะอัณ” นุ่มโผล่หน้าเข้ามาในห้องเพื่อถามไถ่ ขณะนั่งดูละครรอบดึกอยู่ในโถง สีหน้าก็ดูตกใจกับเสียงกรี๊ดของอัณชญาอยู่ไม่น้อย ดีที่ว่าป้าหมายหลับไปแล้ว“อัณสอบเข้ามหา’ ลัยได้แล้วพี่นุ่ม”“แล้วติดที่ไหน”“ติดทุกอันดับที่เลือก ทั้งกรุงเทพฯ และในตัวจังหวัด”“แล้วอัณจะเลือกเรียนที่ไหนล่ะ”“คงต้องถามน้าพลดูก่อน”“แล้วอัณอยากเรียนที่ไหนล่ะ”“เมื่อก่อนอยากเรียนที่กรุงเทพฯ มหา’ ลัยอันดับต้นๆ ของเมืองไทย แต่ตอนนี้หนูอยากเรียนในตัวเมือง ไม่อยากไปจากที่นี่”“ยังไงก็ต้องถามนายก่อนหรือเปล่า ว่าเขาจะให้เรียนที่ไหน เพราะยังไงอัณก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียนายนะ”“ไม่ใช่เมีย แค่นางบำเรอกำมะลอเท่านั้น” อัณชญาแก้ต่างให้“จะเมียหรือนางบำเรอก็คือๆ กันนั่นแหละ เขาจ่ายเงินเดือนให้นี่หว่า แต่ถ้าอัณอยากเรียนที่นี่ ก็ไม่น่าจะเป็นไรนะ กรุงเทพฯ มันไกลไป อัณไปเรียนที่นั่น พี่ก็คงเหงา”“เมื่อก่อนก็อยู่ได้นี่พี่”“อ้าว นั่นเมื่อก่อน แต่ตอนนี้มีอัณมาอยู่ด้วยแล้ว ดีกว่าอยู่กับป้าหมายสองคน” ซึ่งค่ำมา ดูละครจบป้าก็สวดมนต์แล้วก็นอน ส่วนเ
“แต่ตอนนี้หนูไม่อยากไปแล้ว”“มีเหตุผลอะไรถึงไม่อยากไป”“หนูอยากอยู่ที่นี่”“มีเหตุผลอะไรที่จะอยากอยู่ที่นี่”“หนูอยากอยู่บ้านนี้”“โอ๊ย มึงจะอยากอยู่มาก จนขัดคำสั่งนายเหรอ อยากให้นายโกรธใช่ไหม รับรองเลยนะ นอกจากมึงจะไม่ได้ไปเรียนต่อกรุงเทพฯ แล้ว มึงจะไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย” พลขู่ เพราะเหนื่อยจะโต้เถียงกับอีกฝ่าย“น้าพล ช่วยหนูด้วยสิ หนูอยากเรียนในเมืองจริงๆ นะ”“มึงจะบ้าเหรอ ใครก็ช่วยมึงไม่ได้ทั้งนั้น เรื่องนี้แล้วแต่นาย แล้วมึงเป็นอะไรเนี่ย ทำไมดื้อ คิดถึงอนาคตตัวเองไว้มากๆ เถอะ จะมาเอาแต่ใจตัวเองตอนนี้ได้เหรอ บ้านนี้มันมีอะไรดีนักหนาถึงอยากจะอยู่ ทั้งที่ไปเรียนกรุงเทพฯ มันดีที่สุดนะ”“ก็บ้านนี้มีนาย”“โอ๊ย อัณ มึงนี่นา หาเรื่องใส่ตัว คราวก่อนมึงยังไม่เข็ดใช่ไหม ก็นายบอกแล้วว่าไม่สนใจเด็กอย่างมึง มึงจะดันทุรังอยากเป็นเมียเขาเหรอ ถ้ามึงอยากมีผัวนัก ไปเรียนกรุงเทพฯ เลย ที่โน่นมีคนหน้าตาดี รุ่นราวคราวเดียวกับมึงเยอะแยะ”“หนูไม่ชอบรุ่นเดียวกันนี่”“แต่นายไม่เอาเด็กที่อายุไม่ถึงยี่สิบเป็นเมีย โดยเฉพาะมึง นายยิ่งไม่เอา”“หนูทำไม ขี้เหร่ก็ไม่ใช่”“ก็มึงดื้อไง ทำแต่เรื่อง โดยเฉพาะครั้งนี้ ถ้าน
ต้องห่างไกล สิ่งที่เร่งให้อัณชญาไม่ดื้อดึงกับการที่จะเรียนต่อมหาวิทยาลัยภายในจังหวัด เพราะพ่อพยายามติดต่อเธออีกครั้ง ด้วยการไปหาแตงกวา ขอร้องให้เธอมาพบ แต่อัณชญารู้จุดประสงค์ของพ่อว่าต้องการเอาเธอไปขายให้เสี่ยโต เธอเลยไม่ไป ทำได้แค่ฝากเงินให้แตงกวาเอาไปให้พ่อเท่านั้นเมื่อเอกสารการเรียนจบมัธยมปลายเรียบร้อย อัณชญาจึงเดินทางไปกรุงเทพฯ พร้อมนุ่มและเลขาของชินภพ ซึ่งเป็นสาวใหญ่วัยกลางคนชื่อคุณแจ่มจันทร์ ส่วนชินภพที่ตอนแรกพลบอกว่าเขาจะไปส่งด้วยนั้น กลับบอกว่าไม่ว่างอัณชญาทั้งรู้สึกเสียดายและผิดหวัง เพราะนี่จะเป็นโอกาสที่เธอจะได้เจอกับชินภพอีกครั้ง หลังจากไม่ได้เห็นหน้ามาหลายเดือน การไปเรียนต่อในกรุงเทพฯ คงทำให้โอกาสที่จะได้เจอเขายากไปอีก หรืออาจไม่ได้เจอกันเลย เพราะชินภพเองก็ไม่ได้อยากเจอเธออยู่แล้วไม่เข้าใจเลยทำไมต้องเกลียดเธอขนาดนั้น มีเรื่องราวที่เธอทำให้เขาไม่ถูกใจแค่เล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ทำผิดอะไรร้ายแรง ที่เขาจะต้องมาเกลียด คิดแล้วก็น้ำตาซึมออกมาอย่างไม่รู้ตัว“เป็นอะไร” นุ่มถามขณะที่ออกจากสนามบิน แล้วมีรถมารับไปที่พัก ตอนนี้เธอนั่งอยู่เบาะด้านหลังกับนุ่ม ส่วนแจ่มจันทร์นั่งข้างหน้
สองเดือนต่อมา หลังจากเลิกคลาสฯ วันนี้ อัณชญาปฏิเสธที่จะไปซ้อมยิงปืนและต่อยมวยกับพีท เพราะเธอมีภารกิจสำคัญในบ่ายวันนี้นั่นก็คือการต้องรีบไปห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ที่มีงานอีเว้นต์ของซุป’ ตาร์คนดังอย่างปาลิน กับงานพรีเซ็นเตอร์น้ำหอมแบรนด์ดัง ซึ่งเธอคาดเดาว่างานใหญ่ขนาดนี้ บางทีชินภพอาจหอบช่อดอกไม้ไปเซอร์ไพรส์คู่หมั้น ซึ่งเป็นเหมือนกิมมิกของงานอีเว้นต์ของซุป’ ตาร์หลายคน ปาลินก็ไม่น่าจะพลาดโมเมนต์แบบนี้เพราะกลัวไม่ทันงาน อัณชญาจึงนั่งวินมอเตอร์ไซค์มายังห้างสรรพสินค้า จากนั้นก็ตรงไปยังสถานที่จัดงาน ซึ่งเป็นแฟชั่นฮอลล์ชั้นหนึ่งคนเยอะมาก ที่นั่งหน้าเวทียกพื้นเตี้ยๆ นั้นคนนั่งเต็ม ที่ยืนเบียดเสียดด้านหลังอีก บนชั้นที่สูงขึ้นไปก็มีคนยืนเกาะราวกั้น เพื่อมองลงมายังงาน ตั้งแต่ชั้นสองขึ้นไปยันชั้นสี่ บ่งบอกความเป็นซุป’ ตาร์อันดับต้นๆ ของปาลินงานเพิ่งเริ่ม ปาลินกำลังโชว์ร้องเพลง เป็นนักแสดงสาวที่ไม่ได้เก่งแค่การแสดง แต่ร้องเพลงได้เพราะคนหนึ่งเมื่อร้องเพลงเสร็จก็มีเปิดพรีเซ็นสเตชั่นภาพยนตร์โฆษณา จากนั้นก็พูดคุยกับพิธีกรเกี่ยวกับน้ำหอมที่เจ้าตัวเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งปาลินก็พูดคุยได้อย่างเป็นกันเ
เผชิญหน้า แม้จะถูกสั่งให้กลับบ้านใหญ่ แต่อัณชญาก็มีสีหน้ายิ้มแย้มอย่างมีความสุข จนนุ่มแปลกใจ“ถูกไล่กลับบ้าน แต่ยังอารมณ์ดี ไม่โกรธนายเหรอ”“ไม่หรอกค่ะ นายไม่อยากให้ทำงานบ้าน” ให้เหตุผลกับนุ่มได้แค่นั้น แต่จริงๆ อัณชญาเองก็ไม่ได้รู้เหตุผลของชินภพอย่างชัดเจน แต่เธอเป็นเด็กดี ต้องเชื่อฟังนาย เพราะกลัวว่าไม่ทำตามที่นายสั่ง เธอจะไม่ได้เจอเขาอีก เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น เธอต้องคิดถึงเขาจนขาดใจตายแน่ๆเพราะฉะนั้นปิดเทอมของเธอ นอกจากไปเที่ยวกับแตงกวาและเพื่อนใหม่ของอีกฝ่ายแล้ว เวลาว่างอัณชญาก็ไปช่วยงานที่ตึกใหญ่ เข้าครัวกับป้าหมาย ซึ่งทำให้เธอทำอาหารได้เก่งขึ้น กลับไปกรุงเทพฯ อยู่คนเดียวก็สามารถทำอาหารเมนูโปรดกินเองได้อย่างสบายๆเวลาผ่านไปจนใกล้จะเปิดเทอม นายก็ไม่เคยมาบ้านใหญ่ และไม่เคยติดต่อเธอ ได้ยินจากนุ่ม ที่ได้รู้จากเด็กรับใช้ในตึกส้มว่านายเรียกผู้หญิงในตึกให้ไปหาที่บ้านพักในไร่ค่อนข้างบ่อยฟังด้วยความแปลบๆ ในอก แต่เธอก็ทำใจยอมรับสภาพตัวเองได้ ว่าสถานะตัวเองนั้นก็ไม่ต่างจากผู้หญิงในตึกส้ม แค่รอวันที่เขาเรียกหาแต่จนแล้วจนรอดชินภพก็ไม่เรียก กระทั่งวันที่เธอต้องกลับกรุงเทพฯ เพียงลำพัง โดยมีน
ตอนแรกอัณชญาตกใจเพราะตั้งรับจุมพิตที่จู่โจมไม่ทัน ทว่านาทีต่อมาความหวิวไหวก็ค่อยๆ ถาโถม จนเคลิบเคลิ้มกับจูบของเขา เปิดปากต้อนรับลิ้นอุ่นที่กวาดต้อนลิ้นเล็กของเธออย่างวาบหวามอัณชญาครางเสียงแผ่ว เมื่อลิ้นสากไล้ไปทั่วไรฟัน แล้วขบเบาๆ กับริมฝีปากบนสลับล่าง ก่อนบดจูบอย่างหนักหน่วงจนกายเธออ่อนระทวย ก่อนเขาก็อุ้มเธอวางบนโต๊ะกลางห้องที่มีข้าวของวางอยู่เพียงเล็กน้อยขาของเธอเปิดกว้างเพื่อรับกายแกร่งที่แทรกเข้ามาระหว่างขา มือทั้งสองข้างยังประคองดวงหน้าเธอเพื่อรับจุมพิตที่แสนดูดดื่มนั้น ตอนนี้ริมฝีปากอุ่นของเขาจูบไล้ไปทั่วดวงหน้า ไม่เว้นแม้กระทั่งใบหูเล็กๆ ซึ่งน่าแปลกมากที่มันสร้างความรัญจวนจนเธอครางเสียงดัง“อือ นาย อ๊า” เธอครางต่อเนื่อง เพราะมืออีกข้างของเขาสอดเข้ามาในชายเสื้อ ไล้หน้าท้องเบาๆ แล้วเลื้อยสูงขึ้นมายังฐานอก ขณะที่ริมฝีปากอุ่นผ่าวนั้นจูบไล้มายังลำคอ ลิ้นสากลากไปตรงแอ่งชีพจร จูบเม้มไปยังลำคอจนเสียวแปลบ“นาย อ๊ะ หนู...”“หนูอะไร หือ..”“หนู อือ ไม่รู้ค่ะ อ๊ะ...” เธอบอกอาการไม่ถูก ยิ่งตอนนี้มือหนานั้นเลื่อนมายังทรวงอก ลูบไล้เนิน ไม่นานก็เลื่อนไปด้านหลังปลดตะขอบราของเธออย่างคล่องแคล่ว
ชินภพรู้สึกพอใจเมื่อการปรับหน้าดินสำหรับสร้างที่พักของรีสอร์ตนั้นเรียบร้อยแล้ว ส่วนรอบๆ รีสอร์ตก็กำลังลงต้นไม้ เพื่อสร้างภูมิทัศน์ตามแบบที่วางไว้ พื้นที่เดิมนั้นเป็นไร่สวน แต่ต้นไม้ที่ร่มครึ้มก็มีบางส่วน ซึ่งไม่ต้องปรับอะไรมาก เพราะรีสอร์ตแบ่งพื้นที่เป็นบ้านพัก สวนพักผ่อน และลานกิจกรรมต่างๆ แล้วยังมีพื้นที่ของป่าโปร่งและเส้นทางปั่นจักรยาน หรือสำหรับรถเอทีวีสำหรับขับเล่นชมธรรมชาติ ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับไร่และโรงงาน สำหรับแขกที่ต้องการเยี่ยมชมเมื่อตะวันกำลังคล้อยลับเหลี่ยมเขา ชินภพขับรถกลับบ้านพักทันที วันนี้อากาศในฤดูร้อนก็ร้อนมากกว่าปกติ ทำให้เขาทั้งเหนื่อยและล้าร่างกาย ถึงบ้านพักก็นอนแช่ตัวในอ่างน้ำอุ่น จิบไวน์อยู่ราวครึ่งชั่วโมง จึงลุกขึ้นไปล้างสบู่ใต้เรนชาวเวอร์ ล้างตัวจนสะอาด พร้อมทั้งสระผมและก็ล้างหน้า หยิบผ้าขนหนูที่วางอยู่บนชั้น ซึ่งวางแยกระหว่างผ้าขนหนูเช็ดตัวกับผ้าเช็ดหน้า และผ้าเช็ดผมอย่างเป็นระเบียบเขานึกชมเด็กใหม่ที่มาทำงานบ้านแทนแจน ที่ทำงานได้อย่างน่าพอใจชายหนุ่มเดินไปยังห้องแต่งตัว โดยมีผ้าขนหนูพันกายท่อนล่าง และผ้าขนหนูผืนเล็กพันรอบศีรษะเมื่อเลื่อนประตูห้องแต่งตั
เพราะมันเป็นครั้งแรกที่อัณชญาได้เข้ามาในบริเวณไร่สุขวสันต์ ก็รู้สึกตื่นเต้น พื้นที่อันกว้างใหญ่ โอบล้อมด้วยภูเขา มองไปทางไหนก็เขียวครึ้มไปหมด ให้ความรู้สึกสดชื่นบ้านพักของนายอยู่ในโซนที่เงียบสงบ ซ่อนตัวอยู่อีกฝั่งของไร่และโรงงานผลิตไวน์ เป็นเหมือนอาณาเขตส่วนตัวหรือเขตหวงห้าม นอกจากคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องเท่านั้นจะเข้าไปในพื้นที่ได้เป็นบ้านปีกไม้หลังใหญ่สองชั้นบนเนินสูง บริเวณบ้านร่มครึ้มด้วยต้นไม้ใหญ่ที่มีระยะห่างให้ดูโปร่ง โล่งไม่อึบทึบ อากาศก็เย็นสบาย เพราะมีลมพัดผ่านตลอด“เข้าบ้านมาเสียที จะได้แนะนำให้รู้จักป้าพิมพ์” พลเรียกอัณชญาที่กำลังมองสำรวจบริเวณบ้าน ดูจากสีหน้าก็คงชอบบ้านพักหลังนี้ไม่น้อยอัณชญาขึ้นเดินตามหลังพลไป กระทั่งมาถึงห้องโถง ก็ได้เจอกับสตรีสูงวัยไล่เลี่ยกับป้าหมาย“อัณ นี่ป้าพิมพ์ เป็นแม่บ้านของที่นี่”“สวัสดีค่ะป้าพิมพ์ หนูขอฝากตัวด้วยนะคะ” อัณชญายกมือไหว้คนสูงวัยกว่าอย่างนอบน้อมพร้อมส่งยิ้ม“มันเป็นหลานห่างๆ ของฉันเอง ใช้งานมันได้ตามสบายนะป้าพิมพ์ กว่ามันจะกลับไปเรียนก็อีกสองเดือนมั้ง” ก่อนหน้านั้นพลก็บอกเรื่องหลานสาวให้ป้าพิมพ์ได้ฟังบ้างแล้ว แต่ไม่ได้ลงรายละเอียด
หนูจะเป็นเด็กดีของนายกลับมาถึงบ้านสุขวสันต์ในตอนเที่ยง อัณชญาจึงได้กินข้าวกับนุ่มและป้าหมายอย่างเอร็ดอร่อย ทั้งสองเตรียมอาหารเหนือเมนูโปรดของเธอไว้ให้“จะว่าไปนายก็ใจดีกับอัณมากนะ ทั้งซื้อเค้ก ให้กำไลและพาไปกินข้าวด้วย” นุ่มชวนคุยหลังจากกินข้าวอิ่ม ทั้งสองนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ขณะที่ป้าหมายนั่งเอนหลังดูโทรทัศน์อยู่ใกล้ๆ“ค่ะ นายใจดีกับหนูมาก นายไม่โกรธด้วยที่หนูเสียใจเรื่องที่เขาจะแต่งงานกับพี่ปลา”“หรือจริงๆ นายก็ชอบอัณอยู่”“เขาสงสารหนูแค่นั้นแหละ”“อือ อาจใช่”“ว่าแต่พี่นุ่มเถอะ สมัครงานที่ร้านในเมืองเป็นไงมั้ง มีแววจะได้ไหม”“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะมีคนสมัครเยอะ วันที่ไปสมัคร เจ้าของร้านให้ลองสระผม ไดร์ผม ทาเล็บ แต่งหน้า และมีหลายคนไปสมัครเหมือนกัน”“พี่นุ่มต้องได้แน่นอนค่ะ เพราะพี่นุ่มทำได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะแต่งหน้า เริ่ดสุด” อัณชญาไม่ได้ยกยอ เพราะนุ่มทำได้ทุกอย่างจริงๆ“ถ้าพี่ได้งาน คงไม่ได้กลับไปอยู่กรุงเทพฯ กับอัณแล้วนะ พี่อยากอยู่ใกล้ๆ พี่พล”“ไม่เป็นไรค่ะ หนูอยู่คนเดียวได้ โตแล้ว”“แต่ก็เป็นห่วงอัณนะ อยู่คนเดียวจะเหงาไปหรือเปล่า”“ไม่เหงาหรอกค่ะ เพราะเรียนทั้งวัน กลับห้อ
ร้านอาหารที่ชินภพพาอัณชญามากินในค่ำคืนนี้ ก็คือร้านอาหารของครอบครัวพีทนั่นเอง เข้าไปในห้องวีไอพีของร้าน เจออาหารเต็มโต๊ะแล้วก็ยังเจอพีทยิ้มแฉ่งรออยู่แล้ว“โอ๊ย มาเสียที ผมรอจนไส้กิ่วแล้วเนี้ย” เจ้าตัวโอดครวญสีหน้าไม่ได้จริงจังมากนัก แต่ยิ้มล้อเลียนให้อัณชญาพร้อมเปรยเบาๆ“คนเราก็นะ ชวนมากินข้าวไม่มา พอผู้ปกครองชวน ก็มาทันที น้อยใจจุง”อัณชญาไม่ต่อปากต่อคำกับพีท เพราะเธอรู้สึกผิดหวังนิดๆ ที่คิดว่าชินภพจะพาเธอมากินข้าวสองต่อสองคงหวังมากไป แค่นี้ก็ดีถมเถ ได้ทั้งเค้ก ของขวัญวันเกิด และเขาพามากินข้าว สามคนก็ดีกว่านั่งเหงาๆ เคล้าน้ำตาอยู่ในห้องพักเพียงลำพัง ต่อไปนี้เธอตั้งใจไว้ว่าจะไม่คิดมากเรื่องของชินภพกับปาลิน หรือผู้หญิงคนอื่นๆ เพราะเขาก็เป็นผู้ชาย ที่มีผู้หญิงเกินสองคนอยู่ในชีวิตมาตั้งแต่ไหนแต่ไรเธอก็แค่เด็กสาวคนหนึ่งที่เขาอุปการะไว้ แม้จะมีตำแหน่งนางบำเรอ แต่ก็ไม่เคยได้ทำหน้าที่ แต่มันก็ดีกว่าการถูกเขาเมินเฉย เพราะอย่างน้อยเขาก็ดูแลเธออย่างดี ทั้งส่งเรียนหนังสือ ดูแลค่าใช้จ่าย มีของขวัญ มีพามากินข้าว เวลาร้องไห้ก็เช็ดน้ำตาให้มันดีมากๆ แล้วสำหรับเด็กผู้หญิงที่เกิดมาในครอบครัวยากจน แล
ใกล้อีกนิด‘คิดผิดหรือเปล่านะ ที่ไม่ยอมออกไปกินข้าวกับพี่พีท’ อัณชญาได้แต่คิดอยู่เพียงลำพัง ในห้องพักที่แสนกว้างใหญ่อย่างเหงาๆ วันนี้เป็นวันเกิดอายุครบ 19 ปีเต็ม แต่ต้องอยู่คนเดียวในห้องนี้ เพื่อนๆ ก็กลับบ้านต่างจังหวัดกันหมดไม่เคยคิดฝันอยากฉลองวันเกิด เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยมีวันแบบนั้น แต่การอยู่ในเมืองใหญ่ด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยวแบบนี้ มันก็เศร้าเกินไปสมน้ำหน้าตัวเองที่ไม่ยอมกลับบ้านไปกับนุ่มไม่น่าเลย ไม่น่าเสียใจกับเรื่องที่นายขอปาลินแต่งงาน ทั้งที่ไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวนาย แค่นางบำเรอที่ไม่เคยถูกเรียกใช้เท่านั้นไม่เจียมตัวจริงๆ นังอัณ!ก่นด่าตัวเองในใจ พร้อมๆ กับน้ำตาซึม ก่อนหยดแหมะรินแก้ม ข้างนอกฝนก็ตกหนัก แถมฟ้าร้องเสียงดังก้องฟ้า แสงสีขาวที่ลอดผ่านระเบียงห้องนั่งเล่นเข้ามาทำให้เธอต้องหลับตาเพราะความตกใจแต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงลิฟต์ขึ้นมาจอดหน้าโถง พร้อมกับร่างสูงสง่าของใครบางคนปรากฏตัว ในมือมีถุงสองใบ สีหน้าเคร่งขรึม และดวงตามีประกายคมปลาบ พอๆ กับแสงเงินที่เปรี้ยงปร้างอยู่ข้างนอก“นาย...” เธอครางเสียงแผ่วสั่น บอกไม่ถูกว่าตกใจ ดีใจ หรือคาดไม่ถึง อาจจะทั้งสามอย่
หลังดินเนอร์ชินภพพาปาลินเข้าไปเที่ยวในไนต์คลับของโรงแรม เจอคนรู้จักทักทายดื่มกันเพลิดเพลินกระทั่งดึก จึงพากันกลับแต่เพราะมันดึกมากแล้ว เขาจึงพาปาลินกลับบ้านใหญ่ที่ใกล้กว่าบ้านพักในไร่อาบน้ำเรียบร้อย ยังไม่ทันจะใส่ชุดนอนปาลินก็เข้ามาคลอเคลีย นัวเนีย แต่วันนี้เขารู้สึกเหนื่อย และมีบางอย่างรบกวนจิตใจเกินกว่าจะตอบสนองต่ออาการยั่วยวนของเธอ“ไว้วันหลังนะ วันนี้ผมง่วง”“จะหลับลงจริงๆ เหรอคะ”“ครับ วันหลังนะ”“งั้นกูดไนท์ค่ะ” เธอจูบแก้มสาก แล้วผละออกห่างจากร่างเขา เพื่อไปสวมชุดนอนชินภพเองก็เช่นกัน พอสวมชุดนอนเรียบร้อย เขาก็ทิ้งตัวบนเตียงแล้ว ตั้งใจจะหลับ แต่ก็เผลอคิดถึงเด็กดื้อคนหนึ่ง ขณะที่ปาลินนั้นยังไม่กลับเข้ามาในห้องนอน ชินภพก็ไม่ได้สนใจ อีกอย่างที่เขาคบหากับปาลินได้ อีกฝ่ายเป็นคนพูดจารู้เรื่องไม่เซ้าซี้มากความ กระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ เขาก็ผล็อยหลับไปทันทีในขณะที่ปาลินกำลังนั่งถางขาชันขึ้น เพื่อสอดนิ้วเข้าไปกึ่งกลางร่างกายตัวเอง ขยับรัวเร็ว พร้อมเปล่งเสียงครางด้วยความเสียวซ่าน สายตาก็จ้องมองแท็บเล็ตที่กำลังมีหนังโป๊เต็มหน้าจอ“อ๊า คุณภพขา ช่วยปลาด้วย อา อ๊ะ...”นางเอกสาวร้องเรียกชื่อชาย