อัณชญาเป็นเด็กดี
“จะรีบไปไหน” เสียงห้าวทุ้มถามขึ้น เมื่อเห็นลูกน้องคนสนิทกำลังเดินลงมาจากอาคารสำนักงานภายในบริเวณไร่ ที่มีโรงงานผลิตไวน์รวมอยู่ด้วย ส่งออกทั้งในและต่างประเทศ
“จะไปโรงเรียนนังอัณ”
“ไปทำไม นี่ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนไม่ใช่เหรอ” มันเพิ่งจะบ่ายโมง จริงๆ แล้วเด็กคนนั้นไปโรงเรียนเองได้ แต่ต้องเดินไปขึ้นสองแถวที่อยู่ห่างจากตัวบ้านค่อนข้างไกล เขาเลยให้พล หรือคนขับรถไปรับส่งอีกฝ่าย
“พอดีมีเรื่องนิดหน่อย” พลตอบด้วยสีหน้าลำบากใจ
“มีเรื่องอะไร”
“นังอัณทะเลาะกับเพื่อนที่โรงเรียนครับ”
“เรื่องแค่นี้ทำไมต้องเรียกผู้ปกครอง เด็กทำผิดครูก็สั่งสอนหรือลงโทษไปสิ”
“เพื่อนหัวแตก เข้าโรง’ บาลครับ ผู้ปกครองเด็กจะแจ้งความ”
“เอ้า เวร! ทำไมต้องทำรุนแรงขนาดนั้น”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ปกติอัณเป็นเด็กดี เรียบร้อย ไม่เคยหาเรื่องใครก่อนนะครับนาย” พลกลัวว่าผู้เป็นนายจะคิดว่าหลานสาวเป็นเด็กเกเร และอาจไม่อยากให้อยู่ด้วยแล้ว
“หลานมึงเป็นเด็กดีว่างั้นเหอะ”
“ก็ที่ผ่านมาอัณก็ไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใครมาก่อนนะครับ คิดว่าเด็กคนนั้นต้องมาหาเรื่องอัณก่อนแน่นอน”
“งั้นรีบไปดูหลานคนดีของมึงเหอะ!” ชินภพพูดประชดก่อนโบกมือไล่ ก่อนเขาจะเดินเข้าไปในห้องทำงาน
พลเกาหัวแกรกๆ เพราะกลัวว่านายจะเบื่อหลานสาวเสียก่อน วันก่อนก็เพิ่งก่อเรื่อง วันนี้มีอีกเรื่องให้ปวดหัวอีก
พลบึ่งรถมาที่โรงเรียนไม่กี่นาทีก็ถึง เขาไปห้องผู้ปกครองทันที เห็นอัณชญานั่งหน้ามุ่ยอยู่หน้าห้องฝ่ายปกครอง
“น้าพล ไอ้ฟีล มันล้อหนูก่อน” อัณชญารีบถลาเข้ามาบอกน้าชาย ก่อนที่จะถูกครูฝ่ายปกครองฟ้องก่อน
“ล้ออะไร”
“มันล้อว่าหนูเป็นอีหนูของนาย”
“แค่นี้ มึงก็ฟาดมันหัวแตกเลยเหรอ”
“หนูเปล่าฟาด หนูแค่ผลักมันล้ม แต่หัวมันกระแทกก้อนหินเอง หนูไม่ได้ตั้งใจให้มันหัวแตก หนูผลักเพราะมันมาตะโกนข้างๆ หู หนูรำคาญ”
“เฮ้อ เวรแท้ๆ ทำอะไรไม่คิด
“มันซุ่มซ่ามเอง หนูก็ไม่ได้ผลักแรงเสียหน่อย”
“แล้วไง ครูบอกว่าพ่อแม่ไอ้ฟีลจะแจ้งความ ข้อหาทำร้ายร่างกาย”
“ฮือๆ หนูจะติดคุกไหม” อัณชญาปล่อยโฮทันที
“ไม่รู้สิ เดี๋ยวน้าไปคุยกับครูก่อน” เมื่อเห็นอีกฝ่ายร้องไห้ พลก็เสียงอ่อน และไม่กล้าดุอะไรต่อ
พลเข้าไปที่ห้องครูฝ่ายปกครอง ส่วนอัณชญาก็นั่งร้องไห้อยู่หน้าห้อง นั่งรออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง พลก็ออกมาด้วยสีหน้าเครียดๆ
“น้าพล ครูว่ายังไง”
“ก็ไม่ว่าไง แค่บอกให้กูสั่งสอนมึงดีๆ และบอกย้ำว่าพ่อแม่ไอ้ฟีลจะแจ้งความทำร้ายร่างกาย ครูเขาก็พยายามไกล่เกลี่ยอยู่ เขาแนะนำให้มึงยกกระเช้าไปขอโทษมันกับพ่อแม่มัน แต่ก็นั่นแหละ ขอโทษแล้วเขาจะไม่เอาเรื่องไหม ก็คงต้องลุ้นกัน”
“มันก็ควรขอโทษหนูด้วย อยู่ดีๆ มาล้อทำไม”
“เออ ใจคอมึงจะให้มันขอโทษมึงก่อนเหรอ ตอนนี้น่ะเลิกคิดได้แล้ว คิดว่าพ่อแม่มันจะแจ้งความมึงเปล่า ดีกว่าไหม”
พลเครียดๆ เลยตวาดให้ จากนั้นเขาก็พาอัณชญากลับบ้านไปก่อน ระหว่างเดินไปที่รถ เด็กนักเรียนคนอื่นก็มามุงและซุบซิบว่าหลานสาวเป็น
อีหนูเจ้านายของเขาใครมันปล่อยข่าวเรื่องพ่อของอัณชญาเอาลูกสาวไปขายให้นายเขา
“ไอ้ฟีลมันปล่อยข่าวเรื่องหนูด้วย” อัณชญาฟ้องรัวๆ
“มันรู้ได้ไง”
“พ่อมันทำงานที่บ่อนไอ้เสี่ยโต และพ่อมันได้ยินเสี่ยโตคุยกับลูกน้องอีกคน”
“ไอ้เสี่ยโตมันคงเสียดายมึงมากสินะ ถึงต้องคุยเรื่องนี้กับลูกน้อง แล้วพ่อมึงได้เงินก็หายหัวไปเลย เงินหมดนั่นแหละถึงโผล่หน้ามาให้เห็น” พลพูดแบบปลงๆ คิดแล้วก็เวทนาหลานสาว
เพราะหลังเงินหมด พ่อของอัณชญาคงมารบกวนลูกสาว เพราะตำแหน่งนางบำเรอนายก็มีเงินเดือนอยู่มากโข แม้อัณชญาจะยังไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองก็เถอะ แต่เชื่อว่าหากโตกว่านี้ ก็คงได้ทำ เว้นแต่นายจะเฉดหัวมันออกจากบ้านเสียก่อน เพราะเบื่อที่มันก่อเรื่อง หรือไม่ก็รำคาญอาทิตย์ ที่วันหนึ่งคงหวนกลับมารบกวนลูกสาว
หลังจากส่งอัณชญาแล้ว พลก็กลับไปยังไร่
“เป็นไงบ้างล่ะ” ชินภพถาม เมื่อเห็นสีหน้าเครียดๆ ของอีกฝ่าย
พลก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เจ้านายฟัง รวมทั้งเรื่องที่พ่อแม่ไอ้เด็กฟีลจะแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกาย
“บ้าเหรอ แค่เด็กทะเลาะกัน จะแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายเลยหรือไง อย่างมากก็แค่ทะเลาะวิวาท แต่ก็ไม่น่าแจ้งความ เพราะไอ้เด็กนั่นหาเรื่องก่อน”
“แล้วจะทำไงครับนาย”
“พรุ่งนี้มึงก็ส่งดอกไม้พร้อมเช็คไปให้มัน ไม่ต้องพาหลานมึงไปให้เสียเวลาหรอก เดี๋ยวหลานคนดีของมึงก็ทุ่มกระเช้าใส่มันจะทำไง”
“โถ นาย อัณมันไม่ได้ร้ายขนาดนั้นหรอก” พลพยายามรักษาภาพลักษณ์ที่ดีของหลานสาว
“เหรอ...”
เมื่อนายพูดแบบนั้น พลก็เริ่มไม่แน่ใจว่าหลานสาวจะก่อเรื่องอะไรอีก ดูเหมือนช่วงนี้ดวงมันคงกำลังตก มีแต่สิ่งที่ทำให้นายไม่พอใจในตัวมัน
แต่วันรุ่งขึ้นพลก็ทำตามคำสั่งนาย นำกระเช้าดอกไม้พร้อมเช็คเงินสด ที่พอพ่อแม่ของฟีลเห็นก็ตาโต รีบยกโทษให้อัณชญาทันที
“ไม่เป็นไรหรอก เด็กๆ ทะเลาะกัน มีกระทบกระทั่งบ้างเป็นเรื่องธรรมดา”
พลหัวเราะขำๆ ขี้เกียจฟังคำพูดไม่จริงใจ เลยรีบขอตัวกลับ แต่ก่อนกลับก็เอ่ยบอก
“ทีหลังอย่าไปล้อนังอัณอีกนะไอ้ฟีล เพราะมึงอาจโดนมากกว่าหัวแตก แต่ไม่ใช่ฝีมือนังอัณ อาจเป็นคนอื่นก็ได้” แล้วพลก็ขยิบตาให้ ยกนิ้วชี้เชือดคอตัวเอง พร้อมทำหน้าหลอนๆ
พอเห็นสีหน้าซีดๆ ของคนป่วย เขาก็เหยียดยิ้มให้ แล้วเดินตัวปลิวออกไปจากห้องพักฟื้น
เมื่อกลับถึงบ้านไปบอกเรื่องทั้งหมดกับอัณชญา อีกฝ่ายอยากขอบคุณผู้เป็นนาย แต่พลก็ห้ามไว้
::::::::::::::::::::::::::
“นายสั่งไม่ให้เอาหน้าไปให้เห็นไม่ใช่เหรอ มึงก็ทำตามเถอะ อย่าหาเรื่องใส่ตัวอีก กูเหนื่อยแล้วนะ”“หนูแค่อยากขอบคุณ”“เออ เข้าใจ แต่มึงอยู่เฉยๆ เถอะ และอย่าไปก่อเรื่องไรอีก แค่นี้นายก็คงพอใจแล้ว”“เขาเกลียดหนูขนาดนั้นเลยเหรอ”“ถ้าเกลียด เขาคงไล่มึงออกจากที่นี่แล้ว เอาง่ายๆ เลยนะ มึงตั้งใจเรียนหนังสือ สนใจแต่เรื่องของตัวเองพอ เรื่องนายไม่ต้องสนใจหรอก”“พี่นุ่มก็ไม่ยอมให้หนูไปทำงานบ้านที่ตึกใหญ่เลย ให้แค่รดน้ำต้นไม้โน่นเลย ไกลจากตึกใหญ่”“ก็ดีแล้ว มึงจะอยากเสนอหน้าไปให้นายเห็นอีกหรือไง เดี๋ยวนุ่มก็เดือดร้อนอีกหรอก ดีนะนายยกโทษให้ หักเงินเดือนแค่เดือนเดียว”“ที่เหลือหนูจะใช้คืนพี่นุ่มเอง”“ก็ดีเหมือนกัน มันเดือดร้อนเพราะมึงอยากแซ่บแท้ๆ”“ก็คิดว่านายจะชอบนี่” เด็กสาวพูดทำหน้าง้อใส่พล“ไม่ว่ามึงจะแซ่บหรือไม่แซ่บ เขาก็ไม่เอามึงทำเมียตอนนี้หรอก”“หนูไม่สวยเหรอ”“มึงเป็นเด็ก นายไม่ชอบเด็ก!” พูดจบ พลก็เบื่อจะคุยกับหลานสาว เลยเดินลงบันไดกลับตึกใหญ่ไปเลย ปล่อยอัณชญาพึมพำอยู่คนเดียว“คนเรามันก็ต้องโตสักวันไหมล่ะ!”หลังจากเหตุการณ์ไอ้ฟีลหัวแตก สถานการณ์ที่โรงเรียนก็เป็นปกติ แต่เพื่อนที่มีน้อยอยู่แล้ว
ต่อไปนี้นอกจากจะไม่ต้องเสนอหน้าไปให้เขาเห็น ต้องอย่าออกไปไหนคนเดียวเพิ่มอีกกระทงหวังว่าคงไม่มีอะไรเพิ่มเติมมากกว่านี้นะเมื่อกลับมาถึงบ้าน นายผู้มีใบหน้าหล่อเหลาและแสนเย็นชานั้น ก็ไม่พูดไม่จาอะไรอีก เหมือนพาฝุ่นไรที่เกาะหลังคารถกลับบ้านมาด้วยเมื่อเดินกลับมายังเรือนพัก ซึ่งตอนนี้ไม่มีคนอยู่ เพราะป้าหมายกับนุ่มจะกลับเรือนพักประมาณสองทุ่มครึ่ง แต่นี่เพิ่งสองทุ่มเอง และเจ้านายก็เพิ่งกลับอัณชญาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งทำการบ้านอยู่ตามลำพัง กระทั่งทุกคนกลับเรือนพัก รวมทั้งน้าพลของเธอด้วย อีกฝ่ายเรียกเธอไปสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้น หลังจากได้ยินจากเจ้านายมาบ้างแล้วพลก็อยากต่อว่าหลานสาว เพราะเพิ่งเกิดเรื่องที่โรงเรียนไปแท้ๆ ดันมีเรื่องไอ้เสี่ยโตเข้ามาอีก แต่พอเห็นหน้าเศร้าๆ ก็เลยได้แต่บ่นไม่จริงจังนัก“ดวงมึงตกแน่ๆ เลยนังอัณ มีแต่เรื่อง”“หนูก็ว่างั้นแหละ เดินอยู่ดีๆ ก็เจอไอ้เสี่ยโต มันจะจับหนูขึ้นรถหน้าตาเฉย ถ้าหนูไม่สะบัดมือจนมันล้ม ป่านนี้หนูอาจถูกปู้ยี่ปู้ยำแล้วก็ได้ ฮือๆ” เจ้าตัวก็สะอื้นขึ้นมาเบาๆ“เออๆ มึงไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องร้อง เดี๋ยวพรุ่งนี้พาไปทำบุญที่วัด”“นุ่มไปด้วยนะพี่พล” นุ่
ดวงตกอย่างแรก เพราะเป็นวันหยุดยาว เจ้านายเข้ากรุงเทพฯ คนงานในบ้านหลายคนก็มีโอกาสได้ออกเที่ยว เธอก็เช่นกัน วันนี้นัดกับนุ่มจะเข้าไปเมืองไปหาซื้อของใช้ และเดินเล่นเตร็ดเตร่ ชอบที่สุดคือตลาดนัดกลางคืน สองสาวเพลิดเพลินกระทั่งท้องไส้ปั่นป่วนจึงหาร้านอาหารที่ไม่ไกลจากตลาด“กินซาบูกันนะพี่ อัณเลี้ยงเอง”“โห รวย”“ก็ไม่รวย แต่หนูก็ได้เงินเดือนไง”“อ๋อ ลืมไป ยังไงอัณก็ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงของนาย เงินเดือนเยอะกว่าพี่อีก”พอนุ่มพูดถึงนาย อัณชญาก็ยิ้มเศร้า เพราะตั้งแต่วันเกิดเรื่องที่ประตูซุ้มดอกไม้ทางเข้าออกตึกส้ม เธอก็ไม่เคยได้เจอหน้าชินภพอีกเลย อยู่แบบเจียมตัวและใจ แทบจะขังตัวเองอยู่บนเรือนพัก อยากยืดแข้งยืดขาก็ออกมาเดินรอบๆ บ้าน ไม่กล้าเฉียดใกล้ตึกใหญ่ หรือตึกส้ม เพราะกลัวจะมีเหตุหรือเรื่องร้ายต่างๆ ให้เขาให้เขาหัวเสีย เพราะหากเกิดเรื่องขึ้นอีกครั้ง นายอาจเฉดหัวเธอออกจากบ้านก็ได้“ตอนแรกหนูก็เกรงใจนะ เขาให้เงินเดือน ทั้งที่หนูไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเองเลย แต่น้าพลบอกว่าเก็บไว้สำหรับการเรียนต่อม’ หาลัย” เพราะอีกเดือนเดียวก็จบแล้วมัธยมปลายแล้วทั้งสองพากันไปกินซาบูอย่างเอร็ดอร่อย ตามด้วยขนมหวานอีก
จะเป็นเด็กดีของนายอัณชญาเดินออกจากห้องสอบพร้อมกับแตงกวาด้วยความโล่งใจ เพราะเป็นการสอบครั้งสุดท้ายในชีวิตเด็กมัธยมของทั้งสอง จากนั้นก็นอนรอผลสอบ และผลแอดมิดชั่นที่เธอเลือกไว้ถึงห้าอันดับ ทั้งในมหาวิทยาลัยในตัวจังหวัดและในกรุงเทพฯ ส่วนในกรุงเทพฯ ไม่คิดว่าจะติด เพราะเป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของเมืองไทย หรือถ้าสอบติดก็ไม่รู้จะได้ไปเรียนไหม ทุกอย่างขึ้นกับชินภพ เพราะเธอเป็นคนของเขาไปแล้ว ถึงจะอยู่ในตำแหน่งนางบำเรอที่ยังไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ก็เถอะ“ฉลองสอบเสร็จ กินหมูทะกันไหม” แตงกวาชวน“เอาสิ แต่ขอโทร. บอกน้าพลก่อนนะ”เธอขออนุญาตน้าชายเรียบร้อย ซึ่งอีกฝ่ายกำชับ ห้ามกลับเกินสองทุ่ม และอัณชญาก็รับปากเป็นมั่นเหมาะ แต่ขณะเดินพ้นบริเวณโรงเรียนมาเล็กน้อย“อัณ!”เสียงเรียกที่แสนคุ้นหูนั้นทำให้เธอหันขวับไปมองด้วยสีหน้าหวาดหวั่น“อัณ สบายดีนะ พ่อคิดถึงลูกมากๆ เลย” อาทิตย์โผกอดลูกสาว โดยไม่สนใจท่าทีหวาดๆ ของคนเป็นลูก เพราะเมื่อใดที่พ่อพูดจาไพเราะกับเธอแบบนี้ มันผิดปกติ บ่งบอกว่าอีกฝ่ายต้องการบางอย่างจากเธอ ไม่ต่างจากตอนที่เกลี้ยกล่อมพาเธอมาขายให้ชินภพ แต่ตอนนั้นเธอยอม เพราะพ่อขู่ว่าจะขายให้ไอ้เสี่ย
คำสั่งนายอัณชญาดีใจกรี๊ดลั่นบ้าน เมื่อผลสอบแอดมิดชั่นออกมาว่าเธอสอบติดทุกอันดับที่เลือก“เป็นไรวะอัณ” นุ่มโผล่หน้าเข้ามาในห้องเพื่อถามไถ่ ขณะนั่งดูละครรอบดึกอยู่ในโถง สีหน้าก็ดูตกใจกับเสียงกรี๊ดของอัณชญาอยู่ไม่น้อย ดีที่ว่าป้าหมายหลับไปแล้ว“อัณสอบเข้ามหา’ ลัยได้แล้วพี่นุ่ม”“แล้วติดที่ไหน”“ติดทุกอันดับที่เลือก ทั้งกรุงเทพฯ และในตัวจังหวัด”“แล้วอัณจะเลือกเรียนที่ไหนล่ะ”“คงต้องถามน้าพลดูก่อน”“แล้วอัณอยากเรียนที่ไหนล่ะ”“เมื่อก่อนอยากเรียนที่กรุงเทพฯ มหา’ ลัยอันดับต้นๆ ของเมืองไทย แต่ตอนนี้หนูอยากเรียนในตัวเมือง ไม่อยากไปจากที่นี่”“ยังไงก็ต้องถามนายก่อนหรือเปล่า ว่าเขาจะให้เรียนที่ไหน เพราะยังไงอัณก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียนายนะ”“ไม่ใช่เมีย แค่นางบำเรอกำมะลอเท่านั้น” อัณชญาแก้ต่างให้“จะเมียหรือนางบำเรอก็คือๆ กันนั่นแหละ เขาจ่ายเงินเดือนให้นี่หว่า แต่ถ้าอัณอยากเรียนที่นี่ ก็ไม่น่าจะเป็นไรนะ กรุงเทพฯ มันไกลไป อัณไปเรียนที่นั่น พี่ก็คงเหงา”“เมื่อก่อนก็อยู่ได้นี่พี่”“อ้าว นั่นเมื่อก่อน แต่ตอนนี้มีอัณมาอยู่ด้วยแล้ว ดีกว่าอยู่กับป้าหมายสองคน” ซึ่งค่ำมา ดูละครจบป้าก็สวดมนต์แล้วก็นอน ส่วนเ
“แต่ตอนนี้หนูไม่อยากไปแล้ว”“มีเหตุผลอะไรถึงไม่อยากไป”“หนูอยากอยู่ที่นี่”“มีเหตุผลอะไรที่จะอยากอยู่ที่นี่”“หนูอยากอยู่บ้านนี้”“โอ๊ย มึงจะอยากอยู่มาก จนขัดคำสั่งนายเหรอ อยากให้นายโกรธใช่ไหม รับรองเลยนะ นอกจากมึงจะไม่ได้ไปเรียนต่อกรุงเทพฯ แล้ว มึงจะไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย” พลขู่ เพราะเหนื่อยจะโต้เถียงกับอีกฝ่าย“น้าพล ช่วยหนูด้วยสิ หนูอยากเรียนในเมืองจริงๆ นะ”“มึงจะบ้าเหรอ ใครก็ช่วยมึงไม่ได้ทั้งนั้น เรื่องนี้แล้วแต่นาย แล้วมึงเป็นอะไรเนี่ย ทำไมดื้อ คิดถึงอนาคตตัวเองไว้มากๆ เถอะ จะมาเอาแต่ใจตัวเองตอนนี้ได้เหรอ บ้านนี้มันมีอะไรดีนักหนาถึงอยากจะอยู่ ทั้งที่ไปเรียนกรุงเทพฯ มันดีที่สุดนะ”“ก็บ้านนี้มีนาย”“โอ๊ย อัณ มึงนี่นา หาเรื่องใส่ตัว คราวก่อนมึงยังไม่เข็ดใช่ไหม ก็นายบอกแล้วว่าไม่สนใจเด็กอย่างมึง มึงจะดันทุรังอยากเป็นเมียเขาเหรอ ถ้ามึงอยากมีผัวนัก ไปเรียนกรุงเทพฯ เลย ที่โน่นมีคนหน้าตาดี รุ่นราวคราวเดียวกับมึงเยอะแยะ”“หนูไม่ชอบรุ่นเดียวกันนี่”“แต่นายไม่เอาเด็กที่อายุไม่ถึงยี่สิบเป็นเมีย โดยเฉพาะมึง นายยิ่งไม่เอา”“หนูทำไม ขี้เหร่ก็ไม่ใช่”“ก็มึงดื้อไง ทำแต่เรื่อง โดยเฉพาะครั้งนี้ ถ้าน
ต้องห่างไกล สิ่งที่เร่งให้อัณชญาไม่ดื้อดึงกับการที่จะเรียนต่อมหาวิทยาลัยภายในจังหวัด เพราะพ่อพยายามติดต่อเธออีกครั้ง ด้วยการไปหาแตงกวา ขอร้องให้เธอมาพบ แต่อัณชญารู้จุดประสงค์ของพ่อว่าต้องการเอาเธอไปขายให้เสี่ยโต เธอเลยไม่ไป ทำได้แค่ฝากเงินให้แตงกวาเอาไปให้พ่อเท่านั้นเมื่อเอกสารการเรียนจบมัธยมปลายเรียบร้อย อัณชญาจึงเดินทางไปกรุงเทพฯ พร้อมนุ่มและเลขาของชินภพ ซึ่งเป็นสาวใหญ่วัยกลางคนชื่อคุณแจ่มจันทร์ ส่วนชินภพที่ตอนแรกพลบอกว่าเขาจะไปส่งด้วยนั้น กลับบอกว่าไม่ว่างอัณชญาทั้งรู้สึกเสียดายและผิดหวัง เพราะนี่จะเป็นโอกาสที่เธอจะได้เจอกับชินภพอีกครั้ง หลังจากไม่ได้เห็นหน้ามาหลายเดือน การไปเรียนต่อในกรุงเทพฯ คงทำให้โอกาสที่จะได้เจอเขายากไปอีก หรืออาจไม่ได้เจอกันเลย เพราะชินภพเองก็ไม่ได้อยากเจอเธออยู่แล้วไม่เข้าใจเลยทำไมต้องเกลียดเธอขนาดนั้น มีเรื่องราวที่เธอทำให้เขาไม่ถูกใจแค่เล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้ทำผิดอะไรร้ายแรง ที่เขาจะต้องมาเกลียด คิดแล้วก็น้ำตาซึมออกมาอย่างไม่รู้ตัว“เป็นอะไร” นุ่มถามขณะที่ออกจากสนามบิน แล้วมีรถมารับไปที่พัก ตอนนี้เธอนั่งอยู่เบาะด้านหลังกับนุ่ม ส่วนแจ่มจันทร์นั่งข้างหน้
หนุ่มชวนกินข้าวกิจกรรมต้อนรับน้องใหม่ของคณะนิเทศศาสตร์ เป็นอะไรที่เน้นความสนุกสนาน ร้องรำทำเพลง เต้นรำ ไม่มีอะไรที่น่ากลัวหรือเลยเถิด ที่เน้นสุดๆ ก็คือการซ้อมเชียร์ อัณชญาถูกรุ่นพี่ให้สมัครเป็นเชียร์ลีดเดอร์คณะ แต่เธอปฏิเสธ เพราะไม่ถนัดเต้น แต่ขอช่วยดูแลทีมเชียร์หรืออื่นๆ ที่พี่ๆ ต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งอัณชญาก็ได้อยู่ฝ่ายจัดหาอาหารและเครื่องดื่มเหนื่อยแต่ก็สนุก เธอก็ได้รู้จักเพื่อนใหม่ และรุ่นพี่ที่น่ารักมากมาย“อัณ คืนนี้พวกพี่จะไปฉลองวันเกิดพี่พีท ที่ผับใกลๆ มอนี่แหละ ไปด้วยกันไหม”‘พี่มิ้นท์’ หรือมินตรา รุ่นพี่ที่อัณชญาชื่นชอบนิสัยใจคอมากคนหนึ่งเอ่ยชวน“หนูคงไปไม่ได้ค่ะ ผู้ปกครองหนูห้ามเที่ยวกลางคืน อีกอย่างอายุก็ไม่ถึงด้วย”“โห เด็กดีใช่ได้เลย ดีแล้วๆ” มินตราพูดแล้วลูบหัวเธออย่างเอ็นดู“น้องแก้วล่ะ ไปหรือเปล่า” มินตราถามกรแก้ว รุ่นน้องอีกคนที่อัณชญาสนิทด้วย“หนูอยากไปค่ะ แต่อายุหนูไม่ถึง จะเข้าได้เหรอคะ”“ผับนั่น พี่พีทเป็นหุ้นส่วนอยู่ เข้าได้แหละ” มินตราเอ่ยถึงรุ่นพี่ที่แสนฮอต เพราะทั้งหล่อและรวย ขับรถหรู ทำเอาเฟรซซี่หลายคนกรี๊ด และอยากสนิทกับเขาหลายคน รวมทั้งกรแก้ว“งั้นหนูไ
“ลูกหลับแล้วเหรอ” ชินภพโผล่หน้าเข้ามาในตอนสามทุ่ม ขณะที่เธอกำลังนั่งอ่านหนังสือ ส่วนลูกชายวัยสองขวบกว่านั้นหลับไปตั้งแต่สองทุ่มลูกชายของเธอกับชินภพมีชื่อเล่นว่า ‘น้องอั๊ต’ ส่วนชื่อจริงนั้นคือเด็กชายอรรคภพ สุขวสันต์ มีตัวอักษรหน้าเหมือนแม่ และอักษรหลังตรงกับผู้เป็นพ่อตรงๆตอนนี้เธอกับลูกและชินภพมาอยู่ที่บ้านพักในไร่ เพราะอยู่ใกล้ที่ทำงาน ทั้งไร่และรีสอร์ต สะดวกสำหรับชินภพ เวลาที่เขากลับดึก บางวันเขาก็มากินมื้อเที่ยงกับเธอ บางครั้งอัณชญาก็พาลูกชายไปกินมื้อเที่ยงหรือค่ำในรีสอร์ต เป็นความสะดวกสบายและได้อยู่ใกล้ชิดกันมากกว่าอัณชญาจึงชอบที่จะอยู่ที่บ้านพักในไร่มากกว่าบ้านใหญ่วางหนังสือลง แล้วเดินไปหาอ้อมแขนของเขา เพราะช่วงนี้ที่รีสอร์ต ค่อนข้างยุ่ง มีทัวร์จากต่างประเทศมาลงแทบทุกวัน ชินภพจึงเข้าไปช่วยต้อนรับแขกวีไอพีบางกลุ่ม เลยทำให้บางวันกลับดึก ไม่ทันกลับมาอ่านนิทานให้ลูกฟัง“เราไปขับรถดูดาวในไร่กันดีกว่า”“แน่ใจนะคะว่าแค่อยากดูดาวเฉยๆ” เธอถามพร้อมกับมองตาเขาอย่างรู้ทัน เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สามีชวนไปนั่งรถดูดาวที่กลางไร่“แน่นอนดูอย่างอื่นด้วยสิ” เขาบอกแล้วยิ้มใส่ดวงตารู้ทันของภรรยา
ตอนพิเศษ : ร้อนแรงอัณชญารู้สึกชินเสียแล้ว เมื่อให้นมลูกชายคนแรกซึ่งตอนนี้ใกล้จะสามเดือนแล้ว ผู้เป็นสามีชอบนั่งมองตาเป็นประกาย ครั้นลูกอิ่ม และเธอวางเจ้าตัวเล็กลงเปล ชินภพจะเข้ามาคลอเคลีย ดูดเลียหน้าอกเธออย่างหลงใหล ทำให้เธอวาบหวิวจนเผลอครางเสียงดัง จากนั้นก็พากันไปอยู่ในห้องแต่งตัว แล้วมีเซ็กซ์กันอย่างเร่าร้อนอัณชญาไม่แน่ใจว่าธรรมชาติของตนเอง หรือเพราะฮอร์โมนคนหลังคลอด เธอต้องการเซ็กซ์มากกว่าเดิมด้วยซ้ำตั้งแต่แผลคลอดหายดี เธอกับเขาก็มีอะไรกันแทบทุกวัน ปรนเปรอกันและกันจนต่างฝ่ายต่างหมดแรง เพราะตอนนี้ลูกชายอายุสามเดือนแล้ว เขาไม่ตื่นตอนกลางคืน ตื่นอีกครั้งตอนใกล้ฟ้าสาง หรือบางวันก็เช้าตรู่อัณชญาเลี้ยงลูกเองในตอนกลางคืน ส่วนกลางวันมีเด็กรับใช้กับนุ่มช่วยดูแล ตอนหลังคลอดใหม่ๆ แม้จะต้องตื่นตอนกลางคืนเพื่อให้นมลูก หรือตื่นมาปั๊มนมไว้ เธอก็ไม่รู้สึกเหนื่อย เพราะงีบหลับตอนกลางวันเผื่อไว้แล้วชินภพเองจะช่วยดูแลตอนกลางคืน ในวันที่รุ่งเช้าเขาไม่ได้ไปทำงาน หรือมีงานน้อย แต่บางครั้งเขาก็หยุดยาวเป็นอาทิตย์ ซึ่งทำให้คุณแม่มือใหม่อย่างอัณชญาไม่เหนื่อย และยังเหลือเรี่ยวแรงมากพอจะใช้ทำกิจกรรมรักกับ
ตอนเย็นชินภพกลับมา หลังจากกินข้าวเสร็จ เธอกับเขานั่งคุยกันในห้องนอน"คุณภพคะ อีกหน่อยท้องหนูจะโตเรื่อยๆ”“ก็แน่นอนสิ ลูกก็โตขึ้นเรื่อยๆ” เขาพูดยิ้มๆ แล้วก้มลงจุ๊บท้องเธอ“อัณกลัวคุณภพเบื่อ”“จะเบื่อได้ยังไง เธอเป็นเมียฉันนะ และกำลังอุ้มท้องลูกของเราด้วย”“แต่เรื่องเซ็กซ์ คือ...”“คนท้องเขาไม่ได้ห้ามมีเซ็กซ์นี่ พ้นสามเดือนแล้วก็ทำได้”“แต่มันจะไม่เต็มที่เหมือนเดิม หนูกลัวคุณภพไม่ถึงใจ”“แล้ว...”“คุณภพมีนางบำเรอได้ ตอนที่หนูท้อง ไปจนถึงหลังคลอดสามเดือนได้ค่ะ”“ไม่หึงเหรอ”“ก็...หนูคิดแค่อยากให้คุณภพมีความสุข”“ขอบคุณที่นึกถึง แต่ฉันมีแค่เธอก็มีความสุขแล้ว ไม่ต้องคิดว่าตัวเองจะตอบสนองไม่ได้เท่าเดิม เราทำเท่าที่ทำได้ และอีกอย่างเรื่องเซ็กซ์เนี่ย ฉันเต็มที่มาตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงตอนมาเจอเธอ ตอนนี้ฉันเพลาๆ ลงแล้ว อยากโฟกัสเธอกับลูก และงานฉันก็ยุ่งมากพอแล้ว”“คุณภพแน่ใจนะคะว่าโอเค” ถึงจะบอกให้อีกฝ่ายมีนางบำเรอเหมือนเมื่อก่อนได้ แต่ลึกๆ ก็ยอมรับว่าหวงสามีมาก กลัวเขาจะติดใจนางบำเรอจนลืมเธอกับลูก“เธอเห็นฉันเป็นตาแก่ตัณหากลับหรือไง แค่มีเธอ ฉันก็โอเคมากๆ แล้ว”“แน่ใจนะคะ” เธอยังถามย้ำ“อือ...เดี
หกเดือนผ่านไป...เมื่อรู้สึกตัวตื่นอัณชญาก็รู้สึกพะอืดพะอมจนลุกจากที่นอนตรงไปยังห้องน้ำทันที อาเจียนออกมาจนไม่เหลืออะไรในท้อง แล้วมานอนทิ้งตัวบนเตียง พร้อมกับลูบหน้าท้องตัวเอง“จะสามเดือนแล้วนะลูก ให้แม่หายจากแพ้ท้องเถอะนะลูกรัก” ถึงจะแพ้แค่ช่วงเช้าที่ตื่นนอนเท่านั้น แต่อัณชญาก็รู้สึกอ่อนเพลียทุกครั้งหลังอาเจียน ดีว่าไม่เวียนหัวเสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกับที่นุ่มยกถาดอาหารเช้ามาวางบนโต๊ะ ตรงมุมนั่งเล่น“วันนี้ยังอาเจียนอยู่เหรอ”“ค่ะ”“ไม่เป็นไร สามเดือนแล้ว สักพักน่าจะดีขึ้น”อัญชญาเดินมานั่งโต๊ะ มองอาหารด้วยสีหน้าแช่มชื่น แม้จะยังไม่หายจากอาการแพ้ท้อง แต่เธอก็ยังกินได้ปกติ และอาหารเช้าวันนี้คือข้าวต้มทะเล ส่วนผลไม้คือองุ่นกับฝรั่ง ของโปรดเช่นกัน แต่เพื่อร่างกายได้สารอาหารให้เพียงพอ ชินภพก็สั่งแม่ครัวกับนุ่มให้ดูแลเรื่องอาหารการกินของเธอให้ครบและหลากหลาย ทว่าไม่มากเกินไปอาหารและเครื่องดื่มบางอย่างไม่ดีต่อสุขภาพและเด็กในท้องก็งด หรือกินให้น้อยเช่นกัน เช่นเครื่องดื่มชงหวาน ชา กาแฟ และขนมหวานต่างๆ กินได้ แต่อย่ากินเยอะวันนี้ก็เหมือนทุกวัน ชินภพตื่นและไปทำงานตั้งแต่เช้าก่อนเธอตื่น แ
บทส่งท้ายเมื่อออกจากห้องสอบ แทนที่จะออกไปกินเลี้ยงฉลองกับเพื่อนๆ แต่อัณชญาก็รีบกลับห้องพัก เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงชินภพจะมาถึงแล้วตลอดเวลาของการเรียนปีสุดท้าย ถึงเขาจะสัญญาว่ามาหาทุกเดือน แต่บางเดือนชินภพก็ปลีกตัวมาไม่ได้ ครั้งสุดท้ายที่เจอกันก็คือสองเดือนก่อน ตอนนี้อัณชญาจึงอยากเจอเขามากที่สุดถึงจะวิดีโอคอลกันเกือบทุกวัน แต่อย่างไรมันก็ไม่เหมือนได้เจอตัวเป็นๆ อยู่ดีพอลิฟต์เปิด ก้าวออกมายังห้องโถง เธอก็สะดุ้ง เพราะเห็นร่างของคนที่กำลังคิดถึงนั่งอยู่บนโซฟาเรียบร้อยแล้วอัณชญายิ้มกว้างแล้วถลาเข้าไปกอด ซึ่งชินภพก็กางแขนรอรับอยู่แล้ว“คิดถึงคุณภพจังเลย” เมื่อหลายเดือนก่อน เขาเพิ่งบอก ไม่ให้เธอเรียกเขาว่า ’นาย’ อีกต่อไป เพราะต่อไปนี้เธอจะเป็นภรรยาของเขาแล้ว“ฉันก็คิดถึงเธอมาก”“ไหนว่าจะมาตอนห้าโมงไงคะ นี่เพิ่งจะสามโมงกว่าๆ เอง”“พอดีงานเสร็จเร็ว ก็เลยเปลี่ยนไฟทล์น่ะ”“ดีจัง คุณภพหิวหรือยัง หนูจะทำอะไรให้กิน ตอนว่างๆ หนูหัดทำอาหารได้ตั้งหลายเมนูแน่ะ” เธออวด เพราะถึงบ้านจะมีแม่ครัวฝีมือดี แต่การได้ทำอาหารเป็นบ้าง ก็น่าจะดี“หิว แต่ไม่ใช่ข้าวนะ”“คุณภพ ตอนนี้เลยเหรอคะ” เธอถามตรงๆ เพราะรู้ว่
ญาติผู้พี่ก็ตั้งแง่ทันทีว่าไม่เหมาะกับเขา แต่ชินภพก็ไม่ได้สนใจ เพราะอยู่มาขนาดนี้แล้ว ไม่มีใครมาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขาได้ แม้แต่ญาติ ก็ไม่มีสิทธิ์ ทางออกเพื่อไม่ให้ญาติผู้พี่มากังวลเรื่องของเขา ก็คือการโยนเรื่องอื่นให้ไปกังวลแทน ซึ่งเรื่องของลูกชายสุดที่รัก...น่าจะดีที่สุดคิดว่าตอนนี้รำไพคงไม่คิดเรื่องของเขาแล้ว แต่คงกลัวว่าลูกชายจะชอบอัณชญามากกว่า เพราะตอนนี้ก็คอยชำเลืองไปยังทั้งสอง ที่นั่งคุยกัน แถมมีหัวเราะเสียงดังกันอีก บางจังหวะยังเอาหัวจุ่มกันเพื่อดูอะไรในโทรศัพท์ของกันและกันคิ้วญาติผู้พี่เลยขมวดเข้าหากันจนจะผูกเป็นโบได้อยู่แล้ว“พี่ว่าเด็กนั่นก็น่ารักดี แต่เหมาะกับแกมากกว่าลูกชายพี่”“ก็ของมันแน่อยู่แล้ว” แล้วชินภพก็หัวเราะเบาๆเมื่องานเลี้ยงเลิกรา เขาก็พาอัณชญากลับไปยังคอนโดฯ ทันที“แม่พี่พีทดูน่ากลัวเหมือนกันนะคะ มองอัณเหมือนเครื่องสำรวจเลย”“ใช่ น่ากลัวมาก” ชินภพเห็นด้วยทันทีกับคำพูดของเธอ“โห ใครเป็นแฟนพี่พีท เจอหน้าคงจะเกร็งจนตัวแข็ง”“ใช่ เธอโชคดีแล้วที่ไม่ต้องเจอแม่ผัวแบบนั้น”“ถ้าพ่อแม่นายอยู่ ก็ดีสิคะ หนูจะได้ไปฝากตัว”“พ่อแม่ฉันก็ไม่ต่างจากแม่เจ้าพีท”“จริงเหรอ
แฟนคลับส่วนใหญ่เข้าใจและเห็นใจ แต่บางกลุ่มก็บอกผิดหวังกับนางเอกที่มีภาพลักษณ์ที่ดีมาตลอดคืนนั้นปาลินโทร. มาหาชินภพ บอกว่าทางครอบครัวตัดขาด และให้เธอไปใช้ชีวิตต่างประเทศ“แล้วปลาตัดสินใจยังไง”“ปลาก็ต้องไปค่ะ ก็ดีเหมือนกัน ต่อไปนี้ปลาถือว่าได้ออกจากครอบครัวแล้ว คิดในแง่ดี ปลาก็ได้ใช้ชีวิตอิสระ ถ้าคิดในแง่ร้าย ปลาก็ไม่เหลือใครในครอบครัวอีกแล้ว”“ถ้าปลาไม่อยากไปเมืองนอก ก็มาอยู่ที่รีสอร์ตสุขวสันต์ก็ได้” เขาเอ่ยชวน เพราะคิดว่าส่วนหนึ่งเพราะตัวเขา ไอ้เสี่ยโตถึงเข้าหาปาลิน“ขอบคุณค่ะ แต่ปลาอยากจะไป อย่างน้อยที่เมืองนอกคงไม่มีใครรู้จักปลา เว้นเสียแต่ว่าบังเอิญเจอคนไทยด้วยกัน”“ถ้าปลาตัดสินใจแบบนั้นแล้ว ก็ขอให้โชคดีนะ”“แต่ปลาคงต้องพาพีไปด้วยค่ะ คุณภพไม่ว่าอะไรนะคะ”“ไม่ว่าครับ ให้เป็นการตัดสินใจของพีเอง”“ขอบคุณค่ะคุณภพ ขอให้มีความสุขกับคนที่คุณภพรักนะคะ”“ขอบคุณครับ ปลาเองก็เหมือนกัน” เขาไม่รู้ความสัมพันธ์ของปาลินกับพีรวัชเป็นไปในรูปแบบไหน แค่เซ็กซ์ หรือมากกว่านั้น เพราะพลเพิ่งมาบอกว่าพีรวัชเคยรู้จักกับปาลินสมัยทั้งสองยังเป็นวัยรุ่นและความสัมพันธ์ของปาลินกับพีรวัชคงเริ่มต้นตั้งแต่ตอนนั้น
สองสัปดาห์ต่อมา...ชินภพไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อมีข่าวใหญ่ในหน้าสื่อเกือบทุกสำนัก ว่าไอ้เสี่ยโต หรือไอ้มิก ถูกยิงเสียชีวิตในป่า ขณะเดินทางลักลอบจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในไทยการตายของมันเหมือนถูกตัดตอน แต่เขาคิดว่าเพราะธุรกิจของมันเกี่ยวโยงกับอิทธิพลของคนมีสี ที่ให้ความช่วยเหลือเรื่องเปิดผับและบ่อนมากกว่า เขาจึงไม่ได้สนใจ แถมรู้สึกโล่งใจเสียด้วยว่าศัตรูของเขาได้หายไปจากโลกนี้แล้ว เพราะคนชั่วอย่างมัน อยู่ไปก็ทำแต่เรื่องเลวๆอัณชญาเองพอได้เห็นข่าว ก็สาปแช่งมันให้ลงนรกเช่นกัน สำหรับเขาและอัณชญาถือว่าเรื่องของมันได้จบไปแล้ว แต่จู่ๆ อัญชญาก็โพล่งขึ้นเหมือนนึกขึ้นได้“นาย หนูลืมบอก”“เรื่อง”“ตอนหนูไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านอาหารมัน หนูแอบถ่ายคลิปตอนที่มันมีอะไรกับพี่ปลาด้วย แต่หนูไม่ได้ให้ใครดูนะคะ ตอนนั้นหนูแค่บังเอิญเห็น แล้วแอบถ่ายไว้ ตอนแรกคิดว่าจะส่งให้นายจะได้รู้ว่าโดนสวมเขา แต่หนูก็ไม่ได้ส่ง”“มันน่าตีจริงๆ”“ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ส่งให้นาย เพราะตอนหลังหนูคิดได้ว่าไม่ควรยุ่งเรื่องนายอีก”“ไม่ใช่เรื่องนั้น ที่น่าตี เพราะเธอกล้าเกินไป ที่ไปถ่ายตอนนั้น นั่นไอ้เสี่ยโตนะ”“ตอนนั้นหนูยังไม่ร
ว่าที่เจ้าสาว ในตอนบ่ายอัณชญาจัดเสื้อผ้าและข้าวของเรียบร้อย โดยมีนุ่มช่วย จากนั้นสองสาวก็พากันปาร์ตี้หมูกระทะ อัณชญาได้ชวนแตงกวามาด้วย รวมทั้งคนรับใช้ในตึกใหญ่ ซึ่งดูเหมือนทุกคนจะรู้แล้วว่าเธอกับนายนั้นกลับมาคืนดีกัน คนรับใช้ในตึกคิดว่าเธอกับนายมีอะไรกันตั้งแต่เธอไปเรียนกรุงเทพฯ การที่เห็นเธอย้ายเข้าไปอยู่ตึกใหญ่กับนายก็เลยไม่แปลกใจมาก“มิน่านายถึงให้สาวๆ ตึกส้มออกไปจนหมด” แนนพูด“อะไรนะ นายให้ผู้หญิงตึกออกไปอยู่ที่อื่นเหรอ” อัณชญาถามขึ้นอย่างตกใจ เพราะชินภพไม่เห็นบอกเธอเรื่องนี้เลย“ใช่ อาทิตย์ก่อนนี่เอง เลิกจ้างแล้ว”“พี่นุ่มไม่เห็นบอกหนูเลย” อัณชญาหันไปทางนุ่ม“พี่ก็อยากเซอร์ไพรส์เราไงล่ะ”“เซอร์ไพรส์มากค่ะ”“ตอนนี้นายเป็นของอัณคนเดียวแล้วนะ ดูแลนายให้ดี”“ไม่มีคนมาแบ่งวันด้วย ฮ่าๆ” แนนพูดแล้วหัวเราะร่วน คนอื่นๆ ก็เลยแซวอัณชญากันใหญ่ จนอัณชญาเขินหน้าแดง“ไหวไหมอัณ” แตงกวาถามเพื่อนด้วยความห่วงใย แต่มียิ้มขำ“ไหวสิ” อัณชญาตอบหน้าตาเฉย ทำทุกคนแซว“อู้ย อย่าหักโหมมากนะ นายแก่แล้ว” นุ่มแซว“ใครแก่เหรอ”“เฮ้ย พี่พลน่ะ นุ่มตกใจหมดเลย” เจ้าตัวหันไปตวาดคนรัก ที่จู่ๆ ก็โผล่เข้ามาในวง