ฉันเงียบเมื่อถูกคุณเหนือถามแบบนั้น ที่เงียบไม่ใช่เพราะคิดจะทำตามคำขอของนาลิน ที่เงียบแบบนี้ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน“วาริน!!” คุณเหนือตวาดเรียกชื่อฉันเบาๆ ทำให้ฉันที่กำลังคิดฟุ้งซ่านอยู่สะดุ้งโหยงคุณเหนือเบือนหน้าหนี เขาสตาร์ทรถแล้วขับออกจากห้างสรรพสินค้าไปด้วยความเร็ววารินเอ้ย! ทำไมเธอถึงไม่ตอบออกไปว่าไม่คิดจะทำตามที่นาลินขอ ทำไมถึงปล่อยให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดแบบนี้ฉันได้แต่บ่นตัวเองในใจ รอให้ถึงบ้านก่อนแล้วค่อยพูดก็แล้วกันความเงียบเข้ามาปกคลุมไปทั่วคันรถ มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ที่ถูกเร่งครั้งแล้วครั้งเล่า คิดดูสิว่าคุณเหนือขับเร็วขนาดไหน“คะ…คุณเหนือคะรินว่า”“หุบปากของเธอซะ!!”ฉันกำลังจะท้วงว่าเขาไม่ควรขับรถเร็วขนาดนี้เพราะอาจจะเกิดอันตรายได้ แต่ยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยคก็ถูกคุณเหนือหันหน้ามาออกคำสั่งอย่างไม่ชอบใจ แถมยังเหยียบคันเร่งเร็วกว่าเดิมใช้เวลาไม่นานก็มาถึงที่บ้าน หลังจากที่จอดรถแล้วคุณเหนือก็เปิดประตูออกไปจากรถ เขาเปิดท้ายรถเพื่อหยิบของที่ซื้อมา แล้วก็เดินดุ่มๆ เข้าบ้านไปโดยไม่รอฉันเลยอะไรกัน! ฉันผิดมากมายขนาดนั้นเลยหรือยังไงเขาถึงได้ทำเหมือนฉันเป็นแค่อากาศรอบๆ ตัว
ปลายคางของฉันถูกเชยให้เงยขึ้น จากนั้นคุณเหนือก็ค่อยๆ โน้มใบหน้าลงมาจนกระทั่งริมฝีปากของเราทั้งคู่จรดกัน เขาบดขยี้ริมฝีปากของฉันเบาๆ ดูดเม้มอย่างทะนุถนอม ก่อนจะสอดลิ้นสากเข้ามาสำรวจภายในโพรงปากฉันไม่สามารถปฏิเสธการกระทำของคุณเหนือได้ เพราะตอนนี้มันเคลิบเคลิ้มตามเขาไปอย่างว่าง่าย หัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวเพราะนี่คือครั้งแรกที่ฉันกับเขาจะทำเรื่องอย่างว่าด้วยกันกลางสระน้ำแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมหากมีคนมาเห็น แต่ฉันไม่สามารถผลักเขาออกไปได้ เพราะฉันเองก็ต้องการ….ผ่านไปเนิ่นนาน ริมฝีปากของฉันกับคุณเหนือค่อยๆ ผละออกจากกัน กว่าจะรู้ตัวอีกทีชุดชั้นในของฉันก็ถูกเขาถอดออกไปจากตัวทุกชิ้นแล้วนี่ฉันเคลิ้มถึงขนาดไม่รู้ตัวเองเลยเหรอว่าชุดชั้นในถูกถอดออกไปน่ะคุณเหนือปลดกางเกงของตัวเองออก จากนั้นเขาก็เอามันขึ้นมาวางไว้บนสระมือหนาซุกซนเริ่มไต่ไปมาบนผิวเนื้อของฉันอีกครั้ง เราทั้งคู่จ้องตากันด้วยแววความปรารถนา“จะทำตรงนี้จริงๆ เหรอคะ” ฉันถามย้ำอีกครั้ง ถึงจะมีความต้องการแต่ก็อดระแวงไม่ได้“กลัวหรือไง หื้ม”“ถะ ถ้ามีคนมาเห็น”“ฉันก็จะฆ่ามัน”“จะบ้าเหรอคะ ทำในที่แจ้งแบบนี้มีคนมาเห็นคงไม่แปลก คุณเหน
คุณเหนือมาส่งฉันที่คอนโดท่าทางของเขาดูอิดออดไม่อยากจะกลับ แถมยังไม่ยอมปลดล็อกรถให้ฉันลงอีกต่างหาก“คุณเหนือคะ….”“ฉันอยากนอนกับเธอ”“รินบอกว่าไม่ได้ไง ฟังรินบ้างสิคะ”“เอาแบบนี้ ให้ฉันนอนกับเธอวันเว้นวันก็ได้”ฉันได้แต่ถอนหายใจพรืดใหญ่แล้วก็รู้สึกแปลกใจที่คุณเหนือมีท่าทางเหมือนจะติดฉันงอมแงมขนาดนี้“เมื่อก่อนคุณเหนือไม่ได้อยากนอนกับรินแบบนี้นี่คะ”“ตอนนี้กับเมื่อก่อนมันเหมือนกันหรือไง”“รู้ตัวไหมคะว่าคุณเหนือเปลี่ยนไปมากขนาดไหน”“รู้! แล้วฉันติดเมียมันผิดตรงไหน ?” คุณเหนือถามกลับอย่างหาเรื่องใบหน้าของฉันมันเห่อร้อนขึ้นมาเมื่อได้ยินคุณเหนือพูดคำว่าเมีย บ้าจริง! ทำไมฉันถึงใจเต้นแรงทุกครั้งที่เขาพูดคำนี้นะ“วันเว้นวัน เธอโอเค ?”ใครจะไปทนไหว! ฉันคนหนึ่งที่ทนไม่ไหวกับสายตาออดอ้อนของคุณเหนือแบบนี้ เขามองด้วยสายตาแบบนั้นแล้วฉันจะกล้าปฏิเสธได้ยังไงเล่า“ก็ได้ค่ะ”“รู้ไหมว่าเธอต้องให้ฉันมานอนที่ห้องบ่อยๆ น้องสาวของเธอจะได้ชิน” คุณเหนือพูดด้วยเหตุผล แต่ทำไมฉันรู้สึกเหมือนเขากำลังหาเหตุผลมาอ้างเพื่อได้นอนกับฉันมากกว่า“คืนนี้ห้ามทำอะไรเกินเลยนะคะ รินเหนื่อย”“เหนื่อยอะไร ตอนทำฉันก็เป็นคนทำ” คุ
คุณเหนือกำชับกอดแน่นจากนั้นเขาก็หอมแก้มฉันฟอดใหญ่แล้วถาม “น้องสาวของเธอว่ายังไง”ฉันหมุนตัวมาประจันหน้ากับคุณเหนือแล้วฉีกยิ้มกว้าง “นาลินเปิดใจยอมรับแล้วค่ะ ^_^”เมื่อพูดจบคุณเหนือก็ยกมือขึ้นมาปัดไรผมที่มันหล่นลงมาเกะกะใบหน้าของฉันออก แววตาของเขาที่กำลังมองอยู่มันทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นเอามากๆ“ดีใจไหม ?”“ดีใจสิคะ ^_^”มือหนาจับปลายคางของฉันให้เงยขึ้น แล้วค่อยๆ โน้มใบหน้าลงมา แต่ฉันเลือกที่จะเบือนหน้าหนีซะก่อน“รินบอกแล้วนะคะว่างดน่ะ”“แค่จูบ” คุณเหนือบอก เขาใช้นิ้วค่อยๆ ลากไล้ไปมาบนริมฝีปากของฉัน“เดี๋ยวค่ะ! จูบตอนนี้ไม่ได้” ฉันดันตัวคุณเหนือออก จากนั้นก็เดินมาหย่อนก้นนั่งลงที่ปลายเตียงพร้อมกับยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมากอดอกแล้วจ้องไปที่ใบหน้าของคุณเหนือตาเขม็ง“อะไร ?” คุณเหนือเห็นท่าทางของฉันเขาก็ขมวดคิ้วเป็นปมแล้วตั้งคำถาม“คุณเหนือเลิกเลี้ยงผู้หญิงคนอื่นแล้วจริงๆ เหรอคะ ?”“อื้ม” คุณเหนือพยักหน้าตอบพร้อมกับส่งเสียงครางรับในลำคอ“แล้วได้พูดจบความสัมพันธ์กับพวกเธอหรือเปล่า”“……” พอฉันถามแบบนั้นคุณเหนือก็ทำท่ากระอึกกระอัก ไม่ตอบแปลว่ายังสินะ!!“นี่สินะคะที่เขาเรียกว่าผู้ชายมักมาก”“ฉันจำ
คุณเหนือขับรถต่อโดยมีนาลินนั่งเบาะหน้าแทนฉัน แถมเธอก็ยังแอบมองคุณเหนืออยู่บ่อยครั้ง มันทำให้ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ แต่ก็ไม่อยากเก็บมาคิดให้ฟุ้งซ่าน“นาลิน เรื่องเรียนกลับมาจากเที่ยวเดี๋ยวพี่จะพาไปคุยกับคุณครูที่นั่นนะ” เห็นว่าบรรยากาศภายในรถมันเงียบเกินไป ฉันจึงพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบนาลินหันหน้ามาตอบ “หนูไม่อยากเรียนแล้วค่ะ อยากหางานทำมากกว่า”“ไม่ได้นะ เธอยังไม่จบมอหกยังไงก็ต้องเรียนให้จบ”“หนูเบื่อนี่นา”“ออกตอนนี้เธอจะทำงานอะไร คิดถึงตรงนี้บ้างสิ”“ค่า! คุณแม่ บ่นเก่งตลอดเลยนะพี่รินน่ะ” นาลินละสายตาจากฉันหันมองคุณเหนือ “เวลาพี่รินอยู่กับคุณเหนือชอบบ่นแบบนี้ไหมคะ”“ฉันไม่คิดว่าที่พี่เธอพูดแปลว่าบ่น การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญเด็กวัยรุ่นอย่างเธอยังต้องเรียนหนังสือ”“ค่ะ หนูจะตั้งใจเรียนนะคะ ^_^”“คำนี้เธอควรบอกพี่สาวของเธอ ไม่ใช่ฉัน” น้ำเสียงที่ฟังดูห่างเหินของคุณเหนือทำให้นาลินถึงกับหุบยิ้ม เธอเงียบไปเลยจากนั้นบรรยากาศภายในรถก็กลับมาเงียบอีกครั้ง จนกระทั่งคุณเหนือขับรถมาถึงที่ทะเล ตอนนี้เป็นเวลาสิบห้านาฬิกาเรื่องที่พักคุณเหนือได้จัดเตรียมเอาไว้แล้ว เป็นบ้านพักหลังใหญ่ติดชาย
คุณเหนือลุกขึ้น เขาสบถคำหยาบออกมาเบาๆ แต่ฉันที่อยู่ข้างๆ ได้ยิน นั่นมันทำให้ฉันยิ่งรู้สึกกลัว ยิ่งตอนนี้สถานะของฉันกับคุณเหนือคือคนรัก มันก็ยิ่งทำให้ฉันกลัวว่าเขาจะโกรธเอามากๆฉันลุกขึ้นตามคุณเหนือแล้วรีบเดินไปหาพราวกับพี่เพชร ขืนให้พี่เพชรเดินมาหยุดตรงหน้าคุณเหนือเขาทั้งคู่คงได้มีปากเสียงกันแน่ๆ ต้องรีบไปบอกพี่เพชรว่าคุณเหนือคือแฟนของฉัน“ริน คือฉันไม่รู้ว่าแกจะมากับคุณเหนือ”พราวหน้าเสียรีบบอกเมื่อฉันเดินมาหยุดตรงหน้า“พี่คิดว่าจะมีแค่เราซะอีก” พี่เพชรบอกอย่างผิดหวัง“พี่เพชรคะ ตอนนี้คุณเหนือคือแฟนของริน รินอยากจะขอร้อง พี่เพชรอย่าพูดหรือทำอะไรที่ทำให้เขาโมโหได้ไหมคะ” ฉันรีบพูดเพราะเดี๋ยวจะไม่ทันการทั้งพี่เพชรและพราวพอได้ยินเรื่องที่ฉันบอกไปทั้งคู่ก็เหมือนตกใจกันพอสมควร“กะ แกไปคบกับคุณเหนือตั้งแต่เมื่อไหร่ริน ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย”“เดี๋ยวเรื่องนั้นฉันจะเล่าให้แกฟัง” ฉันหันมองพี่เพชรอีกครั้ง ในตอนนี้สีหน้าของพี่เพชรกำลังเศร้าหมอง“ทำให้น้องสาวคนนี้ได้ไหมคะพี่เพชร”“อืม! พี่รับปากว่าจะไม่พูดหรือทำอะไรที่ทำให้ผู้ชายที่รินรักโกรธ” พี่เพชรเดินหนีไปหลังจากที่พูดจบ“ฉันสงสารพี่ชายของฉัน
“พะ พี่ริน” นาลินผลักคุณเหนือออก เธอรีบลงจากเตียงมาหาฉัน “หนูห้ามแล้วนะคะ แต่คุณเหนือไม่ยอมฟัง ขะ เขาจะทำเรื่องอย่างว่าอย่างเดียวเลย”“ริน”นาลินเอามือมาจับมือฉันแต่ถูกฉันสะบัดออก ฉันมองคุณเหนือ เขาค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง สิ่งที่ฉันทำคือค่อยๆ เดินไปหยุดตรงหน้าของเขา จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือเล็กๆ ของตัวเองฟาดลงบนใบหน้าของคุณเหนืออย่างแรง“ทำไมคะ ทำไมต้องเป็นนาลิน ทำไมคุณเหนือถึงเลือกที่จะทรยศริน!!” ฉันถามผู้ชายตรงหน้าออกไปด้วยความเจ็บปวด หัวใจของฉันมันแตกสลายไปหมดแล้ว“ฉะ ฉันไม่รู้ ฉันคิดว่าเป็นเธอ”“ทะ ทำไมคุณเหนือพูดแบบนี้ล่ะคะ คุณเหนือดึงให้หนูเข้ามาในห้องแท้ๆ แถมยังลากหนูไปบนเตียงด้วย” นาลินพูดแทรกขึ้นมาทันที“จำเมียตัวเองไม่ได้เลยเหรอคะ จำไม่ได้หรือเป็นแค่ข้ออ้างกันแน่ ถ้ารินมาช้ากว่านี้คงไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว อึก~”ฉันมองหน้านาลินกับคุณเหนือสลับกัน มันเจ็บปวดจนแทบไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ แล้วก็ไม่คิดว่าความเจ็บปวดมันจะมาแทนที่ความสุขได้เร็วมากขนาดนี้ทั้งที่เพิ่งตกลงจะคบกับเขาแท้ๆฉันยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา จากนั้นก็หันหลังให้ทั้งคู่ก่อนจะเดินมาที่ประตู แต่ก็ถ
พอฉันพูดไปว่าอยากจะจบคุณเหนือก็เงียบ เขาเงียบไปพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ แต่กลับก้มลงหยิบกระเป๋าเดินทางของฉันใส่ในรถ“เอากระเป๋ารินมานี่นะ!!” ฉันพยายามจะยื้อแย่งแต่ถูกคุณเหนือกันไว้หลังจากที่จัดการเอากระเป๋าของฉันใส่รถเสร็จแล้ว คุณเหนือก็ลากฉันมาที่ประตูรถ “รินไม่ไป!!”ฉันทั้งดิ้นแล้วก็โวยวายบอกว่าไม่ไป ยังไงก็ไม่ยอมไปกับเขาเด็ดขาด แต่ในที่สุดร่างของฉันก็ถูกคุณเหนือจับยัดเข้ามาในรถจนได้เมื่อคุณเหนือเข้ามานั่งด้านในรถเขาก็สตาร์ทแล้วขับออกไปจากคอนโด ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะพาไปที่ไหน ถ้าให้เดาคงจะเป็นที่บ้านในตอนนี้ฉันเลิกโวยวาย เอาแต่นั่งสงบนิ่ง แต่ในใจกลับรู้สึกเจ็บปวดและทรมาน แผลที่ถูกกรีดลึกในใจมันเป็นแผลสดอยู่ ทำไมคุณเหนือถึงไม่ให้เวลาฉันได้ทำใจบ้าง ในเมื่อฉันพูดไปแล้วว่าอยากจะจบถึงฉันจะเงียบแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยอมทนอยู่ ตอนนี้แค่ไม่รู้จะทำยังไงถึงจะหนีไปจากผู้ชายคนนี้ได้ ฉันอยากมีเงินมากพอจะเอามาให้เขา เผื่อว่าเขาจะเอาเงินมาอ้างเพื่อให้ฉันอยู่คุณเหนือพาฉันมาที่บ้านจริงๆ เมื่อรถหรูจอดสนิทเขาก็ลงจากรถแล้วมาเปิดประตูให้กับฉัน“ลงมา ฉันต้องเคลียร์กับเธอให้รู้เรื่อง”ฉันยอ
10 เดือนผ่านไปตอนนี้ฉันกำลังนอนให้นมลูกอยู่ในห้อง พ่อกับแม่เพิ่งมาเยี่ยมแล้วกลับไปนี่เอง ส่วนพี่ติณเขามีประชุมที่บริษัท น้ำอิงลูกสาวของฉันตอนนี้ได้สิบเดือนแล้ว นั่งได้คลานได้ ตอนนี้กำลังหัดเดินแต่ยังเดินเป็นก้าวๆ ไม่ได้ต้องคอยจับ เวลาพูดอะไรเขาก็จะมองๆ พอเข้าใจบ้าง ยิ่งเวลาดื้อแล้วถูกดุนี่นะมองหาพ่อก่อนเลย พอเห็นพ่อก็จะร้องไห้ใหญ่ เอาแต่ใจใช่เล่นเลยแหละตอนนี้น้ำอิงอ้วนจ้ำม่ำมากๆ เลย เพื่อนๆ ของฉันต่างเอ็นดูความจ้ำม่ำจนต้องแวะเวียนกันมาคอยเล่นกับหลานบ่อยๆ พี่ติณก็ติดลูกมากๆ ตั้งแต่คลอดเขาเอางานมาทำที่บ้าน จะเข้าบริษัทก็แค่ตอนมีประชุม แถมพวกผ้าอ้อมของลูกแล้วก็เสื้อผ้าพี่ติณเป็นคนซักเองหมด ฉันมีหน้าที่แค่นอนให้นมลูกอย่างเดียวเลย พอให้นมลูกสาวของฉันก็หลับคาอก ฉันค่อยๆ ประคองตัวลูกอย่างเบามือเอามานอนที่เปล เป็นเปลไกวแบบไฟฟ้าพี่ติณซื้อเอาไว้เพราะกลัวว่าถ้าไกวเองแล้วฉันจะปวดแขน กริ้ง~ พอเอาลูกนอนเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ฉันรู้ได้ทันทีว่าคนที่โทรมาต้องเป็นพี่ติณแน่ๆ “ลูกหลับแล้วค่ะ” พอรับสายฉันก็รีบกระซิบบอก พี่ติณโทรมาแบบวีดีโอคลอ(ขอดูหน้าลูกหน่อย) เป็นแบบนี้ประจำเวลาที่ออกไปบริษัทถึง
#ภายในห้อง ตกดึกตอนนี้พี่ติณเริ่มงอแงหนักขึ้นเพราะว่าฉันไม่ยอมให้ทำเรื่องบนเตียงจริงๆ “ทำเบาๆ แค่เอาถูๆ ก็ได้” พี่ติณล้มมานอนบนตักของฉันแล้วพูดอ้อน “ไม่ค่ะ” “ถูๆ เองไม่เอาใส่เข้าไป”“หนูบอกว่าไม่เอาไง”“จะเอาๆ” “ถ้ายังพูดไม่รู้เรื่องหนูจะงดไปสองเดือนเลยนะคะ” ฉันยื่นคำขาดด้วยสีหน้าที่จริงจัง ทำให้พี่ติณปิดปากเงียบแต่สายตาของเขากำลังมองค้อนฉันอยู่ “ไม่เป็นห่วงลูกเลยหรือไงคะ” “เป็นห่วงแต่พ่อมันก็หิวเป็นเหมือนกัน”“ใช้มือช่วยตัวเองไปก่อนก็ได้”“ไม่ชอบ ชอบทำในตัวเธอมากกว่า” “หนูจะกลับไปอยู่บ้านนะถ้าพี่ติณยังหื่นไม่เข้าเรื่องแบบนี้น่ะ” “ได้ไง แต่งงานกันแล้วนะน้ำมนต์”“ไม่รู้แหละ มันหงุดหงิดนี่คะ” ฉันดันศรีษะของพี่ติณออกจากตักเพื่อแสดงอาการไม่พอใจที่เขานั้นหมกมุ่นเรื่องบนเตียงมากเกินไป “ก็ได้ๆ ต่อไปนี้ฉันจะไม่หมกมุ่น” ฉันหันมองพี่ติณอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “ทำได้หรอคะ”“เมียสั่งฉันก็ต้องทำให้ได้”“สามีของหนูน่ารักที่สุดเลยค่ะ ^_^” ฉันยิ้มหวานให้พี่ติณแต่พอจะแตะตัวเขา เขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วบอก “ฉันจะไปห้องพระ”“ไปทำอะไรที่ห้องพระคะ ?” ที่ผ่านมาฉันไม่เคยเห็นพี่ติณเข้าห้องพระเลยนะ วันนี้
“ผะ ผม….” อาจารย์หนุ่มแสดงอาการกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด “มานี่!!” พี่ติณจ้องฉันเขม็ง ฉันจึงรีบเดินไปหาเขาทันที จากนั้นพี่ติณก็พูดต่อ “ให้เวลาห้าวินาที รีบไปให้พ้นก่อนที่กูจะยิงมึง” สิ้นสุดคำพูดที่ดุดันของพี่ติณอาจารย์หนุ่มก็รีบวิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต เขาคงกลัวตายมากๆ “อย่ามองหนูแบบนั้นนะ พี่ติณสั่งให้ลูกน้องหาอาจารย์มาสอน หนูไม่ได้เลือกเองสักหน่อย” ฉันรีบบอกเพราะถูกสายตาเอาผิดของพี่ติณจ้องอยู่ “เธอยอมให้มันอยู่ใกล้” “หนูแค่ไม่เข้าใจที่เขาสอน เขาเลยเดินมาบอก”“แล้วต้องใกล้ขนาดนั้น ? กลิ่นตัวหอม ?” พี่ติณกำลังหาเรื่องฉันอยู่ ไม่คิดจะฟังที่พูดเลยหรือไง นิสัยเดิมอีกแล้ว “แต่หนูก็ไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดีนะคะ หนูรู้ว่าตัวเองมีสามีแล้ว” “แล้วตอนมันยืนใกล้ๆ ทำไมไม่ลุกหนี ถ้าฉันไม่มาเห็นเธอจะลุกขึ้นหนีมันหรือเปล่า ?”“การลุกหนีมันเสียมารยาทนะคะ อีกอย่างเขาไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการลวนลามหนูเลยด้วยซ้ำ”“ฉันไม่ชอบเธอก็รู้”“เปลี่ยนอาจารย์สอนเป็นผู้หญิงให้หมดทุกคนเลยก็ได้ค่ะ ถ้าเป็นผู้ชายแล้วพี่ติณไม่สบายใจ” “เปลี่ยนแน่!!” ฉันผิดอะไรหรอพี่ติณถึงได้มีท่าทางโกรธมากขนาดนี้ ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเสีย
วันเวลาล่วงเลยผ่านไปจนกระทั่งถึงวันที่สำคัญมากที่สุดของชีวิต เป็นวันที่มีความสุขมากที่สุดอีกวัน วันที่ฉันกับพี่ติณเข้าพิธีแต่งงานกัน เราจัดงานแบบเรียบง่ายเชิญแค่แขกคนสนิท ถึงแม้จะจัดในโรงแรมหรู แต่เราคุยกันแล้วว่าอยากให้บรรยากาศมันอบอุ่นมากกว่ามีคนมากมายพลุกพล่าน ในงานจึงมีแขกมาร่วมแสดงความยินดีไม่มากนัก ส่วนมากจะเป็นญาติทางฉันและเพื่อนๆ ที่ฉันสนิทเพราะพี่ติณตัวคนเดียว จะมีก็แต่ลูกน้องของเขาที่มาร่วมแสดงความยินดี “เจ้าสาวของฉันทำไมถึงสวยขนาดนี้นะ” พี่ติณพูดเสียงหวานเมื่อพ่อส่งมอบตัวฉันให้กับเขา “อย่าพูดแบบนั้นสินะหนูเขินนะ” ฉันบิดตัวไปมาเล็กน้อยเพราะความเขินอายเราทั้งคู่เดินไปบนพรมสีขาวสะอาดตา มีคนคอยโปรยกุหลาบตลอดทางที่เดินและมีเพลงคลาสสิคเปิดขึ้นมา บรรยากาศในงานอบอวลไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ทุกคนที่มาต่างแสดงความยินดีให้เราทั้งคู่จากใจจริง ทำให้งานวันนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ในตอนนี้ฉันกับพี่ติณเราคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เราจะครองคู่กันไปชั่วนิจนิรันดร์…. วันต่อมา ฉันย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของพี่ติณเมื่อวานพ่อกับแม่มาส่ง พ่อร้องไห้ด้วย ฉันเองก็ร้องไห้ รู้สึกว่าแทบไม่ได้อยู
พี่ติณมาส่งฉันที่บ้าน แต่คืนนี้เขาไม่ได้นอนที่บ้านฉันหรอกนะ อย่างที่พ่อเคยบอกว่ายังไงหลังแต่งงานเราก็ได้อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว พ่อกับแม่เรียกฉันกับพี่ติณมาคุยกันที่ห้องรับแขกเพื่อนัดแนะเรื่องสถานที่จัดงานแต่งงานของเรา“การ์ดเชิญหนูชอบลายนี้ค่ะน่ารักดี เอาแบบนี้นะคะพี่ติณ^_^” “ครับ ^_^” “แล้วสถานที่ล่ะคะ เราจะใช้ที่โรงแรมไหนดี”“แม่กับพ่อเลือกไว้หลายที่เลยลูกลองดูสิ” ฉันกับพี่ติณนั่งดูภาพโรงแรม แต่จนถึงตอนนี้เราก็ยังเลือกกันไม่ได้ว่าจะจัดงานแต่งที่โรงแรมไหนดี มันยังไม่ถูกใจ “จัดที่โรงแรมของผมก็ได้นะครับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากหน้าห้องรับแขก พอหันไปก็เห็นเฮียเหนือที่ยืนอยู่ “…ไอ้เหนือ” พี่ติณพูดขึ้นมาเบาๆ “ผมผ่านมาก็เลยแวะมาเยี่ยมคุณอาครับ” เฮียเหนือหันมามองฉัน แล้วพูดต่อ “เฮียยินดีด้วยนะ ถึงเจ้าบ่าวจะเป็นมันก็เถอะ” “เป็นกูแล้วทำไม มึงก็รู้มาตั้งแต่แรกว่ากูคิดยังไงกับน้ำมนต์”“เพราะแบบนี้พอมึงรู้ว่ากูถูกจับให้หมั้นกับน้ำมนต์เลยยิ่งโกรธอาละวาดแก้แค้นกู ?”พี่ติณพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วพูด “กูมีเรื่องจะคุยกับมึง”“กูต้องไปคุยด้วย ?”“ตามใจมึง” พูดจบพี่ติณก็เดินไป ส่ว
หลังจากคุยธุระเสร็จคุณธนาก็เดินทางกลับ ส่วนฉันกับพี่ติณก็กลับมาที่ห้องทำงาน แถมเขายังล็อกประตู“ละ ล็อคห้องทำไมคะ เดี๋ยวถ้าเลขามีธุระสำคัญ….” “ฉันกำลังจะทำโทษเด็กขี้อ่อย” พี่ติณพูดสวนขึ้น ทำเอาขนมันลุกซู่“หนูเปล่าอ่อยนะ” “ยิ้มให้คนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน แบบนี้เรียกว่าอ่อย” พี่ติณกล่าวหากันหน้าตาเฉย มาโทษว่าฉันอ่อยคุณธนาทั้งที่ในท้องยังมีลูกของเขาอยู่ “แบบนี้พี่ติณยิ้มให้คุณธนาเหมือนกันแปลว่าอ่อยหรือเปล่าคะ ?”“ไม่ต้องมายอกย้อน ฉันเป็นผู้ชายส่วนเธอเป็นผู้หญิง”“หวงไม่เข้าเรื่องเลยค่ะ แบบนี้หนูไม่ชอบ”“ฉันก็ไม่ชอบ!!” จู่ๆ เขาก็มาขึ้นเสียงดังใส่ โอเค!! ฉันผิดมากเลยสินะ “ขึ้นเสียงใส่หนูงั้นหรอ บอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ชอบให้มาเสียงดังใส่” “…..” พอถูกฉันว่าพี่ติณก็เถียงไม่ออก “ถ้าอะไรนิดหน่อยก็เอามาเป็นเรื่องใหญ่เราคงอยู่ด้วยกันไม่ได้หรอกนะคะ” “หมายความว่ายังไง ?“ ลมหายใจร้อนผ่าวของพี่ติณถูกพ่นออกมาแรงๆ เมื่อได้ยินคำพูดของฉัน “หมายความว่าหนูจะไม่แต่งงานกับพี่ติณ ถ้ายังเป็นแบบนี้” มันคือความหงุดหงิดส่วนหนึ่งและความที่ฉันอยากจะดัดนิสัยของพี่ติณด้วยอีกส่วนหนึ่ง เขาเอาแต่ขี้หึงไม่ลืมหูลืมตาแบบ
เช้าวันใหม่หลังจากฉันกับพี่ติณตื่นนอนเราก็จับมือกันมาบอกพ่อกับแม่เรื่องที่ฉันตกลงแต่งงานกับพี่ติณแล้ว เฮียเพลิงก็มากินข้าวเช้าที่บ้านด้วยวันนี้เฮียต้องกลับต่างประเทศแล้ว แต่เหมือนเฮียยังมีอะไรที่ค้างคาอยู่ในใจ ดูท่าไม่อยากกลับสักเท่าไหร่ วันนี้ฉันเข้ามาที่บริษัทกับพี่ติณเพราะไม่อยากนั่งเบื่อๆ รอที่บ้าน ถึงจะตกลงแต่งงานแล้วพ่อก็อยากให้พี่ติณไปๆ มาๆ ที่บ้านมากกว่าจะให้ฉันไปอยู่ที่บ้านเขา พ่อบอกว่าหลังแต่งงานยังไงฉันก็ต้องได้ย้ายไปอยู่ที่บ้านพี่ติณอยู่แล้ว ตอนนี้จึงอยากให้ฉันอยู่ที่บ้าน “พี่ติณพรุ่งนี้หนูไปเจอเพื่อนๆ นะคะ มีนัดกินข้าวตอนเย็น ^_^” ฉันนั่งคุยแชตกับเพื่อนรอพี่ติณทำงาน เพื่อนๆ มีนัดกินข้าวสังสรรค์กันเป็นงานเล็กๆ ของกลุ่มเราที่นานๆ ครั้งจะมาเจอกันแค่กินข้าวไม่มีแอลกอฮอล์ ฉันต้องขออนุญาตพี่ติณก่อน “ไปกี่โมง ?”“หกโมงเย็นค่ะ”“ไม่ให้ไปด้วย ?” “หนูนัดกับเพื่อนในกลุ่มที่สนิทกัน พี่ติณไปด้วยคนอื่นคงจะเกร็งๆ” “มีพิรุธนะแบบนี้” พี่ติณมองฉันด้วยสายตาที่กำลังจับผิดอยู่“พิรุธอะไรคะอย่ามาหาเรื่องหนูนะ” “จะให้ไปส่งไหมพรุ่งนี้” “เดี๋ยวให้คนขับรถที่บ้านไปส่งก็ได้ค่ะ ^_^” แกร็ก! ป
“เราไปบอกพ่อกับแม่กันนะคะ ^_^” พี่ติณสวมแหวนให้ฉันจากนั้นก็อุ้มฉันขึ้นมาวางที่เตียงทั้งยังใส่แค่ผ้าขนหนูอยู่ “นอนได้แล้วพรุ่งนี้ค่อยบอกทุกคนก็ได้ ฉันปิดไฟนะ”“แต่หนูยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยนะ ถ้าพี่ติณจะนอนก็นอนก่อนเลยค่ะ แต่งตัวเสร็จเดี๋ยวหนูปิดไฟเอง” ฉันพยุงตัวเองลุกขึ้นแต่ก็ถูกพี่ติณกดให้นอนราบกับเตียงเหมือนเดิมพี่ติณขึ้นมาคร่อมจากนั้นก็โน้มใบหน้าลงมากระซิบบอกข้างๆ ใบหู “ไม่ต้องใส่เสื้อผ้าก็ได้ เพราะเดี๋ยวเธอก็ได้ถอดมันออกอยู่ดี” “บ่อยเกินไปแล้วนะคะ” พอฉันบอกแบบนั้นพี่ติณก็ขมวดคิ้วถาม “อะไรบ่อย ?”“ก็มีเซ็กส์ไงคะ”“วันนี้เป็นวันดีเธอยอมแต่งงานกับฉัน มันก็ต้องฉลองเป็นธรรมดา”“เจ้าเล่ห์” ฉันพูดค้อน “ขอนะครับ” ไม่พูดเปล่าพี่ติณยังยิ้มหวานอีกด้วย ไม่ใจอ่อนได้ไงล่ะ “ทีตอนอยากได้เนี่ยพูดเพราะจังเลยนะคะ” “พูดแบบนี้ปกติ” พี่ติณพูดพร้อมกับใช้มือค่อยๆ ดึงผ้าขนหนูที่พันตัวฉันออก เผยให้เห็นเรือนร่างที่ไร้เสื้อผ้าปิดคลุม “ปะ ปิดไฟก่อนสิคะ” ฉันยกมือขึ้นมาปิดหน้าอกของตัวเองอย่างเขินอายเพราะความสว่างของห้อง “อยากเห็นหน้าเมียชัดๆ”“ไม่เอาค่ะ หนูอาย”“สวยไปทั้งตัวขนาดนี้ทำไมต้องอาย” ปากหวาน
“ตะ แต่หนูยังไม่พูดเรื่องแต่งงานเลยนะคะ”“ในเมื่อลูกเปิดโอกาสให้ตาติณแล้วแม่ว่าการแต่งงานก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ยิ่งท้องโตขึ้นเรื่อยๆ คนจะนินทาเอานะลูก”“หนูรู้ค่ะหนูให้โอกาสพี่ติณแต่ยังไม่อภัยให้เขานี่คะ” “ถึงขั้นนี้แล้วยังไม่ให้อภัยฉันอีกหรือไง” พี่ติณถาม “อยากดูๆ ไปก่อนนี่คะ อย่าเร่งหนูสิ เอาไว้คลอดแล้วเราค่อยแต่งงานกันก็ได้”“คลอดแล้วคงไม่มีเวลาขนาดนั้นหรอกลูก ไหนจะยุ่งกับการเลี้ยงลูกอีก”“ไม่เป็นไรครับถ้าน้ำมนต์ยังไม่อยากแต่งผมก็จะไม่บังคับ ตอนนี้ผมคงยังดีไม่พอที่เธอจะเปิดใจมากขนาดนั้น” พี่ติณพูดขัดขึ้นมา ฟังจากน้ำเสียงก็รู้แล้วว่าเขากำลังน้อยใจอยู่ “……..” ฉันได้แต่เงียบ ไม่ใช่ว่าไม่อยากแต่งหรอกนะจะขอแต่งงานทั้งทีทำไมถึงไม่ทำให้โรแมนติกกว่านี้ก็ไม่รู้ ถ้าถูกขอแต่งงานแบบโรแมนติกฉันคงจะตอบตกลงไปแล้วก็ได้ สักครั้งหนึ่งในชีวิตผู้หญิงก็ต้องการอะไรแบบนี้ อยากสัมผัสความรู้สึกที่ถูกคุกเข่าขอแต่งงานบ้าง แต่พี่ติณไม่เคยคุกเข่าขอฉันเลย “ต่อไปนี้ก็ทำตัวให้มันดีๆ ให้สมกับที่จะเข้ามาเป็นลูกเขยบ้านนี้ล่ะ” พ่อพูดกับพี่ติณ“ครับอา ผมขอโทษจริงๆ กับเรื่องที่ผ่านมา”“แล้วนี่ได้คุยปรับความเข้าใจ