Share

บทที่ 0004

Author: ลิ่วอี
ร่างกายของฉันแข็งค้างทันที เจียงฝูอีกแล้วเหรอ

ฉันเดาได้แล้วว่าคนที่โทรมาเมื่อกี้คือใคร คงเป็นพี่ชายคนรอง เจียงอวี้

ก็คงงั้น ฉันเป็นตัวอัปมงคลมาตั้งแต่เด็ก ไม่งั้นจะสาปให้ครอบครัวตัวเองตายได้ยังไง

พอนึกถึงวิธีการของเจียงเช่อ ฉันก็อดตัวสั่นสะท้านไม่ได้

ตอนที่แม่เพิ่งเสียชีวิตใหม่ๆ มีคุณหมอใจดีคนหนึ่งส่งฉันกลับบ้าน

ฉันถูกเจียงเช่อขังเอาไว้ในห้องเก็บของเล็กๆ ของบ้านเป็นเวลาสามวันเต็มๆ แล้วยังต้องอดข้าวอดน้ำด้วย

เรื่องนี้ยังคงเป็นบาดแผลในวัยเด็กของฉันจนถึงตอนนี้

ในวันที่สาม ตอนที่ฉันคิดว่าตัวเองกำลังจะตาย พี่ใหญ่เจียงเฉิ่งก็ปรากฏตัวต่อหน้าฉันราวกับเทพเจ้า

เขาปล่อยฉันออกมา

แม้จะไม่สนใจใยดีหรือดูแลอะไรฉัน แต่ตลอดหลายปีมานี้ เขาปฏิบัติกับฉันดีที่สุดแล้ว

คงจะได้ยินเรื่องที่ฉันพูดเมื่อเช้านี้แล้วสินะ

เจียงเช่อเห็นว่าฉันไม่พูดอะไรสักที คงคิดว่าการข่มขู่ของเขาทำให้ฉันกลัว เขาโน้มตัวมากระซิบข้างหู น้ำเสียงเบาหวิว

"เธอรู้ดี ด้วยความสามารถของฉัน การจะทำให้ใครสักคนหายตัวไปน่ะง่ายนิดเดียว"

ม่านตาฉันสั่นไหว มองเขาเดินเข้าไปในโรงเรียนด้วยร่างกายที่แข็งทื่อ

ฉันค่อยๆ เดินไปยังจุดหมายเดิมที่ตั้งใจเอาไว้ สมองแทบจะคิดอะไรไม่ออกแล้ว

ฉันเดินเข้าร้านถ่ายรูป พนักงานหญิงที่เคาน์เตอร์รู้ว่าฉันมาถ่ายรูปงานศพ สายตาเธอก็เต็มไปด้วยความเห็นใจ

เธอปลอบใจฉันอยู่สองสามประโยค

ความทุกข์ทั้งหมดที่สั่งสมเอาไว้จึงระเบิดออกมา

คนเรามักจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่เมื่อได้รับความห่วงใยจากคนแปลกหน้า เหมือนกับฉันในตอนนี้

น้ำตาฉันทำให้ไหล่เธอเปียกชื้น เธอไม่พูดอะไร เพียงแค่ลูบหลังฉันเงียบๆ

ทั้งที่เป็นแค่คนแปลกหน้า แต่กลับมอบความอบอุ่นให้ฉันมากมาย

หลังจากออกจากร้านถ่ายรูป ฉันก็ทิ้งตัวนั่งยองๆ ข้างถนน กอดโกศใส่อัฐิและรูปหน้าโรงศพที่เตรียมไว้ให้ตัวเอง สายตามองเหม่อไปไกล

ฉันตัดสินใจไปหาพี่ใหญ่เจียงเฉิ่งที่บริษัท เพราะไม่เคยไปที่บริษัทมาก่อนเลย ฉันจึงคลำทางหาอยู่นาน แต่พอเจอแล้วกลับถูกพนักงานฝ่ายต้อนรับขวางไว้

พวกเธอบอกว่าถ้าไม่มีนัดก็ไม่สามารถเข้าพบได้ เจ้านายกำลังประชุมอยู่เลยไม่ว่างรับโทรศัพท์

ฉันไม่ยอมแพ้ กดหมายเลขที่จำขึ้นใจจากสมุดโทรศัพท์ โทรไปหลายครั้งแต่ไม่มีคนรับสาย

ฉันตามหาโซเชียลมีเดียของเขาจากเบอร์โทรศัพท์

เหลือเวลาแค่วันสุดท้ายแล้ว ฉันอยากให้พี่ใหญ่อยู่เป็นเพื่อนฉัน แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม

หลังจากเรียบเรียงข้อความอย่างดีก็กดส่งไป ฉันรอคอยเขาตอบกลับอย่างกระวนกระวาย

สองชั่วโมงผ่านไป ยังคงไม่ได้รับการติดต่อกลับ

เวลาเหลืออยู่น้อยแล้ว ฉันไม่อยากตายข้างนอกจึงตัดสินใจกลับไปที่บ้าน

คนรับใช้ออกไปซื้อของ

ทั้งคฤหาสน์เงียบสงัด ว่างเปล่าอย่างบอกไม่ถูก

ฉันเริ่มเตรียมอาหารเอาไว้ตั้งแต่เช้า ตั้งตารอให้พวกเขากลับมาบ้าน

ไม่มีข้อความใดๆ ส่งมาที่โทรศัพท์ และการขอเป็นเพื่อนก็ไม่ได้รับการตอบรับ

ฉันนั่งบนเก้าอี้ จ้องมองตัวนับถอยหลังที่สะท้อนในกระจกที่ถือไว้

เหลือเวลาอีกสามชั่วโมงสุดท้าย...

ฉันอยากให้พวกเขาอยู่กับฉันในวันสุดท้าย อยากรู้ว่าพวกเขาจะมีปฏิกิริยายังไงตอนที่ฉันตาย

อาจจะดีใจกันก็ได้ ฉันคิดว่าอย่างนั้นนะ

ในโลกนี้ไม่มีใครสนใจอยู่แล้วนี่ว่าฉันจะเป็นหรือตาย

คนที่ใกล้ชิดกันมากที่สุดต่างโกรธแค้นและชิงชังฉัน

ระหว่างที่ฉันทำอาหารโดนน้ำมันกระเด็นใส่ มันเจ็บมาก แต่ก็ไม่อาจลบเลือนความตื่นเต้นในใจได้

ฉันสัมผัสได้ว่าตัวเองผิดปกติ แม้จะตื่นเต้นถึงขีดสุด แต่ร่างกายกลับไม่ยอมหยุดสั่นสะท้าน

เหลือเวลาอีกสองชั่วโมงสุดท้าย ฉันนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่ขยับ จ้องประตูไม่วางตา

มือที่สั่นเทาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ฉันกดโทรหาเจียงเฉิ่ง

"พี่ใหญ่"

เขารับสาย แต่ไม่พูดอะไร

เสียงฉันเริ่มเคร่งเครียด "พวกพี่กลับมากินข้าวกับหนูได้ไหมคะ"

"หนูกำลังจะตายแล้ว"

Related chapters

  • นับถอยหลังสู่ความสงบสุขนิรันดร์   บทที่ 0005

    หลังจากที่พูดประโยคที่เก็บไว้ในใจออกมา ฉันก็ได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นแต่ก่อนคิดว่าตัวเองมองความเป็นความตายเป็นเรื่องธรรมดา แต่ตอนนี้กลับอยากจะมองดูโลกใบนี้ให้เต็มตาอีกครั้งห้องเงียบลง เงียบจนได้ยินแต่เสียงหายใจอันกระชั้นชิดของตัวเองตอนที่ฉันคิดว่าเขาคงไม่พูดอะไรแล้ว เขากลับเอ่ยคำพูดที่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น"เจียงหว่าน เธอคิดว่าการพูดโกหกแบบนี้จะทำให้พวกเราสงสารเธอเหรอ?""เพื่อให้พวกเรากลับไปหา เธอไม่คิดจะเลือกวิธีเลยสินะ คิดว่าพวกเรายังหลอกง่ายเหมือนตอนเธอเด็กๆ อยู่หรือไง?""อย่าลืมสิว่าพ่อแม่กับคุณปู่ตายได้ยังไง"หัวใจฉันเหมือนตกลงไปในเหวลึก ไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนั้นนะ!ฉันตะโกนอย่างสิ้นหวังอยู่ในใจ แต่ปากกลับพูดอะไรไม่ออกน้ำตาสองสายไหลผ่านในหน้า หยดลงสู่พื้นฉันเหมือนหุ่นเชิดที่ถูกควบคุม ได้แต่พูดซ้ำๆ ว่า "ฉันไม่ได้โกหก ขอร้องล่ะ ได้โปรดเถอะค่ะ แค่ครั้งสุดท้ายเอง ได้ไหมคะ?”โทรศัพท์ถูกวางสาย ก่อนเสียงจะหายไป ฉันคล้ายได้ยินเจียงฝูหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่อีกฝั่ง เอ่ยเรียกพี่ชายเสียงดังความตื่นเต้นก่อนหน้านี้ถูกแทนที่ด้วยความว่างเปล่าฉันนั่งแข็งทื่ออยู่ที่โต

  • นับถอยหลังสู่ความสงบสุขนิรันดร์   บทที่ 0006

    ตอนที่จิตวิญญาณลอยขึ้นมาจากร่าง ฉันยังสงสัยว่าทำไมฉันมองเห็นสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้เมื่อเห็นร่างของตัวเองที่นอนคว่ำอยู่บนโต๊ะและไม่มีลมหายใจแล้ว ฉันถึงได้ตระหนักว่า...อ๋อ ฉันตายแล้วนี่เองเสียงจากประตูดึงดูดความสนใจของฉัน พอหันไปมองจึงพบว่าคนรับใช้กลับมาแล้วความหวังสุดท้ายในใจมลายหายไป พวกเขาไม่ได้กลับมาคนรับใช้ตกใจเมื่อเห็นฉันนอนคว่ำอยู่บนโต๊ะ และมีรูปถ่ายงานศพตั้งอยู่ข้างๆเมื่อเห็นชัดเจนแล้ว เธอก็ค่อยๆ เข้ามาใกล้ ยื่นมือสั่นเทาไปวางที่จมูกฉัน จากนั้นสีหน้าก็ซีดขาวแล้วกรีดร้องออกมาสุดเสียงเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก น้ำเสียงที่สั่นเทาแสดงถึงวิตกกังวล"ฮัลโหล! สวัสดีค่ะ ที่นี่มีคนตาย... ใช่ค่ะๆ ที่อยู่คือ..."หลังจากวางสาย เธอก็ตบอกด้วยความโล่งใจ แอบมองฉันอีกครั้งแล้วหันหลังไปทันใดนั้น เธอดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ สีหน้าดูลำบากใจเล็กน้อยหลังจากลังเลสักครู่ เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกอีกครั้ง"คุณชายใหญ่..."เธอค่อยๆ เดินห่างออกไป ฉันไม่สนใจและไม่ได้ตามเธอไปไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ เธอกลับเข้ามาอีกครั้ง พนมมือพึมพำอะไรบางอย่างตรงหน้าร่างของฉันมีเสียงแปลกๆ ดังมาจา

  • นับถอยหลังสู่ความสงบสุขนิรันดร์   บทที่ 0007

    คุณหมอสาวที่ใจดี พนักงานต้อนรับที่ร้านถ่ายรูป และเจ้าของร้านขายซาลาเปาพวกเขาเคยปลอบประโลมจิตใจของฉันขณะที่ฉันกำลังเหม่อลอย สมาชิกที่เหลือของตระกูลเจียงก็ทยอยเดินทางมาถึงเจียงเฉิ่งที่ได้ยินเสียงก็กลับมามีสีหน้าเย็นชาเหมือนปกติเจียงฝูเอามือปิดปากด้วยความตกใจ ไม่นานน้ำตาก็เอ่อล้นขอบตา"พี่สาว... พี่สาว ทำไมถึงเป็นแบบนี้?"เสียงสั่นเครือที่แฝงด้วยการสะอื้นทำให้คนรอบข้างรู้สึกเจ็บปวดเจียงเช่อโอบเธอเข้าไปในอ้อมกอดพลางปลอบเบาๆ "ฝูฝู อย่าร้องไห้ ทุกคนต่างมีชะตากรรมของตัวเอง"ชะตากรรมบ้าบออะไร!ฉันไม่เชื่อเรื่องชะตากรรม แต่บางครั้งชะตากรรมก็ชอบเล่นตลกกับฉัน ทำให้ฉันกลายเป็นตัวอัปมงคลฉันเห็นรอยยิ้มแอบแฝงที่มุมปากของเจียงเช่อ เขากำลังยิ้ม ดูเหมือนจะดีใจที่ฉันตายร่างของฉันถูกพวกเขาล้อมไว้ บางทีอาจเป็นเพราะเห็นรูปถ่ายและโกศอัฐิของฉัน พวกเขาจึงเงียบไปพักใหญ่เจียงเฉิ่งพูดด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง "ตอนบ่าย เจียงหว่านโทรมาคุยกับฉัน""เธอบอกว่าตัวเองกำลังจะตาย อยากให้พวกเรากลับมากินข้าวมื้อสุดท้ายด้วยกัน"เขามองไปที่เจียงอวี้ "เธอได้บอกพวกนายไหม?"เจียงอวี้แสดงท่าทีประหม่าอย่างที่ไม่เค

  • นับถอยหลังสู่ความสงบสุขนิรันดร์   บทที่ 0008

    เจียงอวี้ซุกหน้าในผ้าพันคอ ร่างกายสั่นเทาเบาๆเขาเห็นฉันเก็บเศษชิ้นส่วนเหล่านี้จากถังขยะ ตอนนั้นเขายืนอยู่ข้างหลังฉันพลางเยาะเย้ยถากถาง"พังแล้วก็คือพัง ต่อให้ประกอบกลับยังไง มันก็กลับมาเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว"คำพูดของเขามีนัยยะแอบแฝง ฉันเข้าใจดีเลยล่ะ มือที่กำผ้าพันคอค้างแข็งกลางอากาศ แต่สุดท้ายก็ดื้อดึงเอามันติดตัวไปเสียงร้องไห้ต่ำๆ ดังมาจากในห้องนอน เจียงเฉิ่งกับเจียงเช่อยืนพิงประตูมองเข้าไปในห้องพวกเขาดูเหมือนจะเห็นภายในห้องของฉันเป็นครั้งแรก มันทั้งแคบและมืดทึบเจียงเช่อดูจะตกตะลึง เขาไม่เคยย่างกรายเข้ามาในพื้นที่ของฉันมาก่อนเขาเดินมาที่ตู้เสื้อผ้าของฉัน ตู้เล็กๆ ที่ค่อนข้างเก่า ข้างในเก็บเสื้อผ้าทั้งหมดของฉันทุกอย่างที่นี่ผ่านกาลเวลามาพอสมควร ยกเว้นเตียงเล็กๆ ตรงกลางห้องมันเป็นเตียงที่เปลี่ยนหลังจากที่ครั้งหนึ่งเตียงพังตอนกลางดึก มีเศษไม้แหลมทะลุผ่านผ้าปูที่นอนและเบาะที่ขาดจนทิ่มเข้าร่างกายฉันจนถึงตอนนี้ ที่เอวฉันอาจจะยังมีเศษไม้ที่ไม่ได้เอาออกหลงเหลืออยู่ก็ได้"สิบกว่าปีเลยนะ พวกเราเข้าใจเธอผิดมาสิบกว่าปี""เธอน่าจะได้เติบโตอย่างมีความสุขและแข็งแรงในฐานะคุณหนูตระ

  • นับถอยหลังสู่ความสงบสุขนิรันดร์   บทที่ 0009

    วันถัดมาพวกเขาส่งร่างของฉันเข้าเมรุเผาศพตามที่ฉันต้องการ แถมยังเป็นเตาเผาแบบหรูหราด้วยฉันตามร่างของตัวเองเข้าไปในเตาเผา มองดูร่างกายถูกเปลวไฟโอบล้อม ค่อยๆ มอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านระหว่างการเผา ฉันเหมือนได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากด้านนอกฉันไม่ได้สนใจมากนัก แค่คิดว่าในที่สุดก็จะได้อยู่ในโกศที่ตัวเองเลือกไว้ฉันคิดว่าถ้าพวกเขาไม่เข้าใจความต้องการของฉัน ฉันก็จะเข้าฝันไปหลอกหลอนพวกเขาสักหน่อยโชคดีที่ทุกอย่างราบรื่น เพราะฉันเองก็ไม่อยากมีความเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาอีกแล้วเจียงเฉิ่งอุ้มโกศของฉันเดินไปที่สุสาน ฉันมองไปรอบๆ ไม่เลวเลย เป็นสถานที่ที่มีภูเขาและแม่น้ำสวยงามเขาลูบรูปถ่ายของฉัน ริมฝีปากขยับ เมื่อฉันเข้าไปใกล้ถึงได้ยินคำพูดเบาๆ ว่า "ขอโทษ"คำขอโทษจะมีประโยชน์อะไร? ในเมื่อฉันไม่รู้สึกอะไรกับคนพวกนี้แล้วอีกอย่าง ฉันก็ตายไปแล้ว ถ้าอยากขอโทษจริงๆ เอาไว้พวกเขาตายแล้วค่อยตามมาขอโทษแล้วกันไม่รู้ทำไม วิญญาณของฉันถึงยังคงล่องลอยอยู่ไม่ไกลจากครอบครัวเจียง วนเวียนจากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่งหรือว่าคนที่ตายไปแล้วจะเป็นแบบนี้หมด? ฉันไม่รู้อะไรเลยฉันเห็นเจียงเฉิ่งตั้งมูลนิธิในนามของฉั

  • นับถอยหลังสู่ความสงบสุขนิรันดร์   บทที่ 0001

    ตั้งแต่เด็กฉันมองเห็นเวลาตายที่นับถอยหลังเหนือศีรษะของคนอื่นเมื่อฉันเห็นตัวเลขเหนือศีรษะคุณปู่เป็นครั้งแรก ฉันก็เอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อกับแม่พวกเขาแค่ยิ้มๆ คิดว่าเป็นคำพูดไร้เดียงสาของเด็ก จึงไม่ได้ใส่ใจวันต่อมา เมื่อได้เจอกับคุณปู่อีกครั้ง ท่านก็นอนอยู่บนเตียงและมีผ้าขาวคลุมร่างแล้วหลายคนร้องไห้เสียใจ แต่ฉันไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังทำอะไรต่อมาฉันก็เห็นเวลานับถอยหลังบนศีรษะพ่อเมื่อฉันบอกพ่อ รอยยิ้มของท่านก็แข็งค้างไปชั่วครู่แล้วกลับมาเป็นปกติคืนนั้น ฉันไม่ได้เจอพ่อที่เลิกงานกลับจากบริษัทได้ยินแค่เสียงโทรศัพท์ดังสนั่นเหมือนมีเรื่องเร่งด่วนหลังจากแม่รับสาย สีหน้าของแม่ก็ซีดเผือดตอนนั้นท้องของแม่โตมากแล้ว แม่วิ่งเร็วเกินไปจนสะดุดล้มที่บันไดหน้าประตูบ้านตอนนั้นเอง ฉันเห็นเวลานับถอยหลัง 24 ชั่วโมงอันแสนคุ้นตาปรากฏเหนือศีรษะแม่วันนั้น น้องสาวคลอดออกมา แม่เสียเลือดมากและช่วยชีวิตเอาไว้ไม่ทัน ฉันยืนงงอยู่หน้าห้องผ่าตัดพี่ชายคนที่สามผลักฉันล้ม บอกว่าฉันเป็นปีศาจ ฉันเป็นคนที่สาปแช่งพวกเขาฉันทำให้พ่อกับแม่ตายฝ่ามือครูดไปกับพื้นเย็นเฉียบ มีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อยฉันเจ็บ

  • นับถอยหลังสู่ความสงบสุขนิรันดร์   บทที่ 0002

    พี่ชายทั้งสามคนรักและดูแลน้องสาวคนเล็กอย่างดี แต่กลับหลีกเลี่ยงฉัน แม้แต่คนรับใช้ในบ้านก็ปฏิบัติต่อฉันแบบไม่ใส่ใจฉันมักจะต้องทนหิวจนนอนหลับไป แต่ก็ยังเติบโตจนอายุสิบแปดปีได้พี่ชายคนที่สามมักพูดว่าฉันเป็นตัวอัปมงคลที่จะสร้างความหายนะไปอีกพันปีฉันก็คิดว่า บางทีอาจเป็นเพราะฉันเลวร้ายเกินไป ถึงได้ไม่ตายเสียทีฉันลุกจากเตียง สวมรองเท้าแตะเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าผมแห้งกรอบเป็นสีซีด ใบหน้าผอมซูบ ไม่มีใครเดาได้หรอกว่านี่คือลูกสาวคนโตของตระกูลเจียงแต่ฉันไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ เพราะฉันเห็นเลขนับถอยหลังบนศีรษะของตัวเองสะท้อนผ่านกระจก เลขนับถอยหลังสีแดงสดปรากฏชัดเจนเหนือศีรษะของฉันในที่สุดวันนี้ก็มาถึงฉันอยากจะหัวเราะ แต่ได้แค่ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยฉันวางแก้วน้ำในมือลงเงียบๆ มองตัวเองในกระจกพลางครุ่นคิดฉันไม่มีเพื่อน คนที่ติดต่อด้วยก็มีน้อยนิด วันสุดท้ายนี้ ควรจะใช้เวลาอย่างไรดีฉันคิดอยู่นาน ค่อยๆ จัดการตัวเองเสร็จแล้วลงมาจากห้องใต้หลังคาที่ฉันอาศัยอยู่ส่วนห้องเดิมของฉัน ถูกเปลี่ยนเป็นห้องแต่งตัวของน้องสาวตั้งแต่เธอเกิดมาแล้วฉันเคยมองผ่านหน้าต่างเล็กๆ ในห้องใต้หลังคา เห็นเด็

  • นับถอยหลังสู่ความสงบสุขนิรันดร์   บทที่ 0003

    ฉันมองพวกเขาค่อยๆ เดินห่างออกไป ความรู้สึกตื่นเต้นดีใจก่อนหน้านี้พลันเย็นเฉียบถึงขีดสุด ราวกับตกลงไปในบ่อน้ำแข็งเขามองฉันเป็นคนแบบนี้มาโดยตลอดเลยเหรอ? เหมือนฉันเป็นคนชั่วร้ายหรือฆาตรกรทำนองนั้นหัวใจเจ็บแปลบ ขณะเดียวกันท้องก็หิวด้วย ฉันเข้าไปในครัวเพราะอยากหากินอะไรสักหน่อย แต่ในครัวกลับไม่มีอะไรเลย เหลือแค่หมั่นโถวแห้งๆ ครึ่งลูกบนโต๊ะฉันหยิบซาลาเปาขึ้นมา ทุบเปลือกวอลนัทสองลูกกิน แต่มันก็ไม่ได้ทำให้อิ่มท้องคนรับใช้เดินผ่านมา พอเห็นฉันก็กลอกตาใส่แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นพอเห็นหมั่นโถวในมือฉัน เธอก็แกล้งทำเป็นอุทานด้วยความตกใจ"ตายจริง! คุณหนูกินอันนั้นเข้าไปแล้วเหรอคะ? นั่นมันของที่จะเอาไปทิ้งนะคะ""น่าเสียดายที่คุณชายกับคุณหนูฝูฝูตื่นเช้า พวกเราก็เลยทำอาหารเตรียมเอาไว้นานแล้ว ถ้าคุณหนูอยากทานอะไร เดี๋ยวดิฉันไปทำให้ใหม่ก็ได้นะคะ"สีหน้าท่าทางลำบากใจเสียเต็มประดาของคนรับใช้ทำให้ฉันขมวดคิ้วฉันทำหน้านิ่งแล้วปฏิเสธออกไป อดกลั้นความเจ็บปวดที่แล่นขึ้นมาในท้อง แล้วกลับเข้าห้องไปอีกครั้งบ้านหลังนี้ไม่มีที่ของฉัน ขนาดพวกคนรับใช้ก็ยังพูดจาประชดประชันใส่ฉันความเจ็บปวดแสบร้อนในกระเพาะ

Latest chapter

  • นับถอยหลังสู่ความสงบสุขนิรันดร์   บทที่ 0009

    วันถัดมาพวกเขาส่งร่างของฉันเข้าเมรุเผาศพตามที่ฉันต้องการ แถมยังเป็นเตาเผาแบบหรูหราด้วยฉันตามร่างของตัวเองเข้าไปในเตาเผา มองดูร่างกายถูกเปลวไฟโอบล้อม ค่อยๆ มอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านระหว่างการเผา ฉันเหมือนได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากด้านนอกฉันไม่ได้สนใจมากนัก แค่คิดว่าในที่สุดก็จะได้อยู่ในโกศที่ตัวเองเลือกไว้ฉันคิดว่าถ้าพวกเขาไม่เข้าใจความต้องการของฉัน ฉันก็จะเข้าฝันไปหลอกหลอนพวกเขาสักหน่อยโชคดีที่ทุกอย่างราบรื่น เพราะฉันเองก็ไม่อยากมีความเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาอีกแล้วเจียงเฉิ่งอุ้มโกศของฉันเดินไปที่สุสาน ฉันมองไปรอบๆ ไม่เลวเลย เป็นสถานที่ที่มีภูเขาและแม่น้ำสวยงามเขาลูบรูปถ่ายของฉัน ริมฝีปากขยับ เมื่อฉันเข้าไปใกล้ถึงได้ยินคำพูดเบาๆ ว่า "ขอโทษ"คำขอโทษจะมีประโยชน์อะไร? ในเมื่อฉันไม่รู้สึกอะไรกับคนพวกนี้แล้วอีกอย่าง ฉันก็ตายไปแล้ว ถ้าอยากขอโทษจริงๆ เอาไว้พวกเขาตายแล้วค่อยตามมาขอโทษแล้วกันไม่รู้ทำไม วิญญาณของฉันถึงยังคงล่องลอยอยู่ไม่ไกลจากครอบครัวเจียง วนเวียนจากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่งหรือว่าคนที่ตายไปแล้วจะเป็นแบบนี้หมด? ฉันไม่รู้อะไรเลยฉันเห็นเจียงเฉิ่งตั้งมูลนิธิในนามของฉั

  • นับถอยหลังสู่ความสงบสุขนิรันดร์   บทที่ 0008

    เจียงอวี้ซุกหน้าในผ้าพันคอ ร่างกายสั่นเทาเบาๆเขาเห็นฉันเก็บเศษชิ้นส่วนเหล่านี้จากถังขยะ ตอนนั้นเขายืนอยู่ข้างหลังฉันพลางเยาะเย้ยถากถาง"พังแล้วก็คือพัง ต่อให้ประกอบกลับยังไง มันก็กลับมาเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว"คำพูดของเขามีนัยยะแอบแฝง ฉันเข้าใจดีเลยล่ะ มือที่กำผ้าพันคอค้างแข็งกลางอากาศ แต่สุดท้ายก็ดื้อดึงเอามันติดตัวไปเสียงร้องไห้ต่ำๆ ดังมาจากในห้องนอน เจียงเฉิ่งกับเจียงเช่อยืนพิงประตูมองเข้าไปในห้องพวกเขาดูเหมือนจะเห็นภายในห้องของฉันเป็นครั้งแรก มันทั้งแคบและมืดทึบเจียงเช่อดูจะตกตะลึง เขาไม่เคยย่างกรายเข้ามาในพื้นที่ของฉันมาก่อนเขาเดินมาที่ตู้เสื้อผ้าของฉัน ตู้เล็กๆ ที่ค่อนข้างเก่า ข้างในเก็บเสื้อผ้าทั้งหมดของฉันทุกอย่างที่นี่ผ่านกาลเวลามาพอสมควร ยกเว้นเตียงเล็กๆ ตรงกลางห้องมันเป็นเตียงที่เปลี่ยนหลังจากที่ครั้งหนึ่งเตียงพังตอนกลางดึก มีเศษไม้แหลมทะลุผ่านผ้าปูที่นอนและเบาะที่ขาดจนทิ่มเข้าร่างกายฉันจนถึงตอนนี้ ที่เอวฉันอาจจะยังมีเศษไม้ที่ไม่ได้เอาออกหลงเหลืออยู่ก็ได้"สิบกว่าปีเลยนะ พวกเราเข้าใจเธอผิดมาสิบกว่าปี""เธอน่าจะได้เติบโตอย่างมีความสุขและแข็งแรงในฐานะคุณหนูตระ

  • นับถอยหลังสู่ความสงบสุขนิรันดร์   บทที่ 0007

    คุณหมอสาวที่ใจดี พนักงานต้อนรับที่ร้านถ่ายรูป และเจ้าของร้านขายซาลาเปาพวกเขาเคยปลอบประโลมจิตใจของฉันขณะที่ฉันกำลังเหม่อลอย สมาชิกที่เหลือของตระกูลเจียงก็ทยอยเดินทางมาถึงเจียงเฉิ่งที่ได้ยินเสียงก็กลับมามีสีหน้าเย็นชาเหมือนปกติเจียงฝูเอามือปิดปากด้วยความตกใจ ไม่นานน้ำตาก็เอ่อล้นขอบตา"พี่สาว... พี่สาว ทำไมถึงเป็นแบบนี้?"เสียงสั่นเครือที่แฝงด้วยการสะอื้นทำให้คนรอบข้างรู้สึกเจ็บปวดเจียงเช่อโอบเธอเข้าไปในอ้อมกอดพลางปลอบเบาๆ "ฝูฝู อย่าร้องไห้ ทุกคนต่างมีชะตากรรมของตัวเอง"ชะตากรรมบ้าบออะไร!ฉันไม่เชื่อเรื่องชะตากรรม แต่บางครั้งชะตากรรมก็ชอบเล่นตลกกับฉัน ทำให้ฉันกลายเป็นตัวอัปมงคลฉันเห็นรอยยิ้มแอบแฝงที่มุมปากของเจียงเช่อ เขากำลังยิ้ม ดูเหมือนจะดีใจที่ฉันตายร่างของฉันถูกพวกเขาล้อมไว้ บางทีอาจเป็นเพราะเห็นรูปถ่ายและโกศอัฐิของฉัน พวกเขาจึงเงียบไปพักใหญ่เจียงเฉิ่งพูดด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง "ตอนบ่าย เจียงหว่านโทรมาคุยกับฉัน""เธอบอกว่าตัวเองกำลังจะตาย อยากให้พวกเรากลับมากินข้าวมื้อสุดท้ายด้วยกัน"เขามองไปที่เจียงอวี้ "เธอได้บอกพวกนายไหม?"เจียงอวี้แสดงท่าทีประหม่าอย่างที่ไม่เค

  • นับถอยหลังสู่ความสงบสุขนิรันดร์   บทที่ 0006

    ตอนที่จิตวิญญาณลอยขึ้นมาจากร่าง ฉันยังสงสัยว่าทำไมฉันมองเห็นสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้เมื่อเห็นร่างของตัวเองที่นอนคว่ำอยู่บนโต๊ะและไม่มีลมหายใจแล้ว ฉันถึงได้ตระหนักว่า...อ๋อ ฉันตายแล้วนี่เองเสียงจากประตูดึงดูดความสนใจของฉัน พอหันไปมองจึงพบว่าคนรับใช้กลับมาแล้วความหวังสุดท้ายในใจมลายหายไป พวกเขาไม่ได้กลับมาคนรับใช้ตกใจเมื่อเห็นฉันนอนคว่ำอยู่บนโต๊ะ และมีรูปถ่ายงานศพตั้งอยู่ข้างๆเมื่อเห็นชัดเจนแล้ว เธอก็ค่อยๆ เข้ามาใกล้ ยื่นมือสั่นเทาไปวางที่จมูกฉัน จากนั้นสีหน้าก็ซีดขาวแล้วกรีดร้องออกมาสุดเสียงเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก น้ำเสียงที่สั่นเทาแสดงถึงวิตกกังวล"ฮัลโหล! สวัสดีค่ะ ที่นี่มีคนตาย... ใช่ค่ะๆ ที่อยู่คือ..."หลังจากวางสาย เธอก็ตบอกด้วยความโล่งใจ แอบมองฉันอีกครั้งแล้วหันหลังไปทันใดนั้น เธอดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ สีหน้าดูลำบากใจเล็กน้อยหลังจากลังเลสักครู่ เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกอีกครั้ง"คุณชายใหญ่..."เธอค่อยๆ เดินห่างออกไป ฉันไม่สนใจและไม่ได้ตามเธอไปไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ เธอกลับเข้ามาอีกครั้ง พนมมือพึมพำอะไรบางอย่างตรงหน้าร่างของฉันมีเสียงแปลกๆ ดังมาจา

  • นับถอยหลังสู่ความสงบสุขนิรันดร์   บทที่ 0005

    หลังจากที่พูดประโยคที่เก็บไว้ในใจออกมา ฉันก็ได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นแต่ก่อนคิดว่าตัวเองมองความเป็นความตายเป็นเรื่องธรรมดา แต่ตอนนี้กลับอยากจะมองดูโลกใบนี้ให้เต็มตาอีกครั้งห้องเงียบลง เงียบจนได้ยินแต่เสียงหายใจอันกระชั้นชิดของตัวเองตอนที่ฉันคิดว่าเขาคงไม่พูดอะไรแล้ว เขากลับเอ่ยคำพูดที่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น"เจียงหว่าน เธอคิดว่าการพูดโกหกแบบนี้จะทำให้พวกเราสงสารเธอเหรอ?""เพื่อให้พวกเรากลับไปหา เธอไม่คิดจะเลือกวิธีเลยสินะ คิดว่าพวกเรายังหลอกง่ายเหมือนตอนเธอเด็กๆ อยู่หรือไง?""อย่าลืมสิว่าพ่อแม่กับคุณปู่ตายได้ยังไง"หัวใจฉันเหมือนตกลงไปในเหวลึก ไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนั้นนะ!ฉันตะโกนอย่างสิ้นหวังอยู่ในใจ แต่ปากกลับพูดอะไรไม่ออกน้ำตาสองสายไหลผ่านในหน้า หยดลงสู่พื้นฉันเหมือนหุ่นเชิดที่ถูกควบคุม ได้แต่พูดซ้ำๆ ว่า "ฉันไม่ได้โกหก ขอร้องล่ะ ได้โปรดเถอะค่ะ แค่ครั้งสุดท้ายเอง ได้ไหมคะ?”โทรศัพท์ถูกวางสาย ก่อนเสียงจะหายไป ฉันคล้ายได้ยินเจียงฝูหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่อีกฝั่ง เอ่ยเรียกพี่ชายเสียงดังความตื่นเต้นก่อนหน้านี้ถูกแทนที่ด้วยความว่างเปล่าฉันนั่งแข็งทื่ออยู่ที่โต

  • นับถอยหลังสู่ความสงบสุขนิรันดร์   บทที่ 0004

    ร่างกายของฉันแข็งค้างทันที เจียงฝูอีกแล้วเหรอฉันเดาได้แล้วว่าคนที่โทรมาเมื่อกี้คือใคร คงเป็นพี่ชายคนรอง เจียงอวี้ก็คงงั้น ฉันเป็นตัวอัปมงคลมาตั้งแต่เด็ก ไม่งั้นจะสาปให้ครอบครัวตัวเองตายได้ยังไงพอนึกถึงวิธีการของเจียงเช่อ ฉันก็อดตัวสั่นสะท้านไม่ได้ตอนที่แม่เพิ่งเสียชีวิตใหม่ๆ มีคุณหมอใจดีคนหนึ่งส่งฉันกลับบ้านฉันถูกเจียงเช่อขังเอาไว้ในห้องเก็บของเล็กๆ ของบ้านเป็นเวลาสามวันเต็มๆ แล้วยังต้องอดข้าวอดน้ำด้วยเรื่องนี้ยังคงเป็นบาดแผลในวัยเด็กของฉันจนถึงตอนนี้ในวันที่สาม ตอนที่ฉันคิดว่าตัวเองกำลังจะตาย พี่ใหญ่เจียงเฉิ่งก็ปรากฏตัวต่อหน้าฉันราวกับเทพเจ้าเขาปล่อยฉันออกมาแม้จะไม่สนใจใยดีหรือดูแลอะไรฉัน แต่ตลอดหลายปีมานี้ เขาปฏิบัติกับฉันดีที่สุดแล้วคงจะได้ยินเรื่องที่ฉันพูดเมื่อเช้านี้แล้วสินะเจียงเช่อเห็นว่าฉันไม่พูดอะไรสักที คงคิดว่าการข่มขู่ของเขาทำให้ฉันกลัว เขาโน้มตัวมากระซิบข้างหู น้ำเสียงเบาหวิว"เธอรู้ดี ด้วยความสามารถของฉัน การจะทำให้ใครสักคนหายตัวไปน่ะง่ายนิดเดียว"ม่านตาฉันสั่นไหว มองเขาเดินเข้าไปในโรงเรียนด้วยร่างกายที่แข็งทื่อฉันค่อยๆ เดินไปยังจุดหมายเดิมที่ตั

  • นับถอยหลังสู่ความสงบสุขนิรันดร์   บทที่ 0003

    ฉันมองพวกเขาค่อยๆ เดินห่างออกไป ความรู้สึกตื่นเต้นดีใจก่อนหน้านี้พลันเย็นเฉียบถึงขีดสุด ราวกับตกลงไปในบ่อน้ำแข็งเขามองฉันเป็นคนแบบนี้มาโดยตลอดเลยเหรอ? เหมือนฉันเป็นคนชั่วร้ายหรือฆาตรกรทำนองนั้นหัวใจเจ็บแปลบ ขณะเดียวกันท้องก็หิวด้วย ฉันเข้าไปในครัวเพราะอยากหากินอะไรสักหน่อย แต่ในครัวกลับไม่มีอะไรเลย เหลือแค่หมั่นโถวแห้งๆ ครึ่งลูกบนโต๊ะฉันหยิบซาลาเปาขึ้นมา ทุบเปลือกวอลนัทสองลูกกิน แต่มันก็ไม่ได้ทำให้อิ่มท้องคนรับใช้เดินผ่านมา พอเห็นฉันก็กลอกตาใส่แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นพอเห็นหมั่นโถวในมือฉัน เธอก็แกล้งทำเป็นอุทานด้วยความตกใจ"ตายจริง! คุณหนูกินอันนั้นเข้าไปแล้วเหรอคะ? นั่นมันของที่จะเอาไปทิ้งนะคะ""น่าเสียดายที่คุณชายกับคุณหนูฝูฝูตื่นเช้า พวกเราก็เลยทำอาหารเตรียมเอาไว้นานแล้ว ถ้าคุณหนูอยากทานอะไร เดี๋ยวดิฉันไปทำให้ใหม่ก็ได้นะคะ"สีหน้าท่าทางลำบากใจเสียเต็มประดาของคนรับใช้ทำให้ฉันขมวดคิ้วฉันทำหน้านิ่งแล้วปฏิเสธออกไป อดกลั้นความเจ็บปวดที่แล่นขึ้นมาในท้อง แล้วกลับเข้าห้องไปอีกครั้งบ้านหลังนี้ไม่มีที่ของฉัน ขนาดพวกคนรับใช้ก็ยังพูดจาประชดประชันใส่ฉันความเจ็บปวดแสบร้อนในกระเพาะ

  • นับถอยหลังสู่ความสงบสุขนิรันดร์   บทที่ 0002

    พี่ชายทั้งสามคนรักและดูแลน้องสาวคนเล็กอย่างดี แต่กลับหลีกเลี่ยงฉัน แม้แต่คนรับใช้ในบ้านก็ปฏิบัติต่อฉันแบบไม่ใส่ใจฉันมักจะต้องทนหิวจนนอนหลับไป แต่ก็ยังเติบโตจนอายุสิบแปดปีได้พี่ชายคนที่สามมักพูดว่าฉันเป็นตัวอัปมงคลที่จะสร้างความหายนะไปอีกพันปีฉันก็คิดว่า บางทีอาจเป็นเพราะฉันเลวร้ายเกินไป ถึงได้ไม่ตายเสียทีฉันลุกจากเตียง สวมรองเท้าแตะเดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าผมแห้งกรอบเป็นสีซีด ใบหน้าผอมซูบ ไม่มีใครเดาได้หรอกว่านี่คือลูกสาวคนโตของตระกูลเจียงแต่ฉันไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ เพราะฉันเห็นเลขนับถอยหลังบนศีรษะของตัวเองสะท้อนผ่านกระจก เลขนับถอยหลังสีแดงสดปรากฏชัดเจนเหนือศีรษะของฉันในที่สุดวันนี้ก็มาถึงฉันอยากจะหัวเราะ แต่ได้แค่ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยฉันวางแก้วน้ำในมือลงเงียบๆ มองตัวเองในกระจกพลางครุ่นคิดฉันไม่มีเพื่อน คนที่ติดต่อด้วยก็มีน้อยนิด วันสุดท้ายนี้ ควรจะใช้เวลาอย่างไรดีฉันคิดอยู่นาน ค่อยๆ จัดการตัวเองเสร็จแล้วลงมาจากห้องใต้หลังคาที่ฉันอาศัยอยู่ส่วนห้องเดิมของฉัน ถูกเปลี่ยนเป็นห้องแต่งตัวของน้องสาวตั้งแต่เธอเกิดมาแล้วฉันเคยมองผ่านหน้าต่างเล็กๆ ในห้องใต้หลังคา เห็นเด็

  • นับถอยหลังสู่ความสงบสุขนิรันดร์   บทที่ 0001

    ตั้งแต่เด็กฉันมองเห็นเวลาตายที่นับถอยหลังเหนือศีรษะของคนอื่นเมื่อฉันเห็นตัวเลขเหนือศีรษะคุณปู่เป็นครั้งแรก ฉันก็เอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อกับแม่พวกเขาแค่ยิ้มๆ คิดว่าเป็นคำพูดไร้เดียงสาของเด็ก จึงไม่ได้ใส่ใจวันต่อมา เมื่อได้เจอกับคุณปู่อีกครั้ง ท่านก็นอนอยู่บนเตียงและมีผ้าขาวคลุมร่างแล้วหลายคนร้องไห้เสียใจ แต่ฉันไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังทำอะไรต่อมาฉันก็เห็นเวลานับถอยหลังบนศีรษะพ่อเมื่อฉันบอกพ่อ รอยยิ้มของท่านก็แข็งค้างไปชั่วครู่แล้วกลับมาเป็นปกติคืนนั้น ฉันไม่ได้เจอพ่อที่เลิกงานกลับจากบริษัทได้ยินแค่เสียงโทรศัพท์ดังสนั่นเหมือนมีเรื่องเร่งด่วนหลังจากแม่รับสาย สีหน้าของแม่ก็ซีดเผือดตอนนั้นท้องของแม่โตมากแล้ว แม่วิ่งเร็วเกินไปจนสะดุดล้มที่บันไดหน้าประตูบ้านตอนนั้นเอง ฉันเห็นเวลานับถอยหลัง 24 ชั่วโมงอันแสนคุ้นตาปรากฏเหนือศีรษะแม่วันนั้น น้องสาวคลอดออกมา แม่เสียเลือดมากและช่วยชีวิตเอาไว้ไม่ทัน ฉันยืนงงอยู่หน้าห้องผ่าตัดพี่ชายคนที่สามผลักฉันล้ม บอกว่าฉันเป็นปีศาจ ฉันเป็นคนที่สาปแช่งพวกเขาฉันทำให้พ่อกับแม่ตายฝ่ามือครูดไปกับพื้นเย็นเฉียบ มีเลือดไหลซึมออกมาเล็กน้อยฉันเจ็บ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status