ฟ้าใสได้ออกจากโรงพยาบาลในช่วงบ่าย ทั้งหมดไม่ได้กลับไปที่บ้านพักตากอากาศของธันวาต่อแต่มุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ เนื่องจากหมดช่วงวันหยุดยาวพอดี ระหว่างทางเนื่องจากยังเพลียอยู่ ฟ้าใสก็นอนหลับบนรถเกือบตลอดทาง โดยมีปกรณ์คอยเหลือบมองและจัดท่านอนให้ฟ้าใสตลอดการเดินทาง ซึ่งฟ้าใสก็รับรู้อยู่
เรื่องที่ฟ้าใสตกน้ำและนอนโรงพยาบาลคุณหญิงอรพินท์และแม่อัญของฟ้าใสก็รู้เรื่อง ตอนแรกทั้งสองคนอยากจะมาเยี่ยม แต่น้องมิ้นท์เป็นคนไม่ให้คนทั้งสองมาด้วยเป็นห่วงคุณแม่ทั้งสองในการเดินทาง และอยากให้ปกรณ์มีโอกาสดูแลฟ้าใส เพราะถ้าแม่อัญมาฟ้าใสคงไม่ให้ปกรณ์เฝ้าแน่นอน ซึ่งทั้งสองคนก็เห็นด้วย
ฟ้าใสกลับไปพักผ่อนที่คอนโดของตัวเอง แต่หนุ่มคู่หมั้นขอไปเฝ้าด้วย เพราะดูเหมือนคู่หมั้นสาวจะยังมีอาการอ่อนเพลีย ซึ่งฟ้าใสก็ขัดไม่ได้ เพราะชายหนุ่มยัดตัวเองเข้าไปในห้องและไม่ยอมกลับแม้ต้องนอนบนโซฟาก็ตาม
วันรุ่งขึ้น ฟ้าใสตื่นขึ้นมาด้วยร่างกายที่ดีขึ้นมาก ร่างเล็กเปิดประตูห้องนอนออกมา หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปทำงานเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเปิดออกมา เห็นร่างสูงนอนอยู่โซฟาตัวใหญ่ในห้องรับแขก ฟ้าใสยิ้มออก
ปกรณ์เหยียบเบรคทันที ซึ่งเป็นขณะเดียวกันกับที่มาถึงบริษัท CTM พอดีทั้งสองหันมามองหน้ากันแล้วพูดออกมาพร้อมกัน “นีน่ามาเหรอ”ฟ้าใสมองหน้าปกรณ์พร้อมพูดออกมา “คุณคิดว่าคุณนีน่ามาหาคุณทำไม”“หึงเหรอ” ยัง ยังจะเล่นอีก“หึงบ้าอะไรหละ เราอุตส่าห์เคลียร์ข่าวนั้นออกไปได้ แล้วเพื่อให้ข่าวมันซา ฉันจะได้ยกเลิกงานหมั้นกับคุณ แล้วถ้ายัยนีน่าอะไรของคุณเนี่ย กลับมาเกาะแกะคุณอีก ข่าวก็ไม่ซาสักที แล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้ยกเลิกการหมั้นกับคุณ” ฟ้าใสพูดออกมาเสียงดังหน้าแดง แต่เป็นหน้าแดงเพราะความโกรธ อุตส่าห์ลงทุนไปเที่ยวกันมา เสียเวลา เสียแผนงาน เสียแผนชีวิตเธอไปตั้งเยอะ กลับมานึกว่าเข้าที่แล้ว ยังจะมีมารมาผจญอีก“โอเค เดี๋ยวผมรีบไปดูก่อน แล้วยังไงเย็นนี้ผมมารับ แล้วเราค่อยวางแผนกันต่อ” ฟ้าใสพยักหน้าแล้วรีบลงจากรถไปทันที ส่วนปกรณ์ก็ได้แต่มองตามด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก นั่งสักพักก็รีบบึ่งรถไปที่บริษัทของตัวเองเพราะอยากรู้ว่าคนรักเก่ามาหาเขาเพื่ออะไรทันทีที่ปกรณ์จอดรถตรงที่จอดรถท่านประธาน เจมส์ซึ่งรออยู่
ตกเย็นวันนั้น ปกรณ์ไปรับฟ้าใสตามที่บริษัทและพามาเก็บเสื้อผ้าที่คอนโดของฟ้าใสจากนั้นพากันไปที่คอนโดของปกรณ์ วันนี้นอกจากหนุ่มสาวทั้งสองยังมีมิ้นท์ เจมส์ แป้ง และธันวาจะมาที่คอนโดของเขาด้วย เพื่อฉลองการมาอยู่ด้วยกันของทั้งสอง คล้ายการเข้าเรือนหออย่างไรอย่างนั้น มิ้นท์เข้ามาหาด้วยกล่องของขวัญกล่องใหญ่ 2 กล่อง ฟ้าใสแอบสงสัยกำลังจะถาม แต่มิ้นท์พูดออกมาก่อน“คุณแม่ กับน้าอัญฝากมาค่ะ พี่ฟ้า คุณแม่ทั้งสองของเราดีใจมากที่พี่ทั้งสองมาอยู่ด้วยกัน คุณแม่ฝากมาบอกด้วยว่าฤกษ์งานหมั้นเป็น วันที่ 8 เดือนหน้านะคะ” ว่าแล้วก็วางกล่องของขวัญทั้งสองใส่มือพี่ชายทันที“หา! เดือนหน้าเลยเหรอ” ฟ้าใสรีบหันไปหาปกรณ์ ซึ่งหนุ่มเจ้าของห้องก็หันมามองหน้าฟ้าใสเช่นเดียวกัน“มันไม่เร็วไปเหรอ ยัยมิ้นท์” ปกรณ์เอ่ยถามออกไป“มิ้นท์ไม่รู้หรอกพี่กรณ์ ต้องถามคุณหญิงแม่ค่ะ อ้อ คุณแม่ฝากบอกทั้งสองคนด้วยว่า ไม่ต้องห่วงน้า ทำงานกันไป เรื่องจัดงานเดี๋ยวคุณแม่กับน้าอัญจะเป็นคนจัดการให้เองค่ะ พวกพี่เตรียมไปลองชุดก็พอค่ะ” มิ้นท์ยิ้มหน้าบาน แต่เมื่อมองเข้าไปก
เมื่อฟ้าใสกับแป้งกลับเข้ามา ปกรณ์แอบลอบมองหน้าก็เห็นดวงตาของสาวคู่หมั้นมีอาการบวมแดงเล็กน้อยเหมือนเพิ่งผ่านการร้องไห้มา แต่เขาไม่ต้องการจะถามตอนนี้“คุณแป้งครับ ถ้าผมอยากให้คุณแป้งย้ายมาทำงานที่บริษัทผมในตำแหน่งผู้จัดการวางแผนอีเว้นท์ แล้วให้นีน่ามาเป็นลูกทีมคุณ จะติดปัญหาอะไรมั้ยครับ” ปกรณ์ถามแป้งออกมา เพื่อจะได้สรุปเรื่องนี้กันสักที“เป็นผู้จัดการเลยเหรอค่ะ ไม่ติดค่ะ ไม่ติดเลย ให้เริ่มงานเมื่อไหร่ดีค่ะ” แป้งดีใจ อยู่ๆ ก็ได้เลื่อนตำแหน่งฟ้าใสหันไปมองหน้าชายคู่หมั้นอย่างไม่เข้าใจว่าเขาต้องการทำอะไร“ทำไมมึงต้องดึงแป้งไปด้วยวะ” ธันวาก็ไม่เข้าใจ“กูคงให้เขามาเป็นผู้ช่วยเจมส์ไม่ได้ มันเสี่ยงเกินไป ถึงแม้จะอยากรู้ว่าเขามีแผนอะไร ดังนั้นก็เลยคิดว่าให้เขามาอยู่กับคนที่กูและคู่หมั้นกูไว้ใจดีกว่า ซึ่งกูก็เลยคิดถึงคุณแป้งขึ้นมา” เขาเน้นคำว่าคู่หมั้นเป็นพิเศษ“ส่วนฟ้า อาคารบริษัทผมยังมีที่ว่างอยู่ ผมจะแจ้งบอร์ดบริหารบริษัทให้ย้ายที่ทำการของบริษัท CTM มาอยู่ตึกเดียวกับผม ผมกับคุณจะได้อยู่ด้วยกันทุก
ย้อนกลับไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน หลังจากที่ไปหาปกรณ์เพื่อขอเข้าทำงานวันรุ่งขึ้นฝ่ายบุคคลก็โทรมาหาหญิงสาวเพื่อคอนเฟิร์มการรับเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานจัดงานอีเวนท์ ตอนแรกสาวนีน่าไม่ยอมโดยแจ้งว่าจะคุยกับประธานบริษัท ก็คือปกรณ์ให้ได้ แต่ทางฝ่ายบุคคลได้รับคำสั่งจากประธานหนุ่มว่า ถ้าหญิงสาวโวยวาย หรือไม่รับก็ถือว่าไม่รับไปเลย จึงทำให้หญิงสาวจำใจต้องยอมรับไปด้วยความไม่เต็มใจ“ไม่เป็นไรค่ะ นีน่าเข้าใจปกรณ์ค่ะ เขาคงเป็นห่วงนีน่ามาก หากให้ตำแหน่งที่ทำงานใกล้ชิดกับเขาอาจจะทำให้นักข่าวมาเพ่งเล็งนีน่ามากขึ้น ยังไงขอบคุณมากนะคะ แล้วเจอกันวันเริ่มงานค่ะ”ก่อนวางหูนีน่าตั้งใจพูดประโยคนี้เพื่อสื่อให้เห็นความสัมพันธ์ที่พิเศษระหว่างเธอและปกรณ์ให้พนักงานฝ่ายบุคคลท่านนี้รับรู้ เธอรู้ว่าเรื่องพวกนี้มักจะได้รับความสนใจจากพนักงานออฟฟิศอยู่แล้ว ยิ่งเกี่ยวกับหัวหน้า หรือประธานบริษัทของตัวเองยิ่งแล้วใหญ่“หึ สนุกแน่งานนี้”หลังจากนั้น นีน่าก็นัดคุณทวีคู่ขาและหัวหน้างานเก่ามารับเพื่อพาเธอไปช้อปปิ้งเสื้อผ้าทำงานใหม่ รวมถึงทานข้าว และค่อยทานอย่างอื่นหลังจ
ทั้งสองออกมาจากลิฟท์ในชั้นที่ฟ้าใสต้องเข้าทำงาน ปกรณ์ เดินนำฟ้าใสไปส่งให้กับคุณสาธิตด้วยตัวเอง ราวกับมาส่งลูกสาวไปโรงเรียน หญิงสาวก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย เพราะทุกสายตาจับจ้องมาที่ท่านประธานรูปหล่อที่จูงมือหญิงสาวตัวเล็กหน้าตาน่ารักพร้อมทั้งยังมากฝีมือในการออกแบบโฆษณาที่ทุกคนรู้จักกันดี เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นรอบข้างกายทั้งคู่ ถึงแม้พวกเขาพยายามจะกระซิบแต่ก็ยังทำให้คนทั้งคู่ได้ยินอยู่ดี“มิน่าหละ พวกเราถึงต้องย้ายบริษัทกันอย่างกะทันหัน”“ฉันอิจฉาพี่ฟ้าจังเลย ทำบุญกันด้วยอะไรนะ ถึงได้ผู้หล่อ และรวยขนาดนี้”คุณสาธิต ผู้จัดการของฟ้าใสทำงานอยู่ในห้องกระจกใส เมื่อได้ยินเสียง เซ็งแซ่ก็เงยหน้าขึ้น เห็นประธานหนุ่มเดินจูงมือพนักงานตัวเองตรงมาก็รีบเดินออกไปเปิดประตูห้องทำงาน แล้วก้าวไปหาท่านประธานบริษัท TK กรุ๊ป ทันที“สวัสดีครับ คุณปกรณ์” คุณสาธิตโค้งคำนับท่านประธานหนุ่มอย่างเคารพ ถึงแม้ชายหนุ่มจะอายุน้อยกว่า แต่ด้วยความเก่งกาจ และฉลาดหลักแหลม ทำให้ผู้สูงอายุที่ตำแหน่งน้อยกว่าเขา ยอมรับในตัวของเขาได้อย่างสนิทใจ“ส
ปกรณ์หันไปมองหน้าฟ้าใส หญิงสาวเมินไปทางกระจกด้านข้างแทน“ฮัลโหล ฮัลโหล ยังอยู่มั้ยค่ะ”“ครับ ครับ เดี๋ยวผมไปรับเธอที่คลับเองครับ”จากนั้นชายหนุ่มก็วางสายทันทีฟ้าใสเมื่อได้ยินดังนั้น ก็หันมามองหน้าพระเอกแว๊บนึง จากนั้นก็หันหน้ากลับไปเหมือนเดิมด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าไม่พอใจเรื่องอะไรเมื่อปกรณ์จอดรถยังไม่ทันดี ฟ้าใสรีบเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปในคอนโดนั่นทันที ปกรณ์ทำได้แค่มองตามไปเท่านั้น จากนั้นสักพักก็โทรหาเจมส์เพื่อสั่งงานฟ้าใสเดินเข้ามาในห้องก็เดินออกไปตรงริมสระว่ายน้ำส่วนตัวของห้องชายหนุ่ม หญิงสาวเหม่อมองขึ้นไปบนดวงดาวพร้อมกับกอดตัวเองไปเพราะอากาศแอบเย็นหมับ!อยู่ๆ ก็มีคนมากอดหญิงสาวจากทางด้านหลัง พร้อมเสียงทุ้มกระซิบข้างหู“หนาวเหรอ” ปกรณ์เอ่ยออกมาพร้อมกับมุมปากหยักยกขึ้นฟ้าใสรีบหันมามองทำให้หน้าของชายหนุ่มและหญิงสาวห่างกันไม่ถึงคืบ“ปล่อย คุณอยู่ที่นี่ได้ยังไง ไม่ไปรับแฟนเก่าคุณเหรอ” ร่างเล็กดิ้นไปมา เพราะรู้สึกไม่พอใจ“
“สวัสดีจ๊ะ น้องมิ้นท์ คุณเจมส์ และธันวา ไม่เจอกันนานเลยนะ” ประโยคแรกทักทายน้องและมือขวาของหนุ่มที่ตนหมายปอง ประโยคหลังทักทายเพื่อนสนิทของแฟนเก่า เพราะเมื่อก่อนเข้ากลุ่มกับชายหนุ่มบ่อยๆ“สวัสดีนีน่า ไม่คิดว่าจะได้เจอที่นี่” ธันวาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยชาเช่นเดียวกับมิ้นท์ แน่นอนเขาไม่พอใจเพราะหญิงสาวสวยตรงหน้าเป็นคนทำให้กลุ่มเพื่อนสนิทของเขาทั้งสามคนแตกนีน่ากำมือแน่นเมื่อเห็นสายตาและได้ยินน้ำเสียงที่เฉยชาแบบนั้น เมื่อเห็นปกรณ์กำลังมองมาที่ตนอยู่นั้น หญิงสาวจึงแสร้งทำเป็นหน้าหงอยและสำนึกผิด“ธัน เรารู้ว่าเธอไม่พอใจเรา เราไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นที่เราทำแบบนั้น เพราะเราต้องการที่จะให้กรณ์ไปต่างประเทศอย่างสบายใจ เราจึงต้องทำแบบนั้น เราก็เจ็บปวดใจเช่นเดียวกัน” นีน่าพูดออกมาพร้อมกับมีหยดน้ำตาน้อยๆ ไหลออกมา ทำให้หน้าสวยนั้นดูน่าหลงใหลมากขึ้นแต่....“การที่เธอไปนอนกับไอ้กฤษในห้องไอ้กรณ์ก็อยู่ในแผนของเธอเพื่อให้กรณ์ตัดใจด้วยเหรอ ช่างเปลืองตัวจริงๆ มันฟังไม่ขึ้นหรอกนะ”นีน่าตกใจ คิดไม่ถึงว่าปกรณ์จะกล้าเล่าเรื่องนี้ให้ธันวาฟัง คิดว่าเขาจะอับอายที่โดนทรย
เย็นเดียวกันนั้น ในคอนโดหรูแห่งหนึ่งนีน่านอนกอดก่ายอยู่กับทวีด้วยอาการเหนื่อยอ่อน“เป็นไง คิดถึงผมเหรอ ตั้งแต่เข้าห้องมาก็ดึงผมมาที่เตียงเลย” ว่าแล้วทวีก็เกลี่ยปลายผมที่ปกคลุมด้านหน้าของหญิงสาวออก“ค่ะ นีคิดถึงคุณ และก็เครียดๆ ด้วยค่ะ” นีน่าเงยหน้าที่ดูอ่อนแรงแต่ยังคงความยั่วยวนอยู่ในที จ้องไปที่หน้าทวี เจ้านายหนุ่มและชู้รัก ถึงแม้เขาจะไม่หล่อเท่าปกรณ์ แต่เขาก็มีฐานะ เป็นถึงประธานบริษัท และดูแลเธอมาอย่างดี ติดที่เขาแต่งงานแล้ว และเธอต้องการที่เป็นตัวจริงเท่านั้น“ตอนนี้คุณก็ได้ไปอยู่ใกล้กับเทพบุตรของคุณแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมดูไม่มีความสุขอย่างนั้นหละ” ทวีถามเสียงแค่นออกมาเขาอยากจะเก็บนีน่าไว้ข้างตัวตลอดไป แต่ก็รู้ว่าทำไม่ได้ เพราะภรรยาของเขาคงไม่ยอมแน่ๆ แต่จะให้เลิกกับภรรยาเพื่อมาอยู่กับนีน่าก็ไม่สามารถทำได้ เพราะหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นของภรรยาและครอบครัว เขาเป็นแค่เขยที่แต่งเข้ามาช่วยดูแลกิจการเท่านั้น เนื่องจากภรรยาเป็นลูกสาวและเป็นทายาทคนเดียวของตระกูลดังนั้น เมื่อนีน่าต้องการออกจากบริษัทเพื่อมาอยู่ใก
“ทำอะไรกันนะ”เสียงทุ้มดังขึ้นมา ทำให้ทั้งสองสะดุ้งทันที ฟ้าใสหันมาเจอกับปกรณ์ที่มีสีหน้าทะมึงถึงพร้อมกับสายตาของเขาที่จ้องไปที่มือทั้งสองที่ยังคงจับกันอยู่ ในขณะที่พีทก้มหัวทักทายปกรณ์เล็กน้อย แต่เมื่อมองตามสายตาของปกรณ์ไปก็ตกใจรีบปล่อยมือตัวเองออกจากแฟนสาวของท่านประธานทันที“ตกใจหมดเลยกรณ์ ทำไมต้องเสียงดังด้วย เบาหน่อยสิค่ะ เดี๋ยวเรื่องก็แตกหรอก” ฟ้าใสบ่นไปยังแฟนตัวเอง แล้วยกนิ้วชี้ปิดที่ปากของตัวเอง พร้อมกับส่งเสียง จุ๊ ๆ พลางมองซ้ายมองขวา เมื่อไม่เห็นออยออกมาจากห้องก็ถอนหายใจออกมา แล้วหันไปทำตางอนๆ ใส่แฟนตัวเอง“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนี้ แล้วนี่ทำอะไรกัน ทำไมมาอยู่กันสองคน พร้อมจับไม้จับมือกันอยู่ ไม่อยากให้คนเข้าใจผิดก็ไม่ควรทำ” ปกรณ์เอ่ยออกมาอย่างตำหนิ น่าหยิกแฟนตัวเองดีนัก“ขอโทษครับ พอดีผมตื่นเต้นและดีใจเกินไปหน่อย” พีทขอโทษออกมาอย่างรู้สึกผิดที่ทำให้ทั้งสองคนตรงหน้ากำลังเข้าใจผิดซึ่งกันและกันปกรณ์เหลือบมองฝ่ายชายอย่างไม่ค่อยใส่ใจ ถึงแม้เขาพอจะรู้แล้วว่าเพื่อนคนนี้ของแฟนสาวมีแฟนอยู่แล้ว แต่ก็เคยช
“ฟ้ารู้ใช่มั้ยว่าพีทรักฟ้า” พีทไม่ตอบคำถามหญิงสาว แต่กลับถามกลับไปแทน“ฟ้าไม่รู้ เพิ่งรู้วันนั้นแหล่ะ แต่วันนี้ฟ้าจะพูดให้ชัด ฟ้าไม่ได้มองพีทเป็นอย่างอื่น นอกจากเพื่อน” เสียงหญิงสาวอ่อนลงแต่หนักแน่นเพื่อให้เพื่อนของตัวเองรู้ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่นอน“หึหึ พีทรู้อยู่แล้วหล่ะ พีทผิดเองที่พึ่งรู้ใจตัวเอง เมื่อมันสายไป แต่เราสองคนยังเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ย” พีทหันไปจ้องที่หญิงสาวที่ตัวเองหลงรักมานานหลายปี“ได้สิ ถ้าพีทไม่คิดกับเราเกินเพื่อนเราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเดิม” ฟ้าใสยิ้มบางๆ ให้กับคนตรงหน้า“อืม” พีทฝีนยิ้มออกมา เขาต้องทำให้ได้เพราะตอนนี้เขามีอีกสองชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ“แล้วออยหล่ะ พีทจะทำยังไง” ฟ้าใสถามออกมาอีกครั้ง“พีทจะรับผิดชอบออยกับลูก พีทว่าพีทก็เริ่ม...” พีทยังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงแหบแห้งพูดออกมา“ไม่ต้อง ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรทั้งนั้น เราไม่ใช่ตัวสำรองของใคร” เสียงออยดังขึ้นมา จริงๆ แล้วหญิงสาวรู้สึกตัวตั้งแต่ไ
“แล้วแกไม่โกรธมันเหรอ” ออยถามหยั่งเชิงนิดๆ อยากรู้ว่าเพื่อนรักรู้สึกอะไรกับนายนั่นหรือเปล่า“อืม จะพูดยังไงดีหล่ะ รู้นะว่ามันเมา มันไม่ได้ตั้งใจ แต่แค่ไม่คิดว่ามันจะคิดกับฉันแบบนั้น”“แกไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันเลยเหรอ” ออยถามเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง“ไม่ได้คิดอะไรเลย คิดเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น อีกอย่าง...”“อีกอย่างอะไร” เสียงอยากรู้ออกมาทันที จนฟ้าใสนึกเอ็นดูเพื่อน“อีกอย่างตอนนี้ฉันกับคุณกรณ์ก็ตกลงเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการแล้ว”“หา! ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขายอมบอกรักแกแล้วเหรอ”“อืม เมื่ออาทิตย์ที่แล้วหล่ะ” ฟ้าใสตอบไปด้วยมีริ้วแดงขึ้นบนหน้าไปด้วย แสดงออกถึงความเขินอายเล็กน้อย“เฮ้ย ยินดีด้วยนะ” ออยจับมือฟ้าใสขึ้นมาแล้วยิ้มออกมาอย่างจริงใจ“ว่าแต่แกยังไม่บอกเลย ว่าโกรธอะไรกับมัน”“เอ่อ มีเรื่องทะเลาะกับมันนิดหน่อย ตอนนี้ยังไม่อยากคุยกับมัน ฟ้าอย่าสนใจเลย เดี๋ยวพออะไรๆ ดีขึ้น เรากับมันก็คุยกันเ
“ฟ้า ทบทวนเรื่องของเราสองคนอีกรอบได้มั้ย”ฟ้าใสหันไปมองหน้าชายหนุ่มอย่างงุนงง ทบทวนอะไรเหรอ“ทบทวนเรื่องความรู้สึกของเราสองคนไงหล่ะ เหตุการณ์เมื่อคืนทำให้กรณ์ไม่อยากรอถึงสองปีแล้ว ถ้าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับฟ้า กรณ์คงอยู่ไม่ได้แน่ๆ กรณ์อยากจะสามารถปกป้องฟ้าได้อย่างเต็มที่ ฟ้าเป็นแฟนกับกรณ์นะ”พูดจบก็ยิ่งกระชับไหล่ที่โอบไว้แน่นขึ้นร่างบางเมื่อได้ยินร่างสูงพูดความในใจออกมาก็เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ หากเมื่อคืน เธอโดนพีทล่วงเกิน แม้จะแค่จูบ เธอก็คงจะรู้สึกกับเขาเช่นกันตอนนี้เธอค่อนข้างจะมั่นใจตัวเองแล้วว่าเธอรักเขามากจริงๆ แต่เขาหล่ะ“กรณ์แน่ใจแล้วเหรอว่า กรณ์รักฟ้า ไม่ใช่แค่ความใกล้ชิด”ร่างหนาพยักหน้าอย่างแรงจนเธอนึกเอ็นดู“จริง ตอนนี้กรณ์รู้ใจตัวเองแล้ว ว่ากรณ์รักฟ้า กรณ์ไม่อาจเสียฟ้าไปได้ เราแต่งงานกันนะฟ้า”เพี๊ยะ เสียงตีดังขึ้น พร้อมกับรอยแดงที่แขน แต่แปลก หน้าคนตีก็แดงด้วย“เร็วไปแล้วค่ะ เป็นแฟนกันก่อนก็พอ”“อ้าวเหรอ ก็อยากข้ามขั้นอ
“มึง ไอ้พีท”พีทโดนกระชากออกจากตัวฟ้าใสทันที ปกรณ์ตามเข้าไปต่อยชายหนุ่มที่บังอาจทำกับคนของเขาแบบนั้น ส่วนฟ้าใสก็ตัวสั่นอยู่ภายในอ้อมกอดของแป้ง โดยมีมิ้นท์ยืนอยู่ข้างๆออยวิ่งเข้ามาดูเป็นคนสุดท้ายเพราะออกไปรับโทรศัพท์ที่ระเบียงมา เมื่อเห็นเพื่อนโดนปกรณ์ทั้งต่อย ทั้งเตะ และมองไปเห็นฟ้าใสตัวสั่นด้วยความกลัว ก็พอจะเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นออยเดินเข้าไปหาฟ้าใสแล้วถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง“ฟ้า เป็นยังไงบ้าง เกิดอะไรขึ้น”เหมือนฟ้าจะได้สติขึ้นมา จึงรีบเดินเข้าไปจับมือปกรณ์ที่กำลังง้างเพื่อต่อยเขาอีก“พอเถอะกรณ์ พีทไม่ได้ตั้งใจหรอก เขาเมาหนะ” ฟ้าพูดด้วยเสียงที่สั่นเทาปกรณ์หันหน้ามาหาหญิงสาวแล้วโอบกอดเธอไว้ พร้อมมองไปที่ร่างของชายหนุ่มที่นอนกองอยู่กับพื้น ไม่ถึงกับสลบแต่ก็น่าหายเมาพอสมควร“ยังจะไปแก้ตัวแทนมันอีก” ปกรณ์ดันหัวฟ้าเข้าหาตัวเอง แล้วพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเช่นกัน เขาคิดไม่ออกว่าถ้าหญิงสาวเป็นอะไรไป เขาจะทำยังไงพีทเมื่อเริ่มได้สติ หันไปเห็นคนที่ตัวเองแอบรักมาหลายปี มีอา
ฟ้าใสรีบเดินออกมาจากห้องครัวอย่างเร็วเพื่อเดินไปเปิดประตูทันทีแกร๊ก“สวัสดีพี่ฟ้าใส” เสียงใสดังขึ้นหน้าประตูทันที“สวัสดีจ๊ะ น้องมิ้นท์ คุณเจมส์” ฟ้าใสยิ้มทักทายทั้งสองคนมิ้นท์ชูของขวัญให้กับว่าที่พี่สะใภ้ หันไปส่งให้เจมส์เป็นคนถือ จากนั้น ก็รีบควงแขนพี่สะใภ้คนโปรดเข้าไปในห้องทันที“อ้าวสวัสดีค่ะ พี่กรณ์ และก็พี่ๆ ทุกคนค่ะ”มิ้นท์ทักทายทุกคนอย่างไม่ถือตัว“เอาหละค่ะ ในเมื่อทุกคนมากันครบแล้ว งั้นเราเริ่มตั้งหม้อเลยมั้ย” ฟ้าใสยิ้มบอกกับทุกคน“เย้ เอาเลย หิวแล้ว” ทุกคนเอ่ยพร้อมกันฟ้าใสรีบเข้าไปในครัวเพื่อจัดการเทน้ำซุปที่ต้มไว้แล้ว เมื่อกำลังจะยก ปกรณ์รีบมาช่วยยกแทนหญิงสาวเอง แต่ก่อนเดินออกไปก็แอบหอมแก้มร่างบางตอนเผลอแล้ววิ่งออกไปทันทีฟ้าใสยืนจับแก้มตัวเอง แต่ก็แอบอมยิ้มเขินๆ ไปด้วยปกรณ์เมื่อยกเตาชาบูมาวางบนโต๊ะกินข้าว ก็เดินเข้าไปเตะขาเพื่อนสนิท กับมือขวาตัวเอง ที่นั่งอยู่บนโซฟาเล่นโทรศัพท์อยู่“เฮ้ย อยากกินก็ไปช่วยกันดิ”
เมื่อเข้ามาที่โต๊ะอาหาร ก็เห็นอาหารวางอยู่บนโต๊ะหลายอย่าง“อ๋อ ที่ทำเป็นงอนกลับห้องเนี่ย แอบไปสั่งอาหารเนี่ยเอง กลิ่นหอมจัง” ฟ้าใสยิ้มตาหยี ถูมือไปมา อยากกระโจนเข้าหาอาหารเต็มที่แล้ว เข้าเช้ามีแค่โจ๊กรองท้องไปเอง“หิวก็กินสิ ผมไม่ใช่คนใจร้ายแบบใครบางคนหรอก เวลาผมทำอะไรก็คิดถึงฟ้าตลอดแหละ” ว่าแล้วก็เดินหน้าตึงไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามทันที พร้อมกับยื่นอาหารซึ่งเป็นของโปรดของฟ้าใสออกมาฟ้าใสยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี ก็เลยเดินเข้าไปยืนใกล้ๆ ร่างสูงปกรณ์เงยมองฟ้าใส ยกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยว่ามายืนทำอะไรยังไม่ทันได้ตั้งตัว ฟ้าใสก็ก้มลงหอมแก้มชายหนุ่มไปหนึ่งฟอดทันที แล้วรีบเดินกลับไปนั่งลงตรงเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม พร้อมทั้งกับดึงอาหารจานโปรดมากินอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าหูกับแก้มมีสีแดงเรื่อๆ ออกมาเล็กน้อยส่วนปกรณ์เมื่อรู้ว่าโดนจู่โจม ก็ยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีทันที แล้วนั่งทานข้าวอย่างมีความสุขเมื่อทานกันเสร็จแล้ว ปกรณ์ก็เลยอาสาเดินไปกับถือของให้กับฟ้าใสเพื่อเตรียมสำหรับงานเลี้ยงคืนนี้เมื่อซื้อของเสร
ฟ้าหันหาเพื่อนทันที ทำหน้างงๆ“ใครนะ พีทนะเหรอ ฮ่าฮ่าฮ่า ออยคิดอะไรเนี่ย”เมื่อได้ยินที่เพื่อนรักถามออกมา ก็หัวเราะออกมาอย่างหนัก“ขำอะไรอะ ก็เห็นนายนั่นเข้ามาหาแกมากขึ้น เห็นหลายๆ คนเริ่มพูดถึงเรื่องนี้กันด้วย ก็เลยมาถามแกก่อนไง ว่าแต่ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่อะ”ออยมีสีหน้าอยากรู้อยากเห็นมากจริงๆ ฟ้าใสมองอย่างนั้นก็อมยิ้ม ส่ายหัวไปมา“ไม่มีอะไรหรอก จำไม่ได้เหรอ เมื่ออาทิตย์ก่อนที่ฉันขอไปนอนห้องแกแล้วแกไม่อยู่ห้อง หลังจากนั้นแกก็เอาเบอร์พีทมาให้ไงหล่ะ”“อ๋อ จำได้แล้ว และสรุปวันนั้นแกไปนอนที่ไหนอะ พีทมันหาที่ให้แกนอนเหรอ”ฟ้าใสนิ่งสักพักก่อนจะพยักหน้า ไม่แน่ใจว่าควรจะบอกเพื่อนดีมั้ย ว่าไปนอนห้องชายหนุ่มแต่นึกถึงที่เพื่อนไม่อยู่ห้องก็ยังอุตส่าห์พยายามหาคนมาช่วยเหลือก็เลยยอมเล่าความจริงให้เพื่อนฟัง“อืม นอนห้องมันหนะ”ออยพยักหน้าแล้วยิ้ม แต่พอนึกได้ว่าเพิ่งได้ยินอะไรก็ทำหน้าตกใจ รีบถามเพื่อนเสียงดังอีกครั้ง“อะไรนะ แกว่าแกไปนอนห้องพีทเหรอ&rdqu
“คุณกรณ์” เสียงฟ้าใสตะโกนขึ้นมาอย่างเหลืออด อะไรจะงี่เง่าขนาดนี้เนี่ย“ไม่เป็นไรฟ้า คุณกรณ์คงไม่ได้ตั้งใจ” พีทเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยน“หึ หึ ปกติเห็นแต่ผู้หญิงที่จะทำตัวเสแสร้งแกล้งเป็นคนดี นึกไม่ถึงว่าผู้ชายก็ทำเป็นด้วย”ปกรณ์เอ่ยออกมาอย่างประชดประชันพีทหันมามองหน้าปกรณ์ แล้วยิ้มเยาะออกมา เขาไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดของปกรณ์แม้แต่น้อยผิดกับฟ้าใส ที่รู้สึกว่าวันนี้คู่หมั้นหนุ่มไปกินยาอะไรผิดสำแดงหรือเปล่า ทำไมดูหงุดหงิดแปลกๆ“เอาล่ะ ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว ถ้าพีทไม่เป็นอะไรแล้ว เราขอตัวกลับก่อนนะ ขอบใจมากนะที่ช่วยเหลือเรา ไว้ไปทานข้าวเที่ยงกันนะ เราเลี้ยงเอง”ฟ้าใสตัดบท เพราะเริ่มรู้สึกปวดหัว ตุบๆ กับทั้งสองคนนี้พีทพยักหน้ารับ “โชคดีฟ้า จำไว้ ถ้ามีปัญหาอะไรเราพร้อมเป็นที่ปรึกษาให้ฟ้าเสมอ”พูดจบก็ยิ้มออกมาอย่างมีเสน่ห์ ไม่วายเหลือบไปยิ้มเหยียดให้กับปกรณ์ที่ยืนถือกระเป๋ามือสั่นอยู่ไม่ไกลฟ้าใสเดินไปขึ้นรถกับปกรณ์ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ส่วนชายหนุ่มนั้น รู้ตัวว่า