“ข้าต้องหึงพวกท่านอีกทำไม”“หากไม่ใช่เพราะนางมาหาข้าในช่วงบ่าย เจ้าจะมีท่าทางเช่นนั้นในห้องเรียนงั้นหรือ ถูกต้องหรือไม่”“นั่นมันเรื่องของพวกท่าน ไม่เกี่ยว..โอ๊ย!!….กับข้าเสียหน่อย”“เจ็บหรือ ข้านึกแล้วเชียวว่าแผลยังไม่แห้งดี เจ้าถอดเสื้อออกเถอะ”“ถอดเสื้อ!!”“ใช่ ข้ามองไม่เห็นแผล และทำแผลเช่นนี้ไม่ถนัด เอาน่า เจ้าก็รู้ว่าข้าเห็น….”“พอแล้ว!! ข้ารู้แล้ว”เฟิ่งหยวนยิ้มออกมาอย่างพอใจที่วันนี้นางเชื่อฟังเขาเป็นอย่างดี นางยอมถอดเสื้อออกมาแต่รอยยิ้มเขาก็เริ่มหุบลงเช่นกัน“ฟางเหยา นั่นมัน…อะไรน่ะ”“อ้อ ผ้านี่หรือเจ้าคะ เอาไว้เวลาฝึกซ้อม พันหน้าอกเอาไว้เช่นนี้สะดวกกว่า ทำไม ท่านมีปัญหาอะไรงั้นหรือ”“แล้ว…เจ้าไม่อึดอัดบ้างหรือ”“ไม่เจ้าค่ะ ตกลงจะทำแผลต่อหรือไม่”“เฮ้อ..ทำสิ ทำอยู่นี่อย่างไรละ”เขานั่งทำแผลให้นางและเปลี่ยนผ้าพันแผลไปพร้อมกับบ่นพึมพำ“แค่นี้ถึงกับพันผ้าเสียหนาแน่น ข้าไว้ใจไม่ได้ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ”“ท่านบ่นอะไร”“เปล่า”“ข้าได้ยิน”“เสร็จแล้ว ฟางเหยา ข้า…”เขาพุ่งตัวเข้ามาหานางทันทีพร้อมกับสายตาเจ้าเล่ห์ที่ทำให้นางใจอ่อน แต่นางดันเอาไว้ได้ทัน“ท่านบอกว่า มีเรื่องจะคุย…กับข้า…
“อาจารย์ใหญ่ อาจารย์จิน พวกท่าน…เหตุใดมาที่นี่”“ฮือ….”“ท่านหญิง!! เร็วเข้ามาช่วยท่านหญิงแต่งกายให้เรียบร้อย”เสียงนั้นเรียกให้อาจารย์จินสั่วเดินเข้าไปในห้องของหยางเฟิ่งหยวนในทันที ภาพที่เห็นคือจ้าวลู่อินที่สวมเสื้อผ้าหลุดลุ่ยอยู่ที่พื้นกำลังลุกขึ้นมา“อาจารย์…”“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า”“ข้ากับพี่เฟิ่งหยวน คือว่าข้า…..เขา…”เฟิ่งหยวนเข้าใจเหตุการณ์ทีละนิดแล้ว นี่เป็นแผนการของนางตั้งแต่แรกแล้ว นางตั้งใจเข้ามาและให้เพื่อนนักเรียนไปแจ้งให้อาจารย์ทั้งสองมาที่นี่ในเวลานี้ บังคับให้เขายอมรับนางตงลี่เดินออกมาจากห้องเพราะเขาได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากห้องของเฟิ่งหยวน ในตอนแรกคิดว่าฟางเหยาถูกจับได้เสียอีก แต่เท่าที่ฟังดูแล้วดูเหมือนจะเป็นเรื่องอื่น“เกิดอะไรขึ้น”“อาจารย์ตงลี่ คือว่า….จ้าวลู่อินกับอาจารย์หยาง”“หา นางมาทำอะไรที่นี่กลางดึกโดยที่อาจารย์หยางไม่ได้เรียก แล้วพวกท่านมาได้อย่างไรขอรับ”“พวกเรา เอ่อ….”จ้าวลู่อินเริ่มระแวง แผนการของนางกำลังจะไปได้ด้วยดี แต่หากว่ามีคนเช่นโม่วตงลี่อยู่ที่นี่แล้วละก็……“มีเด็กนักเรียนไปบอกว่ามีเด็กนักเรียนออกมาจากหอนอนและมาที่ห้องของอาจารย์หยาง พวกข้าก็เลยตา
ทุกคนเห็นเหมือนกันว่าลี่ฟางเหยานอนราวคนป่วยอยู่บนเตียง เมื่ออาจารย์จินสั่วไปจับหน้าผากที่ร้อนนั้นก็ตกใจและรีบสั่งให้คนหาน้ำมาเช็ดตัวนางโดยด่วนแม้แต่เฟิ่งหยวนและตงลี่เองก็ตกใจเช่นกันที่นางกลับมาที่นี่ได้ทันก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ตงลี่สะกิดเฟิ่งหยวนให้เขารู้ตัวและไม่แสดงอาการออกไป“เอาละจ้าวลู่อิน เห็นกับตาเจ้าแล้วนะ”“นางหาเรื่องฟางเหยาครั้งแล้วครั้งเล่า เหตุใดไม่เลิกวุ่นวายเสียที ขี้อิจฉาจนน่ารังเกียจ”“แคก แคก…อา…อาจารย์หญิง”“เจ้าอย่าพึ่งลุก ข้าจะเช็ดตัวให้ อาจารย์ใหญ่เจ้าคะพวกท่านออกไปก่อน ข้าขอเช็ดตัวให้นางก่อน เจ้าน่ะไปสั่งให้คนต้มยาแก้ไข้ให้ข้าที”“เจ้าค่ะอาจารย์หญิง”“จ้าวลู่อินนี่มิใช่ครั้งแรกที่เจ้าก่อเรื่อง คราวนี้เจ้ายังมีอะไรแก้ตัวอีกหรือไม่”“อาจารย์ใหญ่ขอรับ ที่นี่มันคนป่วยออกไปคุยข้างนอกเถิดขอรับ”“อืม เอาตามที่ท่านแนะนำ อาจารย์หยาง ครั้งนี้จะให้ท่านตัดสินโทษนางเองก็แล้วกัน”ก่อนหน้านั้นลี่ฟางเหยาได้ยินเสียงด้านนอกห้องของเฟิ่งหยวนเอะอะและลู่อินถูกพาตัวออกไปด้านนอก นางจึงรีบย่องออกมาจากห้องของเขาและกลับมาที่หอนอนทันที แต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด เพียงนอนไปชั่วครู่ก็รู้สึกว่
จวนเสนาบดี“คุณหนูของข้า โธ่ ห่างตาไปแค่ไม่กี่เดือนเหตุใดทั้งผอมทั้งยังอ่อนแอลงเช่นนี้ได้เจ้าคะ”“ข้าแค่พลาดนะอย่าพึ่งพูดมากเลย มาทำแผลให้ข้าทีสิ”“อย่าไปที่นั่นอีกเลยนะเจ้าคะคุณหนู ดูสิ ท่านผอมลงเช่นนี้บ่าวก็ปวดใจ”“ที่ไหนกันเล่า ข้าแค่ไม่สบายนี่ก็ดีขึ้นแล้ว”“บาดแผลนี่ท่านได้มาอย่างไรเจ้าคะ”นางนึกถึงช่วงเวลานั้น เขาปกป้องนางอย่างไม่ห่วงชีวิต ทั้งทำแผลให้และดูแลนาง นึกไม่ถึงว่าผ่านไปไม่ถึงสองวัน จ้าวลู่อินก็มาทวงคำสัญญาที่เขาให้คำมั่นว่าจะหมั้นหมายกับเขา เหตุการณ์หลังจากนั้นนางไม่ทันได้ฟัง นางพยายามพาตัวเองกลับไปที่หอนอนด้วยอาการหูอื้อตาลายและล้มตัวลงเตียงทันทีที่เปลี่ยนชุดเสร็จ“คุณหนูเจ้าคะ!!”“อ้อ ว่าอย่างไรนะ”“คุณท่านบอกว่าเย็นนี้ให้คุณหนูไปกินข้าวกับนายท่านด้วยเจ้าค่ะ”“อ้อ ข้ารู้แล้ว”ตอนเย็นฟางเหยาเดินไปที่ห้องอาหารพร้อมกับชิงฝูที่เดินตามนางมา เมื่อนางมาถึงก็พบว่ามีแขกที่รออยู่ก่อนหน้านั้นแล้วเพราะเสียงที่คุยกันอยู่ทำให้นางรู้ว่าบิดามีแขก“ผู้ใดมาหาท่านพ่อกัน”“ไม่ทราบสิเจ้าคะข้าก็อยู่กับคุณหนูตลอด ไม่เห็นว่านายท่านจะแจ้งก่อนนะเจ้าคะ”ฟางเหยาเดินเข้าไปในห้อง พบว่าบุรุษหนุ่
“หากว่าข้าไม่…”“หากเจ้าไม่ฟังข้าก็จะจูบเจ้าจนเจ้ายอมฟัง หากอยากจะกัดจนเนื้อข้าหลุดข้าก็จะไม่ร้องสักคำ เจ้าทำตามใจได้เลย หากพอใจเมื่อใด ข้าก็จะพูดเรื่องที่ข้าอยากพูด”“ท่านมาทำอะไรที่นี่”“มาหาเจ้า ข้าคิดถึงเจ้า ข้า…”“ท่านกับท่านหญิงจะหมั้นหมายแล้ว ท่านไม่ควรมายุ่งกับสตรีอื่นลับหลังนาง ข้าเองก็มิใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอกที่ต้องไปแย่งว่าที่สามีผู้ใด”“ข้าไม่มีทางเป็นสามีของผู้อื่นนอกจากเจ้า ลี่ฟางเหยานี่คือสิ่งที่ข้าตั้งใจมาพูดวันนี้”“ปากของท่านพ่นแต่คำโกหก วาจาเชื่อถือไม่ได้ การกระทำกับคำพูดช่างสวนทางข้าไม่อยากเห็นหน้าท่าน”“แต่ข้าไม่มีทางยอมให้เจ้าทำเช่นนี้ ข้าจะพูดจนกว่าเจ้าจะเข้าใจ อย่าได้คิดหนีข้าไปได้เลย”“ที่นี่เป็นจวนข้า เหตุใดข้าต้องหนีท่าน”“ที่นี่เป็นห้องของเจ้า หากเจ้าไล่ข้าออกไปข้าก็จะทำให้คนทั้งจวนนี้รู้ว่าเราเป็นอะไรกันเช่นกัน ในเมื่อเจ้ากล้าแลก ข้าก็กล้าทำเช่นกัน”“ท่านมันคนเห็นแก่ตัว!!”“หากการรักเจ้าคือการทำให้ข้าเห็นแก่ตัว เช่นนั้นข้าก็จะยอมรับใครใช้ให้เจ้าหนีข้ากลับมาโดยไม่บอกกล่าว ไม่รับฟังเหตุผลเช่นนี้กัน”“ข้าไม่ได้หนี แค่หลีกทางให้และทำในสิ่งที่ถูกต้อง”“นั่นเป็นเจ้า
“คือผู้ใดอีก”“นางเป็นสาวใช้ของข้า ท่านออกไปก่อน”“แค่จะจูบเจ้าเหตุใดถึงได้ยากเช่นนี้กันนะ ให้ข้าทำให้นางสลบไปก่อนดีหรือไม่”“อย่านะ นี่ท่านขาดสติหรืออย่างไรถึงได้คิดจะทำร้ายคนที่นี่”เขาก้มจูบนางอีกครั้ง ทั้งหนักแน่นและดุดันราวกับโหยหามานาน นางพอจะเข้าใจได้เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นยังไม่ได้คุยกันอย่างคลี่คลายนางก็ออกมาจากสำนักศึกษาเสียก่อน“เช่นนั้นคืนนี้ข้าจะกลับไปก่อน แล้วพรุ่งนี้พบกัน”“เจ้าค่ะ”เขาก้มลงหอมแก้มและพรมจูบไปที่หน้าผากนางและแวะจุมพิตเนิ่นนานอีกครั้งและดึงนางอุ้มและลุกขึ้นมาที่หน้าประตู“เช่นนั้นเจ้าก็เดินไปส่งข้า จะได้ไม่ต้องเป็นที่สงสัย”“ก็ได้เจ้าค่ะ”พวกเขาเดินออกมาจากห้อง เฟิ่งหยวนฉวยโอกาสนี้หอมแก้มนางไปด้วยและดึงมือนางมาจูงออกไป“ท่านคงไม่จูงมือข้าไปจนถึงห้องโถงนั่นหรอกนะ”“เจ้าก็เดินช้าๆสิ ได้ข่าวว่าสวนในจวนสกุลลี่งดงามนัก”“แต่นี่มันมืดแล้วนะ ท่านจะมาชมสวนอะไรในยามนี้”“ไม่ได้ชื่นชมสวน ข้าอยากชื่นชมอย่างอื่นมากกว่า แต่เจ้าของกลับไม่อนุญาตเสียที”“คนหน้าไม่อาย”“แค่พูดความรู้สึกพูดไม่ได้หรืออย่างไร ข้าว่าจะถามเจ้า คืนนั้นเจ้าทำอย่างไรจึงกลับไปได้ทัน”“อ้อ คืนนั้นพอ
“จับได้หรือไม่”“มันทิ้งคนตายเอาไว้ ดูเหมือนว่าจะใช้เจ้าคนนี้รับแทนทั้งหมดและอีกคนหนีไปได้”“ตรวจสอบหรือยัง”“คนของห้วนตู๋ ตรานี้ไม่ผิดแน่”“ตงลี่ เริ่มแผนสองได้เลย”“ท่านแน่ใจหรือ”“หากไม่ทำตอนนี้ผู้คนที่นี่จะไม่ปลอดภัยความรับผิดชอบนี้มากเกินไป เราต้องรีบเปลี่ยนทิศทาง”“ขอรับ แล้วท่านพบผู้ที่ช่วยเราหรือไม่”“วิหควายุ”“วิหควายุ!! เขาอยู่ที่นี่จริงๆ เช่นนั้นก็…”“แม้ว่าจะพบตัว แต่ก็ใช่ว่านางจะมีเจตนาบริสุทธิ์นางอาจจะมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์อื่น”“นางงั้นหรือ วิหควายุเป็นสตรีงั้นหรือ แต่ก่ออาชญากรรมข้างนอก ฆ่าคนชั่วพวกนั้นมากมายคนผู้นี้เป็นสตรีงั้นหรือ”“ใช่ เสียงและรูปร่างนางเป็นสตรีไม่ผิดแน่”“ท่านเห็นตัวนางด้วย”“ใช่ แม้จะครู่เดียวแต่เป็นสตรีไม่ผิดแน่”“หากนางมาช่วยเราได้ คงดีไม่น้อย”“วิหคอัคนีไม่ช่วยราชสำนัก เขาหันหลังให้ทางนี้นานแล้ว”“แต่หากท่านพบวิหควายุ นั่นอาจจะเป็นเพราะเขาส่งมาช่วย นางมาช่วยพวกเรามิเช่นนั้นเราอาจจะตายในป่าไผ่นั่นแล้ว วิชาที่พวกชั่วนั่นใช้เป็นวิชานอกรีต”“ใช่ ข้ากับฟางเหยาโดนมาก่อนหน้านั้นแล้ว ย่อมรู้จักมันดี”“วิหควายุ เก่งสมคำร่ำรือแค่กระบวนท่าเดียวก็จัดการพว
"อื้ออ…”เขาเอื้อมไปจูบนางอีกครั้งคราวนี้เขาค่อยๆล้วงเข้าไป มือนางจับแขนเขาเอาไว้แน่นแต่เขาก็ยังดื้อดึงจนล้วงเข้าไปได้สำเร็จร่างของนางแหงนขึ้นเพราะสัมผัสจากนิ้วเย็นๆนั้น นางรู้สึกราวกับล่องลอยอยู่บนนภาที่เต็มไปด้วยเมฆเย็นๆ ลิ้นของเขาวนอยู่ที่ยอดอกและเริ่มทำงานประสานกับนิ้วที่ล้วงอยู่ด้านล่างนางต้องรีบใช้นิ้วตัวเองกัดเพื่อกลั้นเสียงแต่เขาดึงมือนางออกและส่งนิ้วเขาอีกข้างเข้าไปแทน“หากจะกัดก็กัดนิ้วข้าแทน อย่าทำร้ายตัวเอง”นางส่ายหน้าไม่ยินยอม แต่เขารู้ดีว่านางต้องอดกลั้นไม่ต่างจากเขา สัมผัสนี้จะค่อยๆรุนแรงและต้องการมากขึ้นเพราะเขารับรู้มันได้จากนิ้วที่เปียกแฉะด้านล่าง นางต้องเรียกร้องมากขึ้นหลังจากนี้และจะร้องดังขึ้น“อื้ออ…อื้อ….”“อีกนิดเดียว ฟางเหยาเจ้าปลดปล่อยออกมาให้หมด เจ้าอย่าได้กลั้น ข้าอยากให้เจ้าต้องการข้าฟางเหยาเจ้าจะต้องเรียกร้องข้าให้มากกว่านี้”ต่อให้ถูกตราหน้าว่าเป็นคนเห็นแก่ตัวเขาก็จะทำ เขาอยากให้นางรู้ว่าเขาก็ต้องการครอบครองนางไม่ต่างกับที่นางต้องการเขาเช่นกันแม้ว่าในวันนี้ทั้งเขาและนางจะอยู่ในฐานะศิษย์อาจารย์ แต่อีกสามเดือนข้างหน้าก็จะไม่ใช่แล้ว “ฟางเหยา เจ้าใกล้แล
กระท่อมบนเขา“ข้างหน้านั่นก็ถึงแล้ว”“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าแน่ใจว่าจะไปคนเดียว”“พ่ะย่ะค่ะ หลานจะไปพบนางจะรอจนกว่านางจะยอมยกโทษให้”“ ฝนเริ่มลงเม็ดแล้วเจ้ารีบไปเถอะ”“พ่ะย่ะค่ะ”ทุกก้าวที่เข้าเดินเข้าใกล้กระท่อมไม้นั่นทำให้เขาใจเต้นแรง ทุกๆก้าวล้วนตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าอีกเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้นจะได้พบหน้านางที่เขาเฝ้าฝันหามาหลายเดือนที่ผ่านมา คืนนี้ตอนที่นางปรากฏตัวตรงหน้าเขาอีกครั้ง เขาพร่ำบอกกับตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็จะไม่ยอมให้นางจากไปอีกแล้ว ประตูหน้ากระท่อมเปิดออก เขาค่อยๆเดินเข้าไปพร้อมกับปิดประตู เขาไม่อยากให้ผู้ใดมารบกวนนางและเขา ที่นี่ช่างเงียบสงบและน่าอยู่ยิ่งนักกระท่อมไม้ขนาดพอดีที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย โรงครัวที่แยกจากตัวบ้าน แปลงผักที่นางปลูกเอง ด้านหลังคงเป็นกรงของอินทรีเพราะมันส่งเสียงออกมาเป็นระยะ“ฟางเหยา ข้าคิดถึงเจ้ายิ่งนักคนดีของข้า…”เสียงฝีเท้าเดินออกมาพร้อมกับเปิดประตู เสียงที่ดังออกมาพร้อมกับทักทาย“อาจารย์ ท่านกลับมาแล้ว…..”เขาทิ้งร่มในมือและพุ่งตัวเข้าหานางในทันทีที่นางเดินออกมา เสียงนี้ ใช่นางแน่ เป็นนางเพียงผู้เดียวที่เขาเฝ้าฝันมาตลอด
“แต่ท่านพบนางก็ไม่ยอมบอกข้า ท่านจงใจอยากให้หลานตายหรือพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าเข้าใจข้าผิดแล้วเจ้าหลานโง่ ข้ากับนางพึ่งพบกันไม่นานแคว้นหานนั่นก็ยกทัพมาประชิดชายแดน ข้ามีเวลาที่ไหนไปบอกเจ้า ข้าต้องรีบส่งข่าวให้พ่อเจ้าส่งทัพมาป้องกันและให้นางช่วยที่นี่เอาไว้เจ้าเด็กโง่”“ท่านให้นางเสี่ยงอันตรายงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ แม้นางจะเป็นวิหควายุแต่นางก็เป็นสตรี นางเป็นพระชายาของข้า”“ข้ารู้ๆ แต่ข้าก็ไม่ได้จะทิ้งนางไว้คนเดียว เจ้าอินทรีคู่นั่นก็อยู่กับนางไม่ต้องห่วงไปหรอกน่า นางก็ยังปลอดภัยมิใช่หรือจนมาเจอเจ้านี่แหละนางถึงได้บาดเจ็บ”เฟิ่งหยวนเริ่มคิดได้ นั่นสินะก่อนหน้านี้นางปลอดภัยมาโดยตลอด ทุกแผนการของเสด็จอาไม่เคยทำให้นางมีแม้แต่รอยขีดข่วน แต่เมื่อพบกับเขา นางกลับบาดเจ็บในทันที“ข้า….ทำให้นางบาดเจ็บ”“เจ้าอย่าคิดมาก เจ้ายังมองไม่ออกอีกหรือ การที่นางบาดเจ็บ สาเหตุมันมาจากช่วยเจ้าเช่นนั้นก็แสดงว่านางเป็นห่วงเจ้าเลยเผยตัวออกมา นี่ไม่ใช่แผนที่ข้าวางไว้แต่แรกแต่นางยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเจ้า นั่นก็ไม่ได้แสดงว่าใจนางยังตัดเจ้าไม่ขาดหรอกหรือเจ้าบื้อเอ๋ย”เฟิ่งหยวนเริ่มยิ้มออกมานิดหน่อยเมื่อเสด็จอาเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้
ฟางเหยาเร่งฝีเท้าเข้าไปใกล้ชาวบ้านที่ดักซุ่มอยู่ “ตอนนี้แหละ ค่อยๆขนออกไปอย่าให้พวกมันเห็น”"ท่านจอมยุทธ์ แล้วระเบิดเล่าขอรับ"“พวกท่านตามข้ามาสักสามคน เราจะเบี่ยงความสนใจจากกองเสบียงนี่ก่อน ตอนนี้ด้านหน้ายังสู้กันอยู่ พวกมันไม่มีคนเฝ้าคลังนี้รอข้าให้สัญญาณ พวกท่านก็เผาได้เลย ตอนนี้ขนอะไรออกไปได้ก็รีบเอาออกไปให้ได้มากที่สุด”“จะหมดแล้วขอรับ”“ดีมาก ดูแลให้พวกเขาออกไปอย่างปลอดภัยด้วย”“ขอรับ”“เฟยหยง เจ้าไปดูด้านหน้ากับข้า”อินทรีสาวรับคำและบินนำนางไปทันที วิหควายุตามมันไปติดๆ นางเห็นว่ากำลังที่บุกมานั้นมีจำนวนน้อยกว่าข้าศึกมากนัก แต่เหตุใดจึงกล้านำกำลังบุกมา “จำนวนน้อย หรือว่าเป็นแผนล่อ แต่หากพลาดท่าอาจจะถูกฆ่าได้เลยนะ”ฟางเหยาเฝ้าดูเหตุการณ์ตรงหน้าฝ่ายทัพของชิงโจวเริ่มถอยร่น แม่ทัพทั้งสองของพวกเขาสั่งถอนกำลังเพราะพวกแคว้นหานส่งกำลังมาช่วยโอบล้อม “แย่แล้ว เฟยหยงส่งสัญญาณ”เฟยหยงอินทรีสาวส่งเสียงร้องดังสองครั้งเพื่อเป็นสัญญาณ ไม่นานเสียงระเบิดก็ดังขึ้น“เสียงนั่น อินทรีของเสด็จอา!! ฟางเหยา!!”เฟิ่งหยวนมองไปทั่วป่าเพื่อมองหาตัวอินทรีในความมืดแต่ก็ไร้ผล พวกเขาได้ยินเพียงเสียงและในตอนน
ไม่นานที่เฟิ่งหยวนตัดสินใจที่จะฟื้นฟูร่างกายอีกครั้งเพื่อจะได้มีแรงที่จะตามหาลี่ฟางเหยา เขากลับมาเริ่มฝึกยุทธ์อีกครั้งตามคำแนะนำขององค์ชายเก้าและไม่ไปจากชิงโจว ซึ่งเขาส่งจดหมายไปทูลฝ่าบาทเองเพื่อรอฟังข่าวของแคว้นหานที่เริ่มมีการเคลื่อนไหวด้วย“พี่แปด ท่านพักหน่อยเถอะ”“มีข่าวเพิ่มเติมหรือไม่”เขาเพียรถามองค์ชายเก้าเช่นนี้ทุกวัน แม้ว่าจะรู้คำตอบดีจากสีหน้าที่กระอักกระอ่วนนั่นแต่เขาจะไม่ยอมแพ้อีกแล้ว ตอนนี้พวกเขามีภารกิจเพิ่มโดยการเฝ้าระวังแคว้นหานที่อยู่ห่างออกไปที่เริ่มเคลื่อนไหวเข้ามาและยกทัพมาประชิดฝั่งตะวันออกของชิงโจวฮ่องเต้มีรับสั่งให้แม่ทัพบูรพาและแม่ทัพใหญ่ทั้งสองฝั่งมาร่วมเฝ้าสังเกตการณ์ องค์ชายทั้งสองจึงคอยอยู่ช่วยตั้งรับทางนี้ ท่านอ๋องจ้าวนำทัพออกไปยังชายแดนตะวันออกได้ครึ่งเดือนแล้วเพื่อสังเกตการณ์“มีเพียงเรื่องกองทัพของแคว้นหานที่ลักลอบเข้ามาสืบข่าว แต่ถูกคนของท่านอ๋องจับได้ มันให้การสารภาพว่าต้องการบุกโจมตีเมือง ครั้งนี้พวกมันเอาเครื่องทุ่นแรงมาด้วย”“เจ้าหมายถึง….”“ดินปืน อาวุธหนัก ระเบิดและศาสตราวุธที่ผลิตโดยห้วนตู๋”“หึ เป็นอันรู้กันว่าพวกมันร่วมมือกันจนได้”ห้วนตู๋ถ
จวนเสนาบดีเสนาบดีลี่ยื่นถาดที่วางของสองสิ่งเอาไว้ให้กับองค์ชายแปด ร่องรอยของเขาไม่ได้ต่างกับ หยางเฟิ่งหยวนเท่าใดนัก คงผ่านการร้องไห้มาหนักในช่วงสองสามวันมานี้เช่นกันเมื่อรู้ว่าบุตรสาวเพียงคนเดียวหายไปจากจวนเขาไม่รับแขกและไม่ออกว่าราชการเอาแต่เก็บตัวอยู่ในจวน ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ห้าแล้วที่ลี่ฟางเหยาจากไป องค์ชายแปดจึงเดินทางมาพบเขา“นี่คือสิ่งที่นางทิ้งเอาไว้ในห้องก่อนที่นาง….จะจากไปพ่ะย่ะค่ะ”เฟิ่งหยวนหันไปมองสิ่งที่อยู่ในถาด ตราราชลัญจกรของปลอมที่นางชิงมาจากคนร้ายในคืนนั้น และ….มือเขาสั่นเล็กน้อยเมื่อเอื้อมมือไปจับแหวนที่เขาสวมให้นางก่อนหน้านั้น นี่นางคิดจะตัดขาดกับเขาเลยงั้นหรือถึงได้ของสิ่งนี้คืนให้เขา“องค์ชาย…กระหม่อมไม่ทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้น จู่ๆนางถึงตัดสินใจเช่นนี้”“ท่านเสนาบดี เรื่องนี้เป็นความผิดของข้าเอง ขอบคุณที่ท่านช่วยเก็บสิ่งเหล่านี้เอาไว้ให้ข้า นางจะต้องปลอดภัย ข้าส่งคนให้ไปหานางแล้วแม้จะต้องพลิกทั้งแผ่นดินแคว้นฉินเพื่อหาตัวนางข้าก็จะต้องทำ”“ขอบพระทัยองค์ชายพ่ะย่ะค่ะ”เสนาบดีลี่คุกเข่าลงตรงหน้าองค์ชายด้วยความปลาบปลื้มที่เขาไม่ทิ้งบุตรสาวของนางแม้ว่านางจะทำเรื่องที่
“ข้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิด ข้าก็แค่อยากได้คนของข้าคืน นางเป็นคนแย่งองค์ชายของข้าไปเหตุใดข้าต้องปล่อยนางไปด้วยข้าแค่ทำสิ่งที่ถูกต้อง”“หึ สิ่งที่ถูกต้องงั้นหรือ”“จ้าวลู่อิน สิ่งที่ถูกต้องมาโดยตลอดก็คือข้าไม่ได้คิดอะไรกับเจ้า คนที่ข้ารักและจะแต่งงานด้วยมีเพียงลี่ฟางเหยาผู้เดียว ข้ากับนางหมั้นหมายกันแล้วเหลือเพียงแค่พิธีการและราชโองการจากเสด็จพ่อเท่านั้น ข้าไม่เคยรู้สึกอะไรกับเจ้า ข้าพูดกับเจ้าชัดเจนเกินสิบรอบแล้วแต่เจ้าก็ยังเอาแต่หาเรื่องนาง ครั้งนี้ขออภัยท่านอ๋อง ข้าคงปล่อยนางไปอีกไม่ได้”ท่านอ๋องอับอายจนไม่รู้จะทำเช่นไร การกระทำของนางครั้งนี้เกินให้อภัยดังที่องค์ชายตรัสมาจริงๆ เขาทำได้แค่ก้มลงคำนับและยอมรับเท่านั้น“ท่านพ่อ!! ไม่นะเจ้าคะ ข้า…”“หุบปากของเจ้าเสีย เจ้ายังก่อเรื่องไม่พองั้นหรือ”“ข้า…”“อีกเรื่องที่พวกเจ้าต้องรู้เอาไว้ นางเป็นไส้ศึกที่คอยลอบส่งสารที่พวกเจ้าวางแผนกันให้ศัตรู ผ่านคุณชายต่างสำนักนั่นโดยลอบส่งทางจดหมายมากับสาวใช้”ทุกคนหันไปมองหน้านางอย่างคิดไม่ถึง แต่วิหคอัคคีรู้เพราะเขาเค้นถามเรื่องนี้กับพวกห้วนตู๋และลอบฟังพวกมันคุยกันมาก่อนหน้านี้จึงรู้ดีว่าผู้ใดที่หักหลัง“เ
นางค่อยๆหันไปมองใบหน้าของบุรุษหนุ่ม ที่พึ่งร่วมเตียงเคียงหมอนกันมาเมื่อครู่ สายตาเขาร้องขอให้รับฟังแต่นางในตอนนี้ไม่มีความมั่นใจใดๆกับคนตรงหน้าทั้งสิ้น“นางเรียกท่านว่า….องค์ชายงั้นหรือ”“ฟาง….ฟางเหยาเจ้าต้องฟังข้า ข้าอยากจะบอกเจ้า…อยู่หลายครั้ง…”“ผู้ใดบ้าง….”เขาละล่ำละลักเพราะเกรงว่านางจะโกรธเขา นางตรงหน้าในตอนนี้ไม่ได้ทำให้เขามั่นใจสักนิดว่าจะยอมฟังที่เขาจะอธิบาย“ขะ…ข้า…”“เช่นนั้น แล้วเขาละเป็นผู้ใด”“ตะ..ตงลี่เป็น…น้องชายของข้าองค์ชายเก้า”“หึ…หึหึ องค์ชายสองพระองค์อยู่ที่สำนักศึกษา เช่นนั้น….กู้เป่าเป้ย….”“ชะ…ใช่ นางรู้ แต่ว่าเจ้า….”“พอทีหยางเฟิ่งหยวน ไม่สิ องค์ชายแปด…”จ้าวลู่อินเห็นจังหวะที่นางไม่ทันระวัง นางจับดาบของคนร้ายและพุ่งตัวไปหาทันทีแม้จะรู้ว่านางเป็นผู้ใดแต่นางก็แสร้งทำเป็นไม่รู้ “นางโจรชั่ว ตายเสียเถอะ”""อย่านะ!!""ดาบนั้นพุ่งไปจะเสียบบริเวณหลังของฟางเหยา แต่แรงพัดจากที่ใดไม่ทราบผลักนางจนกระเด็นไปอย่างแรง เสียงอินทรีคู่ดังระงมบนท้องนภาที่มืดมิดพร้อมกับบุคคลอีกคนหนึ่งที่ลงมายืนด้านหลังของวิหควายุ นางไม่ได้มองเขา นางกับองค์ชายแปดยังคงมองหน้ากันไม่ได้ละสายตาไปไห
ลี่ฟางเหยาคำนับให้เขาและทั้งคู่จึงเริ่มเต้นรำด้วยกัน ท่วงท่าของลี่ฟางเหยานั้นสะกดทุกสายตาดังคาดเพราะความอ่อนช้อยงดงามของการเต้นรำนั้นนางทำได้อย่างไม่มีที่ติ แม้กระทั่งกว้านเหมาเองก็เริ่มลุ่มหลงนางแล้วเช่นกัน“งดงามเกินไปแล้ว พี่แปด”“ข้าต้องรู้สิ”แต่สายตาเขาที่มองไปที่นางยังไม่ดีขึ้นแม้ว่านางจะงดงามราวบุปผาบานสะพรั่งแต่มิใช่มากับชายอื่นเช่นนี้ อย่างไรเรื่องนี้เขาก็รับไม่ได้อยู่ดี เพลงจบแล้วเมื่อทั้งคู่คำนับให้กัน ฟางเหยาเดินออกไปทันทีแต่กว้านเหมาดึงแขนนางเอาไว้ เฟิ่งหยวนขยับกายทันทีและจะพุ่งตัวออกไป ตงลี่ต้องคอยห้ามไม่ให้เขาทำการบุ่มบ่าม“พี่แปด”“ข้าจะทนอีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น”“เขาต้องการยั่วท่าน เหตุใดท่านมองไม่ออกอุบายเช่นนี้..”“ข้าจะฆ่ามัน”“ใจเย็นก่อน”“มันกล้าจับมือนาง”“พี่แปด”ลู่อินนั่งดื่มชาอยู่ด้านหลังโดยไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น นางรู้ว่าอีกไม่นานหยางเฟิ่งหยวนจะทนไม่ไหว ให้กว้านเหมายั่วเขาอีกเพียงนิดเดียว เฟิ่งหยวนคงกลายร่างในห้องโถงนี้เป็นแน่“คุณชายกว้าน ข้าทำตามข้อตกลงแล้ว”“ใช่ ข้ารู้ แต่ว่าพวกเราต้องไปนั่งก่อน การแสดงยังไม่เริ่ม พวกเขาจัดโต๊ะให้ตัวแทนแล้ว ทางนี้”ฟางเห
“คุณชายมีเรื่องใดเชิญกล่าวมาได้เลยเจ้าค่ะ”“ข้าเพียงอยากหารือกับเจ้าเรื่องการแสดงในอีกสองวันข้างหน้า ที่จริงไม่ควรมาขอร้องเจ้า แต่ว่า…”“อ้อ เช่นนั้นก็ได้ เป็นความลับสินะ ได้สิ เช่นนั้นเราไปทางนั้นกันเจ้าค่ะ สะดวกกว่า”“แม่นางเชิญ…”ฟางเหยาเดินนำเขาไปที่สระบัวที่นางและเป่าเป้ยชอบไปนั่งพักที่นั่น เฟิ่งหยวนหันไปพบเข้าพอดี สายตาของเขาโกรธมากเมื่อเห็นว่าฟางเหยาเดินไปกับบุรุษหนุ่มนั่นตามลำพัง“ตงลี่!!”“อาจารย์หยาง มีสิ่ง…..ตายละวา เป่าเป้ยอยู่ที่ใดกันละนั่น ข้าไปถามเอง”“ไปจัดการที ข้ากำลังติดงานอยู่”“ไม่ต้องห่วง”เขารีบไปทันที สายตาเขาที่มองไปที่ฟางเหยานั้นไม่วางตาจนจ้าวลู่อินมองตามและเห็นว่าเขามองสิ่งใด นางลอบยิ้มแต่ไม่ไปยุ่งกับเขา นางรู้แล้วว่าจะทำเช่นไรต่อดีในอีกสี่วันที่เหลือนี้“ว่าอย่างไรนะ ท่านอยากให้ข้า…”“ใช่ เป็นคู่เต้นให้ข้าในพิธีเปิด สองสถาบันต้องเปิดงานด้วยกัน ข้ายังไม่มีคู่ที่เหมาะสม ก็เลยลองมาขอร้องเจ้าดู หากเจ้าไม่รังเกียจ”“อ่อ นั่น…คือว่าข้า….”“ข้านึกแล้วว่าเจ้าต้องปฏิเสธ คงเพราะอาจารย์ผู้นั้น”“เอ่อ คุณชาย เหตุใดท่านจึง…”“สายตาของพวกท่านไม่ได้เหมือนอาจารย์กับศิษย์ ข