ตอนที่ 5
เสียงเปียโนและเสียงพูดคุยเบา ๆ ของแขกที่ดังขึ้นมาบนชั้นสองของร้านอาหารที่มีเมนคอร์สเป็นเนื้อสเต๊กชั้นดียังคงความเพลิดเพลินให้นักเขียนมีชื่ออย่างปีย์วราได้ไม่จบสิ้น เธอชอบบรรยากาศยามเที่ยงของร้านโปรดที่มักมีผู้คนแวะเวียนกันเข้ามาแลกเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตของกันและแบบนี้ หากเป็นยามปกติเธอคงหยิบสมุดขึ้นมาจดบรรยากาศพวกนี้เก็บไปใช้ในงานของเธออย่างที่ชอบทำ แต่เพราะเวลานี้เธอมีคนอื่นอยู่ด้วย การจะจมลงในงานที่ต้องใช้ทั้งเวลา แรงกาย และมันสมองเพื่อนรังสรรค์มันขึ้นมาเห็นทีจะไม่เหมาะ อีกอย่างคือเธอเกรงใจนภัทรที่กำลังทานอาหารไปเหลือบมองเธอไป สลับกับมองโทรศัพท์ไปพลางมาตั้งแต่อาหารจานหลักถูกยกขึ้นเสิร์ฟ ใช่ เธอรู้ตัวว่าถูกชายหนุ่มจดจ้องแต่ในเมื่อแววตาราวกับสุนัขมองเจ้าของของนภัทรไม่ได้ทำให้เธออึดอัดเช่นนั้นเธอจะปล่อยมันผ่านไปและปล่อยให้ชายหนุ่มในความดูแลเมียงมองเธอให้เปรมปรี่ ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตงดงามมองพนักงานและแขกในร้านทานอาหารไปพูดกันไปอย่างเพลิดเพลินและเมื่อใบหน้าของบริกรประจำโต๊ะโผล่เข้ามาในครรลองสายตาคำถามที่เธอยังไม่ได้รับคำตอบก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง คำถามเกี่ยวกับประโยคที่ว่า ‘ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ’ ของนภัทรที่เอ่ยกับพิงบริกรประจำโต๊ะของเธอในตอนรับออเดอร์ “ภัทร น้าถามอะไรหน่อยสิ” สรรพนามแทนตัวเองแสนแสลงหูเรียกความสนใจจากชายหนุ่มที่ก้มลงอ่านงานสำคัญในมือถือเมื่อครู่ให้กลับมายังปัจจุบัน ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อยก่อนจะกลับมาเป็นปกติพร้อมรอยยิ้มที่พยายามปั้นแต่งให้ดูไม่ดุดันตามอารมณ์ที่ไม่ใคร่จะดีนักในตอนนี้ “อะแฮ่ม ครับ” “ตอนที่บริกรขอโทษ แล้วเราตอบว่า ‘ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ’ น่ะ มันหมายความว่าอะไร” นัยต์ตาที่ม่วงครามช้อนขึ้นมองดวงหน้างดงามของคนที่เขาแอบรักมาตั้งแต่วัยเยาว์ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่พยายามกดให้นิ่มที่สุดเท่าที่จะทำได้ “หมายความว่า...ผมเข้าใจที่เขามองคุณน้าด้วยแววตาชื่นชมและทุ่มเทความสนใจไปจนหมด เลยตอบว่าไม่เป็นไร ผมเข้าใจเขา เพราะเวลาเจอคนที่ตัวเองชอบ คนเราก็มักจะสนใจคนคนนั้นเพียงคนเดียวจนหลงลืมคนอื่น ๆ เสมอ” “อ่อ...” น้ำเสียงหวานตอบรับเบา ๆ ก่อนจะบอกปัดว่าไม่มีแล้วและปล่อยตัวเองไปกับบรรยากาศของร้านอีกครั้งแม้ในใจมีเรื่องอยากจะถามต่อ แต่เธอที่จะปล่อยมันไปแล้วซึมซับบรรยากาศที่นานครั้งจะได้สัมผัสอย่างเพลิดเพลิน เพราะหลังจากนี้เธอต้องกลับไปต่อสู้กับงานต่อและไม่รู้เลยว่าจะมีเวลามาที่นี่อีกเมื่อไร หรือถ้าได้มาก็ไม่รู้จะว่าตรงกับไทม์มิงดี ๆ แบบนี้ไหม เพราะงั้นเธอต้องตักตวงมันให้ได้มากที่สุด... เจ้าของร่างอรชรเลยปล่อยใจไปกับเสียงเพลง กลิ่นหอมของเครื่องเทศและถ่านไม้เนื้อหอมที่เจ้าของร้านจัดหามาเพื่อทำอาหารให้ลูกค้า แตกต่างจากนภัทรที่นึกเสียดายจังหวะเมื่อครู่ไม่หาย เพราะหากคุณน้าคนสวยเอ่ยถามเขาต่ออีกสักหน่อยว่าเขาคลั่งไคล้ใคร ชายหนุ่มจะเอ่ยตอบหญิงสาวไปอย่างไม่ลังเล ว่าคนที่เขาชอบจนเข้าขั้นคำว่าหลงนั้นคือตัวปีย์วราเอง “เสร็จจากทานข้าวแล้วคุณน้ามีธุระต่อไหมครับ” ทันทีมือเรียวที่จับส้อมและมีดวางคู่กันนภัทรก็เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ที่ปีย์วรารับรู้ได้ว่าเป็นน้ำเสียงที่ปั้นแต่งให้ไม่ดุ จนนึกอยากรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของชายหนุ่มผู้นี้นั้นแท้จริงเป็นเช่นไร... เธออยากรู้จักหลานชายของตัวเอง แต่ทว่าอะไรบางอย่างร้องเตือนเธอว่าชายคนนี้กำลังปั้นแต่งทุกสิ่งอย่าง ทั้งน้ำเสียง การพูดจา รอยยิ้ม แม้กระทั่งเสียงหัวเราะ... ถึงมันจะไม่ได้ทำให้เธออึดอัด แต่ก็ไม่ได้ดีนัก เพราะนั่นหมายความว่าตลอด 5 เดือนนี้เธอจะไม่ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของนภัทรเลยแม้แต่เงา แต่เหตุผลนั้นกลับย้อนแย้งด้วยแววตายามที่นภัทรลอบมองอยามเธอไม่สนใจ แววตาหลงใหลราวกับอีกาที่ลอบมองอัญมณียอดมงกุฎแสนงดงามที่มันยังไม่อาจฉกชิงเป็นของตัวเองได้ อีกประการที่ทำให้ขอสันนิษฐานว่านภัทรไม่ต้องการให้เธอรู้จักเขาจริง ๆ นั่นคือลักษณะของตัวตนที่นภัทรพยายามสร้าง เพราะไทป์ที่ชายหนุ่มกำลังทำอยู่คือลักษณะผู้ชายที่เธอชอบและอยากเข้าหา จนพาลอดคิดต่อไม่ได้ว่าเขาจงใจทำเพื่อให้เธอเข้าไปหาเขาทีละนิดทีละนิด แต่พอคิดไปถึงจุดนั้นก็น่าแปลกเพราะเธอไม่เคยเจอกับนภัทรมาก่อน อีกทั้งยังไม่เคยบอกลักษณะคนที่เธอจะเข้าใกล้และไม่เข้าใกล้ให้ใครรู้ด้วยกลัวว่าฝ่ายตรงข้ามจะปั้นแต่งตัวตนเข้าหาอย่างที่นภัทรทำอยู่ตอนนี้ “คุณน้า...เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” นภัทรเอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเหม่อมองหน้าเขาด้วยแววตาดุดันนานจนเกินไป “อ่อ ไม่มีอะไร คือ...ภัทร น้าขอพูดอะไรหน่อยได้ไหม” “ครับ” “เลิกปั้นแต่งที” ดวงตาสีม่วงครามเบิกกว้าง เรือนร่างกำยำอย่างคนออกกำลังกายเป็นประจำชะงักด้วยไม่คิดว่าตนเองจะถูกจับได้เร็วถึงขนาดนี้ “ปั้นแต่ง...อะไรเหรอครับ...” “ปั้นแต่งรอยยิ้ม น้ำเสียง สีหน้า ท่าทาง หรือแม้แต่...นิสัย เลิกให้หมด” ริมฝีปากหยักเหยียดยิ้มกว้างที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยันในความประมาทของตนเองที่คิดดูถูกความสามารถของหญิงสาวที่ผ่านโลกมากกว่าเขาเบื้องหน้านี้ “ครับ ผมรับปาก ผมจะเลิกทำ แต่น้ารู้ใช่ไหมว่าผมไม่มีเจตนาไม่ดี” น้ำเสียงทุ้มติดไปทางดุดันเอ่ยขึ้นทำเอาปริมตัวสั่นหน่อยๆ แต่ก็เลือกที่จะทำใจให้สงบแล้วเอ่ยตอบหลานชายตัวดีของเธอไป “อืม รู้ แต่เธอไม่คิดว่าน้าอยากรู้จักตัวตนเธอจริง ๆ บ้างเหรอ?” “น้าอยากรู้จักตัวตนผมจริง ๆ เหรอ” “อืม น้าอยากรู้จักเธอ อย่างที่เธอเป็นไม่ใช่คนที่ปั้นแต่งขึ้นมาเพื่อให้น้าพอใจและสบายใจจะอยู่ด้วยได้แบบนี้” “....” “เพราะงั้น เป็นตัวของตัวเองเถอะ น้าปรับตัวได้” นภัทรกำลังหูอื้อจากเสียงหัวใจที่เต้นระส่ำอยู่ในอกจนเขาเกือบไม่ได้ยินเสียงหวาน ๆ ของปริมที่คุยกับเขา โชคดีที่เขาตั้งสติได้เร็วพอจะได้ยินมันทั้งหมด นภัทรเคยคิดว่าความรู้สึกที่มีต่อปริมในวัยเยาว์นั้นเป็นของปลอม แต่การกลับมาเจออีกครั้งและได้เรียนรู้อะไรบางอย่างหญิงสาวก็กลับทำให้เขาตกหลุมรักได้ซ้ำสองทั้งที่ผ่านมานานเกือบสิบปี แม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาจะไม่เคยลืมรอยยิ้มของหญิงสาวในวัย 23 ปีที่ยิ้มกว้างหลังจากร่ำไห้จนตาบวมแดงได้เลยก็ตาม ช่วงแรก ๆ เขาก็วนเวียนเพ้อถึงในใจไม่ได้บอกใคร และคิดไปว่าคงเป็นแค่รักแรกของตัวเองในวัยนั้นที่เจอคนสวย ๆ แล้วตกหลุมรัก แต่วันนี้เขารู้แล้วว่าไม่ใช่... เพราะงั้น...อะไรที่เขาชอบ เขาจะค่อย ๆ เอื้อมมือไปคว้ามันไว้ โอบกอด และ ปกป้องมันจากอะไรก็ตามที่จะทำให้สิ่งนั้นแตกสลาย ชายหนุ่มตั้งมั่นกับตัวเองในใจก่อนจะสูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนจะเอ่ยรับปากคุณน้าคนสวยไปตามที่ตนคิด “ครับ ผมจะเลิกทำ แต่ถ้า...มันทำให้กลัว น้าบอกนะ” “เชื่อสิน้าไม่บอก ก็บอกแล้วไงน้าจะปรับตัว แต่เธอเองให้น้าพยายามคนเดียวไม่ได้นะ เธอต้องพยายามด้วย เพราะตัวตนน้า...น้าว่าตัวเองก็ไม่ได้ดีมากขนาดนั้นหรอก” มือหนารวบช้อนส้อมเข้าคู่กันตามมารยาทหลังทานอาหารเสร็จ ดวงหน้าคมคายเชิดขึ้นเล็กน้อยในขณะที่นึกคัดค้านสิ่งที่หญิงสาวพูดเมื่อครู่ แต่ถึงกระนั้นเขาก็เลือกที่จะเอ่ยถามสิ่งอื่นออกไป “ครับผมรับปากว่าจะพยายามด้วยเหมือนกัน แต่...ทำไมน้าว่าตัวเองไม่ดีล่ะครับ?” “น้าบ้างาน เวลาทำงานจะไม่สนใจอะไรเลย อย่างที่เราเจอตอนมาถึง เสียงอินเตอร์คอมดังขนาดนั้นน้ายังไม่สนใจเลยและ...น้าเป็นคนเด็ดขาด ถ้าคนคนนั้นไม่สำคัญจริง ๆ น้าจะตัดทิ้งโดยไม่แยแสเลย ต่อให้ร้องไห้อ้อนวอนน้าก็ไม่สนใจ แต่ใครสำคัญน้าจะรับฟังและตามใจมาก ๆ ชนิดที่ว่าต่อให้เขาขอให้ทำอะไรที่เราไมถนัดน้าก็จะทำ เหมือนที่น้าตกลงให้เรามาอยู่ด้วยไง” คิ้วเรียวขมวดมุ่นกลับประโยคสุดท้ายก่อนจะเอ่ยถามไปตามตรงด้วยนิสัยเดิมเขาไม่ใช่คนอยากรู้อะไรแล้วไม่ถามอยู่แล้ว “หมายความว่าตอนแรกน้าจะไม่ให้ผมมาอยู่ด้วยเหรอ...” น้ำเสียงหงอย ๆ ราวกับลูกหมาโดนเจ้าของขู่ว่าจะทิ้งหากดื้อดึงดังให้ได้ยินจนปริมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบา ๆ “อืม เพราะน้าไม่มีประสบการณ์เลี้ยงเด็ก แล้วคิดว่าเธอเป็นเด็กเล็ก ๆ สัก 12 หรือ 13 ปีอะไรแบบนั้น เลยจะปฏิเสธแต่เพราะแพรขอร้องไปสะอึกสะอื้นไปเลยตอบตกลง” เธอตอบไปตามความสัตย์จริงโดยละเว้นเรื่องเงินค่าตอบแทนไว้ไม่ให้นภัทรรู้ตามที่ตกลงกับแพรไหม เพราะเพื่อนสาวของเธอกลัวว่าถ้านภัทรรู้เรื่องเงินว่าจ้างชายหนุ่มจะงอแงไม่ยอมอยู่กับเธอแล้วมองเธอไม่ดีไปแทน แม้ปริมจะบอกว่ามีคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องเงินนี้ไว้แล้วก็ตาม “ท่าทางแปลก ๆ ของน้าเมื่อเช้าก็เพราะน้าเข้าใจว่าผมเป็นเด็กสินะครับ” “ใช่จ้ะ แหม...ก็ใครจะคิดล่ะว่ายัยแพรจะมีลูกโตขนาดนี้ สงสัยเป็นบาปกรรมของคนบ้างานละมั่ง เพราะถึงน้ากับแพรจะสนิทกันแต่ก็นาน ๆ จะทักทายผ่านตัวอักษรกันสักที ครั้งสุดท้ายที่เจอตัวเป็น ๆ ก็งานแต่งเมื่อเกือบสิบปีก่อนนู้น หลังจากนั้นก็ไม่ได้อัปเดตชีวิตเลย จะตกข่าวก็ไม่แปลก อย่าเอาไปทำตามเชียวนะ” “ครับ” “ว่าแต่เมื่อกี้เราถามใช่ไหมว่าน้าอยากไปไหนต่อรึเปล่า ขอวนกลับไปตอบแล้วกันว่าไม่มี เพราะตอนนี้น้าอยากกลับไปทำงานที่บ้านมากกว่า แต่ถ้าเราอยากไปก็ไปได้” หลังหมดเรื่องที่คาใจปริมก็วนกลับไปตอบเรื่องเดิมเมื่อครู่อย่างจริงใจ แววตาและรอยยิ้มมุมปากเล็ก ๆ ของชายหนุ่มที่ทำออกมาจากนิสัยเดิม ๆ ทำให้นักเขียนสาวพอใจ จนนึกชมตัวเองที่ตัดสินใจเอ่ยทักเรื่องตัวตนของชายหนุ่มไป เพราะรอยยิ้มตอนนี้แม้จะยิ้มแค่มุมปาก แต่กลับเป็นรอยยิ้มที่ยิ้มถึงดวงตา ดูมีเสน่ห์และจริงใจมากกว่าก่อนหน้านี้เป็นไหน ๆ “งั้นไปซื้อของเข้าห้องกันไหมครับ เมื่อเช้าผมทิ้งไปเยอะเลย พวกซอสหรือเครื่องปรุงที่หมดอายุ เอ่อ...ขอโทษนะครับที่ไม่ได้ถามน้าก่อน” “ไม่เป็นไร ๆ ของพวกนั้นน้ารู้อยู่แล้วว่ามันหมดอายุ แค่ไม่มีเวลาเอาไปทิ้งเท่านั้นเอง น้าสิต้องขอบคุณที่เราช่วยทำความสะอาดให้ แถมทำเร็วซะด้วย สนใจเปิดบริษัททำความสะอาดไหม?” ปริมลองเชิงถามด้วยความใคร่รู้ เพราะเธอนี่นับเป็นเรื่องพนันกับตัวเองอีกเรื่อง ตั้งแต่ที่ชายหนุ่มเอ่ยขอทำความสะอาดห้องให้เธอก็คาดเดาไปแล้วว่ายามอยู่ที่บ้านห้องของนภัทรจะเป็นห้องที่ทำความสะอาดตลอดและชายหนุ่มจะเป็นคนทำเองอย่างแน่นอน เพราะดูจากความเร็วที่ทำห้องเธอในวันนี้ หากไม่ใช่คนที่ทำมาก่อนจะไม่มีทางลำดับความสำคัญก่อนหลังในการทำเพื่อทำได้เร็วขนาดนั้น “ครับ? น่าสนนะครับ แต่แบบนั้นผมคงต้องลงไปทำเองเพราะพนักงานทำได้ไม่สาแก่ใจพอ” “แสดงว่าอยู่บ้านเธอทำความสะอาดห้องเองเหรอ” “ครับ ทำเอง พี่ ๆ ที่บ้านทำไม่ค่อยถูกใจ ทำแล้วสะอาดไม่จริง ตอนเด็กที่ยังแรงไม่มากผมเคยนอนดมฝุ่นจนภูมิแพ้ขึ้น โตขึ้นมาหน่อยเลยทำเองหมดทุกอย่าง” “เป็นภูมิแพ้นี่ต้องมียาไหม” เมื่อได้จังหวะถามเรื่องสุขภาพปริมก็เอ่ยถามต่อทันทีอย่างไม่รีรอเพราะจะให้ไปรู้ หรือไปรู้ตอนมีอาการเลยคงไม่ดีเท่าใดนัก “มีครับ แต่ทานไม่บ่อย ทานเมื่อมีอาการน่ะครับ” “อืม ดีแล้วกินยานอนโรงพยาบาลมันไม่มีหรอก ว่าแต่อาหารอร่อยไหม” “อร่อยมากเลยครับ ไม่เสียใจเลยที่เชื่อน้าปริม ร้านนี้อร่อยมากเลย” ตึกตัก เมื่อสิ่งที่เธอคิดไว้ก่อนหน้าถูกต้องหัวใจปริมก็เต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง เธอคิดมาตั้งแต่เริ่มสั่งอาหารว่าชายหนุ่มแค่ฉลาดเลือกหรือเชื่อใจเธอ เธอคิดจนเลิกคิดและเลิกหวังแล้วว่าจะได้รับคำตอบ... แต่พอได้นอกจากความอบอุ่นในหัวใจแล้ว กลับมีความรู้สึกดีเพิ่มขึ้นมาด้วยอย่างน่าประหลาด... พอแล้วปริม นภัทรเป็นหลานเธอ ท่องไว้ เขาเป็นหลานชายของเธอ ลูกชายเพื่อนสนิทที่เธอรักมากที่สุด เลิก คิด ถึงความรู้สึกแบบนั้นไปซะ พอ พอ! ศีรษะเล็กส่ายไปมาสลัดความคิดที่ไม่สมควรในหัวออกไปจนหมดและพยายามย้ำกับตัวเองในใจว่าชายหนุ่มคือลูกของเพื่อนสาวคนสนิท นักเขียนสาวมากความสามารถพ่นลมหายใจเบา ๆ ก่อนจะยกมือเรียกบริกรให้มาเช็กบิลค่าอาหารก่อนที่จะพาทั้งตัวเธอและหลานชายกลับไปที่รถแล้วขับทะยานมุ่งหน้าไปยังซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากที่นี่เพื่อซื้อของเข้าบ้านอย่างที่ตั้งใจไว้ตอนที่ 6เสียงประกาศตามสายไม่สามารถหยุดปริมและนภัทรที่กำลังถกเถียงเรื่องขนมและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้พวกเขาเถียงกันมานานตั้งแต่เริ่มเข้ามาซื้อของเพราะทันทีที่เข้ามาในร้านปริมก็เดินตรงไปหยิบคว้าขนม น้ำอัด และ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทันทีด้วยความเคยชิน เพราะทานแต่ของพวกนี้แต่นภัทรมาห้ามไว้ทั้งยังบอกว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพและหยิบคืนชั้นวางของโดยไม่สนใจคำห้ามของปริม“ภัทร...” “มันไม่ดีต่อสุขภาพนะครับ” “งั้นแค่ขนมข้าวอบ กาแฟ กับลูกอม ได้ไหม” “กาแฟทานเยอะก็ทำลายสุขภาพนะครับ” “แต่มันเป็นกาแฟดำ...” ร่างสูงโปร่งที่เป็นคนคุมรถเข็นแทนคนที่ศักดิ์เป็นน้า หมุนกายกลับมามองแพ็กกาแฟในมือของหญิงสาวก่อนจะเลือกหยิบเอายี่ห้อเดียวกันแต่เป็นแบบที่มีเพียงเมล็ดกาแฟมาใส่รถเข็นแทน“แบบนี้มันถูกกว่า น้าทานได้ไหม” “อืม ได้ๆ งั้นไปเลือกของสดกัน” ร่างเพรียวพยักหน้ารัว ๆ ก่อนจะเอาลูกอมและขนมข้าวอบที่เธอชอบใส่รถเข็นอย่างรวดเร็วไม่เปิดโอกาสให้นภัทรเอ่ยห้ามใด ๆ อีกชายหนุ่มที่เป็นคนเข็นรถเข็นส่ายหัวเบา ๆ แต่ก็ยอมแพ้ให้กับคนติดขนมอย่างปริม พลางคิดหาวิธีที่จะทำให้คุณน้าคนสวยของตนติดอย่างอื่นแทนขนมแน่นอนว่าติดเขาคือหนึ่
ตอนที่ 7หลังจากปลอบให้ใจตนเองสงบได้แล้วปริมก็หอบเอาผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และผ้านวมสีน้ำเงินเข้มที่นภัทรเลือกซื้อมาใหม่ไปอบฆ่าเชื้อที่เครื่องอบผ้าเพราะหากซักตอนนี้กว่าจะได้ปูก็คงเป็นช่วงค่ำและอาจทำให้ชายหนุ่มไม่มีที่นอนได้หากฝนตก เธอจึงตัดสินใจซักแห้งและฆ่าเชื้อเครื่องนอนของร่างสูงเท่านั้นมือเรียวดึงเครื่องนอนครบชุดออกมาจากเครื่องอบแล้วยัดเอาผ้านวมผืนนิ่มเข้าไปอบต่ออย่าไม่รีรอ ก่อนหอบเอาเครื่องนอนที่อบเสร็จแล้วขึ้นมาแนบอกแล้วเดินตรงไปยังห้องนอนของชายหนุ่มปริมจัดแจงโยนเครื่องนอนในอ้อมแขนลงที่โซฟาเบดในห้องแล้วเลือกหยิบเอาผ้าปูที่นอนขึ้นสะบัด เพื่อที่จะให้มันปูได้ง่ายขึ้นแต่ในขณะที่กำลังจะจับมุมผ้าอยู่นั้น กลิ่นโคโลญจน์อันแสนคุ้นเคยก็ลอยฟุ้งกระทบกับโสตประสาทพร้อมกับฝ่ามือหนาที่พาดผ่านมากุมทับมือเธอจากทางด้านหลังความใกล้ชิดที่มากเกินไปจนไม่เหมาะสมกับสถานะของเธอ รวมทั้งศีลธรรมในใจเรียกร้องให้ปริมผินหน้าไปหวังจะต่อว่าคนที่ทำรุ่มร่ามกับเธอให้เข็ดหลาบทว่าปลายจมูกที่สัมผัสกับแก้มเนียนของนภัทรพาให้เจ้าของร่างเพรียวตกใจจนเสียหลักล้มลงกับเตียง แต่ปฏิกิริยาของคนจะล้มที่มักจะดึงเอาคนใกล้ตัวลงมา
ตอนที่ 8หลังทานอาหารด้วยกันเสร็จเรียบร้อยปริมก็รวบจานชามเตรียมจะไปล้างทำความสะอาดตอบแทนคนที่ลงมือทำอาหารวันนี้ให้เธอแต่กลับถูกนภัทรเอ่ยห้ามไว้ก่อน“เดี๋ยวผมล้างเองครับ” “ไม่เป็นไร เธอเป็นคนทำอาหารแล้วนี่ ให้น้าทำเถอะ” เจ้าของมือหนาไม่ฟังคำค้านพร้อมกับเอื้อมมือไปดึงเอาจานชามที่ทานเสร็จแล้วออกจากมือบางแต่ปริมไม่ยอมปล่อยทั้งยังขืนแรงของชายหนุ่มไว้จนเส้นเลือดขึ้นที่หลังมือขาว“น้าครับ” “ขอร้องให้น้าทำเถอะ น้าต้องเป็นคนดูแลเราสิ ไม่ใช่เราดูแลน้า อีกอย่างแม่เราจ้างน้ามาดูแลเรานะ ควรเป็นน้าไหมที่ต้องเลี้ยงเราไม่ใช่เรามาเลี้ยงน้าแบบนี้” ปริมเอ่ยบอกร่างสูงไปตามเพราะตอนนี้เธอรู้แล้วว่าต่อให้เธอบอกว่าโดนจ้างนภัทรก็ไม่มีทางไปแน่นอน ด้วยท่าทีที่ดูติดเธอตั้งแต่วันแรกที่เจอ ต่อให้เธอบอกไปว่าถูกจ้างวานชายหนุ่มก็คงไม่งอแง“แต่ยังไงผมก็อยากทำให้ครับ นะครับ ให้ผมทำเถอะ” ไหนแพรไหมว่าไม่ดื้อไง...ที่เธอเจออยู่ตอนนี้ นี่ ดื้อตาใสชัด ๆ“ต่อให้น้าโดนจ้างมาดูแลผม ผมก็อยากทำให้น้าอยู่ดี” “แล้วจะให้น้าบอกแม่เธอว่าอะไร” “แม่เขาไม่ได้หวังให้น้าดูแลผมเหมือนเด็กหรอกครับ แม่แค่อยากให้มีคนอยู่เป็นเพ
ตอนที่ 9นภัทรกำลังกลัว....ปกติเขาเป็นคนไม่ค่อยกลัวอะไรมากเท่าไร แต่ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายในวัยเด็ก ก็เกิดเป็นบาดและความกลัวหยั่งรากลึกในจิตใจบรรยากาศในยามค่ำคืนของลานหน้าคณะบริหารธุรกิจดูวังเวงลงไปถนัดตาเมื่อไร้ทั้งแสงทินกรและเหล่านักศึกษาที่มักจะรวมกลุ่มรวมตัวกันนั่งทำกิจกรรมในยามค่ำในยามปกติทั่วทั้งลานหน้าคณะนี่จะเต็มไปด้วยนักศึกษาที่จับกลุ่มรวมตัวนั่งทำงานด้วยกันจนค่ำมืดพร้อมแสงไฟสลัว ๆ ของไฟริงทางที่ทางมหาวิทยาลัยจัดตั้งไว้แต่เหมือนโชคของนภัทรในวันนี้จะไม่ดีนักเพราะนอกจากจะไร้ซึ่งเหล่าเพื่อนร่วมคณะแล้วไฟทางริมถนนก็เกิดช็อตติดดับ ๆ ตั้งแต่เวลาหกโมงเย็นย่ำแย่ยิ่งกว่านั้นคือตัวเขาที่สะเพร่าลืมขอคอนแทกต์ปีย์วราน้าสาวคนสวยของตนเอาไว้ ครั้นจะติดต่อมารดาก็กลัวว่าฝ่ายนั้นจะโทรไปโวยวายคุณคนสวยจนเขาต้องกลับบ้านไปอยู่กับสาวใช้และพ่อบ้านที่ชอบทำหน้าตายก้มตัวให้เขาตลอดเวลาคนพวกนั้นไม่มีทางใส่ใจเขาเหมือนปีย์วราและแพรไหมและไม่มีทางรักเขาผู้ที่ทำให้นายหญิงคนแรกของบ้านต้องตายคนนี้ได้ลงเหมือนธนิน...การตายของมารดาผู้ให้กำเนิดเป็นเรื่องสะเทือนใจของใครหลายคนไม่เว้นแม้แต่ตัวเขาที่
ตอนที่ 10ร่างเพรียวของนักเขียนสาวเดินไปเดินมาอยู่ในห้องครัว จากเตาร้อนไปเขียง จากเขียงไปเตาร้อน สลับไปมา ก่อนจะออกมาเป็นเมนูง่าย ๆ อย่างแกงจืดไข่น้ำ ใส่สาหร่าย หมูเปรี้ยวหวานสูตรของเธอ และ ผัดผัก เมื่อทำทุกอย่างเรียบร้อยปริมก็จัดวางทุกอย่างลงบนโต๊ะข้าวสวยร้อน ๆ ตักใส่จานเปล่าสองใบ ก่อนจะถูกยกไปไว้บนโต๊ะทานข้าว ร่างเพรียวของคนรังสรรค์อาหารค่ำในวันนี้เดินถอยหลังมาดูความเรียบร้อยก่อนจะรีบหันกลับไปทำลายความวุ่นวายที่เธอละเลงไว้เมื่อครู่จนสะอาดกริบ กันไม่ให้คนรักความสะอาดอีกคนในบ้านออกมาเจอโดยไม่รู้เลยว่านภัทรแอบยืนดูจากห้องนอนตั้งแต่ต้น ชายหนุ่มที่ออกมาหวังจะทำอาหารเย็นรอคุณน้าคนสวยก็ต้องมาเจอกับภาพความวุ่นวายที่ร่างเพรียวละเลงไว้ตอนแรกเขาจะเข้าไปช่วยแต่ถือเป็นการลงโทษกลาย ๆ จากการที่ลืมไปรับเขาวันนี้ ชายหนุ่มเลยเลือกที่จะยืนดูเฉย ๆเขาไม่โกรธแล้วน่ะใช่ แต่ในใจลึก ๆ ก็ยังอยากเอาคืนคนขี้ลืมอยู่บ้าง เหมือนที่เคยแกล้งแม่บุญธรรมตนเองผ่านบิดา ทำเอาหญิงสาวที่บ้างานเหมือนคุณน้าคนสวยคนนี้ไม่ได้ไปทำงานอยู่หลายวัน...ในใจเขาก็อยากทำแบบนั้นบ้าง แต่ก็ไม่ได้ เพราะสถานะของเขากับปริมไม่เหมือนขอ
ตอนที่ 11เปลือกตาสีมุกลืมขึ้นในความมืด ลูกแก๊สใสสีน้ำตาลเข้มสดสวยไหวระริกสอดรับกับอัตราการเต้นของหัวใจที่ดังจนในหูของเธออื้ออึงไปด้วยเสียงตุบ ๆร่างเพรียวยันตัวลุกขึ้นนั่งเหม่อมองหน้าต่างในห้องนอนของตนเอง นิ้วเรียวยกขึ้นลูบริมฝีปากที่โดนฉกชิมไปเมื่อครู่อย่างเหม่อลอยความจริงคือตื่นตั้งแต่นภัทรอุ้มเธอขึ้นจากโซฟา แต่ที่ไม่ลืมตามาเพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะตกใจจนปล่อยเธอลง เหมือนที่เคยเผลอปล่อยมีดหั่นสเต๊กในร้านโปรดของเธอวันก่อนก็เท่านั้นแต่เธอไม่คิดว่าสิ่งที่ตามมาหลังจากการพาเธอมาส่งเข้านอน จะเป็นจูบที่หวานล้นเฉกเช่นเมื่อครู่“เฮ้อออ” เสียงถอนหายใจดังขึ้นเบา ๆ จากความมืด ด้วยตั้งแต่นภัทรออกไปจนถึงตอนนี้ เธอพยายามใช้ความคิดเค้นตรรกะ และเหตุผลทุกอย่างออกมาจากการแก้ต่างการกระทำเมื่อครู่ของนภัทร แต่ก็ไม่มีอะไรให้เหตุผลได้ดีไปกว่าข้อที่ว่า...นภัทรแอบชอบเธอปริมไม่รู้ว่าชายหนุ่มรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อใดและตอนไหน แต่จากอากัปกิริยาก็คงนานพอดู...ที่น่าแปลกคือ เธอเพิ่งเจอเขาได้ไม่ถึงสามวันแต่เจ้าตัวกลับมาชอบพอเธอได้มันไม่มีเหตุผลอื่นนอกเสียจากว่าเธอและเขาเคยเจอกันมาก่อน อาจจะเคยมีโมเมน
ตอนที่ 12แท็บเล็ตเครื่องหรูถูกหยิบออกมาจากห้อง ก่อนที่มือเรียวจะกดเข้าโพรแกรมแชตสีเขียวอ่อนเพื่อกดโทรออกผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเสียงรอสายประจำโพรแกรมดังขึ้นอยู่สองสามครั้ง ก่อนที่ปลาสายจะกดรับ“ยัยแพร ว่ามาเลยฉันพร้อมแล้ว” [ครับ?] น้ำเสียงนุ่มที่คล้ายกับชายหนุ่มร่วมห้องของเธอดังขึ้นมาจากปลายสาย ทำเอาคนที่หั่นสเต๊กทานอยู่เกือบจะพ่นออกมา ถ้าไม่ติดว่ามันราคาแพงเท่าราคาหนังสือเธอ 1 เล่ม“แคก ๆ คุณ...คุณธนิน...” [สวัสดีครับ คุณปริม ผมได้ยินเรื่องคุณจากแพรไหมมาเยอะเลย – เดี๋ยวสิคะพี่ พี่มารับโทรศัพท์แพรแบบนี้ถ้าแพรซ่อนกิ๊กไว้ แพรไม่โดนลงโทษเหรอคะ] ซ่อนกิ๊ก? ...อ่าคงเป็นมุกตลกของยัยแพรละมั่ง...[หื้ม เธอบอกว่าจะซ่อนกิ๊กต่อหน้าพี่แบบนี้ไม่อยากคุยกับเพื่อนดี ๆ แล้วแหละ ป่ะ กลับห้อง] [ตอนนี้เราก็อยู่ห้องนะคะ แต่หยุดค่ะ ขอแพรคุยธุระก่อน – ครับ คนสวย มีอะไรเรียกนะ พี่อยู่ห้องข้าง ๆ] [ ค่าา โทษนะจ๊ะปริม พี่ธนินน่ะ เราไปอาบน้ำแล้วฝากเขารับโทรศัพท์น่ะ เผื่อเธอหรือคู่ค้าโทรมาก็ให้เขารับได้เลย เอ...ก่อนหน้านี้เราคุยกันถึงไหนนะ...] “เรื่องนภัทรจ้ะ” [อ่าใช่ คือปริมเรื่องมันเป็นแบ
ตอนที่ 13เช้านี้เป็นเช้าที่ปีย์วราตื่นเช้ากว่าปกติ เธอตื่นมาทำงานที่ตัวเองรักก่อนจนครบตามเป้า ถึงจะลุกออกไปปลุกนภัทรที่วันนี้ตื่นสายกว่าปกติหญิงสาวเดินมาหยุดที่หน้าห้องส่วนตัวที่เธอยกให้ชายหนุ่ม ก่อนที่พวงแก้มนิ่มจะเห่อร้อนขึ้นพาลเอาเธอร้อนวูบไปทั้งใบหน้าเรื่องเมื่อคืนก่อนที่จะเข้านอนกลับมาวนเวียนในหัวอีกครั้งพาลเอาปริมอยากจะข่วนใบหน้าหล่อ ๆ ของชายหนุ่มให้เป็นรอยเล็บของเธอจริง ๆติดเพียงว่าเธอไม่มีเล็บ หากข่วนไปก็คงเหมือนแมวไร้กรงเล็บไปตะปบเจ้าของ หญิงสาวเลยสลัดเรื่องข่วนหน้าหล่อ ๆ ของนภัทรไปก่อน แล้วตัดสินใจเคาะห้องปลุกคนที่น่าจะยังไม่ตื่นแทนก๊อก ก๊อก ก๊อก“ครับ ๆ ตื่นแล้วครับ” เสียงตอบรับพร้อมประตูเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของนภัทรที่ยิ้มร่าให้ปริม จนหญิงสาวนึกหมั่นไส้ในรอยยิ้มราวกับสุนัขป่าของชายหนุ่มไม่ได้“ยิ้มร่าเชียวนะ นี่ไม่ได้ตื่นนานแล้วแต่รอน้ามาปลุกใช่ไหม” เจ้าของห้องเอ่ยถามเสียงติดหมั่นไส้เล็กน้อย ก่อนจะหมุนกายเดินนำไปยังห้องครัวเพื่อหาอะไรทานกันก่อนออกไปวัดที่เธอไปประจำทั้งสองท่านอาหารเช้าง่ายด้วยกัน ก่อนที่จะพากันขึ้นรถขับออกมาจากคอนโดในตอนสายของวัน
ตอนที่ 25“ว่าไงคะ แก้วไหนเหรอที่น้องว่าเป็นของน้องน่ะ” ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มหวาน แม้จะอยากให้นภัทรเป็นคนเคลียร์เรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่ในเมื่อเจ้าตัวมาหาเรื่องกันถึงที่ก็คงต้องตอบโต้กันสักหน่อยความเงียบที่เกิดขึ้นไม่ได้เหนือกว่าที่ปริมคาดเอาไว้นัก เดาได้ไม่ยากว่ากาแฟที่หญิงสาวหมายใจจะมาขอเธอเปิดตู้เย็นหยิบเมื่อครู่คือแก้วที่อยู่ในมือเธอราวกับเสียงคลิกดังขึ้นในหัว และภาพจิ๊กซอว์ต่อเข้าด้วยกันอย่างพอดิบพอดี เธออ่านแผนการของอลิซออกหมดแล้วคงจะเอาเรื่องกาแฟในมือเธอมาเป็นชนวนให้เข้าใจผิดสินะ...ฉลาดไม่เบา เพราะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อล่ะ...มาถึงตอนนี้ปริมได้แต่คิดไม่ตก...ด้วยเรื่องต่อจากนี้มีความเป็นไปได้สองอย่าง คือ อลิซเธอกรีดร้อง โวยวายและแย่งกาแฟไปจากมือเธอจังหวะที่ยื้อแย่งเล็บปลอมสวย ๆ นั่นอาจจะข่วนมือเธอทิ้งเป็นรอยทางยาวเอาไว้ให้ดูเล่นไปอีกสองสามวันแน่นอนว่าทางเลือกนี้ไม่มีทางเกิดขึ้น เพราะนอกจากจะกำจัดเธอออกไปไม่ได้แล้ว ยังทำให้นภัทรเกลียดเจ้าตัวมากกว่าเดิมเพราะสุดท้ายแล้วนภัทรก็จะเข้าข้างเธอที่เจ็บตัวมากกว่าคนที่ร้องโวยวาย เพราะกาแฟโดนแย่งไปอ
ตอนที่ 24หลังจากทักทายกันพอเป็นพิธี เจ้าของบ้านคนงามก็จัดแจงเอาของที่ชายในความดูแลผู้ห้อยท้ายสถานะแฟนหนุ่มไปจัดเก็บในห้องครัวมือเรียวเรียงขนมหวานสี่ชิ้นเข้าตู้เย็น ก่อนจะจัดเอามัฟฟินแครนเบอร์รีที่ทางร้านแถมมาให้ จัดใส่จานใบเล็กสำหรับแขกพร้อมดอกไม้ยี่ห้อโปรดกาใหญ่ตามสูตรชงเสียงน้ำร้อนที่ถูกเทลงในกาพร้อมกลิ่นของดอกไม้หลากหลายชนิด ที่ใช้ทำเครื่องดื่มลอยฟุ้งกระทบนาสิกได้รูปที่หญิงสาวแอบสูดดมกลิ่นหอมของมันผ่านไอน้ำอุ่นร้อนที่ลอยขึ้นมาอย่างหลงใหลเธอยืนมองจนสีและกลิ่นถูกต้องตามคู่มือการชง ก่อนจะยกถุงชาออก ไม่แช่ค้างไว้ เพราะหากแช่ทิ้งไว้นาน ๆ จะทำให้ชาเสียรสชาติ ทั้งยังติดขมฝาดไม่น่ารับประทานกาเซรามิกสีขาวถูกวางลงบนฐานรองไม้สีเข็มตัดกับถาดไม้สีอ่อน ก่อนจะถูกยกออกไปให้แขกที่นาน ๆ จะมีมาเยือนสักครั้งร่างเพรียวก้าวย่างอย่างมั่นคงออกจากโซนครัวไปยังโซนทำงานที่เธอจัดเผื่อเปลี่ยนที่จากในห้องมาเป็นโซนกลาง เนตรกลมมองตรงแต่หูทั้งสองข้างก็ยังสดับรับฟังเสียงหวานใสที่เอ่ยชวนชายหนุ่มผู้เงียบขรึมของเธอคุยและเอยถามเรื่องงานอยู่เป็นระยะรอยยิ้มหวานปรากฏขึ้นบนใบหน้า ด้วยเธอไม่คิดว่านภัทรจะมีเพื่อน
ตอนที่ 23เสียงเตือนบอกหมดเวลาคาบเรียนช่วงเช้า เรียกสติท่านอาจารย์ประจำภาคที่กำลังตรวจรายงานของนักศึกษาอยู่ในเอ่ยปล่อยนิสิตที่ได้รับการตรวจงานแล้ว ให้ออกไปพักเที่ยงหรือกลับบ้านได้หากไม่มีตารางต่อ“ไปกินข้าวกันภัทร แล้ว...ตอนบ่ายเราไปทำรายงานที่ไหนดี” เสียงหวานของอลิสเพื่อนสาวคนสนิทของนภัทรเอ่ยถามขึ้น ท่ามกลางเสียงจ้อกแจ้กจอแจของนิสิตหลายคนที่กำลังเก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านและไปเรียนต่อ“อยากไปที่ไหนล่ะ” ชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจ เพราะไม่ว่าที่ใดเขาก็ไปได้ทั้งนั้น ทั้งเป็นการกดดันกลาย ๆ ว่าให้ตัดสินใจมาก่อนที่เขาจะเปลี่ยนใจกลับบ้าน“ภัทรอยากไปที่ไหน” “ก็บอกให้เลือกมา” น้ำเสียงติดรำคาญทั้งยังพูดลอดไรฟันจนชิน และดนัยที่ได้ยินแอบกังวลแทนหญิงสาวที่ยังทำหน้าซื่อตาใสตอแยเพื่อนชายของตนอยู่แต่อลิซที่ชินนิสัยของบิดาอยู่เป็นทุนเดิมไม่ได้รู้สึกอะไรมากกับเรื่องนี้ เธอยังคงยิ้มหวานและเอ่ยปากขอสิ่งชินและดนัยไม่คาดคิดออกมา“งั้นไปทำที่บ้านภัทรไหม ถือว่าเราไปส่งด้วยไง” คิ้วเรียวเลิกขึ้นก่อนจะขมวดมุ่นอย่างไม่ค่อยชอบใจเท่าไร แต่คิดอีกทีเขาก็ไม่อยากให้คนที่เพิ่งเจอศึกหนักมาเมื่อคืนอ
ตอนที่ 22รถซีดานสีดำจอดเทียบกับฟุตพาทหน้าอาคารเรียนคณะบริหาร ในเวลาเก้าโมงเช้าพอดิบพอดี พวกเขาใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมด 35 นาทีจากที่คอนโดมิเนียมสุดหรูของปริม“สายรึเปล่า” ปริมเอ่ยถามนภัทรที่นั่งตอบแชตงานอยู่อย่างขะมักเขม้น“เดี๋ยวผมตอบนะ ขอเวลาแป๊ปหนึ่ง”มือหนากางเอาโน้ตบุ๊กยี่ห้อเดียวกับเธอขึ้นมาก่อนจะรัวนิ้วพิมพ์ข้อความที่ต้องการสั่งกับลูกน้องลงไป ใบหน้าเคร่งเครียดและบรรยากาศรอบตัวที่เปลี่ยนเรียกความสนใจจากปีย์วราที่ไม่เคยเจอนภัทรในโหมดทำงานมาก่อนเป็นอย่างมากตลอดมาเธอเคยเจอแต่มุมขี้เล่นและแพรวพราวของเขาในยามที่หยอกเอินเธอ ไม่ว่าจะตอนไหนเขาก็ไม่เคยหลุดมาดเคร่งขรึมของเขาให้เธอได้เห็นเลยเวลาทำงานก็จริงจังมากเหมือนกันแฮะ...แต่ก็นะ ลูกรักของแพรไหมจะไม่ให้เหมือนกันได้ยังไงจะว่าไปท่าทางและสีหน้าแบบนี้เราเคยเห็นที่ไหนนะ...‘เดี๋ยวตอบนะปริม ขอเวลาแพรแป๊ป’ภาพซ้อนทับของหญิงสาวร่างเพรียวคนหนึ่งที่เคยเปิดโน้ตบุ๊กทำงานบนรถ ในวันที่รถติดที่สุดของเดือนขึ้นมาซ้อนทับกับนภัทร จนปริมอดที่จะหลุดขำออกมาไม่ได้เพราะสีหน้าและท่าทางของนภัทรในตอนนี้เหมือนแพรไหมตอนที่เอารายงานมาทำในวันหยุดบน
ตอนที่ 21แสงทินกรสาดส่องดวงตา ปลุกนักเขียนสาวที่ถูกเจ้าของวงแขนแกร่งที่วางพาดเอวของเธอเคี่ยวกรำมาค่อนคืนให้รู้สึกตัวจากห้วงนิทรา เปลือกตาสีมุกขยับเบา ๆ ก่อนจะลืมขึ้น เผยให้เห็นเนตรกลมสีน้ำตาลสุกใสที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในปีย์วราตื่นมาด้วยอาการปวดเนื้อปวดตัว ชนิดที่ว่าเข้าฟิตเน็ตกับเทรนเนอร์คนเก่าสองอาทิต์ติด ๆ ยังไม่ปวดตัวเท่าตอนนี้หญิงสาวลอบถอนหายใจเบา ๆ ระบายเอาความเหนื่อยล้าจากศึกรักเมื่อคืนออกมาเจ้าของร่างเพรียวยกยิ้มอย่างอ่อนใจ เพราะถึงจะปวดเนื้อเมื่อยตัวมากแค่ไหนเ ธอก็อดยอมรับไม่ได้เลยว่าเมื่อคืนตัวเองมีความสุขมากเพียงใดเรือนกายงดงามที่มีรอยแดงระเรื่อตามส่วนโค้งเว้าและผิวกายเคลื่อนไหวเบา ๆ ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาพาตัวเองลุกออกจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม เจ้าของรอยรักและรอยแดงตามตัวเธอช้า ๆ ด้วยไม่อยากให้นภัทรสะดุ้งตื่นขึ้นมาทั้ง ๆ ที่เพิ่งนอนไปได้ไม่นานทว่าดวงตาสีน้ำเงินครามที่เธอเงยขึ้นไปสบนั้นกลับทำเอาคนที่พยายามเคลื่อนไหวช้า ๆ รู้สึกราวกับตัวเองเป็นคนโง่งมไปเสียอย่างนั้นก็ดี ตื่นมาเจอสีสันสวยงามแบบนี้แต่เช้าก็ดีเหมือนกัน...แม้เราจะอยากเห็นใบหน้าตอนหลับราวเด็ก ๆ ของนภัทรเหมือนกับ
ตอนที่ 20ดวงตาคมเบิกกว้างมองเจ้าโฉมงามเบื้องหน้าไม่วางตา ด้วยตั้งแต่อยู่กันมาร่วมเดือน ไม่เคยแสดงท่าทีว่าสนใจหรือมีใจให้เขาเลยนอกจากคืนนั้นที่ยอมให้เขากกกอดอย่างเอาแต่ใจแต่จะว่ายอมก็ด้วยใจเสน่หาก็พูดยาก เพราะวันนั้นทั้งเขาและเธอต่างมีแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดทั้งคู่“เมื่อกี้ปริมพูดว่าอะไรนะ?” “ปริมบอกให้ภัทรจูบปริม...” ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่เขารักจนหมดหัวใจด้วยความสับสน ก่อนจะเข้าใจในวินาทีต่อมาว่าปีย์วราต้องการสิ่งใดมือหนาจับปลายคงมน แขนแกร่งวาดโอบไหล่พลางเหนี่ยวรั้งให้เรือนกายบอบบางเข้ามาแนบชิดก่อนที่ริมฝีปากหยักจะบดจูบที่ปากอวบอิ่มอย่างหนักหน่วง รสจูบวาบหวาม ที่แม้จะไร้ซึ่งการรุกล้ำอย่างที่เคยได้รับเมื่อครั้งก่อนแต่เพียงเท่านี้ก็มากพอที่จะมอบคำตอบให้ปริม ได้ว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับชายหนุ่ม“อืมม พอ อือ พอก่อน อื้อออ” เจ้าโฉมงามที่พยายามผละออกด้วยหวังจะเอ่ยห้าม แต่ก็ถูกมือใหญ่กดรั้งท้ายทอยเอาไว้ไม่ให้ผละออกไปง่าย ๆริมฝีปากอิ่มเผยอออกเล็กน้อยหมายใจจะเอ่ยห้าม แต่กลายเป็นเปิดโอกาสให้ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้ามาตักตวงความหวานในโพรงปากนุ่มไปเสียได้“อืมมม อึก” แขนแกร่งโอบรั้งกาย
ตอนที่ 19นภัทรอุ้มปริมในสภาพที่เปียกโชกมาทั้งคู่กลับขึ้นด้วยใจที่อิ่มเอม ทั้งยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิงจนปริมอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้“ไม่กลัวปริมหลอกให้พากลับเหรอ...” “ยังแทนตัวด้วยชื่อแบบนี้ไม่น่าหลอกนะ” “นี่...เชื่อกันเกินไปหรือเปล่า” ปริมเอ่ยทักจนนภัทรอดคิดตามไม่ได้ ว่าตนเชื่องกับหญิงสาวมากเกินไปหรือไม่ แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็ปัดข้อสงสัยนั้นทิ้งไป เพราะไม่ว่าจะจริงหรือไม่ เขาก็ยอมรับว่าเขาเชื่องกับหญิงสาวราวกับสุนัขจริง ๆ ดังที่กล่าวมา“ครับ เชื่อง แต่ผมเชื่องแค่เวลาปกตินะ” “จิ๊ รู้แล้วน่า” เจ้าของร่างเพรียวจิ๊ปากอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันหน้าซบซุกอกแกร่งของนภัทรเพื่อพักสาย และสงบจิตใจหลังเจอเรื่องร้ายด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบ แต่ตอนนี้กลิ่นโคโลญจน์ของนภัทรคือสิ่งเดียวที่ปลอบประโลมจิตใจของเธอได้ตัวปริมในตอนนี้ค่อยยอมรับกับใจตนแล้วว่า เธอรักลูกชายเพื่อนสนิทคนนี้เข้าเต็ม ๆ และดูเหมือนว่า...เธอจะถอนตัวไม่ได้อีกแล้ว...ในตอนนี้ก็มีแต่ต้องเตรียมตัว เตรียมใจเผชิญหน้ากับแพรไหมและธนินผู้เป็นบิดามารดาของนภัทรก็เท่านั้นติ๊ด!ตัวล็อกแบบสแกนลายนิ้วมือถูกปลดออก ก่อนที่กลิ่นหอมของก้านน้ำหอมป
ตอนที่ 18ให้โอกาสปีย์วรามองหยาดฝนที่ตกกระทบหน้าต่างคอนโดด้วยความว้าวุ่นใจกว่าสองชั่วโมงแล้วที่นภัทรหายออกจากห้องไป หลังจากที่ปริมพลั้งมือตบหน้าเขาเพราะชายหนุ่มบังคับจูบเธอแต่ตอนนี้เธอกำลังกังวล เธอไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เพราะกว่าปริมจะตั้งสติได้ ก็สายเกินกว่าจะรั้งนภัทรเอาไว้ได้แล้วซ่าาาาสายฝนที่ตกกระทบและพายุที่โหมกระหน่ำ เร่งเร้าให้ปริมตัดสินใจว่าจะออกไปตามหา หรือจะรั้งรอจนกว่าชายหนุ่มจะกลับมาดวงตากลมไหวระริกมองหยดเม็ดฝน ที่เกาะอยู่บนกระจกบานใหญ่อยู่นาน ก่อนจะหมุนกายคว้าร่มพับและร่มยาว ที่เคยไปซื้อด้วยกันกับนภัทรมาไว้ในมือแล้วพุ่งตัวออกจากห้องไปมือเรียวกดลิฟต์ลงไปยังชั้นล็อบบี้ของตึก หัวใจดวงน้อยเต้นระส่ำไม่หยุด ด้วยหวั่นใจว่าจะเกิดอันตรายกับชายหนุ่มในความดูแลของตนเองเสียงสัญญาณและประตูลิฟต์ที่เปิดออกเรียกสติปีย์วรา ให้วิ่งก้าวผ่านประตูเหล็กให้เร็วที่สุดเท่าที่ตัวเองจะเร็วได้เธอวิ่งผ่านโถงทางเดินและรีเซ็ปชันสาวคนสวยอย่างรวดเร็ว ไม่ทันให้หญิงสาวที่เป็นเวรกะดึกในวันนี้เอ่ยทักท้วงเลยแม้แต่หน่อย“คุณปริม อย่าออกไปค่ะ มันอันตราย!! คุณปริม!! ตาย ๆ ยัยลูกหว้า เธอตายแน่
ตอนที่ 17แสงนวลที่ส่องผ่านผ้าม่านผืนทึบภายในห้องกว้าง ตกกระทบใบหน้างดงามที่หลับพริ้มอยู่ภายใต้ผ้านวมผืนใหญ่ เรียกเจ้าโฉมงามที่ถูกเคี่ยวกรำอยู่ครึ่งคืนให้ตื่นขึ้นจากนิทรา“อึก...อื้อ...” มือขาวยกขึ้นปัดป้องแสงทองที่สาดส่อง ก่อนที่ร่างเพรียวจะผุดลุกขึ้นเมื่อตั้งสติได้ว่า เมื่อคืนเธอทำอะไรลงไปเรื่องจริงเหรอ...เรา...มีอะไรกับนภัทรไปแล้วจริง ๆ เหรอ...เจ้าของร่างอรชรมองสำรวจตัวเอง เมื่อเห็นว่ายังไม่แน่ชัดพอ ก็ผุดลุกขึ้นหมายใจจะเดินไปที่กระจก ที่ติดอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า แต่ก็ต้องทรุดกายลงมานั่งตามเดิม เมื่อความเจ็บปวดวิ่งแล่นไปทั่วทั้งร่าง“ฮึก...” ความเจ็บที่สะโพก หลัง และช่องทางรักที่ไม่ต้องไปถึงกระจก ก็ตอกย้ำเธอได้เป็นอย่างดีว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น หยดน้ำสีใสไหลรินจากดวงตา เธอไม่โทษนภัทร เพราะเมื่อคืนก็เป็นเธอเองที่เมามายและไหลตามอารมณ์ชักนำของชายหนุ่มแต่หลังจากนี้...เธอจะปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีกไม่ได้“อืม...” เสียงครางฮึ่มของนภัทรที่ยังนอนอยู่ข้างกายเธอเรียกสติของปริมให้ออกจากภวังค์ เมื่อครู่เธอมัวแต่ตกใจจนลืมมองข้างกายตนเองหญิงสาวเอนตัวลงนอนแกล้งหลับเพราะเหมือนว่าชายหนุ่ม