ตอนที่ 4
Rrrr Rrrr แรงสั่นแจ้งเตือนหมดเวลาสามชั่วโมงของนาฬิกาปลุกที่เธอตั้งไว้เรียกสติปริมให้หลุดจากภวังค์ยามเขียนนิยามและกลับมายังโลกความจริง เป็นเรื่องปกติของเธอที่ต้องทำแบบนี้เพราะเคยเขียนจนภวังค์หลุดไปในงานจนลืมทานข้าวและพักผ่อน เธอเคยมาราธอนเขียนนานกว่า 6 ชั่วโมงโดยไม่พักทานน้ำและทานข้าววนเวียนจนจบปิดเล่ม สุดท้ายก็ไปจบที่ต้องนอนโรงพยาบาลทั้งเดือน และทั้งเดือนนั้นเธอเลยได้นอนโรงพยาบาล งานไม่ได้ทำ ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ตลอดเวลาเพราะร่างกายอ่อนแอมากจนเกือบไม่รอด เพื่อนของเธอที่เป็นหมอเลยแนะนำว่าให้เธอตั้งเวลาปลุกเอาไว้ที่ 2-3 ชั่วโมงเพื่อเตือนให้ตัวเองพักและออกจากภวังค์บ้าง เพื่อให้สมองของเธอได้พักผ่อนและปล่อยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายลง หากกลัวพักเพลินให้ตั้งนาฬิกาเอาไว้ที่ 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง แล้วแต่ตัวเธอแต่ไม่ควรพักต่ำกว่า 20 นาที เป็นเหตุให้เธอต้องตั้งนาฬิกาเอาไว้ตลอดเวลาและพักตามนั้นเป๊ะ ๆ เพื่อกันไม่ให้ตัวเองต้องนอนโรงพยาบาลนาน ๆ อีก “เฮ้อออ อย่างน้อยก็ได้ 2 ตอนตามเป้าก็ยังดี สปีดยังไม่ตกล่ะนะ” ร่างเพรียวลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนอนกับโซฟาเบดจนเกิดเสียงดับตุ้บขึ้นในห้องเบา ๆ ดวงตาสีน้ำตาลมองตุ๊กตาสุนัขสีดำที่เธอจำไม่ได้แล้วว่าเคยได้รับมาจากที่ไหน ตุ๊กตาสุนัขดัลเมเชี่ยนเหรอ...คุ้น ๆ จังเลยนะ แต่จำไม่ได้แล้วว่าได้มาจากไหน... “ใครเป็นคนให้เรามากันนะ...อ่า ช่างมันเถอะ” ร่างเพรียวบางกลิ้งตัวไปตามความยาวของโซฟาเบดสักพักก่อนจะหลับรอหลานในความดูแลที่ทำความสะอาดอยู่ข้างนอก ปริมเปิดประตูออกจากห้องก็ต้องตกใจกับกลิ่นหอมและบรรยากาศที่ไร้ฝุ่นของห้องนั่งเล่น กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่ปะปนอยู่ในอากาศผสานไปกับกลิ่นน้ำหอมปรับอากาศกลิ่นโปรดที่เธอชอบลอยฟุ้งในอากาศ ความสะอาดในระดับที่มากกว่าเธอยามทำความสะอาดห้องเองทำให้ความอ่อนล้าที่สะสมมาหายไปเป็นปลิดทิ้ง หญิงสาววสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพ่นมันออกมาช้า ๆ เหมือนที่ชอบทำยามไปสูดอากาศบริสุทธิ์บนภูเขาหรือริมทะเล “ชอบไหมครับ” “อ๊ะ อื้อ ชอบมากเลย ขอบคุณนะ คนเก่ง เหนื่อยไหม น้าขอโทษนะที่งานยุ่งจนเราต้องมาทำความสะอาดแบบนี้” “ไม่ครับ สนุกดี จริง ๆ ผมชอบนะ แล้ว..จริง ๆ ห้องน้าก็ไม่ได้รกมาก แค่มีเศษขนมกับขวดน้ำเยอะไปหน่อย” “อ่า ก็ต้องแบบนั้นแหละ” “น้าปริมชอบทานขนมกับพวกน้ำอัดลมเหรอครับ” นภัทรเอ่ยถามด้วยสีหน้าดุดันจนปริมนึกหวาดหวั่นแต่ก็เลือกที่จะตอบไปตามตรง ไม่รู้ด้วยสาเหตุอะไรแต่เธอไม่นึกอยากโกหกหลานชายคนนี้ของเธอเลยแม้แต่น้อย “อืม ก็...มันทำให้สมองแล่นดี นี่เสร็จแล้วใช่ไหม งั้นไปทานข้าวกัน” “ครับ” ใบหน้าดุดันเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้างราวกับสุนัขที่เจ้าของยอมพาออกไปเดินเล่นทันทีที่เธอเอ่ยชวนไปทานข้าว “งั้น...น้าขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บหนึ่ง” หญิงสาวเอ่ยไปตามตรงก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าห้องนอนที่อยู่ติดกับห้องทำงานเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดนอนเป็นกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดคอวีธรรมดาและออกมาช่วยนภัทรถือถุงขยะในห้องของเธอออกไปทิ้ง คุณน้าคนสวยและหลานชายผู้หล่อเหลาช่วยกันหิ้วทุกขยะไปที่ลิฟต์เพื่อนำลงไปทิ้งที่ถังขยะชั้นใต้ดินของคอนโด ถุงขยะสีใสกว่าห้าถุงถูกโยนลงถังขยะของเทศบาลที่ทางโครงการคอนโดติดต่อเอามาวางไว้จนหมด ปริมมองสำรวจถุงขยะอีกครั้งเพื่อเช็กว่าไม่มีถุงไหนที่เธอทิ้งผิดประเภทก่อนจะดึงฝาถังปิดแล้วเดินออกมา “ฮู่วว เรียบร้อยละ” “แล้วเราจะไปที่ไหนกันดีครับ” “อ่า...ไม่รู้เลย เราอยากทานอะไรล่ะ” “สเต๊กจะหนักไปไหมครับ” “ไม่หรอก น้าก็อยากทานเหมือนกัน มีร้านไหนที่อยากไปทานเป็นพิเศษไหม” ปริมเอ่ยถามขึ้นพร้อมเปิดอินเทอร์เน็ตดูว่าจากแถวคอนโดมีร้านไหนอร่อยบ้าง “ไม่มีครับ คุณน้าเลือกได้เลย ผมเชื่อใจ” น้ำเสียงทุ้มพร้อมรอยยิ้มหวานที่ส่งมาให้ทำเอาก้อนเนื้อในอกของปริมกระตุกจนแทบจะหลุดจากอก เธอไม่เคยคิดเลยว่าแค่รอยยิ้มของเด็กหนุ่มคนนี้จะทำให้หัวใจของเธอที่ด้านชาเรื่องความรักไปนานจะกระตุกได้ มือเรียวยกขึ้นทาบอกพลางลูบเบา ๆ ให้เข้าหัวใจไม่รักดีสงบลง “งั้น...ไปร้านประจำน้าก็แล้วกัน อยู่แถวนี้พอดีด้วย” “ครับ” เมื่อได้รับการตอบรับจากคนในความดูแลปริมก็เดินนำไปยังรถของเธอที่จอดไว้ทันทีอย่างไม่รีรอ ด้วยกลัวว่าถ้าไปช้ากว่านี้คนจะเยอะจนไม่ได้ทานเมนูพิเศษประจำวัน “โอเค ลืมอะไรที่ห้องไหม” “ไม่มีครับ” “โอเคงั้นไปกัน เดี๋ยวร้านปิดไปแล้วเราจะอดกินเมนูพิเศษของวันนี้” “เมนูพิเศษเหรอครับ” “อืม เมนูพิเศษ แต่น้าไม่รู้หรอกนะว่าวันนี้จะเป็นเมนูอะไรเพราะมันไม่เหมือนกันสักวัน เป็นเมนูที่ให้ลูกค้าทานฟรี โดยมีข้อแม้ว่าต้องเขียนรีวิวรสชาติให้ทางร้านด้วย ถ้าจานไหนลูกค้าสนใจเยอะโอนเนอร์ของร้านก็จะเอามาขาย แต่ถ้าจานไหนไม่อร่อย ลูกค้าบอกแหวะ ก็ไม่เอามาขาย เป็นการเพิ่มเมนูให้ร้านโดยวัดจากลูกค้า เป็นไอเดียที่ดีมาก ๆ เลยล่ะ ฮึๆ” นักเขียนสาวเจ้าของนามปากกาชื่อดังพูดเล่าถึงร้านสเต๊กร้านโปรดของเธอไม่คาดปาก ด้วยรสชาติและเซอร์วิสที่ดีจนคุ้มค่าเซอร์วิสชาร์ตที่เสียไป พลางเดินนำชายหนุ่มไปยังทีจอดรถ “อ๊ะ ตอนกลับมาเราอย่าลืมเตือนน้าให้เพิ่มลายนิ้วเราที่ประตูห้องไว้ด้วยนะ” ปริมเอ่ยขึ้นระหว่างที่พวกเขากำลังเดินอยู่ในลานจอดรถเพื่อไปที่รถของเธอที่อยู่อีกตึกหนึ่ง เรียวขาขาวก้าวเดินช้า ๆ พร้อมใบหน้างดงามที่หมุนกลับมามองข้างหลังเป็นระยะ “อ่าได้ครับ แต่ทำไมน้าไม่ใช้คีย์การ์ดล่ะ?” “ไม่เอาหรอก ถ้าเกิดทำหายแล้วคนเก็บได้เป็นพวกโรคจิตขึ้นมาจะแย่เอา ใช้สแกนนิ้วไปนั่นแหละดีแล้ว” “แสดงว่าที่ห้องไม่มีคีย์การ์ดแต่แรกเหรอครับ” “มีนะ แต่น้าขอทำเรื่องยกเลิกแล้วเปลี่ยนเป็นสแกนนิ้วแทน มันปลอดภัยกว่า คนที่มีนิ้วก็มีแค่ บ.ก. ของน้า พวกนิติ ยาม หรือใคร ๆ ก็ไม่มี ปลอดภัย ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนยามหรือคนที่มีกุญแจขึ้นมาข่มขืนเหมือนในข่าว” เจ้าของร่างเพรียวเอ่ยถึงเรื่องในข่าวเมื่อหลายเดือนก่อนไปพลางระหว่างเดินนำลูกชายของเพื่อนสนิทไปยังอาคารจอดรถที่อยู่ไม่ไกลจากตึกเท่าไรนัก คอนโดของปริมมีสองตึก ตึกแรกเป็นห้องขนาด 30 - 70 ตรม. ส่วนตึกที่สองคือตึกที่มีขนาดห้องตั้งแต่ 100 ตรม.ขึ้นไป โดยที่ทั้งสองตึกต่างมีอาคารจอดรถเป็นของตัวเอง และลูกบ้านสามารถเดินจากทางเชื่อมไปยังอาคารจอดรถได้เลย “สะดวกสบายดีเหมือนกันนะครับ” “อืม น้าเลือกคอนโดนี้เพราะอาคารจอดรถนี่ล่ะ อะ ถึงชั้นเราแล้ว” ตัวเลขดิจิทัลบอกว่าถึงชั้นสิบสร้างความงุนงงให้กับนภัทรก่อนที่ชายหนุ่มจะเข้าใจการวางผังจอดรถของคอนโดมิเนียมหรูแห่งนี้อย่างรวดเร็วเมื่อเห็นเลขซองจอดรถเป็นเลขเดียวกับห้องพักของและป้ายทะเบียนรถ กันคนเนียนจอดสินะ “แปลกใจเหรอ” “ครับ นิดหน่อยแต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว” “เก่งสมกับเป็นลูกยัยแพรเลยนะ” คุยกันได้ไม่นานทั้งสองก็มาหยุดที่หน้ารถซีดานแบรนด์ยุโรปชื่อดัง รุ่นคลาสสิกที่เป็นที่นิยมในหมู่สาว ๆ วัยทำงานเพราะห้องโดยสารกว้างขวางและสมรรถนะคล่องตัว “รถสวยมากเลยครับ” “ปากหวานนะเรา แต่ก็ขอบคุณจ้ะ ปะขึ้นรถกันเดี๋ยวไปไม่ทันร้านปิด” หญิงสาวเอ่ยชมชายหนุ่มยิ้ม ๆ ก่อนจะกดเปิดรถซีดานคันหรูก่อนจะจัดแจงพาตัวเองเข้าไปนั่งในห้องโดยสาร ประตูรถสีดำเงางามถูกปิดพร้อมรถซีดานคันงามที่พุ่งตัวออกจากคอนโดมิเนียมหรูตรงไปยังร้านสเต๊กชื่อดังทันที ใช้เวลาไม่ถึง 30 นาทีรถปริมและนภัทรก็เดินทางมาถึงร้าน ร่างเพรียวดับเครื่องยนต์และลงจากรถพร้อมกับร่างสูงโปร่งของนภัทรก่อนจะรีบจ้ำอ้าวเข้าร้านอย่างรวดเร็วเพราะอีกแม้เวลาปิดร้านจะเป็นในอีก 1 ชั่วโมงข้างหน้าก็ตาม “หิวเหรอครับ?” “อ่า ตอนแรกก็นิดหน่อยแต่พอได้กลิ่นอาหารหอม ๆ ก็ยิ่งหิวน่ะ อ๊ะ สวัสดีค่ะ ต้องการโต๊ะสำหรับสองที่ ไม่ทราบว่าพอมีที่นั่งไหมคะ” ปริมเรียกพนักงานคนหนึ่งไว้ก่อนจะเอ่ยถาม เพราะตามปกติหากไม่ได้จองโต๊ะไว้และวอล์กอินเข้ามาเธอต้องลุ้นเอาว่าช่วงเวลานี้ร้านมีโต๊ะพอให้ขาจรแบบเธอเข้านั่งหรือไม่ “มีค่ะ อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ทางร้านเปิดวอล์กอินอย่างเดียว คุณลูกค้าเชิญเลือกโต๊ะได้ตามสบายเลยค่ะ” พนักงานสาวเอ่ยตอบปริมและนภัทรด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรก่อนจะผายมือให้หญิงสาวเดินนำเพื่อเลือกโต๊ะที่ต้องการ ปริมได้ยินดังนั้นก็เดินไปเลือกโต๊ะที่อยู่ชั้นสองของร้านทันทีอย่างไม่รีรอ เพราะเธอชอบความเป็นส่วนตัวมากกว่านั่งฟังเสียงพูดคุยของแขกคนอื่นในร้าน บริกรประจำชั้นที่จำได้ว่าปริมคือขาก็รีบเข้ามาบริการทันทีที่เห็นใบหน้างดงามของเธอ ชายหนุ่มที่มีจริตออกสาวเล็กน้อยรั้งรอจนนักเขียนในดวงใจนั่งลงที่โต๊ะก่อนจะเดินเข้าไปบริการแทนพนักงานที่เดินตามมา “สวัสดีครับคุณปริม ไม่ได้เจอนานเลยสบายดีใช่ไหมครับ” “สบายจ้ะพิง พี่งานยุ่งเลยไม่ค่อยได้มา วันนี้มีอะไรแนะนำไหมเอ่ย” “มีเป็นสเต๊กเนื้อย่างถ่านราดด้วยซอสบาบีคิวทานคู่กับมันฝรั่งอบเนยสดและพาสต้าครีมทรัฟเฟิลทานคู่กับปลาเนื้อขาวครับ ส่วน เมนูพิเศษวันนี้เป็นซุปไวต์ครีมรสอ่อนที่เชฟจะใส่ผักโขมหันชิ้นและเห็ดแชมปิญองครับ เนื้อซุปจะเป็นไวต์ครีมมีผักโขมและเห็ดหันชิ้นไม่ได้ปั่นรวมจนเป็นเนื้อเดียวกัน ผมแอบเห็นมาแล้วน่าทานมากเลยครับ” “โอนเนอร์คิดสูตรใหม่เหรอ?” “ครับ เห็นโอนเนอร์ว่าได้ไอเดียตอนอ่านสูตรซุปครีมผักโขม แต่โอนเนอร์ไม่ชอบสีตอนทำเสร็จ ทั้งยังไม่ชอบที่มันแหลกละเอียดจนหมดสารอาหารเลยเกิดเป็นเมนูนี้ขึ้นมา ตัวซุปจะเสิร์ฟกับบักเก็ตอบกรอบที่เป็นสูตรโฮมเมดของทางร้าน คุณปริมและคุณ เอ่อ...” บริกรหนุ่มที่พึ่งบรรยายเมนูพิเศษในวันนี้เสร็จเอ่ยถามความสนใจของลูกค้าก่อนจะต้องชะงักหน้าซีดเผือดเมื่อตนให้ความสนใจหญิงสาวผู้เป็นแขกประจำมากเกินไปจนลืมถามชายหนุ่มที่มากับเธอ ร่างเพรียวโค้งลง 90 องศาพร้อมเอ่ยขอโทษแจกเมนูอีกท่านในโต๊ะที่ตัวเองดูแลอย่างจริงใจเพราะตนเผลอไผลในความงดงามของนักเขียนในดวงใจจนไม่ได้ใส่ใจแขกอีกคนที่มาด้วยไปเสียอย่างนั้น “ขออภัยจริง ๆ ครับคุณผู้ชายผมไม่ได้มีเจตนาจะเมินเฉย” “ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ ผมนภัทร ยินดีที่ได้รู้จักครับ” คิ้วเรียวของปริมขมวดมุ่นด้วยความสงสัยในคำว่าเข้าใจของนภัทรที่ตอบกลับพิงบริกรหนุ่มคนประจำของเธอไปเมื่อครู่ ดวงตากลมโตวาววับด้วยความอยากรู้อยากเห็นก่อนจะตัดสินใจเลือกรอจังหวะหลังสั่งออเดอร์เรียบร้อยแล้วค่อยเอ่ยถาม “ยินดีเช่นกันครับ คุณนภัทร สนใจรับซุปด้วยไหมครับ อาทิตย์นี้โอนเนอร์อารมณ์ดีมีสมนาคุณแขกทุกท่านด้วยอาหารพิเศษท่านละที่เลยครับ” “ครับ สนใจครับ เมนคอร์สผมรับเป็นเมนูแนะนำครับ” ไม่รู้ทำไมแต่ปริมยิ้มหวานกับการสั่งออเดอร์ของชายหนุ่มเพราะหากเป็นคนอื่นยามมาทานที่ร้านใหม่ที่รสชาติอาจไม่คุ้นปากจะเลือกสั่งเมนูที่เป็นเซฟโซนของตัวเอง แต่นภัทรกลับเลือกเมนูแนะนำที่อาจจะเป็นการ ‘แนะนำ’ ของตัวพนักงานเองราวกับไว้ใจ ที่ปริมไม่รู้ว่าเชื่อใจเธอหรือเชื่อใจในตัวเชฟของร้านกันแน่ “รับทราบครับ ไม่ทราบว่าคุณปริมจะรับเหมือนเดิมหรือเมนูอื่นดีครับ” “รับเป็นเมนูแนะนำเหมือนนภัทรจ้ะ ส่วนพาสต้ารับเป็นที่พิงแนะนำเลย นภัทรเอาด้วยไหม?” “ครับ รับเหมือนคุณน้าเลย” คำตอบรับพร้อมรอยยิ้มที่มุมปากทำเอาปริมที่มั่นใจในตัวเองมาตลอดอยากจะยกมือหยิกแก้มตัวเองเบา ๆ ให้เลิกยิ้มตาม แม้จะรู้สึกว่ามันถูกปั้นแต่งให้หวานหยดราวกับอ่านใจเธอออกว่าเธอชื่นชอบคนยิ้มเก่ง ยิ้มง่ายแต่เธอก็อดยอมรับไม่ได้เลยว่าตัวเธอแพ้ให้กับรอยยิ้มของนภัทร แต่อีกใจเธอก็กลัวว่าสาเหตุที่เธอยอมและแพ้ให้กับชายหนุ่มแบบนี้จะเป็นเพียงแค่ความรู้สึกชั่ววูบของคนที่ไม่มีใครมานาน มากกว่านั้น... เธอกลัวว่าที่ตัวเองหวั่นไหวกับนภัทรในตอนนี้เป็นเพราะเธอเห็นภาพซ้อน ภาพซ้อนของใครคนหนึ่งในอดีตเมื่อนานมาแล้ว...ตอนที่ 5 เสียงเปียโนและเสียงพูดคุยเบา ๆ ของแขกที่ดังขึ้นมาบนชั้นสองของร้านอาหารที่มีเมนคอร์สเป็นเนื้อสเต๊กชั้นดียังคงความเพลิดเพลินให้นักเขียนมีชื่ออย่างปีย์วราได้ไม่จบสิ้น เธอชอบบรรยากาศยามเที่ยงของร้านโปรดที่มักมีผู้คนแวะเวียนกันเข้ามาแลกเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตของกันและแบบนี้ หากเป็นยามปกติเธอคงหยิบสมุดขึ้นมาจดบรรยากาศพวกนี้เก็บไปใช้ในงานของเธออย่างที่ชอบทำ แต่เพราะเวลานี้เธอมีคนอื่นอยู่ด้วย การจะจมลงในงานที่ต้องใช้ทั้งเวลา แรงกาย และมันสมองเพื่อนรังสรรค์มันขึ้นมาเห็นทีจะไม่เหมาะ อีกอย่างคือเธอเกรงใจนภัทรที่กำลังทานอาหารไปเหลือบมองเธอไป สลับกับมองโทรศัพท์ไปพลางมาตั้งแต่อาหารจานหลักถูกยกขึ้นเสิร์ฟ ใช่ เธอรู้ตัวว่าถูกชายหนุ่มจดจ้องแต่ในเมื่อแววตาราวกับสุนัขมองเจ้าของของนภัทรไม่ได้ทำให้เธออึดอัดเช่นนั้นเธอจะปล่อยมันผ่านไปและปล่อยให้ชายหนุ่มในความดูแลเมียงมองเธอให้เปรมปรี่ ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตงดงามมองพนักงานและแขกในร้านทานอาหารไปพูดกันไปอย่างเพลิดเพลินและเมื่อใบหน้าของบริกรประจำโต๊ะโผล่เข้ามาในครรลองสายตาคำถามที่เธอยังไม่ได้รับคำตอบก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง คำถามเกี่ยวกับประโยคที่ว่า
ตอนที่ 6เสียงประกาศตามสายไม่สามารถหยุดปริมและนภัทรที่กำลังถกเถียงเรื่องขนมและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้พวกเขาเถียงกันมานานตั้งแต่เริ่มเข้ามาซื้อของเพราะทันทีที่เข้ามาในร้านปริมก็เดินตรงไปหยิบคว้าขนม น้ำอัด และ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทันทีด้วยความเคยชิน เพราะทานแต่ของพวกนี้แต่นภัทรมาห้ามไว้ทั้งยังบอกว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพและหยิบคืนชั้นวางของโดยไม่สนใจคำห้ามของปริม“ภัทร...” “มันไม่ดีต่อสุขภาพนะครับ” “งั้นแค่ขนมข้าวอบ กาแฟ กับลูกอม ได้ไหม” “กาแฟทานเยอะก็ทำลายสุขภาพนะครับ” “แต่มันเป็นกาแฟดำ...” ร่างสูงโปร่งที่เป็นคนคุมรถเข็นแทนคนที่ศักดิ์เป็นน้า หมุนกายกลับมามองแพ็กกาแฟในมือของหญิงสาวก่อนจะเลือกหยิบเอายี่ห้อเดียวกันแต่เป็นแบบที่มีเพียงเมล็ดกาแฟมาใส่รถเข็นแทน“แบบนี้มันถูกกว่า น้าทานได้ไหม” “อืม ได้ๆ งั้นไปเลือกของสดกัน” ร่างเพรียวพยักหน้ารัว ๆ ก่อนจะเอาลูกอมและขนมข้าวอบที่เธอชอบใส่รถเข็นอย่างรวดเร็วไม่เปิดโอกาสให้นภัทรเอ่ยห้ามใด ๆ อีกชายหนุ่มที่เป็นคนเข็นรถเข็นส่ายหัวเบา ๆ แต่ก็ยอมแพ้ให้กับคนติดขนมอย่างปริม พลางคิดหาวิธีที่จะทำให้คุณน้าคนสวยของตนติดอย่างอื่นแทนขนมแน่นอนว่าติดเขาคือหนึ่
ตอนที่ 7หลังจากปลอบให้ใจตนเองสงบได้แล้วปริมก็หอบเอาผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และผ้านวมสีน้ำเงินเข้มที่นภัทรเลือกซื้อมาใหม่ไปอบฆ่าเชื้อที่เครื่องอบผ้าเพราะหากซักตอนนี้กว่าจะได้ปูก็คงเป็นช่วงค่ำและอาจทำให้ชายหนุ่มไม่มีที่นอนได้หากฝนตก เธอจึงตัดสินใจซักแห้งและฆ่าเชื้อเครื่องนอนของร่างสูงเท่านั้นมือเรียวดึงเครื่องนอนครบชุดออกมาจากเครื่องอบแล้วยัดเอาผ้านวมผืนนิ่มเข้าไปอบต่ออย่าไม่รีรอ ก่อนหอบเอาเครื่องนอนที่อบเสร็จแล้วขึ้นมาแนบอกแล้วเดินตรงไปยังห้องนอนของชายหนุ่มปริมจัดแจงโยนเครื่องนอนในอ้อมแขนลงที่โซฟาเบดในห้องแล้วเลือกหยิบเอาผ้าปูที่นอนขึ้นสะบัด เพื่อที่จะให้มันปูได้ง่ายขึ้นแต่ในขณะที่กำลังจะจับมุมผ้าอยู่นั้น กลิ่นโคโลญจน์อันแสนคุ้นเคยก็ลอยฟุ้งกระทบกับโสตประสาทพร้อมกับฝ่ามือหนาที่พาดผ่านมากุมทับมือเธอจากทางด้านหลังความใกล้ชิดที่มากเกินไปจนไม่เหมาะสมกับสถานะของเธอ รวมทั้งศีลธรรมในใจเรียกร้องให้ปริมผินหน้าไปหวังจะต่อว่าคนที่ทำรุ่มร่ามกับเธอให้เข็ดหลาบทว่าปลายจมูกที่สัมผัสกับแก้มเนียนของนภัทรพาให้เจ้าของร่างเพรียวตกใจจนเสียหลักล้มลงกับเตียง แต่ปฏิกิริยาของคนจะล้มที่มักจะดึงเอาคนใกล้ตัวลงมา
ตอนที่ 8หลังทานอาหารด้วยกันเสร็จเรียบร้อยปริมก็รวบจานชามเตรียมจะไปล้างทำความสะอาดตอบแทนคนที่ลงมือทำอาหารวันนี้ให้เธอแต่กลับถูกนภัทรเอ่ยห้ามไว้ก่อน“เดี๋ยวผมล้างเองครับ” “ไม่เป็นไร เธอเป็นคนทำอาหารแล้วนี่ ให้น้าทำเถอะ” เจ้าของมือหนาไม่ฟังคำค้านพร้อมกับเอื้อมมือไปดึงเอาจานชามที่ทานเสร็จแล้วออกจากมือบางแต่ปริมไม่ยอมปล่อยทั้งยังขืนแรงของชายหนุ่มไว้จนเส้นเลือดขึ้นที่หลังมือขาว“น้าครับ” “ขอร้องให้น้าทำเถอะ น้าต้องเป็นคนดูแลเราสิ ไม่ใช่เราดูแลน้า อีกอย่างแม่เราจ้างน้ามาดูแลเรานะ ควรเป็นน้าไหมที่ต้องเลี้ยงเราไม่ใช่เรามาเลี้ยงน้าแบบนี้” ปริมเอ่ยบอกร่างสูงไปตามเพราะตอนนี้เธอรู้แล้วว่าต่อให้เธอบอกว่าโดนจ้างนภัทรก็ไม่มีทางไปแน่นอน ด้วยท่าทีที่ดูติดเธอตั้งแต่วันแรกที่เจอ ต่อให้เธอบอกไปว่าถูกจ้างวานชายหนุ่มก็คงไม่งอแง“แต่ยังไงผมก็อยากทำให้ครับ นะครับ ให้ผมทำเถอะ” ไหนแพรไหมว่าไม่ดื้อไง...ที่เธอเจออยู่ตอนนี้ นี่ ดื้อตาใสชัด ๆ“ต่อให้น้าโดนจ้างมาดูแลผม ผมก็อยากทำให้น้าอยู่ดี” “แล้วจะให้น้าบอกแม่เธอว่าอะไร” “แม่เขาไม่ได้หวังให้น้าดูแลผมเหมือนเด็กหรอกครับ แม่แค่อยากให้มีคนอยู่เป็นเพ
ตอนที่ 9นภัทรกำลังกลัว....ปกติเขาเป็นคนไม่ค่อยกลัวอะไรมากเท่าไร แต่ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายในวัยเด็ก ก็เกิดเป็นบาดและความกลัวหยั่งรากลึกในจิตใจบรรยากาศในยามค่ำคืนของลานหน้าคณะบริหารธุรกิจดูวังเวงลงไปถนัดตาเมื่อไร้ทั้งแสงทินกรและเหล่านักศึกษาที่มักจะรวมกลุ่มรวมตัวกันนั่งทำกิจกรรมในยามค่ำในยามปกติทั่วทั้งลานหน้าคณะนี่จะเต็มไปด้วยนักศึกษาที่จับกลุ่มรวมตัวนั่งทำงานด้วยกันจนค่ำมืดพร้อมแสงไฟสลัว ๆ ของไฟริงทางที่ทางมหาวิทยาลัยจัดตั้งไว้แต่เหมือนโชคของนภัทรในวันนี้จะไม่ดีนักเพราะนอกจากจะไร้ซึ่งเหล่าเพื่อนร่วมคณะแล้วไฟทางริมถนนก็เกิดช็อตติดดับ ๆ ตั้งแต่เวลาหกโมงเย็นย่ำแย่ยิ่งกว่านั้นคือตัวเขาที่สะเพร่าลืมขอคอนแทกต์ปีย์วราน้าสาวคนสวยของตนเอาไว้ ครั้นจะติดต่อมารดาก็กลัวว่าฝ่ายนั้นจะโทรไปโวยวายคุณคนสวยจนเขาต้องกลับบ้านไปอยู่กับสาวใช้และพ่อบ้านที่ชอบทำหน้าตายก้มตัวให้เขาตลอดเวลาคนพวกนั้นไม่มีทางใส่ใจเขาเหมือนปีย์วราและแพรไหมและไม่มีทางรักเขาผู้ที่ทำให้นายหญิงคนแรกของบ้านต้องตายคนนี้ได้ลงเหมือนธนิน...การตายของมารดาผู้ให้กำเนิดเป็นเรื่องสะเทือนใจของใครหลายคนไม่เว้นแม้แต่ตัวเขาที่
ตอนที่ 10ร่างเพรียวของนักเขียนสาวเดินไปเดินมาอยู่ในห้องครัว จากเตาร้อนไปเขียง จากเขียงไปเตาร้อน สลับไปมา ก่อนจะออกมาเป็นเมนูง่าย ๆ อย่างแกงจืดไข่น้ำ ใส่สาหร่าย หมูเปรี้ยวหวานสูตรของเธอ และ ผัดผัก เมื่อทำทุกอย่างเรียบร้อยปริมก็จัดวางทุกอย่างลงบนโต๊ะข้าวสวยร้อน ๆ ตักใส่จานเปล่าสองใบ ก่อนจะถูกยกไปไว้บนโต๊ะทานข้าว ร่างเพรียวของคนรังสรรค์อาหารค่ำในวันนี้เดินถอยหลังมาดูความเรียบร้อยก่อนจะรีบหันกลับไปทำลายความวุ่นวายที่เธอละเลงไว้เมื่อครู่จนสะอาดกริบ กันไม่ให้คนรักความสะอาดอีกคนในบ้านออกมาเจอโดยไม่รู้เลยว่านภัทรแอบยืนดูจากห้องนอนตั้งแต่ต้น ชายหนุ่มที่ออกมาหวังจะทำอาหารเย็นรอคุณน้าคนสวยก็ต้องมาเจอกับภาพความวุ่นวายที่ร่างเพรียวละเลงไว้ตอนแรกเขาจะเข้าไปช่วยแต่ถือเป็นการลงโทษกลาย ๆ จากการที่ลืมไปรับเขาวันนี้ ชายหนุ่มเลยเลือกที่จะยืนดูเฉย ๆเขาไม่โกรธแล้วน่ะใช่ แต่ในใจลึก ๆ ก็ยังอยากเอาคืนคนขี้ลืมอยู่บ้าง เหมือนที่เคยแกล้งแม่บุญธรรมตนเองผ่านบิดา ทำเอาหญิงสาวที่บ้างานเหมือนคุณน้าคนสวยคนนี้ไม่ได้ไปทำงานอยู่หลายวัน...ในใจเขาก็อยากทำแบบนั้นบ้าง แต่ก็ไม่ได้ เพราะสถานะของเขากับปริมไม่เหมือนขอ
ตอนที่ 11เปลือกตาสีมุกลืมขึ้นในความมืด ลูกแก๊สใสสีน้ำตาลเข้มสดสวยไหวระริกสอดรับกับอัตราการเต้นของหัวใจที่ดังจนในหูของเธออื้ออึงไปด้วยเสียงตุบ ๆร่างเพรียวยันตัวลุกขึ้นนั่งเหม่อมองหน้าต่างในห้องนอนของตนเอง นิ้วเรียวยกขึ้นลูบริมฝีปากที่โดนฉกชิมไปเมื่อครู่อย่างเหม่อลอยความจริงคือตื่นตั้งแต่นภัทรอุ้มเธอขึ้นจากโซฟา แต่ที่ไม่ลืมตามาเพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะตกใจจนปล่อยเธอลง เหมือนที่เคยเผลอปล่อยมีดหั่นสเต๊กในร้านโปรดของเธอวันก่อนก็เท่านั้นแต่เธอไม่คิดว่าสิ่งที่ตามมาหลังจากการพาเธอมาส่งเข้านอน จะเป็นจูบที่หวานล้นเฉกเช่นเมื่อครู่“เฮ้อออ” เสียงถอนหายใจดังขึ้นเบา ๆ จากความมืด ด้วยตั้งแต่นภัทรออกไปจนถึงตอนนี้ เธอพยายามใช้ความคิดเค้นตรรกะ และเหตุผลทุกอย่างออกมาจากการแก้ต่างการกระทำเมื่อครู่ของนภัทร แต่ก็ไม่มีอะไรให้เหตุผลได้ดีไปกว่าข้อที่ว่า...นภัทรแอบชอบเธอปริมไม่รู้ว่าชายหนุ่มรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อใดและตอนไหน แต่จากอากัปกิริยาก็คงนานพอดู...ที่น่าแปลกคือ เธอเพิ่งเจอเขาได้ไม่ถึงสามวันแต่เจ้าตัวกลับมาชอบพอเธอได้มันไม่มีเหตุผลอื่นนอกเสียจากว่าเธอและเขาเคยเจอกันมาก่อน อาจจะเคยมีโมเมน
ตอนที่ 12แท็บเล็ตเครื่องหรูถูกหยิบออกมาจากห้อง ก่อนที่มือเรียวจะกดเข้าโพรแกรมแชตสีเขียวอ่อนเพื่อกดโทรออกผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเสียงรอสายประจำโพรแกรมดังขึ้นอยู่สองสามครั้ง ก่อนที่ปลาสายจะกดรับ“ยัยแพร ว่ามาเลยฉันพร้อมแล้ว” [ครับ?] น้ำเสียงนุ่มที่คล้ายกับชายหนุ่มร่วมห้องของเธอดังขึ้นมาจากปลายสาย ทำเอาคนที่หั่นสเต๊กทานอยู่เกือบจะพ่นออกมา ถ้าไม่ติดว่ามันราคาแพงเท่าราคาหนังสือเธอ 1 เล่ม“แคก ๆ คุณ...คุณธนิน...” [สวัสดีครับ คุณปริม ผมได้ยินเรื่องคุณจากแพรไหมมาเยอะเลย – เดี๋ยวสิคะพี่ พี่มารับโทรศัพท์แพรแบบนี้ถ้าแพรซ่อนกิ๊กไว้ แพรไม่โดนลงโทษเหรอคะ] ซ่อนกิ๊ก? ...อ่าคงเป็นมุกตลกของยัยแพรละมั่ง...[หื้ม เธอบอกว่าจะซ่อนกิ๊กต่อหน้าพี่แบบนี้ไม่อยากคุยกับเพื่อนดี ๆ แล้วแหละ ป่ะ กลับห้อง] [ตอนนี้เราก็อยู่ห้องนะคะ แต่หยุดค่ะ ขอแพรคุยธุระก่อน – ครับ คนสวย มีอะไรเรียกนะ พี่อยู่ห้องข้าง ๆ] [ ค่าา โทษนะจ๊ะปริม พี่ธนินน่ะ เราไปอาบน้ำแล้วฝากเขารับโทรศัพท์น่ะ เผื่อเธอหรือคู่ค้าโทรมาก็ให้เขารับได้เลย เอ...ก่อนหน้านี้เราคุยกันถึงไหนนะ...] “เรื่องนภัทรจ้ะ” [อ่าใช่ คือปริมเรื่องมันเป็นแบ
ตอนที่ 12แท็บเล็ตเครื่องหรูถูกหยิบออกมาจากห้อง ก่อนที่มือเรียวจะกดเข้าโพรแกรมแชตสีเขียวอ่อนเพื่อกดโทรออกผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเสียงรอสายประจำโพรแกรมดังขึ้นอยู่สองสามครั้ง ก่อนที่ปลาสายจะกดรับ“ยัยแพร ว่ามาเลยฉันพร้อมแล้ว” [ครับ?] น้ำเสียงนุ่มที่คล้ายกับชายหนุ่มร่วมห้องของเธอดังขึ้นมาจากปลายสาย ทำเอาคนที่หั่นสเต๊กทานอยู่เกือบจะพ่นออกมา ถ้าไม่ติดว่ามันราคาแพงเท่าราคาหนังสือเธอ 1 เล่ม“แคก ๆ คุณ...คุณธนิน...” [สวัสดีครับ คุณปริม ผมได้ยินเรื่องคุณจากแพรไหมมาเยอะเลย – เดี๋ยวสิคะพี่ พี่มารับโทรศัพท์แพรแบบนี้ถ้าแพรซ่อนกิ๊กไว้ แพรไม่โดนลงโทษเหรอคะ] ซ่อนกิ๊ก? ...อ่าคงเป็นมุกตลกของยัยแพรละมั่ง...[หื้ม เธอบอกว่าจะซ่อนกิ๊กต่อหน้าพี่แบบนี้ไม่อยากคุยกับเพื่อนดี ๆ แล้วแหละ ป่ะ กลับห้อง] [ตอนนี้เราก็อยู่ห้องนะคะ แต่หยุดค่ะ ขอแพรคุยธุระก่อน – ครับ คนสวย มีอะไรเรียกนะ พี่อยู่ห้องข้าง ๆ] [ ค่าา โทษนะจ๊ะปริม พี่ธนินน่ะ เราไปอาบน้ำแล้วฝากเขารับโทรศัพท์น่ะ เผื่อเธอหรือคู่ค้าโทรมาก็ให้เขารับได้เลย เอ...ก่อนหน้านี้เราคุยกันถึงไหนนะ...] “เรื่องนภัทรจ้ะ” [อ่าใช่ คือปริมเรื่องมันเป็นแบ
ตอนที่ 11เปลือกตาสีมุกลืมขึ้นในความมืด ลูกแก๊สใสสีน้ำตาลเข้มสดสวยไหวระริกสอดรับกับอัตราการเต้นของหัวใจที่ดังจนในหูของเธออื้ออึงไปด้วยเสียงตุบ ๆร่างเพรียวยันตัวลุกขึ้นนั่งเหม่อมองหน้าต่างในห้องนอนของตนเอง นิ้วเรียวยกขึ้นลูบริมฝีปากที่โดนฉกชิมไปเมื่อครู่อย่างเหม่อลอยความจริงคือตื่นตั้งแต่นภัทรอุ้มเธอขึ้นจากโซฟา แต่ที่ไม่ลืมตามาเพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะตกใจจนปล่อยเธอลง เหมือนที่เคยเผลอปล่อยมีดหั่นสเต๊กในร้านโปรดของเธอวันก่อนก็เท่านั้นแต่เธอไม่คิดว่าสิ่งที่ตามมาหลังจากการพาเธอมาส่งเข้านอน จะเป็นจูบที่หวานล้นเฉกเช่นเมื่อครู่“เฮ้อออ” เสียงถอนหายใจดังขึ้นเบา ๆ จากความมืด ด้วยตั้งแต่นภัทรออกไปจนถึงตอนนี้ เธอพยายามใช้ความคิดเค้นตรรกะ และเหตุผลทุกอย่างออกมาจากการแก้ต่างการกระทำเมื่อครู่ของนภัทร แต่ก็ไม่มีอะไรให้เหตุผลได้ดีไปกว่าข้อที่ว่า...นภัทรแอบชอบเธอปริมไม่รู้ว่าชายหนุ่มรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อใดและตอนไหน แต่จากอากัปกิริยาก็คงนานพอดู...ที่น่าแปลกคือ เธอเพิ่งเจอเขาได้ไม่ถึงสามวันแต่เจ้าตัวกลับมาชอบพอเธอได้มันไม่มีเหตุผลอื่นนอกเสียจากว่าเธอและเขาเคยเจอกันมาก่อน อาจจะเคยมีโมเมน
ตอนที่ 10ร่างเพรียวของนักเขียนสาวเดินไปเดินมาอยู่ในห้องครัว จากเตาร้อนไปเขียง จากเขียงไปเตาร้อน สลับไปมา ก่อนจะออกมาเป็นเมนูง่าย ๆ อย่างแกงจืดไข่น้ำ ใส่สาหร่าย หมูเปรี้ยวหวานสูตรของเธอ และ ผัดผัก เมื่อทำทุกอย่างเรียบร้อยปริมก็จัดวางทุกอย่างลงบนโต๊ะข้าวสวยร้อน ๆ ตักใส่จานเปล่าสองใบ ก่อนจะถูกยกไปไว้บนโต๊ะทานข้าว ร่างเพรียวของคนรังสรรค์อาหารค่ำในวันนี้เดินถอยหลังมาดูความเรียบร้อยก่อนจะรีบหันกลับไปทำลายความวุ่นวายที่เธอละเลงไว้เมื่อครู่จนสะอาดกริบ กันไม่ให้คนรักความสะอาดอีกคนในบ้านออกมาเจอโดยไม่รู้เลยว่านภัทรแอบยืนดูจากห้องนอนตั้งแต่ต้น ชายหนุ่มที่ออกมาหวังจะทำอาหารเย็นรอคุณน้าคนสวยก็ต้องมาเจอกับภาพความวุ่นวายที่ร่างเพรียวละเลงไว้ตอนแรกเขาจะเข้าไปช่วยแต่ถือเป็นการลงโทษกลาย ๆ จากการที่ลืมไปรับเขาวันนี้ ชายหนุ่มเลยเลือกที่จะยืนดูเฉย ๆเขาไม่โกรธแล้วน่ะใช่ แต่ในใจลึก ๆ ก็ยังอยากเอาคืนคนขี้ลืมอยู่บ้าง เหมือนที่เคยแกล้งแม่บุญธรรมตนเองผ่านบิดา ทำเอาหญิงสาวที่บ้างานเหมือนคุณน้าคนสวยคนนี้ไม่ได้ไปทำงานอยู่หลายวัน...ในใจเขาก็อยากทำแบบนั้นบ้าง แต่ก็ไม่ได้ เพราะสถานะของเขากับปริมไม่เหมือนขอ
ตอนที่ 9นภัทรกำลังกลัว....ปกติเขาเป็นคนไม่ค่อยกลัวอะไรมากเท่าไร แต่ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายในวัยเด็ก ก็เกิดเป็นบาดและความกลัวหยั่งรากลึกในจิตใจบรรยากาศในยามค่ำคืนของลานหน้าคณะบริหารธุรกิจดูวังเวงลงไปถนัดตาเมื่อไร้ทั้งแสงทินกรและเหล่านักศึกษาที่มักจะรวมกลุ่มรวมตัวกันนั่งทำกิจกรรมในยามค่ำในยามปกติทั่วทั้งลานหน้าคณะนี่จะเต็มไปด้วยนักศึกษาที่จับกลุ่มรวมตัวนั่งทำงานด้วยกันจนค่ำมืดพร้อมแสงไฟสลัว ๆ ของไฟริงทางที่ทางมหาวิทยาลัยจัดตั้งไว้แต่เหมือนโชคของนภัทรในวันนี้จะไม่ดีนักเพราะนอกจากจะไร้ซึ่งเหล่าเพื่อนร่วมคณะแล้วไฟทางริมถนนก็เกิดช็อตติดดับ ๆ ตั้งแต่เวลาหกโมงเย็นย่ำแย่ยิ่งกว่านั้นคือตัวเขาที่สะเพร่าลืมขอคอนแทกต์ปีย์วราน้าสาวคนสวยของตนเอาไว้ ครั้นจะติดต่อมารดาก็กลัวว่าฝ่ายนั้นจะโทรไปโวยวายคุณคนสวยจนเขาต้องกลับบ้านไปอยู่กับสาวใช้และพ่อบ้านที่ชอบทำหน้าตายก้มตัวให้เขาตลอดเวลาคนพวกนั้นไม่มีทางใส่ใจเขาเหมือนปีย์วราและแพรไหมและไม่มีทางรักเขาผู้ที่ทำให้นายหญิงคนแรกของบ้านต้องตายคนนี้ได้ลงเหมือนธนิน...การตายของมารดาผู้ให้กำเนิดเป็นเรื่องสะเทือนใจของใครหลายคนไม่เว้นแม้แต่ตัวเขาที่
ตอนที่ 8หลังทานอาหารด้วยกันเสร็จเรียบร้อยปริมก็รวบจานชามเตรียมจะไปล้างทำความสะอาดตอบแทนคนที่ลงมือทำอาหารวันนี้ให้เธอแต่กลับถูกนภัทรเอ่ยห้ามไว้ก่อน“เดี๋ยวผมล้างเองครับ” “ไม่เป็นไร เธอเป็นคนทำอาหารแล้วนี่ ให้น้าทำเถอะ” เจ้าของมือหนาไม่ฟังคำค้านพร้อมกับเอื้อมมือไปดึงเอาจานชามที่ทานเสร็จแล้วออกจากมือบางแต่ปริมไม่ยอมปล่อยทั้งยังขืนแรงของชายหนุ่มไว้จนเส้นเลือดขึ้นที่หลังมือขาว“น้าครับ” “ขอร้องให้น้าทำเถอะ น้าต้องเป็นคนดูแลเราสิ ไม่ใช่เราดูแลน้า อีกอย่างแม่เราจ้างน้ามาดูแลเรานะ ควรเป็นน้าไหมที่ต้องเลี้ยงเราไม่ใช่เรามาเลี้ยงน้าแบบนี้” ปริมเอ่ยบอกร่างสูงไปตามเพราะตอนนี้เธอรู้แล้วว่าต่อให้เธอบอกว่าโดนจ้างนภัทรก็ไม่มีทางไปแน่นอน ด้วยท่าทีที่ดูติดเธอตั้งแต่วันแรกที่เจอ ต่อให้เธอบอกไปว่าถูกจ้างวานชายหนุ่มก็คงไม่งอแง“แต่ยังไงผมก็อยากทำให้ครับ นะครับ ให้ผมทำเถอะ” ไหนแพรไหมว่าไม่ดื้อไง...ที่เธอเจออยู่ตอนนี้ นี่ ดื้อตาใสชัด ๆ“ต่อให้น้าโดนจ้างมาดูแลผม ผมก็อยากทำให้น้าอยู่ดี” “แล้วจะให้น้าบอกแม่เธอว่าอะไร” “แม่เขาไม่ได้หวังให้น้าดูแลผมเหมือนเด็กหรอกครับ แม่แค่อยากให้มีคนอยู่เป็นเพ
ตอนที่ 7หลังจากปลอบให้ใจตนเองสงบได้แล้วปริมก็หอบเอาผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และผ้านวมสีน้ำเงินเข้มที่นภัทรเลือกซื้อมาใหม่ไปอบฆ่าเชื้อที่เครื่องอบผ้าเพราะหากซักตอนนี้กว่าจะได้ปูก็คงเป็นช่วงค่ำและอาจทำให้ชายหนุ่มไม่มีที่นอนได้หากฝนตก เธอจึงตัดสินใจซักแห้งและฆ่าเชื้อเครื่องนอนของร่างสูงเท่านั้นมือเรียวดึงเครื่องนอนครบชุดออกมาจากเครื่องอบแล้วยัดเอาผ้านวมผืนนิ่มเข้าไปอบต่ออย่าไม่รีรอ ก่อนหอบเอาเครื่องนอนที่อบเสร็จแล้วขึ้นมาแนบอกแล้วเดินตรงไปยังห้องนอนของชายหนุ่มปริมจัดแจงโยนเครื่องนอนในอ้อมแขนลงที่โซฟาเบดในห้องแล้วเลือกหยิบเอาผ้าปูที่นอนขึ้นสะบัด เพื่อที่จะให้มันปูได้ง่ายขึ้นแต่ในขณะที่กำลังจะจับมุมผ้าอยู่นั้น กลิ่นโคโลญจน์อันแสนคุ้นเคยก็ลอยฟุ้งกระทบกับโสตประสาทพร้อมกับฝ่ามือหนาที่พาดผ่านมากุมทับมือเธอจากทางด้านหลังความใกล้ชิดที่มากเกินไปจนไม่เหมาะสมกับสถานะของเธอ รวมทั้งศีลธรรมในใจเรียกร้องให้ปริมผินหน้าไปหวังจะต่อว่าคนที่ทำรุ่มร่ามกับเธอให้เข็ดหลาบทว่าปลายจมูกที่สัมผัสกับแก้มเนียนของนภัทรพาให้เจ้าของร่างเพรียวตกใจจนเสียหลักล้มลงกับเตียง แต่ปฏิกิริยาของคนจะล้มที่มักจะดึงเอาคนใกล้ตัวลงมา
ตอนที่ 6เสียงประกาศตามสายไม่สามารถหยุดปริมและนภัทรที่กำลังถกเถียงเรื่องขนมและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้พวกเขาเถียงกันมานานตั้งแต่เริ่มเข้ามาซื้อของเพราะทันทีที่เข้ามาในร้านปริมก็เดินตรงไปหยิบคว้าขนม น้ำอัด และ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทันทีด้วยความเคยชิน เพราะทานแต่ของพวกนี้แต่นภัทรมาห้ามไว้ทั้งยังบอกว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพและหยิบคืนชั้นวางของโดยไม่สนใจคำห้ามของปริม“ภัทร...” “มันไม่ดีต่อสุขภาพนะครับ” “งั้นแค่ขนมข้าวอบ กาแฟ กับลูกอม ได้ไหม” “กาแฟทานเยอะก็ทำลายสุขภาพนะครับ” “แต่มันเป็นกาแฟดำ...” ร่างสูงโปร่งที่เป็นคนคุมรถเข็นแทนคนที่ศักดิ์เป็นน้า หมุนกายกลับมามองแพ็กกาแฟในมือของหญิงสาวก่อนจะเลือกหยิบเอายี่ห้อเดียวกันแต่เป็นแบบที่มีเพียงเมล็ดกาแฟมาใส่รถเข็นแทน“แบบนี้มันถูกกว่า น้าทานได้ไหม” “อืม ได้ๆ งั้นไปเลือกของสดกัน” ร่างเพรียวพยักหน้ารัว ๆ ก่อนจะเอาลูกอมและขนมข้าวอบที่เธอชอบใส่รถเข็นอย่างรวดเร็วไม่เปิดโอกาสให้นภัทรเอ่ยห้ามใด ๆ อีกชายหนุ่มที่เป็นคนเข็นรถเข็นส่ายหัวเบา ๆ แต่ก็ยอมแพ้ให้กับคนติดขนมอย่างปริม พลางคิดหาวิธีที่จะทำให้คุณน้าคนสวยของตนติดอย่างอื่นแทนขนมแน่นอนว่าติดเขาคือหนึ่
ตอนที่ 5 เสียงเปียโนและเสียงพูดคุยเบา ๆ ของแขกที่ดังขึ้นมาบนชั้นสองของร้านอาหารที่มีเมนคอร์สเป็นเนื้อสเต๊กชั้นดียังคงความเพลิดเพลินให้นักเขียนมีชื่ออย่างปีย์วราได้ไม่จบสิ้น เธอชอบบรรยากาศยามเที่ยงของร้านโปรดที่มักมีผู้คนแวะเวียนกันเข้ามาแลกเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตของกันและแบบนี้ หากเป็นยามปกติเธอคงหยิบสมุดขึ้นมาจดบรรยากาศพวกนี้เก็บไปใช้ในงานของเธออย่างที่ชอบทำ แต่เพราะเวลานี้เธอมีคนอื่นอยู่ด้วย การจะจมลงในงานที่ต้องใช้ทั้งเวลา แรงกาย และมันสมองเพื่อนรังสรรค์มันขึ้นมาเห็นทีจะไม่เหมาะ อีกอย่างคือเธอเกรงใจนภัทรที่กำลังทานอาหารไปเหลือบมองเธอไป สลับกับมองโทรศัพท์ไปพลางมาตั้งแต่อาหารจานหลักถูกยกขึ้นเสิร์ฟ ใช่ เธอรู้ตัวว่าถูกชายหนุ่มจดจ้องแต่ในเมื่อแววตาราวกับสุนัขมองเจ้าของของนภัทรไม่ได้ทำให้เธออึดอัดเช่นนั้นเธอจะปล่อยมันผ่านไปและปล่อยให้ชายหนุ่มในความดูแลเมียงมองเธอให้เปรมปรี่ ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตงดงามมองพนักงานและแขกในร้านทานอาหารไปพูดกันไปอย่างเพลิดเพลินและเมื่อใบหน้าของบริกรประจำโต๊ะโผล่เข้ามาในครรลองสายตาคำถามที่เธอยังไม่ได้รับคำตอบก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง คำถามเกี่ยวกับประโยคที่ว่า
ตอนที่ 4Rrrr Rrrrแรงสั่นแจ้งเตือนหมดเวลาสามชั่วโมงของนาฬิกาปลุกที่เธอตั้งไว้เรียกสติปริมให้หลุดจากภวังค์ยามเขียนนิยามและกลับมายังโลกความจริงเป็นเรื่องปกติของเธอที่ต้องทำแบบนี้เพราะเคยเขียนจนภวังค์หลุดไปในงานจนลืมทานข้าวและพักผ่อน เธอเคยมาราธอนเขียนนานกว่า 6 ชั่วโมงโดยไม่พักทานน้ำและทานข้าววนเวียนจนจบปิดเล่ม สุดท้ายก็ไปจบที่ต้องนอนโรงพยาบาลทั้งเดือนและทั้งเดือนนั้นเธอเลยได้นอนโรงพยาบาล งานไม่ได้ทำ ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ตลอดเวลาเพราะร่างกายอ่อนแอมากจนเกือบไม่รอดเพื่อนของเธอที่เป็นหมอเลยแนะนำว่าให้เธอตั้งเวลาปลุกเอาไว้ที่ 2-3 ชั่วโมงเพื่อเตือนให้ตัวเองพักและออกจากภวังค์บ้าง เพื่อให้สมองของเธอได้พักผ่อนและปล่อยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายลง หากกลัวพักเพลินให้ตั้งนาฬิกาเอาไว้ที่ 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง แล้วแต่ตัวเธอแต่ไม่ควรพักต่ำกว่า 20 นาทีเป็นเหตุให้เธอต้องตั้งนาฬิกาเอาไว้ตลอดเวลาและพักตามนั้นเป๊ะ ๆ เพื่อกันไม่ให้ตัวเองต้องนอนโรงพยาบาลนาน ๆ อีก“เฮ้อออ อย่างน้อยก็ได้ 2 ตอนตามเป้าก็ยังดี สปีดยังไม่ตกล่ะนะ” ร่างเพรียวลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนอนกับโซฟาเบดจนเกิดเสียงดับต