ผมประสานมือวางบนเคาน์เตอร์ครัว ไม่รู้ว่าจะแสดงท่าทีหรือพูดอะไรตอบกลับลูกไปดี“แล้วลูกรู้สึกยังไงล่ะ?” ในที่สุด ผมก็ถามเขาหลังจากเงียบไปสักพัก"ผมไม่รู้ครับ ผมไปคุยกับโนอามาด้วยนะพ่อ และเขาเล่าว่าเธอขอโทษเขาเรื่องที่เข้าแทรกกลางระหว่างน้าโรแวนกับน้าเอวาน่ะครับ"นั่นเป็นข่าวใหม่สำหรับผมเลย ดูเหมือนว่าเอมม่ากำลังเดินสายขอโทษคนที่เธอทำผิดอยู่ รวมถึงพวกเด็ก ๆ ซึ่งคนส่วนใหญ่จะมองข้ามไป"เมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน เธอขอโทษพ่อด้วยเหมือนกันนะ" ผมสารภาพ“แล้วพ่อรู้สึกยังไงล่ะครับ”“นี่ลองเล่นเป็นพ่ออยู่เหรอไง?” ผมหัวเราะเล็กน้อย “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรานะ แต่พ่อเป็นห่วงลูกมากกว่าน่ะสิ”เขาถอนหายใจ "ผมไม่รู้ครับ ผมยังโกรธเธอและรู้สึกแย่มาก ๆ อยู่เลย หน้าอกมันรู้สึกเจ็บตอนคิดถึงความเจ็บปวดที่เคยรู้สึก ตอนผู้หญิงคนนั้นเขาไม่ได้ต้องการผม""พ่อเข้าใจนะลูก และลูกก็มีสิทธิ์ที่จะโกรธด้วย เรื่องที่ลูกเจ็บปวดมันไม่มีใครมาว่าลูกได้หรอกนะ เข้าใจไหม? แม้ว่าจะไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงก็ไม่เป็นไรหรอก อารมณ์อาจจะวุ่นวายและขัดแย้งกันได้ในบางครั้ง"ผมพยายามอธิบายให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมไม่อยากให้กันเนอ
ฮาร์เปอร์ฉันมองไปรอบ ๆ พยายามตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือเปล่า เราย้ายมาอยู่ที่บ้านใหม่วันนี้ และเราตัดสินใจจัดงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่กัน มันไม่ได้เป็นงานใหญ่โตอะไรมากนัก มีเพียงเพื่อนสนิทและครอบครัวเท่านั้น"ทุกอย่างพร้อมแล้วใช่ไหมคะ?" ฉันเอ่ยถามแม่ครัวของเราเธอตื่นตาตื่นใจกับบ้านหลังนี้มากและตกหลุมรักห้องครัวเข้าเต็มเปา เหมือนที่ฉันเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ ห้องครัวเป็นความฝันของแม่ครัวทุกคน ถ้าไม่ใช่เพราะเธอต้องกลับบ้านไปหาครอบครัว ฉันสาบานได้เลยว่าเธอคงนอนอยู่ที่นี่ ฉันหมายถึงในห้องครัวเลย ไม่ใช่ในตัวบ้าน"ค่ะ" เธอส่งยิ้ม ดวงตาเป็นประกายด้วยความสุขและความตื่นเต้น "ทุกอย่างพร้อมแล้วค่ะ"อย่างที่ฉันบอก เราไม่ได้ต้องการงานเลี้ยงใหญ่โตขนาดนั้น มีเพียงพ่อแม่ของเกเบรียล โรแวนและเอวา ทราวิสและเล็ตตี้ คอนนี่และรีเปอร์ โนอา ไอริส กันเนอร์ และหนูเซียร่าเสียงกริ่งประตูดังขึ้น และฉันออกจากห้องครัวไปเปิดประตู ลิลลี่ยังแต่งตัวไม่เสร็จ และเกเบรียลหายตัวไปไหนก็ไม่ทราบได้เมื่อไม่กี่วันก่อน ฉันรวบรวมความกล้าและลองตรวจครรภ์ดู ทั้งสิบครั้งผลออกมาเป็นบวกทั้งหมด แต่ฉันยังไม่ได้บอกเกเบรี
"นี่โรคะ" เอวาพูดเสียงดัง"ลูกจะต้องบริสุทธิ์และไร้เดียงสาไปจนถึงวันที่แก่และผมหงอกจนหมดหัวนั่นแหละ จบเรื่อง" พูดจบเขาก็เดินกระทืบเท้าออกไป ความคิดที่ว่าไอริสจะมีเซ็กส์ในวันหนึ่งเห็นได้ชัดว่ารบกวนจิตใจเขาไม่น้อยเอวาหันมาหาฉัน "ฉันไม่เข้าใจเลยนะ! กะอีแค่คิดว่าไอริสจะไปมีอะไรกับใครมันกวนใจเขามากขนาดนี้ได้ยังไง ขนาดเรายังมีอะไรกันตลอดเลย? ฉันก็เป็นลูกสาวของคนอื่นเหมือนกันนะและเขาก็ยังทำแบบนั้นกับฉันเลย!"ฉันหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะลูบแขนเธอเป็นการปลอบโยน "ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันคิดว่าผู้ชายน่ะ เวลาพูดถึงลูกสาวของตัวเองก็เป็นเหมือนกันหมดแหละ เกเบรียลก็พูดอะไรทำนองเดียวกันเกี่ยวกับลิลลี่เหมือนกันนะ... อีธานก็จะตอบสนองแบบเดียวกัน และรีเปอร์ก็จะเหมือนกันถ้ามีลูกสาว พ่อของฉันเคยพูดว่าเขาจะไม่ยอมให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ฉันเลยด้วย และฉันพนันได้เลยว่าถ้าเธอถามพ่อตัวเอง เขาก็คงคิดแบบเดียวกันตอนที่เธอเกิดมานั่นแหละ ให้ตายสิ ฉันรู้ว่าเขาคงเกลียดความคิดที่ว่าเธอและโรแวนมีอะไรกัน ในหัวของเขา เขาคงอยากจะเชื่อว่าโนอากับไอริสถูกนกกระสาคาบมาส่งมากกว่าแหละ"เอวาหัวเราะ รอยขมวดคิ้วบนใบหน้าหายไป "ฉันเกือบลืมบอกเธอ
ฉันมีผลิตภัณฑ์ของพวกเธออยู่ชิ้นหนึ่ง และมันเป็นชิ้นโปรดเลย จริง ๆ ต้องบอกว่าเคยมีมากกว่าเพราะตอนนี้ฉันไม่ได้ใช้มันแล้วตั้งแต่เกเบรียลกับฉันอยู่ด้วยกัน ยังไงก็ตามคุณแทบจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างเลยตอนที่ใช้เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนของจริงมากพวกเขามีของเล่นอื่น ๆ ด้วย แต่แท่งสวรรค์เนี่ยชิ้นโปรดเลย"แบบว่ามันต้องวิจัยกันเยอะเลยแหละเธอ และพวกเราทุกคนก็มีส่วนร่วมด้วย การวิจัยและการทดลอง สนุกอย่าบอกใครเลย" เอวาเสริมพร้อมรอยยิ้ม"ในเมื่อเธอชอบผลิตภัณฑ์ของเราแบบนี้" เล็ตตี้พูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ "มาเป็นหุ้นส่วนเลยไหมล่ะ?"ฉันขมวดคิ้วขณะที่คิด "ฉันไม่รู้นะ เกเบรียลคืนบริษัทของครอบครัวฉันมาให้แล้วด้วย การที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับบริษัทขายของเล่นทางเพศจะไม่ทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทเสียเหรอ? เธอรู้ว่าคนเรามันช่างติขนาดไหน""ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นเลยจ้ะ" เอวาพูด "พวกเราเป็นเหมือนหุ้นส่วนลับ ๆ กันหมด เราจ้างทั้งคนที่รับตำแหน่งประธานกับรองประธานนั้นแหละ แต่พวกเขาเป็นฉากหน้าของบริษัทเท่านั้น เราเป็นคนจัดการเรื่องต่าง ๆ และแน่นอนว่าพวกเขาช่วยด้วย แต่ไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นผู้ก่อตั้ง ยกเว้นพวกเขาสองคน
เกเบรียลพวกเรามองพ่อเดินออกมุ่งตรงไปหาแม่ของพวกเรา ตามที่เขาพูดพวกเราน่าเบื่อเป็นบ้า เขาเลยไปหาแม่แทน หากมองตามที่เขาพูด แม่เป็นเพื่อนคุยที่ดีกว่าพวกเรามากนักทันทีที่เขาพ้นไปจากระยะที่ได้ยินบทสนทนาได้ ทราวิสหันมาหาพวกเรา คิ้วขมวดมุ่น"ฉันไม่เข้าใจว่ามันมาที่นี่ทำไม" ทราวิสบ่น ขณะจ้องมองรีเปอร์ด้วยสายตาอาฆาต"อยากมีปัญหาหรือไง?" รีเปอร์ถาม แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะสงบ แต่ก็มีกระแสอันตรายที่ไม่อาจปฏิเสธได้ซ่อนอยู่สายตาเขาเปล่งประกาย แม้ในขณะที่เขายังคงทำตัวสงบและเยือกเย็น ควรจะเป็นคำเตือนที่เพียงพอว่าไม่มีใครควรขัดขวางเขาได้ เขาคือความอันตรายที่จับต้องได้ แต่เพื่อนสนิทของผมเป็นคนโง่เกินกว่าที่จะตระหนักถึงสิ่งนั้น ตระหนักว่ารีเปอร์ไม่ใช่พวกไก่อ่อน แม้ว่าตอนนี้เขาจะดูไม่เป็นพิษเป็นภัยก็ตาม“เออ เอาไหมล่ะ” ทราวิสคำราม "แกฆ่าพ่อฉันนะ แล้วยังมีหน้ามาที่นี่เหรอ?""ฉันมาที่นี่กับคู่หมั้น ปัญหาของนายก็เชิญไปจัดการเอาเองสิ"โรแวนกับผมมองหน้ากัน เมื่อความตึงเครียดระหว่างรีเปอร์กับทราวิสเพิ่มขึ้น ถ้าพวกเราไม่จัดการเรื่องนี้ สิ่งต่าง ๆ จะบานปลายอย่างรวดเร็ว และสิ่งที่ผมไม่ต้องการมากที่สุดคือ
"ฉันจะคุยกับพ่อแม่ให้เอง" พวกเราหันไปมองอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นเอวาหยุดยืนอยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว สายตาจ้องมองไปยังทราวิส "เราแก้แค้นกันมานานเกินพอแล้ว""ส่วนตัวมองว่ามันยังไม่นานพอนะ" รีเปอร์แทรกขึ้นมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความขยะแขยง "พอลองนึกดูว่าพวกแกปฏิบัติต่อเอวายังไง ถ้าเป็นฉันก็คงไม่หยุดหรอก""พูดจริงเหรอ? แล้วน้องแกล่ะ? มันหลอกใช้เธอเลยนะเว้ย" ทราวิสระเบิดอารมณ์ ความโกรธปรากฏชัด"ก็จริง แต่มันเองก็ต้องชดใช้สิ่งมันทำอีกนานเลย... แล้วแกกับบ้านแกล่ะ? อีธานหลอกใช้เธอแค่สองสามเดือน แต่สุดท้ายก็ตกหลุมรักเธอ ส่วนแกมันคนละเรื่องกันเลย แกปฏิบัติกับเธอเหมือนขยะมาตั้งแต่เธอยังเด็กอยู่เลย แกชดเชยความผิดที่แกทำไว้ได้จริงเหรอวะ?"โรแวนตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินชื่ออีธานและความรักที่เขามีต่อเอวา ผมรู้จักพี่ชายตนเองดี และพวกเราเคยคุยเรื่องนี้กันสองสามครั้ง ความมั่นคงของพี่ชายยังสั่นคลอนเมื่อพูดถึงอีธาน มันทำให้เขาเจ็บปวดเมื่อนึกว่าตอนนั้นหากอีธานไม่ทำพลาด เอวาคงจะตกหลุมรักเขาจนหมดหัวใจ และตนคงหมดหวังกับเอวาไปแล้วผมพยายามบอกเขาเสมอว่าหัวใจของเอวาเป็นของเขามาโดยตลอด ผมพยายามยืนยันกับพี่ชายว่าถ้า
เอมม่าฉันจ้องมองความยุ่งเหยิงตรงหน้า ไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าจะจัดการกันมันอย่างไร ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ฉันรู้สึกแปลก ๆ และไม่สามารถระบุเหตุผลที่แน่ชัดได้ว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ฉันพยายามคิดทบทวนแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรผุดขึ้นมาในหัวเลย สิ่งที่ฉันรู้คือ ฉันรู้สึกแปลก ๆ เหมือนมีอะไรผิดปกติ หรือกำลังจะมีเรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ฉันก็ไม่สามารถสลัดความรู้สึกนี้ออกไปได้ มันยังคงอยู่และทับถมอยู่ภายในจิตใจเคยรู้สึกแบบนั้นกันไหม? รู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์ว่ากำลังจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น? มันทำให้ฉันหงุดหงิด เพราะฉันไม่สามารถบอกได้แน่ชัดและมันกำลังทำให้ฉันคลั่งตายอยู่แล้วฉันถอนหายใจพลางมองลงไปยังมือที่สวมถุงมืออยู่ คุณหมอมีอาแนะนำว่าฉันควรทำอะไรสักอย่างเพื่อเบี่ยงเบนความกังวลและผ่อนคลายให้มากขึ้น เมื่อวานฉันคุยกับเอวา และบังเอิญพูดถึงเรื่องนี้ เธอแนะนำว่าฉันควรลองทำสวนดูบ้าง ตามที่เธอพูด มันเคยช่วยเธออยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนเธอเครียดและต้องการทำอะไรสักอย่างเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเอวาบอกฉันว่าเธอเคยปลูกผัก แต่เธอแนะนำให้ฉันลองปลูกดอกไม้ดูถ้าไม่อยากปลูกผักดังนั้นฉันก็เ
ฉันก้าวลงมาจากรถพร้อมเดินมุ่งไปยังคฤหาสน์ตรงหน้า มือสั่นสะท้านและเหงื่อชุ่มร่างกายฉันเองยังทำใจเชื่อไม่ได้เลยว่าความสัมพันธ์เดินมาถึงจุดจบ ทำใจไม่ได้ว่าท้ายที่สุดฉันก็หย่าร้างกับเขา กระเป๋าข้างกายมีหลักฐานยืนยันการหย่าครั้งนี้ ฉันเดินทางมาที่นี่เพื่อนำเอกสารฉบับนี้มามอบให้เขาและรับโนอากลับขณะเดินเข้าไป ฉันเดินตามเสียงฟังไม่ได้ศัพท์ไปและยั้งฝีเท้าไว้เมื่อเข้าใกล้ห้องครัวตอนนี้เองฉันได้ยินเสียงนั้นถนัดหูและเนื้อความนั้นได้กระชากฉันลงไปสู่ห้วงเหวอันเย็นเยียบ“ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดีครับ พ่ออยู่กับผมกับแม่ไม่ได้หรือครับ?” เจ้าหนูโนอาเอ่ยถามผู้เป็นพ่อฉันยกสั่นเทากุมหน้าอก หัวใจทลายลงเพราะเสียงแสนเศร้าของเด็กน้อย ไม่ว่าเป็นสิ่งใดฉันพร้อมจะทำให้เขาเสมอ แต่การหย่าร้างนี้กลับหลีกเลี่ยงไม่ได้การแต่งงานครั้งนี้เป็นสิ่งผิดพลาด ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราเป็นสิ่งที่ผิดพลาดทั้งหมด เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ให้ฉันได้ตาสว่างพร้อมเห็นความจริง“โนอา ลูกน่าจะรู้อยู่แล้ว แม่กับพ่อไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว” เสียงนุ่มของชายคนนั้นเอ่ยออกมาช่างน่าแปลกเสียจริง ตลอดช่วงเวลาที่เราครองคู่กัน เขาไม่เคยแม้แต่พูดจา
เอมม่าฉันจ้องมองความยุ่งเหยิงตรงหน้า ไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าจะจัดการกันมันอย่างไร ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ฉันรู้สึกแปลก ๆ และไม่สามารถระบุเหตุผลที่แน่ชัดได้ว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ฉันพยายามคิดทบทวนแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรผุดขึ้นมาในหัวเลย สิ่งที่ฉันรู้คือ ฉันรู้สึกแปลก ๆ เหมือนมีอะไรผิดปกติ หรือกำลังจะมีเรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ฉันก็ไม่สามารถสลัดความรู้สึกนี้ออกไปได้ มันยังคงอยู่และทับถมอยู่ภายในจิตใจเคยรู้สึกแบบนั้นกันไหม? รู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์ว่ากำลังจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น? มันทำให้ฉันหงุดหงิด เพราะฉันไม่สามารถบอกได้แน่ชัดและมันกำลังทำให้ฉันคลั่งตายอยู่แล้วฉันถอนหายใจพลางมองลงไปยังมือที่สวมถุงมืออยู่ คุณหมอมีอาแนะนำว่าฉันควรทำอะไรสักอย่างเพื่อเบี่ยงเบนความกังวลและผ่อนคลายให้มากขึ้น เมื่อวานฉันคุยกับเอวา และบังเอิญพูดถึงเรื่องนี้ เธอแนะนำว่าฉันควรลองทำสวนดูบ้าง ตามที่เธอพูด มันเคยช่วยเธออยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนเธอเครียดและต้องการทำอะไรสักอย่างเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเอวาบอกฉันว่าเธอเคยปลูกผัก แต่เธอแนะนำให้ฉันลองปลูกดอกไม้ดูถ้าไม่อยากปลูกผักดังนั้นฉันก็เ
"ฉันจะคุยกับพ่อแม่ให้เอง" พวกเราหันไปมองอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นเอวาหยุดยืนอยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว สายตาจ้องมองไปยังทราวิส "เราแก้แค้นกันมานานเกินพอแล้ว""ส่วนตัวมองว่ามันยังไม่นานพอนะ" รีเปอร์แทรกขึ้นมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความขยะแขยง "พอลองนึกดูว่าพวกแกปฏิบัติต่อเอวายังไง ถ้าเป็นฉันก็คงไม่หยุดหรอก""พูดจริงเหรอ? แล้วน้องแกล่ะ? มันหลอกใช้เธอเลยนะเว้ย" ทราวิสระเบิดอารมณ์ ความโกรธปรากฏชัด"ก็จริง แต่มันเองก็ต้องชดใช้สิ่งมันทำอีกนานเลย... แล้วแกกับบ้านแกล่ะ? อีธานหลอกใช้เธอแค่สองสามเดือน แต่สุดท้ายก็ตกหลุมรักเธอ ส่วนแกมันคนละเรื่องกันเลย แกปฏิบัติกับเธอเหมือนขยะมาตั้งแต่เธอยังเด็กอยู่เลย แกชดเชยความผิดที่แกทำไว้ได้จริงเหรอวะ?"โรแวนตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินชื่ออีธานและความรักที่เขามีต่อเอวา ผมรู้จักพี่ชายตนเองดี และพวกเราเคยคุยเรื่องนี้กันสองสามครั้ง ความมั่นคงของพี่ชายยังสั่นคลอนเมื่อพูดถึงอีธาน มันทำให้เขาเจ็บปวดเมื่อนึกว่าตอนนั้นหากอีธานไม่ทำพลาด เอวาคงจะตกหลุมรักเขาจนหมดหัวใจ และตนคงหมดหวังกับเอวาไปแล้วผมพยายามบอกเขาเสมอว่าหัวใจของเอวาเป็นของเขามาโดยตลอด ผมพยายามยืนยันกับพี่ชายว่าถ้า
เกเบรียลพวกเรามองพ่อเดินออกมุ่งตรงไปหาแม่ของพวกเรา ตามที่เขาพูดพวกเราน่าเบื่อเป็นบ้า เขาเลยไปหาแม่แทน หากมองตามที่เขาพูด แม่เป็นเพื่อนคุยที่ดีกว่าพวกเรามากนักทันทีที่เขาพ้นไปจากระยะที่ได้ยินบทสนทนาได้ ทราวิสหันมาหาพวกเรา คิ้วขมวดมุ่น"ฉันไม่เข้าใจว่ามันมาที่นี่ทำไม" ทราวิสบ่น ขณะจ้องมองรีเปอร์ด้วยสายตาอาฆาต"อยากมีปัญหาหรือไง?" รีเปอร์ถาม แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะสงบ แต่ก็มีกระแสอันตรายที่ไม่อาจปฏิเสธได้ซ่อนอยู่สายตาเขาเปล่งประกาย แม้ในขณะที่เขายังคงทำตัวสงบและเยือกเย็น ควรจะเป็นคำเตือนที่เพียงพอว่าไม่มีใครควรขัดขวางเขาได้ เขาคือความอันตรายที่จับต้องได้ แต่เพื่อนสนิทของผมเป็นคนโง่เกินกว่าที่จะตระหนักถึงสิ่งนั้น ตระหนักว่ารีเปอร์ไม่ใช่พวกไก่อ่อน แม้ว่าตอนนี้เขาจะดูไม่เป็นพิษเป็นภัยก็ตาม“เออ เอาไหมล่ะ” ทราวิสคำราม "แกฆ่าพ่อฉันนะ แล้วยังมีหน้ามาที่นี่เหรอ?""ฉันมาที่นี่กับคู่หมั้น ปัญหาของนายก็เชิญไปจัดการเอาเองสิ"โรแวนกับผมมองหน้ากัน เมื่อความตึงเครียดระหว่างรีเปอร์กับทราวิสเพิ่มขึ้น ถ้าพวกเราไม่จัดการเรื่องนี้ สิ่งต่าง ๆ จะบานปลายอย่างรวดเร็ว และสิ่งที่ผมไม่ต้องการมากที่สุดคือ
ฉันมีผลิตภัณฑ์ของพวกเธออยู่ชิ้นหนึ่ง และมันเป็นชิ้นโปรดเลย จริง ๆ ต้องบอกว่าเคยมีมากกว่าเพราะตอนนี้ฉันไม่ได้ใช้มันแล้วตั้งแต่เกเบรียลกับฉันอยู่ด้วยกัน ยังไงก็ตามคุณแทบจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างเลยตอนที่ใช้เพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนของจริงมากพวกเขามีของเล่นอื่น ๆ ด้วย แต่แท่งสวรรค์เนี่ยชิ้นโปรดเลย"แบบว่ามันต้องวิจัยกันเยอะเลยแหละเธอ และพวกเราทุกคนก็มีส่วนร่วมด้วย การวิจัยและการทดลอง สนุกอย่าบอกใครเลย" เอวาเสริมพร้อมรอยยิ้ม"ในเมื่อเธอชอบผลิตภัณฑ์ของเราแบบนี้" เล็ตตี้พูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ "มาเป็นหุ้นส่วนเลยไหมล่ะ?"ฉันขมวดคิ้วขณะที่คิด "ฉันไม่รู้นะ เกเบรียลคืนบริษัทของครอบครัวฉันมาให้แล้วด้วย การที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับบริษัทขายของเล่นทางเพศจะไม่ทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทเสียเหรอ? เธอรู้ว่าคนเรามันช่างติขนาดไหน""ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นเลยจ้ะ" เอวาพูด "พวกเราเป็นเหมือนหุ้นส่วนลับ ๆ กันหมด เราจ้างทั้งคนที่รับตำแหน่งประธานกับรองประธานนั้นแหละ แต่พวกเขาเป็นฉากหน้าของบริษัทเท่านั้น เราเป็นคนจัดการเรื่องต่าง ๆ และแน่นอนว่าพวกเขาช่วยด้วย แต่ไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นผู้ก่อตั้ง ยกเว้นพวกเขาสองคน
"นี่โรคะ" เอวาพูดเสียงดัง"ลูกจะต้องบริสุทธิ์และไร้เดียงสาไปจนถึงวันที่แก่และผมหงอกจนหมดหัวนั่นแหละ จบเรื่อง" พูดจบเขาก็เดินกระทืบเท้าออกไป ความคิดที่ว่าไอริสจะมีเซ็กส์ในวันหนึ่งเห็นได้ชัดว่ารบกวนจิตใจเขาไม่น้อยเอวาหันมาหาฉัน "ฉันไม่เข้าใจเลยนะ! กะอีแค่คิดว่าไอริสจะไปมีอะไรกับใครมันกวนใจเขามากขนาดนี้ได้ยังไง ขนาดเรายังมีอะไรกันตลอดเลย? ฉันก็เป็นลูกสาวของคนอื่นเหมือนกันนะและเขาก็ยังทำแบบนั้นกับฉันเลย!"ฉันหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะลูบแขนเธอเป็นการปลอบโยน "ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันคิดว่าผู้ชายน่ะ เวลาพูดถึงลูกสาวของตัวเองก็เป็นเหมือนกันหมดแหละ เกเบรียลก็พูดอะไรทำนองเดียวกันเกี่ยวกับลิลลี่เหมือนกันนะ... อีธานก็จะตอบสนองแบบเดียวกัน และรีเปอร์ก็จะเหมือนกันถ้ามีลูกสาว พ่อของฉันเคยพูดว่าเขาจะไม่ยอมให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ฉันเลยด้วย และฉันพนันได้เลยว่าถ้าเธอถามพ่อตัวเอง เขาก็คงคิดแบบเดียวกันตอนที่เธอเกิดมานั่นแหละ ให้ตายสิ ฉันรู้ว่าเขาคงเกลียดความคิดที่ว่าเธอและโรแวนมีอะไรกัน ในหัวของเขา เขาคงอยากจะเชื่อว่าโนอากับไอริสถูกนกกระสาคาบมาส่งมากกว่าแหละ"เอวาหัวเราะ รอยขมวดคิ้วบนใบหน้าหายไป "ฉันเกือบลืมบอกเธอ
ฮาร์เปอร์ฉันมองไปรอบ ๆ พยายามตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือเปล่า เราย้ายมาอยู่ที่บ้านใหม่วันนี้ และเราตัดสินใจจัดงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่กัน มันไม่ได้เป็นงานใหญ่โตอะไรมากนัก มีเพียงเพื่อนสนิทและครอบครัวเท่านั้น"ทุกอย่างพร้อมแล้วใช่ไหมคะ?" ฉันเอ่ยถามแม่ครัวของเราเธอตื่นตาตื่นใจกับบ้านหลังนี้มากและตกหลุมรักห้องครัวเข้าเต็มเปา เหมือนที่ฉันเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ ห้องครัวเป็นความฝันของแม่ครัวทุกคน ถ้าไม่ใช่เพราะเธอต้องกลับบ้านไปหาครอบครัว ฉันสาบานได้เลยว่าเธอคงนอนอยู่ที่นี่ ฉันหมายถึงในห้องครัวเลย ไม่ใช่ในตัวบ้าน"ค่ะ" เธอส่งยิ้ม ดวงตาเป็นประกายด้วยความสุขและความตื่นเต้น "ทุกอย่างพร้อมแล้วค่ะ"อย่างที่ฉันบอก เราไม่ได้ต้องการงานเลี้ยงใหญ่โตขนาดนั้น มีเพียงพ่อแม่ของเกเบรียล โรแวนและเอวา ทราวิสและเล็ตตี้ คอนนี่และรีเปอร์ โนอา ไอริส กันเนอร์ และหนูเซียร่าเสียงกริ่งประตูดังขึ้น และฉันออกจากห้องครัวไปเปิดประตู ลิลลี่ยังแต่งตัวไม่เสร็จ และเกเบรียลหายตัวไปไหนก็ไม่ทราบได้เมื่อไม่กี่วันก่อน ฉันรวบรวมความกล้าและลองตรวจครรภ์ดู ทั้งสิบครั้งผลออกมาเป็นบวกทั้งหมด แต่ฉันยังไม่ได้บอกเกเบรี
ผมประสานมือวางบนเคาน์เตอร์ครัว ไม่รู้ว่าจะแสดงท่าทีหรือพูดอะไรตอบกลับลูกไปดี“แล้วลูกรู้สึกยังไงล่ะ?” ในที่สุด ผมก็ถามเขาหลังจากเงียบไปสักพัก"ผมไม่รู้ครับ ผมไปคุยกับโนอามาด้วยนะพ่อ และเขาเล่าว่าเธอขอโทษเขาเรื่องที่เข้าแทรกกลางระหว่างน้าโรแวนกับน้าเอวาน่ะครับ"นั่นเป็นข่าวใหม่สำหรับผมเลย ดูเหมือนว่าเอมม่ากำลังเดินสายขอโทษคนที่เธอทำผิดอยู่ รวมถึงพวกเด็ก ๆ ซึ่งคนส่วนใหญ่จะมองข้ามไป"เมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน เธอขอโทษพ่อด้วยเหมือนกันนะ" ผมสารภาพ“แล้วพ่อรู้สึกยังไงล่ะครับ”“นี่ลองเล่นเป็นพ่ออยู่เหรอไง?” ผมหัวเราะเล็กน้อย “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรานะ แต่พ่อเป็นห่วงลูกมากกว่าน่ะสิ”เขาถอนหายใจ "ผมไม่รู้ครับ ผมยังโกรธเธอและรู้สึกแย่มาก ๆ อยู่เลย หน้าอกมันรู้สึกเจ็บตอนคิดถึงความเจ็บปวดที่เคยรู้สึก ตอนผู้หญิงคนนั้นเขาไม่ได้ต้องการผม""พ่อเข้าใจนะลูก และลูกก็มีสิทธิ์ที่จะโกรธด้วย เรื่องที่ลูกเจ็บปวดมันไม่มีใครมาว่าลูกได้หรอกนะ เข้าใจไหม? แม้ว่าจะไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไงก็ไม่เป็นไรหรอก อารมณ์อาจจะวุ่นวายและขัดแย้งกันได้ในบางครั้ง"ผมพยายามอธิบายให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมไม่อยากให้กันเนอ
ผมดูวิดีโอที่คินลีย์ส่งมาพร้อมหัวเราะเบา ๆ เพราะความตลก เธอส่งวิดีโอสัตว์ตลก ๆ เรื่อยเปื่อยมาให้ผม เพราะเธอรู้ว่ามันทำให้ผมหัวเราะออกมาได้ ไม่เคยมีวันไหนเลยที่จะนั่งว่าง ๆ โดยที่ไม่ได้รับวิดีโอจากเธอ ถ้าพูดตามตรง ผมตั้งตารอที่จะเห็นวิดีโอพวกนั้นในห้องแชทองเราความสัมพันธ์ระหว่างเราสมบูรณ์แบบมาก นอกจากเอมม่าแล้ว ผมไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน แน่นอนว่าสมัยมหาวิทยาลัย ผมก็เลือกจะก้าวไปข้างหน้าแต่มันกลายเป็นการนอนกับผู้หญิงไม่เลือกหน้ามากกว่าการตัดใจจากเอมม่าอย่ามองผมแบบนั้น ผู้หญิงทุกคนที่ผมนอนด้วยรู้สถานการณ์ต่าง ๆ ดี พวกเธอรู้ว่าไม่มีอะไรระหว่างเราได้ และมันเป็นแค่กิจกรรมฆ่าเวลา ผมทำให้มันชัดเจนมากก่อนขึ้นเตียงกับพวกเธอ พวกเธอเข้าใจและยอมรับ ชีวิตเรียบง่ายจนกระทั่งเอมม่ากับผมมาเจอกันอีกครั้งหลังจากนอนกับเอมม่าครั้งแรก ผมก็ยุติกิจกรรมแบบความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนไป จากนั้นเอมม่าก็ตั้งครรภ์และคุณก็รู้เรื่องที่เหลือ ผมไม่ได้อยู่กับผู้หญิงคนอื่นเลยนับตั้งแต่คืนแรกกับเธอ ผมรู้ว่ามันน่าสมเพช แต่ถ้าให้แก้ตัวแบบโง่ ๆ ก็คงเป็นเพราะผมกำลังมีความรักอยู่ ไม่ว่าหัวใจผมจะเจ็บปวดขนาดไหนแต่ผมค
"รู้สึกยังไงที่ได้เจอกันเนอร์คะ?" คุณหมอมีอาเอ่ยถาม ดวงตาเฉียบแหลมเช่นเคย เธอจ้องมองฉันราวกับว่าเธอสามารถมองทะลุเข้าไปในจิตวิญญาณได้เนื่องจากฉันกลับไปทำงานแล้ว เราจึงต้องปรับตารางเวลาให้เข้ากับตารางเวลาใหม่ของฉัน การเข้ารับบำบัดส่วนใหญ่จึงถูกกำหนดไว้ระหว่างสี่โมงครึ่งถึงหกโมงเย็นฉันรู้อยู่แล้วว่าคำตอบคืออะไร ฉันไม่ต้องคิดเกี่ยวกับมันเลย การคิดถึงวันนั้นกลับทำให้น้ำตาคลอเบ้าอีกครั้ง"ใจสลายค่ะ" ฉันแทบจะกระซิบคำพูดออกมารู้สึกเหมือนว่าพรั่งพรูออกมาจากภายใน จากส่วนลึกที่สุดของจิตวิญญาณ ฉันพยายามบังคับเสียงสะอื้นที่เหมือนกำลังจะหลุดออกมา แต่มันไร้ประโยชน์ มันหลุดออกมาจากตัวฉันพร้อมความเจ็บปวด ทำให้ฉันหายใจไม่ออก"ยังไงคะ?" คุณหมอมีอาเอ่ยถามพร้อมกับยื่นกระดาษทิชชู่ให้ฉันฉันรับมันมาเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาบนใบหน้า มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยเพราะมันยังคงไหลเหมือนแม่น้ำเชี่ยว ฉันโกรธน้ำตานี้ที่ไหลออกมาไม่หยุด จึงขยำทิชชู่อย่างหงุดหงิดก่อนโยนมันลงในถังขยะ"ฉันเห็นมันในดวงตาของลูกค่ะ ว่าลูกเกลียดฉัน" ฉันเริ่มพูด ยอมพ่ายแพ้ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาบนใบหน้า "มีความโกรธมากมายสะท้อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น มีคว