เวร! ทำไมต้องเป็นฉัน? ทำไมต้องตอนนี้? ทำไมต้องวันนี้? โชคชะตาแสดงให้เห็นมาโดยตลอดว่ามันเกลียดฉัน แต่เรื่องนี้มันเกินไปแล้วนะ ทำไมมันถึงจงชังฉันขนาดนี้?ความจริง ณ ตอนนี้ ฉันกลัวที่จะเงยหน้าขึ้นมอง กลัวที่จะมองเกเบรียลกับลิลลี่ ฉันพยายามสงบหัวใจที่เต้นระรัวเหมือนมันจะหลุดออกมา แต่ไม่มีประโยชน์เลย ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะหัวใจวาย เหงื่อไหลซึมลงไปตามแผ่นหลังอย่างชัดเจนความโกรธที่ฉันมีต่อเกเบรียลหายไปแล้ว สิ่งที่แทนที่คือความกลัวบริสุทธิ์ที่ไม่มีเจือปน ตอนตื่นขึ้นมา ฉันไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้จะเจอกับอะไรแบบนี้ ว่าเกเบรียลจะโผล่มาที่บ้านฉันโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย และเขากับลิลลี่จะได้เจอกันในตอนแรก ฉันระมัดระวังเพราะรู้ว่าลิลลี่กำลังนอนพักอยู่เนื่องจากไม่สบาย แต่หลังจากที่เกเบรียลเปิดเผยเรื่องนั้น ฉันลืมไปหมดและระเบิดอารมณ์ออกมา นั่นเป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่มีใครให้โทษนอกจากตัวเอง"แม่คะ?" เสียงหวานใสดังขึ้นทำให้ฉันต้องเงยหน้าขึ้น แม้ว่าฉันอยากหลีกเลี่ยงขนาดไหนก็ตามเมื่อมองหน้าลูกสาว ฉันก็ไม่สามารถพูดสิ่งใดออกมาได้เมื่อฉันไม่ตอบ ลิลลี่ก็หันไปหาเกเบรียลแทน "คุณเป็นใครคะ? แล้วทำไมถึงได้ทะเล
“พูดเล่นล่ะสิ” ฉันเอ่ยอย่างแผ่วเบา พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เขาเพิ่งพูดไปอย่างที่บอก ฉันรู้จักเกเบรียลดี และฉันรู้ว่านี่ไม่ใช่คำขู่ลอย ๆ แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังต้องมีความมั่นใจอยู่บ้างเพราะนี่คือลิลลี่ที่เรากำลังพูดถึง เธอไม่ใช่แค่ลูกสาวของฉัน แต่เธอเป็นดั่งชีวิตด้วย ฉันจะไม่ยอมให้เขาเอาเธอไปได้ นั่นคงฆ่าฉันทั้งเป็น“ผมดูเหมือนกำลังล้อเล่นเหรอ?” เขาถามพร้อมกับจ้องฉันด้วยสายตารุนแรง “ผมบอกได้เลยว่าผมเอาจริง ฮาร์เปอร์”คุณเคยรู้สึกเหมือนโดนต่อยทั้ง ๆ ที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นไหม? นั่นคือสิ่งที่ฉันรู้สึกในตอนนี้ มันเหมือนโดนการโจมตีล่องหนตรงกลางอก ฉันพยายามสูดลมหายใจผ่านความเจ็บปวด ฉันไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองพังทลายได้ในตอนนี้ ถึงแม้ว่าสิ่งที่ฉันอยากทำที่สุดคือปล่อยตัวเองให้ร้องไห้และสาปแช่งเกเบรียลให้ตกนีกไปซะ“ทำแบบนี้ไปทำไม?” ฉันถาม ใกล้จะหลั่งน้ำตาเต็มที “คุณหย่ากับฉันและไล่ฉันออกมา เกเบรียล ฉันก็ออกมาแล้วเหมือนที่คุณต้องการ และไม่เคยไปรบกวนคุณอีกเลย ทำไมถึงไม่ทำเหมือนกันล่ะ? ทำไมคุณต้องมาทำให้ชีวิตฉันวุ่นวายด้วย?”ฉันไม่เข้าใจเลย ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้ เกเบรียลเป็นเสือ
ฉันจำครั้งแรกที่ฉันเห็นคาลวินได้ เราอยู่ในช่วงมัธยมปลาย และเขาเพิ่งย้ายมาโรงเรียนเราในฐานะนักเรียนทุน ฉันเป็นประธานคณะต้อนรับ แน่นอนว่าฉันทำได้ทุกอย่าง และใครจะไม่อยากให้ฉันเป็นคนพาพวกเขาเดินชมรอบโรงเรียนในวันแรก? ใครจะไม่อยากเห็นหน้าฉันในวันแรกที่เริ่มเรียนโรงเรียนใหม่?ฉันไม่ได้อวดตัวหรืออะไรแบบนั้นหรอก แต่ฉันรู้ว่าฉันคือใครและมีคุณค่าขนาดไหน ฉันเป็นที่นิยม เป็นเชียร์ลีดเดอร์ และนักเรียนดีเด่น ฉันมีทุกอย่าง ทั้งความมั่งคั่ง ความงามและความฉลาด ที่สำคัญที่สุด ฉันยังเป็นคนที่ถ่อมตัว นั่นจึงทำให้คนส่วนใหญ่ชอบฉันแน่นอนว่าฉันก็มีคนที่เกลียดฉันเหมือนกัน เช่น เอวาและผู้หญิงคนอื่น ๆ เพราะฉันมีบางสิ่งที่พวกเธอไม่มีทางมีได้ นั่นก็คือโรแวนทุกคนต่างก็ต้องการเขา มันไม่ใช่ความลับเลย เช่นเดียวกับที่ผู้ชายเกือบทุกคนต่างต้องการฉัน ยกเว้นทราวิสและเกเบรียล เราเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบ แม้ว่าเราจะยังไม่ได้เป็นแฟนกันตอนที่คาลวินเข้ามาเรียน แต่ฉันก็ไม่ได้กังวล มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เราจะลงเอยด้วยกัน มันไม่ใช่คำถามว่าจะลงเอยหรือไม่แต่เป็นคำถามว่าเมื่อไหร่มากกว่ากลับมาที่คาลวิน ฉันจำได้ว่าฉันไ
ฉันก้าวลงมาจากรถพร้อมเดินมุ่งไปยังคฤหาสน์ตรงหน้า มือสั่นสะท้านและเหงื่อชุ่มร่างกายฉันเองยังทำใจเชื่อไม่ได้เลยว่าความสัมพันธ์เดินมาถึงจุดจบ ทำใจไม่ได้ว่าท้ายที่สุดฉันก็หย่าร้างกับเขา กระเป๋าข้างกายมีหลักฐานยืนยันการหย่าครั้งนี้ ฉันเดินทางมาที่นี่เพื่อนำเอกสารฉบับนี้มามอบให้เขาและรับโนอากลับขณะเดินเข้าไป ฉันเดินตามเสียงฟังไม่ได้ศัพท์ไปและยั้งฝีเท้าไว้เมื่อเข้าใกล้ห้องครัวตอนนี้เองฉันได้ยินเสียงนั้นถนัดหูและเนื้อความนั้นได้กระชากฉันลงไปสู่ห้วงเหวอันเย็นเยียบ“ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดีครับ พ่ออยู่กับผมกับแม่ไม่ได้หรือครับ?” เจ้าหนูโนอาเอ่ยถามผู้เป็นพ่อฉันยกสั่นเทากุมหน้าอก หัวใจทลายลงเพราะเสียงแสนเศร้าของเด็กน้อย ไม่ว่าเป็นสิ่งใดฉันพร้อมจะทำให้เขาเสมอ แต่การหย่าร้างนี้กลับหลีกเลี่ยงไม่ได้การแต่งงานครั้งนี้เป็นสิ่งผิดพลาด ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราเป็นสิ่งที่ผิดพลาดทั้งหมด เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ให้ฉันได้ตาสว่างพร้อมเห็นความจริง“โนอา ลูกน่าจะรู้อยู่แล้ว แม่กับพ่อไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว” เสียงนุ่มของชายคนนั้นเอ่ยออกมาช่างน่าแปลกเสียจริง ตลอดช่วงเวลาที่เราครองคู่กัน เขาไม่เคยแม้แต่พูดจา
“ฉันต้องไปแล้ว รบกวนคุณช่วยอยู่กับโนอาก่อนได้ไหม? เพราะฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องอยู่ที่โรงพยาบาลนานแค่ไหน” ฉันเอ่ยประโยคเหล่านี้ออกไป มือพลางคว้ากระเป๋าข้างกายอย่างใจลอย“ได้ ผมขอไปรับแม่มาดูแลโนอาแทนก่อน แล้วจะรีบตามไป” โรแวนตอบรับ เพียงแต่รู้สึกราวกับเป็นเสียงกระซิบซึ่งดังแว่วเข้ามาในหูที่อึ้ออึงของฉันเท่านั้นฉันจำอะไรที่เหลือนอกเหนือจากการบอกลาลูกชายตัวน้อยไม่ได้ ฉันรีบดันตนเองขึ้นรถยนต์และขับรถมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลพร้อมความคิดที่ล่องลอยกระหวัดถึงความทรงจำตอนที่เติบโตขึ้นมา ใคร ๆ ก็ต่างพากันพูดว่าฉันเป็นพวกขาดความอบอุ่น ตอนเป็นเด็กทั้งคุณพ่อและคุณแม่ไม่ได้ใส่ใจฉันมากเท่าที่ควร ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของพ่อคงเป็นพี่สาว เอมม่า พ่อเคยเรียกเธอว่าสาวน้อยของพ่อด้วยซ้ำ ส่วนแม่ก็ประคบประหงมพี่ชาย ทราวิส พ่อรูปหล่อของแม่เสียยังกับอะไรดี ส่วนฉันก็เป็นแค่ เอวา ที่ไม่มีใครรักฉันรู้สึกเหมือนไม่เป็นที่ต้องการของใคร ๆ ไม่มีใครต้อนรับ ไม่ว่าจะกับพ่อแม่รวมถึงพี่น้องท้องเดียวกัน ไม่ว่าจะพิสูจน์ตนเองเท่าใด มีผลการเรียนระดับแนวหน้า กีฬาเด่น หรือกิจกรรมดีเพียงใด สถานที่เดียวซึ่งเหมาะกับฉันคืออยู่ข
ฉันเอนกายอยู่บนเก้าอี้โรงพยาบาลแสนเย็นเฉียบพลางกำหนดลมหายใจเข้าออก น้ำตาของแม่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเลย คำปลอบประโลมไหน ๆ คงส่งไปไม่ถึงจิตใจเธอ ฉันเจ็บปวดแทนแม่ ฉันเข้าใจเรื่องนี้ดีว่าการสูญเสียคนที่เรารักไปอย่างไม่ทันตั้งตัวนั้นไม่ง่ายเลยแม้แต่น้อยเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องที่น่าตระหนก ฉันเผื่อใจเอาไว้ว่าพ่อจะหายดีแต่กลับกลายเป็นหายไปจากโลกแทนเสียนี่ ฉันเลยไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไรดีความคิดเห็นของเราไม่เคยลงรอยกันและพ่อก็คงจะเกลียดฉันแต่ฉันก็รักเขา เขาเป็นพ่อผู้ให้กำเนิด ฉันจะไม่รักเขาได้อย่างไรกัน?“ไหวไหม?” โรแวนเอ่ยถามพลางนั่งลงข้างฉันชายหนุ่มเดินทางมาถึงได้ประมาณชั่วโมงกว่า และคำถามเมื่อครู่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดกับฉันนับตั้งแต่มาถึง ฉันรับมือกับความกังวลของเขาไม่ถูก อย่างไรเสียเขาคนนี้ไม่เคยเก็บเอาความรู้สึกของฉันไปใส่ใจมาก่อน“ไหวค่ะ” ฉันฝืนตอบกลับตั้งแต่ที่รู้ข่าวฉันก็ยังไม่ได้หลั่งน้ำตาแม้เลยสักหยด อาจเพราะยังตกใจจนทำอะไรไม่ถูกหรือน้ำตาของฉันที่มีให้พ่อนั้นเหือดแห้งไปหมดแล้วก็เป็นได้ ตอนนี้สิ่งเดียวที่ฉันควรทำมากที่สุดคือประคองสติตนเองให้ไหวแทนทุกคนที่สติแตกไปแล้วเท้าคู่
คุณทั้งหลายเคยรู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็นหรือเปล่า? ฉันกำลังรู้สึกเช่นนั้นอยู่เมื่อมองพวกเขา ราวกับมีใครเดินเข้ามากระชากดวงใจออกจากอกก็มิปานหากฉันเป็นคนกระชากก้อนเนื้อไร้ค่านี้และปาทิ้งไปให้พ้นตาเองได้สาบานว่าจะทำเสียตอนนี้ เพราะมันช่างเจ็บจนไร้คำบรรยายใด ๆ มาเปรียบได้ฉันต้องการหนีไปให้พ้นแต่กลับทำไม่ได้ สายตาของฉันจับจ้องทั้งสอง ไม่ว่าสมองจะสั่งให้หลีกหนีจากภาพตรงหน้าเท่าใด แต่ฉันก็ไม่อาจละสายตาไปจากฉากรักหวานชื่นเสียดแทงนัยน์ตานี้ได้ฉันเฝ้ามองทั้งสองผละอ้อมกอดจากกัน โรแวนแววตาอ่อนโยนเมื่อมองหญิงในดวงใจ ฉันมองฝ่ามือที่กำลังบรรจงประคองแก้มของเอมม่า ชายหนุ่มดึงร่างของหญิงผู้เป็นที่รักเข้าใกล้เล็กน้อย เขาไม่ได้จูบเธอเพียงแต่เอาหน้าผากแนบชิดกันเขาดูสงบสุขราวกับเดินทางมาเจอที่พักผ่อนของตนเสียที ในที่สุดเขาก็รู้สึกเติมเต็ม‘ผมคิดถึงคุณ’ ฉันอ่านการขยับปากเรียวบางนั้นออกฉันไม่อยากคิดว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นตอนนี้หากทั้งสองไม่ได้พบกันในสถานการณ์เช่นนี้ หากทั้งสองพบกันตอนที่ฉันและเขาแต่งงานกันอยู่ โรแวนจะนอกใจไปหาเอมม่าเลยหรือเปล่า?ส่วนศีลธรรมของฉันรีบโต้แย้งว่าไม่เป็นเช่นนั้นแน่แต่กลับไม
ไร้วี่แววของเหตุร้ายใด ๆ ในวันนี้ แสงแดดทอประกายตลอดเส้นทางที่คุ้นตา ดูเหมือนทุกสิ่งจะดำเนินไปได้ด้วยดีเมื่อเดินทางไปถึง โบถส์ก็เนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ทุกคนต่างพากันมาเคารพพ่อเป็นครั้งสุดท้ายฉันเดินตรวจตราดูความเรียบร้อยของสถานที่จัดงานด้วยความพอใจเมื่อเห็นว่าทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่ควร คนอื่นแทบไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยในช่วงการจัดเตรียมงานศพ เรียกได้ว่าฉันเป็นแม่งานผู้รับผิดชอบทุกสิ่งในงานนี้ฉันไม่ได้บ่นอะไรทั้งนั้น คิดเสียว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณผู้เป็นพ่อที่ให้กำเนิดฉันมา ยังไงเสียเขาก็ป้อนข้าวป้อนน้ำ ซื้อเสื้อผ้าและให้ที่ซุกหัวนอนแก่ฉันช่วงพิธีการกำลังจะเริ่มและผู้ร่วมงานส่วนใหญ่เข้านั่งประจำที่นั่ง ฉันตัดสินใจหลบไปนั่งอยู่อีกมุมเพราะรู้สึกผิดที่ผิดทางหากต้องไปนั่งรวมกับครอบครัวนั้น โดยเฉพาะหากต้องไปนั่งข้างเอมม่า“แม่ครับ เรามานั่งตรงนี้กันทำไมครับ… เราไม่ควรไปนั่งข้าง ๆ คุณยายหรือ?” โนอาตัวน้อยเอ่ยถามพร้อมกับชี้นิ้วไปในทิศทางที่คนอื่นนั่งอยู่แน่นอนว่าเราย่อมได้รับสายตาแปลก ๆ แต่ฉันก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เพราะยังไงการที่ฉันเป็นแกะดำที่ไม่เคยได้รับการยอมรับจากครอบค
ฉันจำครั้งแรกที่ฉันเห็นคาลวินได้ เราอยู่ในช่วงมัธยมปลาย และเขาเพิ่งย้ายมาโรงเรียนเราในฐานะนักเรียนทุน ฉันเป็นประธานคณะต้อนรับ แน่นอนว่าฉันทำได้ทุกอย่าง และใครจะไม่อยากให้ฉันเป็นคนพาพวกเขาเดินชมรอบโรงเรียนในวันแรก? ใครจะไม่อยากเห็นหน้าฉันในวันแรกที่เริ่มเรียนโรงเรียนใหม่?ฉันไม่ได้อวดตัวหรืออะไรแบบนั้นหรอก แต่ฉันรู้ว่าฉันคือใครและมีคุณค่าขนาดไหน ฉันเป็นที่นิยม เป็นเชียร์ลีดเดอร์ และนักเรียนดีเด่น ฉันมีทุกอย่าง ทั้งความมั่งคั่ง ความงามและความฉลาด ที่สำคัญที่สุด ฉันยังเป็นคนที่ถ่อมตัว นั่นจึงทำให้คนส่วนใหญ่ชอบฉันแน่นอนว่าฉันก็มีคนที่เกลียดฉันเหมือนกัน เช่น เอวาและผู้หญิงคนอื่น ๆ เพราะฉันมีบางสิ่งที่พวกเธอไม่มีทางมีได้ นั่นก็คือโรแวนทุกคนต่างก็ต้องการเขา มันไม่ใช่ความลับเลย เช่นเดียวกับที่ผู้ชายเกือบทุกคนต่างต้องการฉัน ยกเว้นทราวิสและเกเบรียล เราเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบ แม้ว่าเราจะยังไม่ได้เป็นแฟนกันตอนที่คาลวินเข้ามาเรียน แต่ฉันก็ไม่ได้กังวล มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เราจะลงเอยด้วยกัน มันไม่ใช่คำถามว่าจะลงเอยหรือไม่แต่เป็นคำถามว่าเมื่อไหร่มากกว่ากลับมาที่คาลวิน ฉันจำได้ว่าฉันไ
“พูดเล่นล่ะสิ” ฉันเอ่ยอย่างแผ่วเบา พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เขาเพิ่งพูดไปอย่างที่บอก ฉันรู้จักเกเบรียลดี และฉันรู้ว่านี่ไม่ใช่คำขู่ลอย ๆ แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังต้องมีความมั่นใจอยู่บ้างเพราะนี่คือลิลลี่ที่เรากำลังพูดถึง เธอไม่ใช่แค่ลูกสาวของฉัน แต่เธอเป็นดั่งชีวิตด้วย ฉันจะไม่ยอมให้เขาเอาเธอไปได้ นั่นคงฆ่าฉันทั้งเป็น“ผมดูเหมือนกำลังล้อเล่นเหรอ?” เขาถามพร้อมกับจ้องฉันด้วยสายตารุนแรง “ผมบอกได้เลยว่าผมเอาจริง ฮาร์เปอร์”คุณเคยรู้สึกเหมือนโดนต่อยทั้ง ๆ ที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นไหม? นั่นคือสิ่งที่ฉันรู้สึกในตอนนี้ มันเหมือนโดนการโจมตีล่องหนตรงกลางอก ฉันพยายามสูดลมหายใจผ่านความเจ็บปวด ฉันไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองพังทลายได้ในตอนนี้ ถึงแม้ว่าสิ่งที่ฉันอยากทำที่สุดคือปล่อยตัวเองให้ร้องไห้และสาปแช่งเกเบรียลให้ตกนีกไปซะ“ทำแบบนี้ไปทำไม?” ฉันถาม ใกล้จะหลั่งน้ำตาเต็มที “คุณหย่ากับฉันและไล่ฉันออกมา เกเบรียล ฉันก็ออกมาแล้วเหมือนที่คุณต้องการ และไม่เคยไปรบกวนคุณอีกเลย ทำไมถึงไม่ทำเหมือนกันล่ะ? ทำไมคุณต้องมาทำให้ชีวิตฉันวุ่นวายด้วย?”ฉันไม่เข้าใจเลย ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้ เกเบรียลเป็นเสือ
เวร! ทำไมต้องเป็นฉัน? ทำไมต้องตอนนี้? ทำไมต้องวันนี้? โชคชะตาแสดงให้เห็นมาโดยตลอดว่ามันเกลียดฉัน แต่เรื่องนี้มันเกินไปแล้วนะ ทำไมมันถึงจงชังฉันขนาดนี้?ความจริง ณ ตอนนี้ ฉันกลัวที่จะเงยหน้าขึ้นมอง กลัวที่จะมองเกเบรียลกับลิลลี่ ฉันพยายามสงบหัวใจที่เต้นระรัวเหมือนมันจะหลุดออกมา แต่ไม่มีประโยชน์เลย ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะหัวใจวาย เหงื่อไหลซึมลงไปตามแผ่นหลังอย่างชัดเจนความโกรธที่ฉันมีต่อเกเบรียลหายไปแล้ว สิ่งที่แทนที่คือความกลัวบริสุทธิ์ที่ไม่มีเจือปน ตอนตื่นขึ้นมา ฉันไม่เคยคิดเลยว่าวันนี้จะเจอกับอะไรแบบนี้ ว่าเกเบรียลจะโผล่มาที่บ้านฉันโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย และเขากับลิลลี่จะได้เจอกันในตอนแรก ฉันระมัดระวังเพราะรู้ว่าลิลลี่กำลังนอนพักอยู่เนื่องจากไม่สบาย แต่หลังจากที่เกเบรียลเปิดเผยเรื่องนั้น ฉันลืมไปหมดและระเบิดอารมณ์ออกมา นั่นเป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่มีใครให้โทษนอกจากตัวเอง"แม่คะ?" เสียงหวานใสดังขึ้นทำให้ฉันต้องเงยหน้าขึ้น แม้ว่าฉันอยากหลีกเลี่ยงขนาดไหนก็ตามเมื่อมองหน้าลูกสาว ฉันก็ไม่สามารถพูดสิ่งใดออกมาได้เมื่อฉันไม่ตอบ ลิลลี่ก็หันไปหาเกเบรียลแทน "คุณเป็นใครคะ? แล้วทำไมถึงได้ทะเล
"หมายความว่ายังไง?" ฉันถาม มือของฉันสั่นไหวด้วยความเจ็บปวดรูปแบบใหม่ที่ซัดเข้ามาเขาค่อย ๆ เลิกไขว้ห้างและโน้มตัวไปข้างหน้า "ง่ายมาก ผมก็แค่เก็บบริษัทไว้และสร้างมันขึ้นมาใหม่ แน่นอนว่าเปลี่ยนชื่อและทำให้มันกลายเป็นภาพลักษณ์ของผมเอง ตอนนี้มันเป็นหนึ่งในบริษัทมากมายของผมน่ะ"ความโกรธและความเจ็บปวดพลุ่งพล่านในตัวฉัน ฉันควรจะรู้มาก่อนแล้ว ทำไมถึงประเมินความโหดร้ายของเขาต่ำเกินไป? เขารู้ว่าบริษัทนั้นมีความหมายกับฉันมากแค่ไหน มันเป็นสิ่งเดียวที่เหลือเชื่อมโยงฉันกับครอบครัว แต่เขากลับทำให้ฉันเชื่อว่ามันถูกทำลาย"ทำไม?" ฉันเอ่ยอย่างแผ่วเบา น้ำตาเริ่มเอ่อขึ้นในดวงตา "ทำไมถึงไม่บอกฉัน? เก็บเอาไว้ทำไม?""ผมเก็บไว้เป็นค่าชดเชยที่ต้องแต่งงานกับคุณและเสียเวลาชีวิตไปสามปีน่ะสิ"นั่นแหละที่ทำให้ฉันระเบิด "ไอ้เลวนี่!" ฉันพุ่งเข้าไปหาเขาคำพูดเหมือนมีดที่แทงฉันเป็นชิ้น ๆ และการกระทำก็ทำลายฉันจนสิ้นสภาพ เขาเกลียดฉันมากขนาดนี้เลยเหรอ? ถึงกับเก็บสิ่งที่เขารู้ว่าฉันรักไว้ ทั้งที่มันไม่ใช่ของเขาอย่างนี้เลยเหรอ?"สินสอดที่เรามี คุณก็ไม่ยอมแบ่งอะไรมาให้เลย แต่กลับเก็บยูนิตี้ เวนเจอร์ไว้ คุณมันไอ้คนเห็นแก
“ไม่!” ฉันระเบิดคำปฏิเสธออกมา รู้สึกตื่นตระหนกพร้อมความรู้สึกเดือดดาลอยู่ภายในเขาจ้องมองฉันด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถบอกได้ วินาทีนั้นเอง ใบหน้าของเขาฉายเพียงความว่างเปล่าและความเย็นชาสุดใจเข้ามาแทนที่ฉันกลืนน้ำลายลงคอเมื่อรับรู้ถึงบรรยากาศที่อันตรายซึ่งเต็มไปทั่วห้อง นี่แหละคือเกเบรียลที่ฉันเคยชิน เกเบรียลที่ฉันรู้จัก ผู้ชายที่แข็งกระด้างและกลายเป็นคนอันตรายเมื่อไม่ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ“อย่างนั้นเหรอ? ไม่คิดจะฟังสิ่งที่ผมจะพูดเลยงั้นสิ? ไม่สนเลยเหรอว่าผมจะยื่นข้อเสนออะไรให้คุณ?” ตอนนี้เขาดูสงบ แต่ฉันรู้ว่านั่นมันแค่เปลือกนอก ใต้ชุดสูทและเนคไทคือสัตว์ร้ายแสนอันตรายเขาเหมือนฉลามที่พร้อมจะฉีกคุณเป็นชิ้น ๆ ก่อนที่คุณจะรู้ตัวว่ามันเกิดอะไรขึ้น หรือว่าทำไมถึงตกอยู่ในเงื้อมมือของเขา“ไม่” ฉันตอบซ้ำ “ฉันไม่อยากมีส่วนร่วมกับอะไรก็ตามที่คุณสนอมาทั้งนั้น” ฉันตอบด้วยความมั่นใจการทำข้อตกลงกับเกเบรียลก็เหมือนทำข้อตกลงกับปีศาจ และใครที่มีสติอยู่ครบจะยอมทำแบบนั้นล่ะ? ฉันอาจมีข้อเสียหลายอย่าง แต่ความโง่ไม่ใช่หนึ่งในนั้น ฉันชอบชีวิตของฉันตอนนี้ ที่ไม่มีเงาของเกเบรียลอยู่ในภาพมันคงเป็นเร
ฉันจ้องเขาอย่างตะลึงงัน รู้ตัวอีกทีฉันก็ปิดปากลงเพื่อไม่ให้ดูเหมือนคนโง่ที่ยืนอ้าปากค้างไม่เคยเลยสักครั้งที่จะคิดว่าฉันจะได้พบกับเกเบรียลอีก ฉันคิดว่าวันที่เขาหย่ากับฉันจะเป็นวันสุดท้ายที่เราต้องเห็นหน้ากันบางคนอาจสงสัยว่า ทำไมฉันไม่เคยเห็นเขาในข่าวหรือในรายการซุบซิบบนโทรทัศน์เลย? เพราะฉันไม่สนใจเรื่องพวกนั้น ชีวิตฉันยุ่งเกินกว่าจะมาสนใจว่าโลกข้างนอกกำลังพูดถึงใคร“จะไม่เชิญผมเข้าไปหน่อยเหรอ?” เสียงทุ้มต่ำของเขาขัดจังหวะความคิดฉันสูดหายใจลึก พยายามรวบรวมสติ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะเสียสมาธิ“มาที่นี่ทำไม?”การมาถึงของเขามันน่าตกใจเกินกว่าแค่บังเอิญ เรื่องนี้มันชัดเจนอยู่มากแล้ว ฉันรู้จักเกเบรียลดีพอที่จะรู้ว่าเขาไม่ทำอะไรโดยไร้เหตุผล ถ้าเขาอยู่ที่นี่ แสดงว่าเขามีจุดประสงค์แน่อยากรู้เหรอว่าเขามาที่นี่ทำไมอย่างนั้นเหรอ? เสียงภายในเอ่ยถามคำตอบฉันชัดเจนว่าไม่ ไม่อยากรู้เลย ไม่ว่าที่เขาต้องการจะเป็นอะไร มันไม่มีทางเป็นผลดีกับฉัน และที่แย่กว่านั้น และเป็นเรื่องแย่ไปมากว่าเดิมด้วยถ้าเขารู้ความลับที่ฉันปกปิดเอาไว้“รู้อะไรไหม? ฉันไม่สน คุณช่วยกลับไปที” ฉันยืดตัวขึ้นและตอบเขาเขามอง
ฮาร์เปอร์สายตาของฉันจับจ้องไปที่รูปของเลียม สามีผู้ล่วงลับ สองปีแล้ว แต่ฉันยังคงคิดถึงเขาแทบบ้าฉันถอนหายใจ วางไม้กวาดลง แล้วหยิบรูปขึ้นมาดู ฉันนั่งลงบนโซฟาที่เก่าจนผุพัง แล้วจ้องมองใบหน้าของเขาด้วยความรัก ใช้นิ้วลูบไปตามภาพของเขาเบา ๆ เรากำลังพยายามก้าวต่อไป แต่บอกตามตรง มันไม่ง่ายเลย เขาขอแต่งงานกับฉันตอนที่เรายังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย เราแต่งงานกันทันทีหลังจากที่ฉันเรียนจบฉันยอมรับว่าตอนแรกไม่ได้มั่นใจในตัวเขามากนัก ฉันไม่มีประสบการณ์เรื่องความรักกับผู้ชายเลย ยกเว้นก็แต่กับเกเบรียล แต่เขาไม่นับ เพราะเกเบรียล ผู้ชายที่เคยเป็นสามีของฉัน ปฏิบัติกับฉันเหมือนเป็นโรคร้ายที่เขาอยากจะกำจัดออกไปจากชีวิตเลียมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเกเบรียล เขารู้เรื่องในชีวิตแต่งงานของฉัน รวมถึงเหตุผลที่เกเบรียลหย่ากับฉัน ก่อนจะไล่ฉันออกไปจากชีวิตในวันที่ฉันเพิ่งฝังร่างพี่ชายของตัวเองหลังจากที่ฉันหนีไปต่างประเทศ ฉันเหมือนแตกสลายไปทุกส่วนจนไม่แน่ใจว่าตัวเองจะกลับมาเป็นคนเดิมได้อีกหรือเปล่า ฉันเชื่อว่าเลียมถูกส่งมาในช่วงเวลาที่ฉันต้องการใครสักคนที่สุด ช่วงเวลาที่ฉันต้องการที่ยึดเหนี่ยวมากที่สุดในความอัปยศท
ผมจ้องมองรายงานในมืออย่างเลื่อนลอย สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่หนักหนาสาหัสที่สุดจะพูดแบบนั้นก็คงไม่เกินไป หรือพูดอีกอย่างก็คือ ผมเกลียดสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาเข้าไส้ เพราะคณะกรรมการบริหารยังคงจ้องจับผิดผมไม่เลิกนอกจากพ่อแล้ว ผมสงสัยว่าพวกนั้นไม่มีอะไรดีกว่าที่จะทำอีกแล้วหรือไง ถึงได้พยายามบังคับผมให้เข้าสู่สถานการณ์ที่ผมไม่ต้องการ ขนาดไล่เลขาฯ สุดเซ็กซี่ของผมออก แล้วยัดเยียดผู้ชายคนหนึ่งมาแทนให้ บอกว่าผมไม่สามารถมีเลขาฯ ผู้หญิงได้จนกว่าจะมีครอบครัวพวกมันยังขู่ผมอีกว่าจะไล่ออก หากพวกมันได้ยินข่าวซุบซิบเกี่ยวกับผู้หญิงคนใหม่ในชีวิตผมที่ไม่ใช่ภรรยา และผมจะเสียทุกอย่างที่มีพ่อพยายามพูดกับพวกนั้นในฐานะหัวหน้าบอร์ดบริหาร แต่ความคิดของพวกมันตัดสินใจแน่วแน่แล้วเรื่องที่ผมจะต้องสร้างครอบครัวและแสดงความรับผิดชอบ หรือไม่อย่างงั้นพวกมันจะโหวตขับไล่ผมออกจากบริษัท บริษัทที่บรรพบุรุษของผมสร้างขึ้นมากับมือตั้งแต่นั้นมาผมอารมณ์เสียตลอดเวลา นรกเอ๊ย ตั้งแต่พ่อบอกผมถึงแผนการทั้งหมด ผมก็ระเบิดใส่พนักงานได้ง่าย ๆ และกลายเป็นคนที่ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้คนเดียวที่ช่วยทำให้ผมสงบได้คือโรแวน แต่เขาอยู่ใ
ผมหันไปมองพี่ชาย ผมไม่ทันสังเกตเลยว่าเขาไม่ได้อยู่ข้างเอวาอีกแล้ว ผมไม่เคยเห็นเขามีความสุขขนาดนี้มาก่อน นอกจากวันที่โนอาเกิด และวันที่ไอริสเรียกเขาว่าปะป๋าเป็นครั้งแรกรอยยิ้มของเขาช่างเปล่งประกาย และแววตาของเขาดูสดใส เขาดูแตกต่างจากโรแวนที่ผมรู้จักเมื่อหลายปีก่อนโดยสิ้นเชิง“เปล่า” ผมพึมพำ พลางเหลือบตามองไปที่พ่อแม่ซึ่งนั่งอยู่ตรงนั้นไปตายซะ ไอ้พวกคณะกรรมการบริหารพวกนั้นและนิสัยไม่สนโลกของพวกมันด้วย“ไร้สาระน่า เกเบรียล นายลืมไปเหรอว่าฉันเป็นฝาแฝด? ฉันรู้นะว่านายมีอะไรแน่” เขายืนยันนี่เป็นไม่กี่ครั้งที่ผมเกลียดการเป็นฝาแฝด ไม่มีใครอ่านใจผมออกได้ดีไปกว่าโรแวน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปิดบังอะไรจากเขา“เราค่อยคุยกันหลังจากนายกลับมาจากฮันนีมูนเถอะ วันนี้เป็นวันแต่งงานของนาย ฉันไม่อยากเอาปัญหาของตัวเองมารบกวน”“นั่นมันไร้สาระมาก นายพูดออกมาเลยดีกว่า”ผมลังเลว่าจะบอกเขาดีไหม แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจบอก เขาเป็นพี่ชายและยังไงเขาก็คงได้รู้จนได้“เมื่อวานพ่อบอกว่าพวกบอร์ดบริหารเริ่มโวยวายกันน่ะสิ” ผมเอ่ยออกมาในที่สุด“เรื่อง?”“พฤติกรรมของฉันน่ะสิ”ผมรู้สึกโกรธขึ้นมาอีกครั้งที่พวกมันกล้าพูด