แชร์

บทที่ 382

ผู้เขียน: เอเวอลีน เอ็มเอ็ม
ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง พยายามไม่สนใจชายผู้ดูน่าเกรงขามที่นั่งอยู่ข้างฉัน ความคิดของฉันวนเวียนอยู่กับทุกสิ่งทุกอย่างที่รอคอยฉันอยู่ในประเทศที่ฉันเกิด เมื่อฉันตัดสินใจทิ้งทุกสิ่งและทุกคนที่ฉันเคยรู้จัก ฉันคิดว่าฉันจะไม่มีวันกลับมาอีก

ฉันไม่อายที่จะยอมรับว่าฉันไม่ได้วางแผนที่จะบอกเกเบรียลว่าเขาเป็นพ่อของลูก อย่ามองฉันแบบนั้น ฉันมีเหตุผลของฉันเอง และฉันรู้ว่าคุณก็คงเดาได้บ้างแล้ว

ลิลลี่เป็นความลับที่ฉันตั้งใจจะเก็บไว้จนวันตาย นอกจากดวงตาสีเทาที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว เธอเหมือนฉันทุกอย่างและไม่มีอะไรเหมือนพ่อของเธอเลย คนที่จะเดาได้ว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลวู้ด ก็คงมีเพียงคนที่รู้จักพวกเขาเท่านั้น... และโอกาสที่จะเจอคนรู้จักของตระกูลนั้นก็น้อยมาก เมื่อฉันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกนั้นอีกต่อไป จริงไหม?

ถึงละครโทรทัศน์จะพยายามทำให้เรื่องเหล่านี้ดูหวานซึ้งแค่ไหน แต่ความจริงก็คือคนรวยมักไม่ค่อยคบค้ากับคนจน พวกเขาส่วนใหญ่หยิ่งยโสและมองว่าคนจนเป็นชนชั้นต่ำ น่าเศร้าที่พ่อแม่ของฉันก็เป็นแบบนั้น แต่แอนดรูว์กับฉันไม่ใช่ ต้องขอบคุณมีอา หัวหน้าแม่บ้านผู้ดูแลบ้านของเรา เธอช่วยเลี้ยงดูเราด้วยเพราะส่วนใหญ่
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ธุลีใจ   บทที่ 383

    ฉันสูดลมหายใจลึก ๆ พยายามแยกตัวเองออกจากความทรงจำในคืนนั้น มันเป็นคืนที่ดีที่สุดในชีวิตของฉัน แต่สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นเกือบทำลายฉัน“ฉันถามคุณว่าคุณดื่มกับใคร คุณบอกว่าดื่มกับโรแวน จากนั้นคุณก็เล่าว่าคุณเจ็บปวดแค่ไหนที่เห็นพี่ชายเจ็บปวดและแตกสลาย คุณบอกว่ามันเลวร้ายมากที่คุณช่วยเขาไม่ได้ คุณให้สิ่งที่หัวใจของเขาต้องการไม่ได้ ซึ่งก็คือเอมม่าเรายังคุยกันต่อไป แต่คุณก็จูบฉันอีกรอบ คราวนี้คุณไม่หยุด คุณบอกว่าคุณต้องการลืม แม้ว่าจะเป็นแค่ในคืนนั้น คุณบอกว่าคุณอยากได้ฉันมานานแล้ว และไม่สามารถห่างจากฉันได้อีกคุณยังอุ้มฉันออกจากครัวและพาไปที่ห้องนอนของคุณด้วยนะ ไม่เคยมีครั้งไหนที่คุณสะดุดล้ม ซึ่งมันยืนยันกับฉันว่าคุณไม่ได้เมา และคุณต้องการฉันจริง ๆ ฉันควรจะรู้ตัวว่าอย่าหลงเชื่อปากขี้โกหกของคุณ” ฉันพูดจบเช้าวันถัดมา ฉันตื่นก่อนเขาและตัดสินใจจะทำอาหารเช้าให้เขา เมื่อทำเสร็จแล้ว ฉันก็กลับไปที่ห้องเพื่อปลุกเขาให้ลุกขึ้นมาดื่มน้ำฉันตกใจเมื่อถูกเขาตะโกนใส่ ถามว่าฉันมาทำอะไรในห้องของเขา ฉันใส่ชุดนอนบาง ๆ และฉันจำได้ว่าเขาบอกให้ฉันหยุดทำตัวอยากได้เขามากนัก เขาคิดว่าฉันมาเพื่อยั่วยวนเขา“ฉั

  • ธุลีใจ   บทที่ 384

    ฉันกำที่วางแขนที่นั่งแน่นในขณะที่เครื่องบินแตะพื้น ความตื่นตระหนกเริ่มเข้าครอบงำเมื่อคิดถึงสิ่งที่จะรอฉันอยู่ข้างหน้า สิ่งที่จะรอฉันและลิลลี่อยู่มันยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ขณะคิดถึงเรื่องการแนะนำชีวิตที่ฉันทิ้งไปเมื่อหลายปีที่แล้วให้ลูกได้รู้ ความตื่นตระหนกเข้ามากดดันฉันเมื่อจินตนาการถึงคำถามที่เธอจะถาม ไม่เพียงแต่เกี่ยวกับอดีตของฉัน แต่ยังเกี่ยวกับเกเบรียลด้วย ฉันเกือบจะหมดสติเมื่อคิดถึงวิธีที่ฉันจะตอบคำถามเหล่านั้นฉันรู้ดีว่าฉันได้ปกปิดหลายเรื่องจากเธอ นั่นคือสิ่งที่ทำให้ฉันกังวล กลัวว่าเธอจะไม่เข้าใจ และจะโกรธเมื่อรู้ว่าฉันเก็บความลับจากเธอมากแค่ไหน“หายใจเข้าลึก ๆ ฮาร์เปอร์… หายใจ”ฉันได้ยินเสียงของเขากระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู ฉันยึดเสียงนั้นไว้ พยายามจะดึงตัวเองออกจากความมืดและหมอกหนาที่รุมเร้า“แม่เป็นอะไรไหมคะ?”ลิลลี่ถามด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล“คิดว่าแม่หนูมีอาการวิตกกังวลนะ” เกเบรียลตอบด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลความกังวลในน้ำเสียงของลิลลี่ทำให้ฉันต้องพยายามรวมตัวเองกลับมา มันผลักดันให้ฉันกลับมาควบคุมตัวเองและเอาชนะความตื่นตระหนกที่กำลังจะกลืนกินฉัน ฉันไม่สามารถให้เธอ

  • ธุลีใจ   บทที่ 385

    ฉันผลักความคิดเหล่านั้นออกไปแล้วขึ้นรถตามด้วยเกเบรียล หลังจากคนขับของเขาขึ้นรถ เขาก็สตาร์ตรถ และไม่นานเราก็ออกเดินทาง“คุณคะ คุณรวยใช่ไหม?” เสียงของลิลลี่ดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่อึดอัด“ลิลลี่” ฉันเตือนลูกสาวเบา ๆ “ไม่ควรถามคนอื่นเรื่องส่วนตัวแบบนี้นะ”สิ่งที่คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับลูกสาวฉันคือเธอไม่มีการกรองคำพูด เธอจะพูดสิ่งที่คิดออกไปเสมอ โดยไม่สนใจว่าจะล้ำเส้นใครหรือเปล่า ตราบใดที่เป็นสิ่งที่อยู่ในใจเธอ เธอก็จะพูดออกมาแทนที่จะโกรธหรือหงุดหงิดเหมือนที่ควรจะเป็น เกเบรียลกลับหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะถามว่า“ทำไมถามแบบนั้นล่ะ?”ลิลลี่ยักไหล่ “ก็หนึ่ง คุณมีเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว ราคาก็น่าจะประมาณสองหรือหนึ่งร้อยล้านก็ได้ แล้วก็มีรถคันนี้ ราคาประมาณยี่สิบล้านได้ ชุดสูทอีก นาฬิกา แล้วก็รองเท้าด้วย ดูจากวัสดุพวกนั้นก็สามารถบอกได้ว่ามันแพง”ลิลลี่รู้เรื่องตัวเลขดี นอกจากรถยนต์แล้วงานอดิเรกอีกอย่างคือการดูรายการเกี่ยวกับธุรกิจและอ่านนิตยสารธุรกิจ ส่วนที่เธอชอบที่สุดคือส่วนบัญชีฉันสังเกตเห็นสิ่งนี้ตั้งแต่เธอประมาณห้าขวบแล้ว ความฉลาดที่แหลมคมและความรักในทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวเลข ฉัน

  • ธุลีใจ   บทที่ 386

    เกบรียลผมรีบร้อนออกมาให้พ้นจากตัวบ้านโดยที่ไม่รู้ว่าตนเองจะมุ่งหน้าไปที่จุดหมายใดดี สิ่งเดียวที่ผมรู้คือผมจำเป็นต้องออกไปให้ไกลจากทั้งสองก่อน ผมต้องการระยะห่าง ต้องการเวลาคิดและระงับจิตใจตนเองในเวลาเดียวกัน ผมทำไม่ได้เลยหากอยู่กับทั้งสองแม่ลูกจิตใจผมเตลิดไปหมด ผมแทบคิดอย่างเป็นระบบไม่ได้เลยด้วยซ้ำและนั่นก็ทำให้ผมแทบสติแตกอยู่ตลอดเวลาเมื่อรู้เรื่องเกี่ยวกับหนูน้อยลิลลี่ ผมแทบไม่ได้คิดเลยว่าเธอเป็นลูกสาวของผม เธอเป็นแค่สิ่งมีชีวิตหนึ่งเท่านั้น เป็นเพียงคนแปลกหน้าที่เกี่ยวข้องกัน การที่ได้เห็นและมีปฏิสัมพันธ์รวมถึงพาเธอกลับมาที่บ้านนั่น ยิ่งตอกย้ำว่าเธอเป็นลูกสาวผมจริง ๆสายตาเธอชัดเจนยิ่งกว่าสิ่งใด กิริยาท่าทางทำให้ผมตะลึงเป็นอย่างมาก ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้พบเจอคนที่คล้ายคลึงกับผมและพี่ชายได้มาขนาดนี้มาก่อน แต่ความคิดนี้ผิดมหันต์ ลิลลี่ย้ำเตือนผมได้ตระหนักว่ามันแสนแปลกประหลาด ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆฮาร์เปอร์พยายามจะเก็บซ่อนลูกสาวอยู่ตลอด แต่ลิลลี่เป็นวู้ดโดยแท้ เธอเรียนรู้ได้ด้วยตนเองและไม่มีทางไหนที่จะปกปิดเรื่องใดจากเราได้เลย หากเราต้องการพูดสิ่งที่อยู่ภายในจิตใจออกมา เร

  • ธุลีใจ   บทที่ 387

    โรแวนผมทรุดตัวลงกับโซฟาพร้อมกับความคิดหมุนวนไปมา เมื่อรับสายจากเกเบรียลและตอบรับการเชิญชวนให้มาพบ ผมไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะทำให้ตนเองปั่นปวนขนาดนี้ความจริงผมคิดว่าน้องชายต้องการจะรับมือกับการตัดสินใจของพวกคณะกรรมการบริหาร แต่เขากลับล้มไม่เป็นท่าเมื่อเปิดเผยว่าตนเองแอบมีลูกซ่อนไว้ เป็นลูกสาวที่ไม่มีใครรู้จักหน้าตามาก่อนผมถอนหายใจ หันหน้าไปจ้องมองเขา ผมควรพูดสิ่งใดออกไปดี? สิ่งไหนควรออกจากปากผมดี? นี่ไม่ใช่เรื่องปกติที่จะมีใครสักคนหนึ่งบนโลกที่ได้เจอกับลูกสาวที่ไม่รู้จักกันมาก่อน“แล้วฮาร์เปอร์คนนี้คือคนที่นายชอบไปนอนด้วยใช่ไหม?” ผมเอ่ยถาม พยายามรวบรวมสติให้อยู่กับร่องกับรอยผมรู้จักน้องชายดี เขาเป็นเสือผู้หญิงโดยแท้ ผมจึงไม่รู้สึกประหลาดใจอะไร ความจริงสิ่งทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจมากกว่านั้นก็คือการที่เขาไม่ได้มีเมียเก็บพร้อมลูกมากกว่าหนึ่งคนต่างหาก“ไม่นะ ไม่ใช่แค่คู่นอน” เขาตอบ “นายก็รู้จักเธอนะ จริง ๆ แล้วเธอเป็นคนจากตระกูลเบคเกตต์”วินาทีแรก ผมก็ไม่รุ้สึกเอะใจอะไรเลย แต่ก็นึกขึ้นมาได้“อย่ามาตลกนะ เกบ” ผมมองหน้าน้องชายอย่างตกตะลึง “อย่าบอกนะว่านั่นคือฮาร์เปอร์ เบคเกตต์? น้อง

  • ธุลีใจ   บบที่ 388

    นับตั้งแต่ที่รับสายจากเขาเป็นครั้งแรก ผมก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขได้รู้ว่าเขาต้องการรู้จักลูกสาวตนเอง มากขึ้น“งั้นฉันก็จะคอยเอาใจช่วยเอง”“แต่ต้องทำยังไงล่ะ? ฉันรู้จักเรื่องการเงินอย่างกับลูกในไส้ แต่การเป็นพ่อคนนี่มันคนละเรื่องกันเลยนะ” เขาถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด ซึ่งทำให้ผมรู้สึกขำขันไม่น้อย“นายต้องเข้าใจก่อนว่าการเป็นพ่อที่ดีไม่ได้มีคู่มือมาคอยนำทางหรอกนะ หลังจากฉันเป็นพ่อคนมาได้หลายปี ฉันเองก็ยังต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ทุกวัน พอเป็นเรื่องการเป็นพ่อแม่คนเนี่ย นายต้องมีไหวหริบเอง จะรู้ได้เองว่าต้องควรทำอะไร”“อืม นายพูดถูก”“แล้วเรื่องฮาร์เปอร์ นายว่ายังไง รู้สึกอะไรกับเธอหรือเปล่า?” ผมเอ่ยถามด้วยความอยากรู้คำตอบนั้นชัดเจน “ไม่เลย! ฉันไม่ได้รุ้สึกอะไรกับเธอเลย แล้วถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้จำเป็นต้องมีเธออยู่ด้วย ฉันก็ไม่อยากเจอเธอด้วยซ้ำ”ผมถอนหายใจพร้อมเอ่ยถามคำถามที่กวนใจผมมาตั้งแต่เจ้าน้องชายบอกแผนการทั้งหมดออกมาให้ฟัง “ถ้างั้น ทำไมนายถึงเลือกเธอให้มารับหน้าที่เป็นภรรยาล่ะ? จะไปเลือกใครมาก็ได้ แต่ทำไมต้องเป็นเธอ?”“ฉันเองก็ไม่รู้…อาจเป็นเพราะเธอเคยเป็นภรรยาฉันก็ได้ ฉั

  • ธุลีใจ   บทที่ 389

    ฮาร์เปอร์นี่ก็เกือบอาทิตย์หนึ่งแล้วตั้งแต่ที่เกเบรียลทิ้งเราเอาไว้กับคนขับรถของเขาและขับรถออกไป เราไม่ได้ข่าวคราวอะไรจากเขาเลย และไม่ได้เห็นหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากเจ้าตัวไม่ได้อยู๋ที่นั่นด้วย ซึ่งทำให้ฉันเชื่อว่าเขาไปอยู่กับหวานใจคนใดคนหนึ่งแน่เรื่องการลงหลักปักฐานเป็นเรื่องยากลำบากโดยเฉพาะสำหรับลิลลี่ ลูกสาวเป็นประเภทที่ไม่สามารถนอนหลับได้สนิทหากไม่ใช่เตียงนอนที่คุ้นเคย แน่นอนว่าเตียงนอนนั้นสุดยอด ฟูกนอนนุ่มสบายกว่าอันเดิมที่บ้านเก่าเรามาก กระนั้นมันก็ไม่ใช่เตียงนอนของลิลลี่อยู่ดีเมื่อถึงจุดนี้ ฉันคงต้องร้องขอให้เกเบรียลช่วยย้ายเตียงอันเดิมหากหลายสิ่งยังคงเป็นสภาพนี้อยู่ ลิลลี่แทบนอนไม่หลับหรือนอนได้เพียงสามถึงสี่ชั่วโมงแล้วก็ตื่นนอนอยู่ดี ฉันต้องคอยอยู่เป็นเพื่อนลูกเพื่อให้เธอได้นอนหลับสบายฉันรู้สึกไม่สบายใจเลย มักเอาแต่สงสัยว่าฉันตัดสินใจถูกแล้วหรือไม่ที่ยอมตกลงแต่งงานอีกครั้งหนึ่ง ใช้ชีวิตร่วมกับเกเบรียลเปรียบเสมือนอยู่ในนรก….หรือว่าถึงขั้นต้องต่อสู้เพื่อแย่งสิทธิ์เลี้ยงดูลิลลี่มา? ฉันรักลูกสาวเป็นอย่างมาก แต่ฉันรู้สึกพร้อมจริง ๆ เหรอสำหรับเรื่องการแต่งงานกับเกเบรียลอีก

  • ธุลีใจ   บทที่ 390

    เขาผลักสำเนาเอกสารข้ามโต๊ะ ฉันรับเอาไว้และอ่าน ฉันต้องให้ทนายส่วนตัวช่วยตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งหลังจากนี้ แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีที่ได้อ่านข้อสัญญาด้วยตนเองก่อน สิ่งหนึ่งที่พี่ชายฉันสอนมา ก็คือคนเราไม่ควรลงนามในเอกสารอะไรหากไม่ได้อ่านด้วยตนเองก่อนเรื่องต่าง ๆ ที่เราได้คุยกันไว้ก่อนหน้าระบุเอาไว้ในนี้หมดแล้ว สัญญาฉบับนี้มีผลอยู่อย่างน้อยสองปี และเมื่อสิ้นสุดสัญญานี้ ฉันจะได้รับบริษัทยูนิตี้ เวนเจอร์และค่าเลี้ยงดูชดเชยด้วย รวมถึงเกเบรียลยังช่วยดูแลเรื่องต่าง ๆ ของลิลลี่ต่อด้วย เขาแสดงเจตจำนงว่าต้องการรับเลี้ยงลิลลี่เป็นบุตรสาว รวมถึงจะต้องใช้นามสกุล วู้ด ตามด้วยสิ่งเหล่านี้สำคัญต่อฉันมากที่สุด และหลังจากอ่านทบทวนอยู่หลายครั้ง ฉันก็วางสำเนาเอกสารนี้ลง“มีข้อกังขาอะไรไหม?” เขาเอ่ยถามพร้อมยื่นปากให้ “ไม่มีนะ แต่เพิ่มข้อตกลงเข้าไปอีก” ฉันจ้องมองปากกาแต่ยังไม่หยิบขึ้นมา“ข้อตกลงแบบไหนล่ะ?”ฉันสูดหายใจเข้าลึกพร้อมเงยหน้าขึ้น “ข้อแรก ฉันต้องการความซื่อสัตย์ การแต่งงานของเราก่อนหน้านี้เป็นความลับ ซึ่งก็ทำให้คุณมีสิทธิ์นอกใจฉันได้ อย่างที่บอกไปจุดนี้ควรได้รับการประกาศออกไปอย่างเป็นทางการ มันได

บทล่าสุด

  • ธุลีใจ   บทที่ 462

    เรียกฉันว่าคนขี้ขลาดก็ได้ ฉันไม่สน แต่ฉันแค่ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไรเมื่อฉันไปถึงห้องนั่งเล่น ฉันโทรสั่งอาหารเช้าให้มาส่งที่ห้องของเรา ก่อนจะนั่งลงรอฉันรู้ว่านี่จะเป็นหายนะตั้งแต่ตอนที่เกเบรียลบอกว่าเราจะใช้ห้องร่วมกัน ฉันคิดว่าหมอนจะช่วยได้ แต่ฉันแค่หลอกตัวเอง มันไม่ได้ช่วยอะไรได้เลยเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉันก็เดินไปเปิด"อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณผู้หญิง" พนักงานเสิร์ฟทักทาย พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า"อรุณสวัสดิ์ค่ะ""ให้ดิฉันวางตรงไหนดีคะ?" เธอถามขณะที่ฉันหลีกทางให้เธอเข้ามา"บนโต๊ะอาหารก็ได้ค่ะ" ฉันตอบเธอเธอพยักหน้าและเดินไปที่นั่น เธอเพิ่งวางอาหารเช้าลงและกำลังจะออกไป เกเบรียลก็เดินออกจากห้องนอนพร้อมมือที่กำลังติดกระดุมเสื้อฝีเท้าเธอเริ่มช้าลง และเธอเกือบจะสะดุดเมื่อมองเห็นเขา เกเบรียลเป็นผู้ชายที่ดูดีมาก ดังนั้นฉันจึงไม่โทษเธอหรอก"ขอบคุณค่ะ" ฉันพูดเมื่อรู้ว่าสายตาของเธอยังคงอยู่ที่เกเบรียล ขณะที่สายตาของชายหนุ่มก็อยู่ที่ฉันเสียงของฉันดึงเธอออกจากภวังค์ เธอพยักหน้าก่อนจากไป เมื่อเธอไปแล้ว ฉันก็ปิดประตูให้เรียบร้อย"แล้วยังไงดี คุณจะแกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรเก

  • ธุลีใจ   บทที่ 461

    ให้ตายเถอะ แค่คิดถึงคืนนั้นรวมถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ก็ทำให้ฉันรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัวแล้ว ฉันขยับตัวเล็กน้อย หวังว่าจะช่วยให้รู้สึกสบายขึ้นและบรรเทาความปั่นป่วนในร่างกาย แต่มันกลับทำให้ทุกอย่างแย่ลง เพราะการขยับตัวทำให้ร่างกายแนบชิดกับเกเบรียลมากขึ้นกว่าเดิมเกเบรียลส่งเสียงครางต่ำ แหบพร่า และเร้าอารมณ์ เช่นเดียวกับที่เขาเคยเปล่งออกมาในคืนนั้น ทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหว เสียงนั้นพุ่งตรงเข้าสู่ความรู้สึกของฉัน ทำให้ฉันหยุดพยายามจะขยับตัวให้สบายขึ้นฉันค่อย ๆ หันไปมองเขา หวังว่าเขาจะยังหลับอยู่ พอเห็นว่าเปลือกตาของเขายังคงปิดสนิท ฉันก็รู้สึกโล่งใจ แต่แล้วหัวใจก็เต้นแรงขึ้นเมื่อได้มองใบหน้าของเขาชัด ๆตอนหลับ เขาดูสงบและงดงามเหลือเกิน ขนตายาวทอดเงาบนแก้ม ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย เพียงแค่มองฉันก็เกิดความรู้สึกอยากสัมผัสเขา อยากแนบจูบลงไปบนริมฝีปากนั้นฉันกำลังจมดิ่งลงไปอีกครั้ง กับผู้ชายที่กุมหัวใจฉันไว้ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน คนเดียวกับที่ตอนนี้กำลังขอในสิ่งที่ฉันไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นไปได้ฉันหลงใหลในตัวเขามาก จนกระทั่งฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจนสายเกินไปเสียงครางหลุดออกจากริมฝีปากขอ

  • ธุลีใจ   บทที่ 460

    มื้อค่ำที่เหลือเป็นไปอย่างเงียบสงัด เขาก็ยังต้องขอโทษฉันอยู่แต่ฉันไม่รู้จะพูดอะไรดี ถ้าจะพูดตามตรง ฉันไม่เคยคิดว่าเกเบรียลจะมาขอโทษฉันเลย ดังนั้นการที่เขาทำแบบนั้นและทำด้วยความจริงใจแบบนี้ทำให้ฉันพูดไม่ออกจริง ๆเรารับประทานมื้อค่ำเสร็จและโทรเรียกพนักงานจากด้านล่างให้มาเก็บจาน"ฉันจะไปนอนแล้วนะ มีอะไรที่คุณอยากได้ก่อนหรือเปล่า?" ฉันถามเมื่อจานอาหารถูกเก็บไปและพนักงานจากโรงแรมก็ออกจากห้องไปแล้วลึก ๆ ในใจฉันกำลังตกใจและกังวลที่จะต้องนอนในห้องเดียวกับเกเบรียล แต่ความเหนื่อยจากการเดินทางก็ทำให้ความวิตกกังวลหายไป"ผมเองก็จะไปนอนเหมือนกัน เหนื่อยสุด ๆ เลย"ฉันพยายามกลั้นความตกใจที่เริ่มปะทุขึ้นมาในใจ ฉันคิดว่าจะนอนก่อนเขาเหมือนที่เคยทำ นั่นจะทำให้ฉันมีเวลาได้ผ่อนคลายและพักผ่อนก่อนที่เขาจะเข้ามานอน ฉันนึกไว้ว่าจะหลับไปแล้วก่อนที่เขาจะขึ้นมานอนฉันกัดฟันอย่างหงุดหงิดและเครียด ก่อนจะพยักหน้าหงุดหงิดแล้วเดินไปห้องนอน"คุณชอบนอนด้านไหน?" เขาถาม ขณะที่เดินเข้ามาหยุดอยู่ที่ข้างเตียง"ฉันไม่ค่อยมีความชอบอะไรหรอก ขอแค่ได้นอน ด้านไหนก็เหมือนกัน"“รู้เรื่อง งั้นผมนอนฝั่งซ้ายนะ คุณก็ฝั่งขวาแล้

  • ธุลีใจ   บทที่ 459

    "อาบน้ำเสร็จแล้ว" ฉันบอกเกเบรียลเมื่อก้าวออกมาที่ห้องนั่งเล่น"ผมสั่งอาหารไว้แล้ว กินก่อน ไม่ต้องรอผมได้เลยนะครับ" เขาพูดก่อนเดินผ่านฉันเข้าไปในห้องนอนมันรู้สึกแปลกที่จะเริ่มรับประทานโดยที่ไม่มีเขาและฉันก็ไม่ได้หิวมากนัก ฉันเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีเมล และดูว่าวันพรุ่งนี้ต้องทำอะไรบ้างฉันไม่ต้องรอนาน เพราะไม่ถึงสิบนาทีต่อมา เกเบรียลก็เดินออกมาจากห้องนอนในเสื้อยืดเก่า ๆ และกางเกงวอร์ม“ยังไม่กินเหรอ?” เขาถามพลางเลิกคิ้ว สายตาจ้องมองอาหาร“ก็รู้สึกไม่ดีนี่นาที่กินก่อนคุณแบบนั้น แถมคุณเป็นคนสั่งอาหารมาด้วย”เขาทิ้งตัวลงนั่ง ก่อนจะเริ่มเปิดจานอาหาร ฉันตักอาหารเล็กน้อยแล้วเริ่มรับประทาน ความเหนื่อยถาโถมเข้ามา แม้ว่าฉันจะได้นอนบนเครื่องบินแล้วก็ตาม ฉันไม่อาจหยุดคิดถึงเตียงได้ ตอนแรกฉันไม่ชอบใจนักเรื่องการนอนร่วมเตียงกับเกเบรียล แต่ตอนนี้ฉันกลับเอาแต่คิดถึงมันเสียแล้ว ร่างกายร้องหาเพียงการพักผ่อน“แล้วคุณล่ะ เคยตกหลุมรักใครไหม?” คำถามเกเบรียลทำเอาฉันประหม่าฉันหันขวับไปมองเขา เจอสายตาคมกริบที่จ้องตรงมา ฉันกลืนอาหารลงคอและให้ปากทำหน้าที่ ตอนนี้คงมีอยู่แค่สองทางเลือก ไม่โกหกออกไป ก็บอ

  • ธุลีใจ   บทที่ 458

    ไม่กี่นาทีต่อมา เรามายืนอยู่หน้าห้องสวีท ความรู้สึกตื่นเต้นแปลก ๆ จู่โจมฉันทันที เกเบรียลไขกุญแจและผลักประตูเข้าไปโถงทางเข้าต้อนรับเราด้วยพื้นหินอ่อนขัดมันที่เปล่งประกายอยู่ใต้แสงนุ่มนวลของโคมไฟระย้าสุดหรู เงาสะท้อนทอดเป็นลวดลายงดงามบนผนังห้องนั่งเล่นกว้างขวางปรากฎสู่สายตา ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สุดหรู และหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานที่เปิดมุมมองสู่ทัศนียภาพของเมืองที่ระยิบระยับราวกับทะเลดาวระบบความบันเทิงล้ำสมัยให้คำมั่นถึงค่ำคืนอันแสนอบอุ่น ขณะที่ครัวสไตล์กูร์เมต์ดึงดูดใจด้วยเครื่องใช้สแตนเลสเงาวาวและเคาน์เตอร์กลางขนาดใหญ่ที่เหมาะสำหรับการทำอาหาร ห้องรับประทานอาหารสุดเก๋ให้ความรู้สึกอบอุ่น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสังสรรค์เล็ก ๆ ที่เป็นกันเอง"ดูท่าทางคุณจะชอบนะ?" เกเบรียลแกล้งเย้าฉันทำได้แค่พยักหน้า อย่างที่บอกไปแล้ว เราเคยรวย และฉันก็เคยพักในโรงแรมดี ๆ มาก่อน แต่ที่นี่คืออีกระดับหนึ่ง มันเป็นนิยามของความหรูหราที่แท้จริงสายตาฉันยังคงกวาดมองไปรอบ ๆ ห้อง แต่จู่ ๆ ฉันก็ชะงักเท้าเมื่อความจริงบางอย่างตีแสกหน้าเข้ามาเต็ม ๆ"เกเบรียล ห้องฉันอยู่ไหนคะ? ฉันเห็นแค่ห้องนอนเดียวเองนะ" ฉ

  • ธุลีใจ   บทที่ 457

    เครื่องบินลงจอดที่รันเวย์ มือของเกเบรียลจับตัวฉันไว้ไม่ให้กระดอนตอนเครื่องบินลงจอด“ไม่เป็นไรนะ?” เขาเอ่ยถามพลางสบตาฉัน“ค่ะ”หลังจากที่เกเบรียลเล่าเรื่องผู้หญิงที่เขาเคยตกหลุมรัก ก็ไม่มีเรื่องอะไรไปมากกว่านั้น บาดแผลนั้นยังคงหลอกหลอนเขาอยู่ บาดแผลที่ฝังลึกลงไปข้างในฉันเห็นมันปรากฎอยู่ในดวงตาเขาอย่างชัดเจนขณะที่เล่าทุกอย่างให้ฟัง เขาไม่ต้องการพูดอะไรมากกว่านี้ เขาเพิ่งจะเปิดเผยความลับบางสิ่งเกี่ยวกับตัวเขาที่ใครคนอื่นไม่เคยรู้ แม้แต่พี่ชายฝาแฝดเขาก็ไม่เคยรู้ฉันไม่ได้บังคับให้เขาเล่าออกมามากกว่านั้น ฉันไม่ได้ขอให้เขาเล่าให้ฟังว่าหลังจากรับรู้ความจริงพวกนั้นมันเป็นอย่างไรต่อหรือเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนั้น เขารู้สึกเปราะบาง และฉันก็เข้าใจด้วยว่าเขาต้องการเวลาเพื่อตั้งสติ ดังนั้นฉันจึงให้พื้นที่กับเขาฉันใช้เวลากว่าครึ่งอ่านหนังสือและอีกครึ่งในการนอนหลับพักผ่อน เขายังเอาใจใส่แม้ตอนที่นั่งห่างออกไป เขาถามว่าฉันนั่งสบายไหมหรือต้องการอะไรอีกหรือเปล่าอยู่เป็นระยะมือของเขาเอื้อมมาแตะหน้าท้องฉันจนดึงฉันออกจากภวังค์ ฉันมองลงไปพบว่าเขากำลังปลดเข็มขัดนิรภัยของฉันออก“คุณรู้ใช่ไหมว่าฉันท

  • ธุลีใจ   บทที่ 456

    ก็เป็นความรักที่สวยงามไม่ใช่เหรอ? แต่ฉันรู้สึกได้ว่ามันต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้น บางสิ่งที่เปลี่ยนไป ถ้าทุกอย่างมันดีจริง ๆ ตอนนี้เขาก็คงเคียงคู่กับเธอคนนั้นไปแล้ว ไม่น่าจะมาแต่งงานกับฉันแบบนี้เสียงของเขาเริ่มแหบพร่าและเริ่มเล่าต่อ “ทุกสิ่งมันดีไปหมดเลย เธอเป็นผู้หญิงที่สุดยอดมากและผมก็รู้สึกว่าหลงรักเธอมากขึ้นทุกวัน แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้แนะนำเธอให้โรแวนรู้จัก เพราะผมอยากเก็บเธอไว้กับตัว ผมไม่ได้เจตนาจะคบหาแบบเงียบ ๆ แต่แค่อยากใช้เวลากับเธอมากกว่านี้ก่อนที่จะพบครอบครัวผม ทุกวันที่ตื่นขึ้นมาผมนึกว่าตนเองโชคดีขนาดไหนที่ได้พบเจอคนอย่างเธอ อย่างที่คุณรู้ โลกของเรามันหาคู่รักที่เหมาะกันได้ง่ายเสียที่ไหนล่ะ ฮาร์เปอร์”และนั่นแหละก็เป็นสังคมของเรา มันยากมากเลยนะที่จะพบเจอคนที่รักเราจริง บางคู่ที่แต่งกันก็เป็นเพราะเรื่องของธุรกิจ และน้อยคนนักที่จะรักและเคารพจากใจจริง แล้วก็ยังมีพวกหวังรวยทางลัดอีก เป็นพวกที่แต่งงานกับคนรวย ๆ เท่านั้นและฉันว่านี่คงเกิดขึ้นบ่อยด้วย“ผมอยู่ในห้วงความรักเลยและคิดอะไรอย่างมีเหตุผลไม่ค่อยได้ เธอสามารถทำให้ผมเปลี่ยนแปลงตนเองได้เพราะผมไม่อยากทำร้ายจิตใจเธอ ไม่อยากให้เ

  • ธุลีใจ   บทที่ 455

    “ฮาร์เปอร์?” เสียงของเขาเรียกฉันกลับมาสู่ความเป็นจริง“โอ๊ะขอโทษที ฉันคิดอะไรเพลินไปหน่อย” ฉันส่ายหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป “ค่ะ ฉันเก็บของเสร็จแล้ว”“ดีครับ งั้นไปกันเถอะ”หนึ่งชั่วโมงต่อมา เรานั่งอยู่ในเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของเกเบรียล ครั้งนี้ฉันเดินทางไปกับเขาเพื่อเซ็นสัญญาธุรกิจ“ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม? ต้องการอะไรหรือเปล่า? ผมให้พนักงานต้อนรับเอาอะไรมาให้ได้นะ” กาเบรียลถามขึ้นทันทีที่เครื่องบินเริ่มออกตัวเข้าใจที่ฉันบอกแล้วใช่ไหม? เขาใส่ใจฉันมากเหลือเกินแต่ตอนที่เรายังแต่งงานกัน เขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ฉันคิดว่าเขาไม่เคยทำอะไรเพื่อทำให้ฉันมีความสุขเลย จริง ๆ แล้วมันตรงกันข้าม เขาไม่เคยสนใจว่าฉันต้องการอะไร หรือว่าฉันสบายดีไหม ไม่เคยสนใจแม้แต่ฉันยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า เขาแค่ไม่เคยสนใจฉันเลยแต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป และนั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้ฉันสับสน มันเหมือนเขาเป็นยักษ์ในตะเกียงวิเศษที่คอยทำให้ความปราถนาของฉันเป็นจริง“ไม่ค่ะขอบคุณ ถ้าต้องการอะไร เดี๋ยวฉันจะบอกพนักงานเองได้ค่ะ” ฉันพึมพำตอบกลับเกเบรียลพยักหน้ารับ ก่อนจะหยิบแล็ปท็อปขึ้นมาเปิดฉันเอนตัวลงกับเบาะหน

  • ธุลีใจ   บทที่ 454

    “แม่ต้องไปจริง ๆ เหรอคะ?” ลิลลี่ถาม สายตามองสลับไปมาระหว่างฉันกับกระเป๋าเดินทางที่เปิดอยู่บนเตียงฉันไม่เคยชอบการเก็บกระเป๋าแบบเร่งรีบในนาทีสุดท้ายแบบนี้เลย แต่ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา งานที่ทำงานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาหายใจ พอกลับถึงบ้าน สิ่งเดียวที่ฉันคิดได้ก็คือการนอนหลับ ฉันเหนื่อยจนแทบยืนไม่ไหว ไม่มีแรงจะทำอะไรนอกจากกินแล้วก็นอน“ต้องไปจ้ะ” ฉันตอบเธออย่างอ่อนโยน “งานนี้สำคัญมากเลยลูก แล้วพ่อหนูต้องไปจัดการด้วยตัวเอง…”“แต่หนูยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมหนูไปด้วยไม่ได้? หนูอยากเห็นว่าพ่อทำงานยังไง หนูอยากรู้ว่าพ่อจัดการเรื่องงานยังไงค่ะ”ฉันพับเสื้อผ้าชิ้นสุดท้าย ซึ่งเป็นเสื้อไหมสีฟ้า ก่อนจะวางมันลงไปในกระเป๋ากับของที่เหลือ พอทุกอย่างเรียบร้อย ฉันรูดซิปปิดแล้ววางกระเป๋าลงบนพื้น“ลูกก็รู้นี่ ว่าไปไม่ได้” ฉันตอบเธอขณะนั่งลงบนเตียง“ทำไมล่ะคะ?”“เพราะลูกยังเป็นเด็กไง ก็เลยไปไม่ได้ ถูกไหมคะ?”“หนูไม่ใช่เด็กนะคะ หนูจะสิบขวบแล้ว"ฉันกลอกตาให้กับคำโกหกที่ชัดเจน ก่อนจะดึงลิลลี่เข้ามากอดและหอมแก้มเนียนนุ่มของเธอเบา ๆ“หนูก็รู้ดีนะว่าเพิ่งแปดขวบ อีกนานเลยกว่าสิบขวบนะลิลลี่… แล้วอีกอย่าง เด็ก ๆ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status