แชร์

บบที่ 388

ผู้เขียน: เอเวอลีน เอ็มเอ็ม
นับตั้งแต่ที่รับสายจากเขาเป็นครั้งแรก ผมก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขได้รู้ว่าเขาต้องการรู้จักลูกสาวตนเอง มากขึ้น

“งั้นฉันก็จะคอยเอาใจช่วยเอง”

“แต่ต้องทำยังไงล่ะ? ฉันรู้จักเรื่องการเงินอย่างกับลูกในไส้ แต่การเป็นพ่อคนนี่มันคนละเรื่องกันเลยนะ” เขาถอนหายใจด้วยความหงุดหงิด ซึ่งทำให้ผมรู้สึกขำขันไม่น้อย

“นายต้องเข้าใจก่อนว่าการเป็นพ่อที่ดีไม่ได้มีคู่มือมาคอยนำทางหรอกนะ หลังจากฉันเป็นพ่อคนมาได้หลายปี ฉันเองก็ยังต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่ทุกวัน พอเป็นเรื่องการเป็นพ่อแม่คนเนี่ย นายต้องมีไหวหริบเอง จะรู้ได้เองว่าต้องควรทำอะไร”

“อืม นายพูดถูก”

“แล้วเรื่องฮาร์เปอร์ นายว่ายังไง รู้สึกอะไรกับเธอหรือเปล่า?” ผมเอ่ยถามด้วยความอยากรู้

คำตอบนั้นชัดเจน “ไม่เลย! ฉันไม่ได้รุ้สึกอะไรกับเธอเลย แล้วถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้จำเป็นต้องมีเธออยู่ด้วย ฉันก็ไม่อยากเจอเธอด้วยซ้ำ”

ผมถอนหายใจพร้อมเอ่ยถามคำถามที่กวนใจผมมาตั้งแต่เจ้าน้องชายบอกแผนการทั้งหมดออกมาให้ฟัง “ถ้างั้น ทำไมนายถึงเลือกเธอให้มารับหน้าที่เป็นภรรยาล่ะ? จะไปเลือกใครมาก็ได้ แต่ทำไมต้องเป็นเธอ?”

“ฉันเองก็ไม่รู้…อาจเป็นเพราะเธอเคยเป็นภรรยาฉันก็ได้ ฉั
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ธุลีใจ   บทที่ 389

    ฮาร์เปอร์นี่ก็เกือบอาทิตย์หนึ่งแล้วตั้งแต่ที่เกเบรียลทิ้งเราเอาไว้กับคนขับรถของเขาและขับรถออกไป เราไม่ได้ข่าวคราวอะไรจากเขาเลย และไม่ได้เห็นหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากเจ้าตัวไม่ได้อยู๋ที่นั่นด้วย ซึ่งทำให้ฉันเชื่อว่าเขาไปอยู่กับหวานใจคนใดคนหนึ่งแน่เรื่องการลงหลักปักฐานเป็นเรื่องยากลำบากโดยเฉพาะสำหรับลิลลี่ ลูกสาวเป็นประเภทที่ไม่สามารถนอนหลับได้สนิทหากไม่ใช่เตียงนอนที่คุ้นเคย แน่นอนว่าเตียงนอนนั้นสุดยอด ฟูกนอนนุ่มสบายกว่าอันเดิมที่บ้านเก่าเรามาก กระนั้นมันก็ไม่ใช่เตียงนอนของลิลลี่อยู่ดีเมื่อถึงจุดนี้ ฉันคงต้องร้องขอให้เกเบรียลช่วยย้ายเตียงอันเดิมหากหลายสิ่งยังคงเป็นสภาพนี้อยู่ ลิลลี่แทบนอนไม่หลับหรือนอนได้เพียงสามถึงสี่ชั่วโมงแล้วก็ตื่นนอนอยู่ดี ฉันต้องคอยอยู่เป็นเพื่อนลูกเพื่อให้เธอได้นอนหลับสบายฉันรู้สึกไม่สบายใจเลย มักเอาแต่สงสัยว่าฉันตัดสินใจถูกแล้วหรือไม่ที่ยอมตกลงแต่งงานอีกครั้งหนึ่ง ใช้ชีวิตร่วมกับเกเบรียลเปรียบเสมือนอยู่ในนรก….หรือว่าถึงขั้นต้องต่อสู้เพื่อแย่งสิทธิ์เลี้ยงดูลิลลี่มา? ฉันรักลูกสาวเป็นอย่างมาก แต่ฉันรู้สึกพร้อมจริง ๆ เหรอสำหรับเรื่องการแต่งงานกับเกเบรียลอีก

  • ธุลีใจ   บทที่ 390

    เขาผลักสำเนาเอกสารข้ามโต๊ะ ฉันรับเอาไว้และอ่าน ฉันต้องให้ทนายส่วนตัวช่วยตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งหลังจากนี้ แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีที่ได้อ่านข้อสัญญาด้วยตนเองก่อน สิ่งหนึ่งที่พี่ชายฉันสอนมา ก็คือคนเราไม่ควรลงนามในเอกสารอะไรหากไม่ได้อ่านด้วยตนเองก่อนเรื่องต่าง ๆ ที่เราได้คุยกันไว้ก่อนหน้าระบุเอาไว้ในนี้หมดแล้ว สัญญาฉบับนี้มีผลอยู่อย่างน้อยสองปี และเมื่อสิ้นสุดสัญญานี้ ฉันจะได้รับบริษัทยูนิตี้ เวนเจอร์และค่าเลี้ยงดูชดเชยด้วย รวมถึงเกเบรียลยังช่วยดูแลเรื่องต่าง ๆ ของลิลลี่ต่อด้วย เขาแสดงเจตจำนงว่าต้องการรับเลี้ยงลิลลี่เป็นบุตรสาว รวมถึงจะต้องใช้นามสกุล วู้ด ตามด้วยสิ่งเหล่านี้สำคัญต่อฉันมากที่สุด และหลังจากอ่านทบทวนอยู่หลายครั้ง ฉันก็วางสำเนาเอกสารนี้ลง“มีข้อกังขาอะไรไหม?” เขาเอ่ยถามพร้อมยื่นปากให้ “ไม่มีนะ แต่เพิ่มข้อตกลงเข้าไปอีก” ฉันจ้องมองปากกาแต่ยังไม่หยิบขึ้นมา“ข้อตกลงแบบไหนล่ะ?”ฉันสูดหายใจเข้าลึกพร้อมเงยหน้าขึ้น “ข้อแรก ฉันต้องการความซื่อสัตย์ การแต่งงานของเราก่อนหน้านี้เป็นความลับ ซึ่งก็ทำให้คุณมีสิทธิ์นอกใจฉันได้ อย่างที่บอกไปจุดนี้ควรได้รับการประกาศออกไปอย่างเป็นทางการ มันได

  • ธุลีใจ   บทที่ 391

    ฉันบรรจงลงแปรงปัดหน้าเป็นครั้งสุดท้ายก่อนมองตนเองในกระจก ฉันรู้สึกสติกระเจิงเพราะว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานครั้งที่สาม ตอนฉันคิดอย่างนั้นมันก็ดูเหมือนเป็นเรื่องแย่ถูกไหม? สิ่งเดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกสงบใจได้นั่นคือการที่ฉันได้แต่งงานกับชายที่เคยแต่งงานด้วยเมื่อหลายปีก่อนหน้า ซึ่งก็คือสามีคนแรกของฉันฉันสวมใส่ชุดและหยิบกระเป๋าพร้อมเดินออกจากห้อง อากาศที่แทรกผ่านกายเหมือนประกายไฟฟ้าที่ปกคลุมวิญญาณเอาไว้เกเบรียลนำร่างหนังสือสัญญาฉบับใหม่มาให้ในเย็นวันนั้นทันทีที่เรียบร้อย และวันต่อมา เราก็เดินทางไปหาบาทหลวงเพื่อดำเนินการเรื่องต่าง ๆ“พร้อมไหม?” เกเบรียลเอ่ยถามเมื่อเราเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นรอฉันไม่ได้ตอบอะไร รู้สึกเหมือนความคิดมันติดชะงัก ฉันจึงพยักหน้าตอบกลับเท่านั้น“แล้วทำไมหนูไปด้วยไม่ได้?” ลิลลี่สะอื้นไห้ซึ่งทำให้ฉันหันไปหาเธอลูกสาวนั่งอยู่บนโซฟารูปตัวแอลด้วยหน้าบึ้งตึง มือกอดอกแน่น เธอไม่ใช่เด็กที่อารมณ์ร้อนแต่อย่างไร เพียงแค่ไม่เคยชินกับสถานนี้ก็เท่านั้น “มีแค่ผู้ใหญ่ที่ไปได้นะลูก” ฉันตัดบทอย่างง่าย ๆ “คุณชารอนอยู่นี่แล้วไงลูก เดี๋ยวเธอจะดูแลลูกเองจนกว่าเราจะกลับมา”ชารอน

  • ธุลีใจ   บทที่ 392

    ทันทีที่พวกเราเข้าไปในโบสถ์ ฉันก็สังเกตเห็นโรแวนในทันที เขาอยู่ในชุดสูทสีดำเช่นเดียวกับน้องชายของเขา เราเดินไปยังด้านหน้าของโบสถ์พร้อมกับที่บาทหลวงเดินเข้ามา"สวัสดีครับ คุณฮาร์เปอร์" โรแวนกล่าวทักทายอย่างสุภาพพร้อมรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นฉันถึงกับตกตะลึง โรแวนดูเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ไม่เหมือนกับคนที่ฉันเคยรู้จักมาก่อน เมื่อก่อนเขามักจะดูเย็นชาและห่างเหิน เหมือนมีบางอย่างคอยถ่วงจิตใจเขาไว้ และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ แต่ตอนนี้เขากลับดูอบอุ่นราวกับความมืดที่เคยครอบงำเขาได้เลือนหายไป"สะ…สวัสดีค่ะ" ฉันตอบกลับอย่างตะกุกตะกักฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าเขากลับไปคืนดีกับแฟนเก่าหรือยัง เพราะทุกคนรู้ว่าเขาเปลี่ยนไปหลังจากเสียเธอไปและต้องแต่งงานกับเอวา ใช่ นั่นคงจะเป็นเหตุผล เขาเกลียดเอวา การเปลี่ยนแปลงนี้น่าจะเกี่ยวกับเอมม่า พี่สาวของเอวา"เริ่มกันเลยไหม?" บาทหลวงพูดขัดขึ้นมา และเราสามคนก็พยักหน้าตอบรับฉันยืนอยู่ข้าง ๆ เกเบรียล ในขณะที่โรแวนยืนอยู่ด้านหลังเราฉันพยายามไม่สนใจคำกล่าวของบาทหลวง เพราะฉันไม่ได้มีอะไรขัดแย้งกับโบสถ์ แต่ฉันคิดว่ามันคงง่ายกว่านี้ถ้าเกเบรียลตกลงทำพิธีที่อำเภอแทนไม่รู้ว่าผ

  • ธุลีใจ   บทที่ 393

    เอมม่า"ออกจากห้องบ้างเถอะนะ เอมม่า ลูกไม่ควรใช้เวลาทั้งวันติดอยู่ในห้องรก ๆ แบบนี้" แม่บอกฉัน แต่ฉันไม่แม้แต่จะเหลือบมอง เฝ้าแต่จดจ้องอยู่ที่ซีรีส์เศร้าที่กำลังดูอยู่ฉันนั่งอยู่บนเตียง ยังสวมชุดนอนอยู่ พร้อมของว่างกระจายอยู่รอบ ๆ ผ้าห่ม มีเครื่องดื่มหลากหลายชนิดและถังไอศกรีมที่ฉันกำลังจมปลักอยู่ ผ้าม่านถูกปิดมืดสนิทเพราะฉันเพิ่งติดตั้งม่านกันแสงเมื่อไม่กี่เดือนก่อน"นั่นแหละที่หนูพยายามบอกมันอยู่เนี่ย แต่มันไม่ยอมฟังหนูเลยคะแม่" มอลลี่พูดขึ้นฉันรู้สึกได้ว่าเธอกำลังจ้องฉันด้วยสายตาดุดัน แต่ฉันไม่สนใจเลยสักนิด ฉันแค่อยากอยู่คนเดียวเพื่อจมอยู่กับความทุกข์ของตัวเอง เพราะท้ายที่สุดแล้ว ฉันก็เป็นคนที่ทำให้ตัวเองต้องมาเจอเรื่องแบบนี้"กันเนอร์จะพูดว่ายังไงถ้าหลานเห็นลูกในสภาพนี้? ทั้งตัวเองและห้องก็ดูไม่ได้เลย ไม่รู้เลยว่าลูกหวีผมครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ หรืออาบน้ำครั้งสุดท้ายตอนไหน" แม่พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจฉันสะดุ้งขึ้นทันทีที่ได้ยินชื่อกันเนอร์ แล้วหันไปหาแม่ทันที"ลูกถามถึงหนูเหรอ? อยากเจอหนูใช่ไหม?" ฉันถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวังแม่ใช้เวลาอยู่กับเขา เช่นเดียวกับทราวิส

  • ธุลีใจ   บทที่ 394

    "ทำไมฉันถึงยอมให้เธอชวนฉันออกไปกินข้าวกลางวันด้วยนะ?" ฉันบ่นพลางมองทิวทัศน์ด้านนอกที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วฉันไม่ได้ออกจากบริเวณของครอบครัวมานานแล้ว ครั้งสุดท้ายน่าจะเป็นตอนที่ฉันไปงานแต่งงานของเอวา บอกตามตรง ฉันตกใจมากตอนที่เธอเชิญฉันไปงานนั้น ในบรรดาคนทั้งหมด ฉันคิดว่าฉันน่าจะเป็นคนที่เธอไม่อยากให้ไปร่วมงานแต่งงานมากที่สุด“ก็เพราะเธอจำเป็นต้องออกไปข้างนอกบ้างไง” มอลลี่ตอบพลางดึงฉันกลับมาสู่บทสนทนา“ฉันก็ออกจากบ้านนะ มอลลี่” ฉันพูดปกป้องตัวเองเสียงหัวเราะเยาะของเธอทำให้ฉันหงุดหงิดมาก“เดินไปที่สวนไม่เรียกว่าการออกไปข้างนอกหรอกย่ะ” เธอตอบโต้ “เลิกบ่นแล้วนั่งพักผ่อนเถอะ เธอจะสนุกกับการออกไปเที่ยวเล็ก ๆ ครั้งนี้ รับรองเลย”“ไม่มั้ง”เมื่อพูดจบ ฉันเอนหลังพิงเก้าอี้แล้วหลับตาลง ความคิดในหัวของฉันวิ่งวุ่นไปเป็นพันเรื่องในแต่ละนาที ฉันจับพวกมันไว้ไม่ได้หรือควบคุมมันไม่ได้เลยตั้งแต่คุยกับมอลลี่ในห้อง ความคิดของฉันก็วิ่งพล่านไปทั่ว ฉันรู้ว่ามันคงไม่ง่าย แต่เธอพูดถูก ฉันจะมัวแต่นั่งอยู่ในห้อง จมปลักและสาปแช่งความโง่ของตัวเองต่อไปไม่ได้ ถ้าฉันยังเป็นแบบนี้ ฉันอาจไม่มีโอกาสได้อยู่กับลูกชา

  • ธุลีใจ   บทที่ 395

    คำพูดของมอลลี่ยังคงก้องอยู่ในหัว แม้กระทั่งตอนที่เรากำลังกินของหวาน ฉันชอบไอศกรีมมาก แต่วันนี้ฉันกลับไม่สามารถสนุกกับมันได้เลย โดยเฉพาะเมื่อเธอสามารถทำให้ฉันเริ่มสงสัยในทุกสิ่งที่ฉันเชื่อมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา"ทำไมเธอเงียบจัง?" มอลลี่ถามขณะที่วางแก้วมิลค์เชคลง "หรือเธอกำลังคิดถึงสิ่งที่ฉันเพิ่งพูด?"ประโยคสุดท้ายมาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะที่เธอเอนหลังพิงเก้าอี้"เปล่า" ฉันโกหก "แค่กำลังคิดว่าฉันจะทำยังไงให้คาลวินกับกันเนอร์ยกโทษให้ฉัน ไม่ว่าฉันจะมองมุมไหนก็ไม่มีทางออกที่ดีเลย"ในฐานะทนายความ ฉันเคยชินกับการมองสถานการณ์จากหลายมุมมองเวลาปกป้องลูกความของฉัน นั่นคือสิ่งที่ทำให้ฉันเก่งในสิ่งที่ฉันทำ ฉันไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือและพิจารณาทุกผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ ฉันทำแบบนั้นกับสถานการณ์นี้แล้ว แต่กลับไม่พบความหวังเลยฉันอาจไม่ได้รักคาลวิน แต่ฉันรู้จักเขาเป็นอย่างดี เขาเคยให้โอกาสฉันนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อให้ฉันจัดลำดับความสำคัญของชีวิตให้ถูกต้อง แต่ฉันกลับไม่ทำ คาลวินเป็นคนที่เมื่อเขาถึงจุดที่ทนไม่ไหว มันก็จบ ไม่มีการย้อนกลับ ไม่มีโอกาสอีก ไม่มีการให้อภัยฉันจะนั่งหลอกตัวเองที่นี่ก็ได้ แต่ฉัน

  • ธุลีใจ   บทที่ 396

    แผ่นหลังของผู้หญิงคนนั้นหันมาทางฉัน รวมถึงกันเนอร์ด้วย ฉันไม่ต้องกังวลเรื่องคาลวินเพราะเขาดูเหมือนตกอยู่ในห้วงความหลงใหล เขาใส่ใจกับทุกสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูด พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนเด่นชัดบนริมฝีปากอีกครั้งที่ความรู้สึกไม่สบายใจจมลึกลงในหัวใจของฉัน ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนหายใจได้ไม่ทั่วท้อง? เหมือนมีหินก้อนใหญ่ติดอยู่ในลำคอฉันเพ่งสายตามองไปยังพวกเขา แม้จะไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดเพราะโต๊ะอยู่ห่างออกไป แต่ความสงบสุขและความสุขบนใบหน้าของคาลวินก็เพียงพอที่จะบอกฉันว่าเกิดอะไรขึ้น เขากำลังออกเดต และกันเนอร์ก็มาด้วย ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนไม่ได้รังเกียจอะไร แต่ฉันไม่มีวันปล่อยให้ผู้หญิงคนอื่นมาแทนที่ฉันในชีวิตของลูกชายเด็ดขาดถึงแม้ฉันจะมองไม่เห็นกันเนอร์ แต่ฉันรู้ว่าเขาเหมือนกับคาลวิน กันเนอร์เองก็มีความสุขที่ได้อยู่ที่นั่น เพราะถ้าไม่ใช่แบบนั้น คาลวินคงพาลูกชายกลับไปแล้วแต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ทั้งที่รู้สึกเหมือนหัวใจถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ฉันไม่รู้ว่าฉันนั่งอยู่นานแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว การได้เห็นเขามีความสุขกลับทำให้ฉันเจ็บปวดอย่างประหลาด มันเหมือนหัวใจถูกบดขยี้

บทล่าสุด

  • ธุลีใจ   บทที่ 462

    เรียกฉันว่าคนขี้ขลาดก็ได้ ฉันไม่สน แต่ฉันแค่ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไรเมื่อฉันไปถึงห้องนั่งเล่น ฉันโทรสั่งอาหารเช้าให้มาส่งที่ห้องของเรา ก่อนจะนั่งลงรอฉันรู้ว่านี่จะเป็นหายนะตั้งแต่ตอนที่เกเบรียลบอกว่าเราจะใช้ห้องร่วมกัน ฉันคิดว่าหมอนจะช่วยได้ แต่ฉันแค่หลอกตัวเอง มันไม่ได้ช่วยอะไรได้เลยเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉันก็เดินไปเปิด"อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณผู้หญิง" พนักงานเสิร์ฟทักทาย พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า"อรุณสวัสดิ์ค่ะ""ให้ดิฉันวางตรงไหนดีคะ?" เธอถามขณะที่ฉันหลีกทางให้เธอเข้ามา"บนโต๊ะอาหารก็ได้ค่ะ" ฉันตอบเธอเธอพยักหน้าและเดินไปที่นั่น เธอเพิ่งวางอาหารเช้าลงและกำลังจะออกไป เกเบรียลก็เดินออกจากห้องนอนพร้อมมือที่กำลังติดกระดุมเสื้อฝีเท้าเธอเริ่มช้าลง และเธอเกือบจะสะดุดเมื่อมองเห็นเขา เกเบรียลเป็นผู้ชายที่ดูดีมาก ดังนั้นฉันจึงไม่โทษเธอหรอก"ขอบคุณค่ะ" ฉันพูดเมื่อรู้ว่าสายตาของเธอยังคงอยู่ที่เกเบรียล ขณะที่สายตาของชายหนุ่มก็อยู่ที่ฉันเสียงของฉันดึงเธอออกจากภวังค์ เธอพยักหน้าก่อนจากไป เมื่อเธอไปแล้ว ฉันก็ปิดประตูให้เรียบร้อย"แล้วยังไงดี คุณจะแกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรเก

  • ธุลีใจ   บทที่ 461

    ให้ตายเถอะ แค่คิดถึงคืนนั้นรวมถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ก็ทำให้ฉันรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัวแล้ว ฉันขยับตัวเล็กน้อย หวังว่าจะช่วยให้รู้สึกสบายขึ้นและบรรเทาความปั่นป่วนในร่างกาย แต่มันกลับทำให้ทุกอย่างแย่ลง เพราะการขยับตัวทำให้ร่างกายแนบชิดกับเกเบรียลมากขึ้นกว่าเดิมเกเบรียลส่งเสียงครางต่ำ แหบพร่า และเร้าอารมณ์ เช่นเดียวกับที่เขาเคยเปล่งออกมาในคืนนั้น ทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหว เสียงนั้นพุ่งตรงเข้าสู่ความรู้สึกของฉัน ทำให้ฉันหยุดพยายามจะขยับตัวให้สบายขึ้นฉันค่อย ๆ หันไปมองเขา หวังว่าเขาจะยังหลับอยู่ พอเห็นว่าเปลือกตาของเขายังคงปิดสนิท ฉันก็รู้สึกโล่งใจ แต่แล้วหัวใจก็เต้นแรงขึ้นเมื่อได้มองใบหน้าของเขาชัด ๆตอนหลับ เขาดูสงบและงดงามเหลือเกิน ขนตายาวทอดเงาบนแก้ม ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย เพียงแค่มองฉันก็เกิดความรู้สึกอยากสัมผัสเขา อยากแนบจูบลงไปบนริมฝีปากนั้นฉันกำลังจมดิ่งลงไปอีกครั้ง กับผู้ชายที่กุมหัวใจฉันไว้ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน คนเดียวกับที่ตอนนี้กำลังขอในสิ่งที่ฉันไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นไปได้ฉันหลงใหลในตัวเขามาก จนกระทั่งฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจนสายเกินไปเสียงครางหลุดออกจากริมฝีปากขอ

  • ธุลีใจ   บทที่ 460

    มื้อค่ำที่เหลือเป็นไปอย่างเงียบสงัด เขาก็ยังต้องขอโทษฉันอยู่แต่ฉันไม่รู้จะพูดอะไรดี ถ้าจะพูดตามตรง ฉันไม่เคยคิดว่าเกเบรียลจะมาขอโทษฉันเลย ดังนั้นการที่เขาทำแบบนั้นและทำด้วยความจริงใจแบบนี้ทำให้ฉันพูดไม่ออกจริง ๆเรารับประทานมื้อค่ำเสร็จและโทรเรียกพนักงานจากด้านล่างให้มาเก็บจาน"ฉันจะไปนอนแล้วนะ มีอะไรที่คุณอยากได้ก่อนหรือเปล่า?" ฉันถามเมื่อจานอาหารถูกเก็บไปและพนักงานจากโรงแรมก็ออกจากห้องไปแล้วลึก ๆ ในใจฉันกำลังตกใจและกังวลที่จะต้องนอนในห้องเดียวกับเกเบรียล แต่ความเหนื่อยจากการเดินทางก็ทำให้ความวิตกกังวลหายไป"ผมเองก็จะไปนอนเหมือนกัน เหนื่อยสุด ๆ เลย"ฉันพยายามกลั้นความตกใจที่เริ่มปะทุขึ้นมาในใจ ฉันคิดว่าจะนอนก่อนเขาเหมือนที่เคยทำ นั่นจะทำให้ฉันมีเวลาได้ผ่อนคลายและพักผ่อนก่อนที่เขาจะเข้ามานอน ฉันนึกไว้ว่าจะหลับไปแล้วก่อนที่เขาจะขึ้นมานอนฉันกัดฟันอย่างหงุดหงิดและเครียด ก่อนจะพยักหน้าหงุดหงิดแล้วเดินไปห้องนอน"คุณชอบนอนด้านไหน?" เขาถาม ขณะที่เดินเข้ามาหยุดอยู่ที่ข้างเตียง"ฉันไม่ค่อยมีความชอบอะไรหรอก ขอแค่ได้นอน ด้านไหนก็เหมือนกัน"“รู้เรื่อง งั้นผมนอนฝั่งซ้ายนะ คุณก็ฝั่งขวาแล้

  • ธุลีใจ   บทที่ 459

    "อาบน้ำเสร็จแล้ว" ฉันบอกเกเบรียลเมื่อก้าวออกมาที่ห้องนั่งเล่น"ผมสั่งอาหารไว้แล้ว กินก่อน ไม่ต้องรอผมได้เลยนะครับ" เขาพูดก่อนเดินผ่านฉันเข้าไปในห้องนอนมันรู้สึกแปลกที่จะเริ่มรับประทานโดยที่ไม่มีเขาและฉันก็ไม่ได้หิวมากนัก ฉันเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีเมล และดูว่าวันพรุ่งนี้ต้องทำอะไรบ้างฉันไม่ต้องรอนาน เพราะไม่ถึงสิบนาทีต่อมา เกเบรียลก็เดินออกมาจากห้องนอนในเสื้อยืดเก่า ๆ และกางเกงวอร์ม“ยังไม่กินเหรอ?” เขาถามพลางเลิกคิ้ว สายตาจ้องมองอาหาร“ก็รู้สึกไม่ดีนี่นาที่กินก่อนคุณแบบนั้น แถมคุณเป็นคนสั่งอาหารมาด้วย”เขาทิ้งตัวลงนั่ง ก่อนจะเริ่มเปิดจานอาหาร ฉันตักอาหารเล็กน้อยแล้วเริ่มรับประทาน ความเหนื่อยถาโถมเข้ามา แม้ว่าฉันจะได้นอนบนเครื่องบินแล้วก็ตาม ฉันไม่อาจหยุดคิดถึงเตียงได้ ตอนแรกฉันไม่ชอบใจนักเรื่องการนอนร่วมเตียงกับเกเบรียล แต่ตอนนี้ฉันกลับเอาแต่คิดถึงมันเสียแล้ว ร่างกายร้องหาเพียงการพักผ่อน“แล้วคุณล่ะ เคยตกหลุมรักใครไหม?” คำถามเกเบรียลทำเอาฉันประหม่าฉันหันขวับไปมองเขา เจอสายตาคมกริบที่จ้องตรงมา ฉันกลืนอาหารลงคอและให้ปากทำหน้าที่ ตอนนี้คงมีอยู่แค่สองทางเลือก ไม่โกหกออกไป ก็บอ

  • ธุลีใจ   บทที่ 458

    ไม่กี่นาทีต่อมา เรามายืนอยู่หน้าห้องสวีท ความรู้สึกตื่นเต้นแปลก ๆ จู่โจมฉันทันที เกเบรียลไขกุญแจและผลักประตูเข้าไปโถงทางเข้าต้อนรับเราด้วยพื้นหินอ่อนขัดมันที่เปล่งประกายอยู่ใต้แสงนุ่มนวลของโคมไฟระย้าสุดหรู เงาสะท้อนทอดเป็นลวดลายงดงามบนผนังห้องนั่งเล่นกว้างขวางปรากฎสู่สายตา ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สุดหรู และหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานที่เปิดมุมมองสู่ทัศนียภาพของเมืองที่ระยิบระยับราวกับทะเลดาวระบบความบันเทิงล้ำสมัยให้คำมั่นถึงค่ำคืนอันแสนอบอุ่น ขณะที่ครัวสไตล์กูร์เมต์ดึงดูดใจด้วยเครื่องใช้สแตนเลสเงาวาวและเคาน์เตอร์กลางขนาดใหญ่ที่เหมาะสำหรับการทำอาหาร ห้องรับประทานอาหารสุดเก๋ให้ความรู้สึกอบอุ่น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสังสรรค์เล็ก ๆ ที่เป็นกันเอง"ดูท่าทางคุณจะชอบนะ?" เกเบรียลแกล้งเย้าฉันทำได้แค่พยักหน้า อย่างที่บอกไปแล้ว เราเคยรวย และฉันก็เคยพักในโรงแรมดี ๆ มาก่อน แต่ที่นี่คืออีกระดับหนึ่ง มันเป็นนิยามของความหรูหราที่แท้จริงสายตาฉันยังคงกวาดมองไปรอบ ๆ ห้อง แต่จู่ ๆ ฉันก็ชะงักเท้าเมื่อความจริงบางอย่างตีแสกหน้าเข้ามาเต็ม ๆ"เกเบรียล ห้องฉันอยู่ไหนคะ? ฉันเห็นแค่ห้องนอนเดียวเองนะ" ฉ

  • ธุลีใจ   บทที่ 457

    เครื่องบินลงจอดที่รันเวย์ มือของเกเบรียลจับตัวฉันไว้ไม่ให้กระดอนตอนเครื่องบินลงจอด“ไม่เป็นไรนะ?” เขาเอ่ยถามพลางสบตาฉัน“ค่ะ”หลังจากที่เกเบรียลเล่าเรื่องผู้หญิงที่เขาเคยตกหลุมรัก ก็ไม่มีเรื่องอะไรไปมากกว่านั้น บาดแผลนั้นยังคงหลอกหลอนเขาอยู่ บาดแผลที่ฝังลึกลงไปข้างในฉันเห็นมันปรากฎอยู่ในดวงตาเขาอย่างชัดเจนขณะที่เล่าทุกอย่างให้ฟัง เขาไม่ต้องการพูดอะไรมากกว่านี้ เขาเพิ่งจะเปิดเผยความลับบางสิ่งเกี่ยวกับตัวเขาที่ใครคนอื่นไม่เคยรู้ แม้แต่พี่ชายฝาแฝดเขาก็ไม่เคยรู้ฉันไม่ได้บังคับให้เขาเล่าออกมามากกว่านั้น ฉันไม่ได้ขอให้เขาเล่าให้ฟังว่าหลังจากรับรู้ความจริงพวกนั้นมันเป็นอย่างไรต่อหรือเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนั้น เขารู้สึกเปราะบาง และฉันก็เข้าใจด้วยว่าเขาต้องการเวลาเพื่อตั้งสติ ดังนั้นฉันจึงให้พื้นที่กับเขาฉันใช้เวลากว่าครึ่งอ่านหนังสือและอีกครึ่งในการนอนหลับพักผ่อน เขายังเอาใจใส่แม้ตอนที่นั่งห่างออกไป เขาถามว่าฉันนั่งสบายไหมหรือต้องการอะไรอีกหรือเปล่าอยู่เป็นระยะมือของเขาเอื้อมมาแตะหน้าท้องฉันจนดึงฉันออกจากภวังค์ ฉันมองลงไปพบว่าเขากำลังปลดเข็มขัดนิรภัยของฉันออก“คุณรู้ใช่ไหมว่าฉันท

  • ธุลีใจ   บทที่ 456

    ก็เป็นความรักที่สวยงามไม่ใช่เหรอ? แต่ฉันรู้สึกได้ว่ามันต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้น บางสิ่งที่เปลี่ยนไป ถ้าทุกอย่างมันดีจริง ๆ ตอนนี้เขาก็คงเคียงคู่กับเธอคนนั้นไปแล้ว ไม่น่าจะมาแต่งงานกับฉันแบบนี้เสียงของเขาเริ่มแหบพร่าและเริ่มเล่าต่อ “ทุกสิ่งมันดีไปหมดเลย เธอเป็นผู้หญิงที่สุดยอดมากและผมก็รู้สึกว่าหลงรักเธอมากขึ้นทุกวัน แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้แนะนำเธอให้โรแวนรู้จัก เพราะผมอยากเก็บเธอไว้กับตัว ผมไม่ได้เจตนาจะคบหาแบบเงียบ ๆ แต่แค่อยากใช้เวลากับเธอมากกว่านี้ก่อนที่จะพบครอบครัวผม ทุกวันที่ตื่นขึ้นมาผมนึกว่าตนเองโชคดีขนาดไหนที่ได้พบเจอคนอย่างเธอ อย่างที่คุณรู้ โลกของเรามันหาคู่รักที่เหมาะกันได้ง่ายเสียที่ไหนล่ะ ฮาร์เปอร์”และนั่นแหละก็เป็นสังคมของเรา มันยากมากเลยนะที่จะพบเจอคนที่รักเราจริง บางคู่ที่แต่งกันก็เป็นเพราะเรื่องของธุรกิจ และน้อยคนนักที่จะรักและเคารพจากใจจริง แล้วก็ยังมีพวกหวังรวยทางลัดอีก เป็นพวกที่แต่งงานกับคนรวย ๆ เท่านั้นและฉันว่านี่คงเกิดขึ้นบ่อยด้วย“ผมอยู่ในห้วงความรักเลยและคิดอะไรอย่างมีเหตุผลไม่ค่อยได้ เธอสามารถทำให้ผมเปลี่ยนแปลงตนเองได้เพราะผมไม่อยากทำร้ายจิตใจเธอ ไม่อยากให้เ

  • ธุลีใจ   บทที่ 455

    “ฮาร์เปอร์?” เสียงของเขาเรียกฉันกลับมาสู่ความเป็นจริง“โอ๊ะขอโทษที ฉันคิดอะไรเพลินไปหน่อย” ฉันส่ายหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป “ค่ะ ฉันเก็บของเสร็จแล้ว”“ดีครับ งั้นไปกันเถอะ”หนึ่งชั่วโมงต่อมา เรานั่งอยู่ในเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของเกเบรียล ครั้งนี้ฉันเดินทางไปกับเขาเพื่อเซ็นสัญญาธุรกิจ“ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม? ต้องการอะไรหรือเปล่า? ผมให้พนักงานต้อนรับเอาอะไรมาให้ได้นะ” กาเบรียลถามขึ้นทันทีที่เครื่องบินเริ่มออกตัวเข้าใจที่ฉันบอกแล้วใช่ไหม? เขาใส่ใจฉันมากเหลือเกินแต่ตอนที่เรายังแต่งงานกัน เขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ฉันคิดว่าเขาไม่เคยทำอะไรเพื่อทำให้ฉันมีความสุขเลย จริง ๆ แล้วมันตรงกันข้าม เขาไม่เคยสนใจว่าฉันต้องการอะไร หรือว่าฉันสบายดีไหม ไม่เคยสนใจแม้แต่ฉันยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า เขาแค่ไม่เคยสนใจฉันเลยแต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป และนั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้ฉันสับสน มันเหมือนเขาเป็นยักษ์ในตะเกียงวิเศษที่คอยทำให้ความปราถนาของฉันเป็นจริง“ไม่ค่ะขอบคุณ ถ้าต้องการอะไร เดี๋ยวฉันจะบอกพนักงานเองได้ค่ะ” ฉันพึมพำตอบกลับเกเบรียลพยักหน้ารับ ก่อนจะหยิบแล็ปท็อปขึ้นมาเปิดฉันเอนตัวลงกับเบาะหน

  • ธุลีใจ   บทที่ 454

    “แม่ต้องไปจริง ๆ เหรอคะ?” ลิลลี่ถาม สายตามองสลับไปมาระหว่างฉันกับกระเป๋าเดินทางที่เปิดอยู่บนเตียงฉันไม่เคยชอบการเก็บกระเป๋าแบบเร่งรีบในนาทีสุดท้ายแบบนี้เลย แต่ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา งานที่ทำงานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาหายใจ พอกลับถึงบ้าน สิ่งเดียวที่ฉันคิดได้ก็คือการนอนหลับ ฉันเหนื่อยจนแทบยืนไม่ไหว ไม่มีแรงจะทำอะไรนอกจากกินแล้วก็นอน“ต้องไปจ้ะ” ฉันตอบเธออย่างอ่อนโยน “งานนี้สำคัญมากเลยลูก แล้วพ่อหนูต้องไปจัดการด้วยตัวเอง…”“แต่หนูยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมหนูไปด้วยไม่ได้? หนูอยากเห็นว่าพ่อทำงานยังไง หนูอยากรู้ว่าพ่อจัดการเรื่องงานยังไงค่ะ”ฉันพับเสื้อผ้าชิ้นสุดท้าย ซึ่งเป็นเสื้อไหมสีฟ้า ก่อนจะวางมันลงไปในกระเป๋ากับของที่เหลือ พอทุกอย่างเรียบร้อย ฉันรูดซิปปิดแล้ววางกระเป๋าลงบนพื้น“ลูกก็รู้นี่ ว่าไปไม่ได้” ฉันตอบเธอขณะนั่งลงบนเตียง“ทำไมล่ะคะ?”“เพราะลูกยังเป็นเด็กไง ก็เลยไปไม่ได้ ถูกไหมคะ?”“หนูไม่ใช่เด็กนะคะ หนูจะสิบขวบแล้ว"ฉันกลอกตาให้กับคำโกหกที่ชัดเจน ก่อนจะดึงลิลลี่เข้ามากอดและหอมแก้มเนียนนุ่มของเธอเบา ๆ“หนูก็รู้ดีนะว่าเพิ่งแปดขวบ อีกนานเลยกว่าสิบขวบนะลิลลี่… แล้วอีกอย่าง เด็ก ๆ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status