เขาตัวสูงกว่าคาลวินเล็กน้อย แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มถอยหลังหนี“ฉันเบื่อนายเต็มทนแล้วว่ะ โคตรจะเหลืออดกับนายที่มันชอบเข้ามาบ่งการชีวิตฉันแล้วตาย ๆ ไปซะ เราจะได้ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุขสักที” คาลวินเอ่ยกับโรแวนฉันยืนตัวแข็งทื่อเพราะไม่ต้องการเชื่อหูตนเองว่าคาลวินจะพูดเช่นนั้นอออกมา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตมาดร้าย มีบางสิ่งบางอย่างที่ฉันสามารถสัมผัสได้จากคาลวิน ทั้งความโกรธเกรี้ยวและความขมขื่น ทว่าความรู้สึกอาฆาตมาดร้ายนี่ไม่เคยสัมผัสได้มาก่อนเลย“แค่หายไปมันไม่ยากหรอกนะเว้ย? ตลอดหลายปีที่ผ่านมานายพยายามพิสูจน์ว่าตัวเองเปลี่ยนไปแล้ว แต่ความจริงคือนายไม่มีวันเหมือนกับฉันได้หรอก เอมม่าไม่ได้รักนายแล้ว แล้วตอนนี้เอวาก็ไม่มีวันรักนายด้วยเพราะว่าหัวใจเธอเป็นของฉันแล้ว”คำพูดเหล่านั้นเปรียบดั่งหมัดตรงของคาลวินเพราะเขาเหวี่ยงหมัดเข้าที่สันกรามของโรแวนอย่างจัง โรแวนตั้งตัวได้ในเวลาไม่นานก่อนจะตอบโต้กลับไป ไม่นานชายทั้งสองก็เริ่มประเคนหมัดใส่กันไม่ยั้งฉันยืนมองทั้งสองอยู่อย่างนั้น หวังว่าจะหลีกหนีออกไปสถานที่อื่นไม่ใช่ที่นี่ฉันพยายามแยกทั้งสองออกจากกัน แต่กลับไร้ผล และเกือบจะโดนล
หัวของฉันเหมือนจะระเบิดและกระจายเศษเนื้อไปทั่วห้องนั่งเล่น ไม่ได้มีช่วงเวลาเงียบสงบเลยสักวินาทีเดียวความคิดต่าง ๆ วิ่งวนอยู่ในหัว ไม่เคยหยุด ไม่เคยจบสิ้น มันทำให้ฉันแทบจะบ้าตายอยู่แล้ว“เอาล่ะ ตอนนี้เรามาตั้งใจเรียนเรื่องเครื่องมือกับพวกแมลงกันดีกว่านะ” ฉันบอกแมรี่ หนึ่งในนักเรียนที่มาเรียนพิเศษด้วย “ถ้าหนูอยากเก่งเรื่องไดโคทอมันสคีย์ หนูก็จำเป็นต้องเก่งทั้งสองเรื่องนี้ก่อนนะ” ฉันหวังว่านี่จะช่วยให้ฉันเบี่ยงเบนความคิดออกไปได้บ้าง แต่ฉันคิดผิดเต็มประตู ความคิดยังคงหลุดลอยออกไปเรื่อย ๆ ทุกครั้งแมรี่พยักหน้าให้ฉันเป็นสัญญาณว่าเธอเข้าใจแล้ว“ลักษณะตัวแรกคือมีปีกขนาดใหญ่ และมีปีกขนาดเล็กหรือไม่มีปีกเลย... คิดว่าคำตอบคืออะไร?”เธอตรวจดูกลุ่มภาพแมลงในหนังสือก่อนหันมาหาฉัน ตอนแรกเธอดูไม่มั่นใจ แต่ในที่สุดก็ตอบออกมา"มีแค่แมลงตัวเดียวที่มีปีกใหญ่ในลิสต์นี้ ผีเสื้อก็ควรจะอยู่ในหมวดนั้นค่ะ"ฉันส่งยิ้มให้เธอเนื่องจากดีใจที่เธอเข้าใจ “ดีมากจ้ะ ในเมื่อผีเสื้ออยู่ในหมวดหมู่แมลงปีกใหญ่ ดังนั้นแมลงชนิดอื่นที่เหลืออยู่ในนี้จึงจัดอยู่ในหมวดแมลงปีกเล็กหรือไม่มีปีกจ้ะ อันนี้มันเหมือนเกมจัดกลุ่มป
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ”เขามักจะเก็บเงียบเรื่องแม่ของลูกชายเสมอ ฉันไม่รู้อะไรเลย พวกเขาเคยแต่งงานกันแล้วหย่าหรือเปล่า? หรือแค่เคยมีความสัมพันธ์กัน? รู้จักกันมานานแค่ไหน?นึกสงสัยว่าเขาจะยอมบอกข้อมูลทั้งหมดเพื่อให้ฉันได้ปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้หรือไม่ นอกจากนั้นฉันก็ไม่อยากทำให้เขาเจ็บปวดอีกด้วย ดูเหมือนทุกครั้งที่ฉันเอ่ยถึงเธอ เขาจะโกรธจัดหรือหงุดหงิดอย่างมาก“อ๋อครับ…ผมเข้าใจ หลาย ๆ ครั้ง ผมเองก็ชอบจัดการเรื่องพวกนี้ด้วยเองเหมือนกัน” เขาหยุดไปครู่ “แต่ก็ไม่ได้บอกนะครับว่าผมช่วยเรื่องนี้คุณไม่ได้” เขาชี้นิ้วไปยังแปลงผักเล็ก ๆ “ขอบคุณค่ะ” ฉันยิ้มให้ขณะที่เขานั่งลงคุกเข่าข้าง ๆฉันส่งถุงมือให้เขา และเขาก็สวมถุงมือทำตามฉัน“พวกเด็ก ๆ ทำอะไรกันอยู่คะ?” ฉันถาม“กำลังเล่นเกมกันอยู่ครับ…เอาเข้าจริง ผมแปลกใจมากเลยนะครับที่ทั้งสองสนิทกันขนาดนี้ แบบตัวติดกันมากเลย ในสมองของผมไม่เคยวาดฝันว่าจะเกิดฉากแบบนี้ขึ้นมาได้เลยครับ เพราะผมเกลียดพ่อของโนอามาก”ฉันขมวดคิ้วกับคำพูดนั้น เขาไม่แม้แต่จะยอมพูดชื่อของเขาด้วยซ้ำ ทำไมกัน?“ทำไมถึงเกลียดเขานัก? เข้าใจนะคะว่าอาจเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างพวกคุณ
โรแวน“"โนอามาไหมลูก?" แม่ของผมเอ่ยถาม“วันนี้ไม่ครับแม่ ผมลืมบอกเอวาให้รู้ด้วย แล้วก็ไม่อยากบอกเธอแบบปุบปับ” ผมบอกเธอขณะก้าวเข้าบ้านของเคทไปมันเป็นการรวมตัวประจำเดือนของครอบครัวเรา เหมือนครั้งที่แล้ว ผมไม่อยากอยู่ที่นี่ แต่ที่มาเพราะผมสัญญากับแม่แล้ว “แม่คิดถึงหลานมาก ๆ เลยนะ เคทก็ด้วย เธอเองก็อยากเจอหน้าหลานเหมือนกัน” เธอหยุดครู่หนึ่ง “ยิ่งตอนนี้เธอกับเอวาห่างเหินกันขนาดนี้ด้วย โอกาสเดียวที่จะได้เจอหน้าหลานโนอาคืองานร่วมญาตินี่เท่านั้นแหละ”ผมอยากรู้สึกสงสารพวกเธอนะ แต่กลับทำไม่ได้ สิ่งนี้ทำให้ผมดูเป็นคนใจร้ายก็จริง ทว่าสิ่งนี้ก็เป็นสิ่งที่เราทุกคนสมควรได้รับแล้ว เป็นการลงโทษสำหรับสิ่งที่เราทำกับเอวา“ครั้งหน้านะครับ” ผมเอ่ยพร้อมเดินผ่านแม่ไปแม่และเคทเป็นเพื่อนกันมาหลายปีแล้ว เธอจะทำทุกอย่างเพื่อเพื่อนสนิทคนนี้ สิ่งที่ผมไม่ต้องการมากที่สุดคือการยืนฟังเรื่องความทุกข์ของเคทเกือบครึ่งชั่วโมงผมไม่ต้องการได้ยินถึงความทุกข์ของคนอื่น เพราะตนเองก็กำลังจัดการกับทุกข์อยู่เหมือนกันแม่เดินตามมาขณะผมมุ่งหน้าไปยังสนามหลังบ้าน ผมรู้จักบ้านของเคททุกซอกทุกมุมเพราะมาที่นี่นับครั้งไม่ถ้ว
“ไงจ๊ะ โรแวน ดีใจนะที่มาได้นะ” เคทจูบแก้มทั้งสองข้างของผม"ครับผม" นั่นเป็นคำตอบเดียวที่ผมสามารถตอบได้ เพราะจริง ๆ แล้วผมไม่ได้ดีใจที่ได้มาอยู่ที่นี่เลยเคทหันไปคุยกับพ่อแม่ผม และผมก็เห็นเป็นโอกาสเหมาะเจาะที่จะหายตัวออกมา ผมตรงไปหาเจ้าน้องชายทันที"เป็นยังไงบ้าง?" เขาถามหลังจากทักทายตามธรรมเนียม"แย่ว่ะ" ผมบ่นเพราะนึกถึงเรื่องทะเลาะกับคาลวินเมื่อสุดสัปดาห์ก่อนนั่นไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของผมเลย แต่เขาแค่ทำให้ผมนึกถึงตอนที่เขาเคยวิ่งไล่ตามเอมม่า ซึ่งทำให้ผมกลัว เพราะผมกลัวว่าเขาจะทำแบบเดียวกันกับเอวา แม้ว่าผมจะไม่อยากยอมรับ แต่คาลวินก็เป็นคนดี และนั่นแหละที่ทำให้ผมกลัวที่สุด เพราะหมายความว่าหากเขาตัดสินใจเดินหน้าจริง ๆ โชคต้องเข้าข้างเขาแน่“มีความคืบหน้าอะไรบ้างไหมพี่?” เขาถาม“ไม่มี ความคืบหน้าเดียวคือฉันดันไปทำให้เธอโกรธมากกว่าเดิมน่ะสิ”เกเบรียลถอนหายใจ “ไปทำอะไรเข้าล่ะ?”“ก็ดันไปต่อยกับเจ้าคาลวินน่ะสิ แล้วดันกลายเป็นว่ามันเป็นพ่อของเจ้าหนูกันเนอร์ซะได้”ผมไม่ต้องอธิบายว่ากันเนอร์คือใคร เพราะโนอาพูดถึงเขาแทบตลอดเวลา โนอาบอกทุกคนว่าเขาเป็นเพื่อนใหม่ที่ดีที่สุด“ไม่เข้
เอมม่าวันที่ฉันหวาดกลัวมากที่สุดก็มาถึง วันที่ความลับที่ฉันพยายามปกปิดมาเนิ่นนานถูกเปิดเผย แต่ไม่เคยคิดแม้แต่เสี้ยวเดียวเลยว่าเอวาจะเป็นคนเปิดเผยออกมาฉันพยายามจะปิดผนึกเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอย่างมาก มันเป็นความละอายที่ต้องแบกรับไว้ และตอนนี้ทุกคนรู้แล้ว โรแวนก็รู้ด้วย ในบรรดาคนเหล่านั้น เขาคือคนที่ฉันไม่อยากให้รู้เรื่องนี้ที่สุด“หมายถึงเพื่อนสนิทของโนอาคนนั้นเหรอ? เจ้าหนูกันเนอร์นั่นเหรอ?” เกเบรียลถามขึ้นด้วยเสียงเจือความตกใจฉันสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อเด็กชาย ฉันพยายามสุดกำลังที่จะใช้ชีวิตให้ห่างไกลจากเขา พยายามไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับชีวิตของเขาเลย แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับกลายเป็นความวุ่นวายไม่หมด“ใช่แล้ว เกเบรียล มันไม่บังเอิญไปหน่อยเหรอ? ถ้ากันเนอร์กับคาลวินไม่ย้ายเข้ามาอยู่ข้างบ้านเรา ฉันก็ไม่มีวันรู้เรื่องนี้หรอกและเอมม่าก็จะเงียบปากแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องต่อไป ปล่อยให้เด็กคนหนึ่งร้องเรียกหาความรักจากคนเป็นแม่”ฉันรู้สึกได้ถึงความโกรธเกรี้ยวที่ส่งมาจากตัวเอวา มันช่างเดือดดาล ฉันไม่เคยเห็นเอวาเป็นเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิตนี้ฉันขอสาปแช่งโชคชะตาของเธอเลย ฉันไม่เคยรู้มาก่อ
แม่ทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้หลังจากได้ยินฉันสารภาพออกมา สายตาของเธอบ่งบอกถึงหัวใจที่แตกสลาย สายตาแสนผิดหวังแทบทำให้ฉันล้มทั้งยืนทราวิสซึ่งคอยประคองฉันไว้ปล่อยมือออกอย่างรวดเร็วราวกับว่าร่างฉันแผดเผาเขา เขาค่อย ๆ ถอยหลังออกไปจนยืนห่างจากฉันหลายฟุตฉันรู้ว่าคนที่เหลือตกใจไม่ต่างกัน แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ได้สำคัญสำหรับฉันเลย ยิ่งเป็นตอนที่ครอบครัวตนเองจ้องมองฉันราวกับว่าไม่รู้จักกันมาก่อน ราวกับว่าเป็นคนแปลกหน้าอย่างนั้น“บอกแม่มาทีว่าลูกแค่ล้อแม่เล่น” แม่อ้อนวอน “เรื่องที่มีลูกและเก็บซ่อนเอาไว้ตลอดหลายปีที่ผ่านมามันเป็นเรื่องโกหกใช่ไหมลูก”ฉันต้องการโกหกพวกเขาเพราะให้สายตาที่บอกถึงหัวใจแตกสลายและแสนผิดหวังในตัวฉันจะได้หายไปเสียที แต้รู้ดีว่าฉันไม่สามารถทำแบบนั้นได้อีกแล้ว มันไม่มีที่ให้หลบซ่อนอีกแล้ว ไม่มีหนทางให้หลบหนีจากความจริงอีกแล้ว“หนูขอโทษค่ะ หนูขอโทษด้วยจริง ๆ” ฉันร้องไห้พร้อมเดินโซซัดโซเซไปหาแม่ “หนูอยากจะบอกใจจะขาดแต่รู้สึกละอายใจขึ้นมา” ฉันเดินไปกุมมือเธอเอาไว้ แต่แม่ก็สะดุ้งและกระชากมือออกไปแล้วนี่คือสิ่งที่ฉันหวาดกลัวมาโดยตลอด เอวาพูดถูก ฉันเป็นลูกสาวแสนสมบูรณ์แบบ ไม่มีมีค
ให้ตายสิ ยากเย็นเหลือเกิน ฉันต้องการหยุด ทว่าเมื่อเดินมาถึงตรงนี้ ฉันรู้ดีกว่าทุกคนไม่ยอมเป็นแน่“อย่างที่เคยบอกไป หลายสิ่งดีขึ้นหลังจากนั้น แต่ก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบอะไรมากมาย หนูรู้สึกว่ามันพอทนอยู่ จนกระทั่งคืนนั้น แม่โทรมาบอกให้รู้ว่าเอวาคลอดลูกชายออกมา และโรแวนก็ตกหลุมรักเด็กคนนั้นตั้งแต่แรกเห็น ทุกอย่างก็แตกสลายอีกครั้ง ความเจ็บปวดที่หนูพยายามเก็บซ่อนเอาไว้ก็เอ่อล้นออกมา” ฉันพยายามสูดหายใจผ่านความเจ็บปวดจากความทรงจำเหล่านั้น แต่ก็ยากเย็นนัก“หนูรู้สึกเจ็บปวดไปหมด แล้วโกรธมากเลยด้วย โกรธที่ตัวเองไม่ยอมตอบตกลงแต่งงานกับโรแวนวันนั้น โกรธที่โรแวนดันเมาไม่ได้สติ แล้วเผลอไปนอนกับเอวา โกรธที่เอวาท้องและแต่งงานกับผู้ชายที่หนูรัก โกรธที่เด็กนั่นมันเกิดมา”ฉันได้ยินเสียงถอนหายใจออกมา ฉันไม่อยากหันไปรับรู้ว่านั่นมาจากโรแวน ฉันยังคงลำบากใจกับโนอาอยู่เพราะหากทุกสิ่งเป็นไปตามที่คิด โรแวนคงมีลูกกับฉัน ไม่ใช่กับเอวา“หนูอยากทำให้โรแวนเจ็บปวด อยากให้เขาเจ็บเหมือนที่หนูเจ็บ หนูรู้มาตลอดว่าเขาไม่ชอบคาลวินเพราะเขาตามจีบหนูมาตลอด คืนนั้นหนูก็เลยตั้งใจเข้าไปยั่วเขา แต่รู้ด้วยว่าเรื่องนี้ถึงหูโรแวนแน่
เมื่อตัดสินใจได้ว่าจะไม่สนใจพวกเขา ผมลุกขึ้นอีกครั้ง คว้าเสื้อโค้ทแล้วออกจากห้องทำงาน ผมรู้ดีว่าคงไม่มีสมาธิทำงานได้ แล้วจะเสียเวลาไปทำไมกันล่ะ?ผมส่งข้อความหาคนขับรถเพื่อให้เตรียมรถไว้ก่อนจะก้าวขึ้นลิฟต์ ไม่กี่นาทีต่อมา ผมก็อยู่ในลานจอดรถใต้ดิน“คุณวู้ดครับ” เขาก้มศีรษะเล็กน้อยขณะเปิดประตูรถให้ผมผมพยักหน้ารับก่อนจะเข้าไปในรถ เขาก็ขึ้นรถและเริ่มขับออกไปผมตัดสินใจเปิดดูข่าวซุบซิบต่าง ๆ เป็นการฆ่าเวลาเกเบรียล วู้ดเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที ประกาศลั่นอย่างเป็นทางการ ข่าวจากวงในวู้ด คอร์เปอร์เรชั่นเกเบรียล วู้ด หนุ่มเนื้อหอมตัวท๊อปของเมืองสละโสดขวัญใจมหาชน เกเบรียล วู้ดลั่นระฆังวิวาห์ปิดประมูลความโสดของหนุ่มฮอต เกเบรียล วู้ดสาวคนไหนกันที่เกเบรียล วู้ด สวมแหวนแต่งงานให้กันนะ?เรื่องแล้วเรื่องเล่า บทความพวกนี้มีแต่เรื่องไร้สาระ บางอันก็ดูโง่เง่า บางอันก็มีส่วนจริงอยู่บ้างเมื่อเดินทางถึงบ้าน ผมปิดโทรศัพท์ก่อนลงจากรถ หลังจากกล่าวลาคนขับแล้ว ผมก็เดินตรงไปยังบ้านของตัวเองผมแปลกใจที่เจอฮาร์เปอร์นั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่น“กลับมาบ้านได้สักทีนะคะ” เธอพูดอย่างเหม่อลอย “เห็นข่าวซุบซิบพว
เกเบรียลผมนั่งมองเอกสารตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า อารมณ์ยังคงเดือดพล่าน โกรธจัด โกรธจนแทบบ้า มิลลี่คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ถึงได้กล้าพูดจาหยาบคายใส่ฮาร์เปอร์แบบนั้น?เพราะสมาธิที่เตลิดไปจนหมด ผมลุกขึ้นยืนและเริ่มเดินวนไปมา สมองผมทำงานเร็วราวกับกำลังวิ่งไปด้วยความเร็วพันไมล์ต่อวินาที ผมพยายามคิดหาวิธีที่แตกต่างไปซึ่งจะทำให้ชีวิตของมิลลี่เป็นนรกบนดินนายโกรธอะไรนักหนา? ตอนที่แต่งงานกับฮาร์เปอร์เมื่อหลายปีก่อน นายเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ามิลลี่เลยเสียงในหัวเยาะหยันผม แต่ผมไม่อยากฟัง เพราะมันพูดถูกจนน่าหงุดหงิด ตอนนั้นผมไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของเธอเลย ผมทำให้เธอเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วอะไรล่ะที่เปลี่ยนไป?ตอนที่ผมลากฮาร์เปอร์มายืนกลางห้องและขู่ทุกคนที่กล้าทำร้ายเธอ ผมเห็นความตกใจและประหลาดใจในดวงตาเธอตอนอยู่ในห้องทำงานของผม เธอมองผมเหมือนกับว่าไม่รู้จักผมอีกต่อไป เหมือนเธอไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงเลือกอยู่ข้างเธอ มันชัดเจนว่าเธอคิดไม่ออกว่าจะคิดกับผมหรือการกระทำของผมอย่างไรผมยกมือลูบหน้าพร้อมถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ผมจะโทษเธอได้อย่างไรล่ะกับปฏิกิริยานั้น ในเมื่ออดีตผมเคยปฏิบัติกับเธออย่างเลว
จากนั้น เขาจับมือฉันพาเดินออกจากห้องไป ก่อนที่ประตูจะปิด ฉันมองเห็นความหวาดกลัวในตาของมิลลี่ ความกลัวนั้นบอกทุกอย่างที่ฉันต้องการรู้ และแน่นอนว่าผลการสอบสวนของเธอคงไม่พูดถึงเธอในทางดีแน่เราขึ้นลิฟต์ไปเงียบ ๆ โดยที่ไม่มีใครพูดอะไร จนเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เกเบรียลพาฉันไปที่ห้องทำงานของเขา"คุณเป็นอะไรไหม?" เขาถามเมื่อเราเข้าไปในห้อง "ผมส่งเรื่องให้ทีมสื่อข่าวสารประกาศเรื่องการแต่งงานของเราแล้ว ผมอยากลงไปหาเพื่อบอกคุณเรื่องนี้ แต่กลับไม่เจอคุณที่ห้องทำงานตัวเอง ผมก็เลยได้เห็นฉากน่ารังเกียจนั้นกับตา"ฉันดึงมือออกจากมือของเขาแล้วจ้องมองกลับไป "ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องห่วง""แน่ใจนะ?""แน่ใจค่ะ"เรานั่งอยู่ในความเงียบงันสักพัก ฉันเห็นว่าเขาคงอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ดูเหมือนมีบางอย่างที่ยับยั้งเขาเอาไว้ สายตาที่เขาจ้องมาทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันคงกลับบ้านก่อนนะคะ ฉันรู้สึกกังวลมาตลอดทั้งวันเพราะเรื่องลิลลี่" ฉันพูดเบา ๆ ไม่กล้ามองตาเขา"ได้ งานเสร็จเมื่อไหร่ ผมก็จะกลับบ้านเลยเหมือนกัน"ฉันพยักหน้าก่อนจะเดินออกไป ไม่ใช่ว่าฉันไม่ขอบคุณในสิ่งที่เขาทำให้ แต่การกระทำของเข
"ภรรยาเหรอ?" มิลลี่ทวนคำพูดราวกับว่าเธอไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่ได้ยินได้"ผมพูดไม่ชัดหรือไง?" เกเบรียลถามเสียงเรียบแต่แฝงความคมกริบทั้งห้องเงียบกริบทันที คนที่เคยพึมพำและชี้นิ้วมาที่ฉันตอนนี้ต่างก้มหน้าลงไม่กล้ามองขึ้นมาฉันไม่ได้ต้องการให้เกเบรียลมาสู้แทนฉันเลย ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขี้กลัวและไม่มีความมั่นใจเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ฉันเปลี่ยนไปมาก แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าฉันชอบที่เขาออกมาปกป้องฉันมิลลี่ตัวสั่นเทิ้ม เธอทั้งตัวแข็งทื่อและความกลัวปรากฏชัดบนใบหน้า นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ฉันทำงานที่นี่ที่เธอไม่ได้ดูเหมือนผู้หญิงเย่อหยิ่งที่ฉันคุ้นเคยด้วยท่าทางของเธอ คุณอาจคิดว่าเธอเป็นเจ้าของบริษัทนี้ เธอชอบสั่งคนอื่น ทั้งหยาบคายและร้ายกาจ โดยเฉพาะกับผู้หญิง เธอปฏิบัติต่อคนอื่นเหมือนพวกเขาต่ำต้อยกว่าฉันแทบไม่เคยลงไปที่ชั้นอื่น ๆ แต่ถ้าฉันจำเป็นต้องไป มิลลี่จะอยู่ที่นั่นเสมอเพื่อพูดจาไร้สาระและปฏิบัติต่อฉันเหมือนขยะ"ดิฉันขอโทษค่ะเกเบรียล ดิฉันไม่ทราบว่าเธอเป็นภรรยาของคุณ" เธอกระซิบ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยการขอร้องความกดดันรอบตัวเกเบรียลยิ่งหนักขึ้นจนแทบหายใจไม่ออก ผู้ห
ฉันเพิ่งจะก้าวลงจากรถ แต่ทันใดนั้นเองเขาก็คว้ามือฉันไว้และกระชากมันอย่างแรง ฉันตกใจกับการกระทำนั้น จึงเงยหน้าขึ้นด้วยความสับสน แล้วก็เจอสายตาที่ลุกวาวของเขา“แหวนอยู่ไหน?” เขาพ่นคำถามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด สายตาจ้องมองฉันเขม็งให้ตายเถอะ! อะไรกันเนี่ย?ฉันค่อย ๆ ละสายตาจากเขาไปที่นิ้วมือว่างเปล่าของตัวเอง คุณเคยอยู่ในสถานการณ์ที่สับสนไหม? แบบที่คุณรู้ว่าคนถามอะไร คุณรู้คำตอบ แต่ก็ยังสับสนอยู่ดี? นั่นแหละ ตอนนี้ฉันเป็นแบบนี้“ฮาร์เปอร์ แหวนคุณอยู่ที่ไหน?” เขาเค้นเสียงถามขณะที่ก้าวลงจากรถฉันมองร่างของเขาที่ลุกออกจากรถ แล้วตอนนี้เขาก็ยืนตระหง่านค้ำหัวฉัน ความน่าเกรงขามของเขาทำให้ฉันพูดอะไรไม่ออกเขาเขย่าตัวฉันเล็กน้อยดึงฉันกลับมาอยู่กับปัจจุบัน“ฉันไม่เข้าใจเลยว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น” ฉันพึมพำออกมา ยังคงไม่แน่ใจว่าทำไมเขาถึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟกับเรื่องเล็ก ๆ แค่นี้สีหน้าของเขามืดครึ้มขึ้นไปอีก เหมือนคำตอบของฉันไปกระตุ้นอะไรบางอย่างในตัวเขาเข้า“เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็คือคุณไม่ได้ใส่แหวนที่ผมเป็นคนให้ และผมก็อยากรู้ด้วยว่าทำไม” เขาคำรามออกมา ใบหน้าเคร่งเครียดฉันตอบกลับไปแบบโง
ฉันพยายามดึงมือออก แต่ก็ไม่สำเร็จ เขาจับมันไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เขาไม่จับแน่นจนเจ็บ แต่แน่นพอที่ฉันจะดึงมือออกไม่ได้"ฮาร์เปอร์" เขากระซิบเตือนเมื่อฉันพยายามดึงมือออกอีกครั้งทำไมเขาต้องทำให้มันยากขนาดนี้? ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้เลยเหรอ?"ไม่มีอะไรให้พูดทั้งนั้น" ฉันขู่ฟ่อ ขมวดคิ้วมองใบหน้าหล่อเหลาของเขาความจริงที่ว่าฉันอ่อนระทวยต่อสัมผัสของเขาก็น่าอายพอแล้ว ตอนนี้เขายังอยากจะทำให้ฉันอายมากขึ้นด้วยการพูดเรื่องนี้ระหว่างทางไปทำงานอีก"ตรงนี้แหละที่คุณคิดผิด" เขาจับเอวฉันแล้วดึงเข้าใกล้ตัว "เรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะแยะ"เขากำลังทำอะไรอยู่นะ? เสียสติไปแล้วเหรอ? ตอนนี้ต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติกับเกเบรียล เพราะเขากำลังทำอะไรที่ดูไม่ใช่เขาเลยเขากำลังปั่นหัวฉันเล่นเหรอ? เป็นแบบนี้ใช่ไหม? เกมสำหรับเขาสินะ"ปล่อยฉันนะ เกเบรียล" ฉันกระซิบอย่างโกรธจัดในใจ ขณะที่ความคิดที่ไม่สบายใจเริ่มจมลึกลงในหัวโธ่! มันยังเจ็บอยู่เลย เจ็บที่เมื่อก่อนเขาไม่ต้องการฉัน แล้วตอนนี้เขากำลังทำเหมือนฉันเป็นของเล่น"ทำไมล่ะ?" เขาถาม ขณะริมฝีปากของเขาใกล้หูฉัน "ผมทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจหรือเปล่า? ทำให้คุณเร
ตอนที่เรากำลังจะออกจากบ้าน ฉันควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้แล้วฉันไม่อยากยอมรับ แต่ความรู้สึกดึงดูดที่ฉันมีต่อเกเบรียลยังคงอยู่ มันผ่านมาหลายปีแล้ว เกือบสิบปี แต่เขาใช้เวลาเพียงเล็กน้อยในการเร้าอารมณ์ฉันฉันเกลียดมัน เกลียดเพราะตอนที่ฉันแต่งงานกับเลียม มันต้องใช้เวลาสักพักกว่าฉันจะรู้สึกตื่นเต้นพอสำหรับเรื่องบนเตียง อย่าเข้าใจผิดนะ เลียมไม่ได้เป็นคู่รักที่แย่ เขาไม่ได้แย่เรื่องเซ็กซ์ แต่ความรู้สึกมีอารมณ์ของฉันไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ ตอนที่เขาอยากจะนอนด้วยแต่กับเกเบรียล มันไม่ได้ยากเลย แค่สายตาที่ร้อนแรงแวบเดียวพร้อมมือที่หยาบกร้านของเขาแตะผิวกาย ฉันก็เปียกชุ่มเพราะเขา พร้อมให้เขาครอบครอง มันบอกอะไรเกี่ยวกับตัวฉันเหรอ? การที่อดีตสามีไม่ได้สัมผัสด้านนี้ของฉันในขณะที่ผู้ชายที่ทำลายฉันกลับทำได้?หลังจากอาบน้ำเย็นเร็ว ๆ เพื่อล้างความเร่าร้อนและความอับอายออกไป ฉันแต่งตัวและลงไปที่โต๊ะอาหาร ระหว่างที่เรากำลังกินข้าว ฉันพยายามหลีกเลี่ยงสายตาที่เหมือนรู้อะไรของเกเบรียล“พร้อมหรือยังลูก?” ฉันถามลิลลี่ในขณะที่เธอหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่เกเบรียลประกาศว่าเขาจะไปส่งลิลลี่ไปโรง
ฮาร์เปอร์ฉันลุกออกจากเตียงด้วยความรู้สึกเหมือนโดนรถบรรทุกเหยียบ ฉันแทบไม่ได้นอนเลยทั้งคืนซึ่งบอกได้จากความเฉื่อยชาและเชื่องช้าในเช้านี้เมื่อมองไปที่โทรศัพท์ ฉันเห็นว่ามันเลยตีห้ามาเล็กน้อย ฉันรู้ว่าคงกลับไปนอนต่อไม่ได้ เลยลุกขึ้นมาแทน เกเบรียลเคยบอกว่าเขามีห้องยิม ฉันเลยหยิบกางเกงเลกกิ้งกับสปอร์ตบราใส่ แล้วออกจากห้องวันนี้เป็นวันที่ยาวนานแน่นอน เพราะวันนี้วันจันทร์และเป็นวันแรกที่ลิลลี่จะไปโรงเรียน ฉันอยากจะเป็นคนพาเธอไปเอง เธอดูประหม่าเล็กน้อยตอนเข้านอน แต่พยายามทำเหมือนไม่เป็นอะไรสิ่งเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกสบายใจคือการรู้ว่าโนอาจะอยู่กับเธอ เธอบอกฉันว่าโนอาสัญญาว่าจะพาเธอไปรู้จักเพื่อน ๆ ของเขา มัโนอาน่ารักและใจดีมาก เห็นชัดเลยว่าโนอาถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี และจากความอ่อนโยนของเอวาที่มีต่อฉัน ฉันก็ไม่แปลกใจเลยฉันเดินผ่านทางเดินที่ยังมืดพยายามหาทางไปยิม ฉันจำได้ว่าเกเบรียลบอกว่ายิมอยู่ชั้นบนสุด ฉันจึงมุ่งหน้าไปที่นั่นระหว่างทาง ฉันเดินผ่านห้องของเกเบรียล และหยุดอยู่ตรงนั้นชั่วครู่ อย่าเพิ่งมองฉันแบบนั้น ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงหยุด มีอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันหยุดยืนอยู่ตรงนั้น
คาลวิน"มาทำบ้าอะไรที่บ้านผม เอมม่า!" ผมพูดผ่านไรฟันกันเนอร์กับผมกำลังวุ่นวายกับการทาสีห้องลูกชายอยู่ ก่อนที่เสียงกริ่งประตูจะดังขึ้น สิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นมากที่สุดคือให้เขาได้ยินเสียงผมตะโกนแล้ววิ่งลงมาดูเห็นผู้หญิงสารเลวคนนี้ผมจ้องมองเธออย่างเคืองขุ่น ขณะที่ความโกรธเริ่มคุกรุ่นขึ้นในตัว ผมกำหมัดแน่น และกรามก็ขบกันแน่นเพื่อพยายามหยุดตัวเองไม่ให้ระเบิดออกไป"ฉัน... ฉัน..." เธอพูดไม่จบประโยคและมันยิ่งทำให้ผมโกรธมากขึ้นให้ตายเถอะ! ผมเดินออกจากบ้านและปิดประตูตามหลังตัวเอง ผมต้องไล่เธอออกไป"ผมถามอยู่ไม่ได้ยินเหรอไง เอมม่า!" ผมตะคอกพร้อมจับลูกบิดประตูแน่นเหมือนคีมเพื่อทำให้ตัวเองสงบลงหลังจากทุกอย่างที่เธอทำกับผมและกันเนอร์ ตอนนี้เธอยังมีหน้ามาอยู่ที่ประตูบ้านผมได้อีกเหรอ?ความเจ็บปวดและการโดนทรมานเกือบสิบปี เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าผมจะลืมมันง่าย ๆ? ผมจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วทำเป็นเหมือนว่าเธอไม่ได้ขยี้หัวใจผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้อีกเหรอ? ทำเป็นเหมือนเธอไม่ได้เอาจิตวิญญาณของผมใส่เครื่องบดเนื้อแล้วบดมันจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างนั้นเหรอ?มันเจ็บปวดเหลือเกิน เจ็บจนถึงตอนนี้