หลายวันต่อมา"องค์หญิงเพคะท่านแม่นมส่งข่าวมาว่าของสำคัญในหีบเหล็กขององค์หญิงหายไปเพคะ""หายไปได้อย่างไร" องค์หญิงสิบสามตกใจ ของสำคัญของนางที่มีความจริงแล้วหาได้มีค่าสำหรับผู้อื่น ของเช่นนี้จะมีผู้ใดสนใจที่จะขโมยกัน"ดูเหมือนจะมีคนนำไปเพคะแม่นมมั่นใจว่าไม่ได้นำไปไว้ที่อื่นแน่เพียงแต่ต้องการนำมาทำความสะอาดพอเปิดหีบออกมาก็หายไปแล้วเพคะ""ไปอาชิง ข้าจะเข้าวังกลับตำหนักสิบสาม""เพคะ""ฮูหยินน้อยจะไปที่ใดขอรับ"พ่อบ้านของจวนแม่ทัพหยางเอ่ยขึ้น เขากำลังนำยาบำรุงมาให้ฮูหยินน้อยแต่กลับพบว่านางกำลังหน้าตาตื่นออกจากเรือนมา"ท่านพ่อบ้านรีบรายงานท่านแม่ทัพ ข้าต้องเข้าวังเป็นการด่วน""อั๊ยหยา ฮูหยินน้อยท่านลืมไปแล้วหรือว่าท่านแม่ทัพสั่งห้ามท่านออกจากจวนบัดนี้ท่านแม่ทัพเดินทางไปวัดกวนอิมเพื่อพบฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว""จริงด้วยข้าเลอะเลือนแล้ว เช่นนั้นหากท่านแม่ทัพกลับมาก็แจ้งแก่ท่านแม่ทัพแทนข้า ข้าจะเข้าวังหลายวันหน่อย ไม่ต้องห่วงในวังคุ้มกันแน่นหนาย่อมไม่มีอันตรายอันใดเป็นแน่""ฮูหยินน้อยกำลังทำให้บ่าวลำบากใจแล้ว""ข้ามีเรื่องสำคัญต้องเข้าวังหรือเจ้าต้องรอให้มีราชโองการจากฝ่าบาทมาที่จวนหรือจึงจะปล่อยข้า
องค์หญิงสิบสามรู้สึกสงสัย ตำหนักของนางความจริงนับว่าเป็นตำหนักที่ไร้ของมีค่าที่สุดในตำหนักองค์หญิงทั้งหมด"ของทั้งหมดเหวินเฟยทำด้วยมือทั้งหมดนั้นเป็นหม่อมฉันคอยช่วยทำขึ้นมา เหตุนี้เมื่อหายไปจึงทำใจไม่ได้จริงๆ เพคะ”"ไม่เป็นไรเป็นเพียงของนอกกายเรื่องของเสด็จแม่ข้าเก็บไว้ในใจทั้งหมดแล้วแม่นมอย่าได้เสียใจไป""เพียงแต่แม่นมคิดไม่ตกเพคะว่าโจรผู้นั้นจะขโมยขององค์หญิงไปด้วยจุดประสงค์ใด เช่นนี้องค์หญิงต้องระวังตนให้มากนะเพคะ""ช่วงนี้ท่านแม่ทัพไม่อยู่ข้าคิดจะพักที่นี่อยู่เป็นเพื่อนแม่นมหลายวันหน่อย อีกทั้งจะหาโอกาสเข้าเฝ้าเสด็จพ่อเพื่อทูลขอท่านไปอยู่ที่จวนด้วย มีคนร้ายเข้ามาในตำหนักเช่นนี้ไม่ปลอดภัยแล้ว""องค์หญิง" แม่นมซาบซึ้งใจนัก ตัวนางนั้นแม้จะเป็นแม่นมขององค์หญิงสิบสามที่เลี้ยงดูนางมาตั้งแต่เกิดแต่อย่างไรเสียก็นับเป็นคนของตำหนักในผู้ที่สามารถให้นางออกจากวังได้นอกจากฮองเฮาแล้วก็มีเพียงฝ่าบาทเท่านั้นฮองเฮานั้นไม่ชอบองค์หญิงสิบสามเป็นทุนเดิมเรื่องใดที่จะทำให้องค์หญิงสิบสามเสียใจนางย่อมไม่รีรอ การพรากแม่นมกับองค์หญิงสิบสามออกจากกันได้นับว่าฮองเฮาคงยินดี แต่หากจะร้องขอให้แม่นมออกนอกวังไปอย
หลินฮุ่ยหมินยอมนั่งเมื่อยขบอยู่ครึ่งค่อนวัน การแต่งกายของสตรีให้งดงามเหตุใดจึงใช้เวลานานเช่นนี้ ที่ผ่านมานางเพียงแต่แต่งกายเรียบง่ายไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่ใช่ไม่อยากงดงามเช่นผู้อื่นแต่เป็นเพราะขัดสนเงินทองต่างหากครานี้มีเงินมากมายอีกทั้งหยางเอ้อหลางก็อนุญาตให้นางใช้จ่ายได้เต็มที่อาชิงเอ่ยว่าองครักษ์ฝานเป็นผู้ไปเหมาอาภรณ์ไหมราคาแพงพวกนี้มาจากหอหรูอี้ร้านอาภรณ์อันดับหนึ่งในต้าชิงมาให้นางเมื่อถึงงานเลี้ยงที่ตำหนักริมน้ำทันทีที่นางก้าวเท้าเข้าไป เป็นดั่งคาดสายตาขององค์หญิงรวมทั้งนางกำนัลทุกคู่กลับพุ่งมาที่นางด้วยความตกตะลึง เป็นองค์หญิงห้าที่โผกายมาหาด้วยความดีใจ "น้องสิบสามของข้าเหตุใดออกเรือนแล้วงดงามยิ่ง เห็นเจ้าเป็นเช่นนี้ข้าก็อยากหาบุรุษดีๆสักคนออกเรือนบ้าง"องค์หญิงห้ามองน้องสาวด้วยความชื่นชม องค์หญิงสิบสามแต่งกายด้วยชุดผ้าไหมชั้นดีราคาแพงลิบลิ่วเห็นเช่นนี้ก็แอบดีดลูกคิดในใจ ค่าอาภรณ์ชุดนี้เบี้ยหวัดทั้งปีของตำหนักองค์หญิงห้าคงไม่อาจจะซื้อได้องค์หญิงสิบสามคลี่ยิ้มงดงามบาดตาให้องค์หญิงห้านางสะบัดพัดที่ถืออยู่ในมือ ทำกิริยาเยี่ยงสตรีชั้นสูงที่ปกตินางไม่เคยแสดงออกแล้วเอ่ยขึ้น"พี่ห้าคิดเช่น
องค์หญิงห้ารับกล่องมาเปิดพร้อมด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเหล่าองค์หญิงผู้อื่น อีกทั้งองค์หญิงสิบสามหาได้ทักทายผู้ใดไม่นอกจากองค์หญิงห้าจึงทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นรู้สึกเสียหน้าอยู่ไม่น้อย การกระทำของนางแม้พวกนางไม่อยากสนใจแต่ก็อดที่จะแอบชำเลืองมองไม่ได้"หยกเลือดนี่งดงามมาก"องค์หญิงห้าอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น เสียงฮือฮาของเหล่าสตรีที่อยู่รอบกายเห็นได้ชัดว่าชื่นชอบความงามของหยกเลือดหายากยิ่ง องค์หญิงสิบสามโบกพัดในมือแย้มยิ้มหน้าบาน"หยกนี่หายากมากมีเพียงไม่กี่คนในแคว้นต้าชิงที่ได้ครอบครองข้าเพียงแต่เห็นว่าที่จวนสกุลหยางนั้นไม่ได้ใส่ใจในของล้ำค่าเหล่านี้มากไปกว่าอาวุธ จึงได้ขอสามีมาให้ท่านของล้ำค่าควรคู่กับสตรีงดงามจิตใจดีเช่นพี่ห้า"คำกล่าวขององค์หญิงสิบสามตอบคำถามทุกคนแล้ว นางพูดราวกับว่าที่จวนสกุลหยางมีของล้ำค่าหายากวางเกลื่อนกลาดทั่วจวน อีกทั้งองค์หญิงสิบสามยังสามารถจับหยิบฉวยมาให้ผู้ใดก็ได้จึงนับว่าแม่ทัพหยางรักนางจนยอมปล่อยตามใจเช่นนี้ การโอ้อวดของนางแม้จะดูตื้นเขินและน่ารังเกียจแต่ก็น่าริษยายิ่งนัก"ดูไข่มุกที่ประดับบนปิ่นปักผมของเจ้าสิเม็ดใหญ่และเรียบเนียนกลมกลึงงดงามจริงๆ ข้า
องค์หญิงใหญ่แม้จะตีสีหน้าเรียบเฉยแต่ในใจไม่อาจสงบนิ่งได้ ในขณะที่นางถูกหยางเอ้อหลางปฏิเสธองค์หญิงสิบสามกลับอยู่ที่นี่ด้วยเครื่องแต่งกายงดงามที่นางหมายตาเอาไว้อีกทั้งเครื่องประดับล้วนล้ำค่าหายากพวกนั้นที่ประดับอยู่บนกายของนาง สตรีด้อยค่าผู้นี้ไม่สมควรได้รับสิ่งของดีๆ แม้แต่ชิ้นเดียว"สิบสามเจ้าเป็นคนเช่นไรกันแน่ ที่ผ่านมาพี่หญิงใหญ่ดีกับเจ้ามาตลอด เพียงแต่งให้แม่ทัพผู้หนึ่งก็คิดจะยกตนมาเทียบเคียงพี่หญิงใหญ่แล้วหรือ"องค์หญิงรองเอ่ยขึ้น"ใช่สิบสามเจ้าช่างหน้าไม่อายนัก กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว" เป็นองค์หญิงสิบที่เอ่ยสำทับ"เอาเถิดพวกเจ้าอย่าว่านางอีกเลย เรื่องเพียงนี้ข้าหาได้ถือสาหากน้องสิบสามจะงดงามขึ้นมาด้วยของราคาแพงข้าเป็นพี่หญิงใหญ่ย่อมต้องยินดี พวกเจ้าอย่าได้ถือสานางผู้เพิ่งเคยได้สวมใส่ของดีมีราคาจึงอวดโอ้ไปบ้าง เรื่องนี้ต้องเห็นใจสิบสาม""พี่หญิงใหญ่ท่านก็ดีเช่นนี้นางถึงได้กำเริบขึ้นมาโดยไม่เห็นผู้ใด"“เป็นความจริงที่พี่หญิงใหญ่กล่าว ข้าสิบสามได้แต่งท่านแม่ทัพหยางผู้เพียบพร้อมจึงมีหน้ามีตาขึ้นมาได้ ว่าแต่พวกท่านเถิดบุรุษในต้าชิงที่เพียบพร้อมอันดับหนึ่งคือสามีข้า ในเมื่อสามีข้าเป็นอ
องค์หญิงสิบสามใช้ค้อนทุบก้ามปูจนเกิดเสียงดัง เพราะความไม่ระวังจึงทำให้เศษก้ามปูกระเด็นไปโดนอาภรณ์ของคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม องค์หญิงสิบสามมองยังองค์หญิงผู้นั้นด้วยสายตาเป็นประกายแต่ไร้ความรู้สึกผิดนางยิ้มเย็นงดงามเพียงมุมปากแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ"พี่เก้าข้าทำท่านอาภรณ์เลอะแล้ว"นางกำนัลขององค์หญิงเก้าช่วยปัดเศษปูของจากอาภรณ์ของผู้เป็นนาย องค์หญิงเก้ามองท่าทางขอโทษอย่างเสียไม่ได้อีกทั้งยังดูยโสโอหังขององค์หญิงสิบสามอย่างไม่พอใจ"เจ้าตั้งใจแกล้งข้า""พี่เก้าเหตุใดกล่าวเช่นนั้น ข้าเพียงกินปูแล้วทุบมันเป็นเรื่องปกติเช่นนี้เรียกว่าใส่ร้ายกันชัดๆ "องค์หญิงเก้ากัดฟันข่มความคับแค้นใจเอาไว้ นางไม่อยากเสียมารยาทต่อหน้าพี่หญิงใหญ่ หลายครั้งที่นางเคยได้ยินนางกำนัลในตำหนักแอบต่อว่าผู้อื่นว่าโกหกตาใสครานี้นางประจักษ์ชัดแล้วว่าคำกล่าวนี้เป็นเช่นไร"เจ้ามันโกหก เห็นได้ชัดว่าเจ้าตั้งใจ""โอ๊ะ เช่นนั้นก็แล้วแต่พี่เก้าจะคิด"ได้ฟังคำตอบขององค์หญิงสิบสามที่คล้ายยอมรับกลายๆ องค์หญิงเก้าถึงกับถลึงตาออกมาด้วยความโกรธจัดพร้อมกับชี้นิ้วที่นาง"เจ้าโกรธข้าด้วยเรื่องอันใด จึงได้หาเรื่องเช่นนี้ คงไม่ใช่ค
ฮองเฮาแทบไม่เชื่อหูตนเอง เป็นครั้งแรกที่นางสั่งลงโทษองค์หญิงสิบสามแล้วฝ่าบาทเข้ามายุ่งเกี่ยว“เสด็จพ่อหม่อมฉันหาได้ทำความผิดอันใด เพียงแต่โต้เถียงกันเล็กน้อยฮองเฮาลำเอียงลงโทษเพียงหม่อมคนเดียว”“เอาล่ะ ๆ เจ้าลุกขึ้นเถิด พ่อไม่อยากฟังเรื่องไร้สาระแล้วแค่เด็กๆ ทะเลาะกันปล่อยไปสักวันเถิด สิบสามเจ้ารีบลุกขึ้น”“ขอบพระทัยเพคะ”ไม่เพียงองค์หญิงที่ตกตะลึงท่าทางของฝ่าบาทที่ดีต่อองค์หญิงสิบสามเป็นอย่างมากก็ทำให้ฮองเฮาและเหล่าองค์หญิงตกตะลึงด้วยเช่นกัน องค์หญิงใหญ่และฮองเฮามองใบหน้ากันเมื่อรับรู้ความเปลี่ยนแปลงที่ฝ่าบาทมีการที่พระองค์ไม่สนใจรับสั่งฮองเอาเช่นเดิม มิใช่หมายความ ฝ่าบาทเริ่มแสดงบทบาทของกษัตริย์ที่ไม่ต้องการผู้ใดมาชี้นำอีกต่อไปแล้วหรือหลังจากวันงานเลี้ยงหลินฮุ่ยหมินก็ได้ข่าวว่าองค์หญิงเก้าถูกลงโทษคุกเข่าหน้าศาลบรรพชนอีกทั้งยังถูกคุมขังสำนึกตนที่ตำหนักเย็น หลักฐานที่หยางเอ้อหลางรวบรวมนั้นถูกส่งถึงมือฝ่าบาทอย่างรวดเร็วหลังจากที่องค์หญิงสิบสามเข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมต่อเสด็จพ่อ“ท่านจัดการได้รวดเร็วมาก”“ฝ่าบาทกับข้าทำข้อตกลงกันไว้ ไม่ว่าเรื่องอันใดที่เกี่ยวกับท่าน พระองค์จึงได้ให
ภายในตำหนักเย็นวังหลังองค์หญิงเก้าน้ำตานองหน้ากอดเข่าเพียงลำพังในตำหนักเย็นอันหนาวเหน็บ อยู่ที่นี่นางเพียงแต่ได้กินอิ่มแต่ไร้ซึ่งความอบอุ่นในเวลากลางคืนอากาศหนาวเย็นเป็นอันมากปากของนางสั่นระริกหูของนางแข็งจนรู้สึกชา มือแดงก่ำมีเพียงเตาอุ่นเล็กๆ ให้กกกอดเพื่อคลายความหนาวนางประมาทองค์หญิงสิบสามเกินไปแล้วที่ผ่านมาเพียงแต่คิดว่าสิบสามนั้นไร้คนหนุนหลังจะรังแกนางอย่างไรก็ย่อมได้ไม่คาดคิดว่าหลังองค์หญิงสิบสามได้แต่งกับหยางเอ้อหลางเหตุการณ์จะพลิกผันได้เพียงนี้องค์หญิงเก้าทอดถอนใจร่างกายสั่นระริกคลุมผ้าห่มผืนหนาและกอดเตาอุ่นไว้แนบกาย คืนนี้นางจะสามารถผ่านความหนาวที่เสียดเข้าถึงกระดูกนี้ไปได้อย่างไรหลายวันต่อมาหยางเอ้อหลางได้รับคำสั่งให้เข้าเฝ้าเป็นการด่วน เขาไม่แปลกใจอันใดที่พบองค์หญิงใหญ่กับฮองเฮาอยู่ที่นี่“หยางเอ้อหลางเรารู้เรื่องหมดแล้ว เจ้าจะแก้ตัวว่าอย่างไร ผ้าผืนนี้อีกทั้งอักษรที่เขียนด้วยเลือดเป็นลายมือของเจ้าใช่หรือไม่”หยางเอ้อหลางมองเศษอาภรณ์สีขาวที่เต็มไปด้วยตัวอักษรเลือดของเขาแล้วยังมีใบหน้าเรียบเฉย หาได้แสดงออกว่าตกใจแต่ประการใด“ฝ่าบาทกระหม่อมเป็นของกระหม่อมจริงพ่ะย่ะค่ะ”
ส่วนองค์หญิงใหญ่นั้นแทบจะไม่เคยถามถึงเด็กเลยทั้งนี้คงเป็นเพราะเด็กคนนั้นคือตราบาปของนาง องค์หญิงใหญ่จึงรังเกียจเด็กยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือในหัวคิดเพียงแต่เรื่องสังหารเด็กนั่นให้ตายไปเสียให้พ้น องค์หญิงสิบสามถอนหายใจคิดแล้วก็รู้สึกหดหู่ยิ่งหลังออกจากตำหนักองค์หญิงใหญ่ สามีจึงพานางเข้าร่วมงานเลี้ยง ท่านย่าของหยางเอ้อหลางพาท่านชายทั้งสองเข้าร่วมงานด้วย ทุกคนห้อมล้อมเอาอกเอาใจอีกทั้งเด็กทั้งสองยังเป็นหลานรักของฝ่าบาทและขององค์รัชทายาทยิ่ง ไม่ว่าใครต่างก็แสดงความชื่นชมออกมา ก้อนแป้งน้อยของนางทั้งสองยังเด็กแต่รู้ความนัก เมื่อเห็นมารดาเพียงแต่โผหานางเบาๆ ไม่ได้งอแงเหมือนเด็กทั่วไป ภรรยาของขุนนางใหญ่หลายคนต่างหมายตาพวกเขาเอาไว้ พยายามทาบทามตั้งแต่ยังเด็ก องค์หญิงสิบสามเอ่ยปากปฏิเสธเพราะคิดว่าบุตรยังเล็กนัก การกระทำของนางไม่ไว้หน้าผู้ใดกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าตำหนิ กลางดึกคืนนั้นหยางเอ้อหลางนอนกอดภรรยาที่ร่างกายเปล่าเปลือยเอาไว้ในอ้อมกอด คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างพวกเขาแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ องค์หญิงสิบสามหลับแล้วเขากลับยังคงต้องการ เช่นนั้นจึงจับขานางแยกออกแล้วดันกายเข้าไประหว่างขา องค์หญ
องค์รัชทายาทครั้นเห็นว่าพี่หญิงของเขาและพี่เขยมาถึงแล้ว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็สดใสขึ้น องค์หญิงสิบสามยิ้มให้กำลังใจ องค์รัชทายาทที่มีชันษาแปดขวบอีกทั้งรู้ความเป็นอันมากด้วยถูกฮูหยินชราและสตรีสกุลหยางอบรมมาด้วยตนเองจึงเข้าพิธีสถาปนาอย่างกล้าหาญ องค์หญิงสิบสามเห็นน้องชายกำลังเติบโตเช่นนั้นก็ตื้นตันใจนัก นางเกือบหยุดน้ำตาไม่ได้อยู่หลายคราคิดถึงเพื่อนของนางมารดาของรัชทายาทที่จากไปก็พลันสบายใจ คนผู้นั้นคงตายตาหลับแล้วหยางเอ้อหลางเห็นภรรยาเหม่อลอย อีกทั้งมีน้ำใสคลอที่หน่วยตาจึงกุมมือของนางเอาไว้ จวบจนพิธีจบสิ้นองค์รัชทายาทก็ก้าวเข้ามาหาพวกเขาอย่างสง่างามสิ่งที่เอ่ยออกมาคำแรกสร้างความตื้นตันให้กับองค์หญิงสิบสามยิ่ง นางรู้สึกว่าองค์รัชทายาทช่างกตัญญูนักไม่เสียแรงที่นางปกป้องซาลาเปาน้อยก้อนนี้ด้วยชีวิต"พี่หญิงเมื่อข้าโตแล้ว ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของข้าข้าจะยกให้ท่าน"เพราะรัชทายาทพูดแบบนี้นางจึงซาบซึ้งจนไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป หยางเอ้อหลางได้แต่ส่ายหน้าโรคบ้าสมบัติของภรรยาเห็นทีว่าจะรักษาไม่หายจริงๆ หลังจากนั้นแฝดผู้น้องของซาลาเปาน้อยพลันวิ่งมาหานางวันนี้เด็กหญิงตัวน้อยก็ได้รับ
ในขณะที่หยางเอ้อหลางจุมพิตประกบขยี้ไปบนริมฝีปากงามอีกทั้งนิ้วมือของเขายังไต่ลงไปบดขยี้ปลายเกสรเพิ่มความต้องการกระสันอยากให้ภรรยามากขึ้นอีกทั้งยังจ้วงแทงลงมาใช้แรงกระแทกนางถี่ยิบ อ้าปากคว้าเต้าอวบกลมใหญ่ของนาง ปากดูดกลืนสองเต้าเต็มรัก สะโพกแข็งแรงซอยกระแทกรุนแรงจนทำให้ร่างกายขององค์หญิงสิบสามเต้นระริกองค์หญิงสิบสามกอดศีรษะของเขาไว้ ก่อนที่เขาจะจับนางพลิกร่างให้หันหลังอีกทั้งยังขยับสะโพกของนางเข้าหาตน แนบร่างลงมาหานางจากด้านหลัง ให้นางคุกเข่าอยู่บนเก้าอี้กอดตระกองรวบร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขนหยางเอ้อหลางดูดแผ่นหลังของนางแรงๆ อีกทั้งยังลากลิ้นเลียนางจนทั่วแผ่นหลังเนียนนุ่มในขณะที่เร่งจังหวะของสะโพกตนอัดร่างลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ปากครางบอกรักภรรยา เนื้อนุ่มนิ่มในอ้อมกอดหอมกรุ่นทำให้มัวเมายิ่ง เขาจุมพิตแผ่นหลังนางจนทั่ว ฝากรอยแดงเอาไว้แทบทุกตารางผิวองค์หญิงสิบสามแหงนใบหน้าหาเขา อ้าปากเย้ายวน หยางเอ้อหลางประกบปากของตนลงมาทันใด สองลิ้นพัวพันต่างคนต่างสูบลมหายใจซึ่งกันและกันแลกจุมพิตหวานฉ่ำรุนแรง ยิ่งจุมพิตยิ่งมัวเมาส่วนสะโพกบดเบียดและจ้วงแทงลงมาจากด้านหลัง นางบีบรัดเขาจนเขาต้องห่อปาก กระนั
หยางเอ้อหลางสัมผัสได้ถึงกลีบอวบอูมที่เต็มปากของตน น้ำหวานพรั่งพรูออกมา เขาสูดปากแรงๆ พร้อมดูดนางเต็มรัก นางบิดกายเร่งเร้า หยางเอ้อหลางหยอกเย้ากลีบนุ่มของนางจนอิ่มเอม ลิ้นร้อนของเขาห่อเป็นแท่งกระแทกเข้าไปในร่องลึก ไซร้สัมผัสกับปลายเกสรสีแดงที่สั่นระริกอยู่ที่ปลายลิ้น ก่อนจะดุนลิ้นตนเองลงมาหนักๆ จนภรรยาแทบจะแดดิ้นอยู่เบื้องล่างองค์หญิงสิบสามที่กำลังสติกระเจิงไปกับรสสวาทบัดนี้หาได้สนใจสิ่งใดไม่ นางยกสะโพกค้างให้เขาใช้ลิ้นรักนางอย่างเต็มที่ ความงดงามอวบอูมของภรรยาทำให้เขาฉ่ำเยิ้มเช่นกัน พูเนื้อของนางช่างเย้ายวนใจโดยแท้"ตรงนี้ของท่านงดงามมากรู้หรือไม่" เขากล่าวจบพลันสูดปากลากลิ้นแทงลงมาเต็มๆ องค์หญิงสิบสามกำเก้าอี้แน่น เขากำลังทำให้นางใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว"อ๊า ท่านพี่ อื้อ" นางครางไม่หยุดปากในขณะที่สามีละเลงลิ้นลากดุนวนไซร้ไปตามกลีบเกสร ดูดกลืนปลายสีแดงสดที่สั่นระริกเต้นเร้า หญิงงามที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่เบื้องหน้าดวงตาฉ่ำเยิ้มประดุจมีหมอกจาง ๆ อยู่ด้านในดวงตาคู่งามนั้นช่างยั่วยวนเขายิ่งนักเขาเงยหน้าเพ่งพิศที่เต้าคู่งาม ขยับกายว่องไวอ้าปากแล้วดูดรวบปลายถันไว้ในปาก ดูดแรงๆคล้ายกลั่นแกล
เขาเอ่ยเสียงพร่า พร้อมทั้งแลบลิ้นปาดเลียกลีบเกสรหอมหวานล้ำค่าของภรรยาอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อเห็นภรรยาบิดกายร้อนรุ่ม อีกทั้งส่งเสียงครางแผ่วเบาออกมาหยางเอ้อหลางเร่งเติมเชื้อไฟสวาทด้วยการลากไล้นิ้วมือเรียวไปตามโคนขาอ่อนขาวเนียนแผ่วเบา ร่างงามสั่นสะท้านระทดระทวยเอนหลังพิงกำแพงเพื่อช่วยพยุงกายของตนไม่ให้ล้มลงด้วยพลังปลายลิ้นของเขา"ทะท่านพี่ อือ อือ"ปากงดงงามครางครวญ หยางเอ้อหลางยิ่งปลุกเร้าลงบนเนื้ออูมตรงหน้า ร่างของนางกระตุกบิดไปมาอีกทั้งยังอ้าขาของตนให้เขาดูดกินได้ลึกขึ้น จากเดิมที่หวังจะให้เขากระทำการอย่างว่องไวบัดนี้กลับไม่คิดจะเร่งรัดแล้ว ปล่อยให้เขากระทำการอ้อยอิ่งกับร่างกายของตนเองเช่นนี้โดยไร้ซึ่งสติเมื่อเห็นว่าตนเองจู่โจมภรรยาจนนางยืนไม่ติดแล้ว เขาจึงอุ้มนางขึ้นแล้วพานางมานั่งยังเก้าอี้บุขนแกะนุ่ม จับขาของภรรยาแยกออกให้พาดไปที่พนักเก้าอี้ทั้งสองข้าง เผยความงดงามสีแดงสดเบื้องหน้าอย่างเต็มที่ในเวลานี้เป็นเวลากลางวันจึงมองเห็นนางแจ่มชัดเต็มสองตาประตูด้านหน้าถูกปิดแน่นหนาชนิดที่เรียกว่าไม่อาจมีแม้แต่แมลงสักตัวที่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ หยางเอ้อหลางจึงกระทำกับภรรยาอย่างหย่ามใจอีกทั้ง
คิดแล้วก็ต้องขอบคุณสามีเช่นเขา ทำให้ชะตาชีวิตของนางเปลี่ยนได้ดุจพลิกฝ่ามือนางจึงอดขยับกายจุมพิตปลายคางของเขาอย่างขอบคุณไม่ได้ อีกทั้งมือน้อยยังสอดเข้าไปในสาบเสื้อเพื่อสัมผัสความอบอุ่นด้านในอย่างแนบชิดแม้จะอยู่ในชุดคลุมที่มิดชิดจึงไม่มีผู้ใดเห็นการกระทำอุกอาจไร้ยางอายของนาง แต่หยางเอ้อหลางนั้นรับรู้อีกทั้งยังถูกนางลูบคลำอกของตนไปมาไม่หยุดเช่นนี้ ใบหน้าจึงแดงก่ำ สิ่งที่ควรอ่อนลงกลับผงาดแข็งกร้าวมากกว่าเดิมเพราะนางลูบไล้อกของเขาอีกทั้งซุกอยู่ในอ้อมกอด กลิ่นกายของนางก็หอมยิ่งหอมจนทำให้เขากลัวว่าผู้อื่นจะได้กลิ่นจนทำให้รู้สึกหึงหวงขึ้นมา เขากอดนางแน่นขึ้น เห็นสายตาทหารหลายคนแอบลอบมองภรรยาตนแล้วก็รู้สึกโมโหนัก กระนั้นก็ไม่อาจปัดเรื่องอยากกินนางในตอนนี้ออกจากสมองได้ หัวหน้าขันทีนำพวกสองสามีภรรยาไปยังตำหนักปีกรับรอง อีกทั้งยังรายงานกำหนดการต่าง ๆ ในพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทอย่างละเอียดให้พวกเขาฟังหยางเอ้อหลางทั้งพยายามควบคุมตนเองจึงทำท่าสนใจข้อมูลที่หัวหน้าขันทีรายงาน แต่องค์หญิงสิบสามนั้นไม่สนใจฟังแม้แต่น้อย สามีพาทำสิ่งใดนางก็แค่ปฏิบัติตามเท่านั้น มือของนางจึงยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวหัวนมเล
หยางเอ้อหลางพลันอมยิ้ม เขาชอบที่นางชอบเขาที่สุด แม้จะเป็นสิ่งของเขาก็อดหึงหวงไม่ได้กล่าวจบพลันนางโน้มคอเขาลงมาจุมพิตดูดดื่ม เนื้อตัวของนางนุ่มนิ่ม แม้จะมีบุตรถึงสองคนแล้วร่างกายหาได้เปลี่ยนแปลงไปเช่นสตรีอื่น ที่ควรมีก็มีมากขึ้น อีกทั้งยังตึงแน่นยิ่งกว่าเดิม นับวันเขายิ่งหลงใหลภรรยาจนทนแยกห่างจากนางนานๆ ไม่ได้ยามที่เขาห่างนางต้องไปทำงานต่างเมือง หลายครั้งที่มีสตรีมากมายพยายามปีนขึ้นเตียงส่งสายตาหวานเยิ้มให้ ในใจหยางเอ้อหลางมองพวกนางเหล่านั้นแล้วรู้สึกว่าช่างดูน่ารำคาญ ในสายตาของเขามีเพียงภรรยาผู้เดียวที่สำคัญยิ่ง เขาไม่มีวันชายตาแลสตรีอื่นให้นางน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอันขาดองค์หญิงสิบสามเบียดกายเข้าหาเขา หยางเอ้อหลางใช้ผ้าห่มขนสุนัขจิ้งจอกห่อร่างเขาและนางเข้าด้วยกัน พันกายหนาแน่นด้วยกลัวว่านางจะต้องลมเย็นจากด้านนอกจนเจ็บป่วย ร่างกายของเขาแข็งแรง อึกทั้งยังอบอุ่นองค์หญิงสิบสามชอบซุกในอกแข็งแกร่งยิ่งมือของนางซุกซนล้วงเข้าไปในกางเกงเขาแล้วลูบอาวุธเขาเล่นจนผงาดแข็งชัน หยางเอ้อหลางปล่อยให้นางซนเสมอ นางชอบทำอะไรเขาล้วนตามใจโดยเฉพาะเรื่องนี้ เขายิ่งตามใจนางยิ่งกว่าเรื่องใด“ท่านพี่มันโตแล้ว”“
ผู้ช่วยหมอทำคลอดพลันเปิดประตูออกมา หยางเอ้อหลางไม่รอช้า ผลักประตูเข้าไปด้านในแม้คนจะทัดทานเขาก็ไม่สนใจแล้วเขาโผไปหาภรรยาที่เหนื่อยจนหมดสติไปแล้วอย่างว่องไว กุมมือนางไว้ด้วยใบหน้าซีดเซียว"หมินเออร์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง""องค์หญิงปลอดภัยดีเจ้าค่ะ เพียงแต่เหนื่อยมากจึงหลับไป"หมอหญิงผู้เก่งกาจประจำจวนเอ่ยขึ้น หยางเอ้อหลางพยักหน้าแต่ไม่วางใจ เขาดึงภรรยามากอดไว้ สำรวจร่างที่ยังเปียกชื้นด้วยเหงื่อของนางปากก็พร่ำขอโทษภรรยาที่ทำให้นางเจ็บปวดด้วยสำนึกผิดเป็นอย่างยิ่ง"ข้าจะไม่ให้ท่านท้องอีกแล้ว ขอสัญญา ข้าขอโทษ"ความเจ็บปวดของภรรยาในวันนี้ทำให้เขารู้สึกปวดร้าวยิ่ง เขาจะไม่มีวันยอมให้นางเป็นเช่นนี้อีกจวบจนแม่นมอุ้มก้อนแป้งอวบก้อนหนึ่งมาหาเขา หยางเอ้อหลางเห็นหน้าบุตรเป็นครั้งแรก พลันตื้นตันจวบจนน้ำตาจะไหล ความรู้สึกรักและผูกพันท่วมท้นในอก บัดนี้เขาเข้าใจลึกซึ้งแล้ว ว่าบิดามารดารักเขาเพียงใด เขาค่อย ๆ วางร่างภรรยาลงบนเตียงให้ท่านหมอดูแลเต็มที่ ส่วนตัวเองยื่นมือไปรับห่อผ้าสีแดงนั้นมาไว้ในอ้อมกอด"เป็นท่านชายเจ้าค่ะ" แม่นมเอ่ยด้วยความยินดี"ดีมาก ดีจริงๆ "หยางเอ้อหลางหัวเราะทั้งน้ำตาแล้ว ความตื้
กินเสร็จได้ไม่นาน องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกอยากอาบน้ำ"ท่านพี่นอกจากเขาจะเลือกกินแล้ว ยังรักสะอาดยิ่ง อากาศหนาวเช่นนี้ข้ากลับอยากอาบน้ำวันละหลายรอบ"หยางเอ้อหลางจึงสั่งอาชิงให้เตรียมน้ำอุ่น หลังจากนั้นเขากลับเป็นฝ่ายดูแลนางด้วยตนเอง ถอดอาภรณ์ให้นาง ค่อยๆ พานางลงอ่างอย่างระวัง ผิวขององค์หญิงสิบสามเปล่งประกายบอบบาง ส่วนข้อเท้าเนียนนุ่มเล็กๆ ของนาง ยิ่งไม่อาจรับร่างกายที่หนักอึ้งของครรภ์ได้ หยางเอ้อหลางจึงต้องระวังเป็นพิเศษอาบน้ำยังไม่ทันเสร็จ องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติยิ่ง มีเลือดไหลออกมาจากช่องทางลับของนาง ก่อนที่ความรู้สึกเจ็บปวดจะวิ่งจากท้องน้อยถึงไขสันหลัง นางจับข้อมือของหยางเอ้อหลางแน่นห่อปากด้วยความเจ็บปวด"ท่านพี่ ข้าเจ็บ"เพียงเห็นเลือดที่เริ่มไหลออกมาปนกับน้ำในอ่าง เทพสงครามเช่นหยางเอ้อหลางแทบเป็นลมหมดสติยิ่งเห็นนางเจ็บปวดยิ่งรู้สึกคล้ายหายใจไม่ออก ช่วงท้องบิดมวน ปากร้องตะโกนให้อาชิงที่รออยู่ด้านนอกรีบตามหมอตำแยที่เขานำมาเลี้ยงดูในจวนตั้งแต่เดือนก่อนเพื่อเตรียมความพร้อมให้ภรรยาหยางเอ้อหลางตั้งใจจะอุ้มนางขึ้นจากอ่างน้ำ แต่กลับถูกองค์หญิงสิบสามทั้งข่วนทั้งตบตี