แปลงนาชาวบ้านมารับจ้างเก็บเกี่ยวถั่วเหลือง จางซูฉีปลูกถั่วเหลืองถึงสองร้อยหมู่ ตอนแรกหนานกงเยี่ยเองก็คัดค้านเขากลัวว่าภรรยาจะเหนื่อยเกินไป แต่จางซูฉีให้เหตุผลว่าถ้าสิ่งที่นางคิดสำเร็จ ชาวบ้านจะมีแหล่งรายได้มากขึ้น ราชสำนักเองก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป"ฉีเอ๋อร์ เจ้าเหนื่อยมากแล้วมานั่งพักเถอะ"ฟางซือหมิงเอ่ยกับนาง ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ฟางซือหมิงพยายามเรียนรู้งานและวิถีชีวิตชาวบ้าน หลี่หมิงหลงไม่ได้ออกจากราชการ เขาทำหนังสือลางานสองปีให้เหตุผลกับฝ่าบาทว่าต้องการติดตามหนานกงอินไปดูความเป็นอยู่ราษฎร ก่อนจะครองราชย์ต่อจากฮ่องเต้อีกครั้ง"พี่ซือหมิง ท่านกับท่านราชครูเป็นอย่างไรบ้าง ความรักน่ะมีอะไรก็เปิดเผยเถอะ อย่าเก็บเอาไว้ท่านดูฝ่าบาทเป็นตัวอย่างสิ รักเสด็จแม่เพียงใดแต่ไม่เอ่ยออกมา สุดท้ายก็ทำจนทุกข์ใจกันไปหมด""ฝ่าบาททำแบบนี้ข้าเองก็สงสารทั้งคู่หรือท่านว่าอย่างไรพี่ฟางซิน""ไม่รู้สิ เรื่องนี้มันเกินกว่าความคิดข้า หากเป็นหนานกงอินทำแบบนั้นข้าคิดว่าข้าเองก็ไม่สามารถอภัยเขาได้ แม้ว่าข้าจะไม่ฉลาดแต่อย่างไรก็น่าจะมีวิธีอื่นนะ"จางซูฉีรู้เหตุผลของฮ่องเต้ เขาต้องการให้ศัตรูเข้าใจว่าเขาลุ่มหลงเหลียง
จางซูฉีคำนวณเงินที่ได้จากการขายเมล็ดพันธุ์ครั้งแรกนับว่าเยอะไม่น้อย วันนี้หนานกงเยี่ยไม่อยู่เขาต้องไปกวางเจาเพื่อเจรจาซื้อขายอาหารสัตว์จางซูฉีเก็บเกี่ยวถั่วเหลืองได้ถึงห้าพันชั่ง แบ่งมาสอนชาวบ้านสกัดเป็นน้ำมันพืช อีกส่วนนำมาทำเป็นเต้าหู้ นำกากที่ได้ที่ผสมรำข้าวทำอาหารสัตว์ขายให้คนเลี้ยงสัตว์เงินทองไหลมาเทมาไม่น้อย อยู่เมืองหลวงแม้จะเพาะปลูกได้ แต่เวลาลงมือกับไม่ถนัดเหมือนอยู่ชนบทแบบนี้ คืนนี้ตั้งใจจะเข้ามิติเพราะคนตัวโตไม่อยู่ไม่เช่นนั้นทำอะไรไม่ได้เลย ถึงเขากับนางไม่ถึงกับได้โจ๊ะพรึมๆกันแต่มือปากตาบ้านั่นก็ไม่เคยว่างกินเต้าหู้นางทุกคืน เฮ้อท้อใจคำนวณบัญชีเสร็จฟังเสียงข้างนอกไม่มีใครวุ่นวายแล้วก็เข้ามาในมิติ เปลื้องผ้าแล้วลงว่ายเล่นในสระ ในมิติมีสระสำหรับอาบน้ำให้รดต้นไม้ ส่วนอีกสระใช้สำหรับดื่มกินจางซูฉีดชอบอาบน้ำในนี้มาก ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บนสปามีความสุขเหลือเกิน ก่อนจะขึ้นจากน้ำแต่งตัวแล้วเดินเล่นในทุ่งดอกไม้"สวยจัง ถึงแม้มิติจะอัตคัดและกระจ้อยร่อยไปหน่อย ให้มาอย่างเสียไม่ได้แต่ก็ยังดี ผลไม้ในนี้รสชาติดี ดอกลิลลี่ป่าหอมมากเอาไปปลูกข้างนอกสักสิบยี่สิบต้นดีกว่า เฮ้อ ตาแก่นั่
ฟางซือหมิงกำลังนั่งใช้สิ่วเล็กๆค่อยๆแซะตัวอักษรทีละตัว นางต้องทำตัวปั๊มหมึกเองนิยายขายดีเช่นนี้นางไม่อยากแบ่งกำไรให้โรงพิมพ์หน้าเลือดพวกนั้น ลายมือจางซูฉีงดงามยิ่งนักฟางซือหมิงรับช่วงร้านหนังสือของครอบครัวมาเกือบสามปี รายได้ปีนึงแค่แปดพันถึงหมื่นตำลึงยังไม่ได้มากเลย ท่านปู่รักร้านหนังสือมากนางจึงพยายามรักษาไว้ นิยายเรื่องลำนำรักตำหนักสวรรค์ของจางซูฉีขายดีมากสงสารเทพมังกรเสียจริงๆ แม้มีเวทมนตร์คาถา อีกทั้งเป็นถึงเซียนแต่ไม่อาจทำให้มนุษย์คนหนึ่งรักตนเองได้ นางกับมีความรักลึกซึ้งกับช่างเหล็กแสนจะธรรมดา นิยายเรื่องนี้เรียกน้ำตาคนได้ไม่น้อยเลยทีเดียวแค่เรื่องนี้ฟางซือหมิงทำรายได้เกือบแสนตำลึงภายในครึ่งปี แต่รายได้หลักของนางมาจากนิยายวาบหวิว นางกำลังทำตัวอักษรเรื่องใหม่อยู่ ไม่รู้เด็กจางซูฉีคนนี้ไปเอาความรู้เรื่องชายหญิงเหล่านี้มาจากไหน เรื่องล่าสุดที่ได้อ่านต้นฉบับทำเอาเร่าร้อนเลยทีเดียวแค่ชื่อเรื่องก็เสียวท้องน้อยแล้ว คุณหนูแสนซนกับองครักษ์ทั้งห้า อื้อฮือห้าคนเชียวนะ แต่ละบทเวลาอยู่กับคุณหนูคนนั้นเร่าร้อนทุกคนเชียว บทท้ายๆนี่ๆอยู่ห้าคนพร้อมกันกับคุณหนูคนนั้ผู้เดียวมันช่าง อื๊ยหลี่หมิ
จางซูฉีกำลังคัดถั่วเหลืองอยู่กับบรรดาสาวใช้ นางอยากทำน้ำมันและหมักซอสถั่วเหลือง ช่วงบ่ายจะไปหมู่บ้านช่างปั้น เพื่อดูว่ามีโถดินเผาที่เหมาะแก่การหมักซอสและน่ำส้มสายชูหรือไม่ อีกอย่างที่นี่มีดอกไม้และผลไม้ที่เหมาะแก่การหมักสุรา โชคดีที่ชาตก่อนเป็นนักวิจัย พอรู้ว่าต้นไม้ชนิดใดใช้ได้ดี นำมาผสมกันแล้วได้ผลลัพภ์ที่ดีจางซูฉีมีควมรู้เรื่องสมุนไพร จึงสามารถคืนเงินให้หอโอสถของหนานกงอินที่นางทำเขาขาดทุนได้สิบล้านตำลึงในเวลาไม่ถึงหกเดือนแถมยังทำกำไรให้เขาอีกสองล้านตำลึงหนานกงอินเทพจะยกน้องสะใภ้คนนี้เป็นเทพเซียนเสียแล้ว กำลังนั่งคัดอยู่ดีๆอยู่ๆก็ถูกอุ้มตัวลอยจากพื้นมานั่งอยู่บนตัก หนานกงเยี่ยเขาจุมพิตนางเนิ่นนานกว่าจะถอมริมฝีปากออก บรรดาสาวใช้เห็นเช่นนั้นก็หน้าแดงก้มหน้ามองแต่ตระแกรงถั่วเหลือง"คิดถึงเหลือเกินเมียจ๋า ทำอะไรอยู่หืม งานพวกนี้ให้คนอื่นทำก็ได้ หากเจ้าเหนื่อยมากไป ทำข้าปวดใจนะเรื่องหาเงินปล่อยเป็นหน้าที่ข้าเถอะ""ท่านอ๋อง คนอยู่เยอะนักวันหลังต่อหน้าบ่าวไพร่อย่าทำเช่นนี้นะเพคะ มีขอบเขตบ้างยับยั้งชั่งใจหน่อยก็ดีหม่อมฉันไม่หายไปไหนหรอก เป็นของพระองค์อยู่วันยังค่ำ มาถึงก็ออกแรงไม่ทรงอยากห
ยามเฉินทุกคนรวมกันเพื่อกินอาหารเช้า จางซูฉีสั่งให้ลู่จงไปส่งข่าว"ท่านอาลู่ บอกคุณชายน้อยสวีว่าให้ทำให้ฮ่องเต้รู้ว่าอยู่ที่ไหน กว่าท่านจะไปถึงใช้เวลาครึ่งเดือน กว่าฝ่าบาทจะเตรียมคนมารับ น่าจะอีกครึ่งเดือน เดินทางมาที่นี่หากใช้คนเกินหนึ่งพันต้องเดินทางเดือนหนึ่ง เสด็จแม่อยู่เดือนได้สองเดือนพอดีหากขบวนมาถึงก็ออกเดือนแล้วเดินทางได้พอดี"จางซูฉีสั่งลู่จงเขาเป็นคนมีฝีมือที่สุดให้เขาทำงานน่าจะดีกว่า ส่วนสือห่าวอยู่คุ้มครองเยี่ยอ๋อง ตั้งแต่เขาถูกยิงจางซูฉีไม่ไว้ใจให้เขาอยู่ลำพังอีก สือห่าวนับว่าฝีมือสูงส่งที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งหมด มีเด็กคนนี้อยู่นางจึงวางใจ"ฉีเอ๋อร์ เจ้าคิดว่าเสด็จพ่อจะส่งคนมาเยอะเช่นนั้นหรือ เขาไม่เคยเห็นเสด็จแม่อยู่ในสายตาด้วยซ้ำ แค่ให้แม่นมกับขันทีมาคงมากพอแล้วกระมังสำหรับเขา"หนานกงเยี่ยเอ่ยขึ้นในน้ำเสียงประชดประชันนั้นมีความเจ็บปวดซ่อนอยู่ จางซูฉีถอนหายใจเบาๆ ผู้ชายคนนี้กำลังอ่อนแอเรื่องของมารดาทำให้เขาอ่อนแอ"ท่านอ๋อง หม่อมฉันมีเรื่องปรึกษา เข้าข้างในดีกว่าเพคะ คนอื่นยังไม่อิ่มไม่อยากรบกวน"หนานกงเยี่ยรู้ดีว่านางไม่อยากให้คนอื่นเห็นว่าเขากำลังอ่อนแอ จึงลุกขึ้นเดินจุง
จางซูฉีทำอาหารเย็นเสร็จแล้วก็ไปดูไทเฮา หยางลี่ถิงหายเพลียจากการคลอดบุตรแล้ว เห็นหน้าสะใภ้เล็กก็มีรอยยิ้ม"ฉีเอ๋อร์ ลูกมาแล้วเยี่ยเอ๋อร์ไม่มาด้วยกันหรอกหรือ""ท่านอ๋องหลับเพคะ งอแงเหมือนเด็กน้อยกว่าจะยอมนอนได้ทำเอาหม่อมฉันเสียงานเสียการไปวันหนึ่งเลยเพคะเสด็จแม่"หยางลี่ถิงอมยิ้ม ช่างเป็นคู่ผัวเมียที่น่ารักยิ่งนัก"แม่ดีขึ้นแล้ว ไม่อ่อนเพลียแล้วล่ะเจ้าบำรุงแม่ดีถึงเพียงนี้ อย่าลืมดูแลตนเองด้วยเล่า มัวแต่วุ่นวายครรภ์เจ้ายังแบนอยู่เลยนะ ได้ข่าวว่าซินเอ๋อร์ตั้งครรภ์แล้ว""เพคะ พี่ฟางซินตั้งครรภ์แล้ว หม่อมฉันขอตัวไปดูท่านอ๋องก่อนนะเพคะตื่นมาไม่เจอจะงอแงอีก"จางซูฉีออกมาจากห้องแม่สามีก็ตรงไปยังเรือนหลังเล็กของนาง หากตื่นมาไม่เจอเดี๋ยวก็งอนอีก พักนี้ยิ่งงอนบ่อยอยู่ นี่ยังใช่ผู้ชายเย็นชาที่นางเคยรู้จักหรือไม่จางซูฉีเข้ามาก็เป็นดังคาด หนานกงเยี่ยนั่งหน้าคว่ำอยู่"ไปไหนมา บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าให้นอนเป็นเพื่อน น้องหญิงเจ้าทิ้งข้า""ท่านอ๋อง พระองค์หลับหม่อมฉันเลยไปทำงาน กะว่าแป๊บเดียวเอง อย่าทรงกริ้วเลยนะเพคะ"จางซูฉีเดินมานั่งขอบเตียง เอ่ยวาจาเสียงหวาน กอดเอวหนาซบหน้ากับอกแกร่ง มือบางลูบไล้ในสาบ
เสี่ยวเถากำลังเย็บถุงเท้าให้สืออินอยู่ เหม่อลอยบางครั้ง จนเสี่ยวจูต้องเรียกหลายทีจึงได้สติ"พี่รองท่านเป็นอะไรข้าเรียกตั้งนาน""เสี่ยวจู พี่ทำถูกแล้วใช่ไหม เห็นท่านอ๋องกับพี่ใหญ่มีความสุขพี่ไม่รู้สึกผิดอีกแล้ว ฮือๆๆ"เสี่ยวจูปลอบใจพี่สาว หนานกงเยี่ยที่อารมณ์ดีเพราะได้เข้าหอกับเมียจะมาหาเจ้าคู่แฝดได้ยินเสียงร้องไห้จึงหันหลังกลับ แต่กลับได้ยินบางอย่างเสียก่อน"พี่ไม่ร้อง พี่ใหญ่รักใคร่ท่านอ๋องนั้นแม้ว่าไม่ได้อยู่ในแผนการ แต่ถือเป็นเรื่องดี อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่มีใครทำอะไรนางได้อีก"ปัง!ประตูเปิดทันที หนานกงเยี่ยมองมาที่ทั้งสองด้วยสายตาเยือกเย็น สืออินที่เพิ่งมาถึงยังรู้สึกขนลุก จึงรีบไปตามตางซูฉีมา เขากลัวใจท่านอ๋องจางซูฉีมาถึงเห็นเสี่ยวเถากับเสี่ยวจูตัวสั่นนั่งร้องไห้ก็ตกใจ"น้องรองน้องสามพวกเจ้าร้องไห้ทำไม ท่านอ๋องเกิดอะไรขึ้นเพคะ""ข้าก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าพวกเจ้าวางแผนอะไร ฉีเอ๋อร์ข้ารักเจ้ายิ่งนัก แต่ข้าไม่ชอบสตรีเจ้าแผนการ อะไรคือข้ารักเจ้านั้นอยู่เหนือความคาดหมาย อะไรคือแบบนี้ก็ดีแล้ว เห็นข้าเป็นตัวตลกหรือ หนานกงเยี่ยฟาดฝ่ามือใส่เสาหน้าเรือนจนหักโค่นสวีไค่เฉิง หนานกงมั่ว หลี่หมิ
"ฉีเอ๋อร์ สกุลจางอยากให้ข้าจัดการหรือไม่ จางป๋อเหวินคนนั้นช่างเลวนัก""ท่านอ๋องไม่ต้องยื่นมือหรอกเพคะ ทรงทำอย่างไรก็ได้ให้ท่านปู่รู้ความจริง ข้าไม่อยากลงมือเองอย่างไรเรื่องนี้อารองก็ไม่เกี่ยวข้องหม่อมฉันอยากให้เจ้าบ้านเป็นคนตัดสิน ส่วนป้าใหญ่กับจางซิ่วเอ๋อร์ รอท่านปู่จัดการแล้วหม่อมฉันจะมอบของขวัญให้พวกเขาอย่างดี"สองคนนอนกอดกันจนหลับ ร่างในอาภรณ์สีม่วงเรือนผมสีเงินยืนอยู่ข้างเตียงกับชายชราอีกสองคน"ฝ่าบาทรีบเถอะพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาจำกันได้แค่ตอนนี้ต้องอาศัยโอกาสนี้แล้ว""ข้านี่ผ่านด่านเคราะห์ตั้งแต่ยังไม่จุติเลย ต้องเฝ้าลุ้นให้ที่สองคนนี้จำกันได้ถึงร่วมรักกัน อืมข้าจะไปแล้ว จะอยู่แดนมนุษย์สักเก้าวัน"ควันสีทองล่องลอยเข้าไปในครรภ์ของจางซูฉี เทพชะตาแทบจะร้องไห้ ในที่สุดเขาก็ทำหน้าที่สำเร็จ เก้าวันเท่ากับอายุขัยในแดนมนุษย์เก้าสิบปี"ข้าต้องเพิ่มขยายมิติให้นางสักหน่อยนะเทพบุพเพ ที่มีอยู่มันดูกระจอกจริงๆอย่างที่นางบอก""ไปเถอะเทพชะตา งานเสร็จแล้วข้าอยากพักบ้าง พวกเขาจำกันได้แล้ว ได้เวลาเทพบุปผาออกจากด่านแล้วล่ะ เทพสงครามนั่งเฝ้าปากถ้ำทุกวัน เป็นเทพก็หลงเมีย แบ่งภาคมาเป็นมนุษย์ก็หลงเมียข้าล่ะเ
แดนเซียนควันสวีทองลอยขึ้นมายังด้านบนก่อนจะลอยเข้าสู่หว่างคิ้วของหนานกงเยี่ยเทพสงครามที่นั่งรอพระชายาตนอยู่ปากถ้ำ ทันทีที่ดวงจิตเข้าสู่ร่างเขาก็รู้ทันทีว่ามหาเทพถือกำเนิดในแดนมนุษย์แล้วชายาของเขานางกำลังจะออกมาจากการกักตนเพื่อหนีหน้าเขาแล้ว ประตูหินค่อยเลื่อนออกควันสีทองลอยเข้าไปยังด้านในเข้าสู่กลางหว่างคิ้วของเทพบุปผา ไม่นานชิงเหลียนที่หน้าตาเหมือนกันกับจางซูฉีที่แดนมนุษย์ก็เดินออกมาจากด้านใน นางเห็นสวามียืนรอก็เดินตรงมาหา เทพสงครางกางแขาออกให้ชายารักเดินเข้ามาสู่อ้อมกอดเทพบุปผาซบหน้ากับอกกว้าของเขาพร้อมเอ่ยเบาๆ"ฝ่าบาท หม่อมฉันผิดไปแล้ว ที่ผ่านมาหนีหน้าพระองค์ ไร้เหตผลต่อจากนี้จะไม่ทำอีกแล้วเพคะ ตอนอยู่แดนมนุษย์เคยเกือบเสียพระองค์ไปหม่อมฉันรู้แล้วว่าความเจ็บปวดนั้นเป็นเช่นไร""ข้าไม่โกรธเจ้า คนงามของข้าๆเตรียมเรือเรียบร้อยแล้ว รอเจ้าออกมาจากด่านเราจะไปล่องเรือกัน เราจะล่องจากตำหนักเหลียนฮวาาจนไปถึงดินแดนประจิม แล้วจากนั้นข้าจะพาเจ้าไปทะเลตะวันออกดีหรือไม่ หืม""เพคะ หม่อมฉันตามใจพระองค์ ฝ่าบาทชิงเหลียนรักพระองค์เพคะ""คนงามข้าก็รักเจ้า ชิงเหลียนคนดีของข้า"ทั้งคู่ล่องเรือไปตามสระบั
ท้องฟ้าเหนือแคว้นอู๋มีสายรุ้งปรากฎถึงเก้าสาย อีกยังมีเหล่านกน้อยบินวนรอบตำหนักเหมยฮวา ท้องฟ้าเป้นสีทองก้อนเมฆสีรุ้งงามตานัก จากนั้นด้านในจางซูฉีก็คลอดเด็กกออกมา อุแว้ๆๆๆๆ ไม่นานก็มีเสียงทารกดังออกมา"ท่านอ๋อง ไท่จื่อเป็นซื่อจื่อน้อยเพคะ หน้าตาละม้ายท่านอ๋องยิ่งนักเพียงแต่ว่า" แม่นมพูดค้างไว้จนทุกคนมองหน้ากัน หนานกงเยี่ยร้อนใจจึงเอ่ยถาม"แต่ว่าอะไรแม่นมเฟิ่ง ท่านพูดออกมาให้หมด""แต่ว่าเส้นผมของซื่อจื่อน้อยไม่ได้ดกดำเพคะ แต่เป็นสีเงินยวงราวกับหิมะเลยเพคะ เสียงร้องดังมากแปลว่าแข็งแรงดี""ทันทีที่แม่นมเอ่ยจบหนานกงเยี่ยก็รู้ทันทีว่าหน้าที่ของพวกเขาในแดนมนุษย์นั้นสมบูรณ์แล้ว รอเวลาจิตวิญญาณเขาและนางกลับแดนเซียนเท่านั้นหนึ่งชั่วยามต่อมาทุกคนจึงได้รับอนุญาตให้เข้าไปดูจางซูฉีกับบุตรชายได้ หนานกงเยี่ยเห็นหน้าบุตรชายก็ถอนหายใจ เขาต้องเป็นบิดาของคนที่เอาแต่ใจที่สุดในแดนสวรรค์จริงๆหรือ จากนั้นก็ก้มลงไปจุมพิตหน้าผากน้อยๆเบาก่อนจะกระซิบ"ฝ่าบาท อย่างไรก็เป็นบุตรกระหม่อม ดื้อรั้นให้น้อยลงหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันมีสิทธิ์ตีก้นพระองค์ได้นะพ่ะย่ะค่ะ"ก่อนที่ทารกน้อยจะลืมตาทันทีจ้องหน้าคนที่เพิ่งข่มขู่เ
หนานกงเช่อไปแล้วบรรดาสาวนั่งจับกลุ่มคุยกันไม่หยุด แต่ละคนอุ้ยอ้ายจนดูน่ารักไปหมด เฉินลี่จูที่ถูกเยี่ยผิงอันอุ้มลงจากรถม้าเดินมาส่งที่ด้านในตำหนักก็อายหน้าแดง"ท่านอาปล่อยข้าลงเดินเองก็ได้นะเจ้าคะ ไม่ได้ไกลสักนิด""เมียจ๋า ดูพื้นสิขรุขระขนาดนี้ หากไม่ระวังอาจหกล้มได้ ไม่รู้ว่าเยี่ยอ๋องทรงคิดเช่นไรถึงได้ปูหินให้มีร่องห่างกัน พื้นไม่เสมอพระชายาก็กำลังตั้งครรภ์ไม่รู้จักระวังเลย"จางซูฉีขำกับความห่วงเมียคลั่งรักเมียของเยี่ยผิงอันหากบอกว่าท่านอาลู่จงได้เมียเด็กก็ไม่ถูกนัก อาลู่อายุสี่สิบ จูชุ่ยชุ่ยอายุย่างสิบแปด แต่เยี่ยผิงอันสี่สิบห้าย่างสี่สิบหก ส่วนเฉินลี่จูอายุสิบหก นางเด็กที่สุดในบรรดาเมียๆของเหล่าบุรุษแห่งวังหลวงเลยล่ะ"ใต้เท้าเยี่ย หากพื้นปูติดๆกันไม่มีร่อง ยามหิมะตก หรือฝนตกพื้นจะลื่น ร่องช่วยให้เวลาเดินไม่ลื่นน่ะ ลี่จูมานั่งกับพี่ก่อน เสี่ยวหรันกับชิงชิงน่าจะกำลังมา""เพคะพระชายา อ้อพี่ผู่เย่วท่านตั้งครรภ์อีกแล้วหรือเจ้าคะ ใต้เท้าสวีจะขยันเกินไปหรือไม่ คนโตยังไม่ได้ขวบเลย คิกๆๆ"ในบรรดาเด็กรุ่นน้องสามสาวแห่งสกุลจิน สกุลเฉินและสกุลว่านนี่คือแสบที่สุด ต่อยตีกับบุรุษไม่เว้นแต่ละวัน"พ
เมืองหลวงที่ไม่เคยหลับไหล โคมไฟเรียงรายห้อยเต็มหน้าร้านหน้าบ้านที่ปลูกติดกันยามลมพัดแกว่งไกวไปมาบรรยากาศในเมืองหลวงมีแต่ความสุข ฮ่องเต้กำเนิดพระธิดาสองพระองค์ อีกทั้งตอนนี้ฮองเฮาก็กำลังทรงพระครรภ์ได้สามเดือนแล้วตั้งแต่มาถึงเมืองหลวง ตระกูลหลักหลายตระกูล ตระกูลหลี่ ตระกูลว่าน ตระกูลสวี ตระกูลจิน และตำหนักอ๋องทั้งสอง รวมถึงตำหนักบูรพาขององค์รัชทายาท ต่างจัดเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ เพราะพระชายาไท่จื่อ พระชายาเยี่ยอ๋อง และชินอ๋องรวมถึงบรรดาฮูหยินของใต้เท้าทั้งหลายนั้นตั้งครรภ์พร้อมกันตำหนักบูรพารัชทายาทหนานกงอินกำลังรักเมียสาวอยู่อย่างนุ่มนวลอ่อนโยน เสียวครางแสนหวานของเจียงฟางซินทำให้เขายิ่งรักนางยิ่งขึ้น"ไท่จื่อ เมียไม่ไหวแล้วเพคะพอเถอะ อื้อ ลูกดิ้นอีกแล้วพระองค์ก็ไม่ยอมเลิกสักที ลูกในท้องงอแงแล้วนะเพคะ อร๊าย หนานกงอินเสียวนะ อย่างัดแบบนี้สิคนบ้าข้าตั้งครรภ์อยู่นะ""บอกมาก่อนว่ารักพี่เด็กดีพูดเร็ว ตั้งแต่เข้าหอมาจนถึงวันนี้ยังไม่บอกว่ารักพี่เลย พูดมาคนดี อืม เสียวจริงๆเมียจ๋า อยากให้ผัวเลิกต้องบอกรักผัวก่อน อ่าา""อื้อ รักเพคะ หม่อมฉันเจียงฟางซินรักหนานกงอิน อร๊าย หม่อมฉันเสร็จอีกแล้ว
ขบวนเดินทางมาได้ครึ่งเดือนแล้ว แวะพักบางจุดเนื่องจากทำผักดองแบะเนื้อรมควันไว้มากมาย อาหารการกินจึงไม่ลำบากมมากนักจางซูฉีไม่ต้องการให้หนานกงเยี่ยไปล่าสัตว์บนเขา ซึ่งอาจเกิดอันตรายได้คืนนี้พวกเขาแวะพักตรงริมน้ำใกล้เชิงเขา แต่จางซูฉีสั่งเดินทางต่อ หนานกงเช่อจึงไม่เข้าใจเหตุผลของนาง"ฉีเอ๋อร์ พ่อไม่เข้าใจที่เจ้าให้พวกเราเดินทางต่อ นี่ยามเซินแล้วกว่าจะสร้างกระโจมอีก ตรงนี้มีลำธารด้วยสะดวกสบายกว่าไม่ใช่หรือ""เสด็จพ่อ หากเป็นแม่น้ำลำธารที่ไม่อยู่ใกล้เชิงเขาลูกคงไม่ขัดหรอกเพคะ แต่ว่าลำธารนี้ทรงทอดพระเนตรสิเพคะ มีรอยเท้าสัตว์เต็มไปหมด แปลว่านี่เป็นแหล่งน้ำของพวกมัน อีกทั้งยังมีคราบเลือดเป็นจุดๆทั้งรอยเก่ารอยใหม่ แปลว่ามีสัตว์นักล่าด้วย ในขบวนมีคนท้องถึงเจ็ดคน แม้ว่าเหล่าบุรุษจะมีวรยุทธ แล้วนางกำนัลเหล่านั้นเล่าเพคะพวกนางอ่อนแอ เราเสียเวบาเดินทางอีกหน่อยก็ไม่ต้องเสี่ยง ลูกแค่ห่วงความปลอดภัยของทุกคน"เมื่อจางซูฉีชี้แจงเหตุผลจบ ทุกคนก็ยิ่งรีบเดินให้พ้นลำธารไวขึ้น ไม่นานก็เลยเชิวเขามาห้าลี้และเจอเข้ากับแม่น้ำเล็กๆสายหนึ่ง แม่น้ำสายนี้เรือเล็กสามารถสัญจรได้ จึงพากันหยุดพักที่ตรงนั้น"ฉีเอ๋อร์เหนื
ผ่านไปเดือนกว่ารถม้าที่สั่งทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนี้กำลังฝึกม้าที่จะนำมาใช้กับรถม้าอยู่ ใช้เวลาฝึกนานประมาณเกือบเดือน เพราะบรรดาคนที่นั่งในรถม้าคือเหล่าสตรีที่กำลังตั้งครรภ์จินเสี่ยวหรันที่ตอนนี้ไม่ต้องดูแลสวีไค่ไหยุนแล้ว เพราะเขาเริ่มไม่มีอาการแพ้ท้องแบบที่อาเจียนไม่หยุดแล้ว เหลือเพียงแค่ความอยากอาหารเท่านั้นส่วนว่านชิงชิงทุกวันนี้นางกลุ้มใจมาก ว่านอันสุ่ยไม่ยอมห่างนางเลยไม่ยอมให้เดิน ไปไหนก็อุ้มตลอดเวลา บางครั้งเขาก็งอแงเป็นเด็กน้อยห่างนางไม่ถึงชั่วยามก็ตามหาอีกแล้ว จนถูกฮ่องเต้เรียกไปต่อว่าหลายครั้งเพราะเสียงานเสียการ"ใต้เท้าว่าน เราว่าท่านรักเมียเกินไปหรือไม่ งานการมีไม่สนใจทำงานอยู่ดีๆหาเมียไม่เจอก็ทิ้งงาน เจ้ามันตาแก่หลงเมียเด็กจริงๆ""ฝ่าบาท กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ต่อไปจะไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีกพ่ะย่ะค่ะ"ว่านอันสุ่ยเสียงอ่อย แต่ฮ่องเต้ตรัสถูกต้องเขาหลงเมียจริงๆแต่แค่ไม่อยากยอมรับ"ใต้เท้าว่าน ข้าเองก็รักเมียไม่แพ้ท่าน แต่งานส่วนงานท่านต้องแยกแยะสักหน่อยนะ"หนานกงอินเยาะว่านอันสุ่ย เขาเถียงไม่ได้เพราะหนานกงอินเป็นถึงรัชทายาท ได้แต่บ่นอุบอิบๆเท่านั้น"ไท่จื่อ ทรงหลงพระ
หนานกงเช่อกำลังอ่านรายงานที่ทางวังหลวงส่งมา จิ่วโจวให้ผลผลิตถั่วและมันดียิ่งนัก ต้องไปหาสะใภ้เล็กสักหน่อย ว่าหลังเก็บเกี่ยวแล้วต้องแปรรูปอย่างไร ไม่เช่นนั้นก็จะทิ้งเปล่าให้เน่าเสียจางซูฉีนังเขียนสูตรทำวุ้นเส้น ซอสถั่วเหลือง การหมักน้ำส้มสายชู โชคดีที่ก่อนจากยุคสิวิไลนั้นมา นางสามารถทำสิ่งเหล่านี้ไว้ใช้เอง บางครั้งทำวิจัยต้องไปอาศัยอยู่กับชาวบ้านตามชนบท จึงได้วิธีการแปรรูปต่างๆมา บางอย่างก็เป็นสูตรจากบรรพบุรุษที่สืบทอดกันมาหนานกงเช่อเห็นสะใภ้เล็กนั่งทำงานทั้งๆที่ท้องโตมากแล้วก็นึกดีใจแทนบุตรชาย ขนาดเมียขุนนางยังไม่ใส่ใจช่วยเหลือสามีเท่ากับนางเลย เอาแต่แย่งชิงความโปรดปรานจากสามีไม่บรรดาเมียเอกกับเมียรองตีกัน ก็บรรดาบุตรหลานชิงดีชิงเด่นกัน แต่สะใภ้คนนี้เอาแต่คิดหาหนทางให้ผู้คนอยู่รอด ช่วยเหลือสามีทุกด้านเจียงฟางซินสะใภ้คนโตก็เรียนรู้งานมาจากนางไม่น้อย ทุกวันนี้ก็จัดระเบียบบ้านได้ดี จับมือกับหลานสะใภ้เขาจางหย่งเล่อผู้นั้นมองหาลู่ทางเปิดเส้นการค้าใหม่เสมอ จนแคว้นอู๋ร่ำรวยขึ้นพริบตาเงินในท้องพระคลังเพิ่มขึ้นมากมาย ตอนนี้สวีไค่หยุนได้ถูกเขาแต่งตั้งเป็นเจ้ากรมการคลังเรียบร้อยแล้ว รอกลับเ
จางซูฉีและหนานกงเยี่ยกำลังเตรียมตัวกลับเมืองหลวง กำลังวางแผนงานและการค้าทั้งหมดที่นี่ โดยให้ลู่จงกับจูชุ่ยชุ่ยเป็นคนดูแลหนางกงอินขอเบิกงบของกรมโยธามาเพื่อสร้างถนนให้สะดวกสบายกว่าเดิม จากเดิมที่ใช้เวลาเดินทางสิบห้าวันโดยรถม้า ก็เลื่อนเร็วขึ้นเหลือเพียงเก้าวันแต่เนื่องจากบรรดาสตรีของพวกเขาตั้งครรภ์ และมีหลายคนครรภ์ยังไม่มั่นคงจึงเลื่อนการเดินทางกลับไปอีกเดือนครึ่ง เสียนอ๋องกลับไปแล้ว ฮ่องเต้ให้เขากลับไปช่วยจางป๋อคุณและมหาราชครูฟางดูแลงานราชการต่างๆรอให้หยางฮองเฮาครรภ์แข็งแรงกว่านี้ก็จะเดินทางกลับ จางซูฉีหมักเหล้าไว้เกือบสามร้อยไห นางขุดดินฝังไว้ใต้ต้นหลิวในจวนใหญ่ที่เพิ่งสร้างเสร็จไม่นาน อีกครึ่งปีจึงจะขุดขึ้นมาได้ ถึงตอนนี้นางก็คลอดเจ้าตัวน้อยแล้ว"ฉีเอ๋อร์ อย่าทำงานมากนักเลยเจ้าตั้งครรภ์อยู่ พักผ่อนบ้างเถอะ งสนบางอย่างให้บ่าวไพร่ทำก็ได้" หนานกงเยี่ยกำลังคิดบัญชีของหอโอสถ เขาแพ้ท้องไม่สบายเสียนาน ปล่อยนางหักโหมทั้งที่ยังท้องอยู่รู้สึกเป็นห่วงนัก"ท่านอ๋อง นั่งมากเกินไปถึงเวลาคลอดจะคลอดยากนะเพคะ อีกอย่างงานไม่ได้หนักหนาเกินไปนัก อืมจริงสิวันนี้วุ้นเส้นที่ทำไว้แห้งดีแล้ว เย็นนี้เสวยผั
เรือนหอสวีไค่หยุนสวีไค่หยุนปลดเครื่องหัวให้จินเสี่ยวหรันออก จากนั้นก็แลกจอกเหล้ามงคลกับนาง"เสี่ยวหรันคนดี พี่รอวันนี้มาเกือบปีแล้วนะในที่สุดก็ได้อยู่ด้วยกันสักที ไม่ต้องปีนเข้าหาเจ้าแล้ว""ท่านพี่ ข้าชอบที่นี่แต่งานของท่านอยู่เมืองหลวง เสียดายจังเลยเจ้าค่ะ""ไว้พี่จะพามาบ่อยๆดีไหม เสี่ยวหรันจ๋าพี่อยากเข้าหอแล้วคนดีของพี่"สวีไค่หยุนปลดชุดแต่งงานจินเสี่ยวหรันออก จากนั้นก็ตามด้วยชุดเจ้าบ่าวของตน ก่อนจะจ้องมองร่างเปลือยเปล่าตรงหน้าอย่างหลงไหลใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นร่างงามตรงหน้าเปลือยเปล่า เขามักแอบปีนห้องนางมาตักตวงความหวานเสมอ แต่ไม่เคยล่วงเกินนางมากกว่านั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขากับนางจะเป็นคนๆเดียวกันอย่างสมบูรณ์"ขืนท่านยังจ้องอีก ข้าคงแข็งเป็นหินแล้วท่านพี่ ใช่ว่าไม่เคยเห็นสักหน่อย จะให้รออีกนานไหมเจ้าคะ อากาศหนาวนะ""หึๆ อยากได้อะไรอุ่นๆหรือแม่นางน้อยของข้า วันนี้เจ้าเป็นปีศาจจิ้งจอกพันปี หรือเป็นโฉมงามของหอจันทราดีเล่า หืม"จินเสี่ยวหรันลุกขึ้นมา ก่อนจะคลึงทรวงอกตนเองยั่วยวนคนตรงหน้า มืออีกข้างโน้มคอสวีไค่หยุนลงมา ก่อนจะกระซิบข้างหูเบาๆ"หนาวจนแข็งเป็นไตแล้ว คุณชายท่านให้ความอบอุ่น