มู่เหยี่ยถูกท่าทีดุดันของตงฟางหลีทำให้ตกใจจนตัวสั่นเทานางสะอื้นไม่หยุด “ข้าเพียงรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่ามึนงง หากจำได้ว่าเคยพบเห็นที่ใดมาก่อน ข้าคงจะพูดไปแล้ว”“นั่นเป็นเพียงความรู้สึกอย่างหนึ่งเท่านั้น สิ่งของที่ไม่มีตัวตนข้าจะไปจำได้อย่างไร? อีกอย่าง ข้าเพียงรู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้าง บางทีอาจเป็นภาพลวงต
เมื่อคำตอบหนึ่งพรั่งพรูออกมาโฉมหน้าที่แท้จริงของคนที่ลักพาตัวเหยี่ยนเย่ว์ไปนั้นก็โผล่ขึ้นมาตงฟางหลีคิดได้ว่าคนร้ายอาจจะเป็นพี่ใหญ่ ในก้นบึงหัวใจพลันเย็นเยียบเขากำหมัดแน่น สีหน้าซีดเผือด ในแววตาเต็มไปด้วยริ้วโลหิตไร้ลม ทว่าที่หน้าต่างกลับพลิ้วไหวกลิ่นอายสังหารพวยพุ่งขึ้นมาจากทั่วทุกทิศทาง ราวกับ
นี่คือแรงจูงใจให้พี่ใหญ่ทำเรื่องพวกนี้!ตงฟางหลีนึกถึงเรื่องราวบ้าคลั่งที่พี่ใหญ่เคยทำมาในอดีต ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกหัวใจเย็นยะเยือกหาตัวพระชายาอ๋องเฉียนไม่เจอ คนที่มีนิสัยหวาดระแวงจนวิปริตอย่างเช่นพี่ใหญ่ มีความเป็นไปได้มากว่าจะเอาโทสะระบายใส่กับเหยี่ยนเย่ว์เหยี่ยนเย่ว์ในเวลานี้ ไม่มีเรี่ยวแรงจะทะเ
ในขณะที่ตงฟางหลีวิ่งวุ่นไปทั่วอีกด้านหนึ่งฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ถูกวางยาสลบและนำตัวมายังที่มืดมิดแห่งหนึ่งนางถูกคนโยนลงกับพื้นอย่างแรงฤทธิ์ของยาสลบยังไม่ทันได้จางไป คนผู้หนึ่งก็ได้ตักน้ำอ่างหนึ่งเข้ามา สาดเข้าที่ใบหน้าของนางน้ำผสมก้อนน้ำแข็งราดรดลงบนศีรษะของนางน้ำเย็นราดลงบนศีรษะของนาง เย็นจนหนังศ
“หนีรึ?”“มาจนถึงที่แบบนี้แล้ว เจ้าคิดว่าเจ้ายังจะหนีได้อยู่อีกหรือ?”ท้ายที่สุดเขาก็จับตัวฉินเหยี่ยนเย่ว์ไว้ มือแข็งปานเหล็กบีบคางของนางไว้แน่น เดินบีบเข้าใกล้ทีละก้าว “ฉินเหยี่ยนเย่ว์ ตกอยู่ในมือของข้าแล้ว เจ้ายังพยายามจะหนีอยู่อีกหรือ?”“เจ้าขโมยของของข้าไป ข้าก็จะทำให้เจ้าอยู่มิสู้ตายเอง” เขาบีบ
ตอนที่เฉียนอ๋องนึกขึ้นได้ว่าหลังจากพระชายาเฉียนอ๋องหย่าแล้วยังพยายามหลีกหนีไปไกล ในแววตาพลันฉายแววโกรธออกมาอย่างรุนแรงเขาถูกหญิงทอดทิ้งแล้ว!ถูกเซียวเซี่ยงหว่านนางแพศยานางนั้นเตะทิ้งผีเท่านั้นที่รับรู้ถึงความรู้สึกของเขาตอนที่ได้รับหนังสือหย่าที่มีตราประทับของเสด็จพ่อตอนนั้น เขาเหลือไว้เพียงความเ
“ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะหนีไปที่ใดได้” สุ้มเสียงเย็นชาของเฉียนอ๋องดังก้องอยู่ภายในห้องลับแคบ ๆ แห่งนี้ ก่อนจะตามด้วยเสียงสะท้อนดังติ๋ง ๆ ของหยดน้ำไหลร่างกายของฉินเหยี่ยนเย่ว์ถูกแช่แข็งจนควบคุมไม่ได้บ้างโดยเฉพาะน้ำแข็งที่ไหลลงมาจากเรือนผม เสียดแทงจนศีรษะนางเจ็บปวดอย่างยิ่งห้องลับคับแคบ ไร้ทางให้หนีนาง
เฉียนอ๋องพลางพ่นวาจาที่น่ารังเกียจออกมา พร้อมมองฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่กำลังดิ้นรนหาทางหนีไปด้วยสองมือที่ถูกโซ่เหล็กมัดเอาไว้นั้นเต็มไปด้วยรอยเลือดมากมาย ไม่ว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์จะอยากหนีออกไปเพียงใดก็ไม่อาจทำได้คราบเลือดที่อยู่บนเตียงหินนั้น มีทั้งรอยเก่ารอยใหม่ซ้อนทับกันอยู่มากมายกลิ่นคาวเลือดพลันกลบกล
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได