สีหน้าของตงฟางหลีซีดเผือดลง “หนึ่งหรือสองปี?”“ไม่ต้องพูดถึงหนึ่งหรือสองปีหรอก สามหรือสี่ปีก็เป็นเรื่องปกติ การบาดเจ็บที่จิตวิญญาณกับร่างกายนั้นไม่เหมือนกัน” ลู่จิ้นถอนหายใจ “แต่ศิษย์น้องหญิงตื่นแล้วถือเป็นสัญญาณดี พูดคุยกับนางมาก ๆ สื่อสารกันมาก ๆ และทำในเรื่องที่นางสนใจมากขึ้นหน่อย บางทีอาจฟื้นตัว
อย่างแรกต้องการน้ำดื่ม จากนั้นต้องการอาหารสามารถกินและดื่มได้นั้น เป็นสัญญาณของการพัฒนาไปในทางที่ดีตงฟางหลีรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที และรีบให้คนเตรียมอาหารเนื่องจากฉินเหยี่ยนเย่ว์ไม่ได้สติมาเป็นเวลานาน อาหารส่วนใหญ่จึงเป็นอาหารเหลวหลังจากที่ตงฟางหลีเป่าให้เย็นลงแล้ว ก็ป้อนให้นางทีละช้อนฉ
ลู่จิ้นเอาพู่กันแตะปลายคาง ราวกับกำลังครุ่นคิดอย่างจริงจัง “ข้ามีชีวิตเกินร้อยปีแล้ว ยังไม่เคยพบเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาก่อนเลย”ตงฟางหลีหัวเราะเยาะ “ร้อยปีกว่านี้ท่านใช้ชีวิตไร้ประโยชน์เช่นสุนัขมาตลอดหรือ?”ใบหน้าของลู่จิ้นซีดลงทันใด “เจ้าเจ็ด เจ้ากำลังหาเรื่องใช่หรือไม่? ถ้าเจ้ามีความสามารถก็มาอธิบา
“นี่ก็พูดยาก” ลู่จิ้นกล่าว “แต่ข้าคิดว่านี่ไม่เกี่ยวอะไรกับความทรงจำ”“เจ้าไม่สามารถพูดได้หรอกว่า ถ้าใบไม้ของต้นไม้ร่วงหล่น และในปีหน้าใบใหม่เติบโต ต้นไม้นี้จะกลายเป็นต้นไม้อีกต้นหรือไม่? รูปลักษณ์ในตอนนี้ของศิษย์น้องหญิงก็เหมือนกับเป็นต้นกล้าใหม่ เมื่อต้นกล้าค่อย ๆ เติบโตขึ้น ศิษย์น้องหญิงก็ยังคงเป
ในที่สุดตงฟางหลีก็สงบลง และพูดคุยกับฉินเหยี่ยนเย่ว์อยู่สักพักในคราแรกฉินเหยี่ยนเย่ว์อยู่เฉย ๆ ก็น่ารัก ไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไรภายใต้การชี้นำอย่างอดทนของเขา นางจึงมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจับความหมายของคำง่าย ๆ บางคำได้อย่างรวดเร็วราวกับเป็นเด็กที่กำลังพูดอ้อแอ้ตงฟางหลีรู้สึกว่าวิธีการของลู่จิ
ดวงตาของตงฟางหลีเบิกกว้างปรากฏน้ำค้างจาง ๆ และความอบอุ่นเล็กน้อยฉินเหยี่ยนเย่ว์เป็นเหมือนเด็กทารกที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับโลกใบนี้เลย ทั้งโง่เขลาและน่ารักนางสัมผัสใบหน้าของตงฟางหลี ราวกับว่าได้รับของเล่นสนุก ๆ“เหยี่ยนเย่ว์!” ใบหน้าของตงฟางหลีเปลี่ยนเป็นมืดทะมึนยัยหนูคนนี้ แม้นสภาพจิตใจจะกลายเป็
ตงฟางหลีรู้สึกไปไม่ถูกเล็กน้อยยังไม่ถึงเวลาอย่างที่คิด และเหยี่ยนเย่ว์ก็ยังไม่ฟื้นตัวดีด้วยตงฟางหลียังมีเรื่องที่ต้องทำเขาเอนตัวนอนอยู่สักพักหนึ่ง อยากจะออกไปอย่างเงียบ ๆทันทีที่ออกไป ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็แสดงสีหน้าน้อยใจสีหน้าที่แสดงออกมานั้น ตงฟางหลีก็ไม่มีทางรับมือได้เลย“เหยี่ยนเย่ว์ รอเจ้าตื่น
ตงฟางหลีอุ้มฉินเหยี่ยนเย่ว์กลับไปที่เตียงฉินเหยี่ยนเย่ว์ดูเหมือนจะตกใจกลัว ขณะที่ร้องไห้ก็พลางส่ายหน้าเฮยตั้นคิดว่าตงฟางหลีกำลังรังแกนาง ขนตั้งชัน และส่งเสียงขู่คำรามออกมาจากในลำคอมันจ้องเขม็ง พร้อมที่จะโจมตีตงฟางหลีได้ทุกเมื่อ“เฮยตั้น เจ้าอย่ามายุ่ง นี่เป็นเรื่องของพวกเราสองคน ไม่เกี่ยวกับเจ้า”
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได