ฮูหยินซูถูกซูจิ้นเอ็ดใส่จนน้ำตาร่วงเผาะทันที “นายท่าน ท่านจะทำอะไรกัน?”นางกล่าวทั้งน้ำตาคลอเบ้า “หนึ่งล้านตำลึงเงินมิใช่จำนวนน้อยเลย เดิมทีครอบครัวของเราขัดสนเงินทองเพราะรายได้มีไม่พอถึงรายจ่ายแล้ว หากท่านยังใจกว้างเช่นนี้ เรายังจะอยู่รอดได้อีกหรือ?”ซูจิ้นกลัวภรรยาตนร้องไห้มากที่สุด“พระชายาอ๋องเจ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มุ่นคิ้วหลังจากที่ปลาทรายแดงครีบทองกลายพันธุ์แล้วจะมีพิษร้ายแรงมากแม้นซูเตี่ยนฉิงกินยาขององค์หญิงอันชางไปแล้วตอนที่ถูกวางยาพิษ ก็ได้แต่ฝืนรั้งลมหายใจไว้เท่านั้นหากต้องการช่วยชีวิต จำต้องล้างพิษออกหากอยากถอนพิษประเภทนี้ มิใช่ว่ายาเพียงหนึ่งหรือสองขนานจะประสบผลกระบวนการถอนพิษค่อนข้
ฉินเหยี่ยนเย่ว์แสร้งทำเป็นรีรออยู่บนข้อมือของซูเตี่ยนฉิง สักพักหนึ่งหลังจากตรวจมือขวาเสร็จ ก็ตรวจที่มือขวาอีกครั้งขณะที่ขมวดคิ้วก็ส่ายหัว สีหน้าจริงจังมากขึ้นเรื่อย ๆซูจิ้นเห็นนางขมวดคิ้วและส่ายหัว ในใจกระวนกระวายเล็กน้อย“คือว่า พระชายาอ๋องเจ็ด พระองค์ว่า ฉิงเอ๋อร์นางเป็นเช่นไรบ้าง…”“แย่มากเลย”
ถ้อยคำนี้ เป็นการพิสูจน์ความกังวลของซูจิ้นสีหน้าของซูจิ้นไม่น่ามองเป็นอย่างยิ่งเดิมทีฉิงเอ๋อร์ก็นอนหายใจรวยริน และหากยังผ่านอาการป่วยนี้ไปอีก ก็จะกลายเป็นอย่างพระชายาอ๋องเจ็ดที่ก้าวเดินหนึ่งก้าวก็ต้องหอบหายใจสามครั้ง เกรงว่าคงจะทนต่อไม่ไหว“เช่นนั้นควรทำอย่างไร?” เขาเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลไป” ฉินเหย
ฮูหยินซูกลัวว่าอาการป่วยของฉินเหยี่ยนเย่ว์จะกระทบถึงร่างกายของซูเตี่ยนฉิง จึงเปลี่ยนผ้าขนหนูไปถึงสามผืน เช็ดหน้าซูเตี่ยนฉิงอยู่สิบกว่ารอบก่อนจะหยุดเช็ดยิ่งเช็ดนาน สุราฤทธิ์แรงที่หลงเหลืออยู่ยิ่งมีมากเท่าใด เวลาที่ซูเตี่ยนฉิงจะเจ็บปวดก็นานมากขึ้นเท่านั้นฉินเหยี่ยนเย่ว์เอนกายพิงตงฟางหลีที่อยู่ข้างกา
ด้านหนึ่งเขาตำหนิฮูหยินซูที่ดึงดันเชิญฉินเหยี่ยนเย่ว์มารักษาให้ฉิงเอ๋อร์ อีกด้านหนึ่งก็ไม่พอใจฉินเหยี่ยนเย่ว์เป็นอย่างมากเรื่องนี้แม้ว่าฝ่าบาทจะมีพระราชโองการทว่า พระชายาอ๋องเจ็ดกำลังเอาพวกเขาสามีภรรยา และทั้งสกุลซูเล่นอยู่ในกำมือ เป็นสิ่งที่ไม่ต้องสงสัยเลยแม้แต่น้อย“พระชายาอ๋องเจ็ด กระหม่อมขอถาม
เมื่อซูจื่อเอ่ยถ้อยคำนี้ออกมา ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถึงกับชะงักงันไปนางคาดไม่ถึงว่าสกุลซูยังมีคนที่สามารถรู้การควรไม่ควรด้วยหาได้ยากจริง ๆยามที่นางหันไปมองซูจื่ออย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวนั้น ซูจื่อก็กำลังมองนางอยู่เช่นกันยามที่สายตาประสานกัน นางสามารถมองเห็นประกายที่นางไม่เข้าใจจากในแววตาของซูจื่อได้ประก
คนทั่วไปเมื่อรับเงินทองผู้อื่นไปแล้วต้องปัดเป่าความกังวลของผู้นั้นมีเพียงนาง ที่รับเงินไปแล้วยังหน้าไม่อายอย่างเปิดเผยเช่นนี้“นายท่าน ท่านเชื่อข้านะเจ้าคะ นางจงใจปล่อยให้ฉิงเอ๋อร์ตายโดยที่ไม่ช่วย” ฮูหยินซูนึกถึงคำเตือนของคนผู้นั้นขึ้นมาได้ ก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ใต้หล้านี้มีเพียงนางที่ช่วยชีวิตฉิงเอ
ลู่จิ้นกลับไม่สนใจโดยสิ้นเชิงหัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่นก่อนหน้านี้เขาคิดจะปิดประตูข่มขู่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ให้รักษาฉิงเอ๋อร์ แม้ว่าจะเป็นการไม่เคารพต่อพวกเขาสองคนแต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้เห็น ขอเพียงยืนกรานไม่ยอมรับ ก็ไม่มีผู้ใดทำอะไรได้ครั้นลู่จิ้นมาถึง สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปแล้วต่อให้เขามีความกล้ายิ่งใ
ซูจื่ออายุยังน้อย ทนต่อการถูกฟาดได้ครั้นปล่อยให้ลู่จิ้นทุบตีระบายอารมณ์ได้ครู่ใหญ่ ก็เจ็บจนต้องแยกเขี้ยวยิงฟัน หากยืนนิ่งไม่ส่งเสียงใด ๆ ออกมาแม้แต่คำเดียวลู่จิ้นที่ทุบตีจนเหนื่อยแล้วถึงได้ฝืนหยุดตี“ลูกชายของข้า” ฮูหยินซูเห็นท่าทีจมูกช้ำเขียวใบหน้าปูดบวมของซูจื่อ หยาดน้ำตาก็ไหลลงมาเป็นสาย ร้องไห้
นี่สิถึงจะเป็นอาวุธวิเศษในการแสร้งป่วยที่ถูกต้อง“ขอบคุณศิษย์พี่เจ้าค่ะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์รีบกลืนยาเม็ดลงไปทันที“ไม่ต้องเกรงใจ เรื่องของศิษย์น้องหญิงก็คือเรื่องของข้า” รอจนกระทั่งนางกินยา ลู่จิ้นก็จับชีพจรให้นางอีกครั้งเทียบกับชีพจรยุ่งเหยิงเมื่อครู่แล้ว ชีพจรในยามนี้มั่นคงกว่ามาก ศิษย์น้องหญิงก็รู้
“หลีกไป หลีกไปให้พ้น ใครกล้ามาขัดขวางข้า!”เสียงนั้นดังกึกก้องเป็นอย่างยิ่ง ทรงพลังและดุดันก่อนจะตามมาด้วยเสียงล้มลงกับพื้นของคนหลายคน แล้วประตูใหญ่ก็ถูกคนถีบออกอย่างแรงจากนั้น ชายชราผมขาวเคราขาวคนหนึ่งบุกเข้ามาด้วยความกรุ่นโกรธคนที่เข้ามาคือลู่จิ้นบรรพบุรุษของสกุลลู่ที่ด้านหลังของลูจิ้น ยังมีลู
คนทั่วไปเมื่อรับเงินทองผู้อื่นไปแล้วต้องปัดเป่าความกังวลของผู้นั้นมีเพียงนาง ที่รับเงินไปแล้วยังหน้าไม่อายอย่างเปิดเผยเช่นนี้“นายท่าน ท่านเชื่อข้านะเจ้าคะ นางจงใจปล่อยให้ฉิงเอ๋อร์ตายโดยที่ไม่ช่วย” ฮูหยินซูนึกถึงคำเตือนของคนผู้นั้นขึ้นมาได้ ก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ใต้หล้านี้มีเพียงนางที่ช่วยชีวิตฉิงเอ
เมื่อซูจื่อเอ่ยถ้อยคำนี้ออกมา ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถึงกับชะงักงันไปนางคาดไม่ถึงว่าสกุลซูยังมีคนที่สามารถรู้การควรไม่ควรด้วยหาได้ยากจริง ๆยามที่นางหันไปมองซูจื่ออย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวนั้น ซูจื่อก็กำลังมองนางอยู่เช่นกันยามที่สายตาประสานกัน นางสามารถมองเห็นประกายที่นางไม่เข้าใจจากในแววตาของซูจื่อได้ประก
ด้านหนึ่งเขาตำหนิฮูหยินซูที่ดึงดันเชิญฉินเหยี่ยนเย่ว์มารักษาให้ฉิงเอ๋อร์ อีกด้านหนึ่งก็ไม่พอใจฉินเหยี่ยนเย่ว์เป็นอย่างมากเรื่องนี้แม้ว่าฝ่าบาทจะมีพระราชโองการทว่า พระชายาอ๋องเจ็ดกำลังเอาพวกเขาสามีภรรยา และทั้งสกุลซูเล่นอยู่ในกำมือ เป็นสิ่งที่ไม่ต้องสงสัยเลยแม้แต่น้อย“พระชายาอ๋องเจ็ด กระหม่อมขอถาม
ฮูหยินซูกลัวว่าอาการป่วยของฉินเหยี่ยนเย่ว์จะกระทบถึงร่างกายของซูเตี่ยนฉิง จึงเปลี่ยนผ้าขนหนูไปถึงสามผืน เช็ดหน้าซูเตี่ยนฉิงอยู่สิบกว่ารอบก่อนจะหยุดเช็ดยิ่งเช็ดนาน สุราฤทธิ์แรงที่หลงเหลืออยู่ยิ่งมีมากเท่าใด เวลาที่ซูเตี่ยนฉิงจะเจ็บปวดก็นานมากขึ้นเท่านั้นฉินเหยี่ยนเย่ว์เอนกายพิงตงฟางหลีที่อยู่ข้างกา
ถ้อยคำนี้ เป็นการพิสูจน์ความกังวลของซูจิ้นสีหน้าของซูจิ้นไม่น่ามองเป็นอย่างยิ่งเดิมทีฉิงเอ๋อร์ก็นอนหายใจรวยริน และหากยังผ่านอาการป่วยนี้ไปอีก ก็จะกลายเป็นอย่างพระชายาอ๋องเจ็ดที่ก้าวเดินหนึ่งก้าวก็ต้องหอบหายใจสามครั้ง เกรงว่าคงจะทนต่อไม่ไหว“เช่นนั้นควรทำอย่างไร?” เขาเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลไป” ฉินเหย