“พระชายาอ๋องเจ็ด นี่ไม่เหมือนกับที่ตกลงกันไว้นะพ่ะย่ะค่ะ นี่ควรทำอย่างไรดี หากไม่สามารถถอนพิษได้ คนก็จะอยู่ได้ไม่เกินสามวัน” หมอหลวงหลินยังคงพึมพำอยู่นอกรถม้าฉินเหยี่ยนเย่ว์ขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจเขาหากพบเจอคนไข้ที่เจ็บไข้ได้ป่วยกะทันหันบนท้องถนน นางจะช่วยเหลือคน ๆ นั้นโดยไม่ลังเล และยึดมั่นในหลักจ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์หยิบขนมจากโต๊ะเตี้ยมา “ยกตัวอย่างเช่น ขนมชิ้นนี้อาจเป็นขนมธรรมดาสำหรับท่าน ทว่า สำหรับหม่อมฉันแล้วอาจเป็นยาพิษได้”ตงฟางหลีไม่เข้าใจ“เป็นปัญหาทางร่างกายน่ะเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว “เช่นคราวที่แล้วที่พระสนมเหยาให้น้ำแกงเห็ดหูหนูขาวแก่ไทเฮาเป่า จนทำให้ไทเฮาเป่าป่วยหนัก ตัวน้ำแกงเห็ดห
ใช้วิธีแบบนั้นในการจัดการกับคนที่ร่วมเรียงเคียงหมอนกัน เพียงแค่คิดก็ทำให้รู้สึกเหมือนว่าชีวิตนี้ย่ำแย่ไปหมดหลังพระชายาอ๋องเฉียนหย่าร้างแล้ว ก็นับว่าเป็นการกำจัดชายสารเลวได้ และได้เกิดใหม่อีกครั้งชายสารเลวพรรค์นั้น ไหนเลยจะมีหน้ามาสร้างปัญหา?“เจ้าไม่เข้าใจ” ตงฟางหลีกล่าว “พี่ใหญ่ก็เป็นเช่นนี้มาแต่
“หม่อมฉันรู้สึกอยากอาเจียนแล้ว คลื่นเหียนนิดหน่อย ท่านเอาส้มมาให้หม่อมฉันหน่อย” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พะอืดพะอมอยู่สองครั้ง “หม่อมฉันต้องระงับไว้”ตงฟางหลีปอกเปลือกส้มให้นางนางกินไปหลายกลีบก่อนที่จะสงบจิตใจลงได้“ถ้าคนไร้ยางอายอย่างอ๋องเฉียนกล้ามาที่นี่ หม่อมฉันจะทุบตีเขาจนเลือดหัวสุนัขไหลอาบเลย” ฉินเหยี่
ทำเรื่องใหญ่เช่นนี้เป็นครั้งแรก ก็รู้สึกคาดหวัง และตื่นเต้นอยู่บ้างภายในห้องอบอุ่นมากฉินเหยี่ยนเย่ว์คิดถึงเงื่อนไขในการปลุกอวี้เอ๋อร์ คิดว่าควรจะเตรียมอุปกรณ์อะไรบ้าง คิดไปคิดมา ก็ผล็อยหลับไปตงฟางหลีกลัวว่าจะไปรบกวนนางเข้า เสียงที่อ่านฎีกาจึงเบาเป็นอย่างยิ่งไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดที่ด้านนอกปร
“เจ้า!” ซูเตี่ยนซวงถูกตู้เหิงตอบกลับจนสะอึก“บ่าวอย่างเจ้าทำเกินไปแล้วนะ เจ้ากล้าพูดจาเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร?”ในฐานะที่เป็นคุณหนูรองสายตรงของสกุลซู นางถูกเลี้ยงอย่างดีมาตั้งแต่เด็กไม่ว่าจะเดินไปทางใดก็ต้องมีคนคอยประจบประแจง มิว่าผู้ใดล้วนมีใบหน้าที่อ่อนโยนใจดีกับนางทั้งนั้นนอกจากที่เคยเสียเปรียบ
เมื่อเรื่องเกี่ยวพันกับชีวิตของบุตรสาว นางจำต้องถ่อมตนเข้าไว้ ทำได้เพียงกดเพลิงโทสะไว้ “องครักษ์ตู้ บุตรสาวคนเล็กไม่รู้จักความ ล่วงเกินที่ใดไปก็ขออภัยให้ด้วย ข้าขอโทษเจ้าแทนบุตรสาวคนเล็กด้วย”“ท่านแม่ ไยท่านต้องไปขอโทษบ่าวรับใช้คนนี้ด้วย?” ซูเตี่ยนซวงไม่พอใจ “ท่านดูท่าทีนี้ของเขาสิเจ้าคะ ไม่เห็นพวกเ
ซูเตี่ยนซวงคิดจะวิ่งไปทางตำหนักหมิงอวี้“ท่านจะทำอะไร?” ตู้เหิงขวางนางไว้ กลิ่นอายบนร่างกายพลันเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก “พระชายาไม่ต้อนรับแขก ท่านฟังภาษาคนไม่เข้าใจจริง ๆ หรือ?”“เจ้าสุนัขรับใช้หลีกไป” ซูเตี่ยนซวงถ่มน้ำลายใส่เขา “หากเจ้ากล้าขวางทางข้าอีก ข้าจะตีเจ้าให้ตายเสีย”“ท่านว่าอย่างไรนะ?”“ข้า
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได