ฉินเหยี่ยนเย่ว์ช่วยอะไรไม่ได้เลย ทำได้เพียงนอนลงอย่างเชื่อฟังตงฟางหลีพลิกเปิดฎีกา ขมวดคิ้วอ่านไปจนจบ และเขียนคำสั่งการประกอบด้วยมือที่ข้อต่อกระดูกชัดเจนและเรียวยาวหลังจากที่เขาถอดรัดเกล้าออก ผมส่วนหนึ่งกระจายลงมา ผมที่คล้ายหมึกดำสาดกระจายไร้ทิศทาง ใบหน้าราวหยก ในเข็มขัดอ่อนกับเสื้อสีอ่อนนั้น เป็นค
ตงฟางหลีเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “ก็พูดได้ว่า นางเป็นผู้หยั่งรู้ที่มีความสามารถอนุมานอันทรงพลัง”“ผู้หยั่งรู้หรือเพคะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำมือของนางแน่นในสมัยโบราณมีการเน้นย้ำถึงพลังเหนือธรรมชาติและผู้หยั่งรู้มากมายสิ่งที่เรียกว่าผู้หยั่งรู้ คือคนนอกรีตที่ใช้ความรู้ต่าง ๆ เช่น ดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ แ
ตงฟางหลีบีบแขนเสื้อเบา ๆ พลางยิ้มเย็น “หมิ่นจูอาจจะสามารถปกปิดร่องรอยทั้งหมดได้ แต่สิ่งเดียวที่ไม่สามารถปกปิดได้คือพี่หก หมิ่นจูน่าจะตกหลุมรักเข้าไปแล้ว”เส้นเลือดบนหน้าผากของฉินเหยี่ยนเย่ว์กระตุกแรงสองสามครั้งอายุที่แตกต่างกันระหว่างหมิ่นจูกับพี่หก อย่างน้อยคือสิบปีผู้หญิงอายุมากกับผู้ชายอายุน้อย
หลังจากที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตื่นขึ้นมาก็พลิกตัวโดยไม่รู้ตัว สายตาก็จ้องมองตรงไปยังตงฟางหลีที่อยู่กลางห้องที่กลางห้อง ตงฟางหลีกำลังคุกเข่าบนกาใบชา ในขณะคุกเข่าบนกาใบชา ก็ตรวจฎีกาไปด้วยฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกใจมากกับภาพนี้จนพูดไม่ออก“ท่านทำอะไรน่ะเพคะ?” นางถามด้วยความประหลาดใจ“สารภาพผิด ขออภัยโทษ และตรวจฎี
ชานเมืองฝั่งทิศตะวันออกในเขตพื้นที่พระราชฐานเมืองเหวินจิง ส่วนใหญ่เป็นจวนที่พักอาศัยของขุนนางบุ๋นบู๊มีจวนแห่งหนึ่งไม่ค่อยเป็นที่สะดุดตาเท่าใดนัก หลบซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบเชียบท่ามกลางบ้านเรือนที่ตั้งอยู่เรียงรายรอบ ๆ จวนมีต้นไผ่อยู่จำนวนไม่น้อย แม้จะเป็นช่วงฤดูเหมันต์ ก็ยังคงหนาวเย็นอยู่บ้างหลังจ
จูเอ๋อร์วางแผนกลยุทธ์ ช่วยเหลือข้าข้ามผ่านด่านที่ยากลำบากอันแล้วอันเล่า เจ้าเป็นขุนนางที่มีความชอบ จีอู๋เยียนจะเอนเอียงไปทางน้องเจ็ดหรือไม่นั้นยังไม่ทราบได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการคาดเดา นี่หาใช่ความผิดของเจ้าไม่ ข้าเองก็ตัดใจลงโทษเจ้าไม่ลง” องค์ชายหกเอ่ยปลอบหมิ่นจูหลุบตาลง “ทว่า หากมิใช่หม่อมฉันเส
องค์ชายหกสีหน้าดำทะมึนหลังจากที่น้องเจ็ดแต่งงาน ก็เปลี่ยนไปมิคล้ายกับเมื่อก่อนฉินเหยี่ยนเย่ว์หญิงสาวคนนั้นก็แตกต่างไปจากอดีตอย่างสิ้นเชิงฉินเหยี่ยนเย่ว์เป็นศิษย์ของนักพรตเต๋าเทียนหลิง และยังได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษจากเสด็จพ่อนักพรตเต๋าเทียนหลิงมีฐานะพิเศษ หากฉินเหยี่ยนเย่ว์เป็นศิษย์ของนักพรตเต๋
ขณะที่หลิงอวิ๋นจวินคิดจะชิงปิ่นมา หมิ่นจูก็ได้แทงปิ่นเหล็กทะลุผิวหนังเข้าไปแล้วหยดเลือดไหลทะลัก ใบหน้าของนางแปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมโหดขึ้นมา“หลิงอวิ๋นจวิน ข้าแต่งให้เจ้ามาสิบกว่าปี ทนมานานมากพอแล้ว พวกเราตายไปพร้อมกันเถอะ ข้าอยากให้คนบนโลกนี้รับรู้เสียที ว่าเจ้าเป็นวิญญูชนจอมปลอมที่วางมาดมีศีลธรรมมาก
ความเป็นไปได้มากที่สุด คือพี่ใหญ่ใช้ประโยชน์จากทาสเป่ยลู่คนนั้น ทำเรื่องที่มิอาจเปิดเผยได้เหล่านั้นอยู่ที่นี่หากเป็นเหตุผลเช่นนี้ เบาะแสทุกอย่างล้วนราบรื่นแล้วตงฟางหลีเดินอ้อมห้องอีกหนึ่งรอบใช้มือสัมผัสและเคาะสิ่งของที่น่าสงสัยทั้งหมดเบา ๆ ไปหนึ่งรอบน่าเสียดาย ที่หาร่องรอยของห้องลับไม่เจอ“จางฉู
ตงฟางหลีพยุงตัวกับราวบันได ใบหน้าหล่อเหลานั้นซีดเผือดหากเป็นน้ำพุจริง ๆ ไม่เพียงแต่รสนิยมเลวร้าย มิหนำซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนเดือดดาลจางฉู่ส่ายหน้า “มิทราบได้พ่ะย่ะค่ะ แทนที่จะบอกว่าเป็นน้ำพุ มิสู้บอกว่า พวกมันดูเหมือนเสาค้ำยันศาลามากกว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ที่เฉียนอ๋องสร้างขึ้นกับมือเพื่ออนุภร
ในแววตาเขาไร้คลื่นลม และน้ำเสียงก็ราบเรียบมากเช่นกันเฟยอิ่งลอบขมวดคิ้วแน่นเขารู้จักจางฉู่มาแต่ไหนแต่ไร จางฉู่มีนิสัยเย็นชา กระทำการสุขุมหนักแน่น ไตร่ตรองพิจารณารอบด้าน มิใช่คนที่มุทะลุบุ่มบ่ามพรรค์นั้นหากแต่พฤตกรรมครานี้ ผิดแปลกไปอย่างแท้จริงแปลกไปจนมิคล้ายกับเป็นจางฉู่ตัวจริงเฟยอิ่งยิ่งคิดก็ยิ
ตงฟางหลีเดิมทีก็มีโรครักความสะอาดอยู่แล้ว ทนรับกลิ่นแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่ได้ที่สุดยามที่กลิ่นเหม็นเน่าสายนั้นถาโถมเข้ามา เขาถึงกับอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ ภายในกระเพาะประหนึ่งพลิกแม่น้ำล้มมหาสมุทรก็มิปานเขารีบล้วงหาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูก สะกดความรู้สึกขยะแขยงลงไปเฟยอิ่งเองก็ถูกความรู้สึกน่ารัง
“เหตุผลที่คุณหนูเซียวหย่ากับพี่ใหญ่ เป็นเพราะว่าพี่ใหญ่สังหารลูกของพวกเขาเองกับมือ” ตงฟางหลีพูดต่อไป “ที่นางมิสามารถตั้งครรภ์มาโดยตลอด ก็เป็นการขัดขวางของพี่ใหญ่เช่นกัน”“พี่ใหญ่คิดว่าการตายของทาสเป่ยลู่เกี่ยวข้องกับคุณหนูเซียว จึงเอาโทสะมาระบายใส่คุณหนูเซียว คุณหนูเซียวที่ลุ่มหลงในความรักอย่างลึกซึ
บนใบหน้าเย็นชาและแน่วแน่นั้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งร่างกายสูงใหญ่ของเขาถอยหลังไปอย่างไร้ร่องรอย น้ำเสียงนั้นทั้งลำบากใจทั้งเจ็บปวด “หวั่นเอ๋อร์...ไม่สิ พระชายาเฉียนจากไปแล้ว และคงไม่มีวันกลับมาอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เรือนบุปผาหาได้มีผู้ใดอยู่ไม่ เชิญท่านอ๋องเจ็ดกลับไปเถิด”ยามที่จางฉู
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เวลาที่เหยี่ยนเย่ว์จะได้รับความทรมานก็จะยิ่งนานมากขึ้นเท่านั้นยามที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมา หน้าผากตงฟางหลีถึงกับเต้นตุบ ๆ โดยไม่รู้ตัวไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกไปเองหรือไม่เขามักจะรู้สึกว่า แม้ว่ายัยหนูของเขาจะพลั้งเผลอถูกคนลักพาตัวไปทว่า มิใช่สตรีที่จะปล่อยให้ผู้อื่นเข่นฆ่าได้
ขณะเดียวกันภายในหอฉยงฮวาใบหน้าตงฟางหลีดำทะมึนนิ้วของเขาเคาะที่โต๊ะเบา ๆหลังจากคาดเดาได้ว่าเหยี่ยนเย่ว์อาจถูกเฉียนอ๋องลักพาตัวไปเขากลัวว่าหากเข้าไปหาตรง ๆ จะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นกลัวว่าหลังจากพี่ใหญ่ที่มีนิสัยวิปริตเช่นนั้นถูกกระตุ้นเข้า จะทำอันตรายต่อเหยี่ยนเย่ว์ดังนั้น จึงมาที่หอฉยงฮวาก่อ
ท่ามกลางการนองเลือดพร่าเลือน เขาตกตะลึงและเผยสีหน้าเหลือเชื่อ “เจ้ารู้ได้เยี่ยงไร?”“ดูเหมือนข้าจะเดาถูก” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เย้ยหยันเดิมทีนางไม่แน่ใจนัก และอยากหลอกลวงเขาคิดไม่ถึงว่าการหลอกลวงจะประสบผลสำเร็จในครั้งเดียวการกระทำโหดเหี้ยมเกิดขึ้นที่ก้นทะเลสาบ ช่างเข้ากับนิสัยวิปริตนี้จริง ๆ“เจ้ารู้ได