“หม่อมฉันได้ยินพวกเขาพูดกันว่าพระสนมขั้นเช่อทั้งสองที่เพิ่งถูกรับเข้าวังหลังหลังจากฤดูใบไม้ร่วงกำลังตั้งท้องในเวลาเดียวกัน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เอ่ยขึ้นอย่างหดหู่ตงฟางหลีส่งเสียงรับคำอย่างเรียบง่าย“ในเรือนหลังของพี่สาม นอกจากเย่ว์ลู่และฉินเสวี่ยเย่ว์แล้ว ยังมีสตรีมากกว่าสิบคน และยังมีบุตรตรีแล้วสองคน”
เขาปฏิเสธที่จะให้เด็กสาวสองคนขึ้นรถม้า เพียงให้พวกนางเดินตามหลังไป และยังให้คนบังคับรถม้าเร่งความเร็วเป็นครั้งคราวอีกด้วยฉินเหยี่ยนเย่ว์มองพวกเด็กสาวที่วิ่งจนหายใจแทบไม่ทัน นางก็ทนไม่ไหวขึ้นมา “รถม้ากว้างขวางมาก ให้พวกนางขึ้นมาก็ได้กระมัง”“พวกนางมีแรงที่จะก่อเรื่องวิวาทกันบนถนน แต่ไม่มีแรงพอที่จะเ
บังเอิญในขณะเดียวกันนั้นลู่ซิวก็มาถึงด้วยความรีบร้อน“ลู่เหมียนเหมียน เจ้ากำลังทำอันใด? ถึงได้กระทำตัวไร้มารยาทไม่เหมาะสมต่อหน้าท่านอ๋องเยี่ยงนี้?” เขามองสถานการณ์ตึงเครียดภายในลาน สีหน้าดำคล้ำยิ่ง “ยังไม่รีบหยุดอีก” ลู่เหมียนเหมียนเบ้ปาก ลอบบ่นพึมพำกับตนเอง “เรื่องนี้จะโทษข้าทั้งหมดไม่ได้ เป็นนาง
“นี่ เรื่องมันยาว”“ท่านค่อย ๆ พูดเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เข้ามาในห้อง รินน้ำชา หยิบเมล็ดแตงจำนวนหนึ่งขึ้นมา ใบหน้าเฉกเช่นเดียวกับยามปกติ มองไม่เห็นถึงความเศร้าโศกหรือยินดี “หม่อมฉันมีเวลามาก”ตงฟางลีจึงนั่งลงฝั่งตรงข้ามนาง ก่อนผ่อนลมหายใจ “นั่นเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันเท่านั้น”“เข้าใจผิดหรือ?” ฉินเหยี่ย
“เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?” ตงฟางหลีเอ่ย“ข้าเข้าร่วมกองทัพในฐานะทหารธรรมดา สิ่งของเครื่องใช้อาหารย่อมเหมือนกับพวกเขา สภาพในค่ายทหารนั้นยากลำบาก นอนบนที่นอนผืนใหญ่เดียวกัน ย่อมเห็นมามาก”“ในคราแรกข้าลอบหนีออกไป ต่อมาเนื่องจากอากาศหนาวเย็น ข้าผ่านการฝึกจนเหนื่อยล้ามาทั้งวัน ดังนั้นจึงหลับตาลงแสร้งทำเป็นมอง
ตงฟางหลีนั่งลง ช่วยนางนวดอย่างประณีตฉินเหยี่ยนเย่ว์เกิดความรู้สึกขัดแย้งกันอยู่เล็กน้อย“ไม่เจ็บแล้ว อดทนสักหน่อย” ตงฟางหลีกล่าวเสียงเบา “เหยี่ยนเย่ว์ ต่อจากนี้เรื่องที่เจ้าไม่ชอบข้าก็จะไม่บังคับ”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ดมกลิ่นหอมที่แผ่ออกมาจากตัวเขา นัยน์ตาทอประกายขึ้นปราดหนึ่งนางผินหน้าไปอีกด้าน เอ่ยเสี
“เผาทิ้งเสีย” ตงฟางหลีได้ยินแล้วมีโทสะยิ่งนัก“ทำไมต้องเผาด้วยเล่า? นี่เป็นหลักฐานชั้นดีเลยนะเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ใช้ปิ่นปักผมอันหนึ่งปักลงบนศีรษะอย่างสบายอารมณ์ “ท่านอย่าเพิ่งสนใจ รออยู่ที่บ้านอย่างสบายใจเถิด หม่อมฉันจะกลับไปพักที่สกุลฉินสักสองสามวัน”มารดาทิ้งทรัพย์สินไว้ให้มากมายถึงเพียงนั้น แต่ท
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองแม่นมที่ยืนขวางประตูด้วยแววตาเย็นชา จากนั้นก็เพิ่มความเร็ว กระแทกเข้าไปอย่างแรงแม่นมยังมิทันได้เตรียมตัว ถูกกระแทกอย่างแรง พลันถอยหลังไปสองสามก้าว ก่อนจะล้มหงายหลัง“โอ๊ย” แม่นมอายุมากแล้ว ล้มลงครานี้ ได้ยินเสียงลั่นดังกรอบแกรบได้อย่างชัดเจน ราวกับว่ามีกระดูกหัก เจ็บจนลุกไม่ขึ้นฉ
บางที ใช้ปรสิตมาอธิบายจะดูสมเหตุสมผลกว่าเมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า แมลงพิษกู่ก็จะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้การเต้นของหัวใจได้รับผลกระทบ และส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนโลหิต และอวัยวะภายในส่วนท้องจะได้รับผลกระทบเป็นที่แรก และจะค่อย ๆ กระจายไปทั่วร่างกาย ภายใต้ผลกระทบของการอักเสบและเลือดไหลเวียนไม่สะดวก
พระสนมอวิ๋นได้ฟังคำพูดของนาง พลันชะงักไปชั่วขณะ “แมลงพิษกู่นั้น เจ้าสามารถบรรเทาได้หรือ?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์พยักหน้าแมลงพิษกู่ชนิดนี้มีชื่อว่ากู่ลวงใจตอนที่นางพลิกอ่านหนังสือในตอนนั้นเคยเห็นมาก่อนในตอนนั้นนางไม่เชื่อการมีอยู่ของแมลงพิษกู่ และรู้สึกว่าขั้นตอนที่แมลงพิษกู่สร้างอาการบาดเจ็บให้คนนั้นไม่
“มีเบาะแส ทว่าไม่ค่อยแม่นยำเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “ชีพจรของเสด็จแม่พิกลนัก ต่อให้เป็นชีพจรช้าก็มิได้ช้าปานนี้ ชีพจรเกี่ยวพันธ์กับการเต้นของหัวใจ หรืออาจพูดได้ว่า หัวใจของเสด็จแม่ได้รับบาดเจ็บ”“นี่ เป็นไปไม่ได้กระมัง” ป้าฉาพูดขึ้น “พระสนมไม่เคยบอกว่ามีอาการเจ็บที่หัวใจมาก่อน”“ข้าก็คิดว่าเป็นไปไม่
“พอแล้ว ไม่ต้องอธิบายหรอกเพคะ” ป้าฉาเดินเข้ามา นำนมแกะที่เพิ่งรีดเมื่อครู่ออกมาตั้งไฟให้เดือดไฟจากเตาเผาแรงมาก ไม่นานนมแกะก็เดือดแล้วนางใช้ช้อนตักผิวชั้นบนนมออก แล้วตักนมแกะต้มสุกลงในถ้วย “พวกพระองค์หนุ่มสาวกะหนุงกะหนิงกันเป็นเรื่องปกติมาก ห่างกันเกินไปก็ไม่ดี พระองค์ไปพักผ่อนเถิด บ่าวจะเอาไปส่งให
ตงฟางหลีเป็นพระโอรส หากไม่ได้กระทำผิดใหญ่หลวง แม้ว่าเขาจะถูกจับได้ มากที่สุดก็แค่ถูกตำหนิทว่าหลี่เวยหลิงมิใช่เช่นนั้น“เจ้าทำขนาดนี้ ไม่กลัวถูกบั่นคอหรือ? จะปีนข้ามกำแพงก็ช่างเถอะ ยังคิดจะปกปิดความจริงอีก ช่างกล้าหาญชาญชัยนัก” นางพูดว่า “พรุ่งนี้เจ้าอย่าพาตงฟางหลีมาอีก คำขู่ของเขา เจ้าก็อย่าไปฟังเช
ตงฟางหลีหลับลึกมาก จูบของนางมิได้อ่อนโยนเลย ทว่าเขาก็ยังคงไม่ตื่นฉินเหยี่ยนเย่ว์แตะแก้มของเขาเห็นได้ชัดว่าคนหน้าตาดีมาก เนื่องจากนอนไม่หลับและปวดหัวถึงได้ซีดเซียวลงความซีดเซียวนี้ ไม่ได้ทำให้ความหล่อเหลาของเขาลดลงเลย กลับทำให้เขาสุภาพและสง่างามยิ่งขึ้น“ตงฟางหลี” หลังจากที่ฉินเหยี่ยนเย่ว์จูบเขา ป
“บังอาจ เจ้าจะทำอะไรข้า?” แม้ปากของตงฟางหลีจะดุ ทว่าร่างกายกลับไม่ขยับ รอให้เข็มเงินของนางแทงลงมาแต่โดยดี“ท่านนี่โง่งมจริงเชียว ไม่สบายแล้วเหตุใดถึงไม่บอกหม่อมฉันตรง ๆ เล่า?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์หยิบเข็มเงินแทงเข้าไปในจุดฝังเข็มบนหัวของเขา“ข้าสบายดี...”“ยังอวดเก่งอีก!”หลังจากที่แทงเข็มเงินสองสามเล่มข
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินน้ำเสียงที่เย็นชา ทว่างดงาม และน่าดึงดูดนี้ จึงชะงักไปน้ำเสียงของตงฟางหลีไม่ว่าจะได้ยินกี่ครั้งล้วนแล้วแต่ไพเราะ“ชดเชยอะไรหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถามน้ำเสียงของตงฟางหลีดูไม่พอใจเล็กน้อย เหมือนเด็กที่ไม่ได้กินขนม แค่นหัวเราะหึหึสองเสียง “พระชายาคิดว่าควรชดเชยอะไรล่ะ?”มุมริมฝีปา
ตำหนักซีอวิ๋นตั้งอยู่ในมุมหนึ่งของวังหลัง จะมีน้อยคนที่มาเยี่ยมเยียน บ่าวรับใช้จึงมีเพียงป้าฉาคนเดียวต่างจากความครึกครื้นของตำหนักหมิงอวี้ ที่นี่เงียบสงบมากจนทำให้นางจิตใจวุ่นวายไปบ้างนางคุ้นเคยกับการมีตงฟางหลีอยู่ข้างกาย และคุ้นเคยกับเรื่องตลกของพวกตู้เหิง ในยามที่มีนางอยู่เพียงคนเดียวจึงรู้สึกสั