จวนอ๋องเจ็ด ตำหนักหมิงอวี้ข้างนอกอากาศหนาวเย็นมากเตาผิงไฟในห้องกำลังโหมลุกไหม้ เต็มไปด้วยความอบอุ่นตงฟางหลีพิงเบาะนุ่ม เล่นหมากรุกกับตงฟางอิงอย่างใคร่ไม่ไยดีนักฉินเหยี่ยนเย่ว์รักษาบาดแผลบนตัวของตงฟางจิ่วอย่างระมัดระวังเด็กมีความสามารถในการรักษาบาดแผลให้หายสนิทที่แข็งแกร่งมาก ในเวลาเพียงสองสามวั
ตงฟางหลีมองดูท่าทางฮึกเหิมของนาง พลางเลิกคิ้วขึ้น “เจ้าทำสีหน้าเช่นนี้ ข้าก็รู้แล้วว่าจะต้องมีคนซวย”“มันชัดเจนมากเลยหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์หาวในห้องอบอุ่นเกินไป นางจึงรู้สึกง่วงนอนเล็กน้อย เอนตัวบนตั่งหญิงงามอย่างเกียจคร้าน “นี่ หม่อมฉันอยากนอนสักงีบแล้ว แต่ทำไมนางยังไม่มาเล่า?”“เจ้านัดคนไว้รึ?”“
ฮูหยินรองกำลังเดินไปมาในห้องโถงจิ่นซื่อนางกลัวจะถูกปล่อยให้รอครึ่งชั่วยามเฉกเช่นครั้งที่แล้ว จึงเตรียมท่าจะบุกเข้าไปด้วยเมื่อเห็นว่าไม่นานนักฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็มาแล้ว จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก และรีบเข้าไปหา “เหยี่ยนเย่ว์ เจ้ามาแล้ว”“ท่านแม่รองเป็นอะไรไปหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
ฮูหยินรองขมวดคิ้วเล็กน้อยครั้นเห็นอาการบาดเจ็บบนร่างกายของเสวี่ยเอ๋อร์นั้น แม้ว่าปากจะปฏิเสธการหย่าของลูกสาว แต่ในใจกลับเห็นชอบฟังคำพูดของฉินเหยี่ยนเย่ว์ หัวใจก็เต้นรัวลังเลอีกครั้งหากองค์ฮ่องเต้ตำหนิลงมา เรื่องนี้คงไม่มีบุรุษคนไหนในเมืองหลวงกล้าแต่งงานกับเสวี่ยเอ๋อร์อีกอย่าง ในใต้หล้านี้ก็ไม่มี
ใบหน้าตงฟางหลีแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อยสายตาของเขาทอดมองไกลออกไป ก่อนจะแค่นเสียงเย็นออกมา “เห็นแก่ความจริงใจของเจ้า ข้าก็จะฝืนอภัยให้เจ้าได้ ห้ามมีครั้งต่อไปอีก”“อา ข้าก็อยากให้สตรีจุมพิตข้าเหมือนกันนะ” ตงฟางอิงที่ซ่อนตัวอยู่ไกลออกไปเห็นท่าทางหวานชื่นของพวกเขาแล้ว ก็รู้สึกอิจฉาเป็นยิ่งนักตอนที่สตรีช
นางเงยหน้าขึ้น ไล่สายตามองใบหน้าหมดจดจากล่างขึ้นบนของเขา แล้วเขย่งปลายเท้าขึ้น ใช้ศีรษะโขกกับปลายคางของเขา “ปล่อยหม่อมฉัน”“ข้าขอปฏิเสธ”“ฮึ่ม ท่านเพิ่งจะตอบตกลงกับหม่อมฉันแล้ว กลับคำเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือเพคะ?”ตงฟางหลีมิได้เอื้อนเอ่ยอันใด เพียงแต่ใช้ท่อนแขนรัดให้แน่นยิ่งกว่าเดิมขึ้นเล็กน้อยแทนฉ
ฉินเหยี่ยนเย่ว์จ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชา ในใจไร้ซึ่งความผันผวนใด ๆ เรื่องอย่างการทรยศ ก็เสมือนกับความรุนแรงภายในบ้าน มีแค่ไม่มีเลยหรือมีนับครั้งไม่ถ้วนเท่านั้นไม่ว่าจะเป็นเช่นไร นางล้วนไม่เก็บไว้ข้างกายอีกต่อไป“ข้าไม่ต้องการการชดใช้จากเจ้า และยิ่งไม่ต้องการความซาบซึ้งของเจ้า ข้าช่วยเจ้าไว้เป็นเพร
“ข้าไม่รังเกียจ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูดขึ้นชื่อเสียงของนางถูกแผนที่ฮูหยินรองและฉินเสวี่ยเย่ว์จงใจวางขึ้นมาทำลายจนย่อยยับไปตั้งนานแล้วในเมืองเหวินจิงแห่งนี้ เกรงว่าจะหาบุตรสาวตระกูลขุนนางที่ชื่อเสียงเลวร้ายกว่านางไม่เจอแล้วเพิ่มขึ้นมาอีกไม่กี่ข้อก็มิเป็นอันใด“ขอบพระทัยพระชายาเพคะ” หู่พั่วพูดพลางสะอื้
ฉินเหยี่ยนเย่ว์มิได้คำตอบกลับ อารมณ์ไม่ดีนัก จึงดึงผ้าห่มขึ้นคลุมศีรษะ ไม่สนใจตงฟางหลี“เลิกคลุมได้แล้ว” ตงฟางหลีถืออาภรณ์ตัวใหม่มา ก่อนจะช่วยสวมให้นางอย่างเบามือฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังคงพูดพึมพำนางดึงตัวตงฟางหลีเข้ามา “พี่เจ็ด ท่านไม่คิดว่าท่านทำเกินไปบ้างหรือ?”ตงฟางหลีฉวยโอกาสนี้โอบนางไว้ในอ้อมแขน “
ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่อยู่ในความฝันไม่ได้ยินเสียง ทว่ากลับได้กลิ่นที่คุ้นเคยนั้นนั่นเป็นกลิ่นที่ทำให้คนสงบจิตใจได้ฉินเหยี่ยนเย่ว์ผ่อนคลายลงโดยไม่รู้ตัวนางพลิกตัว และใช้มือตีคนข้าง ๆ อย่างแรง“ยัยหนู!”ใบหน้าของตงฟางหลีทะมึนทึน “ท่านอนของเจ้านี่!”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้ยินสิ่งที่ตงฟางหลีกำลังพูดไม่ค่อยชัด
เมื่อคิดว่านางอาจจะจากไป เมื่อคิดว่าจะสูญเสียนางไป เมื่อคิดถึงภาพเหตุการณ์ในแต่ละเหตุการณ์ที่ไม่มีนางอยู่ด้วยแล้ว เขาไม่สามารถยอมรับได้เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหากนางทิ้งเขาไป เขาจะสามารถทำอะไรได้บ้าง“ยัยหนู” เขาก้มหน้าลง แล้วกดหน้าผากลงบนหน้าผากของนาง “ข้ากลัวมาก จนถึงตอนนี้มือข้ายังสั่นอยู่เลย จนกระทั
ตู้เหิงคิดถึงสุ่ยเยียนที่เย็นชาและไม่ชอบพบปะผู้คน หัวใจก็คันยุบยิบยิ่งสุ่ยเยียนไม่สนใจเขามากเท่าใด เขาก็ยิ่งอยากเข้าใกล้มากขึ้นแม้ว่าจะถูกนางจ้องเขม็ง แต่เขาก็สามารถมีความสุขไปได้อีกครึ่งวันในฐานะบุรุษสง่าผ่าเผย จะต้องยึดมั่นจนถึงที่สุด ไม่ละทิ้งกลางคัน ที่สำคัญกว่านั้นคือต้องรักษาตนให้บริสุทธิ์ด
“ไปทำตามที่พระชายาบอก” ตงฟางหลีรับช่วงต่อ “ข้าจะไปขอประทานอภัยจากเสด็จพ่อ เจ้าออกไปเตรียมตัวก่อนเถอะ”หลี่เวยหลิงลังเลมากการจุดไฟเผาในพระราชวัง เป็นเรื่องที่พระชายาอ๋องเจ็ดเท่านั้นที่กล้าทำทว่า นอกจากการเผาแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีวิธีอื่นแก้ปัญหาที่ดีเลยเขารับคำสั่งแล้วออกไปตงฟางหลีมองไปที่ห้องโถงให
พระสนมเหยามองดูท่าทางของป้าหวนแล้วหันหลังกลับแม้ว่านางไม่มีวรยุทธ์ แต่ก็มองออกว่าชีพจรหัวใจของป้าหวนปริแตกแล้ว คงไม่รอดแล้วถูกผิด บุญคุณความแค้น จบลงเมื่อตายป้าหวนถือม้วนหนังวัวไว้ติดกับหัวใจราวกับกำลังถือสมบัติล้ำค่าอยู่สุดท้ายชีพจรหัวใจที่ตัดบัวยังเหลือใยถูกทำลาย เนื่องจากการจู่โจมของยาคลั่งสง
“เจ้าพูดเหลวไหล” ป้าหวนเอ่ยขัดคำพูดของนาง “นี่เป็นไปไม่ได้ คนอย่างพวกเขา จะตามหาข้าได้อย่างไร?”“ตอนที่ข้าถูกคนทรมานอย่างไร้มนุษยธรรม พวกเขาอยู่ที่ไหน? ตอนที่ข้าต้องการพวกเขามากที่สุด พวกเขาอยู่ที่ไหน? จนถึงตอนนี้เจ้ายังมาพูดคำสวยหรูอะไรอีก”“เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่า เจ้าได้สังหารคนหลายร้อยคนในครอบครัว
พระสนมเหยาค่อย ๆ เดินออกมาจากห้องลับทั่วร่างของนางเต็มไปด้วยเลือด และไม่สามารถมองเห็นสีดั้งเดิมของเสื้อผ้าได้เลยร่างกายอ่อนแอมาก ต้องมีชื่อเจี้ยนประคองถึงจะสามารถฝืนยืนได้“สนมเหยา” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นว่านางยังมีชีวิตอยู่ หัวใจที่แขวนไว้กลางอากาศก็ร่วงหล่นลงมา “พระองค์อย่าขยับ ยังต้องพักฟื้นอย่างร
ป้าหวนฝืนร่างกายตนถอยหลังไปสองสามก้าว และกระอักเลือดออกมาสองสามคำ“พวกท่าน!” หลังจากที่จิตใจของป้าหวนสับสนวุ่นวาย จึงเต็มไปด้วยช่องโหว่ นางถูกตงฟางหลีโจมตี และชีพจรหัวใจก็ได้รับผลกระทบเลือดลมชี่สูบฉีดพุ่งสูงขึ้น ชีพจรหัวใจถูกจำกัด และลมหายใจผิดปกติเมื่อรู้ว่านางไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ จึงยัดยาคลั