“หรือว่าเป็นอ๋องเจวี๋ย?”“เป็นไปไม่ได้เช่นกัน” พระชายาอ๋องเฟิงส่ายหน้า “อ๋องเฟิงกับอ๋องเจวี๋ยสนิทกันมาตลอด เรื่องที่พวกเขาทำข้าก็รู้เพียงบางส่วนเท่านั้น ถ้าหากอ๋องเจวี๋ยอยากจะช่วยเหลือเซียวจือฮว่า รวมหัวกันทำร้ายเจ้า เขาจะต้องลากอ๋องเฟิงไปด้วย”อ๋องเจวี๋ยเองก็เป็นคนฉลาดคนหนึ่ง เขารู้ถึงความแตกต่างระหว่างการทำผิดคนเดียว รับผิดคนเดียว กับการร่วมกันทำความผิด ร่วมกันรับผิดถ้าหากเขาอยากลงมือเพียงลำพัง ก็คงไม่มีทางร่วมมือกับอ๋องเฟิง หลังจากเกิดเรื่องเสาเรือนถล่ม กับเรื่องขององค์หญิงใหญ่หรอกฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วถ้าไม่ใช่อ๋องเฟิง แล้วก็ไม่ใช่อ๋องเจวี๋ยด้วยเช่นกัน แล้วจะเป็นใครที่แอบช่วยเหลือเซียวจือฮว่ากันนะ?ยังมีใครที่คิดอยากจะทำร้ายนางอีก?หรือว่านางยังทำให้ใครไม่พอใจอีก?เมื่อพระชายาอ๋องเฟิงเห็นสีหน้าของฉู่เชียนหลี มีคำพูดหลายคำที่กำลังจะพูดออกมา แต่ก็เม้มปากอีกครั้ง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้เอ่ยขึ้น“ที่ข้ามาในวันนี้ อันที่จริงยังมีอีกเรื่องที่อยากบอกเจ้า”“หืม?” ฉู่เชียนหลีหันไปมองนาง เงียบเพื่อรอฟังคำพูดต่อไปจากนี้แต่พระชายาอ๋องเฟิงกลับพูดจามีเงื่อนงำ “เรื่องนี้เกี่ยวข้อ
ในเวลานี้ ระหว่างหุบเขาที่อยู่ห่างออกไปจากเมืองหลวงหลายร้อยเมตร ภูเขาเขียวขจี น้ำใส เทือกเขาที่ทอดยาวต่อกัน ถนนหลวงอันเงียบสงบที่อยู่ท่ามกลางนั้น เส้นทางที่คดเคี้ยว ลมพัดใบไม้ปลิวว่อน แสงแดดที่ตกกระทบเล็กน้อย ทิวทัศน์ธรรมชาติอันงดงาม สวยจนเหนือจินตนาการท่ามกลางต้นไม้ที่ร่มรื่น เสียงฝีเท้าม้าอันแผ่วเบาดังขึ้นกะทันหันกรับ...กรับ ๆ...คนกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่บนอานม้า สวมชุดลำลองกำลังเดินทาง ด้านหน้ามีคนสามสี่คนกำลังเปิดทาง ด้านหลังมีสี่คนปิดท้าย คนที่ถูกอารักขาอย่างแน่นหนาอยู่ตรงกลางก็คือเฟิงเย่เสวียนที่นี่ห่างจากเมืองหลวงประมาณร้อยกว่าลี้หานเฟิงกับหานอิ๋งขนาบซ้ายขวา ตั้งแต่ตอนเช้าออกเดินทางจนกระทั่งตอนนี้ นายท่านเอาแต่ขมวดคิ้วแน่น ท่าทางไม่พูดจาสักคำ ราวกับว่ากำลังทุกข์ใจ มีบรรยากาศมืดครึ้มที่รุนแรงแผ่ปกคลุมอยู่บนตัว ทำให้คนไม่กล้าเข้าไปวุ่นวายกองทัพเร่งเดินทางอย่างเงียบ ๆ นอกจากเสียงฝีเท้าม้ากับเสียงลมพัดใบต้นไม้ใบหญ้าแล้ว ก็ไม่มีเสียงอื่นอีก เงียบจนน่าประหลาดใจ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว...กองทัพหยุดลงหานเฟิงขี่ม้าเดินไปดูที่ด้านหน้า ที่แท้มีทางแยก ไม่รู้ว่าควรจะไปทางไ
อวิ๋นอิงเรียกสายตากลับคืนมา ก้มหน้ากล่าว “พระชายา ข้าอยากติดตามท่าน ท่านปลอดภัยข้าถึงจะวางใจ”“มีเจ้าดำน้อยกับคนอื่นอยู่ด้วย ไม่เกิดเรื่องขึ้นหรอก พวกเจ้าเดินทางไปกันก่อน พลางตามท่านอ๋อง พลางทิ้งสัญลักษณ์เอาไว้ พวกเราจะตามอยู่ด้านหลัง”ด้านนอกรถม้า หมาป่าตัวใหญ่กำลังวิ่งตามกองทัพด้วยอุ้งเท้าอย่างบ้าคลั่ง ราวกับกำลังดีใจอย่างลิงโลด วิ่งไปตรงนั้นที วิ่งไปตรงนี้ที บางครั้งยังแหงนคอ ส่งเสียงหอน ‘บรู้ว’ ที่ทรงอานุภาพอวิ๋นอิงยังอยากปฏิเสธ...“จางเฟย เจ้าพาคนสองสามคนเหลือเอาไว้ อารักขาความปลอดภัยของคุณหนู คนอื่นที่เหลือ ตามข้าไปก่อน” จิ่งอี้กำบังเหียนแน่น ม้ายกเท้าสูง เดินวนอยู่ที่เดิมสองรอบบนหลังม้า ชายหนุ่มกวาดตามองไปทางอวิ๋นอิงด้วยสายตาเย็นชา ยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็กำบังเหียนม้าแน่น แล้วเดินไปข้างหน้าอวิ๋นอิงเม้มปาก ถึงแม้ว่าไม่อยากไปเอามากๆ แต่ไม่เชื่อฟังคำสั่งพระชายาก็ไม่ได้ แม้ว่าจะไม่เต็มใจเลยสักนิด แต่ก็ยังตามไปเงียบๆ...ทหารแบ่งแยกเป็นสองทางการให้อวิ๋นอิงกับจิ่งอี้ไปก่อน ฉู่เชียนหลีก็วางใจขึ้นมาได้เล็กน้อย ในมือถือแผนที่ที่ไปหามาจากห้องหนังสือ ด้านบนทำสัญลักษณ์ของตำแหน่งกั
ความมืดคืบคลานเข้ามา หมอกดำสลัว หมู่บ้านในป่าลึกถูกปกคลุมอยู่ท่ามกลางความมืด นอกจากแสงเทียนที่มาจากไม่กี่ครอบครัวแล้ว ก็มีเสียงเห่าของสุนัขสองตัวบ้างเป็นครั้งคราว สงบเงียบเป็นอย่างยิ่งใจกลางหมู่บ้าน ในเรือนที่สร้างขึ้นมาจากไม้และไม้ไผ่หลังหนึ่งชายชรานำฉู่เชียนหลีและคนอื่นๆ เดินเข้ามาในห้อง ทันทีที่เปิดประตู ในบ้าน ก็มีสาวน้อยคนหนึ่งวิ่งออกมา“ท่านพ่อ! ท่านกลับมาแล้ว!”เอ๋?เมื่อได้เห็นคนแปลกหน้ามากมายขนาดนี้อย่างกะทันหัน ก็จ้องมองตาปริบ ๆด้วยความสงสัย ดวงตามองสำรวจ“หวาเอ๋อร์ ไปบอกให้ท่านแม่ของเจ้าทำอาหารให้เยอะอีกหน่อย เพื่อต้อนรับแขกที่เดินทางมาไกล ฮูหยินท่านนี้ เป็นภรรยาของท่านปู่คนนั้นที่มาถึงเมื่อตอนกลางวัน”ฉู่เชียนหลีหันไปมองสาวน้อย ยิ้มด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “ว่าไงจ้ะ”“มารบกวนกะทันหัน ถือเป็นการไม่มีมารยาทมาก จึงนำของขวัญเล็กๆ น้อยๆ มาด้วย ถือเป็นน้ำใจเล็กน้อย” นางยกมือขึ้น เยว่เอ๋อร์ก็หิ้วเงินทอง เสื้อผ้าแพรชั้นดีจำนวนเล็กน้อย เพื่อเป็นของขวัญอย่างเข้าใจ อาหวาประคองด้วยมือทั้งสองข้าง เอียงคอ สายตาจ้องมองไปยังฉู่เชียนหลีทั้งสำรวจทั้งสงสัยทั้งแปลกใจคุณชายคนนั้นที
หลังจากกินข้าวเย็นง่ายๆ เรียบร้อยแล้ว ผู้ใหญ่บ้านชายชราที่ต้อนรับอย่างอบอุ่น พาทุกคนไปพักผ่อน จูงม้าออกไปกินหญ้าด้านนอก พวกผู้ชายไปนอนที่บ้านของเพื่อนบ้าน ฉู่เชียนหลีนอนกับลูกสาวของผู้ใหญ่บ้านสิ่งอำนวยความสะดวกในหมู่บ้านมีจำกัด ย่อมเทียบไม่ได้จวนอ๋องเฉิน แต่ห้องของลูกสาวผู้ใหญ่บ้านสะอาดเป็นระเบียบฉู่เชียนหลีนอนลง แต่กลับนอนไม่ค่อยหลับอาหวานอนอยู่ข้างฉู่เชียนหลี กะพริบดวงตาทั้งสองข้างอย่างสงสัย จ้องมองฉู่เชียนหลีตาปริบ ๆ“ท่านเป็นฮูหยินของคุณชายคนนั้นจริงหรือ?”ยังเป็นเรื่องหลอกลวงได้หรือไงฉู่เชียนหลีกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตอนกินข้าวเมื่อครู่นี้ สาวน้อยคนนี้ก็จ้องตนอยู่เป็นบางครั้ง“เจ้าสงสัยอะไรอย่างนั้นหรือ?”อาหวากัดริมฝีปากล่างเบาๆ ย่อมมีความสงสัย หญิงสาวที่อัปลักษณ์ขนาดนี้ จะเป็นภรรยาของคุณชายคนนั้นได้อย่างไร?หรือว่าคุณชายคนนั้นตาบอดไปแล้ว?นางคิดว่าตนเองหน้าตาดีกว่าฮูหยินคนนี้หลายสิบเท่า ร้อยเท่า...ดึงผ้าห่มพลิกกาย หันหลังให้ฉู่เชียนหลี “ไม่มีอะไร วันพรุ่งนี้การเดินทางเข้าสู่ภูเขายากลำบากมาก ท่านกำลังตั้งครรภ์ น่าจะเดินทางไม่ได้ ถ้าหากท่านอยากตามหาคุณชายท่านนั้นละก็
อาหวาราวกับมีคำว่าทำไมประมาณแสนคำ พูดค่อนข้างมาก ฉู่เชียนหลีไม่อยากสนใจ แต่ถ้าไม่สนใจก็จะเป็นการเสียมารยาทอีก จำต้องตอบคำถามประโยคสองประโยคเป็นครั้งคราว“เขามาหาสมุนไพรอะไร?”“สำคัญมากเลยหรือ?”“ทำไมท่านต้องมาด้วย?”“เรื่องที่ท่านตามมาเขาทราบหรือไม่?”ฉู่เชียนหลี “ข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเขาต้องการหาสมุนไพรอะไร ย่อมต้องสำคัญมาก ข้าเป็นห่วงว่าเขาจะเจออันตราย ก็เป็นเพราะมีอันตราย เขาถึงไม่ยอมบอกข้า จึงเดินทางมาคนเดียว...”เมื่อตอบคำถามจนเข้าใจแล้วแต่อาหวากลับรู้สึกว่าคำพูดของฉู่เชียนหลีเหมือนกับไม่ได้พูดจะตามหายาอะไร นางก็ไม่รู้การเดินทางของท่านชาย นางก็ไม่รู้เช่นกันไม่รู้อะไรทั้งสิ้นตอนนี้อาหวาสงสัยอย่างรุนแรง ท่านชายคงจะไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับไม่ยอมปล่อยท่านชายคนนั้นไป แม้ว่าท่านชายจะหลบเข้าไปในป่าลึกแล้วก็ตาม นางก็ยังตามมาโดยไม่สนใจอะไรยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกมีเหตุผล...“ฮูหยิน เหมือนว่าทางข้างหน้าจะมีทางแยก” จางเฟยที่เดินอยู่ด้านหน้าจู่ ๆก็หันหน้ามา ตะโกนบอกเจ้าดำน้อยแกว่งศีรษะไปมา วิ่งควบไปข้างหน้าในป่าหญ้ารกทึบ ไม้หนามหนาแน่น มีหญ้าสองทางที่มีรอยถ
ทันทีที่พูดจบ ก็เห็นงูพิษสีเขียวตัวหนึ่งห้อยอยู่บนกิ่งไม้ หางขดม้วน ลำตัวท่อนหนึ่งยื่นลงมาด้านล่าง ใกล้กับหลังคอของเยว่เอ๋อร์เยว่เอ๋อร์หันหน้าไปมอง กรีดร้องเสียงแหลมด้วยความตกใจเสียงกรีดร้องทำให้งูพิษตกใจ อ้าปากกว้าง ฉกเข้าใส่เยว่เอ๋อร์อย่างรวดเร็ว!ภายในช่วงเวลาคับขันฉู่เชียนหลีพุ่งตัวไปด้านหน้า ยกมือขึ้นคว้าลำตัวของงูตัวนั้น ปลายนิ้วสะบัดมีดผ่าตัดสีเงินเล่มหนึ่งออกมา ออกแรงสะบัด งูตัวนั้นตอกติดกับบนต้นไม้ทันทีงูพิษบิดตัวอย่างเจ็บปวด บริเวณบาดแผลมีเลือดหยด แต่ไม่สามารถขยับร่างกายได้...“แม่นางเยว่เอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” จางเฟยรีบก้าวไปข้างหน้า ประคองเยว่เอ๋อร์ที่มีสีหน้าซีดขาว มือทั้งสองข้างตกใจจนเย็นเฉียบ“ได้รับบาดเจ็บหรือไม่?” ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว หันหน้าไปถามเยว่เอ๋อร์ตกใจจนขวัญกระเจิงไปหมดแล้ว อ้าปากค้างอยู่นาน ถึงได้สติกลับคืนมา ส่ายหน้าอย่างตกตะลึง“มะ ไม่บาดเจ็บ...”“เดินทางต่อไป ต้องระวังหน่อย”“รับทราบ!”“ซี้ด...”ในขณะที่กำลังจะเดินทางต่อ ด้านหลัง ก็มีเสียงร้องอย่างเจ็บปวดเบา ๆ เมื่อหันหน้ากลับไปมอง ลูกสาวของผู้ใหญ่บ้านก็นั่งลงกับพื้น กุมข้อเท้า
ทั้งเน่าผุ ทั้งเน่าเปื่อย ทั้งเหม็นเน่า...เป็นก๊าซพิษ!ที่ในป่าลึก ถ้าหากมีตรงไหนที่มีน้ำ แล้วก็มีศพของสัตว์กองสะสมมากจนเกินไป ศพที่เน่าเปื่อยเหล่านี้จะเมื่อสะสมมาเป็นเวลาหลายเดือน ก็จะกลายเป็นก๊าซที่มีพิษ พืชที่อยู่ในรัศมีพอสมควรจะได้ผลกระทบจากมัน จะค่อย ๆแห้งตาย แต่ถ้าหากสูดเอาก๊าซประเภทนี้เข้าไปเป็นจำนวนมาก จะกลายเป็นพิษ ผู้ที่อาการสาหัสจะหายใจลำบากและถึงแก่ความตายพวกเขาจะต้องสูดก๊าซพิษเข้าไปโดยไม่ตั้งใจแน่!ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับผลกระทบ นั่นเป็นเพราะว่าเคยดื่มเลือดของเจ้าดำน้อยเมื่อเห็นทุกคนสูดก๊าซพิษเข้าไป ได้รับผลกระทบ อาการไม่ดี นางจึงหยิบมีดเล่มเล็กสีเงินเล่มหนึ่งออกมา “เจ้าดำน้อย ขอยืมเลือดหน่อย”เจ้าดำน้อย “?”หยิบมีดออกมาเฉือนมัน?ไม่!เลือดของมันหมาป่าเทพแห่งเขาคุนหลุนสามารถถอนได้สารพัดพิษ เป็นของล้ำค่า เป็นของหายาก คนธรรมดาทั่วไปจะได้ไปง่าย ๆได้อย่างไร?มันปฏิเสธ“น่องไก่สิบน่อง” ฉู่เชียนหลียื่นมือออกไป ถามมันเพื่อขอเลือดเจ้าดำน้อยส่ายหน้า ถอยไปข้างหลังครึ่งก้าว“หมูย่างสิบตัว”เจ้าดำน้อยถอยหลังไปอีกครึ่งก้าว“แม่หมาพันธุ์ต่างๆ สิบตัว”ดวงตาของเจ้าดำน้อยเ
ชัดมาก!เสียงดังเป็นพิเศษ!จวินลั่วยวนกุมแก้มที่เริ่มเจ็บ รู้สึกเพียงใบหน้าชาไปครึ่งหนึ่ง เลือดไหลออกจากมุมปากที่แตก กินคาวเลือดฟุ้งอยู่ในปาก ถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าหากนางยังไม่เข้าใจอีก ก็โง่แล้วอ๋องเฉินจงใจตบนาง!เชิญนางมากินข้าวเป็นเรื่องโกหก ตบนางคือเรื่องจริง!“เพราะอะไร!”นางเงยหน้าขึ้น “ตั้งแต่เล็กจนโต แม้แต่เสด็จพ่อเสด็จแม่ก็ไม่เคยตีข้า เหตุใดท่านต้องตีข้า!”ฉู่เชียนหลีมาฟ้องใช่หรือไม่ ดังนั้นอ๋องเฉินจึงระบายความคับข้องใจให้ฉู่เชียนหลี“ท่านตีผู้หญิง!”เฟิงเย่เสวียนยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้าจงใจทำลายความร่วมมือของแคว้นหนานยวนกับข้า ตบเจ้ายังเบาไปด้วยซ้ำ”เขาไม่เคยทำร้ายผู้หญิงแต่ เขาไม่เห็นจวนลั่วยวนเป็นผู้หญิง“ข้าไม่ได้อยากทำลายความร่วมมือ เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่ท่านจงใจปล่อยเพื่อใส่ความข้า!”“แล้วอย่างไร?”“ท่าน!”มองดูเฟิงเย่เสวียนที่ยอมรับอย่างตรงไปตรงมา จวินลั่วยวนรู้สึกเพียงเหมือนมีอะไรติดคอ พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวบ้าจริง!เขายอมรับ!แต่ที่น่าเจ็บใจคือต่อให้เขายอมรับ นางก็ไม่สามารถหาเหตุผลมาโต้แย้ง และถึงขั้นเกิดความรู้สึกเร่าร้อนที่คลั่งไคล้ขึ้นในใจเจ้าจะต้
ถ้าหากไม่ใช่เพราะนาง เฟิงเย่เสวียนกับเฟิงเจิ้งหลีก็ไม่สู้กัน…อวิ๋นอิงสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของฉู่เชียนหลี รีบกล่าวทันที“ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน องค์ชายของราชวงศ์ใดไม่แย่งชิงอำนาจ? แล้วฮ่องเต้องค์ใดขึ้นครองบัลลังก์อย่างใสสะอาด? ฮ่องเต้หลีมีความทะเยอทะยานสูง อ๋องเฉินต่อกรกับเขา ก็เพื่อปกป้องแคว้นตงหลิง ปกป้องราษฎร พวกเจ้าโยนความผิดให้ผู้หญิงบริสุทธิ์คนหนึ่งได้อย่างไร?”เหตุใดไม่โทษฮ่องเต้หลีวิธีการต่ำช้า?เหตุใดไม่โทษฮ่องเต้หลี?พระชายาผิดอะไร?อวิ๋นอิงขยิบตาให้องครักษ์สองคนนั้น“พวกเจ้าประคองท่านลุงท่านนี้กลับไปพักผ่อนก่อน นอกจากนี้ จ่ายค่าทำศพและค่าทำขวัญให้เพียงพอ จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย”“ขอรับ!”องครักษ์ทั้งสองดำเนินการทันที ไม่นานก็เชิญชายวัยกลางคนกลับไปปลอบใจแล้วเสียงเอะอะเงียบลงยังมีชาวบ้านไม่น้อยที่มุงดูอยู่ คำพูดเมื่อครู่ของชายวัยกลางคน พวกเขาทุกคนล้วนได้ยิน แม้ปากไม่กล้าพูด แต่ก็เริ่มมีความคิดอย่างอื่นในใจแล้วในบรรดาคนเหล่านี้ ลูกชายและบิดามากมายในครอบครัวของพวกเขาก็ไปเข้าร่วมกับกองทัพแล้วมีคนตายทุกวันครอบครัวนับไม่ถ้วนต้องพลัดพรากทุกวันถ้าห
“อะไรนะ?!” จวินชิงอวี่ได้ยินคำนี้กะทันหัน ตะลึงไปชั่วขณะจวินลั่วยวนขมวดคิ้ว นางกล่าว“ฉู่เชียนหลีเลวมาก อีกทั้งยังขี้ริษยา ท่านสั่งสอนนาง นางต้องมารังแกข้าแน่นอน!”“ท่านพี่ ท่านฆ่านางเถอะ นางตายแล้ว ข้าจึงจะปลอดภัย”มีเพียงนางตายแล้ว นางจึงจะได้อ๋องเฉินมาครอบครอง!จวินชิงอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ฟังจากที่น้องหญิงพูด อดไม่ได้ที่จะนึกถึงท่าทางที่เย่อหยิ่งของฉู่เชียนหลี ตอนเขาใช้มีดสั้นแทงนาง สายตาของนางที่มองเขา หนักแน่นไม่ยอมก้มหัวนางบอกว่า นางไม่ผิดนางบอกว่า นางถามใจไม่รู้สึกผิดน้ำเสียงนั่น สายตานั่น ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเข้าใจผิดไปชั่วขณะมองยวนเอ๋อร์ที่อยู่ตรงหน้า “ยวนเอ๋อร์ ฆ่านาง จะทำเกินไปหรือไม่?”ฉู่เชียนหลีแค่ว่าร้ายยวนเอ๋อร์สองสามประโยค เหมือนโทษยังไม่ถึงตายกระมัง?“หรือข้าจะถูกรังแกโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย?”“ยวนเอ๋อร์ ความหมายของข้าไม่ใช่เช่นนี้ ข้าแค่รู้สึกว่า…เมื่อก่อนเจ้าไม่กล้าดูคนฆ่าไก่ด้วยซ้ำ และยังมักจะไปขอพรให้เสด็จพ่อเสด็จแม่ที่วัด กับช่วยคนในวังที่ทำผิดอยู่บ่อยๆ…”วันนี้ กลับพูดคำพูดที่โหดร้ายเช่นนี้ออกมาจวินลั่วยวนรู้ตัวว่าเผลอควบคุมอารมณ์ไม่ได้ นา
กลับถึงศาลาพักมาเมื่อเปิดประตูเดินเข้าไป พบว่าเสด็จแม่กำลังนั่งมองเศษจี้หยกชิ้นหนึ่งในมืออย่างเหม่อลอยที่ข้างโต๊ะ“เสด็จแม่?”กระทั่งจวินชิงอวี่เดินไปถึงตรงหน้า ฮองเฮาหนานยวนจึงจะหวนคืนสติ “อ้าว…”นางเงยหน้าอย่างงงงวย มองใบหน้าของลูกชายที่คล้ายคลึงนางห้าส่วน สีหน้าดูสับสนเล็กน้อย“ชิงอวี่กลับมาแล้วหรือ”“สุขภาพของเจ้าเพิ่งหายดี อย่าเดินพล่านไปทั่ว”จวินชิงอวี่นั่งลงที่ข้างๆ นาง “เพิ่งมาเมืองน้ำเจียงหนานครั้งแรก ทิวทัศน์ของที่นี่แตกต่างจากแคว้นหนานยวน ข้าเกิดความอยากรู้อยากเห็น ก็เลยเดินออกไปสูดอากาศ ทำให้เสด็จแม่เป็นห่วงแล้ว”น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน ยิ้มอย่างสง่างาม ทำให้ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของเขายิ่งดูหล่อเหลามากขึ้นสายตาของเขามองไปที่มือนาง“เสด็จแม่ เหตุใดท่านจึงจ้องมันจนเหม่ออีกแล้ว?”จี้หยกชิ้นนี้มีเพียงครึ่งเดียวมันตกแตกเริ่มตั้งแต่เขามีความทรงจำ เสด็จแม่มักจะนั่งจ้องเศษจี้หยกชิ้นนี้จนเหม่อลอยตลอดสิบกว่าปีมานี้ เสด็จแม่มักจะทำเช่นนี้ตลอดเสด็จพ่อบอกว่า จี้หยกชิ้นนี้เป็นของแทนใจที่เสด็จพ่อมอบให้เสด็จแม่ตอนพบกันครั้งแรก เสด็จแม่ไม่ระวังทำตก เพราะคิดถึงความรักในอดีต จ
เจ็บ!แพร่กระจายไปทั่วร่าง คมมีดฉีกบาดแผล เลือดทะลักออกมาเหมือนสายน้ำ เขายังคงถือมีดสั้น ทำร้ายนางอย่างเจตนาร้ายฉู่เชียนหลีเจ็บจนกำหมัด สีหน้าซีดเผือก เกือบเป็นลมแล้ว นางกัดลิ้นอดกลั้นเอาไว้โต้ตอบไม่ได้!เพื่อการสนับสนุนจากกองทัพของแคว้นหนานยวน! “ข้าไม่ผิด” นางเงยหน้าอย่างยากลำบาก เลือดที่ทะลักออกมายิ่งทำให้หน้าของนางดูซีด ประกายแสงในแววตาดื้อรั้นเป็นพิเศษ“จวินลั่วยวนยั่วยวนผู้ชายของข้า หน้าของนางก็นางล้มเอง ข้าถามใจตัวเองไม่รู้สึกผิด”สีหน้าจวินชิงอวี่เย็นสุดขีด“ยังกล้าปากแข็งอีก!”ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาถือมีดสั้น แทงเข้าไปอย่างแรงอีกครั้ง“อ่า!” ฉู่เชียนหลีเจ็บจนเหงื่อไหลเหมือนสายน้ำ“ยวนเอ๋อร์จิตใจดี รักเนื้อสงวนตัว เจ้าไม่ควรไปรังแกเด็กผู้หญิงที่บริสุทธิ์เหมือนนางฟ้า ตอนที่เจ้าว่าร้ายนาง ไม่รู้สึกผิดเลยหรือ?” เขาตำหนิเสียงเย็นฉู่เชียนหลีเจ็บจนหัวเราะ“ฮ่าๆ!”จวินลั่วยวนจิตใจดี?นางฟ้า?บริสุทธิ์?“ฮ่าๆๆๆ!”สมกับที่ล้วนแซ่จวิน ไม่ใช่คนบ้านเดียวกัน อยู่ด้วยกันไม่ได้จริงๆ“ดูเหมือนองค์ชายสามไม่เพียงตาบอด ใจยังบอดด้วย…อ่อ ขอโทษ ข้าผิดไปแล้ว ตามความคิดของ
เมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำพูดนี้ แค่อยากหัวเราะ“องค์ชายสามตั้งใจหลอกข้าออกมา ก็เพื่อระบายความคับข้องใจให้น้องสาว?”“บนถนน จวินลั่วยวนทำลายชื่อเสียงของข้าต่อหน้าผู้คน นางเป็นคนบอกว่าไม่ต้องการให้ข้าช่วย ตอนนี้กลับโยนความผิดให้ข้า ทำไม? ข้าไม่ช่วยท่านก็ผิดหรือ?”เห็นนางเป็นพระแม่ซานเซิ่ง?จวินชิงอวี่ขมวดคิ้ว“อย่ามาพูดให้ร้ายยวนเอ๋อร์”ตอนนั้น ถ้าหากไม่ใช่ยวนเอ๋อร์พาเขากลับศาลาพักม้า ไม่แน่เขาอาจจะโรคกำเริบตายไปแล้วในใจของเขา น้องหญิงดีที่สุด ใจดีที่สุด ชาตินี้ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ก็ต้องปกป้องนางให้ได้ฉู่เชียนหลีกล้าทำร้ายยวนเอ๋อร์ เขาจะให้ฉู่เชียนหลีชดใช้!“นี่คือนิสัยเฉพาะของคนตระกูลจวินหรือ? ก้าวร้าว ไร้เหตุผล ปัดความรับผิดชอบ ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็โยนความผิดให้ผู้อื่น”ฉู่เชียนหลีมองเขา กล่าวอย่างเย็นชา“ท่านไม่ได้ตรวจสอบเรื่องที่น้องหญิงของเจ้ายั่วยวนสามีข้าก่อนมาเลยหรือ”จวินชิงอวี่ขมวดคิ้วแน่น “หุบปาก!”ยวนเอ๋อร์จะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?“ยวนเอ๋อร์คือองค์หญิง เป็นแก้วตาดวงใจของแคว้นหนานยวน ราชบุตรเขยแบบไหนที่นางต้องการแล้วไม่มี? จำเป็นต้องไปยั่วยวนอ๋องเฉิน
“พระชายา ได้ยินมาว่าองค์ชายสามแห่งแคว้นหนานยวนมาแล้ว กำลังหารือกับท่านอ๋องที่ห้องหนังสือเจ้าค่ะ” เสียวอูมารายงานฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วเมื่อเช้าเขาเพิ่งเป็นลมหมดสติ ช่วงบ่ายก็มาพบเฟิงเย่เสวียนแล้ว ฟื้นฟูเร็วเช่นนี้เลย?“อืม รู้แล้ว”ฉู่เชียนหลีพอจะคาดเดาเนื้อหาที่พวกเขาหารือกันได้ จึงไม่ได้สนใจผ่านไปสักพัก อวิ๋นเจี๋ยวน้อยก็ตื่นแล้วฉู่เชียนหลีอุ้มเด็กไปให้แม่นมป้อนนม หลังจากป้อนนมเสร็จ ก็เห็นองค์ชายสามหนานยวนเดินออกมาจากห้องหนังสือบทสนทนาจบเร็วเช่นนี้เลย?นางอุ้มเด็กกลับถึงห้องนอน คืนให้อวิ๋นอิง ตอนที่ออกมา เห็นผู้ชายสวมชุดเพ้าสีแดงยืนอยู่ที่อีกด้านหนึ่งของโถงทางเดินโดยบังเอิญเหมือนกำลังรอนางนางไม่รู้เพราะเหตุใดเดินเข้าไปทักทายเขาก่อน “องค์ชายสาม”จวินชิงอวี่พยักหน้าอย่างอ่อนโยน “พระชายาอ๋องเฉิน”หน้าตาของเขางดงามมาก ใบหน้าหล่อเหลา อวัยวะสัมผัสทั้งห้าละเอียดอ่อน ดวงตาเรียวยาว หางคิ้วชี้ขึ้นข้างบน ดูมีเสน่ห์มากเหมือนจิ้งจอก โดยเฉพาะดวงตาที่อ่อนโยนเหมือนน้ำ ทำให้อยากเข้าใกล้โดยไม่รู้ตัวเสียงของเขานุ่มนวล“ข้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นบนถนนวันนี้แล้ว ต้องขออภัยที่สร้างปัญหาให
ทำเนียบ“มีข่าวของแคว้นซีอวี้หรือไม่?” ฉู่เชียนหลีถามหานเฟิง ที่จริงก็เท่ากับกำลังถามข่าวของจิ่งอี้หานเฟิงส่ายศีรษะ“ไม่มีข่าวของจิ่งอี้ขอรับ แต่ว่าแคว้นซีอวี้ส่งทูตมาพบกับฮ่องเต้หลีที่ตงหลิง เกรงว่าทั้งสองฝ่ายใกล้จะบรรลุข้อตกลงกันแล้ว”สถานการณ์สงครามในตอนนี้ ฮ่องเต้หลีพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง อยู่ในช่วงคับขันแล้วเมื่อไรที่แคว้นซีอวี้เข้ามาแทรก ด้วยกำลังสนับสนุนทางทหารที่แข็งแกร่ง ไม่นานฮ่องเต้หลีก็สามารถต่อกรกับอ๋องเฉินสงครามที่เดิมทีจะจบในสองเดือน กำลังจะเข้าสู่วงจรต่อไป“ตามที่คาดไว้”ฉู่เชียนหลีกล่าวเฟิงเจิ้งหลีไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เฟิงเย่เสวียนก็เช่นกัน“แคว้นซีอวี้ทหารแกร่งม้าแข็งแรง สิ่งที่แคว้นของพวกเขาเชี่ยวชาญที่สุดก็คือการขี่ม้ากับยิงธนู และรวมถึงการเลี้ยงสัตว์ ทหารของพวกเขาร่างกายกำยำ แต่ละคนสามารถสู้หนึ่งต่อห้า ล้วนเป็นมือดีทั้งสิ้น” หานเฟิงกล่าวอย่างกังวลฉู่เชียนหลีจับประเด็นได้“ความหมายของเจ้าคือ เมื่อไรที่แคว้นซีอวี้แทรกแซง เฟิงเย่เสวียนยากจะต้านศัตรู”“ขอรับ”นายท่านครอบครองเจียงหนาน มีอิทธิพลเพียงครึ่งหนึ่งของแคว้น ส่วนฮ่องเต้หลีบวกกับแคว้นซีอวี้ เป็นสองแค
ศาลาพักม้า“ชิงอวี่ ไม่ต้องกลัวนะ เสด็จแม่อยู่นี่ เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร…ท่านหมอ จะต้องรักษาเขาให้หายนะ! ขอร้อง!”ฮองเฮาหนานยวนจับมือของจวินชิงอวี่ลูกชายคนที่สามไว้แน่น มองใบหน้าที่ซีดเผือกของลูกชาย พึมพำอย่างปวดใจหมอกำลังรักษาอย่างเต็มที่จวินลั่วยวนยืนอยู่ตรงประตู กัดฟันกล่าวเสียงเบา“ก็แค่เป็นไข้ ไม่ตายสักหน่อย ตั้งแต่เล็กจนโตอาการของเขาเคยกำเริบครั้งนับไม่ถ้วน มีอะไรต้องกังวล?”เมื่อซวงซวงได้ยิน รีบก้มหน้าอย่างหวาดกลัว“ข้าถูกฉู่เชียนหลีตบหน้าต่อหน้าผู้คน เสด็จแม่ไม่ช่วยข้า เสด็จพี่สามแค่เป็นลม ก็กังวลเช่นนี้แล้ว ดูเหมือนนางจะให้ความสำคัญผู้ชายมากกว่าผู้หญิง”“ไม่ยุติธรรมเลย แม่ที่ลำเอียงเช่นนี้ ไม่ต่างอะไรกับแม่เลี้ยงของข้า”ซวงซวงหวาดกลัว“องค์หญิง…”จวินลั่วยวนหันไป จู่ๆ ใบหน้าน้อยที่งดงามก็บิดเบี้ยว “หรือข้าพูดผิด?”ซวงซวงจับแขนเสื้อของตัวเองอย่างตื่นตระหนกรับใช้องค์หญิงสิบกว่าปี นางเป็นคนสนิทขององค์หญิง ก็เพราะเป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้าไปพูดอะไรข้างนอก หลายครั้งที่องค์หญิงอยู่ต่อหน้านาง จึงพูดจาไม่คิดเมื่อนางได้ยินก็เก็บไว้ในใจ ไม่กล้าไปพูดกับคนอื่นนางก้มหน้ากล่าว