ระหว่างที่แขกเหรื่อกำลังสนทนากันอย่างครื้นเครง นอกห้องโถงก็มีเสียงประกาศอันนุ่มนวลขันทีดังเข้ามา“ฮ่องเต้เสด็จ! องค์รัชทายาทมาถึงแล้ว...”ทุกคนหยุดพูดในทันใด พากันลุกขึ้นยืน ฉู่เชียนหลีช้อนตาขึ้นมองไปตามสายตาทุกคนพรมแดงปูยาวออกไปจนถึงนอกโถง ที่สุดปลายทางนั้นร่างในชุดเหลืองอร่ามเดินไพล่หลังเข้ามา ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันราวสี่สิบพระชันษา เกล้าผมเรียบทุกกระเบียดนิ้ว อาภรณ์จัดการจนไม่มีแม้รอยยับย่นสักน้อย เชิดหัวขึ้นน้อยๆ ดวงตาจับจ้องเบื้องหน้า บนพระวรกายถูกห่อหุ้มด้วยความสูงศักดิ์มาแต่กำเนิดผู้ที่ตามหลังเขามาคือชายหนุ่มอายุราวยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปีผู้หนึ่งสวมชุดผาว[footnoteRef:1]สีน้ำตาลลายหม่างเปี่ยมสง่าราศี [1: ชุดผาว คือ เสื้อคลุมยาวทั้งตัวแขนยาว] เขาก็คือรัชทายาทองค์ปัจจุบัน โอรสองค์โตของฮ่องเต้นามเฟิงเจิ้งอวี้ ฮ่องเต้นำองค์รัชทายาทเข้ามายังโถงใหญ่ ท่ามกลางสายตาของทุกผู้ทุกคน เมื่อเดินไปถึงที่นั่งหลักซึ่งอยู่สูงสุดแล้ว ทุกคนก็ถวายบังคมเสร็จสิ้นพิธีนั่งลงฮ่องเต้เริ่มเอ่ยปาก “เมื่อสองเดือนก่อน พวกซยงหนูคอยรุกรานชายแดนไม่หยุดหย่อน เหล่าราษฎรที่ชายแดนต้องมีความเป็นอยู่ยากลำ
ทุกคนมองนางแล้วพากันหัวเราะสตรีอัปลักษณ์ผู้นี้แต่งกายน่าเกลียดนักหนา สีสันฉูดฉาดราวกับผีเสื้อยักษ์กลางพุ่มดอกไม้ ยิ่งเมื่ออยู่กับใบหน้าที่มีปาน ยิ่งอัปลักษณ์เสียจนเทพและมนุษย์ยังชิงชังนางกลับเอาความกล้าที่ใดมาเอ่ยวาจา?ฮ่องเต้หันมามองด้วยสีหน้าไม่รู้ว่าควรร้องไห้ดีหรือว่าควรจะหัวเราะดี อีหลักอีเหลื่อ“พระชายาอ๋องเฉิน เจ้าแต่งตัวเรียบหน่อยเถิด”สีสันฉูดฉาดเช่นนี้ เหมาะกับงานไว้อาลัยเสียมากกว่า“ฝ่าบาท หม่อมฉันแต่งตัวเรียบไม่ได้เพคะ!” ฉู่เชียนหลีเอามือกุมที่หน้าอก “อ๋องเฉินรักใคร่หม่อมฉันแต่ผู้เดียวและยังเลือกเสื้อผ้าให้หม่อมฉันด้วยตนเอง แต่เสื้อผ้านี้ก็น่าเกลียดนัก ไม่ทราบเช่นกันว่าครั้งอ๋องเฉินเข้าทำศึกถูกทำร้ายจนตาบอดเสียแล้วหรือไม่”เฮ้อ!นางถอนใจหนักๆ หนหนึ่งนี่เป็นคำด่าชัดๆ ทำเอาสีหน้าของเฟิงเย่เสวียนดำทะมึนลงทันใด แต่ความสนใจของทุกคนกลับไปอยู่ที่อีกประเด็นหนึ่งสตรีอัปลักษณ์ผู้นี้หรือจะเป็นที่รัก?ฝันกลางวันกระมัง?รัชทายาทแย้มยิ้ม “การแต่งกายของพระชายาอ๋องเฉินในวันนี้ เหมาะกับการเต้นระบำยิ่งนัก ดูทีว่าคงตั้งใจมาเต้นระบำให้อ๋องเฉินในงานฉลองชัยชนะครานี้สักเพลงกระมัง?
อูย…ยามถ้อยคำนี้เอ่ยออกไป ทั้งงานล้วนต้องตกตะลึงเมื่อองค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์ พระชายาองค์รัชทายาทก็จะเป็นถึงฮองเฮาแห่งแคว้นตงหลิง เป็นสตรีที่สูงศักดิ์ที่สุดในใต้หล้า แล้วจะมาเต้นระบำต่อหน้าผู้คนเช่นนางงิ้วได้อย่างไร?พระชายาองค์รัชทายาทกล่าวเช่นนี้ นับเป็นการลบหลู่องค์รัชทายาทโดยแท้พระชายาองค์รัชทายาทซึ่งถูกเอ่ยถึงนี้คือสตรีที่สูงส่งและงดงามผู้หนึ่ง นางกวาดสายตาเย็นเฉียบมาที่ฉู่เชียนหลีคราวหนึ่ง มิได้เห็นหญิงอัปลักษณ์ผู้นี้อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย“พระชายาอ๋องเฉิน เจ้าบังอาจนัก! ถึงกับเอาข้าไปเทียบกับพวกนางงิ้ว!” เสียงน่าเกรงขามดังขึ้น ความน่าเกรงขามที่อยู่ภายในกายประหนึ่งภูเขาลูกหนึ่งกำลังทับตัวฉู่เชียนหลีอยู่มิเกรี้ยวโกรธหากน่าเกรงขามมีละครเด็ดให้ดูแล้ว!ทุกคนพากันหยัดตัวตรงขึ้นอีกหลายส่วน รอดูว่าฉู่เชียนหลีจะถูกข่มเหงจนร้องไห้อย่างไรฉู่เชียนหลีลูบเล็บมือกลมมนของตนด้วยท่าทีสบายอุรา ย้อนถามประโยคหนึ่งว่า “ก็มิใช่ว่าองค์รัชทายาทเริ่มก่อนหรอกหรือ? เขาให้ข้าเต้นรำได้ แล้วท่านจะเต้นไม่ได้หรืออย่างไร?”พระชายาองค์รัชทายาทบันดาลโทสะนางมีฐานะสูงส่งปานนี้ หญิงอัปลักษณ์เช่นฉู่เ
งานเลี้ยงฉลองยังคงดำเนินต่อ ส่วนใหญ่เป็นไปตามฉากตายตัวฮ่องเต้อาศัยเรื่องชนะสงคราม สร้างแรงบันดาลใจและปลุกความฝักใฝ่ให้ขุนนางฝ่ายบุ๋นและบู๊ ว่าควรมุ่งมั่นพัฒนา ปกบ้านป้องชาติส่วนเหล่าขุนนางพากันพยักหน้าเห็นด้วย และดื่มให้อ๋องเฉิน ถือโอกาสนี้ประจบสอพลอพูดจาดีไม่หยุดเจ้ามาข้าไป เจ้าชมข้าฟัง ฉู่เชียนหลีเบื่อหน่ายอย่างยิ่งในที่สุดก็จบแล้วงานเลี้ยงเลิกรา!ฉู่เชียนหลีรีบลุกขึ้นทันที นางนั่งจนเมื่อยก้นไปหมดแล้ว วิ่งปรู๊ดออกจากท้องพระโรงเป็นคนแรก วิ่งไปที่มุมอับไร้ผู้คน เล่นท่าบริหารร่างกายทางวิทยุชุดที่สิบแปดของเด็กประถมมัธยมเพื่อยืดเส้นยืดสายเฟิงเย่เสวียนที่เดินผ่านมาเห็นการเคลื่อนไหวแปลกๆ ของนาง ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็ถือว่าคุ้นชินกับความแปลกประหลาดของนางแล้ว“ข้าจะไปเยี่ยมเสด็จแม่”ฉู่เชียนหลีหันกลับไป “เช่นนั้นข้า…”“เจ้าห้ามไป”“...”“ไปรอนอกประตูวัง” สิ้นเสียง เขาก็เดินผ่านนางและตรงไปยังทิศทางหนึ่ง ฉู่เชียนหลีเหลือบมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่งไม่ไปก็ไม่ไปสิ เขาคิดว่านางอยากไปหรืออย่างไร?ตั้งแต่ในอดีต ความสัมพันธ์แม่สามีกับลูกสะใภ้เข้ากันยากที่สุด นางไม่ต้อ
ร่างกายชายคนนั้นแข็งทื่อครู่หนึ่ง หันกายกลับมา ก็เห็นผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ใบหน้านั้น…พอเห็นปานบนใบหน้า เขาก็เดาสถานะของนางได้รางๆ พระชายาอ๋องเฉินสายตาฉู่เชียนหลีไปตกที่มือของเขา หลังจากผ่านความล่าช้าเมื่อครู่ พื้นข้างกายเขามีเลือดหยดสะสมเป็นแอ่งเล็กๆ แล้ว ส่วนทั้งฝ่ามือของเขากลายเป็นสีแดง แลดูน่าตกใจมากนางคิ้วหลิวขมวดเล็กน้อย หยิบผ้าเช็ดหน้าสะอาดผืนหนึ่งออกจากอก จับมือเขามาพันร่างของชายคนนั้นสะดุ้ง “เจ้า…”ตั้งแต่เล็กจนโต นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเป็นฝ่ายเข้าหาเขาการกระทำของฉู่เชียนหลีกระฉับกระเฉง พันบาดแผลที่ถูกบาดอย่างรวดเร็ว พันอยู่สองรอบก็ผูกเป็นเงื่อนผีเสื้อ ห้ามเลือดเอาไว้แล้ว“กลับไปแล้วรีบล้างด้วยน้ำสะอาดสองรอบ เสร็จแล้วก็ทายาและพันแผล ระวังเรื่องการกิน อย่าโดนน้ำ ระวังการอักเสบนะ”นางพูดพลาง สอดมือเข้าไปในแขนเสื้อพลาง ครั้นจิตนึกคิด นำยาออกมาจากกำไลเฉียนคุนหนึ่งตลับ วางไว้บนมือของเขาฝ่ามือของชายคนนั้นกางออกอย่างแข็งทื่อ มองสิ่งของที่อยู่ในมืออย่างตะลึงงันยา…มีคนยินดีมอบยาให้เขาด้วย…ผ่านไปครู่ใหญ่ สติของเขาจึงจะหวนคืน เงยหน้าข
ก๊อกแก๊กๆ…ล้อรถม้าบดทับถนน ก่อให้เกิดเสียงการทำงานของกลไกซ้ำๆ แลดูน่าเบื่อหน่าย ยามดึกขณะงานเลี้ยงในวังหลวงจบก็เป็นเวลาค่ำมากแล้ว รถม้าแล่นอยู่บนถนน มีผู้คนเดินประปรายไม่กี่คน สายลมยามค่ำคืนพัดผ่าน เงาเทียนวูบไหว ยิ่งแลดูเงียบสงบในรถม้า ฉู่เชียนหลีตาปรือ กำลังหาวง่วงนอน มือเล็กวางอยู่บนต้นขาทั้งสอง พลางเคาะนิ้วชี้เบาๆทันใดนั้น มีเสียงที่เหี้ยมเกรียมสายหนึ่งปะทุกลางอากาศฉู่เชียนหลีเบิกตาโพลงฉับพลัน จากนั้นรถม้าโคลงเคลงอย่างรุนแรงแล้วหยุดฉับพลัน แรงเฉื่อยมหาศาลทำให้นางที่ไม่ทันตั้งตัวถลาตกนอกรถม้า เสียงของหานเฟิง“พระชายาโปรดอย่าออกมา!”สิ้นเสียง ก็เกิดเสียงการต่อสู้อย่างดุเดือดฉู่เชียนหลีจับกรอบประตูลุกขึ้น มือซ้ายประคบสีข้างที่ล้มจนเจ็บ มือขวาแง้มม่านขึ้นสองส่วน มองดูสถานการณ์ข้างนอกที่นี่เป็นถนนมืดสลัวไร้ผู้คน ชายชุดดำสิบกว่าคนไม่รู้โผล่ออกมาจากไหน พวกเขาคลุมหน้า มือถือกระบี่คม ปิดล้อมหานเฟิงไว้หานเฟิงตกอยู่ตรงกลาง หนึ่งสู้สิบ สู้จนยากจะแยกว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหนปัง!ซ่า!ผลัวะ!ดาบและกระบี่กระทบกัน เสียดสีจนเกิดประกายไฟที่รุนแรง ทำให้อากาศก็ดุดันขึ้นสามส่วน ป
ฉู่เชียนหลีสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตราย หันกายวิ่งทันทีขาเพิ่งก้าวออกไป ความเจ็บปวดถูกส่งมาจากก้น“โอ๊ย…!”ฆ่าหมูแล้ว!“พระชายา!”หานเฟิงเป็นห่วงสถานการณ์ทางนี้ การโจมตีที่มือรุนแรงขึ้นหลายส่วน เร่งบีบให้มือสังหารล่าถอยโดยเร็วที่สุด แล้ววิ่งไปทางตรอก เห็นเพียงฉู่เชียนหลีล้มคว่ำหน้า สองมือประคบบั้นท้าย คำพูดประโยคแรกคือ “เฟิงเย่เสวียนมารดามันเถอะ!”เขา “...”ฉู่เชียนหลีเจ็บจนสีหน้าบิดเบี้ยว รู้สึกเพียงเหมือนถูกคนเอามีดมาเฉือนเนื้อที่ก้นออกมาหนึ่งชิ้นภายใต้สภาวะที่ยังไม่ฉีดยาชา ความเจ็บปวดกระจายทั่วร่าง เจ็บจนนิ้วเท้านางงุ้มเข้าบ้าชิบ!บัดซบ!ในโลกปัจจุบัน ขนาดฉีดยานางก็ยังกลัวมาถึงยุคโบราณ แม่เอ๊ย!แค่ดูก็รู้ว่ามือสังหารเหล่านี้พุ่งเป้ามาที่อ๋องเฉิน นางนั่งรถม้าของอ๋องเฉิน ส่งผลให้มือสังหารเหล่านี้ทำร้ายนาง หากไม่ใช่เพราะนางมีกำไลเฉียนคุนติดตัว คืนนี้ต้องตายอย่างอนาถแน่“พระชายา ท่านบาดเจ็บตรงไหนหรือ” หานเฟิงเก็บกระบี่เข้าฝัก ประคองฉู่เชียนหลีลุกขึ้นโน้มเอวลงไป เห็นบั้นท้ายของฉู่เชียนหลีกลายเป็นสีแดง สะดุ้งแล้ว รีบหันศีรษะละสายตาทันที “พระชายาโปรดอดทนหน่อย ที่นี่ไม่
หลังจากก้นที่บาดเจ็บประคบยาชาก็ชาไปทั้งก้น ริมฝีปากเย็นนั้นประทับลงไป ความรู้สึกแปลกๆ สายหนึ่งแผ่ออก…ชาหนาวเย็นและยังรู้สึกสบาย…อย่างอธิบายไม่ถูก?ฉู่เชียนหลีนอนคว่ำอยู่บนเตียง กอดหมอนไว้ มีความตื้นตันผุดขึ้นในใจหลายส่วนอยู่ในต่างโลก นางโดดเดี่ยวลำพังไร้ที่พึ่ง มีเพียงเด็กน้อยเยว่เอ๋อร์คนนี้ ติดตามนางตั้งแต่เด็ก หลายปีมานี้ ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งของคนรับใช้ หรือถูกพ่อกากเดนและเหล่าพี่สาวดูหมิ่น เยว่เอ๋อร์ก็จะปกป้องนางตลอดตอนนี้ก็มาช่วยนางดูดสารพิษโดยไม่ห่วงตัวเอง…นางเม้มริมฝีปากเน้น กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“เยว่เอ๋อร์ ความดีที่เจ้ามีต่อข้า ข้าเห็นอยู่ในสายตา ข้าเป็นคนมีบุญคุณต้องตอบแทน มีแค้นต้องชำระ จะไม่ปล่อยให้เจ้าติดตามข้าโดยเปล่าประโยชน์แน่นอน”ฉู่เชียนหลีคนก่อนได้ตายไปแล้ว ฉู่เชียนหลีในตอนนี้ได้เกิดใหม่แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะไม่มีใครสามารถรังแกพวกนางอีก“เยว่เอ๋อร์ เจ้าวางใจได้ รอข้าไปจากจวนอ๋องเฉิน จะหาสามีที่ดีให้เจ้าแน่นอน”พอพูดถึงจวนอ๋องเฉิน ฉู่เชียนหลี่รู้สึกโมโหขึ้นมาทันทีนึกถึงเรื่องที่เจอการลอบสังหารในคืนนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ยิ่งคิดก็ยิ่