ระหว่างที่แขกเหรื่อกำลังสนทนากันอย่างครื้นเครง นอกห้องโถงก็มีเสียงประกาศอันนุ่มนวลขันทีดังเข้ามา“ฮ่องเต้เสด็จ! องค์รัชทายาทมาถึงแล้ว...”ทุกคนหยุดพูดในทันใด พากันลุกขึ้นยืน ฉู่เชียนหลีช้อนตาขึ้นมองไปตามสายตาทุกคนพรมแดงปูยาวออกไปจนถึงนอกโถง ที่สุดปลายทางนั้นร่างในชุดเหลืองอร่ามเดินไพล่หลังเข้ามา ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันราวสี่สิบพระชันษา เกล้าผมเรียบทุกกระเบียดนิ้ว อาภรณ์จัดการจนไม่มีแม้รอยยับย่นสักน้อย เชิดหัวขึ้นน้อยๆ ดวงตาจับจ้องเบื้องหน้า บนพระวรกายถูกห่อหุ้มด้วยความสูงศักดิ์มาแต่กำเนิดผู้ที่ตามหลังเขามาคือชายหนุ่มอายุราวยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปีผู้หนึ่งสวมชุดผาว[footnoteRef:1]สีน้ำตาลลายหม่างเปี่ยมสง่าราศี [1: ชุดผาว คือ เสื้อคลุมยาวทั้งตัวแขนยาว] เขาก็คือรัชทายาทองค์ปัจจุบัน โอรสองค์โตของฮ่องเต้นามเฟิงเจิ้งอวี้ ฮ่องเต้นำองค์รัชทายาทเข้ามายังโถงใหญ่ ท่ามกลางสายตาของทุกผู้ทุกคน เมื่อเดินไปถึงที่นั่งหลักซึ่งอยู่สูงสุดแล้ว ทุกคนก็ถวายบังคมเสร็จสิ้นพิธีนั่งลงฮ่องเต้เริ่มเอ่ยปาก “เมื่อสองเดือนก่อน พวกซยงหนูคอยรุกรานชายแดนไม่หยุดหย่อน เหล่าราษฎรที่ชายแดนต้องมีความเป็นอยู่ยากลำ
ทุกคนมองนางแล้วพากันหัวเราะสตรีอัปลักษณ์ผู้นี้แต่งกายน่าเกลียดนักหนา สีสันฉูดฉาดราวกับผีเสื้อยักษ์กลางพุ่มดอกไม้ ยิ่งเมื่ออยู่กับใบหน้าที่มีปาน ยิ่งอัปลักษณ์เสียจนเทพและมนุษย์ยังชิงชังนางกลับเอาความกล้าที่ใดมาเอ่ยวาจา?ฮ่องเต้หันมามองด้วยสีหน้าไม่รู้ว่าควรร้องไห้ดีหรือว่าควรจะหัวเราะดี อีหลักอีเหลื่อ“พระชายาอ๋องเฉิน เจ้าแต่งตัวเรียบหน่อยเถิด”สีสันฉูดฉาดเช่นนี้ เหมาะกับงานไว้อาลัยเสียมากกว่า“ฝ่าบาท หม่อมฉันแต่งตัวเรียบไม่ได้เพคะ!” ฉู่เชียนหลีเอามือกุมที่หน้าอก “อ๋องเฉินรักใคร่หม่อมฉันแต่ผู้เดียวและยังเลือกเสื้อผ้าให้หม่อมฉันด้วยตนเอง แต่เสื้อผ้านี้ก็น่าเกลียดนัก ไม่ทราบเช่นกันว่าครั้งอ๋องเฉินเข้าทำศึกถูกทำร้ายจนตาบอดเสียแล้วหรือไม่”เฮ้อ!นางถอนใจหนักๆ หนหนึ่งนี่เป็นคำด่าชัดๆ ทำเอาสีหน้าของเฟิงเย่เสวียนดำทะมึนลงทันใด แต่ความสนใจของทุกคนกลับไปอยู่ที่อีกประเด็นหนึ่งสตรีอัปลักษณ์ผู้นี้หรือจะเป็นที่รัก?ฝันกลางวันกระมัง?รัชทายาทแย้มยิ้ม “การแต่งกายของพระชายาอ๋องเฉินในวันนี้ เหมาะกับการเต้นระบำยิ่งนัก ดูทีว่าคงตั้งใจมาเต้นระบำให้อ๋องเฉินในงานฉลองชัยชนะครานี้สักเพลงกระมัง?
อูย…ยามถ้อยคำนี้เอ่ยออกไป ทั้งงานล้วนต้องตกตะลึงเมื่อองค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์ พระชายาองค์รัชทายาทก็จะเป็นถึงฮองเฮาแห่งแคว้นตงหลิง เป็นสตรีที่สูงศักดิ์ที่สุดในใต้หล้า แล้วจะมาเต้นระบำต่อหน้าผู้คนเช่นนางงิ้วได้อย่างไร?พระชายาองค์รัชทายาทกล่าวเช่นนี้ นับเป็นการลบหลู่องค์รัชทายาทโดยแท้พระชายาองค์รัชทายาทซึ่งถูกเอ่ยถึงนี้คือสตรีที่สูงส่งและงดงามผู้หนึ่ง นางกวาดสายตาเย็นเฉียบมาที่ฉู่เชียนหลีคราวหนึ่ง มิได้เห็นหญิงอัปลักษณ์ผู้นี้อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย“พระชายาอ๋องเฉิน เจ้าบังอาจนัก! ถึงกับเอาข้าไปเทียบกับพวกนางงิ้ว!” เสียงน่าเกรงขามดังขึ้น ความน่าเกรงขามที่อยู่ภายในกายประหนึ่งภูเขาลูกหนึ่งกำลังทับตัวฉู่เชียนหลีอยู่มิเกรี้ยวโกรธหากน่าเกรงขามมีละครเด็ดให้ดูแล้ว!ทุกคนพากันหยัดตัวตรงขึ้นอีกหลายส่วน รอดูว่าฉู่เชียนหลีจะถูกข่มเหงจนร้องไห้อย่างไรฉู่เชียนหลีลูบเล็บมือกลมมนของตนด้วยท่าทีสบายอุรา ย้อนถามประโยคหนึ่งว่า “ก็มิใช่ว่าองค์รัชทายาทเริ่มก่อนหรอกหรือ? เขาให้ข้าเต้นรำได้ แล้วท่านจะเต้นไม่ได้หรืออย่างไร?”พระชายาองค์รัชทายาทบันดาลโทสะนางมีฐานะสูงส่งปานนี้ หญิงอัปลักษณ์เช่นฉู่เ
งานเลี้ยงฉลองยังคงดำเนินต่อ ส่วนใหญ่เป็นไปตามฉากตายตัวฮ่องเต้อาศัยเรื่องชนะสงคราม สร้างแรงบันดาลใจและปลุกความฝักใฝ่ให้ขุนนางฝ่ายบุ๋นและบู๊ ว่าควรมุ่งมั่นพัฒนา ปกบ้านป้องชาติส่วนเหล่าขุนนางพากันพยักหน้าเห็นด้วย และดื่มให้อ๋องเฉิน ถือโอกาสนี้ประจบสอพลอพูดจาดีไม่หยุดเจ้ามาข้าไป เจ้าชมข้าฟัง ฉู่เชียนหลีเบื่อหน่ายอย่างยิ่งในที่สุดก็จบแล้วงานเลี้ยงเลิกรา!ฉู่เชียนหลีรีบลุกขึ้นทันที นางนั่งจนเมื่อยก้นไปหมดแล้ว วิ่งปรู๊ดออกจากท้องพระโรงเป็นคนแรก วิ่งไปที่มุมอับไร้ผู้คน เล่นท่าบริหารร่างกายทางวิทยุชุดที่สิบแปดของเด็กประถมมัธยมเพื่อยืดเส้นยืดสายเฟิงเย่เสวียนที่เดินผ่านมาเห็นการเคลื่อนไหวแปลกๆ ของนาง ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็ถือว่าคุ้นชินกับความแปลกประหลาดของนางแล้ว“ข้าจะไปเยี่ยมเสด็จแม่”ฉู่เชียนหลีหันกลับไป “เช่นนั้นข้า…”“เจ้าห้ามไป”“...”“ไปรอนอกประตูวัง” สิ้นเสียง เขาก็เดินผ่านนางและตรงไปยังทิศทางหนึ่ง ฉู่เชียนหลีเหลือบมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์แวบหนึ่งไม่ไปก็ไม่ไปสิ เขาคิดว่านางอยากไปหรืออย่างไร?ตั้งแต่ในอดีต ความสัมพันธ์แม่สามีกับลูกสะใภ้เข้ากันยากที่สุด นางไม่ต้อ
ร่างกายชายคนนั้นแข็งทื่อครู่หนึ่ง หันกายกลับมา ก็เห็นผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ใบหน้านั้น…พอเห็นปานบนใบหน้า เขาก็เดาสถานะของนางได้รางๆ พระชายาอ๋องเฉินสายตาฉู่เชียนหลีไปตกที่มือของเขา หลังจากผ่านความล่าช้าเมื่อครู่ พื้นข้างกายเขามีเลือดหยดสะสมเป็นแอ่งเล็กๆ แล้ว ส่วนทั้งฝ่ามือของเขากลายเป็นสีแดง แลดูน่าตกใจมากนางคิ้วหลิวขมวดเล็กน้อย หยิบผ้าเช็ดหน้าสะอาดผืนหนึ่งออกจากอก จับมือเขามาพันร่างของชายคนนั้นสะดุ้ง “เจ้า…”ตั้งแต่เล็กจนโต นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเป็นฝ่ายเข้าหาเขาการกระทำของฉู่เชียนหลีกระฉับกระเฉง พันบาดแผลที่ถูกบาดอย่างรวดเร็ว พันอยู่สองรอบก็ผูกเป็นเงื่อนผีเสื้อ ห้ามเลือดเอาไว้แล้ว“กลับไปแล้วรีบล้างด้วยน้ำสะอาดสองรอบ เสร็จแล้วก็ทายาและพันแผล ระวังเรื่องการกิน อย่าโดนน้ำ ระวังการอักเสบนะ”นางพูดพลาง สอดมือเข้าไปในแขนเสื้อพลาง ครั้นจิตนึกคิด นำยาออกมาจากกำไลเฉียนคุนหนึ่งตลับ วางไว้บนมือของเขาฝ่ามือของชายคนนั้นกางออกอย่างแข็งทื่อ มองสิ่งของที่อยู่ในมืออย่างตะลึงงันยา…มีคนยินดีมอบยาให้เขาด้วย…ผ่านไปครู่ใหญ่ สติของเขาจึงจะหวนคืน เงยหน้าข
ก๊อกแก๊กๆ…ล้อรถม้าบดทับถนน ก่อให้เกิดเสียงการทำงานของกลไกซ้ำๆ แลดูน่าเบื่อหน่าย ยามดึกขณะงานเลี้ยงในวังหลวงจบก็เป็นเวลาค่ำมากแล้ว รถม้าแล่นอยู่บนถนน มีผู้คนเดินประปรายไม่กี่คน สายลมยามค่ำคืนพัดผ่าน เงาเทียนวูบไหว ยิ่งแลดูเงียบสงบในรถม้า ฉู่เชียนหลีตาปรือ กำลังหาวง่วงนอน มือเล็กวางอยู่บนต้นขาทั้งสอง พลางเคาะนิ้วชี้เบาๆทันใดนั้น มีเสียงที่เหี้ยมเกรียมสายหนึ่งปะทุกลางอากาศฉู่เชียนหลีเบิกตาโพลงฉับพลัน จากนั้นรถม้าโคลงเคลงอย่างรุนแรงแล้วหยุดฉับพลัน แรงเฉื่อยมหาศาลทำให้นางที่ไม่ทันตั้งตัวถลาตกนอกรถม้า เสียงของหานเฟิง“พระชายาโปรดอย่าออกมา!”สิ้นเสียง ก็เกิดเสียงการต่อสู้อย่างดุเดือดฉู่เชียนหลีจับกรอบประตูลุกขึ้น มือซ้ายประคบสีข้างที่ล้มจนเจ็บ มือขวาแง้มม่านขึ้นสองส่วน มองดูสถานการณ์ข้างนอกที่นี่เป็นถนนมืดสลัวไร้ผู้คน ชายชุดดำสิบกว่าคนไม่รู้โผล่ออกมาจากไหน พวกเขาคลุมหน้า มือถือกระบี่คม ปิดล้อมหานเฟิงไว้หานเฟิงตกอยู่ตรงกลาง หนึ่งสู้สิบ สู้จนยากจะแยกว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหนปัง!ซ่า!ผลัวะ!ดาบและกระบี่กระทบกัน เสียดสีจนเกิดประกายไฟที่รุนแรง ทำให้อากาศก็ดุดันขึ้นสามส่วน ป
ฉู่เชียนหลีสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตราย หันกายวิ่งทันทีขาเพิ่งก้าวออกไป ความเจ็บปวดถูกส่งมาจากก้น“โอ๊ย…!”ฆ่าหมูแล้ว!“พระชายา!”หานเฟิงเป็นห่วงสถานการณ์ทางนี้ การโจมตีที่มือรุนแรงขึ้นหลายส่วน เร่งบีบให้มือสังหารล่าถอยโดยเร็วที่สุด แล้ววิ่งไปทางตรอก เห็นเพียงฉู่เชียนหลีล้มคว่ำหน้า สองมือประคบบั้นท้าย คำพูดประโยคแรกคือ “เฟิงเย่เสวียนมารดามันเถอะ!”เขา “...”ฉู่เชียนหลีเจ็บจนสีหน้าบิดเบี้ยว รู้สึกเพียงเหมือนถูกคนเอามีดมาเฉือนเนื้อที่ก้นออกมาหนึ่งชิ้นภายใต้สภาวะที่ยังไม่ฉีดยาชา ความเจ็บปวดกระจายทั่วร่าง เจ็บจนนิ้วเท้านางงุ้มเข้าบ้าชิบ!บัดซบ!ในโลกปัจจุบัน ขนาดฉีดยานางก็ยังกลัวมาถึงยุคโบราณ แม่เอ๊ย!แค่ดูก็รู้ว่ามือสังหารเหล่านี้พุ่งเป้ามาที่อ๋องเฉิน นางนั่งรถม้าของอ๋องเฉิน ส่งผลให้มือสังหารเหล่านี้ทำร้ายนาง หากไม่ใช่เพราะนางมีกำไลเฉียนคุนติดตัว คืนนี้ต้องตายอย่างอนาถแน่“พระชายา ท่านบาดเจ็บตรงไหนหรือ” หานเฟิงเก็บกระบี่เข้าฝัก ประคองฉู่เชียนหลีลุกขึ้นโน้มเอวลงไป เห็นบั้นท้ายของฉู่เชียนหลีกลายเป็นสีแดง สะดุ้งแล้ว รีบหันศีรษะละสายตาทันที “พระชายาโปรดอดทนหน่อย ที่นี่ไม่
หลังจากก้นที่บาดเจ็บประคบยาชาก็ชาไปทั้งก้น ริมฝีปากเย็นนั้นประทับลงไป ความรู้สึกแปลกๆ สายหนึ่งแผ่ออก…ชาหนาวเย็นและยังรู้สึกสบาย…อย่างอธิบายไม่ถูก?ฉู่เชียนหลีนอนคว่ำอยู่บนเตียง กอดหมอนไว้ มีความตื้นตันผุดขึ้นในใจหลายส่วนอยู่ในต่างโลก นางโดดเดี่ยวลำพังไร้ที่พึ่ง มีเพียงเด็กน้อยเยว่เอ๋อร์คนนี้ ติดตามนางตั้งแต่เด็ก หลายปีมานี้ ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งของคนรับใช้ หรือถูกพ่อกากเดนและเหล่าพี่สาวดูหมิ่น เยว่เอ๋อร์ก็จะปกป้องนางตลอดตอนนี้ก็มาช่วยนางดูดสารพิษโดยไม่ห่วงตัวเอง…นางเม้มริมฝีปากเน้น กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“เยว่เอ๋อร์ ความดีที่เจ้ามีต่อข้า ข้าเห็นอยู่ในสายตา ข้าเป็นคนมีบุญคุณต้องตอบแทน มีแค้นต้องชำระ จะไม่ปล่อยให้เจ้าติดตามข้าโดยเปล่าประโยชน์แน่นอน”ฉู่เชียนหลีคนก่อนได้ตายไปแล้ว ฉู่เชียนหลีในตอนนี้ได้เกิดใหม่แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จะไม่มีใครสามารถรังแกพวกนางอีก“เยว่เอ๋อร์ เจ้าวางใจได้ รอข้าไปจากจวนอ๋องเฉิน จะหาสามีที่ดีให้เจ้าแน่นอน”พอพูดถึงจวนอ๋องเฉิน ฉู่เชียนหลี่รู้สึกโมโหขึ้นมาทันทีนึกถึงเรื่องที่เจอการลอบสังหารในคืนนี้ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ยิ่งคิดก็ยิ่
สองวันต่อจากนั้น ค่อนข้างสงบเพียงแต่สงครามกำลังจะปะทุขึ้นแล้ว เมื่อครึ่งเดือนก่อน อ๋องเฉินยึดเมืองเจียหนานได้ในคราวเดียว เพื่อโต้ตอบ ฮ่องเต้หลีเลือกที่จะร่วมมือกับแคว้นซีอวี้ ได้รับม้าศึก อาวุธ และยอดทหารที่หนึ่งคนสามารถสู้สิบคน เตรียมพร้อมลงสนามรบทุกเมื่อ สงครามดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ“กลับมาอย่างปลอดภัยนะ”ฉู่เชียนหลีผูกสายรัดเอวของเสื้อเกราะอ่อน สวมเสื้อเพ้าชั้นนอก และจัดแจงให้เฟิงเย่เสวียน ก่อนออกเดินทาง โอบเอวของเขาไม่ยอมปล่อยเป็นเวลานานเฟิงเย่เสวียนลูบศีรษะน้อยๆ ของนาง“อยู่บ้านดูแลเว่ยซีกับจื่อเยี่ยให้ดี อย่างมากข้าไปสองวันก็กลับ”“ระวังตัวด้วย”“อืม”จูบกลางหว่างคิ้วของนาง ถือกระบี่เดินจากไปฉู่เชียนหลีไปส่งถึงประตูใหญ่ กระทั่งมองไม่เห็นแผ่นหลังของเขา จึงจะกลับจวนร่างกายของอวิ๋นอิงฟื้นตัวได้ดี สีหน้าก็ดูดีขึ้นมาก มีกู่แพทย์คอยบำรุงรักษา สุขภาพของนางค่อยๆ ดีขึ้น และไม่กระอักเลือดแล้ว“พระชายา งานเลี้ยงอายุครบหนึ่งปีของเว่ยซีกับจื่อเยี่ย จะเชิญใครบ้างเจ้าค่ะ?” อวิ๋นอิงกำลังวางแผนพริบตาเดียว ยังเหลืออีกเจ็ดวัน เจ้าเด็กน้อยทั้งสองก็จะอายุหนึ่งปีแล้วเวลาผ่านไปเร็วมาก
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนฉับพลัน กลิ่นอายรอบกายขรึมลง มีความตื่นตระหนกสายหนึ่งแลบผ่านแววตาอย่างรวดเร็วพริบตาเดียวไม่นานก็สงบลง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“นี่ท่านพูดอะไรของท่าน!”นางสะบัดมือของจวินชิงอวี่หลุด ลุกขึ้นยืน ทั่วร่างเต็มไปด้วยความโกรธที่ถูกปรักปรำ“ข้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของท่าน ท่านกลับคิดว่าข้าทำเรื่องที่ไร้มโนธรรมเช่นนี้? เสด็จพี่สาม ก่อนที่ท่านจะพูด เคยถามใจตัวเองดูหรือไม่!”นางคำรามออกมาอย่างแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม ดวงตาก็กลายเป็นสีแดงไปแล้วจวินชิงอวี่รักนางมาก ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยตำหนินางแม้แต่คำเดียวแต่…“ยวนเอ๋อร์ เดิมทีคนที่วางยา เป็นคนตัดฟืนของทำเนียบเจียงหนาน รับคำสั่งจากฮองเฮาตงหลิง วางยาพิษทำร้ายพี่น้องฝาแฝด ถูกพระชายาอ๋องเฉินจับได้”“แต่เมื่อวานเจ้าส่งคนไปทำเนียบ คนตัดฟืนคนนี้ก็มาอยู่ที่ศาลาพักม้าแล้ว”“กลางคืน เสด็จแม่ก็ถูกพิษแล้ว”นำทั้งหมดนี้มาเชื่อมโยงกัน จะไม่ให้เขาสงสัยได้อย่างไร?จวินลั่วยวนเบิกตากว้าง“ข้าเป็นห่วงความร่วมมือของแคว้นหนานยวนกับอ๋องเฉิน ส่งคนไปลองถามดู ท่านกลับคิดว่าข้าติดสิ
ความจริงเป็นไปตามที่ฉู่เชียนหลีคาดการณ์หลังจากจวินชิงอวี่ตามจวินลั่วยวนทัน ปลอบใจนางอยู่นาน เขารับประกันและใช้คำพูดดีๆ สารพัด จึงจะสามารถทำให้น้องสาวหายโกรธกลับถึงศาลาพักมา ก็พลบค่ำแล้วฮองเฮาหนานยวนฟื้นแล้ว“เสด็จแม่ ท่านฟื้นแล้ว!”“เสด็จแม่ ท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่? เจ็บคอหรือไม่?”จวินชิงอวี่ถามอย่างประหม่า จวินลั่วยวนรินน้ำอุ่นมาหนึ่งแก้ว ทั้งสองเฝ้าอยู่ที่หน้าเตียง มองมารดาด้วยความห่วงใยฮองเฮาหนานยวนรู้สึกเจ็บแบบแสบร้อนในลำคอ แค่ขยับเล็กน้อยก็เจ็บแสบมาก แม้กลืนน้ำก็เจ็บจนหน้าซีดนางเม้มปาก ไม่พูดสักคำจวินชิงอวี่จับมือของนาง กล่าวอย่างปวดใจ“เสด็จแม่ ท่านไม่ต้องกังวล พวกเราใช้ยาที่ดีที่สุดแล้ว ต้องดีขึ้นแน่นอน ทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ มีนางอยู่ ท่านจะต้องหายดีแน่นอน”จวินลั่วยวนพยักหน้า“ใช่แล้ว เสด็จแม่ ท่านก็อย่าเสียใจไปเลย อีกสามถึงห้าปีก็หายแล้ว”“...”คำพูดนี้ ฟังดูก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่หากตั้งใจฟัง สำหรับฮองเฮาหนานยวนที่ชอบร้องเพลง ไม่ใช่จงใจพูดเสียดสีหรอกหรือ?ฮองเฮาหนานยวนถือแก้วน้ำ พิงอยู่ตรงหัวเตียง ค่อยๆ หลุบตา พูดไม่ออก และไม่อยา
จวินลั่วยวนตื่นตระหนกแล้วนางคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะตกหลุมพรางของฉู่เชียนหลี ตอนนี้ไม่สามารถทำให้นางตาย และยังทำให้เสด็จพี่สามสงสัย ไม่เพียงไม่ได้อะไรเลย แถมยังเสียอีกต่างหาก“เสด็จ เสด็จพี่สาม…”จบแล้ว!นางจะสูญเสียความรักของเสด็จพี่สามไม่ได้!จะปล่อยให้นางแพศยาฉู่เชียนหลีทำสำเร็จไม่ได้เด็ดขาด!สมองของจวินลั่วยวนแล่นอย่างรวดเร็ว ในเวลาสั้นๆ สองวินาที คิดแผนรับมือได้แล้ว เบ้าตาแดงก่ำโดยตรง มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาที่กลมโต นางกล่าว“เสด็จพี่สาม ดีจังที่ท่านไม่เป็นอะไร!”“ข้าได้ยินซวงซวงบอกว่าท่านกับพระชายาอ๋องเฉินออกมาด้วยกัน และยังมาสถานที่ลับเช่นนี้อีก ข้าคิดว่าพวกท่านทำ…เรื่องอะไรที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้เสียอีก”“ข้าเป็นห่วงท่านจึงตามมา เสด็จพี่สาม ท่านไม่โทษข้ากระมัง?”น้ำตาแห่งความกังวลและไร้เดียงสาไหลออกมาจากหางตาของนางจวินชิงอวี่ชะงักเล็กน้อย“เป็นห่วง?”“ใช่แล้ว ท่านเป็นพี่ชายของข้า พระชายาอ๋องเฉินก็เป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว พวกท่านสองคนอยู่ในห้องเดียวกัน และยังอยู่ด้วยกันนานเช่นนี้ จะไม่ให้คิดมากได้อย่างไร?”ทุกคำพูดของจวินลั่วยวนฟังดูมีเหตุผลมาก“ข้าคิดว่าพวกท่านกำลัง…
หลังจากหัวเราะอย่างเย้ยหยัน นางไม่พูดอะไรอีก โคจรกำลังภายใน ประสานฝ่ามือกับจวินชิงอวี่จวินชิงอวี่รู้สึกเพียงมีกำลังภายในที่เย็นเฉียบสายหนึ่งไหลเข้าสู่ร่างกาย ความเย็นและความร้อนประสานกัน ปรับสมดุลให้กันและกัน เขารีบหลับตา โคจรเคล็ดวิชาเหมันต์ภายในห้อง เข้าสู่ความเงียบ…นอกประตูองครักษ์ลับเฝ้าไว้นอกประตูใหญ่ รถม้าคันหนึ่งค่อยๆ แล่นเข้ามาหยุดอยู่ที่ตรงข้ามกับบ้าน มือเล็กๆ ที่ขาวนวลข้างหนึ่งเลิกม่านขึ้น แล้วกระโดดลงมา“ที่นี่หรือ?”จวินลั่วยวนยืนอย่างมั่นคง เงยหน้ามองไปเป็นสถานที่ที่เงียบสงบซวงซวงกล่าวเสียงเบา “เจ้าค่ะองค์หญิง องค์ชายสามกับพระชายาอ๋องเฉินเข้าไปข้างในสามเค่อแล้ว”จวินลั่วยวนหรี่ตา“แม้แต่โรคร้อนก็สามารถรักษา ฉู่เชียนหลีคนนี้พอจะมีความสามารถอยู่บ้าง”ทักษะการแพทย์ดี มีประโยชน์อะไร?สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดีไม่ใช่หรือ?เมื่อวานตอนอยู่หอน้ำชา ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาสองคน เมื่อไรที่เริ่มรักษา ห้ามถูกขัดจังหวะเด็ดขาด จะส่งผลให้กำลังภายในย้อนกลับ ทั้งสองจะกระอักเลือดจนตายขอแค่นางบุกเข้าไป ก็สามารถเอาชีวิตของฉู่เชียนหลีเพียงแต่…น่าเสียดายน่าเสียดายที่เสด็จ
“ดื่มเยอะๆ”“...เสด็จแม่ยังไม่ฟื้นหรือ?”“หมอบอกว่าอาจจะต้องพรุ่งนี้ เสด็จพี่สาม ฉู่เชียนหลีโกหก ไม่ว่าเวลาไหน ท่านก็ห้ามเชื่อคำพูดของนางเด็ดขาด และไม่ว่ายวนเอ๋อร์ทำอะไร ก็ล้วนทำเพราะหวังดีต่อท่านพี่ ยวนเอ๋อร์ให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง”จวินลั่วยวนเงยหน้า กล่าวอย่างจริงจังมากจวินชิงอวี่เชื่อคำพูดของนางอย่างไม่มีเงื่อนไขเขามีแค่น้องสาวคนเดียว เขาไม่ตามใจแล้วใครจะตามใจ? เขาไม่รักแล้วใครจะรัก?“เป็นเด็กดีนะ”วันรุ่งขึ้นตามที่นัดหมายกับฉู่เชียนหลี เดิมทีจวินชิงอวี่ไม่อยากไป ยี่สิบกว่าปีมานี้ มีหมอนับไม่ถ้วนเคยรักษาเขา ไม่มีใครสามารถรักษาโรคร้อนของเขาได้เลยกล่าวอีกนัยคือ เขาไม่เชื่อฉู่เชียนหลี แต่การเดิมพันนั่น…เขาไม่เคยสงสัยยวนเอ๋อร์การเดิมพันนี้ ก็ย่อมไม่จำเป็นต้องมีองครักษ์ลับกล่าว “องค์ชาย ท่านไปดีกว่า ในแคว้นตงหลิง ไม่มีใครไม่รู้ว่าทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ ถ้าหากนางสามารถรักษาได้จริงๆ ต่อไปท่านก็ไม่ต้องเจ็บปวดเพราะโรคกำเริบแล้ว”หลังจากจวินชิงอวี่ครุ่นคิด สุดท้ายก็ตัดสินใจไปชานเมืองบ้านหลังหนึ่งที่เงียบสงบเอี๊ยด…“ท่านมา
“เช่นนั้นพวกเราเหมือนเดิมพันกัน”“เดิมพันก็เดิมพัน!”นอกหอน้ำชาจวินลั่วยวนมาถึง หลังจากสอบถามข้อมูลคร่าวๆ จากเด็กในร้าน ก็ย่องขึ้นไปบนชั้นสอง เข้าใกล้ห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง เพิ่งแนบหูเข้าไป ก็ได้ยินเสียงสนทนาข้างในเสียงของฉู่เชียนหลี“โรคร้อนอันตรายมาก แค่ไม่ระวังเล็กน้อยก็จะกำเริบ ตอนที่ข้ารักษาเจ้า ต้องเปิดจุดชีพจร กรีดเปิดแผลบนมือและเท้าสี่จุด ใช้เลือดของข้าแลกกับเจ้าครึ่งหนึ่ง ในระหว่างนี้ห้ามถูกรบกวนเด็ดขาด”ลดเสียงกล่าวอย่างจริงจัง“ไม่เช่นนั้น กำลังภายในจะย้อนกลับ ห้ามเลือดไม่ได้ ถึงเวลา ข้าจะตาย เจ้าก็เจ้าตาย”จวินลั่วยวนประหลาดใจฉู่เชียนหลีสามารถรักษาโรคร้อน?ยิ่งกว่านั้น!ประเด็นสำคัญคือ!ห้ามถูกขัดจังหวะกลางคันเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นฉู่เชียนหลีกับองค์ชายสามล้วนจะตาย!ฉู่เชียนหลีตายแล้ว ตำแหน่งพระชายาอ๋องเฉินก็ว่าง อยากได้อ๋องเฉิน ก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือแล้วไม่ใช่หรือ?ทันใดนั้น แววตาเร่าร้อนทันทีตื่นเต้นคาดหวังแทบรอไม่ไหวนางกำลังจะเป็นพระชายาอ๋องเฉินแล้ว!การสนทนาภายในห้องกินเวลานานหนึ่งเค่อ ก่อนจะจบลง จวินลั่วยวนรีบวิ่งไปซ่อนตัวที่หัวมุม ประตูห้องเปิดออ
จวินลั่วยวนยกมือทั้งสองข้างขึ้น วางลงไปที่คอของฮองเฮาทันใดนั้น ร่างกายของฮองเฮาหนานยวนขยับเล็กน้อย นางรีบดึงมือกลับ ลุกขึ้นยืน และกลับมาดูเป็นเด็กดีอีกครั้ง“ซวงซวง ทางเสด็จพี่สามของข้าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”ซวงซวงวิ่งเข้ามา“เมื่อครู่ทางองครักษ์มารายงาน หลังจากเสด็จพี่สามออกไป เจอสามีภรรยาอ๋องเฉิน ตอนนี้พวกเขาเข้าไปในหอน้ำชาแล้ว ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันลับๆ เจ้าค่ะ”“?”พวกเขายังมีเรื่องให้คุยกันอีกหรือ?เสด็จพี่สามไม่ได้ไปสืบเรื่องของคนร้าย?เหตุใดยังสามารถคุยกับสามีภรรยาอ๋องเฉินดีๆ อีก?คุยอะไรกัน?หรือเป็นความลับที่นางไม่รู้?จวินลั่วยวนไม่อนุญาตให้มีเรื่องที่อยู่เหนือกันควบคุมของนาง กล่าวทันที “ซวงซวง เจ้าเฝ้าเสด็จแม่ไว้ ข้าลองไปดูหน่อย!”“เจ้าค่ะ องค์หญิง!”หอน้ำชาห้องส่วนตัวจวินชิงอวี่นั่งอยู่ที่ข้างโต๊ะ สีหน้าดูไม่ดีนัก และยังบึ้งตึงเหมือนจะกินคน กัดฟันจนดังก๊อกๆ“ท่านกล้าบอกว่ายวนเอ๋อร์เป็นคนวางยา!”จ้องฉู่เชียนหลีด้วยความโกรธโมโหมากถ้าหากไม่ใช่เพราะอ๋องเฉินนั่งอยู่ที่ข้างๆ เกรงว่าเขาลงมือโดยตรงแล้วฉู่เชียนหลีกล่าว“ตอนที่พวกเราออกจากศาลาพักม้า องครักษ์ลับ
ฉู่เชียนหลี “องค์หญิงมั่นใจในตัวเองจริงๆ เหมือนจะลืมไปแล้วว่าผู้หญิงที่ถูกอ๋องเฉินโยนออกไปเป็นใคร?”“...”รออ๋องเฉินถีบฉู่เชียนหลีทิ้ง นางจะจับฉู่เชียนหลีมาขังไว้ ทรมานทุกวัน ทำให้นางทรมานยิ่งกว่าตายจวินลั่วยวนเถียงไม่ไหว พลันเบ้าตาแดงก็กระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของจวินชิงอวี่ หาที่ปลอบใจตัวเองจวินชิงอวี่ย่อมเข้าข้างน้องสาว“ฉู่เชียนหลี ดูจากพฤติกรรมที่ชอบบีบคั้นคนของเจ้า มันก็ไม่แปลกอะไรที่เจ้าจะสามารถวางยาพิษ”อาศัยเพียงแค่การคาดเดา ก็ตัดสินโทษของนางแล้ว?น่าขำ!พี่น้องคู่นี้ คนหนึ่งหน้าไหว้หลังหลอก อีกคนความรักบังตา ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ“มันน่าอัศจรรย์จริงๆ ที่แคว้นหนานยวนของพวกท่านสามารถพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน”จวินชิงอวี่หน้าบึ้งทันที “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ปัญหาส่วนตัว ตอนนี้จะลามปามไปถึงบ้านเมืองแล้ว?“ตามที่พูด”“เจ้า!”เขาโมโหจนจะเดินเข้าไปหานางพลันเฟิงเย่เสวียนยกฝ่ามือใหญ่ ดึงนางมาที่ข้างกาย “ข้าตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกอะไร”ทุกคนรีบหันไปมอง รอคอยคำพูดต่อจากนี้เฟิงเย่เสวียนกล่าวอย่างใจเย็น“แคว้นหนานยวนต่ำช้าเช่นนี้ ต่อให้ข้าแพ้ศึกครั้งนี้ ก็ไม่ร่วม