เฟิงเจิ้งหลีมาแล้ว!ทันทีที่ขึ้นครองราชย์ เขาสวมเพ้ามังกรสีเหลืองสด บนเสื้อปักลายมังกรเชิดหัวขึ้น ดวงตาแดงเหมือนลูกไฟ ปากอมลูกแก้ว ดูสง่าน่านัก ลดความอ่อนโยนในอดีตของเขา เพิ่มความน่าเกรงขามและความสูงศักดิ์หลายส่วนผู้บัญชาการจางคุกเข่าลงพื้น กล่าวทั้งน้ำตา“ฝ่าบาท ท่านโหวน้อยไม่ฟังคำห้ามปราม บุกรุกเข้ามาโดยพลการ ท่านต้องออกหน้าแทนกระหม่อมนะพ่ะย่ะค่ะ!”“ออกหน้าอะไร? ข้าตีเจ้าก็คือข้าตีเจ้า เจ้ากล้ามีความเห็นหรือ?”ภายในห้องหลิงเชียนอี้เดินออกมา ยกเขาขึ้นก็ถีบออกไปอย่างแรง“อ๊ะ…”ผู้บัญชาการลอยกระเด็นกลิ้งออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร สภาพอนาถเหมือนสุนัขตัวหนึ่งหลิงเชียนอี้วางเท้าลง ตบชายเสื้อ หันไปมองเฟิงเจิ้งหลีที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริตจะก้าน“ผู้บัญชาการจาง ฐานะของท่านต่ำต้อย ก็ต้องกล้ำกลืนแค้นนี้ลงไป ถ้าหากท่านอยากแก้แค้น เช่นนั้นก็ปีนขึ้นข้างบนโดยไม่ต้องเลือกวิธีการ รอเจ้าปีนถึงตำแหน่งของอ๋องหลี ก็สามารถแก้แค้นข้าแล้ว”สีหน้าผู้บัญชาการจางเปลี่ยนฉับพลันเขากล้าเสียที่ไหน?!เห็นได้ชัดว่าท่านโหวน้อยกำลังถากถางเขาเรื่องที่ทรยศฮ่องเต้ แปรพักตร์ไปอยู่กับอ๋องหล
บอกตามตรง ผู้บัญชาการจางตกใจแล้วฮองเฮาไม่ชอบฉู่เชียนหลี สั่งให้คนทิ้งนางไว้ที่นี่ ไม่ถามไม่สนใจ และไม่ส่งน้ำให้นางแม้แต่หยดเดียว แต่เมื่อฝ่าบาทรู้เรื่องนี้ ท่าทางเหมือนจะโกรธมากเขาพูดซ้ายก็ผิด พูดขวาก็ไม่ถูกติดอยู่ตรงกลาง กลัวจนหน้าซีดแล้ว“ในสามวันนี้ไม่ ไม่เคยมีคนมาจริง…”“บัดซบ!” เฟิงเจิ้งหลีโยนเขาลงพื้นด้วยความโกรธแล้วกระทืบซ้ำ ผู้บัญชาการจางกระอักเลือดโดยตรง ซี่โครงหักไปสองซี่สามวันแล้ว!สามวันเต็มๆ นางไม่ได้กินน้ำแม้แต่หยดเดียว ถึงว่าสีหน้าดูซีดเซียวเช่นนั้น!เรื่องที่ฉู่เจียวเจียวเคยมา ไม่มีใครบอกเขาเลย!“ฉู่เชียนหลีถูกขัง นางก็ยังเป็นฉู่เชียนหลี! เป็นแขกสำคัญของเรา! ใครอนุญาตให้พวกเจ้าละเลย! ทุกคนที่เฝ้าอยู่ที่นี่ ไปรับแส้ที่คุกหลวงคนละสี่สิบที!”หลังจากไล่พวกขัดหูขัดตาเหล่านี้ออกไป ก็เปลี่ยนคนชุดใหม่มา คนของห้องพระเครื่องต้นก็เตรียมอาหารและส่งมาที่ตำหนักอย่างรวดเร็วไม่นาน อาหารร้อนๆ ก็ถูกยกมาวางบนโต๊ะ สีสัน กลิ่น และรสชาติมีครบทุกอย่าง ดูน่ากินมากฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ที่ข้างโต๊ะ กวาดมองอาหารอันโอชะที่วางเต็มโต๊ะ ไม่มีท่าทีที่จะลงมือเฟิงเจิ้งหลีไม่รู้จะอธิบายก
ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่เขาบอกความในใจกับนาง แต่นางไม่เคยเชื่อเขาได้ราชบัลลังก์มาครอบครองแล้ว ได้ใต้ฟ้ามาครอบครองแล้ว และรวมถึงทุกสิ่งที่ต้องการ แต่เหตุใดยังไม่ได้ใจของนางอีกเหตุใดมันยากเช่นนี้?เขาค่อยๆ ปล่อยนาง “จุดประสงค์?”เหอะมาถึงขั้นนี้แล้ว นางยังไม่เชื่อเขาอีก“ชอบใครสักคน ต้องมีจุดประสงค์อะไร?”ฉู่เชียนหลีไม่เชื่อที่เขาพูดสักคำ ในสายตาของนาง ความน่าเชื่อถือของเขาเป็นศูนย์หันหน้าหนี หลบสายตา ไม่อยากมองเห็นเขาอีก“ถ้าหากข้าไม่ชอบเจ้า แล้วเหตุใดต้องลำบากเช่นนี้เพื่อรั้งเจ้าไว้? ถ้าหากไม่ชอบเจ้า ข้าสามารถฆ่าเจ้าตั้งแต่คืนที่อ๋องเฉินหนีไปแล้ว”“แต่ข้าทำไม่ได้”“ข้าเอาหนังสือปลดมาให้เจ้าแล้ว ข้าถึงขั้นอยากแต่งงานกับเจ้า ข้าทำทุกอย่างเพื่อเจ้า เจ้ามองไม่เห็นเลยหรือ?”เขาพูดความในใจของตัวเองอย่างลึกซึ้งในสายตาของเขา เขาจริงใจที่สุดแต่สำหรับฉู่เชียนหลี เขาคือคนที่ไม่รักษาคำพูด ไม่เลือกวิธีการ เจ้าเล่ห์เพทุบาย ไม่คู่ควรเชื่อใจเฟิงเจิ้งหลีพูดออกมามากมาย แต่นางก็ทำเหมือนไม่ได้ยินพูดจนน้ำลายแห้ง ก็ไม่มีประโยชน์ความรู้สึกที่หมดหนทางกลายเป็นถอนหายใจหนักๆ ทีหนึ่ง ต้องเ
“...”ฉู่เชียนหลีถือว่าเข้าใจความหมายของเขาแล้ว อุ้มเด็กมาขู่นาง“ส่งเด็กมาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลีเดินเข้ามา สะบัดชายเสื้อ แล้วนั่งลงที่ข้างโต๊ะสง่างาม “ข้าบอกแล้ว กินข้าวก่อน”“เจ้า…”“อย่าท้าทายความอดทนของข้า นิสัยของข้าไม่ได้ดีตลอด ครู่ต่อมาอาจเปลี่ยนใจก็ได้”“...”สายตาฉู่เชียนหลีเย็นลง กัดฟันแน่น เหลือบมองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่งนางมองเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย แล้วหันไปมองเฟิงเจิ้งหลี ทำได้เพียงเดินไปที่ข้างโต๊ะ ยกข้าวขึ้นมาหนึ่งชาม ก็เริ่มกินอย่างเต็มปากเต็มคำเมื่อเฟิงเจิ้งหลีเห็นแล้ว คิ้วจึงจะคลายออก“ดีมาก”ผู้หญิงที่เชื่อฟัง จึงจะคู่ควรกับความรักของผู้ชาย“ดื่มน้ำแกงหน่อย”ฉู่เชียนหลีไม่อยากคุยกับเขา เอาแต่เขี่ยข้าวใส่ปาก แล้วกลืนลงไปโดยไม่เคี้ยว พลันไม่ระวังสำลักแล้วเขาไม่สบอารมณ์ทันที“รีบอะไร?”เขาพลางตบหลังของนาง พลางรินน้ำให้นางหนึ่งแก้ว “เฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่มีใครสามารถแย่งเขาไปได้ เจ้ารีบร้อนอะไร?”นางสำลักจนแก้มแดง ผ่านไปหนึ่งนาทีจึงจะดีขึ้น กล่าว“เจ้าสามารถแย่งไปได้”เขา “...”“เทียบกับใช้คำว่าแย่ง ข้าชอบคำว่าเลี้ยงมากกว่า พวกเราเลี้ยงเขาด้ว
สิ่งที่เขาต้องการนั้นง่ายมากทุกวันหลังทำงานเสร็จ เมื่อกลับถึงห้อง เห็นนางเลี้ยงลูก เล่นกับลูก นางหัวเราะ พวกเขาทั้งครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า อบอุ่นเหมือนภาพวาดนางนั่งอยู่ตรงหน้าเขานี้เอง เขาเหมือนอยู่ใกล้นางมาก แต่ก็เหมือนอยู่ไกลเกินกว่าจะเอื้อมสายตาของเขาลึกซึ้ง เข้าใกล้นางโดยไม่รู้ตัว จับคางของนางเบาๆฉู่เชียนหลีชะงักเล็กน้อย กำลังจะส่ายศีรษะ“ยังอุ้มเด็กไว้ อย่าขยับ” เขากล่าว ขณะเดียวกันก็ควักยาที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ออกมาก้อนเล็กๆ ทาลงบนแก้มของนางนิ้วมือนวดเบาๆ อ่อนโยนมากท่าทางที่ระมัดระวังนั่น เหมือนกำลังปฏิบัติต่อสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่งฉู่เชียนหลีหลุบตาลง ปล่อยให้เขาทำต่อไปเขากล่าว“ต่อไป ไม่มีใครสามารถรังแกเจ้าได้อีก”“ฉู่เจียวเจียวจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าอีก”“จำไว้ว่าวันข้างหน้าเจอเรื่องอะไรให้บอกข้า ข้าคือที่พึ่งของเจ้า เจ้าสามารถเชื่อใจข้าโดยไม่มีเงื่อนไข”“แค่เจ้าขมวดคิ้วทีหนึ่ง ข้าก็ไม่มีความสุขแล้ว เจ้าเข้าใจหรือไม่?”เขาถอนหายใจเบาๆ ซ่อนความรักและความอ่อนโยนทั้งหมดของตัวเองไว้ในนั้นหลังจากผ่านไปธูปครึ่งก้านทายาเสร็จก็ปล่อยนางแล้วในที่สุดฉู่เชียนหล
“ฝ่าบาท…”ฉู่เจียวเจียวเสียงอ่อน ข่มความโกรธลงไป เดินเข้าไปแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน “พระองค์เพิ่งขึ้นครองราชย์ มีเรื่องมากมายต้องทำ เรื่องของผู้หญิงในวังหลัง ให้หม่อมฉันดูแลเองเพคะ”ท่าทางของนางอ่อนโยนเอาใจใส่ วางมาดเหมือนเป็นภรรยาที่รู้หน้าที่เฟิงเจิ้งหลีมองนางอย่างเย็นชา“ให้เจ้าดูแล? แน่ใจหรือว่าไม่ใช่ช่วยจนยุ่ง ทำให้เรายิ่งต้องหนักใจ?”“...”นางก็แค่ให้ฉู่เชียนหลีอดอาหารสามวันไม่ใช่หรือ?ไม่ได้กินข้าวสามวัน ไม่ตายสักหน่อย ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้นางกลับปวดใจฉู่เชียนหลีจนมาถามนาง?ฉู่เจียวเจียวโกรธมาก มือสองข้างก็กำจนแน่นแล้ว เล็บมือจิกเข้าไปในฝ่ามือ กล่าวเสียงเย็น“ฉู่เชียนหลีคือภรรยาของผู้กระทำความผิด ไม่ฆ่านางก็ถือว่าเป็นบุญมากแล้ว หรือยังจะเลี้ยงนางไว้ในวัง ยกย่องให้เป็นแขกคนสำคัญ?”สายตาเฟิงเจิ้งหลีเย็นชา “ภรรยาผู้กระทำความผิด”“นางเป็นภรรยาผู้กระทำความผิดตั้งแต่เมื่อไร? เฟิงเย่เสวียนเขียนหนังสือปลดแล้ว นางเป็นเพียงพระชายาที่ถูกปลด เกี่ยวอะไรกับเฟิงเย่เสวียน? ฉู่เจียวเจียว ระวังคำพูดของเจ้า!”ฉู่เจียวเจียวสะอึกทันที“หม่อมฉัน…”“อีกอย่าง ฉู่เชียนหลียังมีประโยชน
“เป็นไปไม่ได้ที่เฟิงเย่เสวียนจะไม่ข้ามแม่น้ำ นอกเสียจากเขาติดปีกบินข้ามไป!”คำพูดของเฟิงเจิ้งหลีเพิ่งสิ้นเสียง ก็มองเห็นร่างกายของทหารคนนั้นสั่น สายตาของเขาเย็นลงทันที พลันกระชากคอเสื้อของเขา“เจ้ากำลังโกหก!”ทหารตกใจจนหน้าซีด“ฝ่า ฝ่าบาท…”“พูด เกิดอะไรขึ้นกันแน่!” เขาตวาดอย่างเย็นชา“กระหม่อม กระหม่อม…กระหม่อม…” ทหารอ้ำอึ้ง เห็นได้ชัดว่าเป็นอาการร้อนตัว มีบางอย่างปิดบังเมื่อเห็นฮ่องเต้พิโรธ รู้ว่าปิดไม่อยู่แล้ว เขากลัวจนยอมพูดสิ่งที่เกิดขึ้น“กระหม่อมพูด! ในคืนเมื่อสามวันก่อน อ๋องเฉินพยายามบุกข้ามสะพาน รถม้าพลั้งตกลงไปในแม่น้ำอูหลาน แม่ทัพหลี่บอกว่าเป็นต้องเห็นคน ตายต้องเห็นศพ ตอนนี้กำลังกู้ศพ เตรียมนำศพของอ๋องเฉินกลับมา ค่อยสารภาพกับพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”“อะไรนะ!” อูหนูอุทานด้วยนิสัยของอ๋องเฉิน จะทำผิดพลาดเรื่องโง่ๆ อย่างรถม้าตกแม่น้ำได้อย่างไร?นางรีบถามต่อทันที“พวกเจ้าเห็นอ๋องเฉินตกแม่น้ำกับตาตัวเองหรือไม่?”คำถามนี้ทำเอาทหารตะลึงโดยตรง“ไม่ ไม่เห็น…คืนนั้น อ๋องเฉินอยู่ในรถม้าตลอด ไม่พูด ไม่แสดงตัว…”เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เขาเข้าใจอะไรบางอย่างทันที หน้าซีดเหมือนกับคนตา
พริบตาเดียว ก็ผ่านไปแล้วครึ่งเดือนตำหนักเจาหยางนี่เป็นวันที่เท่าไรที่ฉู่เชียนหลีถูกขังอยู่ที่นี่ นางจำไม่ได้แล้ว ตั้งแต่เฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยมา ทุกๆ วันของนางถูกเติมจนเต็มภายใต้การดูแลอย่างเอาใจใส่ บาดแผลบนแขนของจื่อเยี่ยหายดีแล้ว เจ้าหนูน้อยดูมีชีวิตชีวา ใบหน้าน้อยแดงระเรื่อ ดวงตาสุกใส สดชื่นคึกคัก ร้องอีอาๆ ทุกวันจับตรงนี้ ถีบตรงนั้นผ้าอ้อมที่เพิ่งเปลี่ยนเสร็จ ถูกเขาถีบจนเบี้ยวเพราะพลิกตัว“อา!”เสียงทั้งดังทั้งสดใสเมื่อฉู่เชียนหลีที่อ่านตำราแพทย์ข้างเปลโยกได้ยินเสียง เงยหน้ามองไป ก็หน้าบึ้งทันที“เหตุใดถีบอีกแล้ว?”ทำได้เพียงเก็บตำราแพทย์ สวมผ้าอ้อมให้ดี หยิกแก้มเขาเบาๆ“เพิ่งกินอิ่ม ห้ามขยับมั่ว เดี๋ยวจะอาเจียนนมนะ รู้หรือไม่?” เสียงดุเหมือนกำลังขู่จื่อเยี่ยน้อยกระพริบดวงตาที่สุกใสคู่นั้น มองนางอย่างมีชีวิตชีวา แสยะปากน้อยๆ หัวเราะคิกคักฉู่เชียนหลีเพิ่งนั่งลง หยิบตำราแพทย์ขึ้นมาก็ได้ยิน“อา!”เสียงดังขึ้นเจ้าหนูน้อยดึงผ้าอ้อมออกนาง “...”ถือว่านางเข้าใจแล้ว เจ้าเด็กน้อยคนนี้ไม่อยากให้นางอ่านตำรา จงใจแกล้งนาง อยากให้หนังเล่นด้วยตีด่าก็ทำไม่ลง ทำได้เพียงถอน
เจียงหนานศาลาพักม้าภายในลานมีทหารยามเต็มไปหมด ชั้นบน ชั้นล่าง โถงทางเดิน คุ้มกันอย่างแน่นหนา ภายในห้องที่ปลอดภัยบนชั้นสอง มีหญิงงามอายุประมาณสามสิบเจ็ดแปดคนหนึ่งนั่งอยู่การแต่งกายเรียบง่ายสบายๆ สะอาดเรียบร้อย แม้การแต่งกายเรียบง่าย แต่ทุกการเคลื่อนไหวที่สง่างาม แผ่ความสูงศักดิ์ที่ฝังอยู่ในกระดูกออกมาอย่างเป็นธรรมชาตินางก็คือมารดาของจวินลั่วยวน…ฮองเฮาหนานยวน “ฮองเฮา สภาพอากาศของเจียงหนานไม่เหมือนแคว้นหนานยวน พระองค์ลองทาน้ำมันหอมที่ขมับ สามารถป้องกันอาการไม่พึงประสงค์พ่ะย่ะค่ะ”องครักษ์ลับกล่าวอย่างนอบน้อมฮองเฮาหนานยวนรับขวดมา หมุนเล่นในฝ่ามือครู่หนึ่ง หัวเราะอย่างลึกลับถ้าหากเพิ่งมาแคว้นตงหลิงครั้งแรก นางอาจจะไม่ถูกกับสภาพอากาศแต่หลายปีนี้ นางเคยมาที่นี่อย่างลับๆ ยี่สิบสามสิบครั้ง เคยชินกับสภาพอากาศของที่นี่นานแล้ววางขวดลง “ยวนเอ๋อร์ล่ะ?”องครักษ์ลับกล่าว“องค์หญิงเดินทางเร็ว ถึงเจียงหนานตั้งแต่เมื่อเจ็ดวันก่อน พักอยู่ที่ทำเนียบของผู้ว่าการเจียงหนาน อยู่กับอ๋องเฉิน ตอนนี้ปลอดภัยดีพ่ะย่ะค่ะ”นางพยักหน้าเข้าใจแล้วอ๋องเฉินแคว้นตงหลิงเป็นคนรู้จักแยกแยะ เรื่องนี้ นาง
“?”นางเพิ่งถลึงตา ก็เห็นอวิ๋นอิงอุ้มเด็กกลับไปแล้วนาง “...”ไม่เคยเห็นผู้ชายที่ขี้งกเช่นนี้มาก่อน…ขณะเดียวกัน ก็เกิดความอยากรู้อยากเห็น“ได้ยินมาว่า ท่านกับฮ่องเต้ตงหลิงแตกหักเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง?”และผู้หญิงคนนี้ ก็คือแม่ของฝาแฝดคู่นี้นางสงสัยมาก ผู้หญิงแบบไหนกัน ที่สามารถให้กำเนิดลูกสาวที่น่ารักทั้งสองคนนี้ และผู้หญิงแบบไหนกัน สามารถทำให้พี่น้องสองคนเกิดการต่อสู้ระดับบ้านเมืองผู้หญิงเช่นนี้ ควรเรียกว่าตัวหายนะที่นำภัยมาสู่บ้านเมืองและราษฎร“ได้ยินมาว่าท่านเตรียมบุกเจียงเป่ย ก็เพื่อผู้หญิงคนนี้เช่นกัน?”“ท่านรักนางมากเลย?”“นางสวยหรือไม่?”เพราะความอยากรู้อยากเห็น จวินลั่วยวนถามติดต่อกันสี่ห้าคำถามในสายตาของนาง อ๋องเฉินแคว้นตงหลิงเฉยเมย พูดน้อย เย่อหยิ่ง ไม่ว่าเวลาใดก็เย็นชาตลอด มีเพียงอยู่ต่อหน้าลูกสาวสองคนนี้ จึงจะเผยด้านที่อ่อนโยนออกมานางอยากรู้มาก ตกลงเป็นผู้หญิงแบบไหนกัน ที่สามารถครอบครองหัวใจของอ๋องเฉินเฟิงเย่เสวียนนึกถึงฉู่เชียนหลี รู้สึกอุ่นใจความรักที่อยู่ในใจ ไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูด“ถ้าหากองค์หญิงไม่มีอะไรแล้ว ก็กลับไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะพิจารณาข้อเสน
เฟิงเย่เสวียนหรี่ตาอ้าปากก็จะเอาหนึ่งในสามของดินแดน?โลภใช้ได้!เขากับเฟิงเย่เสวียนสู้กันภายใน เขาจะยกทัพทำศึกในแคว้นของตัวเอง เข่นฆ่าราษฎรของตัวเอง ปรากฏว่ายังต้องแบ่งดินแดนให้คนนอก เห็นเขาเป็นคนโง่หรือ?“องค์หญิงเชิญตามสบาย” เขาวางตะเกียบ ลุกขึ้นเดินจากไปแล้วจวินลั่วยวนอึ้งไปครู่หนึ่ง รีบลุกขึ้นเดินตาม“อ๋องเฉิน ท่านจะไม่ลองคิดดูหน่อยหรือ?”“เทียบกับราชบัลลังก์แล้ว หนึ่งในสามของดินแดนนับอะไรไม่ได้เลย ท่านลองคิดดู ถ้าหากเปลี่ยนเป็นฮ่องเต้ตงหลิง เขาต้องใช้ดินแดนเหล่านี้ แลกกับการไร้ความกังวลตลอดไปแน่นอน”“ถ้าหากท่านไม่อยากเสียดินแดน หรือไม่ใช้ของอย่างอื่นแลก? ท่านอย่าเดินเร็วเช่นนี้สิ พวกเราคุยกันดีๆ ได้!”นางวิ่งไล่ตามนางตามลังเฟิงเย่เสวียน ประเดี๋ยวเอียงศีรษะไปทางซ้าย ประเดี๋ยวเอียงร่างกายไปทางขวา น้ำเสียงนุ่มนวล ท่าทางน่ารัก เหมือนกับแมลงตามตูดคนรับใช้และทหารเห็นแล้ว อดไม่ได้ที่จะขำได้ยินมาว่าฮ่องเต้หนานยวนมีลูกสาวแค่คนเดียว เอาอกเอาใจและให้ท้ายตั้งแต่เด็กเดิมทีคิดว่าองค์หญิงหนานยวนเป็นผู้หญิงสูงศักดิ์ เย่อหยิ่ง น่าเกรงขาม กลับคิดไม่ถึงว่าเป็นสาวน้อยที่สดใสร่าเริง
เวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน ผิวของเขาขาวเหมือนไม่ได้ตากแดดเป็นปี แทบสามารถมองเห็นเส้นเลือดสีฟ้าที่หางตาแล้วทั้งสองเจอกันสายตาบรรจบเขาเม้มปากยิ้ม เดินเข้ามาหานาง ฝีเท้าที่เดี๋ยวหนักเดี๋ยวเบา โอนเอียงเล็กน้อย แต่สามารถเดินอย่างมั่นคงทุกก้าวเขากล่าว “เจ้ากำลังตั้งครรภ์ เว่ยซีโตเช่นนี้แล้ว ต่อไปนางอุ้มนางบ่อย”พริบตาเดียว อวิ๋นอิงก็ตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว แต่เนื่องจากร่างกายนางอ่อนแอ ท้องเล็กเหมือนเพิ่งจะสี่เดือนนางอุ้มเว่ยซีไว้เมื่อเว่ยซีเห็นเขา ยื่นมือน้อยสองข้างออกไปด้วยรอยยิ้ม ปากก็สูงเสียงอีอาๆ“อุ้ม…”เขาเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้ม ในแววตาเต็มไปด้วยความรักและความอ่อนโยน รับเด็กมา เด็กน้อยที่อ้วนท้วนทับจนเขาเซถอยหลังสองก้าวเมื่อทรงตัวได้ก็ตำหนิเบาๆ“เจ้านี่นะ ตัวอ้วนเช่นนี้ โตขึ้นผู้ชายคนไหนจะกล้าแต่งงานกับเจ้า?”“อาๆ…” เด็กน้อยหัวเราะคิกคักอวิ๋นอิงยืนอยู่ที่ข้างๆ มองจิ่งอี้ด้วยสายตาที่คาดคะเนเขาดูโทรมมาก?หรือว่าได้รับบาดเจ็บ?ตามที่นางรู้ สงครามที่เมืองเทียนสู่ยังไม่เริ่ม อยู่ดีๆ เขาไม่มีทางได้รับบาดเจ็บไม่รู้ว่าเขากำลังทำบ้าอะไรอยู่ แต่นางไม่อยากถามแม้แต่คำเดียว อ
หลังจากใช้เวลาหลายวัน ในที่สุดเฟิ่งหรานก็หาตัวอ่อนกู่แพทย์เจอแปดตัวในป่าลึกตัวอ่อนเหล่านี้อยู่บนเห็ดหลินจือ ขณะของมันแค่ใหญ่เท่าเส้นผมสองสามเส้น ตัวสีขาว บางๆ กินเห็ดหลินจือตั้งแต่เล็ก มีสรรพคุณยาในตัว และพวกมันที่ยังมีชีวิตยิ่งมีค่ามหาศาล“แมลงที่เจ้าต้องการ”เฟิ่งหรานเปิดกล่องผ้าแพรภายในกล่อง เห็ดหลินจือพันปี แมลงน้อยๆ แปดตัวเกาะอยู่บนนั้นไม่ต้องกังวลพวกมันหาย นอกจากเห็ดหลินจือ พวกมันก็ไม่ไปที่อื่นจิ่งอี้ใช้นิ้วลูบอย่างระมัดระวังแมลงที่ตัวเล็กแค่นี้และไม่สะดุดตา กลับสามารถช่วยชีวิตของอวิ๋นอิงกับลูก ช่างอัศจรรย์ ขณะเดียวกัน ก็สะเทือนใจเหลือเกินสวรรค์มีตาสวรรค์ไม่เคยทอดทิ้งคนมีความพยายาม“เตรียมวัตถุดิบยาที่พวกมันจะกินให้เรียบร้อย เลี้ยงดีๆ แล้วเลือดหัวใจป้อนอย่างไร?”เฟิ่งหรานเม้มปาก“ต้องป้อนอย่างต่อเนื่อง พวกมันดูดหมดแล้ว ก็ต้องป้อนต่อทันที”เมื่อจิ่งอี้ได้ยิน หยิบมีดสั้นออกมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เปิดเสื้อชั้นใน ใช้มีดแทงเข้าไปที่ตำแหน่งหัวใจโดยตรง และไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วเลือดหัวใจเอ่อล้นออกมา…ดึงมีดสั้นออกมา เลือดที่ปลายมีดหยดลงบนเห็ดหลินจือเบาๆติ๋ง!เลือดก
นางเงยหน้า แหงนมองเฟิงเย่เสวียน ใบหน้าทรงไข่ที่งดงามทำปากยื่น แลดูน้อยอกน้อยใจเล็กน้อย“อ๋องเฉิน เสด็จพ่อมีลูกสาวอย่างข้าแค่คนเดียว พวกเขาเอาอกเอาใจข้ามาโดยตลอด ข้าไม่สามารถดูแลตัวเองตั้งแต่เด็ก ข้าเพิ่งเดินทางไกลครั้งแรก ถ้าหากท่านไม่สนใจข้า ข้าก็จะไปหาฮ่องเต้ตงหลิงแล้วนะ…”กึ่งน้อยใจ กึ่งข่มขู่การปรากฏตัวของนาง เป็นตัวแทนของแคว้นหนานยวนถ้าหากอ๋องเฉินไม่ผูกมิตรกับแคว้นหนานยวน แคว้นหนานยวนก็ไปร่วมมือกับเฟิงเจิ้งหลี สองพี่น้องรบกัน อ๋องเฉินรับมือไม่ไหวแน่นอนนางให้ทางเลือกโดยตรงให้นางไปอยู่กับเขาที่ทำเนียบหรือไม่นางก็ไปหาเฟิงเจิ้งหลีเฟิงเย่เสวียนหลุบตา ก้มมองนางที่อยู่ข้างล่าง กล่าวอย่างเย็นชา“องค์หญิงเป็นพูดตรงเช่นนี้ตั้งแต่เด็กเลยหรือ?”จวินลั่วยวนสงสัย “หมายความว่าอย่างไร?”“ความหมายก็คือ ข้าจับตัวท่านตอนนี้ ไม่เพียงสามารถควบคุมแคว้นหนานยวน และยังทำให้ไม่สามารถสนับสนุนเฟิงเจิ้งหลี ยิงธนูดอกเดียวได้นกสองตัว”จวินลั่วยวนตะลึงเขาจะจับนาง?เอาใจ?“ได้ยินมาว่าอ๋องเฉินแคว้นตงหลิงเป็นคนตรงไปตรงมา มีคุณธรรม มีหลักการ ข้าเดินทางมาแคว้นตงหลิงในฐานะทูต ท่านกลับจะจับข้า? ท่
ยกมือ ฟัน แทง เกี่ยว…ทุกการกระบวนท่าเฉียบคม ดุดันไล่ต้อนเฟิงเย่เสวียนไพร่มือข้างหนึ่งไว้ข้างหลัง ใช้แค่มือเดียว เห็นกระบวนท่าแก้กระบวนท่า รับมือได้อย่างง่ายดาย ท่าทางที่ผ่อนคลายนั่น ราวกับไม่เคยเห็นอยู่ในสายตาดูเกียจคร้านคนชุดดำสังเกตเห็นแล้วปะทะกันสิบกว่ากระบวนท่า เขาไม่ใช้อาวุธก็ช่างเถอะ แถมยังใช้แค่มือข้างเดียว!ดูถูกนางเกินไปแล้วกระมัง?นางขมวดคิ้วด้วยความโมโห กระบวนท่าในมือก็ดุดันขึ้นสามส่วน การโจมตียิ่งรุนแรงแล้วขณะเดียวกัน เพราะโมโห จึงเผยช่องโหว่แล้วหนึ่งกระบวนท่าโจมตี เฟิงเย่เสวียนถอยหลังเพียงครึ่งก้าว ก็หลบพ้นกระบี่เล่มนั้น ขณะที่นางเตรียมโจมตีครั้งที่สอง เขายกมือคว้าคอของนางโดยตรง“วิธีปรากฏตัวขององค์หญิงน่าสนใจจริงๆ”เสียงทุ้มต่ำที่เฉยเมยของเฟิงเย่เสวียน ทำให้การเคลื่อนไหวของคนชุดดำชะงักแต่แค่อึดใจเดียวพลันสายตานางดุร้าย จะโจมตีอีกครั้ง“ยังสนุกไม่พอหรือ?” เขากล่าว “ข้าไม่มีนิสัยตีผู้หญิงกลางตลาด”“...”คนชุดดำแบะปาก โยนกระบี่ในมือทิ้ง เปิดผ้าคลุมหน้าภายใต้ผ้าคลุมหน้า ซ่อนใบหน้าหนึ่งที่งดงาม ประณีต สะอาด ธรรมชาติ และร่าเริงมีชีวิตชีวาไว้ ในแววตาซ่
“ส่งคนเข้าป่าทันที ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไร ก็จำเป็นต้องหาแมลงชนิดนี้ให้เจอ นำกลับมา ข้าเลี้ยงเอง”จิ่งอี้พับกระดาษจดหมาย กล่าวอย่างเด็ดขาด ตัดสินใจแล้ว ไม่อนุญาตให้มีข้อกังขาเขาตัดสินใจแล้วเฟิ่งหรานเม้มปากแน่น“ข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกผิดต่ออวิ๋นอิง แต่ถ้าเจ้าเป็นอะไรไปแม้แต่นิดเดียว เกี่ยวพันไปถึงแคว้นซีอวี้กับแคว้นตงหลิง…”อยู่ต่อหน้าเรื่องของบ้านเมือง ลูกหลานคนรักก็ควรวางไว้ข้างๆจิ่งอี้หลุบตาแค่รู้สึกผิดหรือ?เมื่อเวลาค่อยๆ ผ่านไป มีหลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปแล้ว และมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ได้เปลี่ยน ความรู้สึกที่เขามีต่ออวิ๋นอิงไม่เหมือนเมื่อก่อนนานแล้ว…หวงแหนวางไม่ลงรัก…เขาเม้มปาก ไม่ได้อธิบาย เฟิ่งหรานไม่เคยมีประสบการณ์ ไม่เข้าใจอะไรคือความรัก รอวันที่เขาเจอคนที่ชอบจริงๆ ก็จะเข้าใจในสิ่งที่เขาทำในวันนี้เองกล่าวอย่างเรียบเฉย“เวลาไม่คอยท่า ส่งคนเข้าป่าเถอะ”“ข้าไม่…ช่างเถอะ ข้าไม่สนใจเจ้าแล้ว! ตามใจเจ้าเลย!”ผ่านปีใหม่ ก็ฤดูใบไม้ผลิแล้วเฟิงเย่เสวียนยุ่งจนแทบไม่ได้หยุดพัก ตำแหน่งของเมืองเทียนสู่ตั้งอยู่ตรงจุดสำคัญที่เป็นเส้นบรรจบของเจียงหนานเจียงเป่ย และยังใกล้
เมื่อเฟิงเย่เสวียนได้ยิน สีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที รีบกล่าว“รีบเชิญคนเข้าจวน!”คนของสำนักคุ้มกันเทียนตี้มาแล้ว ส่งจดหมายมาสองฉบับ ฉบับหนึ่งให้เฟิงเย่เสวียน อีกหนึ่งฉบับให้จิ่งอี้เฟิงเย่เสวียนเปิดจดหมายอย่างแทบรอไม่ไหวลายมือที่คุ้นเคย คำทักทายที่เรียบง่าย ในถ้อยคำอันสวยหรือซ่อนความรู้สึกมากมายเอาไว้เขากางกระดาษจดหมายอออกอย่างระมัดระวัง อ่านช้าๆ ทีละคำอย่างละเอียด อ่านซ้ำรอบแล้วรอบเล่าเต็มไปด้วยความคิดถึงมองทะลุกระดาษจดหมายแผ่นนี้ ราวกับมีท่าทางของฉู่เชียนหลีตอนเขียนจดหมายปรากฏขึ้นตรงหน้า หลุบตาจริงจัง กัดปลายพู่กันเป็นระยะ ยิ้มเป็นบางครั้ง ขมวดคิ้วเป็นบางคราว…ทุกๆ คำล้วนเปลี่ยนเป็นใบหน้าของนางอักษรสั้นๆ เพียงไม่กี่บรรทัด เขาจ้องอยู่ครึ่งชั่วยามเต็มๆไม่มีใครกล้ารบกวนสุดท้ายยังเป็นหานอิ๋งที่ส่งข่าวสำคัญเข้ามา“นายท่าน สายข่าวมารายงาน องค์หญิงแคว้นหนานยวนเดินทางมาเมืองหลวงในฐานะราชทูต อาจจะมาถึงเจียงหนานในอีกสองวัน พวกเราจะต้อนรับนางหรือไม่?”ความคิดของเฟิงเย่เสวียนจึงจะเปลี่ยนจากความคิดถึงไปเป็นเรื่องงานพับกระดาษจดหมายอย่างระมัด เก็บเข้าไปในอก ใช้ฝ่ามือกดแล้วกดอีก