ท้องฟ้าและทะเลสีครามเชื่อมต่อกันเป็นเส้นตรงฝูงนกนางนวลกระพือปีกบินอยู่เหนือท้องทะเลอวิ๋นฝูหลิงยืนอยู่บนดาดฟ้า ลมทะเลที่ปะทะหน้ามาพร้อมกับกลิ่นเค็มและความชื้นจางๆเทียนเฉวียนยืนอยู่ที่ข้างกายนาง มองดูท้องทะเลที่กว้างสุดลูกหูลูกตาวันนี้เป็นวันที่สามของการออกทะเลแล้วในสามวันนี้ พวกนางค้นหาตามเส้นทางจากอ่าวเสี่ยวเยว่ไปแคว้นญี่ปุ่น แต่กลับไม่พบอะไรเลยเซียวจิ่งอี้กับจั่วยวนกำลังติดตามคนญี่ปุ่น หายตัวไปจากอ่าวเสี่ยวเยว่อวิ๋นฝูหลิงสั่งให้เทียนเฉวียนพาคนไปค้นหาที่อ่าวเสี่ยวเยว่อย่างลับๆ จนทั่วแล้ว แต่ไม่พบร่องรอยของเซียวจิ่งอี้กับจั่วเยี่ยนเลยเมื่อเป็นเช่นนี้ ความเป็นไปได้ที่สูงที่สุดคือเซียวจิ่งอี้กับจั่วเยี่ยนออกทะเลไปพร้อมกับเรือของคนญี่ปุ่นแล้ว แม้ทะเลกว้างใหญ่ แต่ชาวญี่ปุ่นคนนั้นทำการค้าขายกับเวินเจา การเดินทางทางทะเล มีเส้นทางที่แน่นอนการแบ่งอำนาจไม่ได้มีเพียงเฉพาะบนบก บนทะเลก็มีเจ้าถิ่นเช่นกันถ้าหากออกนอกเส้นทาง ไม่แน่อาจจะหลงเข้าไปในถิ่นของคนอื่น หรือแม้แต่พบกับโจรสลัดดังนั้นขอแค่อวิ๋นฝูหลิงแล่นไปตามเส้นทางจากอ่าวเสี่ยวเยว่ไปแคว้นญี่ปุ่น ขอแค่หาชาวญี่ปุ่นคนนั้นเ
หลังจากหลายวันที่ใช้เวลาร่วมกัน คนที่เวินจือเหิงส่งมาเชื่อฟังมาก สามารถเรียกได้ว่าปฏิบัติตามคำสั่งของอวิ๋นฝูหลิงอวิ๋นฝูหลิงแค่ต้องการให้พวกเขาเชื่อฟัง และให้คำแนะนำที่มีประโยชน์แก่นางในเวลาจำเป็น ให้การออกทะเลครั้งนี้ราบรื่นและปลอดภัยก็พอแล้วจ้าวเสวียซือวิ่งไปที่ดาดฟ้า ก็ตะโกนถามอวิ๋นฝูหลิง “ถ้าได้ยินมาว่าช่วยคนขึ้นมาจากทะเล…”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้าให้เขา หลังจากนั้นมองไปที่ด้านข้างจ้าวเสวียซือมองตามสายตาของนาง ก็เห็นเด็กหนุ่มอายุประมาณสิบเจ็ดสิบแปดปีนั่งอยู่ตรงนั้น กำลังยัดหมั่นโถวเข้าปากเด็กหนุ่มกวาดมององครักษ์ที่อยู่โดยรอบองครักษ์ไปยืนคั่นระหว่างเขากับอวิ๋นฝูหลิง และตั้งท่าระวังกับปกป้องผู้ที่ต้องระวังคือเด็กหนุ่มคนนี้ ส่วนผู้ที่ต้องปกป้องคืออวิ๋นฝูหลิงแม้เด็กหนุ่มคนนี้ดูน่าสงสาร แต่อย่างไรก็เป็นคนที่ไม่รู้ที่ไปที่มา ต้องระวังไว้ก่อนจ้าวเสวียซือมองเด็กหนุ่มแวบหนึ่ง ประกายในแววตาดับลงทันทีเขาพึมพำเสียงเบา “ข้าคิดว่า…”เขาไม่ได้พูดคำที่เหลือออกมา แต่อวิ๋นฝูหลิงกลับเข้าใจความหมายของเขาพวกเขาล้วนคิดว่าเซียวจิ่งอี้กับจั่วเยี่ยนมีโอกาสที่จะอยู่บนทะเลมากที่สุดไม่แน่ว่า
อวิ๋นฝูหลิงเข้าใจความกังวลของจ้าวเสวียซือบนทะเลผืนนี้ไม่ได้มีเพียงพ่อค้าจากแคว้นต่างๆ ที่ทำการค้าทางทะเลกับต้าฉียังมีโจรสลัดที่คอยปล้นเรือสินค้าที่แล่นผ่านมาด้วยคนที่เวินจือเหิงส่งมา ล้วนคุ้นเคยกับเรื่องราวในทะเลภายใต้คำขอของอวิ๋นฝูหลิง หลายวันนี้พวกเขาได้เรื่องราวต่างๆ ที่พบเจอตอนออกทะเลให้ฟังไม่น้อย และยังมีประสบการณ์การใช้ชีวิตบนทะเลด้วยหนึ่งในนั้นก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับโจรสลัดโจรสลัดไม่ใช่พวกป่าเถื่อนทั้งหมด มีโจรสลัดบางส่วนที่เดินเส้นทางชิงไหวพริบพวกเขาจะส่งคนไปปลอมตัวเป็นผู้รอดชีวิตกลางทะเล อาศัยความเห็นใจของผู้คน หลังจากถูกช่วยขึ้นมาแล้ว แกล้งเป็นผู้อ่อนแอเพื่อให้ได้มาซึ่งความเห็นใจและเชื่อใจจากนั้นร่วมมือกับโจรสลัดที่ซ่อนอยู่ในมุมมืดเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่ต้องออกแรงเยอะ สามารถจับคนและปล้นทรัพย์สินทั้งหมดบนเรือได้อย่างง่ายดาย จ้าวเสวียซือสงสัยว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าคือสายลับ แน่นอนว่าอวิ๋นฝูหลิงก็มีความสงสัยเช่นเดียวกับจ้าวเสวียซือนางไม่ได้เชื่อคำพูดของเด็กหนุ่มคนนี้ทั้งหมดถ้าหากอยู่บนบก หลังจากอวิ๋นฝูหลิงช่วยเด็กหนุ่มคนนี้ อยากมากให้เงินเขาเล็กน้อย แล้วไล่เขาไป
นางคว้าฟางอวี่ไว้ ยกมือดึงน้ำเต้าหยกที่ห้อยอยู่บนคอของเขาลงมานางดูน้ำเต้าหยกชิ้นนั้นอย่างละเอียดนี่เป็นของเซียวจิ่งอี้ก่อนเซียวจิ่งอี้ออกจากเมืองหลวง อวิ๋นฝูหลิงห้อยน้ำเต้าหยกชิ้นนั้นบนคอเขากับมือตัวเอง อวิ๋นฝูหลิงสั่งทำน้ำเต้าหยกชิ้นนี้โดยเฉพาะ นางจำไม่ผิดแน่นอน! นางบิดเบาๆ ด้านบนของน้ำเต้าหยกก็หลุดออก เคยให้เห็นภายในที่ว่างเปล่า หยดน้ำแห่งจิตวิญญาณในน้ำเต้าหยกหมดแล้ว หลงเหลือเพียงเศษเสี้ยวของพลังวิญญาณอวิ๋นฝูหลิงมีความอ่อนไหวต่อพลังวิญญาณในมิติมาก ด้วยเหตุนี้แค่ดมก็รู้แล้วเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเห็นดังนี้ ก็ยิ่งมั่นใจแล้วว่านี่เป็นน้ำเต้าหยกที่นางมอบให้เซียวจิ่งอี้น้ำเต้าหยกสามารถทำเลียนแบบ แต่หยดน้ำแห่งจิตวิญญาณในน้ำเต้าหยก มีความพิเศษเฉพาะตัวฟางอวี่เห็นอวิ๋นฝูหลิงเอาน้ำเต้าหยกไป สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน“คืนให้ข้า…”อวิ๋นฝูหลิงกำน้ำเต้าหยกไว้ สีหน้าตึงเครียด “เจ้าไปได้น้ำเต้าหยกนี้มาจากไหน?”“นี่เป็นของของข้า!” ฟางอวี่ปากแข็ง พลางกล่าว พลางแย่งน้ำเต้าหยกกลับมาจากมืออวิ๋นฝูหลิงสีหน้าอวิ๋นฝูหลิงเคร่งขรึมทันที “เทียนเฉวียน พาเขาลงไป!”เมื่อเห็นอวิ๋นฝูหลิงเปลี่ยนท่าทีกะท
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จ้าวเสวียซือก็รีบเข้าไปในห้องเช่นกันเทียนเฉวียนสั่งองครักษ์ที่อยู่หน้าประตู “เฝ้าให้ดี ห้ามใครเข้าออก โดยเฉพาะคนของสกุลเวิน!”แม้ชั้นนี้ล้วนเป็นคนของพวกเขา แต่เทียนเฉวียนยังคงระวังตัวมากคนของสกุลเวินเป็นพันธมิตรก็จริง แต่ท้ายที่สุดก็แค่ร่วมมือกันชั่วคราวเพื่อผลประโยชน์ จะไว้ใจเลยไม่ได้ดังนั้นจุดที่ควรระวัง เทียนเฉวียนจะไม่ละเลยเด็ดขาดภายในห้อง อวิ๋นฝูหลิงถือน้ำเต้าหยกชิ้นนั้นไว้ ถ้าเฟิงอวี่อีกครั้ง “เจ้าไปได้น้ำเต้าหยกนี้มาจากไหน?”ฟางอวี่อ้ำอึ้ง เวลานี้เขาจึงจะตระหนัก เกรงว่าน้ำเต้าหยกชิ้นนี้ไม่ใช่ของทั่วไปสีหน้าอวิ๋นฝูหลิงเย็นชา น้ำเสียงดุดันขึ้นเรื่อยๆ“ของสิ่งนี้ไม่มีทางเป็นของเจ้า!”“ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง!”“ตกลงเจ้าไปได้น้ำเต้าหยกนี่มาจากไหน?”เมื่อเห็นฟางอวี่ยังไม่ยอมพูด อวิ๋นฝูหลิงร้อนใจจนหมดความอดทนเช่นกันก่อนหน้านี้นางรู้สึกว่าเซียวจิ่งอี้มีหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณที่นางให้อยู่ในมือ ก็มีไพ่ตายที่สามารถรักษาชีวิตหนึ่งใบต่อให้เขาประสบอุบัติเหตุ ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย แต่มีหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณอยู่ ชีวิตของเขาจะปลอดภัยต้องสามารถยืนหยัดจ
ข้างบนของน้ำเต้าหยกเป็นใบน้ำเต้า กลไกที่ใช้เปิดน้ำเต้าหยกติดตั้งอยู่ตรงใบน้ำเต้าใบน้ำเต้ากับน้ำเต้าเชื่อมต่อกันเป็นหนึ่ง คนทั่วไปจะคิดไม่ถึงว่าบนใบน้ำเต้ามีกลไกกลไกบนน้ำเต้าหยกสร้างโดยใช้แบบเกลียวหมุนทวนซ้ายของยุคปัจจุบันการเปิดปิดแบบหมุนเช่นนี้เห็นได้ทั่วไปในยุคปัจจุบัน แต่ในยุคที่เข้ารูปสิ่งของด้วยเดือย คนที่รู้วิธีเปิดกลไกเกลียวหมุนทวนซ้ายของน้ำเต้าหยก นอกจากนางกับเซียวจิ่งอี้ เกรงว่าแทบจะไม่มีใครอีกแล้วอวิ๋นฝูหลิงคาดเดาว่าหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณในน้ำเต้า อาจจะถูกเซียวจิ่งอี้ใช้ไปแล้วก่อนที่ฟางอวี่จะเก็บได้คิดถึงตรงนี้ ขณะเดียวกับที่อวิ๋นฝูหลิงแอบโล่งอก ก็ยิ่งรู้สึกกังวลแล้ว ก่อนหน้านี้นางกังวลว่าหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณในน้ำเต้าหยกจะถูกคนอื่นใช้หยดน้ำแห่งจิตวิญญาณไม่ใช่ของธรรมดา ถ้าหากมีคนรู้เรื่องนี้ เป็นไปได้ว่าจะเริ่มสืบจากน้ำเต้าหยกความลับที่นางมีมิติ จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้เด็ดขาดต่อให้เป็นเซียวจิ่งอี้ อวิ๋นฝูหลิงก็ไม่เคยคิดจะสารภาพกับเขาเมื่อความลับถูกพูดออกไป ก็ไม่ใช่ความลับอีกแล้วและธรรมชาติของมนุษย์ไม่อาจทนต่อการทดสอบอวิ๋นฝูหลิงไม่อยากเปิดเผยความลับ นางเลี่ยงหั
นึกถึงฉากกระแสน้ำวนในทะเล ฟางอวี่ยังคงรู้สึกหวาดกลัวถ้าไม่ใช่เพราะเจอพวกอวิ๋นฝูหลิง ถ้าไม่ใช่เพราะพวกอวิ๋นฝูหลิงช่วยเขาขึ้นมาจากทะเล เกรงว่าตอนนี้เขาคงตายอยู่ในทะเลเหมือนเพื่อนที่หนีออกมาด้วยกันแล้วเมื่อจ้าวเสวียซือฟังมาถึงตรงนี้ อดไม่ได้ที่จะดึงแขนเสื้อของอวิ๋นฝูหลิง กล่าวเสียงเบา “ท่านอ๋องกับผู้บัญชาการจั่วน่าจะอยู่บนเกาะหมัวกุ่ย”“พวกเราต้องไปเกาะหมัวกุ่ย!”อวิ๋นฝูหลิงก็คิดเช่นนี้แต่ก่อนหน้านั้น ยังมีบางเรื่องที่อวิ๋นฝูหลิงต้องยืนยันนางพยักหน้าให้จ้าวเสวียซือ เพื่อบอกให้เขาใจเย็นๆหลังจากนั้นแสร้งหยิบกระดาษวาดรูปออกจากแขนเสื้อสองสามม้วน แต่ที่จริงนำออกมาจากในมิตินางกางกระดาษวาดรูปออก เผยให้เห็นใบหน้าของเซียวจิ่งอี้นี่เป็นภาพที่อวิ๋นฝูหลิงวาดตอนมีเวลาว่างนอกจากเซียวจิ่งอี้ ยังมีจั่วเยี่ยนด้วยเพื่อระบุตัวตนได้ง่ายขึ้นตอนตามหาคนและตอนนี้ก็ได้ใช้งานพอดีอวิ๋นฝูหลิงวางภาพเหมือนของเซียวจิ่งอี้ลงตรงหน้าฟางอวี่ก่อน “เจ้าเคยเจอคนคนนี้ที่เกาะหมัวกุ่ยหรือไม่?”ฟางอวี่ดูภาพเหมือนอย่างละเอียด นึกครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็พยักหน้าแล้วกล่าว “เคยเจอ”“เขาเป็นแรงงานที่เพิ่งถูกส่งขึ้นเ
“ข้ารู้ ข้ารู้ว่าจะไปอย่างไร!”เทียนเฉวียนเห็นดังนี้ จึงจะปล่อยมือฟางอวี่เจ็บจนน้ำตาเล็ดแล้ว เขาพลางนวดไหล่ที่เจ็บ พลางขดตัวเข้าไปซ่อนที่มุมทำให้ดูน่าสงสาร อ่อนแอ และทำอะไรไม่ได้อวิ๋นฝูหลิงมองเขาแวบหนึ่ง “ข้าขอเตือนเจ้า อย่ามาเล่นตุกติกกับข้า!”“ถ้าหากเจ้าทำให้ข้าหงุดหงิด ข้ามีเป็นร้อยวิธีที่สามารถทำให้เจ้าทรมานยิ่งกว่าตาย”“คนโบราณว่าไว้ บุญคุณต้องตอบแทน ข้าช่วยเจ้าขึ้นมาจากทะเล นี่ก็คือบุญคุณช่วยชีวิต เจ้าควรจะตอบแทนหน่อยกระมัง?”ฟางอวี่พยักหน้ารัวๆ กล่าวอย่างมีชั้นเชิง “ข้าจะกล้าเล่นตุกติกกับท่านได้อย่างไร? ต่อไปผู้มีพระคุณให้ข้าทำอะไร ข้าก็จะทำอะไร!”บนใบหน้าอวิ๋นฝูหลิงเผยให้เห็นรอยยิ้มที่พึงพอใจ“ดีมาก พาพวกเราไปเกาะหมัวกุ่ย ขอแค่เจ้าสามารถช่วยพวกเราตามหาคนในภาพเหมือนเจอ ไม่เพียงบุญคุณที่ช่วยเจ้าก่อนหน้านี้หายกัน อีกทั้งข้ายังจะส่งเจ้ากลับต้าฉีด้วย แล้วให้เงินเจ้าหนึ่งก้อน เพียงพอที่จะให้เจ้าอยู่อย่างสุขสบายไปทั้งชีวิต”“ข้าเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ไม่ผิดคำพูดเด็ดขาด!”แม้ฟางอวี่รู้สึกกลัว แต่คำสัญญาของอวิ๋นฝูหลิงทำให้เขาหวั่นไหวแล้วเขาพยักหน้าทันที “ข้าฟังผู้มีพระคุณท
เทียนเฉวียนได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันทีว่าท่านอ๋องคิดจะนั่งรอลาภลอยในเมื่อเวินเจาผู้นั้นเป็นนายน้อยเผ่าเยว่ สถานะในเผ่าเยว่ก็ย่อมไม่ธรรมดาหลังจากคนแคว้นเยว่เหล่านั้นรู้ข่าวว่าเวินเจาถูกจับตัวมา จะต้องคิดหาวิธีมาช่วยเขาออกไปเป็นแน่เทียนเฉวียนไปทำตามคำสั่งของเซียวจิ่งอี้ทันทีทว่าหลังจากรอมาสามวัน ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากทางด้านเวินเจาแม้แต่น้อยเซียวจิ่งอี้ตระหนักได้ว่าตัวเองเจอคู่ต่อสู้เข้าแล้วราชครูแคว้นเยว่หลบหนีเก่งมาก ทำให้ยามนี้เขารู้สึกจนปัญญาอยู่บ้างหากพูดตามหลักการแล้ว คนแคว้นเยว่เหล่านั้นต้องการฟื้นฟูแคว้น ตัวตนของเวินเจาซึ่งมีสายเลือดราชวงศ์ จึงทำให้พวกเขามีเหตุผลอันชอบธรรมมิเช่นนั้นอาศัยเพียงราชครูผู้นั้น คนแคว้นเยว่ที่เหลือจะเชื่อฟังคำสั่งเขาได้อย่างไร?ทว่าหลังจากผ่านไปนาน คนแคว้นเยว่เหล่านั้นกลับไม่มีท่าทีว่าจะมาช่วยเวินเจาแม้แต่น้อยนี่หมายความว่ามองแผนของเขาออกใช่หรือไม่? หรือคิดว่ายามนี้ไม่ใช่จังหวะที่ดีในการช่วยเหลือ จึงกำลังวางแผนและเฝ้าดูอยู่?หรือคนแคว้นเยว่ยอมแพ้เรื่องนายน้อยเวินเจาผู้นี้แล้ว?เซียวจิ่งอี้คิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนแ
ทหารชั้นผู้น้อยคนนั้นได้กลิ่นเลือดจาง ๆ สายหนึ่งกลิ่นเลือดจางมาก จนแทบไม่ได้กลิ่นแต่เขาเกิดมาพร้อมจมูกที่อ่อนไหวต่อกลิ่น แค่เพียงกลิ่นจาง ๆ ก็สามารถได้กลิ่นเช่นกันทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินหลายก้าว ไล่ตามสือจ่างซึ่งเป็นผู้นำไปยามนี้สือจ่างเดินออกมาจากเรือนแล้ว ทหารชั้นผู้น้อยรีบเดินไปตรงหน้าสือจ่าง และกระซิบไม่กี่ประโยคก้นบึ้งในดวงตาของสือจ่างฉายแววประหลาดใจ และหันกลับไปมองลานบ้านด้านหลังในลานบ้าน ชายวัยกลางคนกับหญิงสาวผู้งดงามเห็นว่าในที่สุดทหารก็ตรวจค้นเสร็จแล้ว จึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกใครจะรู้ว่ายังไม่ทันถอนหายใจเสร็จ ประตูเรือนกลับถูกคนพังเปิดเข้ามาอย่างกะทันหันกลุ่มทหารที่เข้ามาตรวจค้นก่อนหน้านี้บุกเข้ามาอีกครั้งชายวัยกลางคนเห็นเช่นนั้นก็ใจเต้นแรง แต่บนใบหน้ากลับยังสงบ และก้าวออกมาด้วยรอยยิ้มคาดไม่ถึงว่าเขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก สือจ่างผู้นั้นซึ่งเป็นหัวหน้าก็ผลักเขาไปด้านข้าง ก่อนออกคำสั่งเสียงเคร่งขรึมว่า “ค้นหาทั้งในและนอกเรือนใหม่อีกครั้ง ค้นให้ละเอียด!”ทหารทุกคนตอบรับ และแยกย้ายไปค้นหาอีกครั้งทันทีทหารชั้นผู้น้อยซึ่งประสาทรับกลิ่นไวยืนอยู่ที่เดิม จมูกขยับฟ
“ขอรับ” เทียนซูรับคำสั่งก่อนจะถอยออกไปผ่านไปไม่นาน เทียนซูก็กลับมา“ท่านอ๋อง ผู้ดูแลหอจินอวี้กับพนักงานยืนยันศพกันหมดแล้วขอรับ แน่ใจแล้วว่าเป็นคนที่อยู่ข้างตัวราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้น”เซียวจิ่งอี้ใคร่ครวญครู่หนึ่ง ก่อนถามว่า “คนผู้นี้ถูกจับได้ที่ใด?”“ถูกจับที่ตรอกหูลู่ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองขอรับ” เทียนซูตอบกลับเซียวจิ่งอี้กล่าวทันที “ไปเอาแผนที่จินโจวมา”ผ่านไปไม่นาน แผนที่จินโจวก็ถูกแขวนขึ้นเซียวจิ่งอี้เดินไปข้างหน้าแผนที่ หาตำแหน่งตรอกหูลู่บนแผนที่เขายื่นมือออกไปแตะบนแผนที่ หลังจากนั้นก็วงขอบเขตโดยประมาณและกล่าวว่า“ถ่ายทอดคำสั่ง ให้คนไปค้นหาทุกซอกทุกมุมของตรอกหูลู่”คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ย่อมไม่ปรากฏตัวที่ตรอกหูลู่โดยไม่มีสาเหตุบางทีสถานที่ซ่อนตัวของพวกเขา อาจจะอยู่ใกล้ตรอกหูลู่นอกจากนี้คนผู้นั้นที่ถูกจับได้ ยังกัดลิ้นปลิดชีพตัวเอง ไม่ให้ความหวังตัวเองว่าจะมีชีวิตรอดเลย เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อปกป้องใครบางคนดูท่าคนรอบกายราชครูแคว้นเยว่ผู้นั้นจะจงรักภักดีเป็นอย่างยิ่งการเดินทางมาจินโจวครั้งนี้ของเขา ไม่แน่คนข้างกายที่พามาอาจจะล้วนเป็นคนสนิททั้งสิ้นหากคนสนิทเห
จิตรกรฝีมือดีเช่นนี้ เหตุใดจึงถูกเซียวจิ่งอี้เชิญไปได้ง่าย ๆยิ่งไปกว่านั้นจิตรกรฝีมือดีเหล่านั้นก็ยังไม่เคยเห็นพวกท่านจอมปราชญ์เหวินมาก่อน เหตุใดจึงสามารถวาดภาพเหมือนจากความว่างเปล่าให้เหมือนพวกเขาโดยสมบูรณ์ได้?นอกจากนี้ท่านจอมปราชญ์เหวินอยู่ที่จินโจวมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินว่าในจินโจวมีจิตรกรชื่อดังอันใดเลยตั้งแต่เขาหลบหนีจากหอจินอวี้มาจนถึงตอนนี้ ก็ยังผ่านไปไม่พ้นครึ่งวันเสียด้วยซ้ำภายในระยะเวลาอันสั้นถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงมีคนที่สามารถวาดภาพพวกเขาออกมาได้มากมายเช่นนี้?ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินไม่อยากจะเชื่อแต่เห็นผู้ใต้บังคับบัญชาพูดจาหนักแน่น เขาก็ไม่กล้าคิดไปเองมากเกินไปไม่รู้เพราะเหตุใด เขามักรู้สึกว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซียวจิ่งอี้ จะมีความแปลกประหลาดมากเสมอบางทีอาจมีคนมากความสามารถอยู่ข้างกายเซียวจิ่งอี้จริง ๆ ซึ่งสามารถวาดภาพเหมือนออกมาได้เหมือนจริงโดยสมบูรณ์ โดยที่อาศัยเพียงคำอธิบายไม่กี่ประโยคยามนี้คนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา ต่างเป็นคนที่เคยปรากฏตัวที่หอจินอวี้หากข้างกายเซียวจิ่งอี้มีจิตรกรฝีมือดีอยู่จริง ๆ เกรงว่าคนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายเขา คงล้วนถูกวาด
ท่านจอมปราชญ์เหวินได้แต่แสร้งทำเป็นผ่านทางมา และรีบพาคนจากไปยามที่ออกมาจากหอจินอวี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็ถอดหน้ากากออกการสวมหน้ากากเดินบนท้องถนน จะยิ่งดึงดูดความสนใจหลังจากถอดหน้ากาก รูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก ในฝูงชนจึงแทบไม่มีใครสังเกตเห็นเมื่อคิดว่าแผนการของตนล้มเหลว จนถูกเซียวจิ่งอี้ไล่ล่าราวกับสุนัขไร้บ้านตัวหนึ่ง อีกทั้งนายน้อยเผ่าเยว่เป็นหรือตายก็ไม่อาจรู้ได้ ในใจท่านจอมปราชญ์เหวินจึงหดหู่เป็นอย่างยิ่งเป็นความผิดของเซียวจิ่งอี้!ท่านจอมปราชญ์เหวินรู้สึกราวกับว่าเซียวจิ่งอี้เกิดมาเพื่อเป็นหายนะของเขาเขาวางแผนจัดการเซียวจิ่งอี้หลายครั้ง แต่ก็ถูกอีกฝ่ายหลบเลี่ยงได้ทุกครั้งเมื่อเขาคิดจะฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายให้แคว้นต้าฉี ก็จะถูกเซียวจิ่งอี้ทำลายแผนการเสมอยามนี้เมื่อนึกถึงเซียวจิ่งอี้ ท่านจอมปราชญ์เหวินก็โกรธจนกัดกรามในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้ เขายังไม่มีกำลังที่จะโต้กลับได้รอก่อนเถอะรอให้เขากลับไปที่เมืองหลวง ก็จะสามารถอาศัยอำนาจขององค์ชายสาม จัดการเซียวจิ่งอี้ให้สิ้นซาก!ท่านจอมปราชญ์เหวินกัดฟัน ขณะที่สีหน้ามืดครึ้มผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดท่านจอมป
อวิ๋นฝูหลิงยังจำเรื่องที่เซียวจิ่งอี้ขอให้นางวาดภาพเหมือนได้หลังจากพบเซียวจิ่งอี้ ทั้งสองคนก็ไปยังคุกที่ขังผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ไว้เมื่อพูดถึงแขกผู้มีเกียรติบนชั้นสามของหอจินอวี้ ผู้ดูแลกับพนักงานของหอจินอวี้ก็ต่างจดจำได้เป็นอย่างดีชั้นสามของหอจินอวี้ ไม่ใช่ว่าใครต่างก็มีสิทธิ์ขึ้นไปได้นี่เป็นอุบายที่หอจินอวี้โยนออกมา เป็นวิธีดึงดูดลูกค้าเพื่อสร้างกำไรแบบหนึ่งผู้ที่สามารถขึ้นไปชั้นสามของหอจินอวี้ได้ หมายความว่าเป็นคนที่มีสถานะและทักษะการพนันสูงแต่กลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน กลับเป็นเวินเจาพาขึ้นไปด้วยตัวเองนับตั้งแต่เวินจือเหิงนอนป่วยติดเตียง อำนาจทั้งหมดของสกุลเวินก็ตกไปอยู่ในมือของเวินเจาเวินเจาพาคนไปพักอยู่ที่ชั้นสามของหอจินอวี้ ทั้งยังบอกให้ปรนนิบัติกลุ่มของท่านจอมปราชญ์เหวิน เหล่าคนของหอจินอวี้ย่อมไม่กล้าไม่เชื่อฟังไม่ว่าจะเป็นผู้ดูแลของหอจินอวี้ หรือพนักงาน ยามนี้เมื่อถูกขังอยู่ในคุก ทุกคนก็หวาดกลัวอยู่ตลอดเมื่อเห็นการสืบสวนก่อนหน้านี้ของเซียวจิ่งอี้ คนเหล่านี้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง และออกไปจากคุกโดยเร็ว ทุกคนต่างก็แย่งชิงกันเป็นคนแรกเพราะกล
“พี่สาม ทางด้านเมืองหลวงมีข่าวคราวบ้างหรือไม่?”“พวกท่านปู่โอวหยางคิดค้นเทียบยาใหม่ที่ใช้รักษาผู้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองได้แล้วหรือไม่?”หลังจากค้นพบขี้ผึ้งทอง อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงพวกรองเจ้าสำนักโอวหยางกับหมอหลวงจงมาร่วมศึกษาด้วยกัน ทั้งยังเขียนจดหมายส่งให้นายท่านผู้เฒ่าหาง รวมถึงส่งข้อมูลที่เกี่ยวกับชีพจรและการรักษาให้เขาด้วยแม้เมืองหลวงกับจินโจวจะเป็นสถานที่ที่ได้รับผลกระทบจากขี้ผึ้งทองมากที่สุด แต่ก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าที่อื่นจะไม่ได้รับผลกระทบถึงอย่างไรการค้าของแคว้นต้าฉีก็เจริญรุ่งเรืองมาก จากใต้ขึ้นเหนือมีพ่อค้ามากมาย บางทีอาจจะมีคนที่เดินทางระหว่างเมืองหลวงกับจินโจว ซื้อขี้ผึ้งทองติดไปด้วยสองสามกล่องก็เป็นได้อวิ๋นฝูหลิงคิดว่านางออกจากเมืองหลวงมาหลายวันถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าทางด้านเมืองหลวงจะมีความคืบหน้าใหม่อันใดบ้างตั้งแต่อวิ๋นฝูหลิงกลับมาถึงจินโจว ก็ยุ่งอยู่กับการรักษาผู้ป่วยมาโดยตลอด หางซานสุ่ยจึงไม่มีโอกาสได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับนางตอนนี้เมื่อเห็นว่าอวิ๋นฝูหลิงเป็นฝ่ายถามขึ้นมา หางซานสุ่ยก็นับว่ามีโอกาสแล้วเขาหยิบจดหมายสองสามฉบับออกมาจากในโต๊ะ“จดหมายพวกนี้ถูกส่ง
แม้ว่าราชครูแคว้นเยว่จะหนีไปแล้ว แต่เขาอยู่ที่หอจินอวี้ตั้งหลายวัน จึงมักจะมีช่วงเวลาที่ผ่อนคลายจนเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงแม้เขาจะใช้หน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่เสมอ จึงไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่คนรอบตัวเขาทุกคนจะสวมหน้ากากกระมัง?เริ่มต้นไล่ไปจากผู้ใต้บังคับบัญชา บางทีอาจจะค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ก็เป็นได้เซียวจิ่งอี้ตัดสินใจไต่สวนผู้ดูและกับพนักงานเหล่านั้นของหอจินอวี้ยังมีทักษะการวาดภาพเหมือนอันยอดเยี่ยมของอวิ๋นฝูหลิง จะต้องจับพวกปลาซิวปลาสร้อยพวกนั้นได้เป็นแน่แม้ว่ากลุ่มของราชครูแคว้นเยว่จะฉวยโอกาสวางเพลิงเพื่อหนีออกไปจากหอจินอวี้ แต่ประตูเมืองจินโจวก็ปิดอยู่ ยามนี้พวกเขาคงยังซ่อนตัวอยู่ในเมืองนอกจากนี้ มีบางสิ่งที่ต้องจัดการด้วยเช่นกันเซียวจิ่งอี้ยืนอยู่หน้าประตูสำนักผิงอัน หันกลับมามองอวิ๋นฝูหลิงที่กำลังยุ่งคราหนึ่งเพียงชั่วครู่เดียว เขาก็พลิกร่างขึ้นหลังม้า มุ่งตรงไปยังที่ว่าการเมืองจินโจวครึ่งชั่วยามต่อมา มีประกาศใบหนึ่งถูกนำมาติดไว้ที่ประตูที่ว่าการทั้งยังมีคนตีฆ้องจากที่ว่าการ อ่านเนื้อหาในประกาศไปทั่วเมืองประกาศนี้กล่าวถึงอันตรายของขี้ผึ้งทอง
“ข้าอยากจับคนร้ายที่กระทำความผิด ให้ได้แบบคาหนังคาเขา”“แต่ไม่คิดเลยว่าคนผู้นั้นจะโหดเหี้ยมถึงขั้นเสียสติ ตั้งใจวางเพลิงในหอจินอวี้ เพื่อหลบหนีการไล่ล่า”“เป็นเพราะข้าไม่รอบคอบ ทำให้ผู้บริสุทธิ์ทุกคนต้องตกอยู่ในอันตราย”“วันนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเพราะเหตุเพลิงไหม้ที่หอจินอวี้ ค่ารักษาและค่ายาข้าจะจ่ายให้เอง”“นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จะได้รับห้าตำลึง ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหนักจะได้รับสิบตำลึง”“ได้ยินว่ามีสองคนที่ถูกไฟไหม้จนบาดเจ็บสาหัส สองคนนี้จะได้รับยี่สิบตำลึง”“เงินเหล่านี้ถือเป็นน้ำใจเล็กน้อยจากข้า ที่อยากจะรักษาร่างกายเหล่าผู้บาดเจ็บ”“ข้าจะให้คนนำเงินมามอบให้ในภายหลัง!”ผู้บาดเจ็บทุกคนได้ยินเช่นนั้น ความไม่พอใจที่สุมอยู่ในอกก็หายไปกว่าครึ่งทันทีตอนนี้เมื่อย้อนคิดดูแล้ว เมื่อคืนยามที่หอจินอวี้ถูกปิดล้อม ผู้นำคนนั้นก็บอกว่าทำเพื่อสืบคดีบางอย่างจริง ๆคิดดูอีกครายามนั้นที่เกิดเพลิงไหม้ ทหารเหล่านั้นก็มิได้บังคับขังพวกเขาไว้ในหอจินอวี้ ทว่ากลับรีบเข้ามาในหอเพื่อดับไฟช่วยคนหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ เกรงว่าพวกเขาคงไม่ใช่แค่ได้รับบาดเจ็บ แต่กว่าครึ่งคงตายตกไปในเหตุเพ