หากนางต้องการคน ขอแค่นางบอกมา เกรงว่ากระทั่งหมอหลวงในสำนักหมอหลวงก็คงมีคนมากมายที่ยินยอมช่วยเหลือจำเป็นต้องมาถึงสกุลหางเชียวหรือ?การกระทำเช่นนี้ของอวิ๋นฝูหลิงนั้นถือว่านึกถึงบุญคุณที่สกุลหางได้ช่วยเหลือไว้ก่อนหน้านี้ จึงมามอบน้ำใจให้ถึงสกุลหาง!หลังจากที่นายท่านหางเข้าใจจุดสำคัญของเรื่องนี้ ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ความอบอุ่นแผ่ซ่านอยู่ในหัวใจวันนี้ข่าวที่อวิ๋นฝูหลิงจะผ่าท้องเอาเด็กออกให้ฮูหยินน้อยฉู่นั้นแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ในเมืองหลวงจึงมีเรื่องใหม่ให้ได้พูดคุยถกกันอย่างบ้าคลั่งบางคนตื่นตระหนกตกใจ บางคนก็สงสัยใคร่รู้และมีบางคนคิดจะฉวยโอกาสนี้ แอบปลุกปั่นสร้างเรื่องวันต่อมาอวิ๋นฝูหลิงหลับสนิทตลอดทั้งคืน เตรียมตัวไปจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความกระปรี้กระเปร่าเดิมทีวันนี้เซียวจิ่งอี้จะต้องไปตรวจตราค่ายใหญ่แถบชานเมืองหลวงทว่าพอเขานึกว่าวันนี้อวิ๋นฝูหลิงจะต้องผ่าท้องเอาเด็กออกให้ฮูหยินน้อยฉู่แล้ว เลยวางใจไม่ลงจริง ๆถึงอย่างไรการผ่าตัดครั้งนี้ก็นับว่าเป็นการผ่าท้องเอาเด็กออกในขณะที่คนยังมีชีวิตอยู่เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ ไม่ว่าจะเป็นสกุลฉู่ก็ดี
จ้าวเสวียซือจงใจลดเสียงให้เบาลง และยังยื่นศีรษะเข้าไปทางหน้าต่างรถเซียวจิ่งอี้มองเขาอย่างรังเกียจแวบหนึ่ง“ข้ารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร”“หดหัวของเจ้ากลับไป!”จ้าวเสวียซือหดศีรษะกลับไปอย่างอับอายพริบตาต่อมา เซียวจิ่งอี้ปิดหน้าต่างรถทันทีจ้าวเสวียซือรู้สึกถึงการเหยียดหยามของเซียวจิ่งอี้ โมโหจนแทบช้ำในเขาก็แค่รู้ตัวช้าไปหน่อย ไม่ทันสังเกตว่ามีบางอย่างผิดปกติ!หลังจากมาถึงจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน อวิ๋นฝูหลิงก็เข้าใจในสิ่งที่จ้าวเสวียซือพูดแล้ว เกือบครึ่งหนึ่งของเมืองหลวงล้วนรู้เรื่องคร่าวๆ แล้วจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินในวันนี้คึกคักมาก แขกเหรื่อเต็มไปหมดมีคนไม่น้อยที่อาศัยข้ออ้างมาเยี่ยมฮูหยินน้อยฉู่ เพื่อมาดูอวิ๋นฝูหลิงผ่าท้องทำคลอดฮูหยินฉู่รู้เจตนาการมาเยือนของคนเหล่านี้ แต่ก็ไม่สามารถไล่คนตรงๆ ได้ทำได้เพียงรับหน้าไปพลาง หาวิธีส่งแขกไปพลางทว่าฮูหยินฉู่ยังคิดวิธีไม่ออก อวิ๋นฝูหลิงก็มาถึงแล้วเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเห็นผู้คนที่อยู่เต็มลาน ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้และผู้คนที่มารุมสอบถามเรื่องการผ่าท้องทำคลอดกับฮูหยินฉู่ในตอนแรก เพิ่งเห็นอวิ๋นฝูหลิงมา ก็กรูกันเข้าไปหานางทันทีแต่หลัง
องครักษ์ของจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินไม่ธรรมดา แต่ละคนล้วนเป็นผู้กล้าที่เคยผ่านสนามรบและเคยเห็นเลือดมาก่อนถ้าหากมีคนกล้าบุกเข้าไป องครักษ์เหล่านี้ล้วนไม่ได้มีไว้ประดับ!แม้ฮูหยินฉู่รำคาญคนเหล่านี้ แต่ก็มีแผนรับมือในใจแล้วหลังจากนางพบว่าวันนี้มีผู้คนจำนวนมากมาที่จวน จึงเตรียมการทันทีมีองครักษ์ของจวนอยู่ที่นี่ วันนี้อย่าว่าแต่ห้องคลอดเลย ต่อให้เป็นลานเรือนของห้องคลอด ก็ไม่มีใครสามารถบุกเข้าไปได้เมื่อเหล่าฮูหยินที่อยู่ในลานเห็นดังนี้ ก็รู้ว่าวันนี้พวกนางไม่สามารถไปดูอวิ๋นฝูหลิงผ่าท้องทำคลอดที่ห้องคลอดแล้วด้วยเหตุนี้ทุกคนทำได้เพียงนั่งลงดื่มน้ำชาอย่างไม่พอใจเพราะการจากไปตอนนี้เลยมันไม่เหมาะสมต่อให้จะไป ก็ต้องไม่ใช่ตอนนี้ระหว่างทางที่ไปห้องคลอด อวิ๋นฝูหลิงถามฮูหยินฉู่ว่าพวกโอวหยางหมิงมาหรือยังโอวหยางหมิงและคนอื่นมากันแล้ว แต่ว่าฮูหยินฉู่พาพวกเขาไปยังอีกสถานที่หนึ่งอวิ๋นฝูหลิงได้ยินว่าพวกโอวหยางหมิงมากันแล้ว ก็เปลี่ยนใจทันที “ไปหาพวกเจ้าสำนักโอวหยางก่อน”เมื่อฮูหยินฉู่ได้ยิน ก็รีบพาอวิ๋นฝูหลิงไปยังห้องรับแขกที่ต้อนรับพวกโอวหยางหมิงทันทีภายในห้องรับแขก บรรยากาศกำลังครึกคร
อวิ๋นฝูหลิงเพิ่งฟื้นคืนสติอย่างงงงวย ก็ถูกตบหน้าอย่างแรง“นังตัวดี ข้าชอบเจ้านั้นเป็นวาสนาของเจ้า!”“เจ้ายังกล้ากัดข้าอีกหรือ? แรงแค่นี้คิดว่าสามารถหนีพ้นจากเงื้อมมือของข้าได้งั้นหรือ?”“ปรนนิบัติข้ากับพวกพี่น้องให้มีความสุขแต่โดยดี แล้วข้าจะปล่อยเจ้ากับเจ้าเด็กนั่น!”“ไม่เช่นนั้น รอพวกเราพี่น้องทุกคนสนุกกับเจ้าจนพอแล้ว จะขายพวกเจ้าสองแม่ลูกให้ซ่องเสีย!”ความรู้สึกเจ็บแสบที่แก้ม ทำให้สติของอวิ๋นฝูหลิงแจ่มชัดขึ้นหลายส่วนความโกรธอันไร้ขอบเขตพลุ่งพล่านอยู่ในก้นบึ้งหัวใจนางนางเป็นหมอเทวดาที่ได้รับความเคารพมากที่สุดในฐานปฏิบัติการโลกวิบัติ ใครหน้าไหนมันอยากตายถึงกล้าทำแบบนี้กับนาง?นางลืมตาขึ้น ก็มองเห็นชายคนหนึ่งที่กำลังกุมใบหูที่มีเลือดไหลพลางฉีกกระชากเสื้อผ้าของนางด้วยสีหน้าหื่นกามและยังมีผู้ชายอีกหลายคนยืนเยาะเย้ยอยู่ข้างๆ อย่างหยาบคาย“นังตัวดีนี่นิสัยรุนแรงใช้ได้ เมื่อครู่เกือบกัดหูลูกพี่ขาด”“นิสัยรุนแรงแบบนี้สิถึงจะมีรสชาติ…”“ลูกพี่ ท่านรีบจัดการเถอะ พวกเรายังรอสนุกอยู่นะ อีกเดี๋ยวมีคนมาก็อดหรอก”“วางใจเถอะ วันนี้ฝนตกหนักเช่นนี้ ไม่มีคนมาแน่นอน พวกเรามีเวลาอีกเยอะ ค
ระหว่างฟ้าดินที่ถูกหมอกปกคลุม เรือนไผ่สองชั้นหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางภายในเรือนไผ่เก็บทรัพยากรต่างๆ ที่อวิ๋นฝูหลิงรวบรวมมาได้ในโลกวิบัติ อวิ๋นฝูหลิงเดินวนในเรือนไผ่หนึ่งรอบ พบว่าทรัพยากรเหล่านั้นยังอยู่ นางรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นในทันทีด้านซ้ายของเรือนไผ่เป็นแปลงสมุนไพร ปลูกสมุนไพรนานาชนิดส่วนด้านขวามีหินย้อยก้อนหนึ่ง ห้อยอยู่กลางอากาศตรงปลายแหลมของหินย้อย มีน้ำหยดหนึ่งเกาะอยู่ หยดน้ำจะร่วงแหล่มิร่วงแหล่ส่วนด้านล่างของหินย้อยมีชามหินหนึ่งใบ ใช้สำหรับรองหยดน้ำที่หยดลงมาจากหินย้อยเวลานี้ในชามหินรองน้ำได้ครึ่งชามแล้วน้ำนี้เทียบได้กับยาวิเศษ เป็นของที่ดีมากคนทั่วไปดื่มสามารถเสริมสร้างสมรรถภาพทางกาย ร้อยโรคไม่กล้ำกราย คนป่วยดื่มสามารถขจัดร้อยโรค ฮึกเหิมประดุจมังกรและเสือผาดโผนในพริบตาเวลาปรุงยาเพิ่มหนึ่งหยด สามารถกระตุ้นสรรพคุณยา เพิ่มประสิทธิภาพเพียงแต่หยดน้ำแห่งจิตวิญญาณนี่หยดช้ามาก เก็บมานานสามเดือนกว่าเพิ่งจะได้แค่ครึ่งชามแต่สามารถมีหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณเช่นนี้ครึ่งชาม อวิ๋นฝูหลิงก็ดีใจมากแล้วนางรีบนำหยดน้ำแห่งจิตวิญญาณจากมิติมาดื่มสองอึกทันทีกระแสอุ่นสายหน
น้ำท่วมที่โหมกระหน่ำกลืนกินบ้านเรือนและไร่นาในพริบตาบ้านเรือนต้านแรงซัดของกระแสน้ำไม่ไหว ถูกซัดจนพังทลาย กลายเป็นเศษซากกระจัดกระจายไปทั่วชาวบ้านที่อยู่ด้านหลังเหล่านั้น ก็ถูกน้ำท่วมม้วนเข้าไปในพริบตาคนเหล่านี้ไม่ทันได้ส่งเสียงขอความช่วยเหลือด้วยซ้ำ หลังจากลอยคออยู่ในน้ำครู่หนึ่ง ก็ถูกน้ำท่วมพัดหายไปอย่างไร้ร่องรอยชาวบ้านคนอื่นเห็นสถานการณ์ อดไม่ได้ที่จะหน้าซีด ตอนนี้แทบจะใช้มือและเท้าปีนขึ้นยอดเขาอย่างสุดชีวิตโดยเฉพาะพวกชาวบ้านที่อยู่ท้ายขบวน พวกเขาเห็นคนที่อยู่ข้างหลังพวกเขาถูกน้ำท่วมกลืนกินต่อหน้าต่อตาอีกเพียงนิดเดียว พวกเขาก็เกือบจะถูกฝังท่ามกลางน้ำท่วมแล้ว!ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีเวลาสนใจสัมภาระที่หนักอึ้งบนแผ่นหลังแล้ว โยนของทิ้งก็ปีนขึ้นเขาอย่างสุดชีวิตในเวลาเช่นนี้ สิ่งของจะสำคัญกว่าชีวิตได้อย่างไร!อวิ๋นฝูหลิงกุมศีรษะปีนขึ้นเขา ระหว่างนั้นหันกลับมาดูสถานการณ์ของน้ำท่วมแวบหนึ่งน้ำท่วมที่อยู่ใต้เขาสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมู่บ้านจมไปแล้ว อีกทั้งปริมาณน้ำยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีแนวโน้มว่าจะท่วมสูงถึงไหล่เขาอวิ๋นฝูหลิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจเวลานี้เอง หญิงสาวคนห
อวิ๋นฝูหลิงเงยหน้ามอง ก็มองเห็นตรงจุดที่อยู่ห่างออกไปร้อยกว่าเมตร มีชายฉกรรจ์รวมกลุ่มกันห้าหกคน คนกลุ่มนี้กำลังคุยอะไรบางอย่าง และยังชี้มาทางนางเป็นระยะหนึ่งในนั้นก็คือชายที่ผอมเหมือนลิง คนที่หนีออกจากบ้านนางก่อนหน้านี้สายตาของลิงผอมปะทะสายตาของอวิ๋นฝูหลิงพอดี เขาจ้องเขม็งใส่นางแวบหนึ่ง เผยให้เห็นรอยยิ้มที่มีเจตนาร้ายแตกต่างจากคนที่วิ่งหนีกระเจิงก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง เหมือนมีที่พึ่งอะไรบางอย่างอวิ๋นฝูหลิงขมวดคิ้ว เกิดความหวาดระแวงขึ้นในใจทันทีนางจมจิตใต้สำนึกเข้าไปในมิติ เริ่มรื้อค้นในเรือนไผ่ชาติที่แล้วนางปรุงผงยาป้องกันตัวไว้ไม่น้อย อีกทั้งทำมาจากวัตถุดิบที่ปลูกในมิติทั้งหมด ประสิทธิภาพรุนแรงกว่าผงยาทั่วไปหลายเท่าอวิ๋นฝูหลิงเลือกผงยามาสองสามห่อ นำออกมาจากมิติโดยอาศัยการบดบังของแขนเสื้อ แล้วแอบใส่เข้าไปในกระเป๋าแขนเสื้อนางเหลือบมองพวกลิงผอมแวบหนึ่งถ้าหากคนเหล่านี้ไม่ยุ่งกับนางก็ช่างเถอะ แต่ถ้าหากกล้าลงมือกับนาง นางจะให้พวกเขาได้ลิ้มลองรสชาติของการตายทั้งเป็นแน่นอนขณะเดียวกัน ชายที่ผอมเหมือนลิงกำลังฟ้องพรรคพวก“ลูกพี่อู๋ ที่ข้าพูดเป็นเรื่องจริงนะ พวกพี่ใหญ่ข้าล้
โจวโหย่วเหลียงเพิ่งมารวมตัวกับครอบครัวบนยอดเขา ก็ได้รู้เรื่องที่อวิ๋นฝูหลิงช่วยชีวิตลูกเมียของเขาจากปากเจิ้งซื่อเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกใจหายหลังจากตั้งสติได้ เขาก็บอกเรื่องนี้กับบิดามารดาของตน จากนั้นก็ถือลูกเดือยถุงหนึ่ง พาลูกเมียมาขอบคุณเมื่อเห็นอวิ๋นฝูหลิงบ่ายเบี่ยง โจวโหย่วเหลียงที่เป็นผู้ชายก็ไม่สะดวกที่จะคะยั้นคะยออวิ๋นฝูหลิง ได้แต่ขอบคุณบุญคุณที่ช่วยชีวิตของอวิ๋นฝูหลิงอยู่ข้างๆ อย่างจริงใจจากนั้นก็ดึงโจวฉางจี๋มาตรงหน้าก่อนมาโจวฉางจี๋ก็ถูกอบรมก่อนแล้ว เขากล่าวด้วยเสียงที่นุ่มนิ่ม “ขอบคุณป้าอวิ๋น!”อวิ๋นฝูหลิงเห็นใบหน้าเล็กที่อวบอิ่มและรูปร่างอ้วนเล็กน้อยของเขา ดวงตาที่เหมือนองุ่นดำก็สดใสขึ้นมาทันทีและรู้ด้วยว่าเขาเป็นที่รักของคนตระกูลโจว ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถกินจนได้รูปร่างเช่นนี้ในครอบครัวชาวนาอวิ๋นฝูหลิงเห็นเขาน่ารักมาก อดไม่ได้ที่จะลูบศีรษะของเขา พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร!”พูดจบก็หันไปพูดกับสองสามีภรรยา “สถานการณ์เช่นก่อนหน้านี้ ข้าคิดว่าใครพบเจอก็ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ทุกคนเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน ช่วยเหลือกันและกันเป็นสิ่งที่สมควรทำ พวกเจ้าไม่จำต้อง
องครักษ์ของจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินไม่ธรรมดา แต่ละคนล้วนเป็นผู้กล้าที่เคยผ่านสนามรบและเคยเห็นเลือดมาก่อนถ้าหากมีคนกล้าบุกเข้าไป องครักษ์เหล่านี้ล้วนไม่ได้มีไว้ประดับ!แม้ฮูหยินฉู่รำคาญคนเหล่านี้ แต่ก็มีแผนรับมือในใจแล้วหลังจากนางพบว่าวันนี้มีผู้คนจำนวนมากมาที่จวน จึงเตรียมการทันทีมีองครักษ์ของจวนอยู่ที่นี่ วันนี้อย่าว่าแต่ห้องคลอดเลย ต่อให้เป็นลานเรือนของห้องคลอด ก็ไม่มีใครสามารถบุกเข้าไปได้เมื่อเหล่าฮูหยินที่อยู่ในลานเห็นดังนี้ ก็รู้ว่าวันนี้พวกนางไม่สามารถไปดูอวิ๋นฝูหลิงผ่าท้องทำคลอดที่ห้องคลอดแล้วด้วยเหตุนี้ทุกคนทำได้เพียงนั่งลงดื่มน้ำชาอย่างไม่พอใจเพราะการจากไปตอนนี้เลยมันไม่เหมาะสมต่อให้จะไป ก็ต้องไม่ใช่ตอนนี้ระหว่างทางที่ไปห้องคลอด อวิ๋นฝูหลิงถามฮูหยินฉู่ว่าพวกโอวหยางหมิงมาหรือยังโอวหยางหมิงและคนอื่นมากันแล้ว แต่ว่าฮูหยินฉู่พาพวกเขาไปยังอีกสถานที่หนึ่งอวิ๋นฝูหลิงได้ยินว่าพวกโอวหยางหมิงมากันแล้ว ก็เปลี่ยนใจทันที “ไปหาพวกเจ้าสำนักโอวหยางก่อน”เมื่อฮูหยินฉู่ได้ยิน ก็รีบพาอวิ๋นฝูหลิงไปยังห้องรับแขกที่ต้อนรับพวกโอวหยางหมิงทันทีภายในห้องรับแขก บรรยากาศกำลังครึกคร
จ้าวเสวียซือจงใจลดเสียงให้เบาลง และยังยื่นศีรษะเข้าไปทางหน้าต่างรถเซียวจิ่งอี้มองเขาอย่างรังเกียจแวบหนึ่ง“ข้ารู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร”“หดหัวของเจ้ากลับไป!”จ้าวเสวียซือหดศีรษะกลับไปอย่างอับอายพริบตาต่อมา เซียวจิ่งอี้ปิดหน้าต่างรถทันทีจ้าวเสวียซือรู้สึกถึงการเหยียดหยามของเซียวจิ่งอี้ โมโหจนแทบช้ำในเขาก็แค่รู้ตัวช้าไปหน่อย ไม่ทันสังเกตว่ามีบางอย่างผิดปกติ!หลังจากมาถึงจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดิน อวิ๋นฝูหลิงก็เข้าใจในสิ่งที่จ้าวเสวียซือพูดแล้ว เกือบครึ่งหนึ่งของเมืองหลวงล้วนรู้เรื่องคร่าวๆ แล้วจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินในวันนี้คึกคักมาก แขกเหรื่อเต็มไปหมดมีคนไม่น้อยที่อาศัยข้ออ้างมาเยี่ยมฮูหยินน้อยฉู่ เพื่อมาดูอวิ๋นฝูหลิงผ่าท้องทำคลอดฮูหยินฉู่รู้เจตนาการมาเยือนของคนเหล่านี้ แต่ก็ไม่สามารถไล่คนตรงๆ ได้ทำได้เพียงรับหน้าไปพลาง หาวิธีส่งแขกไปพลางทว่าฮูหยินฉู่ยังคิดวิธีไม่ออก อวิ๋นฝูหลิงก็มาถึงแล้วเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเห็นผู้คนที่อยู่เต็มลาน ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้และผู้คนที่มารุมสอบถามเรื่องการผ่าท้องทำคลอดกับฮูหยินฉู่ในตอนแรก เพิ่งเห็นอวิ๋นฝูหลิงมา ก็กรูกันเข้าไปหานางทันทีแต่หลัง
หากนางต้องการคน ขอแค่นางบอกมา เกรงว่ากระทั่งหมอหลวงในสำนักหมอหลวงก็คงมีคนมากมายที่ยินยอมช่วยเหลือจำเป็นต้องมาถึงสกุลหางเชียวหรือ?การกระทำเช่นนี้ของอวิ๋นฝูหลิงนั้นถือว่านึกถึงบุญคุณที่สกุลหางได้ช่วยเหลือไว้ก่อนหน้านี้ จึงมามอบน้ำใจให้ถึงสกุลหาง!หลังจากที่นายท่านหางเข้าใจจุดสำคัญของเรื่องนี้ ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ความอบอุ่นแผ่ซ่านอยู่ในหัวใจวันนี้ข่าวที่อวิ๋นฝูหลิงจะผ่าท้องเอาเด็กออกให้ฮูหยินน้อยฉู่นั้นแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ในเมืองหลวงจึงมีเรื่องใหม่ให้ได้พูดคุยถกกันอย่างบ้าคลั่งบางคนตื่นตระหนกตกใจ บางคนก็สงสัยใคร่รู้และมีบางคนคิดจะฉวยโอกาสนี้ แอบปลุกปั่นสร้างเรื่องวันต่อมาอวิ๋นฝูหลิงหลับสนิทตลอดทั้งคืน เตรียมตัวไปจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความกระปรี้กระเปร่าเดิมทีวันนี้เซียวจิ่งอี้จะต้องไปตรวจตราค่ายใหญ่แถบชานเมืองหลวงทว่าพอเขานึกว่าวันนี้อวิ๋นฝูหลิงจะต้องผ่าท้องเอาเด็กออกให้ฮูหยินน้อยฉู่แล้ว เลยวางใจไม่ลงจริง ๆถึงอย่างไรการผ่าตัดครั้งนี้ก็นับว่าเป็นการผ่าท้องเอาเด็กออกในขณะที่คนยังมีชีวิตอยู่เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ ไม่ว่าจะเป็นสกุลฉู่ก็ดี
กระทั่งยามที่ฉยงอวี้จวิ้นจู่ได้สติ อวิ๋นฝูหลิงก็โยนแส้ใส่อ้อมแขนของนางแล้ว“เอาละ พวกเราสองคนหายกันแล้วนะ”ฉยงอวี้จวิ้นจู่ถึงกับนิ่งอึ้งยามที่นาได้สติ ตัวอวิ๋นฝูหลิงก็เดินจากไปไกลแล้วฉยงอวี้จวิ้นจู่กำแส้ขี่ม้าในมือแน่น พร้อมกับคิ้วที่กระตุกเล็กน้อยอวิ๋นฝูหลิงผู้นี้ไม่เหมือนกับที่นางคิดเลยสักนิดนิสัยไม่เหมือนใครดี!หลังจากที่อวิ๋นฝูหลิงออกจากจวนแม้ทัพพิทักษ์แผ่นดิน ก็ไปยังเรือนในเมืองหลวงของสกุลหางนายท่านผู้เฒ่าหางดีใจยิ่งนักที่เห็นนางมา“ฝูหลิง ทำไมวันนี้ถึงได้มีเวลามาได้เล่า?”อวิ๋นฝูหลิงก้าวไปคารวะ แล้วยิ้มพลางกล่าวว่า “แน่นอนว่าเป็นเพราะคิดถึงท่านปู่หาง เลยมาเยี่ยมหาอย่าไรเล่าเจ้าคะ”นางเขย่าห่อกระดาษในมือเล็กน้อย “รู้ว่าท่านชอบกินขนมลี่จื่อของโจวจี้ จึงตั้งใจเอามาแสดงความกตัญญูกับท่านปู่เจ้าค่ะ!”รอยยิ้มบนใบหน้าของนายท่านผู้เฒ่าหางยิ่งกว้างกว่าเดิมรีบให้บ่าวไพร่นำขนมลี่จื่อที่อวิ๋นฝูหลิงนำมาไปวางใส่จานมา เขาจะไว้กินแกล้มกับชาปู่หลานพูดคุยกันได้สักพัก อวิ๋นฝูหลิงจึงพูดเรื่องจริงจังขึ้นมา“ท่านปู่หาง ตอนนี้ข้ามีคนไข้อยู่ในมือ นางตั้งครรภ์แฝด หากจะคลอดอย่างธรรมดา
ลูกเติบโตอยู่ในท้องของนางทุกวัน ๆ ทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหว ล้วนนำมาซึ่งความปีติยินดีที่ยากจะเอื้อนเอ่ยออกมาได้นางไม่อาจทอดทิ้งลูกในท้องได้จริง ๆหลังได้รู้จักกับวิธีการผ่าท้องเอาเด็กออกของอวิ๋นฝูหลิง ฮูหยินน้อยฉู่ก็ตัดสินใจได้เฉียบขาดเสียยิ่งกว่าผู้ใดเหล่าหมอที่รายล้อมอยู่ข้าง ๆ ล้วนอับจนหนทาง มิสู้ให้อวิ๋นฝูหลิงได้ลองทำมิดีกว่าหรือหากรักษาพวกนางสามแม่ลูกไว้ได้จะเป็นการดีที่สุดหากทำไม่ได้ เช่นนั้นก็เอาชีวิตของนางไปแทนลูก ๆ เถิดแม้นาจะตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ทว่ายามที่เหตุการณ์ดำเนินมาถึงตรงหน้า นางก็ยังคงตื่นเต้นอยู่ดีโชคดีที่อวิ๋นฝูหลิงพูดจานุ่มนวล ทำให้นางคลายความตื่นตระหนกในใจไปได้มากหลังจากอวิ๋นฝูหลิงจับชีพจรให้ฮูหยินน้อยฉู่แล้ว จึงกำชับนางว่านับตั้งแต่ตอนนี้ห้ามกินอะไรเข้าไป มิเช่นนั้นจะกระทบต่อการผ่าตัด เป็นอันตรายถึงชีวิตฮูหยินน้อยฉู่ได้ยินน้ำเสียงแสนจริงจังของอวิ๋นฝูหลิงแล้ว รีบแสดงท่าทีว่านางเชื่อฟังคำพูดของอวิ๋นฝูหลิงไม่มีบิดพลิ้ว ไม่กินอะไรลงท้องแน่นอนอวิ๋นฝูหลิงเห็นเช่นนั้น ก็พอใจมากนางชอบผู้ป่วยที่เชื่อฟังคำสั่งของหมอเป็นที่สุดหลังอวิ๋นฝูหลิงกำชับสิ่งท
โอวหยางหมิงไม่ทันตั้งตัวกับคำขอของอวิ๋นฝูหลิงเอาเสียเลยนี่เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ที่ทำการผ่าท้องเอาเด็กออก ในขณะที่มารดาที่ตั้งครรภ์ยังมีชีวิตอยู่หากเป็นอย่างที่อวิ๋นฝูหลิงพูดจริง ๆ ที่ว่าหลังผ่าตัดแล้ว ทั้งมารดาและบุตรล้วนมีชีวิตอยู่ต่อได้โดยปลอดภัยละก็ พอจะจินตนาการออกเลยว่าจะก่อความตื่นตะลึงมากมายมหาศาลเลยทีเดียววีรกรรมอันยิ่งใหญ่นี้ จะต้องถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์ทางการแพทย์ ถึงขั้นในตำราประวัติศาสตร์ก็อาจจะเป็นได้ว่าจะบันทึกเอาไว้อย่างโดดเด่นอีกด้วยฉากที่ได้เป็นประจักษ์พยานเช่นนี้ โอวหยางหมิงย่อมหวังว่าตัวเขาเองจะอยู่ในเหตุการณ์ด้วยหลังจากโอวหยางหมิงตอบรับคำร้องขอของอวิ๋นฝูหลิงแล้ว ก็เอ่ยถามอีกครั้งว่า “ฝูหลิง เจ้าต้องการผู้ช่วยสักกี่คน จะให้ปู่เรียกคนในสำนักแพทย์หลวงมาให้เจ้าสักหลาย ๆ คนหน่อยหรือไม่?”โอวหยางหมิงมั่นใจ ขอแค่เขาเรียกตัว เหล่าหมอหลวงในสำนักแพทย์หลวงจำนวนไม่น้อยจะต้องให้ความสนใจกับการผ่าคลอดครั้งนี้ ทั้งยังเต็มใจมาช่วยอีกด้วยอวิ๋นฝูหลิงส่ายหน้าพลางกล่าว “เรื่องท่านหมอนั้นข้ามีตัวเลือกอยู่ในใจแล้ว ไม่ต้องการใครอีกเจ้าค่ะ”“แต่ได้ยินว่าในสำนักแพทย์หลว
ยามนี้ ผู้เฝ้าประตูเดินเข้ามารายงานว่า “ท่านอ๋อง พระชายา แม่ทัพน้อยฉู่จากจวนแม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินมาขอรับ”“บอกว่าต้องการเชิญพระชายาให้ไปตรวจอาการอีกครั้งขอรับ!”อวิ๋นฝูหลิงวางชามโจ๊กในมือลง ฉวยผ้าเช็ดปากมาซับปากเล็กน้อย“เชิญให้ท่านแม่ทัพน้อยฉู่รอที่โถงหน้าสักครู่ อีกประเดี๋ยวข้าจะตามไป”เมื่อวานนี้นางมั่นใจยิ่ง ว่าท้ายที่สุดแล้วสกุลฉู่ก็จะมาหานางเนื่องจากสถานการณ์ของฮูหยินน้อยฉู่ หากเป็นการคลอดธรรมชาติ ด้วยวิชาแพทย์ในปัจจุบันนี้ของแคว้นต้าฉีนั้น แทบจะไม่มีหมอคนไหนที่สามารถรับรองความปลอดภัยของทั้งมารดาและบุตรได้เลยเดิมทีนางคิดว่าสกุลฉู่จะฝืนทนต่ออีกสองสามวัน เฝ้าหาหมอชื่อดังหลายท่านไปตรวจดูนึกไม่ถึงว่านี่เพิ่งผ่านไปเพียงวันเดียว ฉู่หมิงก็มาเชิญนางถึงหน้าประตูด้วยตนเองเสียแล้วการกระทำของสกุลฉู่ ยิ่งทำให้อวิ๋นฝูหลิงมั่นใจว่าสกุลฉู่เอนเอียงที่จะใช้วิธีผ่าท้องเอาเด็กออกที่นางเสนอแล้วเซียวจิ่งอี้ว่า “วันนี้ข้าไม่มีกิจอันใดพอดี ตามเจ้าไปได้”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า หลังกลับไปหยิบกล่องยาที่ห้องแล้ว จึงเดินไปที่โถงหน้ากับเซียวจิ่งอี้ฉยงอวี้จวิ้นจู่เห็นว่าไม่มีใครเรียกนาง ครั้นลองคิ
อย่าว่าแต่ฉยงอวี้จวิ้นจู่ถูกเซียวจิ่งอี้แย่งแส้ไปเลย นี่ยังถูกซักถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาขนาดนี้อีกครั้นฉยงอวี้จวิ้นจู่สบเข้ากับดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเดือดดาลคู่นั้นของเซียวจิ่งอี้ ในใจพลันหวาดหวั่นขึ้นมาแต่พอนึกถึงสาเหตุที่ตัวเองมาที่นี่ในวันนี้แล้ว จึงรู้สึกมั่นใจและหาญกล้าขึ้นมาทันที“พี่เจ็ด ท่านถามว่าข้าคิดจะทำอะไรหรือ? ข้าอยากถามอวิ๋นฝูหลิงมากกว่า ว่านางคิดจะทำอะไร?”“เจ้ายังจะกล้าต่อปากต่อคำอีก?” เซียวจิ่งอี้บันดาลโทสะ ง้างมือเหวี่ยงแส้ออกไปฉยงอวี้จวิ้นจู่หลบไปข้าง ๆ ด้วยความตกใจทันทีดวงตาคลอไปด้วยน้ำตา ท่าทางน้อยอกน้อยใจเป็นที่สุดทว่าแส้ของเซียวจิ่งอี้กลับสะบัดไปถูกอากาศเท่านั้น มิได้พุ่งไปยังบริเวณที่ฉยงอวี้จวิ้นจู่ยืนอยู่เมื่อครู่นี้ด้วยซ้ำ“หากเจ้ายังกล้าทำตนไม่เคารพไม่ให้เกียรติพี่สะใภ้เจ้าอยู่อีก หนหน้าแส้ในมือข้าจะไม่โดยเพียงอากาศแล้ว!” แววตาของเซียวจิ่งอี้เย็นชาเป็นอย่างยิ่งเขาไม่ยอมให้ใครหน้าไหนก็ตามมารังแกอวิ๋นฝูหลิง!ฉยงอวี้จวิ้นจู่เห็นเซียวจิ่งอี้มีโทสะเข้าแล้วจริง ๆ ถึงกับอดหดคอด้วยความหวาดกลัวไม่ได้นางชอบเล่นกับเซียวจิ่งอี้มาตั้งแต่เด็ก เพราะว่
“วันพรุ่งไม่สู้ลองเชิญพระชายาอี้อ๋องมาอีกครั้ง แล้วให้อธิบายวิธีผ่าเปิดหน้าท้องเอาเด็กออกให้ละเอียดดีหรือไม่?”“หลังลองฟังดูแล้วค่อยตัดสินใจกันอีกครา?”หลังจากที่คังจวิ้นอ๋องและคนอื่น ๆ สบตากัน ทุกคนล้วนเห็นด้วยที่วันพรุ่งจะเชิญอวิ๋นฝูหลิงมาอีกครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวคังจวิ้นอ๋อง พวกเขาอยากได้ยินอวิ๋นฝูหลิงพูดเองกับหูส่วนทางอวิ๋นฝูหลิงหลังจากกลับมาถึงจวนอี้อ๋องนั้น ก็เข้ามิติไปรื้อค้นในเรือนไม้ไผ่ เพื่อตระเตรียมของสำหรับการผ่าคลอดนางมีลางสังหรณ์ ว่าสุดท้ายแล้วสกุลฉู่จะยอมให้นางทำการผ่าคลอดวันต่อมา ขณะที่อวิ๋นฝูหลิงกำลังกินข้าวเช้า ในจวนอ๋องพลันมีแขกไม่ได้รับเชิญท่านหนึ่งปรากฏตัวครั้นอวิ๋นฝูหลิงรู้ว่าฉยงอวี้จวิ้นจู่เสด็จมา จึงประหลาดใจไม่น้อยนับแต่งานเลี้ยงพระราชวังเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ ทั้งคู่ก็ไม่ได้คลุกคลีอะไรกันอวิ๋นฝูหลิงสัมผัสได้ราง ๆ ว่าฉยงอวี้จวิ้นจู่ดูเหมือนจะมีเจตนาร้ายต่อนาง จึงคอยอยู่ห่าง ๆ ไว้แล้วเหตุใดนางถึงได้โผล่มาถึงหน้าจวนกะทันหันแบบนี้?วันนี้เซียวจิ่งอี้มิได้มีกิจอันใดพอดี และกำลังร่วมกินข้าวเช้าอยู่กับอวิ๋นฝูหลิงครั้นทราบว่าฉยงอวี้จวิ้นจู