ณ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกลางเมือง
“พราว”
เสียงเรียกที่ดังขึ้นจากข้าง ๆ ทำให้พราวมุกที่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่เงยหน้าขึ้นมองอย่างประหลาดใจ
“หื้ม?” พราวมุกหันไปมองพายอาร์ เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในรั้วมหาวิทยาลัยแล้วเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามว่ามีอะไร
“วันนี้แกไปทำงานหรือเปล่า?” พายอาร์ถามขึ้นแล้วมองเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าจริงจัง เพราะนอกจากเรียนหนังสือแล้ว เพื่อนของเธอยังรับทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต
“วันนี้ฉันหยุด ทำไมเหรอ?” พราวมุกคิดเล็กน้อยแล้วตอบออกไป
“ว่าจะชวนแกไปกินข้าวที่บ้านน่ะ”
เมื่อได้ยินคำตอบของเพื่อนสนิท พายอาร์ก็ยิ้มดีใจ จากนั้นก็เอ่ยชวนพราวมุกให้ไปกินข้าวที่บ้านของเธอทันที
“หื้ม? แกจะกลับบ้านเหรอ?”
พราวมุกขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วมองพายอาร์ด้วยความแปลกใจ เพราะปกติแล้วพายอาร์จะใช้ชีวิตที่คอนโดหรูใจกลางเมืองของเธอเป็นส่วนใหญ่ ไม่บ่อยนักที่เธอจะกลับบ้าน นอกเสียจากว่าจะถูกเรียกตัวกลับไป
“ก็แม่ฉันน่ะสิ บอกให้กลับบ้าน ต้องมีอะไรแน่ ๆ เลย”
พายอาร์ตอบพร้อมกับกลอกตามองบนอย่างเซ็ง ๆ เมื่อนึกถึงแม่ของเธอที่โทรมาตามให้กลับบ้านตั้งแต่เช้าแล้ว และยังมีการแอบเร่งเธออีก เธอจึงชวนเพื่อนสนิทไปด้วย เผื่อแม่คิดจะเล่นแง่อะไร เธอจะได้เอาพราวมุกไปเป็นข้ออ้าง
“แกจะบ้าเหรอ แกไปเถอะ บางทีคุณป้าอาจจะคิดถึงแกก็ได้ แกเล่นไม่กลับบ้านเลยนี่นา”
พราวมุกรีบปฏิเสธทันที เพราะรู้ว่าการที่เพื่อนสนิทถูกเรียกตัวกลับนี่ต้องมีอะไรมากกว่าการไปกินข้าวกับครอบครัวแน่ ๆ แต่เธอก็ช่วยพูดให้เพื่อนสนิทไม่คิดมากและระแวงมากจนเกินไป
“เหอะ แกยังไม่รู้จักแม่ฉันดี”
พายอาร์ทำเสียง ‘เหอะ’ขึ้นอย่างอดไม่ได้ เพราะรู้ดีว่าแม่ของเธอเป็นอย่างไร ถ้าเธอกลับไปคนเดียว มีหวังว่าถ้าไม่มีคนที่แม่นัดไว้เพื่อมาดูตัวกับเธอ ก็คงจะลากตัวเธอออกไปกินข้าวข้างนอกแล้วไปเจอคนรู้จักแน่ ๆ
“...” พราวมุกไม่ได้พูดอะไรตอบกลับเพื่อนสนิทไป ได้แต่ยิ้มแหยให้เท่านั้น
“สรุปแกจะไม่ไปกับฉันจริง ๆ เหรอ?” พายอาร์ยังคงเซ้าซี้ให้เพื่อนสนิทกลับบ้านกับเธอด้วย เพื่อที่จะเอาเพื่อนสนิทไปกันแม่ของเธอได้
“ไม่เอาอ่ะ แกก็โทรตามพี่พีกลับด้วยสิ” พราวมุกยังคงปฏิเสธและให้เพื่อนชวนพี่ชายของเธอกลับไปด้วย
“รายนั้นน่ะ ถ้าไม่เอาช้างไปฉุดก็ไม่กลับเหมือนกันนั่นแหละ”
เมื่อพูดถึงพี่ชายของตนเอง พายอาร์ก็ยิ่งเซ็งมากกว่าเดิม เพราะรายนั้นก็ไม่ต่างจากเธอนัก ถ้าไม่มีธุระสำคัญจริง ๆ ก็คงไม่กลับบ้านอย่างแน่นอนเพราะเขาเป็นคนแรกที่แม่จะมัดมือชกแล้วเอาถึงคลุมเลย
“แกก็เว่อร์ไป” พราวมุกยิ้มเล็กน้อยกับคำพูดเพื่อนสนิท
“โอเค ไม่ไปก็ไม่ไป แล้วนี่แกหาที่ฝึกงานได้ยัง?”
พายอาร์ยอมรับการตัดสินใจของเพื่อนในที่สุด และนึกขึ้นได้ว่าพี่ชายของเธอถามถึงเพื่อนสนิทตนเองด้วย เธอจึงถามพราวมุกไปเกี่ยวกับเรื่องฝึกงาน เพราะตอนนี้ทั้งคู่อยู่ปีสี่แล้ว เทอมหน้าก็ออกฝึกงานกันแล้ว
พี่ชายของเธอเคยถามเรื่องเพื่อนสนิทว่าฝึกงานที่ไหน ถ้ายังไงก็ให้ชวนไปฝึกด้วยกันที่บริษัทของครอบครัวเธอ โดยที่ตอนนี้มีพี่ชายเธอบริหารอยู่ มองมาจากดาวอังคารก็ยังรู้ว่าพี่ชายเธอคิดอะไรกับเพื่อนสาว แต่พายอาร์ก็ไม่อยากจะบังคับใจใคร เพราะรู้ซึ้งความรู้สึกนั้นดี
“ยังเลย อาจารย์ยังไม่เรียกไปคุยเลย” พราวมุกส่ายหน้าตอบ แต่ สีหน้าไม่มีความกังวลใจเลย เพราะศึกษาทุนอย่างเธอ อาจารย์คงหาที่ฝึกงานไว้ให้แล้ว
“เสียดายจัง นี่ถ้าแกไม่ใช่เด็กทุนที่ทางมหาวิทยาลัยต้องหาที่ฝึกให้เองนะ ฉันจะให้แกไปฝึกด้วยกันกับฉัน”
พายอาร์พูดขึ้นอย่างเสียดาย เพราะพราวมุกเป็นเด็กนักศึกษาทุนที่ได้เข้ามาเรียนที่นี่ ฉะนั้นการฝึกงานต้องขึ้นอยู่กับอาจารย์ว่าจะส่งไปฝึกที่ไหน ทำให้เธอไม่สามารถดึงเพื่อนสนิทไปฝึกงานกับตนเองด้วยได้
“หึ แต่ก็ดีนะ จะได้หาประสบการณ์ใหม่ ๆ จะให้พึ่งพาแกตลอดก็คงไม่ไหว” พราวมุกจึงพูดขึ้นอย่างสบาย ๆ
เพราะชีวิตในมหาวิทยาลัยเธอมีพายอาร์ข้างกายตลอด ไม่มีเพื่อนคนอื่นเลย และเมื่อเรียนจบแล้วเธอและเพื่อนก็ต้องแยกย้ายกันไปเติบโต ไม่สู้ตอนนี้เธอลองไปหาประสบการณ์ใหม่ ๆ คนเดียวก่อนดีกว่า
“ฉันเหงานี่สิ”
พายอาร์มุ่ยหน้าเล็กน้อย เพราะบริษัทที่เธอจะไปฝึกงานคือธุรกิจของที่บ้านเธอเอง และคนที่จะดูแลเธอก็คือพี่ชายของเธอเองด้วย
“ไม่เอาน่า นี่เราโตจนจะเรียนจบแล้วนะ จะข้ามไปวัยทำงานแล้ว” พราวมุกจึงปลอบใจเพื่อนสนิทให้คิดในแง่ดี
“พูดเหมือนพี่พีเลยแกอ่ะ” ได้ยินอย่างนั้นพายอาร์ก็บ่นขึ้น เพราะคำพูดเพื่อนสนิทนั้นเหมือนกับคำพูดของพี่ชายเธอเลย
“แล้วนี่จะกลับเลยป่ะ?”
พายอาร์เปลี่ยนเรื่อง เพราะนี่ก็ใกล้เวลาที่จะต้องกลับบ้านแล้ว
หลังเลิกเรียน พราวมุกและพายอาร์ก็มานั่งอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบด้วยกันที่ม้านั่งด้านหน้าคณะที่เป็นสวนหย่อมให้นักศึกษามานั่งเล่นกัน
“ใช่ ฉันจะกลับหอเลย แกล่ะ?” พราวมุกยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลาแล้วตอบออกไป
“ก็คงจะกลับบ้านเลย ป่ะ ฉันไปส่งแกก่อน” พายอาร์จึงชวนเพื่อนสนิทกลับเลย เธอจะได้แวะไปส่งพราวมุกก่อน
“ขอบใจนะ ไปเถอะ” พราวมุกไม่ปฏิเสธ เพราะรู้ว่าถึงปฏิเสธไปยังไงพายอาร์ก็บังคับให้เธอกลับด้วยอยู่ดี
สองสาวเพื่อนสนิทจึงพากันลุกขึ้นเก็บของแล้วเดินไปที่ลานจอดรถ จากนั้นพายอาร์ก็ขับรถมาส่งเพื่อนสนิทที่หอ
“ขับรถดี ๆ นะ ถึงบ้านแล้วทักบอกฉันด้วย”
พราวมุกหันไปบอกพายอาร์ เมื่อรถยนต์สุดหรูของเพื่อนมาจอดที่หน้าหอกลางเก่ากลางใหม่ที่เป็นหอพักของเธอเองแล้ว
“โอเค พรุ่งนี้เจอกัน” พายอาร์พยักหน้ารับแล้วเอ่ยลาเพื่อน
พราวมุกเปิดประตูลงรถมาแล้วยืนรอจนเพื่อนสนิทขับรถไปแล้วค่อยหมุนตัวเดินเข้ามาภายในหอ
“ป้าผ่อง สวัสดีค่ะ” พราวมุกยกมือไหว้เจ้าของหอที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“หนูพราว กลับมาแล้วเหรอลูก” ป้าผ่องที่กำลังลากถุงดำออกมาจากด้านในหอก็เงยหน้าขึ้นมาทักทายหญิงสาวที่เธอรักและเอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลาน
พราวมุกอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ปีสอง หลังจากที่ย้ายออกมาจากหอในแล้ว จึงสนิทกับป้าผ่องเป็นพิเศษ
“ค่ะ แล้วนี่จะขนของไปไหนคะ?” พราวมุกยิ้มรับแล้วเดินเข้าไปช่วยป้าผ่องถือถุงในมือ
“มีคนย้ายออกน่ะจ๊ะ ป้าเลยขึ้นไปเก็บกวาดห้อง นี่ก็จะเอาไปทิ้ง”
“เดี๋ยวหนูช่วยค่ะ” พราวมุกรีบอาสาช่วยงานป้าผ่อง ซึ่งเป็นปกติอยู่แล้ว บางครั้งที่เป็นวันหยุด เธอก็ชอบมารับงานเสริมช่วยป้าผ่องทำความสะอาดห้องที่ย้ายออกเป็นประจำ
“ขอบใจลูก” ป้าผ่องมองเด็กสาวที่กระตือรือร้นช่วยงานนางด้วยความเอ็นดู
พราวมุกอยู่ช่วยงานป้าผ่องไม่นานก็ถูกไล่ให้ขึ้นมาพักผ่อน แม้เธอจะบอกว่าไหวแต่ป้าผ่องก็ปฏิเสธ
แอดดดด
พราวมุกเปิดประตูเข้ามาในห้อง จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำความสะอาดห้องอีกเล็กน้อย จากนั้นเดินไปทิ้งตัวลงนอนมองเพดานด้วยความเหนื่อยล้า
พราวมุก วีรดล นักศึกษาทุนพิเศษของมหาวิทยาลัย เธอเป็นเด็กกำพร้าที่โตมาจากบ้านเด็กกำพร้า นามสกุลวีรดล คือนามสกุลของแม่ที่ดูแลเธอมาตั้งแต่เด็ก นั่นก็คือแม่มณี วีรดล เจ้าของบ้านเด็กกำพร้าแม่มณีนั่นเอง
พราวมุกถูกนำมาทิ้งไว้ที่หน้าบ้านแม่มณีตั้งแต่คลอดได้ไม่ถึงเดือน ตั้งแต่จำความได้เธอก็อยู่ที่นั่นมาโดยตลอด เธอเป็นเด็กดี เป็นที่รักของแม่มณีและพี่เลี้ยงทุกคน กับพี่น้องที่บ้านก็รักใคร่กลมเกลียวกันดี และด้วยความที่เธอเรียนเก่ง ฉายแววเฉลียวฉลาดตั้งแต่เด็ก ทำให้เธอเป็นเด็กนักเรียนทุนมาโดยตลอด
และพอถึงเวลาเข้ามหาวิทยาลัย เธอก็สอบชิงทุนได้ เป็นทุนพิเศษของคณะมนุษยศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษและการสื่อสาร ที่มีให้ทั้งค่าเล่าเรียนและค่าที่พัก ส่วนค่ากิน พราวมุกก็ทำงานพิเศษที่ร้านอาหารเพื่อนำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และก็มีเงินสนับสนุนที่ทางมหาวิทยาลัยให้มาพร้อมกับค่าที่พักอีกด้วยเดือนละห้าพันบาท แต่เงินส่วนนี้ พราวมุกเก็บไว้และใช้เงินที่ตนเองหามาได้แทน
ชีวิตของเธอ แม้จะน่าสงสารในสายตาคนอื่น แต่พราวมุกกลับมองว่ามันคือความสุข เธอไม่เคยโทษโชคชะตาเลย ไม่เคยโกรธพ่อแม่ที่เอาเธอมาทิ้งไว้ เพราะเธอถือว่ามันคือลิขิตของสวรรค์ พราวมุกจึงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมาโดยตลอด
The Follow Love 2. ครืด ครืดแรงสั่นของโทรศัพท์ที่หัวเตียง ทำให้สองร่างที่นอนเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงกว้างงัวเงียตื่นขึ้นมา“ฮัลโหล” ติณภัทรเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย โดยไม่มองว่าใครโทรมาให้เสียเวลา“คุณติณคะ!!” เสียงร้อนรนของปลายสายก็ดังขึ้นทันที“อื้ม มีอะไร?” ติณภัทรตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงติดหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะถูกรบกวนเวลานอนของตนเอง“เอ่อ คุณหญิงธนัชชามาหาค่ะ”“อะไรนะ!!” แต่เมื่อได้ยินปลายสายพูดมาอย่างนั้น ติณภัทรก็ผุดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วร้องถามขึ้นเสียงดัง ท่าทางงัวเงียก่อนหน้าไม่มีแล้ว มีแต่ความตกใจเท่านั้นในตอนนี้“คุณหญิงธนัชชามาหาคุณติณ ตอนนี้กำลังรออยู่ที่ห้องทำงานค่ะ” ปลายสายเอ่ยย้ำกลับมาด้วยคำพูดเดิม“เวรล่ะ” ติณภัทรสบถออกมาอย่างอดไม่ได้“เดี๋ยวฉันรีบไป” จากนั้นเขาก็รีบบอกปลายสายแล้วกดวางทันทีแต่ในขณะที่เขากำลังรีบร้อนจะลุกออกจากเตียง ก็มีมือสอดเข้ามากอดจากทางด้านหลัง ตั้งใจไม่ปล่อยให้เขาลุกออกไปไหนทั้งนั้น“จะรีบไปไหนคะติณ ไหนบอกว่าวันนี้ไม่มีงานไงคะ?”ลลิตา นางร้ายตัวแม่แห่งวงการบันเทิงเอ่ยถามแฟนหนุ่มของเธอพร้อมกับซบหน้าไปที่แผ่นหลังของเขาอย่างออดอ้อน“ผมมีธุระ
ณ มหาวิทยาลัย...“พราว อาจารย์หญิงเรียกหาน่ะ” เพื่อนร่วมคลาสของพราวมุกที่เป็นนักศึกษาทุนเช่นเดียวกันกับเธอเดินเข้ามาหา แล้วเอ่ยบอกธุระที่ได้รับมอบหมายมาจากอาจารย์ให้พราวมุกฟังทันที“อาจารย์หญิงเหรอ?” พราวมุกถามขึ้นเพื่อความแน่ใจ“ใช่ รีบไปนะอาจารย์รออยู่” ซึ่งเพื่อนคนนั้นก็พยักหน้ายืนยัน“ได้ ขอบใจที่มาบอกนะ” พราวมุกบอกขอบคุณเพื่อนแล้วยิ้มให้เล็กน้อย“อาจารย์เรียกแกทำไมอะ?” พายอาร์ที่นั่งอยู่ด้วยถามเพื่อนสนิทของเธอด้วยความแปลกใจ“เรื่องที่ฝึกงานละมั้ง” พราวมุกคิดสักพักแล้วพูดขึ้น เพราะอาจารย์หญิงที่ว่าคืออาจารย์ที่ดูแลเด็กทุนปีสี่ทุกคนของคณะมนุษยศาสตร์ ซึ่งก็คือคณะที่พราวมุกกำลังศึกษาอยู่นั่นเอง“จริงด้วย นี่แกอย่าลืมถามอาจารย์นะว่า ถ้าแกอยากจะมาฝึกกับฉัน อาจารย์พอจะอนุญาตไหม” พายอาร์นึกขึ้นได้ว่าพราวมุกยังไม่มีที่ฝึกงานเลย จึงบอกให้เพื่อนไปถามอาจารย์ด้วยเลยว่า สามารถเลือกที่ฝึกงานเองได้ไหม ถ้าได้ เธอจะได้มีเพื่อนไปฝึกด้วยกัน“ฉันว่าคงไม่ได้หรอก แล้วที่เรียกฉันไปนี่ก็คงมีที่ให้ฉันฝึกงานแล้วแน่นอน” แต่พราวมุกไม่ได้คิดอย่างนั้น เธอคิดว่าที่อาจารย์เรียกไปพบครั้งนี้ ก็คงจะเรียกไปคุยเรื่อง
The Follow Love 4.บริษัท PDNพราวมุกและพายอาร์เดินเข้ามาในบริษัทที่พราวมุกต้องมาฝึกงาน ทั้งคู่เดินไปที่ด้านหน้าเคาน์เตอร์ซึ่งมีไว้ติดต่องานหรือคุยธุระกับบริษัทแห่งนี้“ติดต่อเรื่องอะไรคะ?” พนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่นั่งอยู่เอ่ยถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเป็นกันเอง“มายื่นเอกสารฝึกงานค่ะ” พราวมุกจึงตอบกลับไปพร้อมกับยิ้มให้พนักงานคนนั้นตามมารยาท“ฝึกงาน?” แต่คำพูดของเธอทำให้พนักงานคนนั้นแปลกใจ และหันไปมองเพื่อนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยความสับสนมึนงง“ปกติที่บริษัทเราไม่รับเด็กนักศึกษาฝึกงานนะคะ” เพื่อนของเธอคนนั้นก็งงเช่นกัน จากนั้นก็หันมาพูดกับพราวมุกด้วยน้ำเสียงสุภาพ“ใช่ค่ะ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ?” พนักงานคนแรกที่คุยกับพราวมุกก็หันมาพูดเช่นกัน เพราะที่บริษัทนี้ไม่รับเด็กฝึกงานมานานมากแล้ว พวกเธอที่มาทำงานที่นี่ได้หลายปี ก็ไม่เคยเห็นว่ามีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยไหนมาฝึกงานที่นี่เลย“ไม่นะคะ นี่เป็นเอกสารที่บริษัทติดต่อไปค่ะ”พราวมุกเองก็หันไปมองหน้าพายอาร์ด้วยความไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน จากนั้นพายอาร์ก็หันมาพูดกับพนักงานตรงหน้า แล้วแย่งเอกสารในมือของเพื่อนยื่นไปให้ทั้งคู่ดู เพราะเธอก็มั่นใจว่า
The Follow Love 5.“โอเค ผ่าน พี่ชื่อเกษมณีจ้ะ หรือเรียกว่าพี่เกดก็ได้ ต่อไปน้องพราวมุกต้องมาฝึกงานเป็นผู้ช่วยของพี่เอง” เมื่ออ่านจนจบแล้วเกษมณีก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจ เพราะคุณสมบัติของหญิงสาวตรงหน้านั้นตรงกับที่เธอขอไปทุกอย่าง จากนั้นก็แนะนำตัวอย่างเป็นกันเอง“ค่ะ พี่เกด” พราวมุกยิ้มรับและเอ่ยเรียกชื่อเกษมณีอย่างสนิทสนม ต่อไปจะได้รู้สึกชิน เพราะเธอต้องมาฝึกงานที่นี่นานพอสมควร“บุคลิกดีนะนี่ ส่วนภาษาถ้าดูจากผลการเรียนแล้วก็คงจะแน่น ตรงกับที่พี่ต้องการเลย” เกษมณียิ้มพอใจแล้วเอ่ยชมเด็กสาวตรงหน้า“งานไม่ได้มีอะไรมากหรอกจ้ะ ช่วงนี้เป็นช่วงขยายการผลิต พี่เลยอยากหาคนมาช่วยงานสักคน แต่ถ้ารับคนที่มีประสบการณ์มาแล้วสอนยาก พี่เลยติดต่อให้อาจารย์หญิงหาให้ พี่ก็จบจากมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเรานั่นแหละ มาเรียนรู้กันดีกว่าว่าพราวต้องทำอะไรบ้าง “จากนั้นก็ทำการแนะนำงานที่เธอจะให้พราวมุกช่วย เธอเล่าด้วยว่าเธอเองก็จบมาจากมหาวิทยาลัยเดียวกันกับพราวมุก และคุ้นเคยกับอาจารย์หญิงเป็นอย่างดี“อ๋อ ค่ะ” พราวมุกจึงพยักหน้าเข้าใจ“แล้วนี่จะเริ่มฝึกงานช่วงไหนนะ?”“อีกหนึ่งสัปดาห์นิด ๆ ค่ะ” พราวมุกตอบกลับไป เพราะอีกแค
The Follow Love 6.หนึ่งสัปดาห์ต่อมา…พราวมุกลงจากรถแท็กซี่แล้วเดินเข้ามาด้านในบริษัทด้วยชุดนักศึกษาเต็มยศ“สวัสดีค่ะ” เธอเดินไปหาพนักงานคนเดิมที่เดินไปส่งเธอในวันนั้น เพื่อที่จะขอบัตรพนักงานที่ทางเกษมณีบอกให้เธอมาแวะรับก่อนขึ้นไปที่ห้องทำงาน“อ้าว? น้องนั่นเอง คุณเกดสั่งงานกับพี่ไว้แล้ว รอเดี๋ยวนะ” พนักงานคนนั้นจำพราวมุกได้ก็ทักขึ้น และพูดถึงเกษมณีที่สั่งงานเธอไว้เมื่อเช้านี้ เธอบอกกับพราวมุกแล้วก็เดินไปที่ด้านหลังเพื่อหยิบของมาให้พราวมุก“นี่จ้ะ บัตรพนักงาน ใช้ได้กับทุกลิฟต์ ยกเว้นของลิฟต์ผู้บริหารนะ”เธอยื่นบัตรพนักงานให้กับพราวมุกและบอกกฎของบริษัท แต่ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีการใช้บัตรพนักงานสแกนผ่านลิฟต์เพราะว่าพนักงานทุกคนรู้กฎดี แต่เมื่อไม่กี่เดือนก่อน แฟนสาวของท่านรองประธานมาอาละวาดเพราะโดนห้ามไม่ให้ใช้ลิฟต์ ท่านประธานจึงให้ช่างมาติดตั้งระบบนี้อย่างเร่งด่วน และออกกฎไม่ให้คนนอกเข้ามาด้านในบริษัท โดยเฉพาะโซนของผู้บริหาร เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมาในภายหลัง“ขอบคุณค่ะ” พราวมุกรับบัตรมาแล้วเอ่ยขอบคุณพี่พนักงาน“จ้ะ ขอให้โชคดีกับการฝึกงานวันแรกนะจ๊ะ” พนักงานยิ้มเอ็นดูเด็กสาวตรงหน้าและอว
The Follow Love 7.“สวัสดีค่ะ” พราวมุกยกมือขึ้นไหว้เจ้านายหนุ่มด้วยความนอบน้อม เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองหน้าเจ้านายตรง ๆ ใจเจ้ากรรมก็รู้สึกเต้นแรงและหน้าเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา เพราะสายตาของติณภัทรที่มองมาที่เธอในตอนนี้“ครับ สวัสดีครับน้องพราวมุก” ติณภัทรทักทายผู้ช่วยเลขาของเขาเสียงหวานแล้วมองสำรวจพราวมุกพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ จนพราวมุกต้องหลบสายตาอย่างเขินอาย และพยายามเก็บอาการของตนเองให้ดีที่สุด“อะแฮ่ม” เกษมณีเห็นสาวตาของเจ้านายก็กระแอมขึ้นเสียงดังแล้วมองติณภัทรอย่างดุ ๆ“อื้ม มีอะไรอีกหรือเปล่า?” ทำให้ติณภัทรรู้ตัวและเก็บอาการ เขาเอ่ยถามเลขารุ่นพี่เสียงนิ่ง“มีค่ะ พราวออกไปรอพี่ที่โต๊ะนะ เดี๋ยวพี่คุยงานกับคุณติณก่อน” เกษมณีพยักหน้าตอบแล้วหันไปบอกผู้ช่วยให้ออกไปรอด้านนอก“ค่ะ” พราวมุกรับคำอย่างว่าง่ายแล้วหันหลังเดินออกไปทันที เพราะตอนนี้เธอเริ่มควบคุมตนเองไม่อยู่แล้ว ไม่รู้ว่าเป็นอะไร เพียงแค่เห็นหน้าและสบสายตาของเจ้านายหนุ่ม ก็ทำให้เธอไม่เป็นตัวเองเสียอย่างนั้น พราวมุกเดินออกมาจากห้องทำงานของติณภัทร พอปิดประตูเธอก็ถอนหายใจออกมาแล้วยกมือขึ้นมากุมหัวใจของตนเองที่ตอนนี้เต้นแรงมาก ๆคล
The Follow Love 8.“ไปกันเลยไหม?” ติณภัทรเดินออกมาจากห้องทำงานแล้วเอ่ยถามเลขาที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว“ค่ะ” เกษมณีตอบรับแล้วลุกขึ้นยืน“พี่ฝากงานด้วยนะน้องพราว” จากนั้นเธอก็หันไปฝากงานกับพราวมุกต่อ“ได้ค่ะพี่เกด” พราวมุกตอบรับด้วยรอยยิ้ม“อ้าว แล้วไม่ได้ไปด้วยกันเหรอ?” ติณภัทรเห็นอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วและถามขึ้นด้วยความสงสัย“ไม่ค่ะ เกดให้น้องทำงานอยู่ที่บริษัท” เกษมณีส่ายหน้าและตอบเจ้านายไป“นึกว่าจะได้ไปด้วยกัน” ติณภัทรพูดขึ้น ทั้งสีหน้าและแววตามีความเสียดายไม่น้อย“อ๋อ ร้านข้าวข้าง ๆ น่ะ อร่อยนะ ตอนเที่ยงถ้ากินแถวบริษัทพี่แนะนำร้านนั้น” เกษมณีมองติณภัทรสายตาดุ ๆ จนเจ้าตัวต้องหลบสายตา เธอจึงหันมาพูดกับพราวมุกเพื่อแนะนำร้านอาหารที่อร่อยแถวนี้“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” พราวมุกยิ้มรับ เพราะเธอเองก็กะจะกินข้าวแถวนี้อยู่แล้ว ดีที่เกษมณีแนะนำมาจากนั้นติณภัทรและเกษมณีก็เดินออกมาพร้อมกัน“กันซีนเก่ง” ติณภัทรพูดขึ้นเบา ๆ ในตอนที่ทั้งคู่ยังอยู่ในลิฟต์ด้วยกัน“อะไร?” เกษมณีหันไปถามและจ้องหน้าเขาเขม็ง“เปล่า” ติณภัทรส่ายหน้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้“อย่านะติณ” เกษมณีเอ่ยย้ำอีกครั้งเพื่อเตือนเขาไม่ให้ยุ่งกับพราวมุก
The Follow Love 9.เกษมณีมองตามก็ได้แต่ทอดถอนใจ เพราะเธอรู้ดีว่าความรู้สึกของคนมันห้ามกันไม่ได้ เธอเองก็ได้แต่เตือน หวังว่าพราวมุกจะไม่ตกหลุมพรางของติณภัทรก็แล้วกันจนใกล้เวลาเลิกงาน พราวมุกช่วยเกษมณีเคลียร์เอกสารจนเสร็จ“เดี๋ยวพี่เอาเอกสารไปส่งที่ห้องท่านประธานก่อนนะ” เกษมณีหันไปบอกพราวมุกที่กำลังนั่งจัดเรียงเอกสารให้เธออยู่ที่โต๊ะข้าง ๆ ซึ่งโต๊ะนี้เธอได้ให้ทางพนักงานมาจัดไว้ให้พราวมุกโดยเฉพาะ จะได้สะดวกเวลาทำงาน“ให้พราวไปส่งให้ไหมคะ?” พราวมุกเงยหน้าขึ้นมาอาสาไปส่งเอกสารให้เกษมณี“เอาไว้คราวหน้าดีกว่า เดี๋ยวจะพาไปแนะนำให้เลขาท่านประธานรู้จักเราด้วย แต่วันนี้พี่ต้องไปคุยงานด้วยตนเองน่ะ” เกษมณีส่ายหน้าปฏิเสธและอธิบายไป เพราะครั้งนี้เธอต้องไปคุยงานกับอีกฝ่ายโดยตรง ครั้งหน้าค่อยพาพราวมุกไปแนะนำให้รุ่นพี่ของเธอที่เป็นเลขาของท่านประธานรู้จักดีกว่า เผื่อเวลาที่เธอไม่ว่างจะได้ไหว้วานให้พราวมุกไปแทน“ได้ค่ะ” พราวมุกพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายเกษมณีเดินถือแฟ้มเอกสารออกไป พราวมุกจึงก้มหน้าทำงานต่อด้านในห้องทำงานติณภัทรเซ็นเอกสารแผ่นสุดท้ายหลังจากอ่านเสร็จ เขาปิดแฟ้มลงแล้วยกมือขึ้นมานวดคอตนเองด้
ตอนพิเศษ 5วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่พราวมุกกับติณภัทรต้องตื่นแต่เช้า เพื่อมาเตรียมตัวให้กับลูกชายคนโต เนื่องจากว่าที่โรงเรียนมีงานกีฬาสี คุณครูประจำชั้นของต้นไม้จึงเรียนเชิญให้ผู้ปกครองมาร่วมกิจกรรมกับลูกชายซึ่งเมื่อแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อย สามพ่อแม่ลูกก็พากันเดินทางไปที่โรงเรียน ส่วนลูกสาวคนเล็กคุณย่าก็ขอเอาไปเลี้ยงสักวันสองวัน“ร้อนไหมพราว พี่ไปซื้อน้ำมาให้”“ร้อนค่ะ แต่ลูกน่าจะร้อนกว่า พี่ดูแลลูกก่อนก็ได้”“ลูกมีครูคอยดูแลอยู่ ดูแลตัวเองกันก่อนดีกว่าตอนนี้ อากาศร้อน แถมต้องมาเล่นกีฬา จริงๆ ถ้าไม่ไหวแค่บอกพี่มานะ เดี๋ยวพี่บอกครูเขาให้”“ไม่เป็นไร นานๆ ที อีกอย่างลูกเราก็ดูจอยมาก ไม่อยากทำให้เสียบรรยากาศน่ะค่ะ”“โอเค พี่เข้าใจ”ติณภัทรพูด แล้วเปิดฝาน้ำป้อนภรรยา เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าพราวมุกเป็นคนขี้ร้อน เวลาอยู่ในที่อากาศร้อนมากๆ เธอก็มักจะมีอาการที่ไม่สู้ดีสักเท่าไหร่นัก ซึ่งเขาไม่อยากให้ภรรยาผู้เป็นที่รักต้องไม่สบายก็เท่านั้น“แล้วพี่ติณไม่ร้อนเหรอคะ?”“ก็ร้อน แต่ว่าพี่ทนได้ เพราะว่าพี่ไม่ได้เป็นคนขี้ร้อนเหมือนพราว”“งั้นก็ดีแล้ว ว่าแต่ต้องทำอะไรต่อเหรอคะ?”“มีกิจกรรมครอบครัว พ่อแ
ตอนพิเศษ 4สามเดือนถัดมา...หลังจากวันที่คลอดเจ้าตัวเล็กออกมา พราวมุกและติณภัทรก็หัวหมุนหนักยิ่งกว่าเก่า โชคยังดีที่มีคุณย่าคอยช่วยเลี้ยงลูกชายคนโตให้ แถมต้นไม้เองก็รู้เรื่องขึ้นมาก รู้ว่าคุณพ่อและคุณแม่เหนื่อยกับการดูน้องสาว ก็ยอมอยู่เล่นที่บ้านคุณย่าอยู่บ่อยๆ ไม่มารบกวนแต่อย่างใด“ไปอยู่กับคุณย่ามา ดื้อหรือเปล่าครับ” ทันทีที่พาลูกชายคนโตกลับมาถึงบ้าน ติณภัทรก็รีบถามขึ้นทันที“ต้นไม้ไม่ดื้อเลยครับ คุณย่าชมต้นไม้ด้วย บอกว่าน่ารักแล้วก็ไม่ดื้อเลยสักนิดเดียว”“ถ้างั้นก็ดีแล้วครับ คุณย่าจะได้ไม่เหนื่อยมาก แต่ช่วงนี้ลูกต้องกลับมาอยู่ที่บ้านเราก่อนนะครับ เพราะว่าคุณย่าต้องไปดูงานที่เชียงใหม่ อีกหลายวันกว่าจะกลับ”“ได้ครับ คุณย่าบอกต้นไม้แล้ว”“งั้นเราไปหาน้องกันไหม น้องน่าจะกำลังหม่ำๆ นมอยู่”“ไปครับไป ต้นไม้อยากเล่นกับน้อง”“งั้นไปกันครับ”ติณภัทรรีบพาลูกชายเข้าไปหาผู้เป็นแม่และน้องสาวคนเล็กทันที เพราะเห็นว่าช่วงแรก ๆ ต้นไม้ไม่ค่อยได้มาเล่นกับน้อง เนื่องจากว่าต้องไปเรียนทุกวัน หากนอนที่บ้านหลังเดียวกันก็คงจะทนเสียงร้องงอแงของเจ้าตัวน้อยไม่ไหว แต่ช่วงนี้ก็คงจะได้อยู่กันบ่อยๆ แล้ว“คุณแม่..
ตอนพิเศษ 3ชีวิตของทั้งคู่เรียกได้ว่าโรยไปด้วยกลีบกุหลาบ หลังจากที่ผ่านอุปสรรคและขวากหนามด้วยกันมานาน วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ พราวมุกจึงชวนติณภัทรมาดูซีรีย์กันที่บ้าน หลังจากที่ไปส่งลูกชายคนโตไว้ที่บ้านของแม่สามี เนื่องจากว่าต้นไม้จะอยู่เรียนพิเศษที่บ้านของคุณย่าทุกวันอาทิตย์ เป็นเรื่องปกติ“คืนนี้คิดยังไงชวนพี่มาดูซีรีย์เนี่ย อารมณ์ไหน?”“ก็พราวไม่อยากทำอะไรนี่คะ แค่อยากนอนให้เวลาไปรีบๆ ผ่านไป อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันคลอดแล้ว”“โอเค นอนให้หนำใจเลย เพราะถ้าเจ้าตัวเล็กมาเพิ่มอีกคน เราสองคนคงได้หัวหมุนกันทั้งวันทั้งคืนไปอีกปีสองปีแน่ ๆ”“ก็จริงค่ะ ดูซีรีย์กันดีกว่า เรื่องนี้น่าดูมากเลยนะคะ พราวลองดูตัวอย่างมาก่อนแล้ว สนุกมาก”หลังจากที่พูดคุยกันตามปกติ ทั้งสองก็พากันนอนกอดกันกลมพร้อมกับดูหนังใหม่ที่กำลังเป็นกระแสไปด้วยในเวลาเดียวกัน แต่จะรู้ว่าจู่ ๆ เหตุการณ์ที่ไม่คาคิดก็เกิดขึ้น“พี่ติณ...พราวเจ็บท้อง เจ็บมาก เหมือน...” วินาทีนั้นพราวมุกถึงกับพูดต่อไม่ได้ ความเจ็บดังกล่าวส่งผลให้เธอพยายามนอนขดตัวพร้อมกับใช้มือน้อยๆ ของตนกุมท้องเอาไว้ คล้ายเจ็บจนเจียนตายเลยก็ว่าได้“พราวใจเย็นๆ นะ พี่
ตอนพิเศษ 2วัน ๆ พันกว่าเรื่อง ติณภัทรพูดไม่เข้าหูภรรยาเพียงไม่กี่คำ ก็ถูกโกรธจนไม่คุยกันข้ามวันข้ามคืน แม้ว่าจะพยายามตามง้ออยู่ทุกเวลา แต่ก็ยังเอาชนะความขี้น้อยใจของเธอไม่ได้อยู่ดี“คุณพ่อทำอะไรอยู่เหรอครับ ทำไมไม่เข้าไปหาคุณแม่ข้างใน” เจ้าตัวแสบกำลังจะเดินเข้าไปหาผู้เป็นแม่ที่นอนเล่นอยู่ข้างใน เห็นผู้เป็นพ่อเอาแต่ยืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่หน้าห้อง ไม่ยอมเข้าไปหาเธอเสียที“ต้นไม้ มานี่ก่อนครับ” ติณภัทรเอ่ยพร้อมกับดึงมือของลูกชายมาข้างนอก เพื่อพูดคุยอะไรบางอย่าง“มีอะไรเหรอครับคุณพ่อ”“คุณแม่กำลังโกรธคุณพ่ออยู่ ต้นไม้ช่วยให้คุณแม่หายโกรธคุณพ่อได้ไหมครับ?”“ก็เป็นต้นไม้ตลอดที่ช่วยคุณพ่อ ว่าแต่...รอบนี้คุณพ่อจะซื้อเลโก้ตัวนั้นให้ต้นไม้ไหมครับ?” เด็กชายตัวแสบยื่นข้อเสนอให้กับผู้เป็นพ่อได้ฟัง ก่อนจะยืนมองหน้าติณภัทรตาปริบๆ เพื่อหวังให้เขาใจอ่อนยอมซื้อของเล่นให้ หากว่าสามารถทำให้พราวมุกยอมคืนดีด้วยได้“พ่อจะซื้อให้ต้นไม้สักสิบชิ้นเลย ดีไหมครับ?”“ได้ครับ เดี๋ยวต้นไม้จัดการให้”“เร็ว ๆ เลยครับ ก่อนที่แม่จะโกรธพ่อหนักไปมากกว่านี้”ที่ทำแบบนี้ไม่ใช่ว่าติณภัทรไม่อยากง้อภรรยาด้วยตัวเอง แต่เพราะง้อแล้
ตอนพิเศษ 1ชีวิตหลังแต่งงานของทั้งติณภัทรและพราวมุกเต็มไปด้วยความสุขและชุลมุนวุ่นวายไปด้วยในเวลาเดียวกัน เพราะเจ้าต้นไม้นั้นทั้งดื้อและซนตามประสาเด็กกำลังโต แม้จะมีคุณย่าคอยช่วยเลี้ยง แต่ก็แทบจะรับมือกับเจ้าเด็กแสบคนนี้ไม่ไหวเลยจริง ๆ“ต้นไม้ครับ ค่อย ๆ กินสิครับลูก เดี๋ยวติดคอขึ้นมา ต้องไปหาพี่หมอที่โรงพยาบาลนะครับ”พราวมุกที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันกับลูกชายถึงกับต้องเอ่ยปากห้ามปราม เพราะทุกครั้งที่ต้นไม้ได้กินของโปรด เขาก็มักจะรีบกินจนลืมไปว่ามันทั้งเสียมารยาทบนโต๊ะอาหารและอันตรายถึงแก่ชีวิตได้หากอาหารติดคอ“ก็มันอร่อยนี่ครับ”“แม่เข้าใจ ลูกจะกินเยอะแค่ไหนก็ได้แต่ต้องค่อยๆ กินไงครับ มันอันตราย”“โอเคครับ ต้มไม้เข้าใจแล้ว...” เด็กชายทำหน้าหงอยเล็กน้อย ก่อนจะค่อย ๆ ตักอาหารเข้าปากตามคำสั่งสอนของผู้เป็นแม่ที่คอยดูแลอยู่ข้าง ๆ กาย“เอาน่า พราวมุก ปล่อยให้เขากินไปเถอะ เข้มงวดมาก ๆ เดี๋ยวจะเสียบรรยากาศเอานะ” คุณหญิงธนัชชาเห็นสีหน้าของหลานชายสุดที่รักดูไม่สู้ดีนัก จึงเอ่ยขึ้นเพื่อหวังให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารกลับมาสนุกสนานอีกครั้ง“ค่ะคุณแม่...” หญิงสาวยกยิ้มเบาบางพร้อมกับยกมือลูบหัวลูกชายหัวแก้ว
The Follow Love 127.เช้าวันต่อมาพวกเขาทั้งสามคนยังคงอยู่กันที่จังหวัดเชียงใหม่ พราวมุกเพียงแค่คิดถึงร้านกาแฟร้านนั้นจึงอยากกลับไปเยี่ยมเยียนอีกสักครั้งแม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นเธอเป็นเจ้าของอย่างเต็มตัวแล้วก็ตาม“ที่นี่น่ะเหรอ ร้านกาแฟที่พราวสร้างมาเองกับมือ ในตอนที่หนีมา”“ใช่ค่ะ ต้นไม้ทุกต้นที่นี่ พราวเป็นคนปลูกเองทั้งหมดเลยนะคะ นี่ก็คงจะล้มตายไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายต้นที่เจริญเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ น่าเสียดายที่ตอนนั้นตัดสินใจขายทิ้งไป เพราะคิดว่าคงไม่ได้กลับมาอีก”“งั้น...พราวอยากได้มันกลับมาไหม?” ติณภัทรเอ่ยถามความเห็นจากภรรยาที่นั่งดื่มกาแฟอยู่ทางฝั่งตรงกันข้าม โดยมีลูกน้อยนั่งกินขนมอยู่บนตักของเธออีกทีหนึ่ง“พี่ติณหยุดความคิดนั้นเดี๋ยวนี้เลยนะคะ อย่าเลยดีกว่าค่ะ พราวไม่มีเวลาทำหรอก” หญิงสาวปฏิเสธเขากลับไปอย่างไม่ลังเล เธอคิดเพียงแค่ว่าลำพังเลี้ยงลูกชายคนเดียวก็ลำบากไม่น้อยเลย หากว่าจะต้องทำร้านกาแฟอีก เธอก็อาจจะทำมันได้ไม่ดีเท่าที่ควร“แล้วถ้าพี่ถามว่าถ้าพราวมีเวลา พราวอยากทำต่อไหม?”“ก็ต้องยากสิคะ ทุกอย่างมันก็ยังเหมือนเดิม แค่เห็นก็อดนึกถึงวันเก่า ๆ ไม่ได้เลย”“งั้นพี่ซื้อให้พ
The Follow Love 126.เมื่อคุยกับพายอาร์ผ่านทางโทรศัพท์มือถือเสร็จแล้ว พราวมุกก็รีบเดินไปหาสามีและลูกชายที่กำลังเดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้บนดอย ปฏิเสธไม่ได้เลยจริง ๆ ว่าทัศนียภาพเบื้องหน้าทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ ของเธอพองโตขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่มีจุดสิ้นสุดมิหนำซ้ำแล้วได้ยืนอยู่ข้าง ๆ ลูกชายและสามีอันเป็นที่รัก ดูเหมือนว่าการเลือกเส้นทางเดินในวันนั้นของพราวมุกจะส่งผลดีกับครอบครัวเล็ก ๆ ของเธอในวันนี้แล้ว เธอเลือกถูกที่เชื่อใจติณภัทรและยอมให้โอกาสเขาได้ปรับปรุงตัว ไม่อย่างนั้นเธอเองก็คงจะไม่มีวันได้เห็นภาพที่สวยงามมากถึงเพียงนี้อย่างแน่นอน“ชอบไหมพราว?”“ชอบสิคะ แต่ก็...ชอบไม่เท่าพี่ติณหรอกนะคะ”ถ้อยคำหวานปานจะหยดของหญิงสาวส่งผลให้ผู้ฟังถึงกับยิ้มกว้างจนหน้าบานเป็นกระด้ง ซ้ำแล้วยังมีลูกชายคอยจ้องมองพ่อกับแม่อยู่อย่างไม่วางตา“คุณแม่จีบคุณพ่อเหรอครับ?”คำถามอันไร้เดียงสาของลูกชายทำเอาผู้ใหญ่ทั้งสองถึงกับหลุดขำออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ก่อนที่จะเบนสายตาเข้าหากันโดยมิได้นัดหมาย จู่ ๆ หัวใจของทั้งคู่กันกระตุกวูบขึ้นมาอย่างกะทันหันความรักที่พวกเขาทั้งสองคนมีให้กันในตอนนี้ล้วนบริสุทธิ์และออกมาจากใจของพว
The Follow Love 125.สามเดือนต่อมาเชียงใหม่ ประเทศไทย...บรรยากาศบนยอดดอยอันแสนเย็นสบายส่งผลให้ชายหนุ่มและหญิงสาว รวมไปถึงเด็กชายตัวน้อยต่างก็รู้สึกดีไปตาม ๆ กัน เพราะว่าติณภัทรเพิ่งจะเคลียร์งานที่บริษัทเสร็จเรียบร้อย จึงพอมีเวลาเหลือมากขึ้นที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวอย่างเต็มที่ เขาจึงพาภรรยาและลูกชายมาที่นี่อีกครั้งตามความต้องการของพราวมุก...ครืด ครืด...เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือส่งผลให้หญิงสาวดึงสติกลับมา หลังจากที่นั่งมองวิวทิวทัศน์ เหม่อลอยไปเรื่อยตามประสาคนที่ไม่มีอะไรให้ต้องคิดมากมาย“พี่ติณ พราวออกไปรับโทรศัพท์แป๊บหนึ่งนะคะ”“โอเคครับ เดี๋ยวพี่พาลูกไปดูดอกไม้ตรงนู่นนะ คุยเสร็จแล้วก็รีบตามมาล่ะ”“โอเคค่ะ เดี๋ยวพราวรีบตามไป”เมื่อพราวมุกเดินออกมา เธอก็รีบกดรับสายเพื่อนรักอย่างพายอาร์ด้วยความรวดเร็ว“ฮัลโหล ว่าไงยัยพาย โทรมาหาฉันหลายสายเลย มีเรื่องด่วนเหรอ?” พราวมุกเอ่ยถามต้นสายด้วยความอยากรู้ แต่ก็เจือไว้ด้วยความเป็นห่วงอยู่ไกล ๆ เพราะคนอย่างพายอาร์ถ้าไม่ได้มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจจริง ๆ เธอก็จะไม่โทรมาหลายสายแบบนี้“พราว ฉันต้องทำยังไงดีวะแก คือผู้ใหญ่เขาจะให้ฉันกั
The Follow Love 124.วันนี้ต้นไม้กลับบ้านมาพร้อมกับของเล่นเกือบ ๆ สิบชิ้น แม้ว่าผู้เป็นแม่จะไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไรนัก ซึ่งทันทีที่ได้เล่นของเล่น ต้นไม้ก็แทบลืมพ่อกับแม่ไปหมดเลยก็ว่าได้ ส่งผลให้สองสามีภรรยาได้มีเวลาพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว“พี่ติณมานี่เลย...”“ว่าไง จะว่าอะไรพี่หรือเปล่า?”“อยากว่าอยู่ค่ะ แต่ก็ไม่อยากให้พี่ติณต้องรู้สึกไม่ดี คราวนี้พราวไม่เห็นด้วยเลยนะคะพี่ติณ ลำพังต้นไม้ก็ดื้ออยู่แล้ว ถ้าทำแบบนี้อีก ลูกเสียนิสัย พี่ติณจะทำยังไงคะ?”“พี่แค่อยากตามใจลูกบ้าง มันก็ต้องมีแข็งบ้างอ่อนบ้าง เหมือนเส้นด้าย เวลาตึงไปมันก็บาดแล้วก็ทำให้เราเจ็บ แต่ถ้าหย่อนไปก็ทำให้เราไม่มั่นคง ทุกอย่างต้องสมดุลหน่อยถึงจะดี” ติณภัทรอธิบายเหตุผลให้กับพราวมุกได้รับรู้ และนั่นก็เป็นสิ่งที่เขาคิดมานาน“แต่ซื้อของเล่นให้สิบชิ้น ไม่เรียกว่าสมดุลค่ะ พราวไม่คุยแล้ว ตามใจพี่ติณเลยก็แล้วกัน” หญิงสาวพูดจบก็รีบเดินหนีออกไปจากห้องของลูกชาย เธอรู้ว่าเถียงกับติณภัทรไม่ว่าจะกี่รอบต่อกี่รอบก็ไม่เคยชนะ ดังนั้นจึงเลือกที่จะเดินหนีออกมาซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้วว่าเธอไม่พอใจแล้วก็โกรธมากที่ผู้เป็นสามีไม่ฟังความเห็นของเธ