ตอนที่ 61 ไต้ซือผู้พูดปลด“ไม่!” อวี้เจินเอ่ยออกมาทันทีอย่างไม่ต้องคิด แม้ว่าใบหน้าของเขาจะไม่ได้เงยหน้าจากถ้วยข้าวมามองแม่นางฉีอันเฉาเลยแม้แต่น้อย“เช่นนั้นเจ้ากินเถอะ.. แม่นางฉีข้าขอข้าวอีกสักถ้วยได้หรือไม่” แม้ว่าเฟยหลงจะเอ่ยถามแม่นางฉี แต่สายตาของเธอยังไม่ละจากใบหน้าของชายด้านข้างที่ตั้งหน้าตั้งตากินอย่างรวดเร็วจนหมดถ้วย“อาหารจวนสกุลฉีท่าทางจะถูกปากอาอวี้กระมัง..” เฟยหลงยื่นมือไปรับข้าวมาอีกถ้วย พร้อมกันนั้นเป็นเวลาที่เจิงอวี้เจินนั้นวางถ้วยข้าวที่ว่างเปล่าลงโต๊ะพอดี“ถูกปากข้ามาก.. อย่างที่ข้าไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน” อวี้เจินเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยส่งให้เฟยหลงอย่างเจ้าเล่ห์ตามมาด้วยสายตาที่กรุ้มกริ่ม“เช่นนั้นเจ้ากินอีกหน่อยดีหรือไม่” เจียอวี่ที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งยื่นถ้วยของตนเองที่เพิ่งได้จากแม่นางฉีนั้นมายื่นให้พี่ชาย แต่เจิงอวี้เจินนั้นทำเพียงแค่ปรายตามองถ้วยข้าวเล็กในมือของน้องชายนิ่ง ๆ เท่านั้น“ใครจะไปอยากกินของเจ้ากัน” อวี้เจินเอ่ยเสียงเรียบเบือนหน้าหนีอย่างหาได้สนใจข้าวในถ้วยนั้น“ข้าอิ่มแล้ว.. จะออกไปเดินเล่นด้านนอกเสียหน่อย หากพวกเจ้าอิ่มแล้ว
ตอนที่ 62 สลายวิญญาณมารปลุกวิญญาณเทพเจิงอวี้เจินมองทั้งสามที่เดินทางกลับจวนจนลับสายตา เมื่อเหลือเพียงตัวคนเดียวแล้วเขาได้เดินกลับขึ้นไปยังอารามหนานไห่อีกครั้ง แม้จะเคยมาเมื่อวัยเยาว์ที่อารามแห่งนี้กลับเปลี่ยนไปอยู่มาก“หากไต้ซือรูปนั้นโกหก.. สถานที่ที่พอจะใหญ่พอและปกปิดสายตาชาวบ้านได้ดีที่สุดจะเป็นที่ไหนกัน” เขายืนหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่หน้าอารามก่อนจะยืนครุ่นคิดอยู่นาน“ด้านหลัง! ถ้าเป็นที่นั่นต้องบังสายตาชาวบ้านได้เป็นแน่” เมื่อสมองเริ่มสั่งการสองเท้าของเขาจึงได้ลัดเลาะรอบกำแพงอารามราวกับเป็นพวกย่องเบาก็มิปาน เขาเดินอย่างเร่งรีบไปตามความทรงจำวัยเมื่อวัยเด็ก ในเศษเสี้ยวความทรงจำของเขานั้นจำได้ว่าด้านหลังมีทางลับที่สามารถแอบเข้าไปในอารามอยู่ที่หนึ่ง“เจอแล้ว..” แม้อารามแห่งนี้จะแปลกไปจากเดิมอยู่มากแต่เส้นทางลับที่ฉีอันเฉาเคยพาเขามาเล่นซนในครั้งนั้นกลับยังคงอยู่อย่างเดิมไม่ได้หายไปไหน“ต้องยกความดีความชอบให้นาง” บุรุษรูปงามที่เจนจัดในสนามรบบัดนี้กลับกำลังมุดกำแพงที่ร้าวด้านหลังเข้าไปในอารามด้วยท่าทางที่ไม่น่าดูนักด้านหลังอารามยังคงเงียบเหงาและวังเวงเช่นเดิมไม่ผิดเพี้ยน อวี้เจินเดินสำรว
ตอนที่ 63 เจ้ายินดีที่จะเป็นของข้าหรือไม่ [1]ยามโฉ่วอารามหนานไห่เรื่องที่แม่นางฉีและเจียอวี่พูดคุยกันนั้นไม่ใช่เรื่องโกหก ระหว่างทางที่เฟยหลงเดินทางมายังอารามบนเขาแห่งนี้ เพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตาแล้วนั้นการเดินด้วยเท้าย่อมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเธอต้องหลบเหล่านักพรตจากสำนักปราบปีศาจตลอดทาง แต่เหมือนว่าโชคของเธอจะยังพอมีอยู่บ้างที่ระหว่างทางนั้นถือว่าเดินทางมาอย่างปลอดภัยจนตลอดรอดฝั่งไม่พบปีศาจใดสักตน“เจ้าช่วยคุ้มครองข้าอยู่ใช่หรือไม่.. ขอบใจเจ้ามาก” มือข้างซ้ายของเธอที่กำแน่น ค่อย ๆ คลายออกจากพู่หางจิ้งจอกช้า ๆ เฟยหลงปรายตามองรอบอารามในยามที่ดึกสงัดเช่นนี้ กลับมีเพียงดวงไฟสลัวจุดที่ประตูหน้าเพียงสองดวงเท่านั้น ประตูเข้า-ออกถูกปิดสนิทไร้คนเฝ้าเธอเดินลัดเลาะตามประตูอารามหนานไห่จนพบต้นไม้ต้นใหญ่ที่น่าจะเพียงพอให้สตรีร่างน้อยเช่นเธอได้แสดงฝีมือในการปีนป่ายตุ๊บ!“โอ๊ย!” และเพราะความไม่ชำนาญเรื่องการปีนป่ายเมื่อเธอกระโดดลงมายังอีกฟากของกำแพงจึงได้เสียหลักจนร่างกายหล่นกระแทกพื้นอย่างแรงหลี่เฟยหลงนอนตัวงอเพราะความจุกอยู่ตรงนั้นนานกว่านาที จนเมื่อรู้สึกดีขึ้นแล้วสองมือจึงได้ดันร่างกาย
ตอนที่ 64 เจ้ายินดีที่จะเป็นของข้าหรือไม่ [2]อารามหนานไห่“อื้อ..” มือเล็กยกขึ้นมากำท้ายทอยเล็กน้อยรับรู้ได้ถึงความปวดหนึบคล้ายกับว่าที่ท้ายทอยนี้ถูกของแข็งฟาดลงมาอย่างหนักดวงตาคู่กลมลืมขึ้นกวาดมองไปรอบห้องด้วยอาการตกใจและประหม่า เธอจำได้ว่าตอนนั้นเพิ่งลอบเข้ามาในอารามยังไม่ทันที่จะได้เจอสหายอวี้เจินเหตุใดเธอถึงมาอยู่ในที่เช่นนี้ได้กัน เธอใช้สายตามองผ่านความมืดเพื่อกวาดมองโดยรอบผ่านแสงจันทร์เพียงเล็กน้อย พบว่าที่แห่งนี้น่าจะเป็นห้องลับหรือห้องขังในอารามเป็นแน่ ความรู้สึกที่สัมผัสได้ถึงความชื้นและกลิ่นอับค่อนข้างรุนแรงไม่น้อย“หลวงจีน.. ท่านทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร!” เฟยหลงเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อสายตาของเธอนั้นปะทะกับนักบวชที่นั่งอยู่ในมุมหนึ่งไม่ไกลนัก เธอรับดันตัวเองให้ลุกขึ้นก่อนจะคลานอย่างเร็วมาเกาะกรงไม้เพื่อมองหลวงจีนท่านนั้นให้ชัด ๆ ด้วยแววตาเขม็งเธอยังคงกวาดสายตามองรอบ ๆ อีกครั้งด้วยความหวาดกลัวและระแวงอยู่ไม่น้อย ที่แห่งนี้น่าจะเป็นในถ้ำไม่ผิดแน่ สายตาของเธอมองเห็นความสว่างที่มาจากแสงจากดวงจันทร์เสี้ยวริบหรี่ที่เล็ดลอดเข้ามาด้านในเท่านั้น“อาตมาว่าเป็นความผิดของสีกาเสียมากกว่
ตอนที่ 65 น้องชายที่ตามหา [1]7 วันต่อมาจวนสกุลฉี“ยังไม่ฟื้นอีกงั้นหรืออาเพ่ย” เสียงหวานของฉีอันเฉาเอ่ยถามขึ้นทันทีที่นางเดินเข้ามาในห้องพัก หนุ่มน้อยที่ร่างกายถูกพันไปด้วยผ้าพันแผลสีขาวทั่วทั้งร่างหลี่เฟยหลงเบือนหน้ากลับไปมองที่ร่างกายของน้องชายอาเพ่ยตามสายตาของแม่นางฉี สำหรับเธอแล้วร่างกายของกู่ป๋ายนั้นช่างคล้ายคลึงกับร่างกายของเธอยิ่งนัก นอกจากเธอก็ไม่มีใครรู้ว่าภายใต้ผ้าพันแผลเหล่านั้นก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วันยังมีบาดแผลฉกรรจ์ที่เกิดจากคาถาหรือพลังประหลาดจนหาที่ว่างแทบไม่ได้แม้แต่เธอเองก็ไม่อาจจะทนมองไม่ว่าเธอนั้นจะใช้สมุนไพรจากในตำราใดมาปรุงเป็นยาให้ดื่ม ใช้เป็นยาสมานแผล แต่ยาที่เธอนั้นปรุงสุดฝีมือก็ไม่สามารถรักษาบาดแผลบนร่างกายของเด็กคนนี้ได้เลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่น่าแปลกคือเมื่อสองวันก่อนเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง ร่างกายของเขากลับมีปฏิกิริยากับดวงจันทร์ เธอเห็นได้ชัดว่าร่างกายนี้กำลังรักษาตนเองจนหายสนิทราวกับว่าไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาเลยอย่างไรอย่างนั้น3 วันก่อนแม้ว่าเธอจะไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับสิ่งที่เห็นมากนัก ในห้วงมิตินี้ความประหลาดเกิดขึ้นกับเธอมากมาย แต่สิ่งที่เธอประหลาด
ตอนที่ 66 น้องชายที่ตามหา [2]“ท่านกำลังเห็นข้าเป็นเด็กสองขวบงั้นหรือ.. ข้าไม่ใช่เด็กที่จะไม่รู้ว่าพี่สาวของข้านิสัยเป็นเช่นไร.. ท่านไม่ใช่! ท่านตอบข้ามาว่าตกลงแล้วท่านเป็นใครกันแน่.. หรือว่าท่านก็คือสตรีที่เดินวนและพูดมากในคุกใต้ดินคนนั้น! แล้วเหตุใดท่านจึงได้มีใบหน้าที่เหมือนพี่สาวของข้าถึงเพียงนี้” เด็กคนนี้เอ่ยไปด้วยพร้อมตะแคงมองพิจารณาเรือนร่างของเฟยหลงไปด้วย ก่อนจะนั่งนิ่งจ้องมองใบหน้าของเธอเขม็งเพื่อเคล้นหาความจริง“ข้าจะบอกเจ้าก็ได้.. แต่เจ้าต้องรับปากที่จะต้องตอบคำถามและช่วยข้าเรื่องหนึ่ง” ในเมื่อเธอไม่สามารถปกปิดตัวตนของตัวเองได้ เช่นนั้นแล้วการที่เธอนั้นพูดความจริงทั้งหมดอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้“ท่านอยากถามข้าเรื่องใด” หนุ่มน้อยขมวดคิ้วแน่นพร้อมทั้งจ้องมองเธอด้วยสายตาหวาดระแวง แต่นั่นกลับทำให้หลี่เฟยหลงดีใจจนต้องยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก“เล่าทุกอย่างที่เกี่ยวกับเจ้าและเพ่ยเพ่ย”“แล้วตอนนี้พี่สาวข้า.. นางอยู่ที่ใด”“พี่สาวของเจ้า.. ก็อยู่หน้าเจ้านี่ไง”“ท่าน! ท่านจะเป็นพี่สาวของข้าได้อย่างไรกัน! นางเป็นสตรีที่งดงามที่สุด.. เอ่อ~ ท่านมีใบหน้าที่เหมือนนางก็จริง.. เช่นนั้นข
ตอนที่ 67 เกรงว่าพวกเราจะโดนหมายหัวมาแต่กำเนิด [1] “เจ้าบอกว่าที่นั่นคือฉินรั่วงั้นหรือ.. เจ้าไปที่ฉินรั่วมางั้นหรือ” เฟยหลงเอ่ยถามกู่ป๋ายด้วยท่าทางตกใจไม่น้อยเรียวคิ้วหนาของเขาเองขมวดเข้าหากันเช่นกัน“ท่านรู้จักงั้นหรือ”“ข้าพบชาวบ้านจากหมู่บ้านฉินรั่ว ส่วนมากเป็นสตรี คนเจ็บ คนชรา กำลังอพยพเข้าไปในเมืองหลวงแคว้นฉวาง และมีบางส่วนที่อพยพไปตามเมืองต่าง ๆ”“เช่นนั้นที่ท่านพบนั้นมีชายสูงอายุที่มีเส้นผมสีขาว ส่วนสูงประมาณนี้ ใบหน้าของเขามีปานแดงที่แก้มข้างซ้ายข้างกันนั้นมีท่านยายที่อยู่กับท่านตาไม่ห่าง ใบหน้าของท่านยายดูเหมือนจะดุอยู่ไม่น้อยแต่นางใจดีมาก ท่านยายมีรอยแผลจากไฟไหม้จนเป็นแผลเป็นที่หลังมือข้างซ้าย.. ท่านพบพวกเขาหรือไม่” กู่ป๋ายยื่นมือของตนเองมาจับที่ฝ่ามือของเฟยหลงพร้อมทั้งเขย่าไปมาอย่างตั้งตารอคำตอบ“ข้า..” หลี่เฟยหลงได้ยินเช่นนั้นแล้วทำให้นึกไปถึงชายชราและสตรีสูงวัยคู่นั้นที่เธอให้ความช่วยเหลือ.. แต่ไม่รู้ว่าทำไมสองคนที่กู่ป๋ายเอ่ยมานั้นค่อนข้างคุ้นตาเธออยู่ไม่น้อยเธอพยายามนึกอยู่นานก่อนจะไปนึกถึงรูปร่างหน้าตาของชายสูงวัยกับหญิงชราคู่นั้นอีกครั้ง เมื่อค่อย ๆ ทบทวนความจำข
ตอนที่ 68 เกรงว่าพวกเราจะโดนหมายหัวมาแต่กำเนิด [2]“ข้าไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น.. ข้าหมายถึงสิ่งนั้นท่านก็มีมันติดกายมาตั้งแต่เกิดเช่นเดียวกับข้า.. ท่านเองก็ระวังตัวไว้ให้ดี” เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งใช้หลังมือของตนเองเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างเบามือ“แล้วหลังจากนั้นล่ะ เกิดอะไรขึ้น.. เจ้าหลบอยู่ในถ้ำโดยที่ไม่มีใครพบตัวได้.. แล้วเหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่แห่งนี้กัน” มือเรียวล้วงเข้าไปหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนขาวที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นของเจิงเจียอวี่มายื่นให้กับน้องเพื่อแก้ขัด“ข้าถูกเจ้าหลานชายของผู้เฒ่าพาหนีออกมา.. ท่านพี่เชื่อหรือไม่หากข้าอยู่ในนั้นอีกเพียงครึ่งก้านธูปข้าคงตายเป็นผีเฝ้าถ้าไปเสียแล้ว.. เจียงม่อเป็นคนพาข้าหนีตายออกมาจากหมู่บ้านนั้นก่อนออกมาข้าได้ยินชัดเจนมากว่าพวกมันไม่ได้ตามหาข้าที่เป็นน้องชายของพี่สาว.. แต่พวกมันกำลังตามหาเด็กชายที่มีรอยพระจันทร์เสี้ยวต่างหาก”กู่ป๋ายที่เล่าความหลังจนมาถึงตอนนี้เขาดูเศร้าลงไม่น้อย น้ำตาของลูกผู้ชายเริ่มไหนรื้นออกมาคลอที่ดวงตาของเขาอีกครั้ง และเธอเองก็ไม่เคยพบผู้ชายที่ร้องไห้เสียเท่าไหร่ เจ้าฟ่านโย่วน้องชายตัวแสบเองตั้งแต่จำความได้ก็ไม่เคยร
ตอนที่ 98 เจิงฮูหยิน.. ข้ามาแล้วทั้งสี่ยืนมองเจิงอวี้เจินที่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร สองแขนของเขากอดร่างกายของภรรยาเอาไว้แน่น ใบหน้าคมประกบจูบลงที่ริมฝีปากของนางก่อนจะขยับเลื่อนไปหอมแก้มทั้งสองข้างของเธอ พร้อมทั้งจุมพิตที่หน้าผากอย่างอ่อนโยนก่อนจะค่อย ๆ ช้อนตัวของเฟยหลงนั้นขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อเดินอุ้มนางไปวางไว้บนเตียง"ข้าขออยู่ส่งนางจนวินาทีสุดท้ายได้หรือไม่" เขาหันมามองท่านยายหลิงไถที่พยักหน้าให้เล็กน้อย เมื่อเขาได้รับอนุญาตแล้วจึงได้ขึ้นไปนอนคู่กันกับเธอบนเตียง สองแขนกอดร่างกายของเธอเอาไว้แน่นอยากสัมผัสไว้ให้นานที่สุด"พวกเจ้าทั้งสองออกไปรอด้านนอกก่อน ข้าจะเตรียมพิธีและเมื่อถึงเวลาอันสมควรข้าจะให้กู่ป๋ายออกไปเรียกพวกเจ้า" สิ้นสุดคำพูดของท่านยายสหายทั้งสองได้มองใบหน้าของเจิงอวี้เจินและหลี่เฟยหลงอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปรอด้านนอกอย่างว่าง่าย"กู่ป๋าย.. เจ้ากลัวหรือไม่" แม้ว่าเจิงอวี้เจินนั้นจะได้ยินเสียงของท่านยายและน้องชายของแม่นางเพ่ยเพ่ยคุยกัน แต่เขากลับได้หาสนใจไม่ เขาไม่สนใจเลยว่าทั้งสองจะพูดเรื่องอะไร เขาสนใจเพียงแต่เขาอยากจะกอดร่างกายของภรรยาของเขาเอาไว้ให้นานที่สุด น้ำตาของชาย
ตอนที่ 97 หากนางอยู่ที่นี่.. นางจะเจ็บปวด"เหตุใดเจ้าถึงไม่ยินดี.. ในเมื่อเรื่องนี้เราทั้งสองนั้นได้คุยกันมาก่อนแล้วไม่ใช่หรือ ว่าหากจบเรื่องราวทั้งหมด ข้าจะให้ท่านพ่อของข้าไปสู่ขอเจ้า""ท่านพี่.. ข้ารักท่านอย่างที่ไม่เคยรักชายใดมาก่อน ท่านเป็นคนแรกที่ทำให้ข้ารู้จักคำว่ารัก คำว่าห่วงใย เพียงแต่ท่านหลงลืมไปแล้วอย่างนั้นหรือว่าข้ามิใช่คนในโลกใบนี้ หากเมื่อเราทั้งสองนั้นได้ตกลงปลงใจเข้าร่วมพิธีสมรสในครั้งนี้ หากข้าต้องสลายกลายเป็นเถ้าธุลีท่านจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวข้าไม่ยินดีให้ท่านเป็นเช่นนั้น ข้าไม่ยินดีที่ให้งานมงคลสมรสของเราทั้งคู่เป็นสิ่งที่จะเหนี่ยวรั้งท่าน.. ท่านเข้าใจความรู้สึกของข้าหรือไม่""แม่นางหลี่เฟยหลง.. เช่นนั้นเจ้าฟังคำของข้าให้ดี ต่อให้ในโลกใบนี้หรือใบไหน หากเจ้าอยู่ที่ใดข้าขอให้คำมั่นสัญญาต่อฟ้าดินเพื่อเป็นพยาน ข้าจะรักเพียงเจ้าจะติดตามเจ้า ไปทุกที่ หรือต่อให้เจ้าจะทิ้งข้าไว้ในที่แห่งนี้ ทะเลเพลิง ภูเขาน้ำแข็งหรือต้องตายกี่ครั้ง ข้าก็ไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อย ขอเพียงแค่ข้าได้รักเจ้าได้ดูแลเจ้าได้อยู่กับเจ้า แม้จะเป็นเพียงหนึ่ง วัน สองวัน เจ็ดวัน หนึ่งเดือน หนึ่งปี หรือตลอดชี
ตอนที่ 96 ข้าไม่ยินดีสำหรับงานมงคลสมรสในครานี้เฟยหลงมองดูแม่นางเพ่ยเพ่ยที่กระโดดโลดเต้นไปมาราวกับว่านางนั้นกำลังทำสิ่งที่เฝ้ารอจนสำเร็จ ด้วยความดีใจของสตรีผู้นี้ที่ดูจะดีใจเกินกว่าปกติทำให้เธอรู้สึกอยากรู้อีกครั้งได้ชะโงกหน้าไปมองที่ตำราเล่มนั้นอีกครา ในตำราหมายเหตุไว้ว่าหากต้องการสิ่งใดให้นึกถึงสิ่งนั้น เป็นการซ้อนวิญญาณของสิ่งมีชีวิตอีกโลกขนานหนึ่ง"สิ่งมีชีวิตอีกโลกหนึ่ง.. เหตุใดในยุคสมัยนี้ถึงรู้เรื่องราวเหล่านี้""ข้าต้องการท่านแม่.. หากข้าสามารถเรียกวิญญาณท่านแม่ได้เรื่องราวพวกนี้ก็จะจบลง แต่หากข้าทำไม่สำเร็จวิญญาณของคนผู้นั้นที่ข้าเรียกมาต้องสะสางเรื่องราวยุ่งเหยิงที่ข้าก่อขึ้นนี้ได้เป็นแน่"แม่นางเพ่ยพูดจบก็ได้วางทุกอย่างลงบนโต๊ะ พร้อมทั้งหยิบเจ้าปลาตัวใหญ่นั้นเดินเข้าไปในครัว แม้ว่าหลี่เฟยหลงจะอยู่ที่นี่อยู่นาน แต่เธอกลับไม่รู้ว่าที่แห่งนี้ส่วนนั้นเป็นครัวที่สามารถทำอาหารได้ เพียงแต่ไม่มีอุปกรณ์ใดที่ใช้ในการทำอาหารอะไรสักอย่าง เธอมองดูแม่นางเพ่ยเพ่ยที่ใช้พลังสีทองของตนในการถอดเกล็ดปลาเสียบไม้แล้วย่าง นางใช้พลังของตนเองในการทำจนหมดสิ้นราวกับไม่ว่าเธอจะไปอยู่ที่แห่งใดย่อมไม่อด
ตอนที่ 95 ซ้อนวิญญาณวิชาต้องห้ามสตรีผู้นี้แผดเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องขัง สาดคำพูดต่อว่าสตรีที่สูงส่งผู้นี้อย่างไม่ได้รู้สึกเกรงกลัว แต่นอกจากที่พระสนมเอกจะไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองหรือไม่พอใจแล้ว นางกลับกำลังยกยิ้มอย่างชอบใจสายตาคู่นั้นของแม่นางเพ่ยเพ่ย มองไปทางน้องชายที่ถูกลากออกไป ราวกับหมูหมากาไก่เปรียบเหมือนว่าเขานั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ความรู้สึกคับแน่นในอกเริ่มทำให้นางไม่มีทางเลือก หากนางไม่ทำตามคำที่สนมเอกบอก ชีวิตของน้องชายนางไม่รอดแน่ แต่หากนางทำเรื่องที่พระสนมต้องการนั่นถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเธอ หากมันสำเร็จก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตของเธอและน้องชายจะรอด แต่ก็ไม่ได้มีอะไรการันตีว่าทั้งสองจะไม่รอด"เจ้าคิดให้ดีหากเจ้าทำมันสำเร็จข้ารับรองว่าชีวิตของเจ้าและน้องชายเจ้า จะเดินทางออกจากแคว้นฉวางอย่างปลอดภัยหายห่วง.. แต่หากเจ้าไม่ยินดีข้าจะ นำหัวของน้องชายเจ้ามาคืนให้เจ้า.. เจ้าว่าเช่นนี้ดีหรือไม่"แม่นางเพ่ยเพ่ยทำได้เพียงจ้องมองไปที่น้องชายของตนเอง ที่กำลังหายลับไปจนสุดสายตา ก่อนจะสลับมามองพระสนมเอกที่มีนิสัยละโมบโลภมาก เธอไม่รู้เลยว่าทางออกของเธอควรเป็นอย่างไร เธอรู้เพียงแต่ใน
ตอนที่ 94 เจ้ามันปีศาจเธอตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ดังก้องกังวานอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจนรู้สึกแสบคอ ก่อนจะเด้งตัวมานั่งขัดสมาธิพร้อมทั้งกอดอก อย่างคนที่หงุดหงิด สายตาของเธอกวาดมองไปรอบ ๆ อีกครั้งก่อนจะหลับตาลงเล็กน้อย"ถ้าหงายหลังนอนอีกครั้งจะไปตกที่หลังคาวังหลวงหรือเปล่านะ" แม้ว่าเธอจะคิดเล่น ๆ แต่ทันทีที่เธอหงายหลังนอนลงไปอีกครา ร่างกายของเธอรู้สึกเบาหวิวอีกครั้ง"กำลังเดินทางอีกแล้วสินะ" เธอไม่แม้แต่จะลืมตามามองรอบกาย ทำได้เพียงแค่กอดอกพร้อมปล่อยร่างกายของตัวเองให้ไหลไปตามกระแสลมที่ได้รับฟึ่บ!แต่ครั้งนี้เธอรู้สึกว่าตนเองนั้นตกลงมาที่กองฟางเห็นจะได้ ดวงตาทั้งสองเปิดขึ้นเห็นเพียงแค่ความมืดสนิท เธอค่อย ๆ ใช้มือทั้งสองคลำไปรอบกายรับรู้ได้ว่ามันคือกองฟางจริง ๆ เฟยหลงดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งพร้อมทั้งสอดสายตามองหาแสงสว่าง"จับมัน!" เธอต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงของผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยคำสั่งที่น่ากลัว พร้อมทั้งเสียงฝีเท้าอีกหลายคู่วิ่งเข้ามาในกระท่อมหลังนี้ สองเท้าของเธอก้าวเดินออกไปข้างหน้าตามแสงสว่างที่มีเพียงน้อยนิดนั้น เธอแอบมองจากด้านในเห็นทหารมากมายในชุดดำกำลังจับสองพี่น้องที่ไม่มีทีท่าว่าจะร้
ตอนที่ 93 ความหลังของเพ่ยเพ่ยตู้ม!!แต่ไม่รู้ว่าเป็นเคราะห์ซ้ำหรือกำซัด ทันทีที่ก้นของเธอแตะที่ปุยเมฆขาวนุ่มฟูนั้นร่างกายของเธอก็ได้ตกลงไปในสระน้ำแห่งหนึ่งจนเนื้อตัวเปียกปอนฟู่ว~ทันทีที่เธอนั้นตะเกียกตะกายขึ้นโผล่พ้นน้ำ ริมฝีปากบางได้พ่นลมหายใจออกมาอย่างแรงเพื่อฮุบเอาอากาศด้านบน สายตาของเธอกวาดมองไปรอบกายเห็นกระท่อมที่คุ้นตา เฟยหลงจดจำกระท่อมหลังนี้ได้แม่นยำอย่างไม่มีวันลืม"ทำไมจู่ ๆ ถึงได้กลับมาที่กระท่อมกลางป่าอีกแล้ว" แม้ว่าจะสงสัยอยู่ไม่น้อย แต่บัดนี้หลี่เฟยหลงกำลังตะเกียกตะกายให้ตัวเองขึ้นมาจากในสระ ทันทีที่ร่างกายที่เปียกปอนของเธอปะทะเข้ากับสายลมที่พัดเข้ามาไม่ขาดสายทำให้รู้สึกหนาวเหน็บอยู่ไม่น้อย สองเท้าค่อย ๆ เดินขึ้นไปทางกระท่อมหลังนั้น ทุกอย่างดูไม่ผิดปกติจากที่เธอเห็นก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่ เพียงแต่ที่แห่งนี้กลับรู้สึกว่ามีชีวิตชีวามากกว่าเมื่อคราวที่เธอมาในครั้งนั้นอยู่มาก"ท่านยาย.. ยาบำรุงนี้ปรุงอย่างนี้ใช่หรือไม่" ยังไม่ทันที่เธอจะผลักประตูเข้าไป หลี่เฟยหลงได้ยินเสียงของคนผู้หนึ่งดังขึ้นภายในกระท่อมหลังนั้น"ไม่ใช่! สมุนไพรชนิดนี้ไม่สามารถเป็นยาบำรุงได้เจ้าไปเอาชิ้นน
ตอนที่ 92 ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่รอท่านได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ทั้งสองเมื่อได้รับการพ้นโทษจึงได้เร่งเดินทางกลับเข้าจวนทันที ระหว่างทางที่เธอและเขาผ่านนั้น ทั้งคู่พบว่ามีประกาศว่าสกุลเจิงเป็นผู้บริสุทธิ์ทำให้ทั้งสองรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากทั้งสองเดินทางมาจนถึงหน้าจวน เฟยหลงมองไปยังประตูที่ช่างดูเงียบเหงาจนหัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ อวี้เจินปรายตามองใบหน้าของเธอเล็กน้อยส่งยิ้มให้เธอก่อนจะใช้มือหนาคว้าข้อมือของเธอไว้ เขาใช้อีกอีกข้างดันเพื่อเปิดประตูหน้าของจวนสกุลเจิง ทันทีที่ประตูจวนเปิดออก ภาพที่เขาเห็นนั้นทำให้ทั้งสองยิ้มกว้างออกมาด้วยความยินดี ท่านแม่ทัพใหญ่เจิงเถาฮ่วน สหายเจิงเจียอวี่ พร้อมด้วยข้ารับใช้ในจวนทั้งหมดกำลังยืนต้อนรับทั้งสอง อยู่ก่อนแล้ว"ยินดีต้อนรับกลับจวนขอรับท่านพ่อ น้องรอง และทุกท่านด้วย" เจิงอบุตรีจินเอ่ยกับทุกคนด้วยน้ำเสียงสดใสพร้อมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม"ยินดีต้อนรับแม่ทัพน้อยเจิงกลับบ้าน" และเป็นเสียงของผู้เป็นบิดาของจวนเอ่ยต้อนรับเขาเช่นกัน"ยินดีต้อนรับแม่นางที่พ้นโทษ.. ได้รับคืนความบริสุทธิ์" ก่อนที่แม่ทัพใหญ่จะหันมาพูดกับเธอด้วยใบหน้าที่นึกขอบคุณไม่เพียงเท่านั้
ตอนที่ 91 ปิดคดีเฟยหลงเอ่ยออกมากับตัวเองเบา ๆ เมื่อยามที่เธอนั้นนั่งอยู่ที่ศาลาริมน้ำมองดูดอก บัวด้วยสายตาที่ไม่ยินดียินร้ายเดิมทีแล้วท่านยายบอกว่าร่างกายของอาเพ่ยนั้นจะอยู่ได้อีกหนึ่งเดือน แต่สิ่งที่เธอทำผิดพลาดอีกครั้ง คือพลังของเธอไม่สามารถขับพิษในร่างกายของฮ่องเต้ได้จนหมด หากเป็นเช่นนั้นร่างกายของฮ่องเต้ที่เคยชินกับพิษนี้ จะสามารถสร้างมันขึ้นมาได้ใหม่ สิ่งที่จะทำให้พระองค์หายขาดได้จึงไม่ใช่การขับออก แต่เป็นการดึงพิษทั้งหมดเข้ามาในร่างของเธอต่างหาก"เจ้าอยู่ในวังเบื่อหรือไม่" เสียงของเจิงอวี้เจินดังขึ้นทางด้านหลัง ทำให้เธอนั้นรีบหันไปมองชายอันเป็นที่รักพร้อมทั้งส่งรอยยิ้มให้เขา ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการตอบรับ"ข้าเบื่อมาก" เธอเดินเข้าไปหาเขาอย่างว่าง่ายก่อนจะใช้สองมือเล็กกอดรอบแขนของเขาเอาไว้อย่างออดอ้อน ใช้ใบหน้าหวานซุกไปที่ทรวงอกของเขาก่อนค่อย ๆ ช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าของบุรุษผู้นี้อวี้เจินหันมองรอบกายซ้ายขวาเล็กน้อยก่อนจะก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากของเธออย่างรวดเร็วแล้วผละออก"ท่านทำอะไรเนี่ย""ก็ที่เจ้าออดอ้อนข้าเช่นนี้ไม่ใช่อยากให้ข้าทำเช่นนี้งั้นหรือ""ท่านไปร่ำเรียนความหน้า
ตอนที่ 90 นับเวลาถอยหลังกับชีวิตที่เหลืออยู่"ความยากลำบากที่หม่อมฉันได้รับ! เด็กสาวที่เคยร่าเริง.. ชื่นชอบการอ่านตำรา ปักผ้า ทำอาหาร มีความสุขกับครอบครัว.. เพียงแค่ชั่วข้ามคืน! ต้องกลายเป็นสตรีที่ไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน! ไม่สามารถบอกใครได้ว่ามาจากตระกูลไหน!”“ทำได้เพียงขอข้าวขอน้ำดั่งขอทานข้างถนน! ไม่มีผู้ใดเหลียวแล.. ซุกหัวนอนตามรางหญ้า บางคราก็ต้องแย่งข้าวกับสุนัขเพื่อประทังชีวิต! โดนทำร้ายหยามเหยียดจนแทบไม่เหลือความเป็นคน! พระองค์รู้หรือไม่กว่าที่หม่อมฉันจะเข้ามาทำให้พระองค์สะดุดตาได้มิใช่เรื่องง่าย ความแค้นที่สุมอยู่ในอกของหม่อมฉันมันเกือบจะสำเร็จอยู่แล้ว.. หากว่านางหมอพิษผู้นั้นไม่หักหลังหม่อมฉัน! ป่านนี้พระองค์ได้ลงไปเฝ้ายมโลกแล้วกับท่านพ่อหม่อมฉันไปแล้ว!""ข้าว่าเจ้าเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว.. ข้ามีเหตุผลของข้า หากเมื่อครานั้นพ่อของเจ้าไม่คิดก่อกบฏข้าย่อมไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์เป็นแน่""โกหก! พระองค์อย่ามาโกหกกับหม่อมฉัน! พ่อของหม่อมฉันไม่มีทางคิดก่อกบฏเป็นแน่! ท่านใส่ร้ายครอบครัวข้า ฆ่าครอบครัวข้าล้างตระกูลยังไม่พอ.. เวลานี้พระองค์ยังคิดจะใส่ร้ายตระกูลข้า! ท่านยังมีความเป็นคนอยู่หรือ