ตอนที่ 35 หายไป“เช่นนั้น.. ขอบใจท่านมากเสี่ยวเอ้อ” เจิงเจียอวี่เอ่ยกับเสี่ยวเอ้อที่ยกอาหารมาให้ก่อนจะล้วงมือหยิบก้อนเงินให้เขาไปก้อนหนึ่งเป็นการขอบคุณ “ขอบคุณคุณชายขอรับ” รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้าของผู้ชายคนนี้ สองมือยื่นมารับก้อนเงินนั้นก่อนจะเดินออกจากห้องพร้อมทั้งปิดประตูให้อย่างสนิท“พี่ชายของเจ้าช่างมีเมตตายิ่งอาอวี่” เสี่ยวจ๋ายใช้สองมือจับกันไว้พร้อมทั้งทำท่าทางเดียวกับอาเพ่ยเมื่อครู่ ดวงตาเฉี่ยวตามแบบฉบับหมาจิ้งจอกจ้องมองจานอาหารอย่างไม่กะพริบ“ข้าก็เพิ่งรู้พร้อมพวกเจ้าเช่นกัน.. ว่าอาอวี้พี่ชายของข้ามีน้ำใจถึงเพียงนี้” หลี่เฟยหลงและเสี่ยวจ๋ายหันมองหน้ากันอย่างงุนงงกับคำพูดของเจิงเจียอวี่ไม่น้อย“พวกเจ้าไม่ต้องสนใจคนบ้าสนามรบอย่างพี่ชายของข้านักหรอก.. ในเมื่ออาอวี้มีความเมตตาเลี้ยงอาหารพวกเราเช่นนั้น งั้นเราก็มากินให้หนำใจกันเถอะ! เสี่ยวจ๋ายเจ้านำสุราออกมา!” แม้จะยังไม่เข้าใจแต่สิ่งที่เฟยหลงและเสี่ยวจ๋ายเลือกทำคือนั่งลงแล้วคีบอาหารมากินอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่สนใจคำพูดนั้นของเขาอีกแม้แต่น้อย สุรามากมายถูกยกเข้าปากทั้งสามอย่างหนำใจราวกับกำลังเฉลิมฉลอง“อาเพ่ยเจ้าจะกลับไปหรือไม่”
ตอนที่ 36 ความจริงที่ปกปิด [1]หลี่เฟยหลงใช้สายตากวาดมองในห้องผ่านความมืดอย่างพิจารณา แต่ไม่ว่าเธอจะมองไปทางใด กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของสหายตัวเล็กนั้นเลยแม่แต่น้อย“อาจ๋าย.. ได้ยินเสียงข้าหรือไม่.. เจ้าอยู่ไหน” ร่างบางขยับริมฝีปากส่งเสียงเรียกหาสหาย สองเท้าของเธอนั้นก้าวเข้าไปใกล้เตียงนอนของเจ้าจิ้งจอกมากขึ้น แม้จะเป็นบรรยากาศที่มีเพียงแสงสลัวจากแสงเทียนด้านนอกไม่กี่เล่ม แต่เห็นได้ชัดว่าบนเตียงนอนหลังนั้นว่างเปล่า ไร้กลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตนั้นยิ่งทำให้เธอนั้นรู้สึกหายใจหายคอไม่ทั่วท้องจนรู้สึกอึดอัด“เสี่ยวจ๋ายเจ้าอยู่ไหนได้ยินเสียงข้าหรือไม่” แม้จะเห็นว่าที่ตรงนั้นว่าเปล่า แต่ขาทั้งสองข้างของเธอนั้นยังคงเดินตรงเข้าไปยังเตียงนอนเรื่อย ๆ เฟยหลงกวาดสายตามองไปรอบห้องผ่านความมืดที่มีเพียงแสงสลัวอยู่เช่นนั้น แต่ไม่ว่าเธอจะมองไปที่ใดก็ไร้ซึ่งวี่แววของเขาพรึ่บ!เธอหันขวับไปทางแสงเทียนเล่มหนึ่งตรงมุมห้องที่ดับลงอย่างผิดปกติ ราวกับว่ามีใครจงใจดับมันเพื่อเรียกร้องให้เธอหันไปสนใจ แต่เมื่อเธอหรี่ตามองในความมืดได้อย่างดีแล้ว ด้านข้างของเทียนเล่มนั้นมีกระดาษแผ่นเล็กแผ่นหนึ่งถูกวางทิ้งไว้อย่างจงใจให
ตอนที่ 37 ความจริงที่ปกปิด [2]“เหตุใดก่อนหน้านี้เจ้าจิ้งจอกถึงไม่ยอมบอกพวกเรา” เฟยหลงปรายตามองเจียอวี่ที่ยังยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน‘ข้าขอโทษที่ไปกับพวกเจ้าไม่ได้.. แต่ข้าสัญญาว่าหากข้าจัดการเรื่องทั้งหมดจนเรียบร้อยแล้ว.. ข้าจะกลับไปขอโทษพวกเจ้าด้วยตัวของข้าเอง’ ‘อาเพ่ย.. เจ้าเก็บพู่ห้อยเอวของข้าไว้ให้ดี หากเจ้ามีสิ่งนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมันจะช่วยคุ้มครองเจ้าได้’ ‘อาอวี่.. ระหว่างที่ข้าไม่อยู่เจ้าต้องดูแลอาเพ่ยให้ดี อย่าให้นางได้รับอันตรายเด็ดขาด.. เพราะชีวิตของนางตายที่นี่ไม่ได้’ ในครั้งแรกที่หลี่เฟยหลงได้อ่านจดหมายฉบับนั้น แม้จะไม่มั่นใจนักแต่เธอยังคงสงสัยในสิ่งที่เสี่ยวจ๋ายเขียนไว้ในกระดาษ ‘เพราะชีวิตของนางตายที่นี่ไม่ได้’ คำนี้ยังคงติดตาและก้องอยู่ในหัวใจของเธออยู่เสมอ.. หรือแท้ที่จริงแล้วเสี่ยวจ๋ายนั้นจะรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอคือใครกันแน่ แล้วหากเป็นเช่นนั้นเหตุใดเขากลับไม่เคยแสดงอาการอะไรออกมาเลยแม้แต่น้อย“เช่นนั้นเหลือเพียงข้ากับเจ้าแล้ว” สหายตรงหน้าเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศที่เงียบงันระหว่างเราทั้งสอง หลี่เฟยหลงมองหน้าบุรุษผู้นี้ก่อนจะคว้าใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นที่เขาย
ตอนที่ 38 เริ่มต้นท่องยุทธภพ [1]ทันทีที่เธอนั้นเอ่ยคำนั้นจนจบประโยคก็เป็นเวลาเดียวกับที่เธอนั้นได้สติ หลี่เฟยหลงยื่นมือของตนเองค้างไว้กลางอากาศด้วยความรู้สึกชะงักนิ่ง บรรยากาศรอบกายของเธอคล้ายกับว่าเงียบสนิทจนสงัด ใบหน้าชาวาบพร้อมกันนั้นภายในหน้าอกข้างซ้ายของเธอเต้นรัวราวกับคนที่กำลังตีกลอง เมื่อเธอนั้นนึกได้ว่าเสี่ยวจ๋ายไม่ได้อยู่กับเธอตรงนั้น พรึ่บ!“น้ำ..” แต่ก็เป็นเพียงงช่วงเวลาสั้น ๆ เมื่อกระบอกน้ำใบหนึ่งถูกวางบนมือของเธออย่างแรง และเพราะการกระทำในครั้งนั้นเองที่ช่วยเรียกสติที่หลุดลอยไปของเธอให้กลับมาหลี่เฟยหลงสะบัดศรีษะของตัวเองเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองที่มาของน้ำกระบอกนี้ เมื่อเธอเห็นว่าเป็นเจิงเจียอวี่ที่ยื่นมันมาให้เธอ ก็รู้สึกโล่งใจอยู่ไม่น้อย สหายทั้งสองมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่งด้วยสายตาที่ต่างรู้ความรู้สึกของกันและกันเธอยังใช้สายตาที่สั่นไหวมองหน้าของสหายผู้นี้ราวกับกำลังสะกดกลั้นหยดน้ำตา ริมฝีปากบางสีกุหลาบเม้มเข้าหากันแน่น เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ดูเศร้าหมองของบุรุษตรงหน้ายิ่งทำให้เธอต้องสะบัดศีรษะไล่ความคิดที่แสนจะฟุ้งซ่านนั้นทิ้งอย่างรวดเร็ว แล้วจัดการกรอกน้ำเข้าไปในปากของชา
ตอนที่ 39 เริ่มต้นท่องยุทธภพ [2]3 ชั่วยามผ่านไป“พวกเจ้าต้องพาชาวบ้านทุกท่านเดินทางเข้าเมืองหลวงอย่างปลอดภัย.. เข้าใจหรือไม่”“เข้าใจแล้วขอรับคุณชาย”หลี่เฟยหลงลืมตาขึ้นมาท่ามกลางบรรยากาศที่ยังคงมืดสลัว ดวงตากลมกวาดมองพบว่าด้านหน้าของเธอนั้นมีชาวบ้านลุกขึ้นมาเตรียมตัวกันครบทุกคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ข้างกายของเจิงเจียอวี่มีทหารสองสามคนในชุดเกาะอ่อนซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายเฉพาะของกองทหารอาอชานภาที่แม่ทัพเจิงเถาฮ่วนนั้นดูแล“อาอวี่..” เธอเอ่ยเรียกสหายทันทีพร้อมทั้งใช้ฝ่ามือดันตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ร่างกายที่ดูจะผิดแปลกไปของเธอให้ความรู้สึกคล้ายโลกมบนี้กำลังหมุน ความเวียนหัวจนรู้สึกคลื่นไส้เช่นนี้คืออะไรกัน“เหตุใดข้าถึงมีอาการเช่นนี้.. คงไม่ใช่ว่าข้าพาร่างกายของอาเพ่ยมาไม่สบายกลางป่ากลางเขาหรอกนะ” ฝ่ามือเล็กยกขึ้นมานวดคลึงศีรษะที่ปวดหนึบ“เจ้าไม่ต้องลุกขึ้นมา... นี่ก็ยังไม่สว่างดี.. อาเพ่ยเจ้านอนต่ออีกหน่อย” เจิงเจียอวี่ที่เห็นอาการของสหายได้เดินเข้ามาหาเธอเล็กน้อย พร้อมทั้งกำชับให้เธอพักผ่อน เพราะเมื่อคืนกว่าทั้งสองจะสามารถหลับตาลงได้โดยที่ไม่คิดเรื่องของสหายอย่างเสี่ยวจ๋ายก็ค่อน
ตอนที่ 40 หมู่บ้านฉินรั่ว [1]หลี่เฟยหลงปรายตาเพื่อกวาดมองเข้าไปในหมู่บ้านที่เพิ่งเดินทางมาถึงด้วยสายตาที่เรียกว่าเหลือจะเชื่อ เธอมองดวงอาทิตย์เป็นการดูเวลาและคิดว่าตอนนี้น่าจะเป็นเพียงยามเซินเท่านั้น แต่เมื่อทั้งสองมองเข้าไปในหมู่บ้าน มันช่างคล้ายกับว่าที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านร้างเสียอย่างไรอย่างนั้น“เจ้ามิได้หลงทิศ.. พาข้ามาไม่ผิดแน่นะ” เฟยหลงหันมองหน้าสหายที่เขาเองก็ดูจะประหลาดใจอยู่ไม่น้อยเมื่อเห็นสภาพของหมู่บ้านที่หวังจะยึดเหนี่ยวเป็นที่พึ่งในยามนี้ เฉกเช่นเดียวกันกับหลี่เฟยหลง เธอยังคงปรายตากวาดมองไปโดยรอบอย่างระแวง“ไม่ผิดแน่! เพียงแต่ที่นี่อยู่นอกเขตปกครองของทั้งแคว้นฉวางและแคว้นฉู่.. และข้าเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดในหมู่บ้านจึงเป็นเช่นนี้ พวกเราเข้าไปด้านในกันเถอะเจ้าระวังตัวด้วย” เจิงเจียอวี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นพอควร ก่อนจะกระโดดลงจากหลังหงเชว่ใช้สายตาคมกริบกวาดมองบริเวณหน้าหมู่บ้านอย่างไม่อยากเชื่อสายตาหมู่บ้านฉินรั่วตั้งอยู่นอกเขตการปกครองของทั้งสองแคว้น แต่เพราะสองแคว้นนี้เป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันมาโดยตลอดหมู่บ้านนี้จึงอยู่โดยปลอดภัย เดิมทีที่แห่งนี้เป็นหมู่บ้านเล็
ตอนที่ 41 หมู่บ้านฉินรั่ว [2]“ข้ามาถึงที่นี่เมื่อชั่วยามก่อน.. ไม่พบชาวบ้านในหมู่บ้านหลงเหลืออยู่ เท่าที่สำรวจดูคาดว่าชาวบ้านน่าจะพากันอพยพออกจากที่นี่ไปเกินกว่าครึ่งเดือน” เจิงอวี้เจินเอ่ยกับน้องชายพร้อมทั้งหันมองเข้าไปในหมู่บ้านอีกครั้ง“เกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไรกัน” เจียอวี่ใช้สายตาที่แสดงออกถึงความไม่เข้าใจจ้องมองไปตามอวี้เจินด้วยสายตาที่มองเห็นได้ชัดว่าเศร้าสลด“ไม่พบผู้เสียชีวิต.. คาดว่าในหมู่บ้านจะต้องเกิดเรื่องเป็นแน่ เมื่อสามวันก่อนนั้นข้าเดินทางไปทางเมืองโจ่ว ที่นั่นมีชาวบ้านอพยพเข้าไปเป็นจำนวนมาก หนึ่งในกลุ่มชาวบ้านนั้นอาจจะมีชาวบ้านจากที่นี่ปะปนเข้าไปด้วย ตอนนี้ข้ารายงานเข้าไปให้ต้าอ๋องเรียบร้อยแล้ว”“เจ้าคิดว่าเรื่องที่ชาวบ้านอพยพออกไปจนกลายเป็นหมู่บ้านร้างเช่นนี้.. เกี่ยวกับเรื่องที่เด็กหายตัวไปหรือไม่” หลี่เฟยหลงที่นั่งฟังอยู่พักใหญ่เอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าที่ไม่ดีนัก หากเป็นเช่นนั้นแล้วหรือว่าน้องชายของอาเพ่ยเองจะเดินทางปะปนเข้าไปที่เมืองโจ่วก็เป็นได้“แม่นางเพ่ยเพ่ย.. เรื่องของน้องชายเจ้าข้าจะช่วยอีกแรง แม่นางต้องได้พบเป็นแน่” เจิงอวี้เจินเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นเป็
ตอนที่ 42 ซื่อหลงไห่กับชายชุดดำ [1] หลังจากที่ผ่านไปนานกว่าครึ่งชั่วยามที่เฟยหลงต้องมองดูสองพี่น้องจิกกัดกันทางสายตา จนเมื่อทั้งสองที่ดูเหมือนว่าจะตกลงกันจนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงได้พากันควบม้าออกจากหมู่บ้านฉินรั่วด้วยใบหน้าบูดเบี้ยวดูออกอย่างเห็นได้ชัดว่าไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมากของพี่ชายอย่างเจิงอวี้เจินแต่ที่แตกต่างกันเห็นจะเป็นใบหน้าที่ทะเล้นอารมณ์ดีราวกับว่าเขานั้นถูกลอตเตอรี่ของน้องชายอย่างเจิงเจียอวี่ แต่ถึงแม้ว่าสองพี่น้องจะดูเหมือนว่าถกเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใครตลอดเส้นทางทาง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดนั้นเป็นเพียงการแสดงออกแบบหยอกล้อของทั้งคู่เพียงเท่านั้น“หยุด~ แม่นางเพ่ยเพ่ย.. เจ้าเป็นวิชายุทธ์หรือวรยุทธ์บ้างหรือไม่” หลังจากที่ทั้งสามเดินทางออกมาได้เกือบสองชั่วยาม เจิงอวี้เจินได้สั่งหยุดม้าก่อนจะหันมาถามหลี่เฟยหลงที่ทำหน้างุนงงอยู่ไม่น้อย เธอเร่งควบเจ้าม้าเผือกเหินอ๋าวมาหยุดอยู่ด้านข้างเขา“อาเพ่ย.. ท่านเรียกข้าเช่นเดียวกับอาอวี่ได้” เธอไม่ได้ตอบคำถามของเขา แต่เมื่อได้ยินเคร่งขรึมจินเรียกเธอด้วยสรรพนามเช่นนั้นค่อนข้างรู้สึกห่างเหินเกินไป ถึงแม้ว่าทั้งสองจะเพิ่งรู้จักได้เ
ตอนที่ 98 เจิงฮูหยิน.. ข้ามาแล้วทั้งสี่ยืนมองเจิงอวี้เจินที่ร้องไห้อย่างน่าสงสาร สองแขนของเขากอดร่างกายของภรรยาเอาไว้แน่น ใบหน้าคมประกบจูบลงที่ริมฝีปากของนางก่อนจะขยับเลื่อนไปหอมแก้มทั้งสองข้างของเธอ พร้อมทั้งจุมพิตที่หน้าผากอย่างอ่อนโยนก่อนจะค่อย ๆ ช้อนตัวของเฟยหลงนั้นขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อเดินอุ้มนางไปวางไว้บนเตียง"ข้าขออยู่ส่งนางจนวินาทีสุดท้ายได้หรือไม่" เขาหันมามองท่านยายหลิงไถที่พยักหน้าให้เล็กน้อย เมื่อเขาได้รับอนุญาตแล้วจึงได้ขึ้นไปนอนคู่กันกับเธอบนเตียง สองแขนกอดร่างกายของเธอเอาไว้แน่นอยากสัมผัสไว้ให้นานที่สุด"พวกเจ้าทั้งสองออกไปรอด้านนอกก่อน ข้าจะเตรียมพิธีและเมื่อถึงเวลาอันสมควรข้าจะให้กู่ป๋ายออกไปเรียกพวกเจ้า" สิ้นสุดคำพูดของท่านยายสหายทั้งสองได้มองใบหน้าของเจิงอวี้เจินและหลี่เฟยหลงอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปรอด้านนอกอย่างว่าง่าย"กู่ป๋าย.. เจ้ากลัวหรือไม่" แม้ว่าเจิงอวี้เจินนั้นจะได้ยินเสียงของท่านยายและน้องชายของแม่นางเพ่ยเพ่ยคุยกัน แต่เขากลับได้หาสนใจไม่ เขาไม่สนใจเลยว่าทั้งสองจะพูดเรื่องอะไร เขาสนใจเพียงแต่เขาอยากจะกอดร่างกายของภรรยาของเขาเอาไว้ให้นานที่สุด น้ำตาของชาย
ตอนที่ 97 หากนางอยู่ที่นี่.. นางจะเจ็บปวด"เหตุใดเจ้าถึงไม่ยินดี.. ในเมื่อเรื่องนี้เราทั้งสองนั้นได้คุยกันมาก่อนแล้วไม่ใช่หรือ ว่าหากจบเรื่องราวทั้งหมด ข้าจะให้ท่านพ่อของข้าไปสู่ขอเจ้า""ท่านพี่.. ข้ารักท่านอย่างที่ไม่เคยรักชายใดมาก่อน ท่านเป็นคนแรกที่ทำให้ข้ารู้จักคำว่ารัก คำว่าห่วงใย เพียงแต่ท่านหลงลืมไปแล้วอย่างนั้นหรือว่าข้ามิใช่คนในโลกใบนี้ หากเมื่อเราทั้งสองนั้นได้ตกลงปลงใจเข้าร่วมพิธีสมรสในครั้งนี้ หากข้าต้องสลายกลายเป็นเถ้าธุลีท่านจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวข้าไม่ยินดีให้ท่านเป็นเช่นนั้น ข้าไม่ยินดีที่ให้งานมงคลสมรสของเราทั้งคู่เป็นสิ่งที่จะเหนี่ยวรั้งท่าน.. ท่านเข้าใจความรู้สึกของข้าหรือไม่""แม่นางหลี่เฟยหลง.. เช่นนั้นเจ้าฟังคำของข้าให้ดี ต่อให้ในโลกใบนี้หรือใบไหน หากเจ้าอยู่ที่ใดข้าขอให้คำมั่นสัญญาต่อฟ้าดินเพื่อเป็นพยาน ข้าจะรักเพียงเจ้าจะติดตามเจ้า ไปทุกที่ หรือต่อให้เจ้าจะทิ้งข้าไว้ในที่แห่งนี้ ทะเลเพลิง ภูเขาน้ำแข็งหรือต้องตายกี่ครั้ง ข้าก็ไม่เสียใจเลยแม้แต่น้อย ขอเพียงแค่ข้าได้รักเจ้าได้ดูแลเจ้าได้อยู่กับเจ้า แม้จะเป็นเพียงหนึ่ง วัน สองวัน เจ็ดวัน หนึ่งเดือน หนึ่งปี หรือตลอดชี
ตอนที่ 96 ข้าไม่ยินดีสำหรับงานมงคลสมรสในครานี้เฟยหลงมองดูแม่นางเพ่ยเพ่ยที่กระโดดโลดเต้นไปมาราวกับว่านางนั้นกำลังทำสิ่งที่เฝ้ารอจนสำเร็จ ด้วยความดีใจของสตรีผู้นี้ที่ดูจะดีใจเกินกว่าปกติทำให้เธอรู้สึกอยากรู้อีกครั้งได้ชะโงกหน้าไปมองที่ตำราเล่มนั้นอีกครา ในตำราหมายเหตุไว้ว่าหากต้องการสิ่งใดให้นึกถึงสิ่งนั้น เป็นการซ้อนวิญญาณของสิ่งมีชีวิตอีกโลกขนานหนึ่ง"สิ่งมีชีวิตอีกโลกหนึ่ง.. เหตุใดในยุคสมัยนี้ถึงรู้เรื่องราวเหล่านี้""ข้าต้องการท่านแม่.. หากข้าสามารถเรียกวิญญาณท่านแม่ได้เรื่องราวพวกนี้ก็จะจบลง แต่หากข้าทำไม่สำเร็จวิญญาณของคนผู้นั้นที่ข้าเรียกมาต้องสะสางเรื่องราวยุ่งเหยิงที่ข้าก่อขึ้นนี้ได้เป็นแน่"แม่นางเพ่ยพูดจบก็ได้วางทุกอย่างลงบนโต๊ะ พร้อมทั้งหยิบเจ้าปลาตัวใหญ่นั้นเดินเข้าไปในครัว แม้ว่าหลี่เฟยหลงจะอยู่ที่นี่อยู่นาน แต่เธอกลับไม่รู้ว่าที่แห่งนี้ส่วนนั้นเป็นครัวที่สามารถทำอาหารได้ เพียงแต่ไม่มีอุปกรณ์ใดที่ใช้ในการทำอาหารอะไรสักอย่าง เธอมองดูแม่นางเพ่ยเพ่ยที่ใช้พลังสีทองของตนในการถอดเกล็ดปลาเสียบไม้แล้วย่าง นางใช้พลังของตนเองในการทำจนหมดสิ้นราวกับไม่ว่าเธอจะไปอยู่ที่แห่งใดย่อมไม่อด
ตอนที่ 95 ซ้อนวิญญาณวิชาต้องห้ามสตรีผู้นี้แผดเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งห้องขัง สาดคำพูดต่อว่าสตรีที่สูงส่งผู้นี้อย่างไม่ได้รู้สึกเกรงกลัว แต่นอกจากที่พระสนมเอกจะไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองหรือไม่พอใจแล้ว นางกลับกำลังยกยิ้มอย่างชอบใจสายตาคู่นั้นของแม่นางเพ่ยเพ่ย มองไปทางน้องชายที่ถูกลากออกไป ราวกับหมูหมากาไก่เปรียบเหมือนว่าเขานั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ความรู้สึกคับแน่นในอกเริ่มทำให้นางไม่มีทางเลือก หากนางไม่ทำตามคำที่สนมเอกบอก ชีวิตของน้องชายนางไม่รอดแน่ แต่หากนางทำเรื่องที่พระสนมต้องการนั่นถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับเธอ หากมันสำเร็จก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตของเธอและน้องชายจะรอด แต่ก็ไม่ได้มีอะไรการันตีว่าทั้งสองจะไม่รอด"เจ้าคิดให้ดีหากเจ้าทำมันสำเร็จข้ารับรองว่าชีวิตของเจ้าและน้องชายเจ้า จะเดินทางออกจากแคว้นฉวางอย่างปลอดภัยหายห่วง.. แต่หากเจ้าไม่ยินดีข้าจะ นำหัวของน้องชายเจ้ามาคืนให้เจ้า.. เจ้าว่าเช่นนี้ดีหรือไม่"แม่นางเพ่ยเพ่ยทำได้เพียงจ้องมองไปที่น้องชายของตนเอง ที่กำลังหายลับไปจนสุดสายตา ก่อนจะสลับมามองพระสนมเอกที่มีนิสัยละโมบโลภมาก เธอไม่รู้เลยว่าทางออกของเธอควรเป็นอย่างไร เธอรู้เพียงแต่ใน
ตอนที่ 94 เจ้ามันปีศาจเธอตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ดังก้องกังวานอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจนรู้สึกแสบคอ ก่อนจะเด้งตัวมานั่งขัดสมาธิพร้อมทั้งกอดอก อย่างคนที่หงุดหงิด สายตาของเธอกวาดมองไปรอบ ๆ อีกครั้งก่อนจะหลับตาลงเล็กน้อย"ถ้าหงายหลังนอนอีกครั้งจะไปตกที่หลังคาวังหลวงหรือเปล่านะ" แม้ว่าเธอจะคิดเล่น ๆ แต่ทันทีที่เธอหงายหลังนอนลงไปอีกครา ร่างกายของเธอรู้สึกเบาหวิวอีกครั้ง"กำลังเดินทางอีกแล้วสินะ" เธอไม่แม้แต่จะลืมตามามองรอบกาย ทำได้เพียงแค่กอดอกพร้อมปล่อยร่างกายของตัวเองให้ไหลไปตามกระแสลมที่ได้รับฟึ่บ!แต่ครั้งนี้เธอรู้สึกว่าตนเองนั้นตกลงมาที่กองฟางเห็นจะได้ ดวงตาทั้งสองเปิดขึ้นเห็นเพียงแค่ความมืดสนิท เธอค่อย ๆ ใช้มือทั้งสองคลำไปรอบกายรับรู้ได้ว่ามันคือกองฟางจริง ๆ เฟยหลงดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งพร้อมทั้งสอดสายตามองหาแสงสว่าง"จับมัน!" เธอต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงของผู้ชายคนหนึ่งเอ่ยคำสั่งที่น่ากลัว พร้อมทั้งเสียงฝีเท้าอีกหลายคู่วิ่งเข้ามาในกระท่อมหลังนี้ สองเท้าของเธอก้าวเดินออกไปข้างหน้าตามแสงสว่างที่มีเพียงน้อยนิดนั้น เธอแอบมองจากด้านในเห็นทหารมากมายในชุดดำกำลังจับสองพี่น้องที่ไม่มีทีท่าว่าจะร้
ตอนที่ 93 ความหลังของเพ่ยเพ่ยตู้ม!!แต่ไม่รู้ว่าเป็นเคราะห์ซ้ำหรือกำซัด ทันทีที่ก้นของเธอแตะที่ปุยเมฆขาวนุ่มฟูนั้นร่างกายของเธอก็ได้ตกลงไปในสระน้ำแห่งหนึ่งจนเนื้อตัวเปียกปอนฟู่ว~ทันทีที่เธอนั้นตะเกียกตะกายขึ้นโผล่พ้นน้ำ ริมฝีปากบางได้พ่นลมหายใจออกมาอย่างแรงเพื่อฮุบเอาอากาศด้านบน สายตาของเธอกวาดมองไปรอบกายเห็นกระท่อมที่คุ้นตา เฟยหลงจดจำกระท่อมหลังนี้ได้แม่นยำอย่างไม่มีวันลืม"ทำไมจู่ ๆ ถึงได้กลับมาที่กระท่อมกลางป่าอีกแล้ว" แม้ว่าจะสงสัยอยู่ไม่น้อย แต่บัดนี้หลี่เฟยหลงกำลังตะเกียกตะกายให้ตัวเองขึ้นมาจากในสระ ทันทีที่ร่างกายที่เปียกปอนของเธอปะทะเข้ากับสายลมที่พัดเข้ามาไม่ขาดสายทำให้รู้สึกหนาวเหน็บอยู่ไม่น้อย สองเท้าค่อย ๆ เดินขึ้นไปทางกระท่อมหลังนั้น ทุกอย่างดูไม่ผิดปกติจากที่เธอเห็นก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่ เพียงแต่ที่แห่งนี้กลับรู้สึกว่ามีชีวิตชีวามากกว่าเมื่อคราวที่เธอมาในครั้งนั้นอยู่มาก"ท่านยาย.. ยาบำรุงนี้ปรุงอย่างนี้ใช่หรือไม่" ยังไม่ทันที่เธอจะผลักประตูเข้าไป หลี่เฟยหลงได้ยินเสียงของคนผู้หนึ่งดังขึ้นภายในกระท่อมหลังนั้น"ไม่ใช่! สมุนไพรชนิดนี้ไม่สามารถเป็นยาบำรุงได้เจ้าไปเอาชิ้นน
ตอนที่ 92 ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่รอท่านได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ทั้งสองเมื่อได้รับการพ้นโทษจึงได้เร่งเดินทางกลับเข้าจวนทันที ระหว่างทางที่เธอและเขาผ่านนั้น ทั้งคู่พบว่ามีประกาศว่าสกุลเจิงเป็นผู้บริสุทธิ์ทำให้ทั้งสองรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากทั้งสองเดินทางมาจนถึงหน้าจวน เฟยหลงมองไปยังประตูที่ช่างดูเงียบเหงาจนหัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ อวี้เจินปรายตามองใบหน้าของเธอเล็กน้อยส่งยิ้มให้เธอก่อนจะใช้มือหนาคว้าข้อมือของเธอไว้ เขาใช้อีกอีกข้างดันเพื่อเปิดประตูหน้าของจวนสกุลเจิง ทันทีที่ประตูจวนเปิดออก ภาพที่เขาเห็นนั้นทำให้ทั้งสองยิ้มกว้างออกมาด้วยความยินดี ท่านแม่ทัพใหญ่เจิงเถาฮ่วน สหายเจิงเจียอวี่ พร้อมด้วยข้ารับใช้ในจวนทั้งหมดกำลังยืนต้อนรับทั้งสอง อยู่ก่อนแล้ว"ยินดีต้อนรับกลับจวนขอรับท่านพ่อ น้องรอง และทุกท่านด้วย" เจิงอบุตรีจินเอ่ยกับทุกคนด้วยน้ำเสียงสดใสพร้อมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม"ยินดีต้อนรับแม่ทัพน้อยเจิงกลับบ้าน" และเป็นเสียงของผู้เป็นบิดาของจวนเอ่ยต้อนรับเขาเช่นกัน"ยินดีต้อนรับแม่นางที่พ้นโทษ.. ได้รับคืนความบริสุทธิ์" ก่อนที่แม่ทัพใหญ่จะหันมาพูดกับเธอด้วยใบหน้าที่นึกขอบคุณไม่เพียงเท่านั้
ตอนที่ 91 ปิดคดีเฟยหลงเอ่ยออกมากับตัวเองเบา ๆ เมื่อยามที่เธอนั้นนั่งอยู่ที่ศาลาริมน้ำมองดูดอก บัวด้วยสายตาที่ไม่ยินดียินร้ายเดิมทีแล้วท่านยายบอกว่าร่างกายของอาเพ่ยนั้นจะอยู่ได้อีกหนึ่งเดือน แต่สิ่งที่เธอทำผิดพลาดอีกครั้ง คือพลังของเธอไม่สามารถขับพิษในร่างกายของฮ่องเต้ได้จนหมด หากเป็นเช่นนั้นร่างกายของฮ่องเต้ที่เคยชินกับพิษนี้ จะสามารถสร้างมันขึ้นมาได้ใหม่ สิ่งที่จะทำให้พระองค์หายขาดได้จึงไม่ใช่การขับออก แต่เป็นการดึงพิษทั้งหมดเข้ามาในร่างของเธอต่างหาก"เจ้าอยู่ในวังเบื่อหรือไม่" เสียงของเจิงอวี้เจินดังขึ้นทางด้านหลัง ทำให้เธอนั้นรีบหันไปมองชายอันเป็นที่รักพร้อมทั้งส่งรอยยิ้มให้เขา ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการตอบรับ"ข้าเบื่อมาก" เธอเดินเข้าไปหาเขาอย่างว่าง่ายก่อนจะใช้สองมือเล็กกอดรอบแขนของเขาเอาไว้อย่างออดอ้อน ใช้ใบหน้าหวานซุกไปที่ทรวงอกของเขาก่อนค่อย ๆ ช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าของบุรุษผู้นี้อวี้เจินหันมองรอบกายซ้ายขวาเล็กน้อยก่อนจะก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากของเธออย่างรวดเร็วแล้วผละออก"ท่านทำอะไรเนี่ย""ก็ที่เจ้าออดอ้อนข้าเช่นนี้ไม่ใช่อยากให้ข้าทำเช่นนี้งั้นหรือ""ท่านไปร่ำเรียนความหน้า
ตอนที่ 90 นับเวลาถอยหลังกับชีวิตที่เหลืออยู่"ความยากลำบากที่หม่อมฉันได้รับ! เด็กสาวที่เคยร่าเริง.. ชื่นชอบการอ่านตำรา ปักผ้า ทำอาหาร มีความสุขกับครอบครัว.. เพียงแค่ชั่วข้ามคืน! ต้องกลายเป็นสตรีที่ไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน! ไม่สามารถบอกใครได้ว่ามาจากตระกูลไหน!”“ทำได้เพียงขอข้าวขอน้ำดั่งขอทานข้างถนน! ไม่มีผู้ใดเหลียวแล.. ซุกหัวนอนตามรางหญ้า บางคราก็ต้องแย่งข้าวกับสุนัขเพื่อประทังชีวิต! โดนทำร้ายหยามเหยียดจนแทบไม่เหลือความเป็นคน! พระองค์รู้หรือไม่กว่าที่หม่อมฉันจะเข้ามาทำให้พระองค์สะดุดตาได้มิใช่เรื่องง่าย ความแค้นที่สุมอยู่ในอกของหม่อมฉันมันเกือบจะสำเร็จอยู่แล้ว.. หากว่านางหมอพิษผู้นั้นไม่หักหลังหม่อมฉัน! ป่านนี้พระองค์ได้ลงไปเฝ้ายมโลกแล้วกับท่านพ่อหม่อมฉันไปแล้ว!""ข้าว่าเจ้าเข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว.. ข้ามีเหตุผลของข้า หากเมื่อครานั้นพ่อของเจ้าไม่คิดก่อกบฏข้าย่อมไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์เป็นแน่""โกหก! พระองค์อย่ามาโกหกกับหม่อมฉัน! พ่อของหม่อมฉันไม่มีทางคิดก่อกบฏเป็นแน่! ท่านใส่ร้ายครอบครัวข้า ฆ่าครอบครัวข้าล้างตระกูลยังไม่พอ.. เวลานี้พระองค์ยังคิดจะใส่ร้ายตระกูลข้า! ท่านยังมีความเป็นคนอยู่หรือ