เมื่อคนในห้องผู้ป่วยได้เห็นภาพฉากนี้ ก็พากันหยุดหายใจซูหลิงโหรวที่คลานอยู่บนพื้น และรู้สึกเจ็บปวดจนตัวสั่น เธอเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจในสภาพผมที่ยุ่งเหยิง ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา “เย่เจ๋ว...คุณทำกับฉันอย่างนี้ได้อย่างไร?”เขากล้าลงมือทำร้ายเธอถึงขั้นนี้เลยเหรอ? แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยลงมือกับเธอแบบนี้มาก่อน แต่ในช่วงเวลาสั้น ๆ สิ่งที่เธอเห็นบนใบหน้าของเขา คือความเย็นชาที่เยือกเย็น และไร้หัวใจ“ถ้าปากของคุณไม่สะอาด ตบคนยังน้อยไปด้วยซ้ำ” ซือเย่เจ๋วมองไปที่เธออย่างเย็นชา “ผมแทบจะอดใจไม่ไหวที่จะฆ่าคุณซะ”อดใจไม่ไหวที่จะฆ่าเธอ?ซูหลิงโหรวรู้สึกเจ็บแปลบจนหัวใจบีบรัดอย่างรุนแรง จากนั้นเธอก็ร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง “ฉันด่าเธอว่านังสารเลวแล้วจะทำไม คุณปวดใจเหรอ? ซือเย่เจ๋ว ถ้าตอนแรกพวกคุณตระกูลซือไม่มีคุณปู่ของฉันให้พึ่งพิง ลำพังแค่พวกคุณจะมีวันนี้ได้เหรอ!”เธอลุกขึ้นจากพื้นด้วยสภาพที่ย่ำแย่ ดวงตาของเธอแดงก่ำ และเต็มไปด้วยความดุร้าย “คุณอยากจะฆ่าฉันเหรอ? งั้นตอนนี้คุณก็ลงมือสิ คุณฆ่าฉันเลยสิ! ฉันจะให้ทุกคนได้เห็นว่า พวกคุณตระกูลซือมันอกตัญญูเนรคุณ!”ซือเย่เจ๋วยิ้มอย่างเย็นชา “ถ้าคุณเอาข้ออ้
ซูหลิงโหรวตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม จู่ ๆ ก็กุมหัวแล้วหัวเราะออกมา “ที่แท้เธอมาเพื่อจะแก้แค้นฉันใช่ไหม เจียงเซิง เธอจะมาฆ่าฉันเหรอ? ฆ่าฉันทิ้งแล้วเธอจะทำอะไรได้?”ซูหลิงโหรวจ้องมองเจียงเซิงอย่างดุร้าย “เธอฆ่าฉัน เธอจะทำให้คนที่ตายไปเพราะเธอฟื้นชีวิตกลับมาได้เหรอ? ฮ่าฮ่าฮ่า งั้นคุณก็ลงมือเลย มีพวกเขาอยู่กับฉันในนรก ฉันก็ไม่กลัวเหงาแล้ว”เจียงเซิงกำหมัดแน่น และหันหน้าไปจ้องมองเธอ “เธอมีสิทธิ์ไปอยู่กับพวกเขาด้วยเหรอ?”“เธอไม่กล้าฆ่าฉันหรอก”ซูหลิงโหรวแบมือ ท่าทางที่บ้าคลั่งและวิกลจริตของเธอแสดงความกำเริบเสิบสานอย่างเห็นได้ชัด “เธอกล้าใช้กลอุบายก็เท่านั้น ต่อให้เธอเกลียดฉัน แต่ว่าแม้แต่จะฆ่าฉันเธอก็ทำไม่ลง”เจียงเซิงยิ้มแล้วพูดว่า “ทำไมฉันต้องเกลียดเธอ แล้วทำให้มือของฉันสกปรกล่ะ?”เธอเดินเข้าไปใกล้ซูหลิงโหรว “หลานอู๋เหยียนคนที่เป็นผู้บงการเรื่องนี้ก็ยังไม่รอด เขาสมควรที่จะได้รับมันแล้ว แต่จะให้เธอตายไปตอนนี้เลย แบบนั้นเธอได้เปรียบเกินไปหน่อย”ซูหลิงโหรวคว้าคอเสื้อของเธอแล้วคำรามเสียงต่ำ "เธอจะเอาอย่างไร? เธอคิดว่าจะสามารถฆ่าฉันได้ไหม? เธอทำได้เหรอ?"บอดี้การ์ดก้าวไปข้างหน้าแล้วดึงตัวข
ซือเย่เจ๋ว ยิ้มแล้วจับมือของเธอไว้ “ไม่ไอแล้ว”เจียงเซิงต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง ก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นที่หน้าประตูคนที่เข้ามาคือเรเวียร์ เขาสวมใส่เสื้อคลุมสีน้ำตาลกาแฟ หล่อเหลาและสง่างาม "ผมไม่ได้มารบกวนพวกคุณใช่ไหม?"เจียงเซิงรีบลุกขึ้นจากเตียง “คุณลุงเรเวียร์ ตอนนี้คุณอารีย์เป็นอย่างไรบ้างคะ?”เรเวียร์เดินเข้ามาแล้วพูดว่า "อารีย์ไม่เป็นอะไรแล้ว ถึงแม้ว่าเขาได้รับความทรมาน แต่ก็ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต"เซียวได้พาคนไปเอาตัวคนกลับจากเรเจล ด้วยท่าทางแข็งกร้าว แต่เรเจลกลับกลัวว่าเซียวจะทำเรื่องวุ่นวายจนใหญ่โต เขาจึงต้องเลยปล่อยตัวอารีย์ไป“สถานการณ์ตอนนี้ของเรเจลไม่ดีเท่าเมื่อก่อน” ซือเย่เจ๋วดึงผ้าห่มขึ้น "เขาสูญเสียร็อบที่เป็นเหมือนภูเขาทอง กับ มือสังหารหลานอู๋เหยียนไปแล้ว ส่วนชอร์นกับกริชาก็ไม่นับประสาอะไร"เรเวียร์พยักหน้า ชอร์นเป็นเพียงแค่นักธุรกิจ ก็เท่ากับเป็นเด็กรับใช้ของเรเจล เขาไม่มีภูมิหลังครอบครัว และตระกูลก็ไม่ใช่ตระกูลผู้ดี มันง่ายมากที่จะลงมือต่อเขาส่วนกริชาหากไม่อาศัยความช่วยเหลือจากเรเจล เขาก็คงไม่ได้นั่งในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาล แต่เมื่อคนเรามีอำนาจแล้
ใบหน้าของเจียงเซิงขาวซีด เธอก้มหน้าหยิบแหวนสีทองออกมาจากกระเป๋าเสื้อ “นี่คือสิ่งที่คุณตาทิ้งไว้ให้ฉัน คนคนนั้นบอกว่าคุณตายังไม่ตาย!”เธอคว้าแขนของเขาพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ซือเย่เจ๋ว คุณโกหกฉันใช่ไหม คุณตาของฉันเขาอาจยังมีชีวิตอยู่ เขายังไม่ตาย!”เธอเหลือสมาชิกในครอบครัวแค่คนเดียวแล้ว ในเมื่อเขาสามารถวางกับดักเพื่อสร้างความสับสนให้กับพวกเขาได้ แสดงว่าเขาต้องไม่เป็นไรอย่างแน่นอนซือเย่เจ๋วกอดเธอไว้แน่นอีกครั้ง "เซิงเซิง ผมรู้ว่าคุณเสียใจ แต่จุดประสงค์ที่คุณตามอบแหวนประจำตระกูลกุงให้กับคุณนั้น มันชัดเจนมาก"เจียงเซิงอึ้งไปชั่วขณะ มือที่ทาบอยู่บนแผงอกอันร้อนระอุของเขาก็อดไม่ได้ที่จะกำแน่นจริงสินะ ทำไมคุณตาถึงได้ให้คนนำแหวนที่แสดงฐานะความเป็นผู้นำตระกูลกุงให้กับเธอ ก็เพราะเขาต้องการส่งมอบฐานะนี้ให้กับเธออย่างไรล่ะ!เธอไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงได้เสียใจขนาดนี้ แม้ว่าสามปีก่อนเธอจะไม่ได้สนิทกับคุณตามากมายเท่าไหร่นัก บางทีคงอาจเป็นเพราะความสัมพันธ์ทางสายเลือดก็ได้เขาเป็นคุณตาของเธอ ซึ่งเป็นญาติที่มีสายเลือดหลักนอกเหนือจากบิดาผู้ให้กำเนิดเธอบรรยากาศยามค่ำคืนที่นอกหน้าต่างมืดสนิท แสงไฟภายใน
ชายคนนั้นรินน้ำชาแล้วพูดขึ้น “คุณย่าอยากเจอคุณ”ซือเย่เจ๋วเงียบไปครู่หนึ่ง “คุณย่าอยู่ที่ประเทศ S ?”“ใช่” เขาจิบน้ำชาและพูดขึ้น “แค่ไม่สะดวกมาหาคุณก็เท่านั้น”เจียงเซิงที่ยืนอยู่ชั้นบนได้ยินบทสนทนาของพวกเขาแล้ว ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย คุณย่าของซือเย่เจ๋วอยู่ที่ประเทศ S?เธอพอจะเดาฐานะของชายคนนี้ได้แล้ว เขาคงจะเป็นเสวี่ยเยว่ องค์รัชทายาทของตระกูลเสวี่ย“นายพาเธอไปด้วยก็ได้ คุณย่าคงจะยินดีที่ได้เจอหน้าหลานสะใภ้” เสวี่ยเยว่ทาบถ้วยน้ำชาลงบนริมฝีปาก และยิ้มบางการสนทนาของพวกเขาไม่นานเท่าไหร่นัก เสวี่ยเยว่ก็ลุกขึ้นแล้วออกจากคฤหาสน์ไปเจียงเซิงกำลังนั่งอ่านหนังสือไปเรื่อยเปื่อยบนเก้าอี้นวมในห้อง จนกระทั่งซือเย่เจ๋วเข้ามา เธอจึงเงยหน้าขึ้น "พวกคุณคุยกันเสร็จแล้วเหรอ?"“อืม” ซือเย่เจ๋วเปล่งเสียงออกมาจากลำคอ เขาเดินมานั่งข้างๆ พลางเอนตัวเข้าหาเธอ “อ่านอะไรอยู่?”“อ่านไปเรื่อยเปื่อยค่ะ” เจียงเซิงปิดหนังสือแล้ววางลง “ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินคุณพูดถึงคุณย่าของคุณเลย?”เธออดไม่ได้ที่จะถามขึ้นซือเย่เจ๋ววางคางลงบนไหล่ของเธอ พลางโอบกอดเอวของเธออย่างเกียจคร้าน “เพราะคุณย่ากับปู่ของผมไม่ใช่ส
ขึ้นลิฟต์มาถึงร้านอาหารตะวันตกของระดับผู้บริหารชั้นที่ 12 ดูเหมือนว่าทั้งร้านจะถูกจองไว้ทั้งหมดแล้ว ที่ด้านนอกนั้นก็ยังมีบอดี้การ์ดอยู่สองสามคน และเหลือเพียงแค่พนักงานเสิร์ฟที่คอยบริการอยู่เท่านั้นเสวี่ยเยว่ยืนรออยู่ที่ตรงทางเดิน เขาก้มลงดูนาฬิกาข้อมือของเขา “มาได้ตรงเวลาดี”ซือเย่เจ๋วถามขึ้นเรียบ ๆ “คุณย่าล่ะ?”“อยู่ด้านใน” เสวี่ยเยว่พูดแล้วหันหลังกลับเดินนำพวกเขาเข้าไปด้านในซือเย่เจ๋วจับมือของเจียงเซิง เดินเข้าไปในร้านอาหาร และได้มองเห็นหญิงชราผมขาวที่นั่งหันหลังให้กับพวกเขาอยู่ตรงโต๊ะอาหารอยู่เพียงลำพัง ในมือของเธอกำลังเล่นกับดอกกุหลาบสีเขียวที่อยู่ในแจกันเสวี่ยเยว่เดินเข้าไปยืนอยู่ข้าง ๆ คุณย่าเสวี่ย แล้วก้มตัวลงพูดว่า “คุณย่า”ซือเย่เจ๋วเดินพาเจียงเซิงอ้อมโต๊ะยาวสีขาว แล้วเดินไปที่ตรงข้ามกับคุณย่าเสวี่ย คุณย่าเสวี่ยจึงเสียบก้านดอกไม้ลงไปในแจกันที่อยู่ข้าง ๆ แล้วเงยหน้าขึ้นพูด “ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี นายกับพ่อของนายสบายดีใช่ไหม?”เจียงเซิงที่เพิ่งจะได้เห็นใบหน้าของคุณย่าเสวี่ย เธออายุประมาณ 70 ปี และผมที่เปลี่ยนเป็นสีขาวเกือบทั้งหมด แต่ใบหน้าของเธอก็ยังแสดงความงามเหมือนเม
เจียงเซิงยกแก้วขึ้นมาดื่มช้า ๆ และประโยคนี้ก็เกือบจะทำให้เธอสำลักใบหน้าที่เย็นชาและเข้มงวดของคุณย่าเสวี่ยค่อย ๆ ปรากฏรอยยิ้มออกมา “เย่เจ๋วพึงพอใจก็พอแล้ว แต่กลับเป็นนาย”บทสนทนาเปลี่ยนไป เธอก็มองไปที่เสวี่ยเยว่ “พ่อของนายได้รวบรวมหญิงสาวที่มีชื่อเสียงจากหลาย ๆ ประเทศมาให้นาย แต่นายกลับไม่ชอบสักคน ยังมีหน้าไปวิจารณ์คนอื่นอีกเหรอ?”เสวี่ยเยว่ยิ้มอย่างกลัดกลุ้ม “นี่ไม่ใช่ว่าผมยังไม่เจอคนที่คู่ควรหรอกเหรอ? อีกอย่าง คุณย่ายังไม่แต่งงานทั้งชีวิต แล้วทำไมผมจะทำบ้างไม่ได้?”เมื่อพูดประโยคนี้จบ บรรยากาศก็หยุดชะงักไปครู่หนึ่งเจียงเซิงหันไปมองคุณย่าเสวี่ย ถึงแม้จะไม่สามารถแยกแยะใบหน้าของคุณย่าเสวี่ยได้ แต่ความเศร้าโศกที่พาดผ่านสายตาของเธอก็หายไปราวกับหมอกควัน“คุณย่าวางแผนจะอยู่ประเทศ S นานเท่าไหร่ครับ?” ซือเย่เจ๋วเปลี่ยนเรื่องคุณย่าเสวี่ยเงยหน้าขึ้น "อยู่แค่สองสามวัน เห็นนายไม่เป็นอะไรย่าก็วางใจแล้ว"เมื่อรับประทานอาหารกันเสร็จ ซือเย่เจ๋วกับเจียงเซิงก็เดินไปส่งคุณย่าเสวี่ยถึงหน้าประตู และยืนอยู่ที่ด้านหน้ารถ คุณย่าเสวี่ยหันหลับมามองพวกเขา “รอพวกเธอกลับไป ฝากกล่าวทักทายพ่อของนายแทนย่าด
ซือเย่เจ๋วไม่ได้ปฏิเสธเซียวหมุนหมากที่อยู่ในมือ เห็นเขาไม่ได้เดินหมากต่อไป "สามปีที่ผ่านมานี้เธอใช้ชีวิตได้ไม่ดีจริง ๆ นั่นแหละ พ่อผู้ให้กำเนิดเสียชีวิตในอุบัติเหตุครั้งนั้น ลูกก็ไม่สามารถรักษาไว้ได้ ไม่ว่าเป็นใครหากได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจแบบนี้ต่างก็แบกรับไว้ไม่ไหว"ซือเย่เจ๋ววางหมากลง ใบหน้าที่นิ่งเฉยก็มีการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่ที่เขารู้ว่าเธอตั้งครรภ์ และได้เสียลูกไปในอุบัติเหตุครั้งนั้น เขาก็รู้แล้วว่า เขาติดค้างเธอถ้าหากตอนนั้นไม่ได้ผลักไสเธอให้ออกจากข้างกาย ก็อาจจะไม่ได้เจอกับเรื่องแบบนั้นเซียวมองดูเขา "ทำไม เธอไม่ยอมให้อภัยคุณเหรอ?"ซือเย่เจ๋วดึงสายตากลับมาจากกระดานหมากอย่างไม่รีบร้อน จากนั้นมองไปทางอื่นและไม่ได้ตอบกลับเซียวสังเกตุกระดานหมาก "ถ้าเธอไม่ยอมให้อภัยคุณ ก็คงไม่เสียเลือดเยอะขนาดนั้นเพื่อนำมาช่วยคุณ ผมดูออก เธอไม่เคยตัดใจจากคุณได้เลย"ซือเย่เจ๋วสบตากับเขาและเม้มปากแน่นบาดแผลนั้นเห็นได้ชัดว่าลึกมาก เธอไม่เคยตัดใจได้ แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะทอดทิ้งเธอไปจริง ๆ เช่นกันเซียวหนีบหมากเอาไว้ด้วยปลายนิ้วมือ "ตอนนั้นคุณบีบคั้นให้เธอจากคุณไปก็เป็นเพราะว่าคุณติดเชื้อไว
*ถูกลูกเล่นของ Soul จิวเวลรี่ทำให้อ้วกแล้ว*แฟรงค์มองดูเธอ "เซิงเซิง จำนวนยอดขายของ Soul จิวเวลรี่ในวันนี้ลดลงอีกสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว บริษัทได้รับสายโทรศัพท์เพื่อสละออเดอร์และคืนเงินหลายออเดอร์แล้วดวงตาของเจียงเซิงขยับเขยื้อน "ดูท่าพวกเขาอยากจะบีบบังคับให้ฉันยอมจำนนสินะ""งั้นคุณวางแผนจะทำอย่างไร?" แฟรงค์รู้ว่าเธอไม่เปิดเผยตัวตนเพราะมีเหตุผลของเธอ ถ้าหากมีวิธีอื่นก็จะดีอย่างมากเจียงเซิงยื่นแท็บเล็ตไปให้เขา และหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา "ทางด้านผิ่นเก๋อยืนยันเป็นมั่นว่าฉันลอกเลียนแบบทั้ง Soul จิวเวลรี่ ถึงเวลาที่ฉันควรจะตอบโต้แล้ว"ในขณะที่กระแส "การลอกเลียนแบบ" บนอินเทอร์เน็ตกำลังโด่งดัง คำค้นหายอดนิยมของเฟซบุ๊กก็มีเพิ่มขึ้นมาหนึ่งประเด็น*ผิ่นเก๋อของปลอม*ผิ่นเก๋อ จิวเวลรี่ถูกเปิดเผยออกมาว่าแอบลดวัสดุและขั้นตอนการก่อสร้าง ขายเครื่องประดับปลอมในราคาสูงและหลอกลวงลูกค้า และสร้างข่าวลือเรื่องที่โซราเสียชีวิต แม้กระทั่งข่าวลือที่เจ้าของผิ่นเก๋อมอมเหล้าเด็กสาวในคลับเฮ้าส์ก็ถูกเปิดโปงจนหมดเปลือกการเปิดเผยอย่างต่อเนื่องนี้ ทำให้เหตุการณ์ของ Soul จิวเวลรี่ถูกดันลงไปทันที เพียงแค่เรื่องที่
"ทำไม่ได้" ซือเย่เจ๋วเสียงทุ้มต่ำ จากนั้นจูบเธออย่างแรง และยิ่งอยู่ยิ่งรุนแรงขึ้นอาจเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง เมื่อคืนฝนตกหนักทำให้อุณหภูมิเปลี่ยนไปหนาวเย็นกะทันหัน ใบไม้สีเหลืองที่แห้งเหี่ยวปกคลุมบนพื้น สัมผัสกับแอ่งน้ำเจียงเซิงกับซือเย่เจ๋วเพิ่งไปส่งเจ้าตัวเล็กทั้งสองคนที่โรงเรียนประถมเอกชน จากนั้นตอนที่เดินทางไปส่งเจียงเซิงที่ Soul จิวเวลรี่ เจียงเซิงง่วงจนพิงร่างกายของเขาแล้วงีบหลับซือเย่เจ๋วหันหน้าไปจ้องมองเธอ จากนั้นก็ยกมือขึ้นรวบไรผมที่อยู่ตรงหน้าผากของเธอ "ยังง่วงเหรอ?""อืม"เจียงเซิงบ่นอย่างซื่อตรง "โทษคุณเลย"เขายิ้ม จากนั้นก็มก้มตัวมาที่ข้างหูของเธอ "หรือว่าไม่ใช่ความผิดของคุณเหรอ?"เจียงเซิงเงยหน้าขึ้นและวางคางบนไหล่เพื่อมองดูเขา "ไม่ได้ให้คุณทำสองยกทั้งคืนสักหน่อย"ซือเย่เจ๋วที่สูญเสียความทรงจำไม่เพียงควบคุมอารมณ์ไม่ได้ แถมยังมีกำลังวังชาเต็มเปี่ยม เกือบพรากชีวิตแก่ ๆ ของเธอซือเย่เจ๋วไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจกลับรู้สึกพึ่งพอใจอย่างมากในตอนนี้โทรศัพท์ของเจียงเซิงดังขึ้น คุณอาแฟรงค์โทรมาหาเธอแต่เช้าเกรงว่าต้องมีเรื่องใหญ่แน่นอนเธอรับสาย "คุณอาแฟรงค์?""เซิงเซิง
แต่ชาวเน็ตส่วนใหญ่คิดว่านี่ไม่ใช่การลอกเลียนแบบ ต่อให้สไตล์เหมือนกันแต่ยังมีจุดเด่นอื่นอีก สถานการณ์แบบนี้ไม่สามารถจำกัดความว่าเป็นการลอกเลียนแบบได้ ขอถามกลับว่าคนที่พูดว่าลอกเลียนแบบมีสิทธิอะไรคิดว่าคนเขาจะต้องลอกเลียนแบบแน่นอนน่าจะเป็นเพราะผู้บริหารของผิ่นเก๋อ จิวเวลรี่เห็นว่านี่ไม่เพียงไม่ได้กดหัวคนอื่น แต่กลับเป็นวิธีที่ "ใจร้อนอยากประสบความสำเร็จแต่กลับทำให้เสียการ" จึงอยากเพิกถอนคำค้นหายอดนิยมออกแต่คิดไม่ถึงว่า พวกเขาไม่สามารถเพิกถอนได้ เพราะว่ามีคนทุ่มเงินจำนวนมากซื้อคำค้นหายอดนิยมนี้ ผิ่นเก๋อของพวกเขาออกเงินสองเท่า ฝ่ายตรงข้ามก็ออกเงินสี่เท่า ตอนนี้เล่นเกมทุ่มเงินซื้อคำค้นหายอดนิยมแล้วเจียงเซิงนั่งดูหน้าแชทเฟซบุ๊กอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์ แฟรงค์เดินเข้ามา "เซิงเซิง ผิ่นเก๋อยอมแพ้การเพิกถอนคำค้นหายอดนิยมแล้ว ดูท่าว่าจะทุ่มเงินไม่ไหวแล้ว"เจียงเซิงหรี่ตาลง "พวกเขาทำใจทุ่มเงินไม่ได้ แต่น่าจะมีวิธีอื่นอีก"ทางด้านเจียงเซิงทุ่มเงินซื้อคำค้นหายอดนิยมกับผิ่นเก๋อ ทางด้านซือเย่เจ๋วก็ทุ่มเงินล้มธุรกิจของหานซื่อกรุ๊ป หลัวเชว่มองดูจนตกตะลึงตาค้าง สามีภรรยาคู่นี้ตอนนี้เป็นคนโง่ที่เงินเ
เซียวเถียนเถียนใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา เธอตกใจจนถอยหลังไปสองสามก้าว จากนั้นก็หันหลังวิ่งหนีไปเมื่อมาถึงนอกห้องทำงานของเจียงเซิง คนทั้งคนยังคงอยู่ในสภาพเครื่องรวน เมื่อเข้าไปข้างในก็ทรุดนั่งลงบนโซฟา ขาก็อ่อนแรงไปหมดเจียงเซิงเดินออกมาจากห้องทำงาน เห็นท่าทางเหม่อลอยของเซียวเถียนเถียน ก็ยิ้มบาง "เกิดอะไรขึ้น?"เซียวเถียนเถียนลุกนั่งทันที และวางกาแฟบนโต๊ะทำงานของเธอ "ซื้อ...ซื้อมาให้เธอ"เจียงเซิงเดินไปตรงหน้าโต๊ะแล้วหยิบกาแฟขึ้นมา เห็นเธอพูดจาติดขัดจึงถามขึ้น "เจอเรื่องอะไรมา ทำไมถึงตกใจขนาดนี้?""ก็...ก็ไม่ได้เจอเรื่องอะไร ก็แค่ระหว่างทางที่ซื้อกาแฟได้เจอกับหานเซิงเข้า เกือบจะทะเลาะกับเธอขึ้นมา"เจียงเซิงถือกาแฟเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน "แค่นั้นเหรอ?"เธอเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า "ใช่""งั้นเธอทำไมหน้าแดงขนาดนี้?""นั่นเป็นเพราะว่าฉันร้อน!" เซียวเถียนเถียนโกรธขึ้นมาทันที เจียงเซิงมองท่าทางประหม่าของเธอออก จึงหรี่ตาจ้องมองเธออยู่นานต่อให้เจอกับหานเซิงแล้วทะเลาะกัน ก็ไม่ถึงกับทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้ ท่าทางแบบนี้เห็นได้ชัดว่า...ทำเรื่องไม่ดีอะไรมา"อ่อใช่เซิงเซิง บนเฟซบุ๊กเรื่องลอกเลียนแ
"เธอ…"“ผู้ชายทุกคนชอบผู้หญิงที่อ่อนโยนและน่ารัก คนปากคอเราะรายอย่างเธอชีวิตนี้คงไม่มีคนชอบเธอหรอก”ขณะพูด เธอก็พูดเหน็บแนม "ถ้าไม่ใช่ว่าเธอเป็นลูกสาวตระกูลเซียว จะมีการแต่งงานเกี่ยวดองกันกับตระกูลลู่ที่ดีขนาดนี้เหรอ คุณชายลู่แต่งงานกับเธอซวยไปแปดชาติจริง ๆ"เซียวเถียนเถียนสีหน้าเคร่งขรึมลงทันที เธอง้างมือขึ้นจะฟาดหน้าของหานเซิงหานเซิงเงยหน้าขึ้นให้เธอตบแต่ฝ่ามือยังไม่ทันโดน ข้อมือก็ถูกคนจับเอาไว้ลู่ลี่เซินดึงเซียวเถียนเถียนไปข้างหลังแล้วมองดูเธอ "ลงมือต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ ไม่รู้จักอายบ้างเหรอ?"ผู้คนรอบตัวพากันมองมาทางนี้ เหมือนกำลังจะรอดูฉากเด็ดอยู่ ถ้าหากเมื่อครู่เซียวเถียนเถียนตบลงไปจริง ๆ ก็จะมีคนถ่ายรูปเอาไว้และเอาเรื่องนี้ไปพูดกันแต่เซียวเถียนเถียนไม่ยอมแพ้ เธอสะบัดมือของเขาออก "นายยุ่งอะไรกับฉันด้วย""คุณชายลู่ คุณมาได้พอดีเลย คู่หมั้นของคุณร้ายกาจ เมื่อครู่ยังอยากจะตบฉันด้วย ถ้าคุณไม่ห้ามไว้ หน้าของฉันคงบวมไปแล้วหานเซิงท่าทางน่าสงสาร เธอมีความมั่นใจคิดว่าผู้ชายชอบแบบนี้กันหมด แทบอยากจะให้ลู่ลี่เซินเห็นใจเธอ สงสารเธอ และทะเลาะกับเซียวเถียนเถียนขึ้นมาแต่หานเซิง
กู้เฉินกวางยิ้มบางแต่ไม่ได้พูดอะไรหลัวเชว่มองไปที่ซือเย่เจ๋วและพูดไม่ออก นี่เห็นได้ชัดว่าถูกคุณเจียงควบคุมจนอยู่หมัดแล้ว......บริษัท Soul จิวเวลรี่สิบเจ็ดบอกว่าเจียงยี่กับผู้เฒ่าเจียงได้พาเจียงเฮงกลับเมืองจินเฉิงแล้วเงินห้าแสนกว่าบาทที่ต้ายฉิงใช้จ่ายไปตอนนี้ได้ตามกลับผ่านทางตำรวจแล้ว แต่ก็ตามกลับมาได้แค่แสนกว่าบาท แต่ต้ายฉิงถูกควบคุมการเดินทาง อยากจะหนีก็หนีไม่ได้เจียงเซิงก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายหลังจากผ่านเรื่องนี้ไปผู้เฒ่าเจียงคงจะทำตัวดีไม่น้อย จากอายุของเธอในตอนนี้อยากจะดิ้นรนต่อไป เกรงว่าคงจะไม่มีโอกาสดิ้นรนแล้วหลายชายของตัวเองล้างผลาญครอบครัวใช้เงินสะสมของเธอจนหมด แถมยังถูกหลอก แม้แต่ลูกชายก็ยังไม่ยอมรับเธอ ตอนนี้เธอก็ไม่มีอารมณ์คิดถึงมรดกของพ่อของเธอแล้ว*อลิซลอกเลียนแบบโซรา*พาดหัวข่าวเฟซบุ๊กที่โดดเด่นบนหน้าจอทำให้เจียงเซิงที่เพิ่งดื่มน้ำแทบจะพ่นน้ำออกมาเธอลอกเลียนแบบตัวเอง?เมื่อเปิดดู ก็เป็นเรื่องประดับ*รุ่นคู่รัก*ที่เธอออกแบบคล้ายกับสไตล์การออกแบบของเธอก่อนหน้านี้ แต่ไม่รู้ว่าใครตั้งใจพูดตัดสินเรื่องนี้ว่าลอกเลียนแบบ ชาวเน็ตที่ไม่ผ่านกรองการครุ่นคิดก็เชื่อจ
กู้เฉินกวางถอดแว่นกันแดดออกแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าตรงหน้าอก "สถานการณ์ของนายแบบนี้ คงไม่ต้องให้ฉันแนะนำตัวเองใช่ไหม?"ซือเย่เจ๋วก็มองออกว่าเขาคือใคร "อยู่ในวงการบันเทิงได้ไม่เลวเลยสินะ"กู้เฉินกวางหัวเราะเบา ๆ “คนอื่นบอกว่านายความจำเสื่อมฉันยังไม่เชื่อ”เขาเดินไปที่โซฟาแล้วนั่งลงด้วยตัวเอง หลัวเชว่รินชาให้เขาหนึ่งแก้วซือเย่เจ๋วลุกขึ้นยืนและเดินอ้อมโต๊ะทำงานไปตรงหน้าโซฟา จากนั้นก็ปลดกระดุมชุดสูทออกแล้วนั่งลง "แขกหายากสินะ มีธุระอะไรกับฉัน?""มีธุระจริง ๆ นั่นแหละ" กู้เฉินกวางยกแก้วน้ำชาขึ้น "ฉันคิดว่านายคงจะเคยรู้จักกับหานจื้อเหนียนสินะ?"ในตอนที่ซือเย่เจ๋วกำลังครุ่นคิดว่าหานจื้อเหนียนคือใคร หลัวเชว่ก็ก้มตัวชี้แนะ "ประธานหานคนนั้นเมื่อครั้งที่แล้ว"ซือเย่เจ๋วหรี่ตาลงและยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้ง "ทำไม ตระกูลหานมุ่งเป้าไปที่นายเหรอ?"กู้เฉินกวางไม่ได้พูดอะไรซือเย่เจ๋วสีหน้าจริงจังขึ้นมา "ฉันว่านายก็อายุเยอะแล้ว ควรจะพิจารณาเรื่องการแต่งงานได้แล้ว?"กู้เฉินกวางวางแก้วชาลง และครุ่นคิด “เร่งให้ฉันแต่งงาน นายเป็นห่วงอะไร?”ซือเย่เจ๋วสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย จากนั้นกอดอกมองเขา "ตาข้าง
เจียงเซิงไม่ปฏิเสธ "ใช่ค่ะ" เธอหัวเราะเบา ๆ "รวมทั้งเงินห้าล้านบาทนั่นด้วย นั่นก็เป็นเงินที่ฉันให้ คุณก็ไม่ได้บอกคุณย่าว่าคุณมีเงินห้าล้านบาทใช่ไหม?"ผู้เฒ่าเจียงหันหน้ามองไปทางเจียงยี่เจียงยี่ไม่ได้พูดอะไร เห็นได้ชัดว่ายอมรับแล้ว"คุณไม่อยากยอมรับแม่ ไม่อยากยอมรับลูกชาย ฉันก็ไม่ก้าวก่ายคุณ ในเมื่อเงินเอาให้คุณแล้ว คุณอยากจะใช้อะไรก็เรื่องของคุณ"เจียงเซิงกอดอก สายตาเย็นชา "แน่นอนว่าถ้าหากคุณยอมเอาเงินไปใช้ในทางที่ต้อง ฉันอาจจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่คุณปรับเปลี่ยนตัวเองไม่ได้แล้ว เอาเงินให้คุณมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ใด ๆ"มือที่วางอยู่บนขาของเจียงยี่กำแน่นอย่างอดไม่ได้ สีหน้าก็รู้สึกอับอายผู้เฒ่าเจียงมองดูเจียงเซิง "เซิงเซิง ในเมื่อเธอยังมีชีวิตอยู่ และก็ยอมช่วยอาของเธอกับลูกพี่ลูกน้องของเธอ...""คุณย่า คุณคิดมากเกินไปหรือเปล่า?" เจียงเซิงขัดคำพูดของเธอทันที "ฉันไม่ได้ช่วยพวกเขาโดยไม่มีเหตุผลหรอกนะคะ ฉันก็แค่ช่วยให้คุณได้เห็นความโหดร้ายของโลกนี้อย่างชัดเจน"ผู้เฒ่าเจียงมองไปทางเธอด้วยความเหม่อลอยเจียงเซิงลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าต่าง และหันข้างมองไปทางพวกเขา "เพราะว
เพิ่งจะเข้าไปในห้อง เจียงยี่ก็อยู่ด้วย เจียงยี่นั่งอยู่บนเก้าอี้ บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังวางมือบนไหล่ของเขาไม่ให้เขาหนีไปได้ตอนที่ผู้เฒ่าเจียงเห็นผู้หญิงแปลกหน้าถูกพาตัวเข้ามา และคุกเข่าลงบนพื้น ก็งุนงงไปหมด "นี่คือ..."สิบเจ็ดพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย "ฉิงฉิงที่หลานชายของคุณพูดถึง คุณให้เธออธิบายกับคุณเองเถอะ"ฉิงฉิง?ผู้เฒ่าเจียงสายตามองไปที่ผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง ต้ายฉิงร้องไห้แล้วคลานมาที่ข้างเตียง "คุณย่าเจียง ขอโทษนะคะ ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรหลอกลวงเจียงเฮง ขอร้องพวกคุณปล่อยฉันไปเถอะค่ะ"ผู้เฒ่าเจียงนึกขึ้นได้ว่าเจียงเฮงหลานชายของเธอนำเงินก้อนนั้นให้กับผู้หญิงคนนี้ เธอก็รู้สึกโมโหขึ้นมา และผลักฉิงฉิงออก "เธอยังมีหน้ามาหาฉันอีก? เงินของหลานชายฉันล่ะ?"ต้ายฉิงถูกผลักล้มลงกับพื้น ไหล่ของเธอสั่นเทา น้ำตาไหลลงแก้ม ชั่วขณะไม่รู้ว่าควรจะพูดเรื่องเงินก้อนนั้นที่เธอใช้ไปหมดแล้วอย่างไรดี“ฉิงฉิง!”เจียงเฮงปรากฏตัวนอกประตูและเห็นต้ายฉิงนั่งอยู่บนพื้น เขาจึงรีบเดินไปประคองเธอ "คุณย่า ฉิงฉิงมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร"“แกยังจะพูดอีก?” ผู้เฒ่าเจียงหน้าเขียวหน้าดำ "นังเด็กคนนี้หลอกเอาเงินของแก เ