แต่เมื่อระยะฟักตัวผ่านไป ผู้ติดเชื้อก็จะไอเป็นเลือดอย่างต่อเนื่อง และแม้แต่ความต้านทานของร่างกายก็จะลดลงอย่างเห็นได้ชัด ผู้ติดเชื้อที่เป็นมะเร็งก็จะเร่งการเกิดมะเร็ง ระบบเผาผลาญในร่างกายก็จะเร่งความเร็วขึ้น ค่าเกล็ดเลือด จะผิดปกติ เพียงแค่ไม่กี่ปี ก็จะเสียชีวิตซือเย่เจ๋วยิ้มอย่างขมขื่น "ดังนั้น ผมยังมีชีวิตได้อีกนานแค่ไหน?"เรเวียร์ขมวดคิ้ว "จากสถานการณ์ของคุณในตอนนี้ น่าจะยังมีชีวิตได้อีกสามสีปี"......เจียงเซิงนำอาหารเย็นที่ทำเสร็จเรียบร้อยมายังโรงพยาบาล เธอเพิ่งเดินเข้าห้องพักผู้ป่วย ก็เห็นซือเย่เจ๋วนั่งอยู่บนเตียงมองไปนอกหน้าต่างอยู่เพียงลำพัง เรเวียร์ไม่เห็นเงาตั้งนานแล้ว“ซือเย่เจ๋ว ฉันเอาอาหารเย็นมาให้คุณแล้ว” เธอเดินไปข้างเตียงและวางอาหารเย็นไว้บนโต๊ะข้างเตียงซือเย่เจ๋วหันกลับมามองเธอแล้วยิ้มบาง "อืม คุณป้อนผม"เจียงเซิงไม่ปฏิเสธ เธอเปิดกล่องอาหาร นั่งลงข้างเตียงหยิบช้อนขึ้นมาตักให้เขาหนึ่งคำแล้วยื่นไปที่ข้างปากของเขาเมื่อเห็นซือเย่เจ๋วทานเข้าไป เจียงเซิงก็ถามขึ้น "คุณลุงเรเวียร์กลับไปแล้วเหรอ?"“อืม เขามีธุระจึงกลับไปก่อนแล้ว”เจียงเซิงยื่นไปข้างปากของเขาทีละคำแล
ซือเย่เจ๋วตอบอย่างเรียบเฉย "อืม ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว"ขณะพูด เขามองไปทางหลัวเชว่ "ไปจองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศ วันมะรืนตอนเช้า"หลัวเชว่ตกตะลึง "แต่ว่าร่างกายของคุณ..."“ร่างกายของฉันฉันรู้ดี” ซือเย่เจ๋วตัดสินใจแน่วแน่หลัวเชว่มองท่านผู้เฒ่าอย่างลำบากใจ ท่านผู้เฒ่าพับแขนเสื้อขึ้นแล้วพูดว่า "เขาอยากกลับไปก็กลับไป ฉันไม่สนแล้ว!"เขาสะบัดมือเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยไปด้วยความโมโหเจียงเซิงกัดริมฝีปาก เดินไปตรงหน้าซือเย่เจ๋ว "คุณควรฟังท่านผู้เฒ่าดีกว่า รออีกสองสามวันค่อยกลับไปก็ไม่สายนะ"บนเครื่องบินระยะทางยาวไกล ถ้าหากบาดแผลของเขาฉีก งั้นควรทำอย่างไร?ซือเย่เจ๋วมองเธอด้วยสายตาเฉยเมย ริมฝีปากบางเม้มแน่น สายตาที่เจียงเซิงมองเขาสั่นเทาเล็กน้อย เหมือนว่าไม่คุ้นเคยสักเท่าไหร่ "ซือเย่เจ๋ว?"“ผมต้องกลับไป” เขาลุกขึ้นและเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่อยู่ด้านข้างโดยไม่ได้อธิบายอะไรมากมายในตอนที่เขาถอดเสื้อออก เจียงเซิงสามารถมองเห็นผ้ากอซที่พันหลังของเขาได้อย่างชัดเจน นอกจากบาดแผลกระสุนปืนแล้ว ยังมีบาดแผลจากมีดที่ค่อนข้างใหม่อีกด้วย เป็นคืนนั้นที่เขาต่อสู้กับคนชุดดำเหล่านั้นหลงเหลือไ
มือของเจียงเซิงที่ถือแก้วน้ำชาหยุดชะงักเล็กน้อย จากนั้นก้มหน้าพูด "ไม่ใช่ค่ะ เป็นเพื่อนร่วมธุรกิจของฉัน"วันนี้หลังจากที่ซือเย่เจ๋วออกจากโรงพยาบาล เธอก็ไม่เห็นเงาของเขาอีกเลย แม้แต่หลัวหยิงก็ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่เธอเพิ่งจิบชาเข้าไป จู่ ๆ ก็เกิดคลื่นไส้ขึ้นมา เธอปิดปากแล้วลุกวิ่งไปที่ห้องน้ำ“คุณ โซรา?”เธอรู้ว่าโจนส์เรียกเธออยู่ที่ด้านหลัง แต่เธอไม่สามารถตอบรับได้ด้วยซ้ำ หลังจากพุ่งตรงไปที่ห้องน้ำเธอก็อ้วกออกมาที่อ่างล้างมือจริง ๆ แม้แต่อาหารกลางวันที่เพิ่งทานไปเมื่อสักครู่ก็อ้วกออกมาจนหมดเธอเปิดก๊อกน้ำเพื่อล้างอ้วกออก แต่ก็รู้สึกคลื่นไส้อีกครั้ง จนกระทั่งไม่มีอะไรที่สามารถอ้วกออกมาได้แล้ว เธอถึงได้ล้างหน้าและดึงทิชชูมาเช็ดเมื่อเดินออกจากห้องน้ำ พบว่าโจนส์รอเธออยู่ข้างนอก เห็นเธอสีหน้าซีดเซียวจึงถามขึ้น "คุณไม่สบายใจเหรอ?"“ไม่เป็นไร ฉันอาจจะกินอะไรไม่ดีเข้าไป” เจียงเซิงโบกมือ“ให้ผมพาคุณไปโรงพยาบาลไหม?” โจนส์ถามอีกครั้งเจียงเซิงส่ายหัวและฝืนยิ้มออกมา: "ไม่ต้องจริง ๆ ค่ะ ขอบคุณสำหรับน้ำใจของคุณ ฉันอยากกลับไปพักผ่อนสักพักหน่อย"“งั้นก็ได้” โจนส์ไม่ได้ถามอะไรอีกกลับ
เจียงเซิงกอดเขาเอาไว้ และซุกหน้าไปที่หน้าอกของเขา “อืม ฉันเชื่อคุณ”ซือเย่เจ๋วก้มหน้าลง ในดวงตากลับเหมือนกับติดอยู่ในวังวนลึก ที่มืดสลัวลง**หลานอู๋เหยียนได้รับข้อความ และขว้างโทรศัพท์ไปที่กำแพงส่วนลูกน้องเหล่านั้นที่อยู่ด้านหลังของเขาต่างก้มหน้าไม่พูดจา ชายคนหนึ่งในนั้นเอ่ยปากอย่างระมัดระวัง “เรเวียร์ก็เข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ บวกกับตอนนี้ซืออู๋เทียนกลับมาแล้ว รู้เรื่องที่หลานชายของตัวเองบาดเจ็บ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยคนของพวกเราไป”หลานอู๋เหยียนยืนอยู่ตรงหน้าต่างและสูบบุหรี่ไฟฟ้า พ่นควันไปที่กระจก เบลอเงาที่สะท้อนตรงหน้าต่าง “คนพวกนั้นตกไปอยู่ในมือของซืออู๋เทียนแล้ว น่าจะกลับมาไม่ได้แล้ว”ชายคนนั้นสีหน้าไม่ค่อยดีนัก “เช่นนั้นควรทำอย่างไรดีครับ?”เขาสูบและพ่นควันออกมา จากนั้นถามขึ้น “ทางด้านเรเจลว่าอย่างไร?”ผู้ชายคนนั้นตอบกลับ "บอกว่าให้คุณจัดการเรื่องนี้ อีกอย่าง ทางด้านโรงพยาบาลเกรงว่าจะค้นพบแล้วว่าซือเย่เจ๋วติดเชื้อ…… "หลานอู๋เหยียนสายตาเคร่งขรึมลง จากนั้นค่อย ๆ หันหน้ามา "ไปจัดการคนซะ เรื่องไวรัสจะให้คนรับรู้หลายคนไม่ได้ อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลา"ซือเย่เจ๋วตายไปไม่ช้
เจียงเซิงมองดูพวกเขา และก็เดาได้ว่าน่าจะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น แต่เธอไม่ได้ถามเรเวียร์หันหน้ามา และยกมือขึ้นวางบนไหล่ของเธอและพูดกับเธอ "ผมกับกังจือยังมีเรื่องให้ไปจัดการ เซิงเซิง คุณกลับไปก่อน"เจียงเซิงพยักหน้าเธอมองดูพวกเขาจากไปในตอนนี้เองหลัวหยิงวิ่งเข้ามา "พี่สะใภ้"เธอเหนื่อยหอบ “ที่แท้พี่ก็อยู่ที่นี่เอง ฉันคิดว่าพี่ไปไหนซะอีก”"มีอะไรเหรอ?"หลังจากเธอปรับลมหายใจ ก็รีบพูดขึ้น "ท่านเจ๋วสถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก ท่านผู้เฒ่าบอกให้พี่ไปหา"เจียงเซิงรีบตามหลัวหยิงมาถึงที่ห้อง ภายในห้องนอกจากหลัวเชว่กับท่านผู้เฒ่าที่เธอรู้จัก ยังมีผู้ชายอีกสองสามคนที่เธอไม่เคยเจอมาก่อน คิดว่าน่าจะเป็นคนของ "องค์กรเย่เยี่ยน"ซือเย่เจ๋วนอนอยู่บนเตียง สีหน้าซีดเซียว หน้าผากมีเหงื่อออกเต็มไปหมด ท่านผู้เฒ่าเรียกหมอประจำตัวที่เป็นผู้เชี่ยวชาญมาวัดอุณหภูมิร่างกายให้เขาหมอประจำตัวมองดูปรอทวัดอุณหภมูิ "ท่านเจ๋วมีไข้ต่ำ เรื่องเกิดขึ้นตอนไหน?"เขาถามหลัวเชว่ หลัวเชว่ตกตะลึงเล็กน้อยแล้วตอบกลับ "ตอนที่ท่านเจ๋วกลับมาเมื่อเช้า ก็เหมือนว่าจะไม่สบายแล้ว"เจียงเซิงตกตะลึง ตอนเช้าเหรอ?เป็นไปได้ไหมที่ซือเย่เ
"อืม" เจียงเซิงก้มหน้าลง "ขอโทษ ฉันไม่รู้ว่าคุณมีไข้ต่ำ"ซือเย่เจ๋วยื่นมือออกไปกุมหลังมือของเธอที่เย็นเฉียบ จากนั้นยิ้มมุมปากขึ้นมา "ผมไม่อยากให้คุณเป็นห่วง ดังนั้นจึงไม่ได้บอกคุณ เซิงเซิง คนที่ควรพูดขอโทษคือผม"เป็นเขาที่ปิดบังเธอเขารู้ว่าเขาติดเชื้อไวรัส และตอนนี้เป็นช่วงที่เริ่มมีอาการแล้ว เขาอาจจะมีไข้ต่ำได้ตลอดเวลา และไอ สภาพร่างกายก็แย่ลง เขามีเวลาเพียงแค่สามปีถึงสี่ปีเท่านั้นเจียงเซิงกำลังจะพูดอะไร ท่านผู้เฒ่าก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าห้อง "เย่เจ๋ว นายฟื้นแล้ว?"“ครับ” เขาพยักหน้าท่านผู้เฒ่าเหลือบมองเจียงเซิง “เธอออกไป ฉันมีเรื่องจะคุยกับเย่เจ๋ว”เจียงเซิงเม้มปากไม่พูดจา จากนั้นลุกขึ้นเดินออกไป ซือเย่เจ๋วมองไปที่แผ่นหลังของเธอ สายตาค่อย ๆ หม่นมัวรอให้ภายในห้องเหลือเพียงแค่พวกเขา ท่านผู้เฒ่าจึงได้ถามขึ้น "นายบอกฉันมาตรง ๆ นายเป็นอะไรกันแน่?"วันนี้พูดคุยกับหมอประจำตัว จากปากของหมอก็พบความผิดปกติของเขา คนทั่วไปเป็นไข้ต่ำปกตินอนหลับหนึ่งคืน รอให้เหงื่อออกก็สามารถฟื้นฟูได้ แต่ซือเย่เจ๋วเป็นไข้ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงวันที่สองก็ยังไม่หาย สถานการณ์แบบนี้ ทำให้เขาเป็นกังวลซือเย่เ
ผ่านไปเป็นเวลานาน เขาเอ่ยปากขึ้นเบา ๆ "เซิงเซิง เราหย่ากันเถอะ"เธอตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม หัวสมองว่าเปล่าไปหมด จากนั้นมองไปทางเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ "คุณ......พูดอะไรนะ?"ซือเย่เจ๋วดึงสายตากลับมา และหยุดมองไปที่ตัวเธอ ในดวงตาไม่มีความสั่นไหวแม้แต่น้อย "ผมพูดว่า พวกเราหย่าร้างกัน"หย่าร้าง......สองคำนี้ทิ่มแทงหัวใจของเธออย่างสุดซึ้ง เพราะเธอไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่เขาพูดเรื่องหย่าร้างเธอกัดริมฝีปาก พยายามควบคุมอารมณ์ภายในใจ "เหตุผลล่ะ?"เธอมองดูซือเย่เจ๋ว อยากจะอ่านออกอารมณ์บนใบหน้าของเขา แต่ใบหน้าซีดเซียวของเขาไม่มีความเปลี่ยนแปลง ดวงตาลึกซึ้งคู่นั้นเหมือนกับมหาสมุทรที่ลึกจนไม่สามารถคาดเดาได้ ไม่มีคลื่นลูกใหญ่ ไม่มีอารมณ์ใด ๆ "ไม่มีเหตุผล เพียงแค่......เบื่อหน่ายแล้วก็แค่นั้น"มือสองข้างที่วางอยู่ข้างลำตัวของเจียงเซิงกำแน่นอย่างอดไม่ได้ เหมือนว่าหัวใจที่อ่อนนุ่มถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ มันเจ็บปวดจนไม่สามารถหายใจได้ "เบื่อหน่าย......เหรอ?"เขาไม่พูดจาเจียงเซิงก้าวเท้าเดินไปตรงหน้าของเขา ขนตางอนยาวปกคลุมอารมร์ในดวงตาของเธอ จากนั้นเธอยิ้มอย่างหมดเรี่ยวแรง "ซือเย่เจ๋ว คุณล้อเล่นใช่ไหม เป
เจียงเซิงยิ้มขอบคุณ จากนั้นกลับไปที่ห้องของตัวเอง หลัวหยิงกำลังเก็บสัมภาระอยู่ "ถามหลัวเชว่ว่าซือเย่เจ๋วไปไหน"หลัวหยิงหยุดชะงัก และหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาหลัวเชว่ ไม่รู้ว่าหลัวเชว่พูดอะไร หลัวหยิงตกตะลึงและพูดขึ้น "พวกพี่เที่ยวบินตอนบ่ายไม่ใช่เหรอ?"หลัวเชว่พูดอะไรบางอย่างและวางสายไป หลัวหยิงหันกลับมาด้วยสีหน้างุนงง "พวกท่านเจ๋วกลับประเทศแล้ว"เห็นเจียงเซิงสีหน้าไม่ดี หลัวหยิงจึงถามขึ้นอย่างระมัดระวัง "เซิงเซิง ตกลงว่าพี่กับท่านเจ๋วเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรเหรอ?"เป็นเพราะเธอรู้ว่าหลังจากที่เจียงเซิงออกจากห้องของท่านเจ๋วก็โมโหมาก แม้แต่อาหารเย็นก็ไม่กิน เธอถามหลัวเชว่ แต่หลัวเชว่ก็ไม่ได้บอกเธอ“เขาต้องการหย่ากับฉัน”“หย่า...อะไรนะ? หย่าร้าง?” หลัวหยิงเดินไปตรงหน้าเธอ “ท่านเจ๋วจะหย่าร้างกับพี่? เขาล้อเล่นหรือเปล่า?”แม้แต่ปฏิกิริยาของหลัวหยิงก็คิดว่าเขากำลังล้อเล่น เจียงเซิงจะไม่เคยคิดแบบนี้ได้อย่างไรล่ะ?แต่ซือเย่เจ๋วเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงเธอ แม้แต่เวลาเที่ยวบินที่จะกลับไปก็เลื่อนก่อนกำหนด หรือว่าเขาอยากจะหย่าร้างกับเธอจริง ๆ?เบื่อหน่ายแล้วจริง ๆ เหรอ......บน
*ถูกลูกเล่นของ Soul จิวเวลรี่ทำให้อ้วกแล้ว*แฟรงค์มองดูเธอ "เซิงเซิง จำนวนยอดขายของ Soul จิวเวลรี่ในวันนี้ลดลงอีกสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว บริษัทได้รับสายโทรศัพท์เพื่อสละออเดอร์และคืนเงินหลายออเดอร์แล้วดวงตาของเจียงเซิงขยับเขยื้อน "ดูท่าพวกเขาอยากจะบีบบังคับให้ฉันยอมจำนนสินะ""งั้นคุณวางแผนจะทำอย่างไร?" แฟรงค์รู้ว่าเธอไม่เปิดเผยตัวตนเพราะมีเหตุผลของเธอ ถ้าหากมีวิธีอื่นก็จะดีอย่างมากเจียงเซิงยื่นแท็บเล็ตไปให้เขา และหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา "ทางด้านผิ่นเก๋อยืนยันเป็นมั่นว่าฉันลอกเลียนแบบทั้ง Soul จิวเวลรี่ ถึงเวลาที่ฉันควรจะตอบโต้แล้ว"ในขณะที่กระแส "การลอกเลียนแบบ" บนอินเทอร์เน็ตกำลังโด่งดัง คำค้นหายอดนิยมของเฟซบุ๊กก็มีเพิ่มขึ้นมาหนึ่งประเด็น*ผิ่นเก๋อของปลอม*ผิ่นเก๋อ จิวเวลรี่ถูกเปิดเผยออกมาว่าแอบลดวัสดุและขั้นตอนการก่อสร้าง ขายเครื่องประดับปลอมในราคาสูงและหลอกลวงลูกค้า และสร้างข่าวลือเรื่องที่โซราเสียชีวิต แม้กระทั่งข่าวลือที่เจ้าของผิ่นเก๋อมอมเหล้าเด็กสาวในคลับเฮ้าส์ก็ถูกเปิดโปงจนหมดเปลือกการเปิดเผยอย่างต่อเนื่องนี้ ทำให้เหตุการณ์ของ Soul จิวเวลรี่ถูกดันลงไปทันที เพียงแค่เรื่องที่
"ทำไม่ได้" ซือเย่เจ๋วเสียงทุ้มต่ำ จากนั้นจูบเธออย่างแรง และยิ่งอยู่ยิ่งรุนแรงขึ้นอาจเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง เมื่อคืนฝนตกหนักทำให้อุณหภูมิเปลี่ยนไปหนาวเย็นกะทันหัน ใบไม้สีเหลืองที่แห้งเหี่ยวปกคลุมบนพื้น สัมผัสกับแอ่งน้ำเจียงเซิงกับซือเย่เจ๋วเพิ่งไปส่งเจ้าตัวเล็กทั้งสองคนที่โรงเรียนประถมเอกชน จากนั้นตอนที่เดินทางไปส่งเจียงเซิงที่ Soul จิวเวลรี่ เจียงเซิงง่วงจนพิงร่างกายของเขาแล้วงีบหลับซือเย่เจ๋วหันหน้าไปจ้องมองเธอ จากนั้นก็ยกมือขึ้นรวบไรผมที่อยู่ตรงหน้าผากของเธอ "ยังง่วงเหรอ?""อืม"เจียงเซิงบ่นอย่างซื่อตรง "โทษคุณเลย"เขายิ้ม จากนั้นก็มก้มตัวมาที่ข้างหูของเธอ "หรือว่าไม่ใช่ความผิดของคุณเหรอ?"เจียงเซิงเงยหน้าขึ้นและวางคางบนไหล่เพื่อมองดูเขา "ไม่ได้ให้คุณทำสองยกทั้งคืนสักหน่อย"ซือเย่เจ๋วที่สูญเสียความทรงจำไม่เพียงควบคุมอารมณ์ไม่ได้ แถมยังมีกำลังวังชาเต็มเปี่ยม เกือบพรากชีวิตแก่ ๆ ของเธอซือเย่เจ๋วไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจกลับรู้สึกพึ่งพอใจอย่างมากในตอนนี้โทรศัพท์ของเจียงเซิงดังขึ้น คุณอาแฟรงค์โทรมาหาเธอแต่เช้าเกรงว่าต้องมีเรื่องใหญ่แน่นอนเธอรับสาย "คุณอาแฟรงค์?""เซิงเซิง
แต่ชาวเน็ตส่วนใหญ่คิดว่านี่ไม่ใช่การลอกเลียนแบบ ต่อให้สไตล์เหมือนกันแต่ยังมีจุดเด่นอื่นอีก สถานการณ์แบบนี้ไม่สามารถจำกัดความว่าเป็นการลอกเลียนแบบได้ ขอถามกลับว่าคนที่พูดว่าลอกเลียนแบบมีสิทธิอะไรคิดว่าคนเขาจะต้องลอกเลียนแบบแน่นอนน่าจะเป็นเพราะผู้บริหารของผิ่นเก๋อ จิวเวลรี่เห็นว่านี่ไม่เพียงไม่ได้กดหัวคนอื่น แต่กลับเป็นวิธีที่ "ใจร้อนอยากประสบความสำเร็จแต่กลับทำให้เสียการ" จึงอยากเพิกถอนคำค้นหายอดนิยมออกแต่คิดไม่ถึงว่า พวกเขาไม่สามารถเพิกถอนได้ เพราะว่ามีคนทุ่มเงินจำนวนมากซื้อคำค้นหายอดนิยมนี้ ผิ่นเก๋อของพวกเขาออกเงินสองเท่า ฝ่ายตรงข้ามก็ออกเงินสี่เท่า ตอนนี้เล่นเกมทุ่มเงินซื้อคำค้นหายอดนิยมแล้วเจียงเซิงนั่งดูหน้าแชทเฟซบุ๊กอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์ แฟรงค์เดินเข้ามา "เซิงเซิง ผิ่นเก๋อยอมแพ้การเพิกถอนคำค้นหายอดนิยมแล้ว ดูท่าว่าจะทุ่มเงินไม่ไหวแล้ว"เจียงเซิงหรี่ตาลง "พวกเขาทำใจทุ่มเงินไม่ได้ แต่น่าจะมีวิธีอื่นอีก"ทางด้านเจียงเซิงทุ่มเงินซื้อคำค้นหายอดนิยมกับผิ่นเก๋อ ทางด้านซือเย่เจ๋วก็ทุ่มเงินล้มธุรกิจของหานซื่อกรุ๊ป หลัวเชว่มองดูจนตกตะลึงตาค้าง สามีภรรยาคู่นี้ตอนนี้เป็นคนโง่ที่เงินเ
เซียวเถียนเถียนใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา เธอตกใจจนถอยหลังไปสองสามก้าว จากนั้นก็หันหลังวิ่งหนีไปเมื่อมาถึงนอกห้องทำงานของเจียงเซิง คนทั้งคนยังคงอยู่ในสภาพเครื่องรวน เมื่อเข้าไปข้างในก็ทรุดนั่งลงบนโซฟา ขาก็อ่อนแรงไปหมดเจียงเซิงเดินออกมาจากห้องทำงาน เห็นท่าทางเหม่อลอยของเซียวเถียนเถียน ก็ยิ้มบาง "เกิดอะไรขึ้น?"เซียวเถียนเถียนลุกนั่งทันที และวางกาแฟบนโต๊ะทำงานของเธอ "ซื้อ...ซื้อมาให้เธอ"เจียงเซิงเดินไปตรงหน้าโต๊ะแล้วหยิบกาแฟขึ้นมา เห็นเธอพูดจาติดขัดจึงถามขึ้น "เจอเรื่องอะไรมา ทำไมถึงตกใจขนาดนี้?""ก็...ก็ไม่ได้เจอเรื่องอะไร ก็แค่ระหว่างทางที่ซื้อกาแฟได้เจอกับหานเซิงเข้า เกือบจะทะเลาะกับเธอขึ้นมา"เจียงเซิงถือกาแฟเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน "แค่นั้นเหรอ?"เธอเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า "ใช่""งั้นเธอทำไมหน้าแดงขนาดนี้?""นั่นเป็นเพราะว่าฉันร้อน!" เซียวเถียนเถียนโกรธขึ้นมาทันที เจียงเซิงมองท่าทางประหม่าของเธอออก จึงหรี่ตาจ้องมองเธออยู่นานต่อให้เจอกับหานเซิงแล้วทะเลาะกัน ก็ไม่ถึงกับทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้ ท่าทางแบบนี้เห็นได้ชัดว่า...ทำเรื่องไม่ดีอะไรมา"อ่อใช่เซิงเซิง บนเฟซบุ๊กเรื่องลอกเลียนแ
"เธอ…"“ผู้ชายทุกคนชอบผู้หญิงที่อ่อนโยนและน่ารัก คนปากคอเราะรายอย่างเธอชีวิตนี้คงไม่มีคนชอบเธอหรอก”ขณะพูด เธอก็พูดเหน็บแนม "ถ้าไม่ใช่ว่าเธอเป็นลูกสาวตระกูลเซียว จะมีการแต่งงานเกี่ยวดองกันกับตระกูลลู่ที่ดีขนาดนี้เหรอ คุณชายลู่แต่งงานกับเธอซวยไปแปดชาติจริง ๆ"เซียวเถียนเถียนสีหน้าเคร่งขรึมลงทันที เธอง้างมือขึ้นจะฟาดหน้าของหานเซิงหานเซิงเงยหน้าขึ้นให้เธอตบแต่ฝ่ามือยังไม่ทันโดน ข้อมือก็ถูกคนจับเอาไว้ลู่ลี่เซินดึงเซียวเถียนเถียนไปข้างหลังแล้วมองดูเธอ "ลงมือต่อหน้าคนมากมายแบบนี้ ไม่รู้จักอายบ้างเหรอ?"ผู้คนรอบตัวพากันมองมาทางนี้ เหมือนกำลังจะรอดูฉากเด็ดอยู่ ถ้าหากเมื่อครู่เซียวเถียนเถียนตบลงไปจริง ๆ ก็จะมีคนถ่ายรูปเอาไว้และเอาเรื่องนี้ไปพูดกันแต่เซียวเถียนเถียนไม่ยอมแพ้ เธอสะบัดมือของเขาออก "นายยุ่งอะไรกับฉันด้วย""คุณชายลู่ คุณมาได้พอดีเลย คู่หมั้นของคุณร้ายกาจ เมื่อครู่ยังอยากจะตบฉันด้วย ถ้าคุณไม่ห้ามไว้ หน้าของฉันคงบวมไปแล้วหานเซิงท่าทางน่าสงสาร เธอมีความมั่นใจคิดว่าผู้ชายชอบแบบนี้กันหมด แทบอยากจะให้ลู่ลี่เซินเห็นใจเธอ สงสารเธอ และทะเลาะกับเซียวเถียนเถียนขึ้นมาแต่หานเซิง
กู้เฉินกวางยิ้มบางแต่ไม่ได้พูดอะไรหลัวเชว่มองไปที่ซือเย่เจ๋วและพูดไม่ออก นี่เห็นได้ชัดว่าถูกคุณเจียงควบคุมจนอยู่หมัดแล้ว......บริษัท Soul จิวเวลรี่สิบเจ็ดบอกว่าเจียงยี่กับผู้เฒ่าเจียงได้พาเจียงเฮงกลับเมืองจินเฉิงแล้วเงินห้าแสนกว่าบาทที่ต้ายฉิงใช้จ่ายไปตอนนี้ได้ตามกลับผ่านทางตำรวจแล้ว แต่ก็ตามกลับมาได้แค่แสนกว่าบาท แต่ต้ายฉิงถูกควบคุมการเดินทาง อยากจะหนีก็หนีไม่ได้เจียงเซิงก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายหลังจากผ่านเรื่องนี้ไปผู้เฒ่าเจียงคงจะทำตัวดีไม่น้อย จากอายุของเธอในตอนนี้อยากจะดิ้นรนต่อไป เกรงว่าคงจะไม่มีโอกาสดิ้นรนแล้วหลายชายของตัวเองล้างผลาญครอบครัวใช้เงินสะสมของเธอจนหมด แถมยังถูกหลอก แม้แต่ลูกชายก็ยังไม่ยอมรับเธอ ตอนนี้เธอก็ไม่มีอารมณ์คิดถึงมรดกของพ่อของเธอแล้ว*อลิซลอกเลียนแบบโซรา*พาดหัวข่าวเฟซบุ๊กที่โดดเด่นบนหน้าจอทำให้เจียงเซิงที่เพิ่งดื่มน้ำแทบจะพ่นน้ำออกมาเธอลอกเลียนแบบตัวเอง?เมื่อเปิดดู ก็เป็นเรื่องประดับ*รุ่นคู่รัก*ที่เธอออกแบบคล้ายกับสไตล์การออกแบบของเธอก่อนหน้านี้ แต่ไม่รู้ว่าใครตั้งใจพูดตัดสินเรื่องนี้ว่าลอกเลียนแบบ ชาวเน็ตที่ไม่ผ่านกรองการครุ่นคิดก็เชื่อจ
กู้เฉินกวางถอดแว่นกันแดดออกแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าตรงหน้าอก "สถานการณ์ของนายแบบนี้ คงไม่ต้องให้ฉันแนะนำตัวเองใช่ไหม?"ซือเย่เจ๋วก็มองออกว่าเขาคือใคร "อยู่ในวงการบันเทิงได้ไม่เลวเลยสินะ"กู้เฉินกวางหัวเราะเบา ๆ “คนอื่นบอกว่านายความจำเสื่อมฉันยังไม่เชื่อ”เขาเดินไปที่โซฟาแล้วนั่งลงด้วยตัวเอง หลัวเชว่รินชาให้เขาหนึ่งแก้วซือเย่เจ๋วลุกขึ้นยืนและเดินอ้อมโต๊ะทำงานไปตรงหน้าโซฟา จากนั้นก็ปลดกระดุมชุดสูทออกแล้วนั่งลง "แขกหายากสินะ มีธุระอะไรกับฉัน?""มีธุระจริง ๆ นั่นแหละ" กู้เฉินกวางยกแก้วน้ำชาขึ้น "ฉันคิดว่านายคงจะเคยรู้จักกับหานจื้อเหนียนสินะ?"ในตอนที่ซือเย่เจ๋วกำลังครุ่นคิดว่าหานจื้อเหนียนคือใคร หลัวเชว่ก็ก้มตัวชี้แนะ "ประธานหานคนนั้นเมื่อครั้งที่แล้ว"ซือเย่เจ๋วหรี่ตาลงและยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้ง "ทำไม ตระกูลหานมุ่งเป้าไปที่นายเหรอ?"กู้เฉินกวางไม่ได้พูดอะไรซือเย่เจ๋วสีหน้าจริงจังขึ้นมา "ฉันว่านายก็อายุเยอะแล้ว ควรจะพิจารณาเรื่องการแต่งงานได้แล้ว?"กู้เฉินกวางวางแก้วชาลง และครุ่นคิด “เร่งให้ฉันแต่งงาน นายเป็นห่วงอะไร?”ซือเย่เจ๋วสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย จากนั้นกอดอกมองเขา "ตาข้าง
เจียงเซิงไม่ปฏิเสธ "ใช่ค่ะ" เธอหัวเราะเบา ๆ "รวมทั้งเงินห้าล้านบาทนั่นด้วย นั่นก็เป็นเงินที่ฉันให้ คุณก็ไม่ได้บอกคุณย่าว่าคุณมีเงินห้าล้านบาทใช่ไหม?"ผู้เฒ่าเจียงหันหน้ามองไปทางเจียงยี่เจียงยี่ไม่ได้พูดอะไร เห็นได้ชัดว่ายอมรับแล้ว"คุณไม่อยากยอมรับแม่ ไม่อยากยอมรับลูกชาย ฉันก็ไม่ก้าวก่ายคุณ ในเมื่อเงินเอาให้คุณแล้ว คุณอยากจะใช้อะไรก็เรื่องของคุณ"เจียงเซิงกอดอก สายตาเย็นชา "แน่นอนว่าถ้าหากคุณยอมเอาเงินไปใช้ในทางที่ต้อง ฉันอาจจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่คุณปรับเปลี่ยนตัวเองไม่ได้แล้ว เอาเงินให้คุณมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ใด ๆ"มือที่วางอยู่บนขาของเจียงยี่กำแน่นอย่างอดไม่ได้ สีหน้าก็รู้สึกอับอายผู้เฒ่าเจียงมองดูเจียงเซิง "เซิงเซิง ในเมื่อเธอยังมีชีวิตอยู่ และก็ยอมช่วยอาของเธอกับลูกพี่ลูกน้องของเธอ...""คุณย่า คุณคิดมากเกินไปหรือเปล่า?" เจียงเซิงขัดคำพูดของเธอทันที "ฉันไม่ได้ช่วยพวกเขาโดยไม่มีเหตุผลหรอกนะคะ ฉันก็แค่ช่วยให้คุณได้เห็นความโหดร้ายของโลกนี้อย่างชัดเจน"ผู้เฒ่าเจียงมองไปทางเธอด้วยความเหม่อลอยเจียงเซิงลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าต่าง และหันข้างมองไปทางพวกเขา "เพราะว
เพิ่งจะเข้าไปในห้อง เจียงยี่ก็อยู่ด้วย เจียงยี่นั่งอยู่บนเก้าอี้ บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังวางมือบนไหล่ของเขาไม่ให้เขาหนีไปได้ตอนที่ผู้เฒ่าเจียงเห็นผู้หญิงแปลกหน้าถูกพาตัวเข้ามา และคุกเข่าลงบนพื้น ก็งุนงงไปหมด "นี่คือ..."สิบเจ็ดพูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย "ฉิงฉิงที่หลานชายของคุณพูดถึง คุณให้เธออธิบายกับคุณเองเถอะ"ฉิงฉิง?ผู้เฒ่าเจียงสายตามองไปที่ผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง ต้ายฉิงร้องไห้แล้วคลานมาที่ข้างเตียง "คุณย่าเจียง ขอโทษนะคะ ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรหลอกลวงเจียงเฮง ขอร้องพวกคุณปล่อยฉันไปเถอะค่ะ"ผู้เฒ่าเจียงนึกขึ้นได้ว่าเจียงเฮงหลานชายของเธอนำเงินก้อนนั้นให้กับผู้หญิงคนนี้ เธอก็รู้สึกโมโหขึ้นมา และผลักฉิงฉิงออก "เธอยังมีหน้ามาหาฉันอีก? เงินของหลานชายฉันล่ะ?"ต้ายฉิงถูกผลักล้มลงกับพื้น ไหล่ของเธอสั่นเทา น้ำตาไหลลงแก้ม ชั่วขณะไม่รู้ว่าควรจะพูดเรื่องเงินก้อนนั้นที่เธอใช้ไปหมดแล้วอย่างไรดี“ฉิงฉิง!”เจียงเฮงปรากฏตัวนอกประตูและเห็นต้ายฉิงนั่งอยู่บนพื้น เขาจึงรีบเดินไปประคองเธอ "คุณย่า ฉิงฉิงมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร"“แกยังจะพูดอีก?” ผู้เฒ่าเจียงหน้าเขียวหน้าดำ "นังเด็กคนนี้หลอกเอาเงินของแก เ