"หนู พี่ขอได้ไหมคะ"
เสียงกระซิบแหบพร่าก่อนจะงับใบหูหญิงสาวอย่างแผ่วเบาพร้อมลมหายใจอุ่นร้อนหยอกเย้าสาวน้อยที่ตอนนี้ตัวสั่นระริกอยู่ในอ้อมแขนเขา ปลายจมูกโด่งเป็นสันค่อยๆจรดลงบนพวงแก้มใส สูดดมกลิ่นหอมหวานเฉพาะตัวของหญิงสาวกระตุ้นเร้าอารมณ์เขาให้พุ่งทะยาน ริมฝีปากหยักคลอเคลียไล่ตามตามซอกคอ สร้างความกระสันไปทั่วสรรพางค์กาย เรียวปากหยักประกบลงบนปากกระจับกดจูบบดเบียดให้เธอเปิดปากกว้าง ลิ้นยาวตวัดลิ้นส่งเข้ามาในโพรงปากหญิงสาว บดขยี้ปากนุ่มหยุ่นอย่างร้อนแรง ดูดลิ้นสาวน้อยไร้ประสบการณ์เข้ามาในปากแล้วดูดดึงลิ้นน้อยอย่างแนบแน่น จูบของเขาเร่าร้อนราวกับเปลวไฟที่เผาผลาญร่างกายเธอให้ลุกโชน หน้าท้องแบนราบถูไถกับลอนหน้าท้องเป็นมัดของเขารู้สึกได้อย่างเด่นชัดถึงแม้จะมีเสื้อขวางกั้นการสัมผัสนี้ ร่างกายบดเบียดแนบชิดแม้แต่อากาศก็ไม่อาจลอดผ่านเข้ามาได้ ร่างกายสาวสั่นระริกราวกับลูกนกในอ้อมแขนของเขา คิณณ์ช้อนร่างเล็กขึ้นแนบอก ริมฝีปากยังคงดูดดื่มหาความหวานไม่ผละออก เดินตรงดิ่งไปที่เตียงกว้างเพียงพอสำหรับกิจกรรมอันร้อนแรงที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ บัั้นท้ายกลมกลึงสัมผัสเตียงนอนเอนหลังราบไปกับเตียงตามแรงผลักของชายหนุ่ม จ๊วบ จุ๊บ หญิงสาวบัดนี้หัวสมองขาวโพลน อ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงอยู่บนเตียงปล่อยให้เขาชักนำพาเธอไปยังแดนสุขาวดี มือหนาปลดกระดุมถอดเสื้อนักศึกษาออกจากร่างหญิงสาว ความอวบอิ่มเกินตัวซึ่งอยู่ภายใต้บรากำลังบดเบียดแน่นเหมือนจะหายใจไม่ออก มือลูบไล้ร่างกายผุดผ่องเนียนลื่นราวกับผิวเด็กอย่างกระหาย มือหยาบใหญ่อีกข้างไม่น้อยหน้าเลื่อนปดตะขอเสื้อใน สองเต้านูนดีดผึงออกมาจากปราการป้องกัน มือสากเลื่อนกอบกุมทรวงอกออกแรงบีบคลึงขยี้ปลายนิ้วบนส่วนปลายถันอย่างปลุกเร้า จนหัวนมชูชันแข็งขืนสู้นิ้วของเขา คิณณ์ผละจากริมฝีปากหวานสบสายตาหวานซึ้งซึ่งตอนนี้เอ่อล้นด้วยแรงปรารถนาดังเช่นชายหนุ่มแววตาลุกโชนด้วยไฟราคะ "หืมม ว่าไงเด็กดีจะยอมพี่ไหมคะ" ชายหนุ่มถามเสียงทุ้มแหบพร่า แต่ทว่าไม่ได้รอคำตอบจากร่างอรชรตรงหน้านี้แม้แต่น้อย ใบหน้าหล่อเหลาฝังหน้าจมลงบนเต้าอวบอิ่ม จมูกโด่งฟอนเฟ้นทั้งสองเต้าอย่างไม่ให้น้อยหน้า ริมฝีปากหนาครอบยอดถันชูชันล่อแมลงอย่างเขาให้เชยชม ลัลน์สะดุ้งเฮือกเมื่อริมฝีปากร้อนชื้นของเขาดูดกลืนยอดถันเธออย่างรุนแรง ลิ้นสากปาดป่ายวนรอบจุกสีชมพูอมน้ำตาลดูดดึงราวกลับลูกดูดนมแม่ ขนกายเธอลุกชันไปทั่วอณูร่างกาย สร้างความเสียวกระสันให้แก่หญิงสาว "อ๊าส์ เบาหน่อยค่ะพี่คิณณ์ อร๊ายส์" กายเล็กบิดเร่าไปตามความหวามไหว แอ่นกายโค้งรับสัมผัสเรียวลิ้นร้อน มือบางสอดกลุ่มผมหนาก่อนกดใบหน้าคมคร้ามดูดยอดถันอย่างถนัดขึ้นอย่างลืมอาย นิ้วมือเรียวจิกผมคิณณ์อย่างรุนแรงระบายความเสียวซ่านจากยอดอก ฝ่ามือหนาลากไล้ตามลำตัวหญิงสาวอย่างปลุกเร้า ถลกกระโปรงทรงเอของเธอขึ้นไปกองไว้บนสะโพกงามงอน เรียวขาแกร่งสอดเข้ากลางลำขาหญิงสาวพลางดันขาของเธอให้อ้ากว้างออกจากกัน นิ้วเรียวเกี่ยวชั้นในของเธอออกไปให้พ้นทาง ปากหนายังคงละเลงหัวนมเธอเมามันจนน้ำลายชุ่มชโลมเต้าขาว บีบเอาเนื้อสาวใส่ปากเกิดเสียงดังจ๊วบจ๊าบอย่างตะกละตะกราม มือใหญ่กอบกุมเนินเนื้อสาวโหนกนูนถูกใจเขาเป็นยิ่งนัก กรีดนิ้วผ่านแพรขนไหมไปตามร่องแคมของหญิงสาว กรีดลึกลงไปในกลีบผกาหวานอย่างสำรวจเป็นครั้งที่สอง "อื๊อส์ อ๊าส์ หนูเจ็บ" ร่างบางอ้าปากครางกระเส่า บิดสะโพกเร่าหลีกหนีนิ้วร้ายที่เข้ามาชำแรกในกายสาวของตน น้ำหวานใสไหลรินจากช่อดอกไม้งามชุ่มเต็มโพรงช่วยให้เขากระสวกนิ้วใส่ร่องแน่นของเธอได้อย่างไหลลื่น เรียวลิ้นยังคงตวัดยอดถันหวานจนสีแดงระเรื่อจากการดูดอย่างไม่ออมแรงของคิณณ์ ดูดราวกลับว่าจะให้มีน้ำนมไหลออกมาให้เขาได้ลิ้มรส แจ๊ะๆๆๆ เสียงดังเฉอะแฉะจากร่องสาว นิ้วมือของเขายังคงขยับเข้าออกถี่ๆอย่างรุนแรง บดขยี้ร่องสวาทหวานคว้านคลำหาปุ่มกระสันของหญิงสาวเจอรวดเร็วอย่างคุ้นเคย ลัลน์ตาเหลือกเบิกตาโพลงดิ้นเร่าอย่างอยู่ไม่สุขเมื่อท้องนิ้วสากขยี้ปุ่มเสียวของเธอจนครางลั่นห้อง "อ๊ะส์ อ๊าาส์ พะ พี่คิณณ์ขา แฮ่ก อ๊าาส์" หญิงสาวร้องครวญครางเรียกเข้าเสียงหวานยิ่งกระตุ้นชายหนุ่มให้มีอารมณ์มากยิ่งขึ้น ร่างบางดีดดิ้นครางเสียงกระเส่าราวกับคนบ้าความเสียวแล่นไปทั่วร่างตามเส้นประสาทยากเกินจะบรรยายที่กำลังจู่โจมเข้ามาทั้งส่วนบนส่วนล่างอย่างไม่รู้ว่าจะเสียวตรงไหน "หนูจะเสร็จ" คิณณ์ยกริมฝีปากเล็กน้อยทำให้ใบหน้าหล่อเหลาน่ามองยิ่งขึ้น ภายในร่องสวาทกระตุกถี่หยิบบีบรัดนิ้วของคิณณ์อย่างแนบแน่นเป็นสัญญาณให้ชายหนุ่มโชกโชนประสบการณ์รับรู้ว่าหญิงสาวซึ่งอยู่ใต้ร่างเขานี้กำลังจะถึงฝั่งฝัน แต่ยังคงเอ่ยปากถามให้เธอเขินอาย แจ๊ะๆๆๆ "มะ ไม่ อ๊าส์ ปะ เปล่า อ๊าส์ ค่ะ" หญิงสาวร้องครวญครางเอ่ยปฏิเสธเสียงกระแทกกระทั้นจนไม่อาจจับใจความถ้อยคำในประโยคได้ นิ้วของชายหนุ่มพลันเร่งจังหวะขยับถี่รัว ปากหนาชุ่มด้วยน้ำลายของตัวเองลากไล้ปลายลิ้นทั่วสองเต้า บีบเค้นเต้างามปลิ้นตามร่องนิ้วมือเขาตามแรงอารมณ์ แล้ววกกลับมาดูดดุนบนปลายจุกสีหวานอีกครั้ง "พะ อ๊าส์ พี่ขา อึ๊ยส์ อ๊าส์ นะ หนูจะ อ๊ายยยส์" ร่องสาวตอดถี่รัวความเสียวที่กระจุกรวมอยู่ศูนย์กลางกายก่อนจะกระจายความสุขแล่นไปทั่วร่างราวกับกระแสไฟ ลัลน์หอบหายใจราวกับวิ่งรอบสนามก็ไม่ปาน ร่างกายเธอยังคงกระตุกรัวจากความสุขสมที่ชายหนุ่มประเคนให้เธอ คิณณ์ผละออกจากทรวงอกนุ่มหยุ่นอย่างแสนเสียดาย แต่มีสิ่งน่าสนใจยิ่งกว่าอยู่ด้านล่างจึงตัดใจออกมา ชายหนุ่มลุกขึ้นถอดกางเกงแสล็คเนื้อดีออกจากกายโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี เนื้อตัวเปลือยเปล่าพร้อมแนบชิดกับหญิงสาว สองมือแกร่งช้อนข้อพับขยับขาดันขึ้นก่อนที่จะแหกขาเธอออกจนกว้างเพียงพอให้เขาลิ้มรสชาติผกามาศดอกนี้ได้สายตาคมตาจ้องน้ำหวานใสดวงตาวาวโรจน์มองกลางกายสาวอย่างถูกใจ ก่อนจะก้มหน้าเลียเข้ากับโพรงน้ำหวานสาว ดูดเลียน้ำทิพย์หวานชโลมจิตใจ ลิ้นสากปาดป่ายปุ่มเสียวของเธอยังรัวเร็วก่อนจะห่อลิ้นสอดแหย่เข้าไปในร่องสวาทเล็กที่ปากทางเข้ายังคงปิดสนิท "อ๊ะส์ อ๊ายส์ อย่าค่ะ อึ๊ยส์ มันสกปรก อ๊าส์ๆ" มือบางดันใบหน้าหล่อเหลาของคิณณ์ออกจากร่องสวาทของตนยังขวยเขิน ตั้งแต่กลับมาเธอยังมิได้อาบน้ำส่วนนั้นย่อมอับชื้นสกปรกเกินกว่าที่จะใช้ปากสัมผัสได้ แต่คิณณ์ก็หาได้ฟังคำคัดค้านร่างอรชรไม่ มือหนายึดสะโพกผายอวบอิ่มไว้ไม่ให้หลบหลีกหนีริมฝีปากเขา นิ้วมือเรียวบดขยี้ปุ่มเสียวกระสันภายนอก พร้อมกับลิ้นหนาดูดเลียตามร่องแคมไม่สักแต่เลียไปมา หากแต่ปาดป่ายเล้าโลมหญิงสาวอย่างมีชั้นเชิง ลิ้นสอดเข้าไปในร่องสาวห่อปากเลียแทงเข้าด้านในโพรงน้ำหวาน คิณณ์รู้สึกเจ็บหนึบกลางกายต้องการปลดปล่อยในร่องคับแคบ เอ็นหนาขนาดใหญ่กว่าแขนหญิงสาวผงาดตั้งตรงพองตัวพร้อมรบในสมรภูมิรัก มือกอบกุมอาวุธลับสาวรูดขึ้นลงอย่างเร็วเสียงดังปลั่บๆๆๆ ปากหนาก้มเลียร่องสวรรค์ หญิงสาวขมิบตอดลิ้นถี่ยิบอย่างไม่อาจควบคุมได้ "อ๊ะส์ หนูจะ อ๊าส์ อ๊ายยส์" ลัลน์เสร็จสมเป็นครั้งที่สองอย่างรวดเร็ว ร่างกายสั่นสะท้านสมองขาวโพลนสิ้นสติไม่มีสติสัมปชัญญะควบคุมความคิดได้อีกต่อไป "ฮึ่มม เด็กดีอย่าหุบขา ซู้ดดด" เสียงดูดกลืนน้ำในร่องสาวที่แตกใส่ปากหนา ยิ่งทำให้เธออับอายตัวแดงไปทั่วทั้งกายแต่ก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะห้ามปรามชายหนุ่มได้ ได้แต่ขืนหนีบขาของตนไว้ไม่ให้เขาเลียส่วนนั้นของเธอ คิณณ์เงยหน้าจากร่องสวาท ละอองน้ำใสประปรายตามใบหน้ายิ่งทำให้ใบหน้าหล่อเหลาดูเซ็กซี่ขึ้นยิ่งไปอีก สบสายตาหวานเยิ้มที่ในตอนนี้หมดเรี่ยวแรงขัดขืนอีกต่อไป "พร้อมเป็นของพี่ไหม?" ชายหนุ่มเลื่อนตัวขยับขึ้นมาแลกลิ้นกับเธออย่างดูดดื่ม เอ่ยถามกระซิบเสียงแหบพร่า ขบเม้มติ่งหูเธออย่างหยอกเอิน ร่างหนาจับมือหญิงสาวกอบกุมลำเอ็นหนาร้อนที่มือเล็กไม่อาจกุมได้มิดสาวขึ้นลงทำความรู้จักคุ้นเคยก่อนลำเอ็นยักษ์นี้จะมุดเข้าไปหาความอบอุ่นในกายสาวลัลน์นัยน์ตาเบิกโพลงแทบถลนกับความใหญ่โตของเขา ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้เห็นมันครั้งแรกแต่ตอนนั้นแสงไฟสลัวภายในห้องน้ำผับ ทำให้เธอไม่อาจเห็นขนาดลำเอ็นของเขาได้อย่างชัดเจน ในตอนนั้นเธอว่ามันมีขนาดใหญ่กว่าข้อมือเธอ เพียงแค่นั้นเธอก็ตกใจมากพอแล้วแต่ในวันนี้เธอได้เห็นมันอีกครั้ง!!!ลำเอ็นเขื่องใหญ่โตน้ำใสซึมเต็มปลายลำลึงค์สีเข้มในมือเล็กผงกหัวให้ราวกับทักทาย หญิงสาวใบหน้าเหยเกจ้องมองด้วยสีหน้าหวาดหวั่นเกรงว่าเจ้าสิ่งนี้คงไม่อาจเข้ามาในตัวเธอได้เป็นแน่"น้องชายพี่หนาวต้องการความอบอุ่น หนูพอจะช่วยคลายหนาวให้น้องชายพี่ได้ไหมคะ" ชายร่างใหญ่กำยำกลับส่งสายตาอ้อนวอนจนเธอสงสาร แต่ใจเธอหวาดหวั่นท่อนเหล็กที่แข็งชูชันอยู่ในมือเธอตอนนี้ยิ่งนักขณะหญิงสาวตกอยู่ในภวังค์ความคิด คิณณ์รูดซิปถอดกระโปรงผ่านขาเรียว ร่างกายขาวผ่องเนียนละเอียดสู่แสงไฟพลันปรากฏสู่สายตา เอวบางคอดรับสะโพกผายอวบอิ่ม ชายหนุ่มกลืนน้ำลายอย่างกระหายเมื่อเห็นเรือนร่างอันงดงามของเธอร่างกำยำคร่อมร่างสาวน้อยไร้ประสบการณ์ ร่างกายสั่นเทาราวกับลูกกวางพบราชสีห์จ้องเขมือบ มือหนาเลื่อนบีบบั้นท้ายกลมกลึงอย่างอดใจไม่ไหว ก่อนขายาวของคิณณ์แทรกตัวเข
"ใครบอกจะทำรอบเดียว?" ท่อนเอ็นหนาในกายจากที่สิ้นฤทธิ์ บัดนี้พองขยายคับแน่นช่องคลอดหญิงสาวพร้อมออกรบสู้ศึกอีกครั้ง"อ๊ะ หนูไม่ไหวแล้วมันเจ็บ""สัญญาจะทำเบาๆ"คิณณ์จับร่างบางพลิกคว่ำ มือเลื่อนจับสะโพกหญิงสาวตั้งขาชันขึ้น ค่อยๆบดเบียดลำเอ็นเขื่องจนสุดโคนกระทุ้งจูบปากมดลูกเบาๆ แต่ทำเอาเธอสมองโพลนดวงตาพร่ามัว รู้สึกจุกแน่นท้องน้อยยิ่งกว่าท่าก่อนหน้านี้ ร่างกายของเขาร้อนพราวราวกับเป็นไข้ จับดวงหน้าหวานเย้ายวนมาประกบจูบปลุกเร้าอารมณ์เธอให้ลุกเป็นไฟอีกครั้ง"ลัลน์เธอแน่นมาก" โพรงเนื้อสาวนุ่มตอดรัดแก่นกายชายหนุ่มราวกับไม่ให้ถอดลำลึงค์ออกจากดอกไม้งาม เส้นความอดทนขัดผึงลง คิณณ์ถอดถอนลำกายเกือบสุดปลายก่อนกระแทกสะโพกสอบเข้ามาอย่างรวดเร็ว สองมือจับสะโพกผายอวบอิ่มตรึงไว้มั่น รองรับแรงเสน่หาที่กำลังซอยดุ้นเนื้อเข้าออกราวกับตอกเสาเข็มพลั่บ พลั่บ พลั่บเสียงการร่วมสังวาสดังลั่นภายในห้องเล็กอีกครั้ง ความเสียวเกินบรรยายแผดเผาหญิงสาวให้จมอยู่กับไฟเสน่หาที่เขาเป็นคนจุดเติมเชื้อเพลิงให้โหมกระหน่ำสะโพกสอบยังคงโหมกระแทกเข้ามาไม่หยุดยั้งเมื่อความต้องการจะขีดสุดลืมสัญญาครั้งก่อนจะเริ่มเพลิงสวาทบทใหม่
ร่างบางลุกขึ้นเดินเชื่องช้าด้วยยังเจ็บระบมกลางกาย เมื่อคว้าผ้าขนหนูได้จึงค่อยๆเดินนวยนาดไปยังห้องน้ำ ตอนนี้เธอรู้สึกเหนียวตัวเป็นยิ่งนัก ตั้งแต่กลับมาจากสำนักงานเธอยังไม่ได้อาบน้ำไหนตกเย็นมาเธอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขาอีกยิ่งทำให้ร่างกายเหนื่อยล้าลัลน์ดึงผมยาวที่ตอนนี้ยุ่งเหยิงจากการโรมรันทำกิจกรรมบนเตียงมือบางเอื้อมหยิบกิ๊บหนีบผมมาหนีบให้อยู่ทรงสะดวกต่อการอาบน้ำ มือเล็กเปิดฝักบัวความเย็นจากน้ำที่ไหลลงมาทำให้หญิงสาวรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวราวกับจับไข้มากกว่าสบายตัวอย่างที่ควรจะเป็น“ว้าย พี่คิณณ์คะรบกวนพี่ออกไปก่อนหนูโป๊อยู่” คิณณ์เปิดประตูห้องน้ำเข้ามาด้วยร่างกายเปลือยเปล่า ร่างกายกำยำที่ในปกติแล้วซ่อนอยู่ภายใต้ชุดทำงานตลอดทั้งวัน กล้ามเนื้อหน้าอกแน่นตึงเป็นลอนใหญ่ชัดเจน นูนขึ้นอย่างสมส่วนราวกับถูกแกะสลักด้วยมือของประติมากร ไหล่กว้างและลำแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามส่งออร่าของความแข็งแกร่งที่ยากจะละสายตา “ขนาดนี้แล้วยังอายอะไรอีก” ชายหนุ่มหาได้ฟังคำทัดทานไม่ กลับสาวขายาวก้าวเข้ามายิ่งเห็นกล้ามเนื้อหน้าท้องที่เรียงตัวกันเป็นแผงชัดเจน ไล่ลงมาสู่หน้าท้องทรงตัววีที่เด่นชัด ร่องกล้ามเ
เสียงหม้อชาบูที่กำลังเดือดพล่าน น้ำมันพริกลอยเต็มหม้อ กลิ่นหอมของน้ำซุปหมาล่าลอยกรุ่นกระตุ้นต่อมน้ำลายหญิงสาวทั้งสอง บรรเทาความเหน็ดเหนื่อยที่สะสมมาทั้งวัน สองสาวเพื่อนซี้ต่างนั่งประจันหน้ากันที่โต๊ะ ชุดผักสดที่มีอยู่น้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณเนื้อหมู เนื้อวัวและซีฟู้ดที่เรียงรายวางอยู่เต็มโต๊ะ หนูนาคีบหยิบชิ้นเนื้อแผ่นบางจุ่มลงในน้ำซุปจนกระทั่งเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อนๆ ก่อนจะคีบเนื้อสุกฉ่ำกำลังดีขึ้นมาพร้อมกับน้ำจิ้มแล้วหย่อนเข้าปาก ดวงตาวาววับเปล่งประกายอย่างมีความสุข"นี่แหละชีวิต เนื้อนุ่มละลายในปากเลยแก มาๆเชียส์"หนูนาคีบเนื้อกระทบชนกับตะเกียบของลัลน์ประหนึ่งว่ากำลังชนแก้วเบียร์อย่างไรอย่างนั้น"หนูนามีความสุขกับการกินได้เสมอเลยนะ" หญิงสาวกลั้วหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นเพื่อนสาวมีความสุขกับการกินอย่างแท้จริง ทำให้เธอลืมความรู้สึกอัดอั้นภายในใจได้ชั่วขณะ"แน่นอนสิคะเรื่องกินหนูนาคนนี้มีหรือจะพลาด ฝึกงานมาเหนื่อยแค่ไหนก็ต้องฝากท้องไว้กับของกินค่ะ ชาบูจะเยียวยาทุกสิ่งเอง ลัลน์ก็กินบ้างสิอย่ามัวแต่ครบผักลงหม้ออยู่""ค่าๆๆ" ลัลน์มองหนูนาที่กำลังเพลิดเพลินอาหารตรงหน้าอย่างมีความสุข อมยิ้
"พี่คิณณ์! ทำบ้าอะไรของพี่เนี่ยขนลุกซู่เลย" รินทร์ร้องโวยวายกับการกระทำของพี่ชายของเธอ อยู่ๆก็เดินเข้ามาโอบเอวเธอไว้ทำตัวเป็นพี่ชายที่แสนอบอุ่นซะงั้น!"ทำไมยัยรินทร์เดี๋ยวนี้ห่วงตัวกับพี่?" ใบหน้าหล่อเหลาเลิกคิ้วมองรินทร์อย่างยียวนกวนประสาท"โถๆๆ พี่ชายจอมเย็นชาคะ ปกติคุณพี่ชายแสดงความอ่อนโยนแบบนี้กับน้องสาวคนสวยที่ไหนล่ะคะ นึกว่าผีเข้าต้องไปวัดเอาน้ำมนต์มาพรมพี่ไล่ผีซะแล้ว" รินทร์ยนต์คิ้วมองหน้าคิณณ์มือพลางลูบขนแขนทำท่าขนลุก"อืม ไม่ทำแล้วก็ได้ส่วนของพวกนี้ก็จ่ายเองนะ พอดีพี่ชายคนนี้มันเย็นชาและไม่อยากทำตัวอ่อนโยนให้ใคร" คิณณ์ยิ้มบางๆก่อนจะปล่อยมือออกจากเอวของรินทร์พร้อมพูดแกล้งน้องสาวตัวแสบ"เดี๋ยวๆนะคะคุณคิณณ์ภัทร นี่น้องสาวนะคะถ้าไม่ดูแลน้องสาวจะให้ไปดูแลสาวที่ไหนถูกไหม ฉะนั้นเชิญคุณพี่ทำตัวผิดเข้าเหมือนเดิมได้เลยค่ะ""รีบๆไปเลือกจะได้กลับบ้านไปหาคุณแม่" เสียงเรียบเอ่ยดุรินทร์เตือนธุรกิจที่ต้องรีบไปกันในวันนี้"ค่าๆๆ แค่นี้ก็ทำเสียงดุไปได้วันเกิดแม่ไอย์ทั้งทีต้องเลือกให้พิถีพิถันหน่อย" รินทร์ต่อล้อต่อเถียงกับคิณณ์ยังไม่ยี่หระก่อนจะก้มหน้าก้มตาเลือกเครื่องประดับให้มารดาของตน
คฤหาสน์หรูตั้งตระหง่านท่ามกลางสวนดอกไม้ที่มีแต่กุหลาบสีขาวซึ่งเป็นดอกไม้ที่โปรดปรานของคุณผู้หญิงเจ้าของวันเกิดในวันนี้ แสงไฟจากโคมระย้าภายในห้องโถงใหญ่ส่องประกายกระทบกับเครื่องเรือนหรูหราอันไม่อาจประเมินค่าได้ ผู้คนในงานเลี้ยงเล็กๆมาเพื่อฉลองวันเกิดของคุณหญิงไอย์ลดามารดาของคิณณ์ซึ่งต่างพูดคุยกันอย่างออกรสท่ามกลางเสียงดนตรีคลาสสิคบรรเลงคลอเบาๆคิณณ์ยืนอยู่มุมหนึ่งของงานอย่างหลีกเลี่ยงผู้คน ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาราวกับประติมากรรมไร้ชีวิต มือถือแก้วไวน์ไว้จิบไปพลางนึกถึงหญิงสาวที่เขาพบเจอเมื่อตอนเย็น"คิณณ์ลูก" เสียงหวานเอ่ยเรียกชายหนุ่มจากด้านหลัง เขาหันไปพบกับคุณหญิงไอย์ลดาอยู่ในชุดราตรีสีงาช้างยืนมองเขาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน โดยมียักษ์หน้าตาถมึงทึงบอกบุญไม่รับอบเอวภรรยาของตนเดินเข้ามาหาชายหนุ่ม"สวัสดีค่ะคุณแม่ สวัสดีครับผัวแม่" คิณณ์เดินเข้าไปหยดลงตรงหน้าก่อนยกมือไหว้สวัสดีพร้อมกับเหน็บพ่อของตัวเองที่หวงเมียแม้กระทั่งกับลูก ก่อนจะเข้าสวมกอดร่างบางของแม่"เออ! ปล่อยเมียฉันได้แล้วอย่าลวนลามให้มาก" ไม่น่ามีอายุแต่ทว่ารอเราคมคายตามวัยอายุ 55 ปี แต่ติดเย็นชาดังที่คิณณ์เป็นย่อมสืบทอดมาจากวิ
ครืด ครืด ครืดเสียงข้อความสั่นรัวบนโต๊ะทำงานภายในห้องพักผู้พิพากษาดึงความสนใจของคิณณ์จากกองเอกสารที่เขาพยายามจดจ่ออยู่ เขาเองก็ไม่มีสติที่จะทำงานเช่นเดียวกัน ดวงตาคมกริบเหลือบมองโทรศัพท์อย่างลังเลกลัวว่าจะเป็นคนที่เขาคะนึงหาเป็นคนส่งมาแล้วเขาจะตัดใจออกห่างจากเธอไม่ได้ ก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบนหน้าจอปรากฏขึ้น "Jed7" เจษฎาเพื่อนสนิทที่เหลือเพียงคนเดียวของเขา คิณณ์กดเปิดข้อความปรากฏว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินหันหลังเข้าไปในหอพักอันแสนคุ้นเคย ร่างกายที่ดูซูบผอมลงแทบจะพยุงตัวเองไม่ไหว ข้อความถัดมาเป็นวีดีโอสั้นๆเผื่อให้เห็นในช่วงวินาทีที่เธอโดนโซซัดโซเซอย่างน่าสงสาร คิณณ์มองคลิปนั้นด้วยหัวใจสั่นระรัวความรู้สึกเหมือนถูกบางอย่างบีบัดหัวใจจนหายใจไม่ออกJed7: เด็กมึงดูท่าอาการหนัก รีบจัดการความรู้สึกของตัวเองก่อนที่จะสายไปคิณณ์ทำโทรศัพท์จนฝ่ามือหนาขาวซีดไร้สีเลือด คิ้วขมวดเป็นปมดวงตาคมฉายแววสับสนจับจ้องข้อความนั้นอยู่นาน เป็นเวลานานกว่าเขาจะตัดสินใจวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ ภาพของลัลน์ยังคงวนเวียนอยู่ในสมองเขาซ้ำไปซ้ำมา เสียงหวานของเธอยังคงดังกึกก้องอย
ดวงตากลมโตแดงช้ำกวาดสายตาไปตามโถงทางเดิน ก่อนจะพบกับบุคคลที่เธอคะนึงหากำลังยืนสนทนากับบุคคลที่เธอไม่รู้จัก ราวกับภาพหลอนใต้จิตสำนึก ร่างกายหยุดชะงักแข็งทื่อหัวใจเหมือนถูกบีบรัดเอกสารในมือเริ่มสั่นเล็กน้อย หญิงสาวพยายามควบคุมสติกัดริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นความรู้สึกที่กำลังจะทะลักออกมา คาดหวังว่าภาพที่เธอเห็นอาจเป็นภาพหลอนของเธอ แต่ภายในใจลึกๆนั้นกลับภาวนาขอให้เป็นเขา"อ้าว นกเป็นไงมาคดีอะไรวันนี้" บุคคลที่กำลังยืนสนทนากับคิณณ์หันมาเอ่ยทักทายกับเนตรนภาอยากสนิทสนม"ท่านคิณณ์สวัสดีค่ะ มาคดีแบงค์เหมือนเดิมค่ะพี่วัลลภ ไม่ได้เจอกันนานเลยสบายดีนะคะ" เนตรนภาเดินตรงเข้ามาทักทายคิณณ์ก่อนจะเอ่ยตอบวัลลภพร้อมรอยยิ้มสดใส"สวัสดีค่ะ" หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึกๆ ทำท่าทีเป็นปกติยกมือไหว้สวัสดีวัลลภ ก่อนจะหันไปสวัสดีเขาโดยท่าทีเย็นชาชายหนุ่มพยักหน้ารับเล็กน้อย แต่สายตาคมกลับจดจ้องอยู่ที่ร่างบางที่เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกด้วยสายตาที่ลัลน์อ่านไม่ออก หลังจากทักทายกันเสร็จหญิงสาวก้มหน้าก้มตาเดินตามเนตรนภาไปโดยไม่หันกลับไปมองผู้พิพากษาหนุ่มอีก ทุกย่างก้าวของเธอที่เดินไปนั้นหนักจนแทบก้าวขาไม่ออก ความรู้สึกเต็มไปด้วย
การอยู่ที่คอนโดของคิณณ์กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของลัลน์ไปโดยไม่รู้ตัว ห้องที่เคยดูเรียบง่ายและเป็นระเบียบตามสไตล์ชายหนุ่ม กลับมีสัมผัสเล็กๆ น้อยๆ ของหญิงสาวแทรกซึมอยู่ทุกมุมอย่างมีชีวิตชีวา ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ที่เธอใช้ประจำเติมเต็มบรรยากาศในห้องให้ดูอบอุ่นและสดใส ตุ๊กตาสุนัขตัวใหญ่ที่เธอนำมาตั้งไว้บนเตียงนอน กลายเป็นความคุ้นเคยที่เจ้าของไม่อาจปฏิเสธได้ในห้องน้ำที่เคยมีแค่ของใช้พื้นฐาน กลับมีชุดขวดแชมพูและครีมนวดกลิ่นหวานวางเรียงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แม้แต่ผ้าเช็ดตัวที่เธอเลือกใช้ยังเป็นสีพาสเทลที่แตกต่างจากโทนสีเข้มเรียบง่ายของเขาลัลน์ยืนอยู่หน้ากระจกในห้องนอน แสงแดดยามเช้าสาดส่องกระทบเส้นผมสีดำดัดลอนคลาย ๆ ที่จัดทรงอย่างมีวอลลุ่ม ผมของเธอถูกรวบครึ่งหัวอย่างเรียบร้อย ติดโบน่ารักสีขาวที่เพิ่มความสดใสให้ใบหน้าหวานซึ้งที่ดูเปล่งประกาย ใบหน้าหวานซึ้งที่เคยดูซูบซีดจากความทุกข์ใจในอดีต บัดนี้กลับเปล่งปลั่งสดใส พวงแก้มใสที่เคยตอบแห้งกลับอิ่มเอิบจนดูน่าหยิก ร่างกายมีน้ำมีนวลขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ชุดนักศึกษาที่กระชับพอดีตัว จนเผยให้เห็นความอวบอิ่มเกินตัว กระโปรงทรงเอ
“ถ้าหนูอยาก หนูควบมันเลยค่ะ”สิ้นเสียงทุ้มต่ำที่กระซิบข้างหู ความนุ่มนวลของคำพูดเขาเหมือนสายลมที่พัดผ่าน แต่กลับทิ้งร่องรอยไว้ให้หัวใจเต้นระรัว คำพูดของเขายังคงดังกึกก้องซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัวลัลน์ไม่หยุดราวกับต้องการย้ำเตือนถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ดวงหน้าหวานขมวดคิ้วเป็นปมอย่างฉงนใจว่าคนรักต้องการจะสื่ออะไร ก่อนที่ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อสมองเริ่มประมวลผลช้าๆ จนเข้าใจความหมายของคำพูดเขาได้ในที่สุด ใบหน้าสวยหวานที่ปกติขาวใสเริ่มเปลี่ยนเป็นสีระเรื่อร้อนผ่าว แผ่ซ่านไปจนถึงใบหู“หืมม ว่าไงคะไม่อยากลองหรือคะ” เสียงทุ้มต่ำกระซิบชิดใบหู พร้อมกับลมหายใจร้อนที่ปัดผ่านแก้มเธอเบาๆ ใบหน้าหล่อเหลายังคงคลอเคลีย สูดดมกลิ่นหอมกรุ่นจากกายสาวที่ทำให้เขาเหมือนถูกมนตร์สะกดทุกครั้งที่ได้กลิ่น“หนูทำไม่เป็น” ลัลน์ตัวแข็งทื่อ สติที่พยายามรวบรวมเหมือนกำลังละลายหายไปกับความใกล้ชิด เสียงของเธอสั่นไหวและแผ่วเบาจนแทบฟังไม่ได้ศัพท์“แค่หนูโยกเอวเหมือนหนูเต้นเอง” ใบหน้าคมคายผละออกมาเล็กน้อยเพียงเพื่อจับจ้องใบหน้าหญิงสาวที่บิดเบี้ยวเพราะแรงเสียวซ่าน เมื่อเขาแกล้งขยับสะโพกกระตุ้นความรู้สึกของเธอ“อ๊ะ
คิณณ์เลือกนั่งฝั่งตรงข้ามกับเธอโดยยืดตัวเอนพิงขอบอ่างในท่าทางสบายๆ แต่ทว่าการมาของเขาทำให้อ่างน้ำที่เคยกว้างพอสำหรับเธอเพียงคนเดียวกลับเล็กลงอย่างเห็นได้ชัดถนัดตา น้ำในอ่างพลันเอ่อล้นออกมาทันทีที่ร่างกายสูงใหญ่ของชายหนุ่มแทรกตัวลงไป หญิงสาวนิ่งงันไปชั่วครู่ทำตัวไม่ถูกในสถานการณ์ล่อแหลมนี้ ก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยอย่างลังเล แล้วค่อยๆ หดขาเรียวของตัวเองเข้าหากันพร้อมกับกอดเข่าไว้แน่น ราวกับจะสร้างพื้นที่เล็กๆของตัวเองในอ่างน้ำที่ตอนนี้ดูเล็กลงกว่าเดิม เพื่อเปิดทางให้ชายหนุ่มได้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับร่างกายใหญ่โตของเขามากขึ้น แม้ว่าในความเป็นจริง เธอรู้ดีว่าเขาไม่ได้ต้องการพื้นที่สักเท่าไรก็ตามชายหนุ่มเอนตัวอย่างสบายๆ พิงขอบอ่างน้ำ สองแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามวางแขนทอดบนขอบอ่างราวกับสัตว์กางอาณาเขตดึงดูดให้ลัลน์เผลอจ้องมองตาไม่กระพริบ แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจกลับไม่ใช่ท่วงท่าเหล่านั้น หากแต่เป็นสายตาคมดุที่จับจ้องมายังร่างเล็กตรงหน้าสายตาที่หนักแน่นและเร่าร้อน ราวกับนักล่าที่กำลังจดจ้องเหยื่ออันล้ำค่า ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความหิวกระหายที่ไม่คิดจะปิดบัง ราวกับเธอเป็นสิ่งเดียวที่เขาต้องก
ภายใต้แสงไฟสีวอร์มโทนที่ช่วยเติมเต็มความอบอุ่นให้ห้องอาหารที่ยังคงตกแต่งด้วยโทนสีดำซึ่งยังคงเอกลักษณ์ความเย็นชาของคิณณ์ ห้องที่ควรให้บรรยากาศอึมครึมแต่กลับสัมผัสไม่ได้ถึงถึงมืดมนเลยสักนิด กลับกันแล้วอบอวลไปด้วยความอบอุ่นและกลิ่นอายแห่งความรักที่แผ่ซ่านจากคนทั้งสองบนโต๊ะอาหารที่ถูกจัดเตรียมอย่างเรียบร้อย มีต้มยำทะเลร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมฟุ้ง ผัดสายบัวที่ดูสดใหม่ ปลาทอดกรอบสีเหลืองทอง แต่อาหารแทบทั้งหมดบนโต๊ะนั้นยังคงวางอยู่อย่างไม่พร่องไปสักนิด เหตุเพราะหญิงสาวตัวเล็กตรงหน้าเขานี้ตักเพียงข้าวต้มถ้วยเล็กที่เขาสั่งเพิ่มมาใหม่เข้าปากเท่านั้น“สั่งมาเยอะแบบนี้พี่จะกินหมดเองหรือเปล่าคะ” หญิงสาวอดจะเย้าแหย่คนตรงหน้ามิได้ เมื่อเห็นอาหารที่ชายหนุ่มตั้งใจสั่งมให้เธอแต่กลับลืมไปเสียว่าเธอนั้นเจ็บกรามจนไม่สามารถทานของต้องใช้กำลังในการขบเคี้ยวได้“พี่ขอโทษค่ะ ตัวเล็กจะอิ่มไหมกินแต่ข้าวต้ม” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างรู้สึกผิดเมื่อคนรักไม่อาจทานของชอบได้“อิ่มสิคะข้าวต้มเยอะขนาดนี้ หนูทายไม่หมดหรอกค่ะ” ถึงแม้ว่าในใจลึกๆ จะอยากลองชิมอาหารอย่างอื่นบ้าง เพราะอาหารที่เรียงรายตรงหน้าล้วนเป็นของโปรดของเธอทั้งสิ้
ชายหนุ่มเหลือบมองเห็นปลายสายวางโทรศัพท์คนตัวเล็กของเขากลับนิ่งเงียบทำสีหน้าไม่สู้ดีนัก ยิ่งสายตากลมโตของเธอเหม่อลอยไปตามท้องถนนฉายชัดถึงความกังวลใจจนเขาอดเป็นห่วงไม่ได้“มีอะไรหรือเปล่าคะ หรือรู้สึกไม่ดีที่ผิดนัดกับเพื่อน” คิณณ์เอ่ยปากถามไถ่หญิงสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“เสียงของหนูนาดูไม่ค่อยดีเลยค่ะ ไม่รู้ว่ามีปัญหาอะไร” น้ำเสียงของเธอแฝงความกังวลอย่างปิดไม่มิด ถึงแม้หนูนาจะพยายามปกปิดอย่างไรคนเป็นเพื่อนแบบเธอก็อดกังวลไม่ได้จริงๆ“หนูโทรหาเพื่อนไปคุยให้เคลียร์ดีไหมคะ” ตาคมเหลือบมองหญิงสาวข้างกายพร้อมเอ่ยให้คำแนะนำ ก่อนละสายตากลับมาที่ถนน“ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้ให้หนูนาอยู่กับตัวเองไปก่อนถ้ายังไม่ดีขึ้นไว้หนูจะไปนอนกับหนูนา” “หนูถามพี่รึยังคะ ว่าพี่จะให้ไปไหม” คนแก่กว่ายกยิ้มมุมปาก ประคองพวงมาลัยขับรถอย่างใจเย็น ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงกึ่งหยอกล้อ“เราเป็นอะไรกันคะถึงต้องขออนุญาตพี่” คนตัวเล็กเอียงคอมองคนตัวโต ตาเปล่งประกายอย่างหยอกเย้าคนข้างกายถึงแม้ในใจจะรู้คำตอบของคำถามแล้วก็ตาม“เป็นเมียพี่ไงคะ” ไม่ว่าเปล่าดึงมือเรียวมากุมไว้ก่อนจะจุมพิตหลังมือขาวนวลเนียน แววตาคมส่งสายตาหาเด็กน้อย
ภายในห้องทำงานสีขาวสว่างเจิดจ้าทั่วห้องแตกต่างจากภายนอกที่พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าไปอย่างรวดเร็วถึงแม้เพิ่งจะเป็นเวลา 17 นาฬิกาก็ตาม เสียงลมของเครื่องปรับอากาศดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอท่ามกลางความเงียบ ถึงแม้บรรยากาศภายนอกจะเริ่มเย็นแล้วก็ตามแต่ภายในห้องยงคงเปิดแอร์เย็นฉ่ำ เจษฎายังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องเงียบสงบ คล้อยหลังจากคิณณ์และลัลน์เดินจูงมือกันออกไปทุกคนต่างเลิกงานกลับบ้านกันไปด้วย เหลือเพียงแต่เขาที่ยังคงนั่งจัดการเอกสารคนเดียว ชายหนุ่มคนเดียวในห้องถอดถอนหายใจเบา ๆก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ใบหน้าคมคายทว่าหล่อเหลาอย่างสุภาพคนละสไตล์กับคิณณ์ละสายตาจากกองเอกสารตรงหน้าแล้วจะเงยหน้ามองเพดานพลางปล่อยความคิดล่องลอยออกไป มือซ้ายเอื้อมหยิบแก้วกาแฟที่บัดนี้เหลือเพียงก้นแก้วขึ้นมาแต่ต้องพบว่ากาแฟนั้นเย็นชืดเสียสนิทจนเขาไม่อาจดื่มได้เสียแล้วดวงตาคมเหลือบมองโทรศัพท์บนโต๊ะที่ไม่มีแม้แต่ข้อความหรือสายเรียกเข้าจากใคร ริมฝีปากหยักหนาคลี่ยิ้มจาง ๆ ด้วยความเหนื่อยล้า วันนี้เขารู้สึกเหนื่อยเป็นพิเศษความเหนื่อยล้าที่สะสมมาดูเหมือนจะรุมเร้าแสดงอาการในวันนี้แต่ไม่เท่ากับความเจ็บปวดในใจที่แล่น
เมื่อมาถึงสำนักงาน เจษฎาและลัลน์ช่วยกันหิ้วทลายมะพร้าวที่ได้มาเป็นของฝากจากลูกความซึ่งเต็มท้ายรถเข้าไปในออฟฟิศอย่างทุลักทุเล ทลายหนึ่งน้ำหนักไม่ใช่น้อยสุดท้ายเจษฎาต้องเป็นคนแบกขึ้นห้องมาแต่เพียงฝ่ายเดียว“วันนี้สำนักงานเราแจกมะพร้าวกันหรือคะพี่เจษ?” เสียงเนตรนภาแซวพลางหัวเราะเมื่อเห็นเจ้าของสำนักงานขนมะพร้าวมาหลายลูก“ของฝากจากลูกความครับ ช่วยนำกลับบ้านไปรับประทานตอบแทนที่ผมคนนี้ต้องไปลำบากแลกด้วยหยาดเหงื่อของผมมา” เจษฎาเอ่ยอย่างหยอกเย้าตาเปล่งประกายอย่างคนเจ้าเล่ห์“แหมๆ พูดเหมือนตัวเองไปปลูกไปสอยมางั้นแหละ” กุลธิดาอดถากถางหนุ่มรุ่นน้องที่เสนอขายอย่างเกินหน้าเกินตาราวกับเป็นมะพร้าวในสวนตัวเองอย่างไรอย่างนั้น ทุกวันนี้เห็นกะล่อนเสนอขายตัวเองไม่ว่างเว้นเช่นเดียวกัน แต่ดูเหมือนน้องชายคนนี้มันจะหมาหยอกไก่ไปอย่างนั้น“โห่พี่กวางว่าไปนั่น ถึงไม่ได้ลงแรงเองก็เหมือนอยู่ผมอุตส่าห์พาลูกรักไปลุยถนนลูกรังมาเชียวนะพี่ ตอนนี้ลูกผมสภาพมอมแมมหมดแล้ว” เจษฎาโอดครวญถึงความยากลำบากในการได้มะพร้าวในครั้งนี้ เขารู้สึกเจ็บปวดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นสภาพลูกรักที่เปื้อนฝุ่นจนรถสีขาวกลายเป็นสีแดงทั้งคัน!“พี
รถหรูสีดำตัวซีเคร็ทเคลื่อนตัวเข้ามาจอดอย่างนุ่มนวลหน้าตึกสำนักงาน เสียงเครื่องยนต์เงียบสนิทแทบไม่ได้ยินบ่งบอกได้ถึงประสิทธิภาพสมราคาที่หลักร้อยล้าน ทำให้เป็นที่สะดุดตาแก่ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้นให้ดึงดูดสายตาว่าใครจะลงมากจากรถหรูคันดังกล่าว“หนูบอกแล้วไงคะว่าให้จอดแค่หัวมุมพอ ดูสิทีนี้คนมองกันให้ควั่กเลย” หญิงสาวตวัดตามองชายหนุ่มทำทีเป็นทองไม่รู้ร้อน อ้างว่าไม่อยากให้เธอเดินไกลกลัวว่าเธอจะเดินไม่ไหวข้ออ้างสารพัด“หนูจะไปอายสายตาคนอื่นทำไม หรือจะไปฝึกงานที่ห้องพักพี่ดีคะ” เสียงทุ้มเอ่ยหยอกเย้าคนตัวเล็กข้างกายที่เขินอายจนไม่กล้าลงจากรถไป“พูดอะไรก็ไม่รู้ ตั้งใจทำงานนะคะขอให้งานวันนี้ราบรื่นเป็นไปได้ด้วย สวัสดีค่ะ” ลัลน์พูดจนลิ้นแทบพันกันเขาช่างทำให้เธอเขินอายได้ทุกทีที่อยู่ด้วยกัน ก่อนจะยกมือไหว้สวัสดีเอ่ยลาเขาอย่าลุกลี้ลุกลน“หนูคะ!” ไม่ว่าเปล่าแขนแกร่งสอดเข้ามาโอบรั้งเอวคอดก่อนจะฉุดหญิงสาวเข้ามาหาตน จมูกโด่งเป็นสันคลอเคลียตามใบหน้าหญิงสาวที่แม้แก้มเธอจะยังตอบอยู่แต่ก็ใบหน้าดูมีชีวิตชีวาสดใสดังที่เธอเป็น ก่อนจะเอียงหน้าเข้าหาเบาๆ ปลายจมูกโด่งของเขาแตะแช่ลงที่แก้มเนียนของเธอ
ภายในรถหรูที่เงียบสงัดชายหญิงสองคนในรถต่างไม่พูดไม่จาไม่มีบทสนทนาระหว่างกัน เสียงดนตรีสากลรักหวานแหววเปิดคลอในรถอย่างแผ่วเบาเพื่อสร้างบรรยากาศให้โรแมนติก แต่ทว่าดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยเมื่อลัลน์นั่งเงียบกริบดวงหน้าหวานหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง เผยให้เห็นเสี้ยวหน้าที่ดูอิดโรยเล็กน้อย กลับกันชายหนุ่มข้างกายกลับสดชื่นกระปรี่กระเป่าราวกับได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ คิณณ์เหลือบตามองร่างบางยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยอย่างเอ็นดู“หนูจะไม่พูดอะไรกับพี่หน่อยหรือคะ” เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยสัพยอกหญิงสาวที่ตอนนี้ตวัดค้อนวงโตส่งให้เขา ตอนเช้าเขาอุตส่าห์รีดผ้าเตรียมชุดให้คนตัวเล็กก่อนจะปลุกให้ตื่นมาอาบน้ำเขาบริการเธอดีขนาดนี้เธอยังคงแง่งอนไม่พูดไม่จากับเขา ถึงแม้จะคิดเช่นนั้นชายหนุ่มก็ยังทำหน้าระรื่นพอใจลัลน์หันหน้ามามองคนหน้าไม่อายที่กำลังขับรถอยู่อย่างสบายใจไม่ได้สำนึกในการกระทำของตัวเองแม้แต่น้อย ใต้ตาคล้ำใบหน้าอิดโรยราวกับคนอดนอน ร่างเล็กไม่ตอบคำถามของเขาก่อนจะเบนหน้าหนีใบหน้าหล่อเหลามองวิวเดิมๆข้างทางเพื่อระงับโทสะนั้นแทนทั้งที่เมื่อคืนสัญญาว่าไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะหยุดรังแกเธอ แต่เขาก็ขอต่อเวลายัง