แชร์

บทที่ 580

ผู้แต่ง: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-06 18:00:13
เดิมทีหลินซวงเอ๋อร์อยากปฏิเสธ ทว่าน้ำใจไมตรีนั้นตัดได้ยาก จึงทำได้เพียงตามหญิงชราไปด้วยเท่านั้น

ทั้งกลุ่มตามหญิงชราเข้าโรงเตี๊ยม มาถึงห้องแสนโอ่อ่าตรงชั้นสองห้องหนึ่ง

หญิงชราให้ทั้งกลุ่มคอยอยู่ข้างนอก ส่วนตนเข้าไปรายงาน

กระทั่งหญิงชราเข้าไปแล้ว ฮุ่ยอี๋จึงเริ่มมีโทสะ “จะมีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าองค์หญิงอย่างข้าอีก?”

หลินซวงเอ๋อร์เอ่ย “องค์หญิงอย่าเพิ่งโกรธเกรี้ยว อาจเป็นตระกูลเศรษฐีก็ได้ คอยครู่หนึ่งก็ไม่เป็นไร”

ฮุ่ยอี๋เอ่ยอย่างหยิ่งยโส “หากมิมใช่เพราะเห็นแก่เจ้า ข้าไม่ยอมลดตัวเช่นนี้หรอก!”

หลินซวงเอ๋อร์หัวเราะ “เอาล่ะเอาล่ะ ศักดิ์ศรีเรามันยิ่งใหญ่เสียจริง”

ขณะทั้งสองกำลังคุยกัน ประตูตรงหน้าพลันมีเสียง ‘แกร็ก’ จากการเปิดดังขึ้น หญิงชรายิ้มให้กับทั้งกลุ่ม “ทำเอาทุกท่านคอยเสียเนิ่นนาน ฮูหยินอยู่ข้างในนี้แล้ว เชิญทุกท่านเข้าไปเถิด”

สิ้นเสียง ประตูบานใหญ่ตระการตาเปิดออก หญิงชราพาทั้งกลุ่มเดินเข้าไป

ภายในห้อง อวี๋หว่านหนิงกำลังนั่งบนตั่งเบาะนุ่ม

ครานี้ นางมิได้สวมหมวกหญ้าหรือผ้าปิดหน้า ใบหน้างดงามเกินคนปรากฏต่อเบื้องหน้าธารกำนัล

นี่เป็นคราที่สองที่ได้พบนาง หลินซวงเอ๋อร์ยังคงรู้สึกตกต
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Umpai Cha-um
เสด็จแม่รีบรับแม่นางน้อยหลินซวงเออร์กลับเมืองไปแต่งตั้งเป็นองค์หญิงเถอะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 581

    อวี๋หว่านหนิงมองหน้าหลินซวงเอ๋อร์ มีความชื่นชอบจนยากจะบรรยายเพียงแต่มาพบนางครั้งนี้ สีหน้าดูคล้ายซีดเซียวไปไม่น้อย ดวงตาก็ไม่ใคร่สดใสดังเช่นเมื่อครั้งแรกพบ แม้แต่เรือนร่างผอมบางของนาง ก็ดูราวซูบผอมไปมากอวี๋หว่านหนิงไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใด เห็นแล้วรู้สึกปวดใจยิ่ง ในยามนี้ อาหารขึ้นโต๊ะมาครบแล้ว อวี๋หว่านหนิงจึงเชิญให้ทุกคนนั่งลง ส่วนตัวนางเองยืนขึ้น เดินไปเบื้องหน้าหลินซวงเอ๋อร์ พานางมานั่งด้านข้างตนหลินซวงเอ๋อร์ก็ไม่รู้เพราะเหตุใด เห็นความอ่อนโยนของอวี๋หว่านหนิงแล้ว รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกไป๋อวี้ถังนั่งข้างหลินซวงเอ๋อร์อีกฝั่งหนึ่ง ทุกคนนั่งล้อมโต๊ะกินข้าว บรรยากาศแลดูอบอุ่นยิ่งอวี๋หว่านหนิงจ้องมองหลินซวงเอ๋อร์ พลางถามด้วยความห่วงใย “แม่นางดูคล้ายซูบผอมไปมาก คราวก่อนที่พบเจ้า ยังเห็นสีหน้าเปล่งปลั่ง ดวงตาเป็นประกาย แต่วันนี้ไฉนจึงดูซีดเซียวนัก?”เมื่อกล่าวจบ ทั้งไป๋อวี้ถังและฮุ่ยอี๋ต่างมองหน้าหลินซวงเอ๋อร์พร้อมกันหลินซวงเอ๋อร์กล่าวตอบ “สุขภาพไม่สู้ดี ล้มป่วยเล็กน้อยน่ะเจ้าค่ะ”อวี๋หว่านหนิงมองด้วยความปวดใจ “น่าสงสารเสียจริง ครอบครัวมิได้ดูแลเจ้าหรอกหรือ?”หลินซ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 582

    ฮุ่ยอี๋เหลือบตามองดูไป๋อวี้ถัง ในใจคล้ายมีม้าเป็นหมื่นตัวกำลังโลดแล่นโจนทะยานเขาน่ะหรือจะมาชอบตน?ฮุ่ยอี๋นึกขำในใจจะเป็นไปได้อย่างไร?ไป๋อวี้ถังเป็นคนใจร้ายนัก ชอบเสแสร้งก็ที่หนึ่ง เขารักแต่ตัวเอง เป็นคนหน้าไหว้หลังหลอกโดยแท้ คนเช่นนี้จะรู้จักชอบผู้อื่นด้วยความจริงใจได้อย่างไรฮุ่ยอี๋แทบไม่กล้าคาดคิด หากไป๋อวี้ถังชอบพอใครสักคนจริงๆ เขาจะมีท่าทีเป็นอย่างไรครั้นเมื่อสบเข้ากับสายตาจับผิดของฮุ่ยอี๋ ไป๋อวี้ถังแสร้งทำเป็นไม่สนใจ พลางยกถ้วยชาขึ้นช้าๆ จิบเบาๆ ไปหนึ่งอึกอวี๋หว่านหนิงมองดูทั้งฮุ่ยอี๋และไป๋อวี้ถัง ในใจรู้ซึ้งถึงเรื่องบางอย่างนางกล่าวยิ้มๆ “เอาเถิดๆ ไม่พูดแล้ว อีกอย่าง แม่นางหลินดูจะร้อนใจมาก”จะไม่ให้หลินซวงเอ๋อร์ร้อนใจได้อย่างไร?เพราะนางถูกจับคู่ผิดไปเสียแล้วเคราะห์ดีที่ไป๋อวี้ถังเปลี่ยนหัวข้อในการสนทนา“ฮูหยินเดินทางมาไกล ถ้าอย่างไรข้าจะจัดหาที่อยู่ให้ ฉางอันคึกคักนัก ท่านน่าจะอยู่ต่อสักหลายวัน”อวี๋หว่านหนิงกล่าวปฏิเสธเนิบๆ “อย่าเลย ข้ามาอยู่หลายวันแล้ว รอสักพักข้าคงต้องกลับบ้าน”เมื่อได้ยินว่านางจะกลับไป หลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกอาลัยอาวรณ์ยิ่ง นางมองหน้าอวี๋

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 583

    อวี๋หว่านหนิงถลึงตาใส่หญิงชรา พลางกล่าว “เพียงแค่ยาขวดเดียว ไม่เป็นไรหรอก ข้ากับแม่นางผู้นี้ถูกชะตากันนัก หากช่วยให้นางสุขภาพดีขึ้นได้ ก็นับว่าได้ตอบแทนบุญคุณของนาง”น่าอยู่หรอกที่หญิงชราจะตื่นเต้นเพราะยาชนิดนี้หายากนัก แก้ได้สารพัดพิษ รักษาได้ทุกโรค ทั่วทั้งวังเป่ยหรงมีเพียงขวดเดียวเท่านั้นเนื่องจากอวี๋หว่านหนิงมีสุขภาพอ่อนแอ ฮ่องเต้เป่ยหรงจึงให้นางพกติดตัวไว้ แต่นางกลับมอบให้หลินซวงเอ๋อร์อย่างง่ายดายหลินซวงเอ๋อร์เห็นหญิงชราตื่นเต้นเช่นนี้ จึงไม่ได้เอื้อมมือไปรับ พลางกล่าว “ฮูหยินอย่าได้เกรงใจ เพียงแค่ป่วยเล็กน้อย หมอได้จัดยาให้ข้าแล้ว พักฟื้นสักหลายวันก็คงดีขึ้น”อวี๋หว่านหนิงกลับยืนกรานจะมอบยาให้นางให้ได้ พลางกล่าว “ยาที่หมอจัดให้หากได้ผลจริง เจ้าคงไม่มีใบหน้าที่ซีดเซียวเช่นนี้ ยาตัวนี้ล้ำเลิศนัก เหมาะกับการปรับสมดุลทั้งกายและใจ เจ้ารับไว้ก่อน ในวัง...บ้านข้ายังมีอีกหลายขวด”หลินซวงเอ๋อร์ยากจะปฏิเสธได้ จึงจำต้องรับไว้บนโต๊ะกินข้าว ทุกคนพูดคุยสนทนาอยู่นาน เมื่อเห็นว่าใกล้ค่ำมากแล้ว อวี๋หว่านหนิงจึงไม่คิดรั้งตัวไว้อีกก่อนจากลา หลินซวงเอ๋อร์และฮุ่ยอี๋เดินนำหน้า โดยมีไป๋อวี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 584

    ท้องถนนยังพอคึกคักอยู่บ้าง ร้านค้าสองข้างทางแขวนโคมไฟสีแดง รอบข้างแลดูสว่างไสว กระจ่างตาจนขาวโพลนไปทั่วในเวลานี้ จันทราอยู่กลางหาว ทอดเงาลางเรือนลงสู่ผิวน้ำ พาให้พลิ้วไหวเบาๆริมฝั่งน้ำเห็นต้นหยางหลิ่วไหวเอน เรือลำน้อยลอยอยู่กลางบึง บนเรือยังมีเสียงพิณลอดมา ฟังแล้วไฟเราะเสนาะหูยิ่ง มีคนหลายคนเดินออกจากโรงเตี๊ยม มุ่งตรงไปยังริมฝั่งน้ำผ่านแผงลอยที่ขายโคมไฟอยู่หลายแผง ฮุ่ยอี๋อดไม่ได้ที่จะเหลียวมองซ้ำๆโคมไฟที่ทำจากฝีมือชาวบ้าน มีความช่างประดิดประดอย แม้วัสดุที่ใช้จะดูพื้นๆ แต่ฝีมือนับว่าเป็นเลิศนักวันนี้มีผู้คนมาเที่ยวงานโคมไฟจนแน่นขนัด ส่วนใหญ่จะมาเป็นกลุ่ม และในมือหญิงสาวทุกคนจะมีโคมไฟเล็กที่แลดูน่ารักยิ่งฮุ่ยอี๋เห็นเข้าก็ถูกใจยิ่ง และนางก็เดินไปซื้อไป ไม่นานเงินที่พกมาก็ถูกใช้จ่ายจนสิ้นแต่นางก็ยังถูกใจไปเสียหมด ถึงขั้นยืนอยู่หน้าแผงลอยไม่ยอมจากไปไหนหลินซวงเอ๋อร์รู้สึกจนปัญญาด้วยความที่เร่งรีบออกมา นางจึงไม่ได้พกเงินสักแดง แม้ว่าฮุ่ยอี๋จะชอบสิ่งใด นางก็ไม่มีเงินจะซื้อให้ได้ไป๋อวี้ถังอ่านความคิดของพวกนางออก จึงรีบเดินขึ้นไปพร้อมกล่าว “องค์หญิงชอบสิ่งใดบ้าง ข้าน้อยจะซื

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 585

    ไป๋อวี้ถังนับว่าโชคดี โคมไฟกระต่ายน้อยนี้ดูเป็นงานที่ประณีต คนขายยังมอบให้โดยไม่คิดเงินหลินซวงเอ๋อร์คิดในใจ อาจเพราะโคมไฟของฮุ่ยอี๋มีราคาแพง เถ้าแก่จึงแถมให้อีกหนึ่งโคมก็เป็นได้เมื่อคิดได้ดังนี้ หลินซวงเอ๋อร์จึงยอมรับมานางถือไว้ในมือ รู้สึกพอใจยิ่ง คิดว่าจะนำกลับไปแขวนไว้ในห้องเล็กของเหมาเหมากับหรงหรง น่าจะเหมาะสมที่สุดในขณะที่ฮุ่ยอี๋รู้สึกไม่ชอบมาพากลไป๋อวี้ถังทำเช่นนี้ต้องการสิ่งใดกันแน่?หรือว่า...ฮุ่ยอี๋คล้ายกับคาดเดาได้บางอย่างฉวยโอกาสที่หลินซวงเอ๋อร์ไม่ทันสังเกต นางแสร้งเดินช้าลง ไปอยู่ด้านหลังกับไป๋อวี้ถัง“คนแซ่ไป๋ เจ้าหวังสิ่งใดกันแน่” ฮุ่ยอี๋ลดเสียงลงถามเขาไป๋อวี้ถังใช้สายตาประหลาดใจมองดูนาง“องค์หญิงกล่าวหนักไปแล้ว ข้าน้อยจะหวังอะไรได้”ฮุ่ยอี๋กล่าวตอบ “อย่ามาเสแสร้งหน่อยเลย ข้าเห็นสายตาที่เจ้ามองดูซวงเอ๋อร์ไม่ปกติ เจ้าคงไม่ได้ชอบนางเข้าหรอกนะ”ไป๋อวี้ถังแอบสะดุ้งในใจแต่ยังแสร้งทำเป็นยิ้มใจเย็น พลางกล่าว “องค์หญิงล้อเล่นไปแล้ว ข้าจะชอบแม่นางซวงเอ๋อร์ได้อย่างไร”ฮุ่ยอี๋หรี่ตาเล็กน้อย พลางกล่าว “ยังจะแก้ตัวอีก หากไม่ชอบซวงเอ๋อร์จริง ไยจึงต้องตั้งใจเลือก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 586

    “ยอมรับสิ่งใดกัน” หลินซวงเอ๋อร์มองหน้าทั้งคู่ด้วยความแปลกใจไป๋อวี้ถังสีหน้าเคร่งขรึมขณะมองฮุ่ยอี๋ พร้อมสายตามีแววตักเตือนฮุ่ยอี่ย่อมไม่กล้าพูดความจริง จึงได้แต่หาข้ออ้างกลบเกลื่อน “ข้าเพียงหยอกเขาเล่นเท่านั้น แค่นี้ก็ต้องร้อนตัวด้วย ราวกับเป็นเรื่องใหญ่เสียเต็มประดา...”กล่าวพลาง ฮุ่ยอี๋ยกเท้าเดินก้าวอาดๆ ไปข้างหน้า จนสุดทางยังไม่ลืมหันหน้ามากล่าวต่อไป๋อวี้ถัง “ข้าวของที่หล่นอยู่ตามพื้น อย่าลืมเก็บขึ้นมาด้วย ถ้าขาดแม้แต่อย่างเดียว ข้าคงไม่กล้ารับรอง...ว่าจะหลุดปากบางอย่างหรือไม่?”เป็นครั้งแรกที่ไป๋อวี้ถังรู้สึกถึงการถูกผู้อื่นข่มขู่ มิน่าวันนี้นับแต่ออกมาข้างนอก หนังตาข้างหนึ่งก็กระตุกอยู่ตลอด ในที่สุดก็เข้าใจถึงสาเหตุเพราะออกจากจวนมาไม่ทันได้ดูฤกษ์ยาม มิเช่นนั้นจะพบเจอองค์หญิงจอมแก่นผู้นี้ได้อย่างไรณ จวนตระกูลไป๋จู่ๆ เยี่ยเป่ยเฉิงมาเยือน บอกว่ามีเรื่องจะหารือกับไป๋อวี้ถังแต่พ่อบ้านตระกูลไป๋มารายงานว่า ไป๋อวี้ถังออกไปแต่เช้าตรู่ จนป่านนี้ยังไม่กลับมา“ใต้เท้าของท่านไปที่ใด?”พ่อบ้านกล่าวตอบ “ใต้เท้ามิได้แจ้งไว้ขอรับ แต่ปกติเขาไม่เคยไปค้างอื่นอยู่ที่อื่น ถึงเวลาก็มักจะก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 587

    ที่สำคัญ ตำแหน่งของชั้นวางหนังสือก็ดูแปลกประหลาดยิ่งเยี่ยเป่ยเฉิงกวาดสายตาไปทั่วห้อง สุดท้ายก็ไปตกที่แจกันใบหนึ่งเขาจำได้ว่าปกติไป๋อวี้ถังไม่ใช่คนมีอารมณ์สุนทรีย์อะไรนัก แล้วเหตุใดจึงมีแจกันลวดลายเลอะเทอะมาวางอยู่ในห้องนี้?ซึ่งไม่เพียงแลดูน่าเกลียด ยังไม่เข้ากับบรรยากาศในห้องเป็นอย่างมากด้วยเมื่อนึกถึงตรงนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงแทบไม่คิดอะไร เดินไปจะหยิบแจกันขึ้นมา แต่ปรากฏว่ามันถูกทำให้ติดแน่นอยู่กับโต๊ะไว้ เยี่ยเป่ยเฉิงคิ้วกระตุกเล็กน้อย พลางหมุนตัวแจกันเบาๆ ฉับพลันก็ได้ยินเสียง ‘แกร่ก’ คล้ายมีกลไกบางอย่างได้ถูกเขาสัมผัสเข้าถัดจากนั้น เขาจึงเห็นโต๊ะเบื้องหน้าถูกแบ่งแยกเป็นสอง ตรงกลางแยกออกเป็นช่องโหว่รอยแยกนั้นค่อยๆ กว้างขึ้น จวบจนมีประตูลับบานหนึ่งปรากฏต่อหน้าเยี่ยเป่ยเฉิงเยี่ยเป่ยเฉิงเหยียดริมฝีปาก “อ้อ ที่แท้ยังมีกลไกอื่น หรือว่า จะมีความลับที่ซ่อนเร้นอยู่ข้างใน?”และโดยไม่ต้องใช้ความคิด เขารีบผลักประตูลับทันทีด้านในประตูนั้น คล้ายเป็นห้องใหม่อีกห้องหนึ่ง เป็งห้องที่ไม่กว้างมาก เพียงวางโต๊ะหนังสือหนึ่งตัวและเตียงนอนอีกหนึ่งหลัง นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีสิ่งของอื่นอีกเยี่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 588

    ค่ำคืนยามดึกท้องถนนมีคนสัญจรเหลือน้อยลง ต่างพากันรีบเร่งกลับบ้านร้านค้าที่เคยคึกคักก็ทยอยปิดร้านเดินเที่ยวมาทั้งวัน ฮุ่ยอี๋รู้สึกเหนื่อยล้ายิ่ง จึงเอ่ยปากขอตัวกลับก่อนไป๋อวี้ถังได้เตรียมรถม้าไว้สองคันนานแล้ว โดยให้ฮุ่ยอี๋และหลินซวงเอ๋อร์โดยสารคันเดียวกัน ส่วนตนอยู่อีกคันหนึ่งคอยตามหลังพวกนาง จากนั้นก็จะส่งให้ถึงจวนอย่างปลอดภัย หลินซวงเอ๋อร์ก็ง่วงนอนจนเกือบไม่ไหว นางหาวติดต่อกันหลายครั้ง คิดอยากกลับจวนนานแล้วอีกอย่าง วันนี้ได้ออกมาเดินเล่น นางรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก ความเครียดที่อัดอั้นมาหลายวันก็ค่อยเลือนหาย อาการเจ็บหน้าอกก็ไม่ได้กำเริบขึ้นอีกเห็นทีว่า ไป๋อวี้ถังกล่าวถูกแล้ว นางคงเก็บตัวอยู่ในจวนจนเสียสุขภาพ สมควรออกมาผ่อนคลายข้างนอกบ้างรถม้าค่อยๆ เคลื่อนไป หลินซวงเอ๋อร์นั่งติดริมหน้าต่าง มองดูท้องฟ้ามืดมนภายนอก รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นเป็นอย่างมากด้านข้างนั้น จู่ๆ ฮุ่ยอี๋ก็ได้ถามขึ้น “วันนี้รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง อารมณ์ดีขึ้นหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์หันมามองฮุ่ยอี๋ พลางกล่าวยิ้มๆ “ดีขึ้นมาก”ฮุ่ยอี๋กล่าวปลอบใจ “ถ้าเช่นนั้นยังโกรธเสด็จอาอยู่อีกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์ยิ้มค้า

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 625

    เยี่ยเป่ยเฉิงมือสั่นขณะรับขวดกระเบื้องจากตงเหมยมาเนื้อสีขาวของขวดปรากฏเงาสีแดงรำไรอยู่ด้านในตงเหมยกล่าว “ท่านอ๋องบอกว่าจะเชื่อใจนางใช่หรือไม่เจ้าคะ? ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะไม่นำไปให้องค์หญิงอีก ท่านอ๋องลองเอาเลือดซวงเอ๋อร์ไปทดสอบดูก็ได้ ว่าเป็นจริงดั่งที่นางว่าหรือไม่ ใช้รักษาโรคระบาดได้จริง!”“ถึงตอนนั้น ท่านอ๋องย่อมจะรู้เอง ว่าซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดโกหก...”เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกจุกในอก ในยามนี้ เขาเกิดความกลัวที่จะนำไปพิสูจน์เพราะหากว่า ทุกอย่างเป็นจริงดั่งที่ตงเหมยพูด นั่นแสดงว่าเขาทรยศต่อความไว้วางใจของหลินซวงเอ๋อร์อีกครั้งในตอนนั้น นางเคยร่ำไห้พูดกับตนว่า เลือดของนางสามารถช่วยชีวิตคนได้แล้วเขาตอบว่าอย่างไร?อ้อ นึกออกแล้วเขาเย้ยหยันไปว่านางไม่ใช่เทวดา พร้อมกล่าวตำหนิว่านางชอบทำร้ายตนเองบ่อยครั้งสวรรค์ นี่เขาเป็นอะไรไป เขาได้กระทำสิ่งใดต่อนางไปบ้าง...เสวี่ยนอู่เห็นดังนี้ จึงรีบเดินมารับขวดไปจากมือเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมกล่าวต่อเขา “ในค่ายทหารยังมีผู้ป่วยอีกหลายคน ข้าน้อยจะนำไปทดสอบเดี๋ยวนี้...”เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว ตงเหมยจึงไม่อยากพูดมากความอีก นางหันหลังเตรียมจะจากไป กลับถูก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 624

    ตงเหมยกล่าวเสียงสะอื้น “เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใดเจ้าคะ? ในยามที่นางโดดเดี่ยวสิ้นหวัง ท่านไม่อยู่เคียงข้าง นางสูญเสียลูกไป ท่านก็ไม่อยู่เคียงข้าง และบัดนี้นางล้มป่วย ท่านก็เอาร่างนางไปอยู่บ้านนอกแทน”“เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ทุกอย่างล้วนสายเกินแก้!”ตงเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห จนแทบอยากระบายความอัดอั้นที่หลินซวงเอ๋อร์ได้รับออกมาแทนนางให้หมดสิ้น“น่าเห็นใจซวงเอ๋อร์นัก...นางทำเพื่อท่าน ต้องทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำมากมาย ไม่เคยที่จะระบายให้ท่านฟังสักครั้ง”“คืนวันนั้น ท่านอ๋องจู่ๆ ทิ้งนางไป นางเพิ่งสูญเสียลูก ยังมีเลือดออกเต็มตัว ตอนบ่าวเปิดประตูเข้าไปเห็น รู้แต่ว่าแทบเป็นลมหมดสติ!”“บ่าวคิดจะบอกท่านให้รู้ แต่ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องการให้ท่านเป็นห่วง นางบอกว่าท่านอ๋องเป็นคนทำงานใหญ่ ไม่ควรให้อยู่แต่ในเรือนหลัง ยิ่งกลัวว่าหากพูดไปแล้ว ท่านจะรังเกียจร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของนาง วันหน้าไม่อาจมีทายาทให้ท่านได้อีก”“แต่ว่า ท่านอ๋องรู้หรือไม่ ตอนสูญเสียลูกไปนั้น นางเจ็บปวดเพียงไหน ในใจรู้สึกสิ้นหวังเพียงใด?”“ท่านอ๋องเคยคิดปลอบประโลมจิตใจนางบ้างหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงยืนตะลึงตัวแข็งทื่อ เลือดใน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 623

    “ซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว”เยี่ยเป่ยเฉิงผลักประตูเรือนอวิ๋นซวน พร้อมเดินก้าวเข้าไปด้านใน แต่กลับพบว่าภายในว่างเปล่าผ้าห่มบนเตียงถูกพับไว้เรียบร้อย ข้าวของเครื่องใช้ก็จัดวางเป็นระเบียบ ราวกับมีคนมาจัดเก็บแล้วหนึ่งรอบเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ไม่อยู่ในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็คิดว่านางคงไปห้องหนังสือเพราะที่ผ่านมา นางมักชอบเก็บตัวในห้องนั้นเพื่อเขียนหนังสือเงียบๆ เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาจึงรีบออกจากเรือนอวิ๋นซวน ตรงไปยังห้องหนังสือทันทีที่ไหนได้ ห้องหนังสือก็ไม่มีร่องรอยของนาง อุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะจัดวางเป็นระเบียบ พู่กันที่นางเคยใช้บ่อยๆ คล้ายมีการล้างน้ำจนสะอาดสะอ้าน เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางก้าวเดินออกจากห้องหนังสือ เดินตามหาไปยังทุกห้อง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนางจนกระทั่งตงเหมยกลับมาจากเรือนด้านหน้าทันทีที่เห็นตงเหมย เยี่ยเป่ยเฉิงก็รีบปรี่ไปหา “ซวงเอ๋อร์เล่า นางอยู่ที่ใด?”ในมือตงเหมยถือกล่องอยู่ใบหนึ่ง เมื่อเผชิญกับคำถามของเยี่ยเป่ยเฉิง นางมิได้ตอบกลับ นอกจากยื่นกล่องในมือให้แก่เยี่ยเป่ยเฉิง“นี่คือเครื่องประดับที่ท่านอ๋องซื้อให้ซวงเอ๋อร์ ก่อนจากไป นางได้ม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 622

    เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ท่านอ๋องกล่าวถูกต้อง ยาชนิดนี้ไม่อาจพกติดตัวได้ โดยเฉพาะยามเข้านอน ร่างกายมนุษย์จะอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด พิษจะซึมเข้าสู่ร่ายกายได้ง่าย...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ เสิ่นป๋อเหลียงคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมา หันไปมองเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมถามด้วยความตกใจ “พระชายา...นางเคยบาดเจ็บหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวตอบ “เคย”เดิมทีนางทำเพื่อหวังจะช่วยเขา ขึ้นเขาไปหางูดำหางไหม้เพียงลำพัง กลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่าง...เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ถ้าเช่นนั้นก็ถูกแล้ว ข้าน้อยเดาว่า อาการของพระชายา น่าจะเกี่ยวข้องกับถุงผ้านี้...”เยี่ยเป่ยเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกในยามนี้ เขาได้กระจ่างแจ้งต่อเรื่องราวทุกอย่างมิน่าเล่า นางมักจะบอกว่าไม่อยากอยู่ในเรือนอวิ๋นซวนมิน่าเล่า นางมักบอกว่ากลางคืนชอบฝันร้าย แม้เขาจะอยู่เป็นเพื่อน นางก็นอนหลับไม่สนิท...มิน่าเล่า นางเริ่มมีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาแน่ไม่ได้มิน่าเล่า นางคิดจะฆ่าเจียงหว่านให้จงได้...ทั้งที่เมื่อก่อนนางเป็นคนอ่อนน้อม ว่านอนสอนง่ายราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง...แต่เขากลับไม่เชื่อนาง คิดว่านั่นเพราะนางเป็นโรคเครียด เพราะป่วยหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 621

    เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “นางมิได้ตั้งใจ เพียงได้รับความกระทบกระเทือนหนัก จึงทำให้ขาดสติไป ข้าไม่เคยคิดตำหนิ”เมื่อได้ยินดังนี้ เสิ่นป๋อเหลียงก็พอคาดเดาได้บ้าง จึงหยิบผ้าพันแผลออกมา พร้อมทำแผลให้เขาใหม่ และกล่าว “เป็นฝีมือพระชายาใช่หรือไม่?”เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงไม่กล่าวตอบ เสิ่นป๋อเหลียงยิ่งรู้ดีแก่ใจ จึงไม่ถามมากความอีกแผ่นดินนี้ คงมีเพียงสตรีผู้นี้เท่านั้นที่กล้าทำร้ายเขาโดยไม่หวาดกลัว ซ้ำยังได้รับการอภัยโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ อีกพันแผลเสร็จเรียบร้อย เสิ่นป๋อเหลียงจึงกล่าวกำชับ “บาดแผลยังไม่แห้งสนิทดี อย่าให้โดนน้ำเป็นอันขาด...”ขาดคำไม่ทันไร จมูกก็ได้กลิ่นหอมประหลาดบางอย่างโชยมาเสิ่นป๋อเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางสูดกลิ่นหอมประหลาดนั่น แล้วสายตาก็ไปหยุดที่ถุงผ้าใบหนึ่งที่เหน็บอยู่ช่วงเอวของเยี่ยเป่ยเฉิง“ท่านอ๋อง ถุงผ้าใบนั้นให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”นั่นเป็นถุงผ้าที่หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนปักให้เขา เยี่ยป่ยเฉิงย่อมไม่ยินดีจะมอบให้ผู้อื่นแต่เห็นเสิ่นป๋อเหลียงมีสีหน้าเคร่งเครียด จึงได้ถาม “ทำไมรึ? ถุงผ้าข้ามีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?”เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ข้อนี้คงต้องถามท่านอ๋อง ว่าภา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 620

    เมื่อได้ยินว่าเสิ่นป๋อเหลียงกลับมา เยี่ยเป่ยเฉิงก็พลันหยุดชะงัก พร้อมถามเสวียนอู่ “เขาอยู่ที่ใด?”เสวียนอู่กล่าว “เขารู้ว่าหลายวันนี้ท่านอ๋องตามหาอยู่ ดังนั้น เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ข้าน้อยจึงรีบพาตัวมาทันที ตอนนี้อยู่ค่ายทหารขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “เหมาะเลย ข้ากำลังจะกลับจวน ให้เขาตามข้ากลับไปด้วยกัน!”“ขอรับ”เสวียนอู่รีบไปเตรียมรถม้ามาคันหนึ่ง ให้เยี่ยเป่ยเฉิงและเสิ่นป๋อเหลียงโดยสารพร้อมกันภายในรถม้า เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เสิ่นป๋อเหลียงนั่งอยู่ด้านข้างจึงไม่กล้าพูดจาช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาออกจากวังไปท่องเที่ยว เยี่ยเป่ยเฉิงได้มีจดหมายส่งถึงเขาหลายครั้ง เดิมทีควรรีบกลับมาเมืองหลวงนานแล้ว แต่ระหว่างทางกลับมีอุปสรรคมาขวางกั้น จนทำให้เสียเวลาไปมากและบัดนี้ เขาได้กลับถึงเมืองหลวงแล้ว รู้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงต้องการพบเขาคงมีเรื่องเร่งด่วน ทันทีที่มาถึงจึงมาขอพบเยี่ยเป่ยเฉิงก่อนแต่เยี่ยเป่ยเฉิงกลับไม่พูดไม่จา สีหน้าเคร่งเครียดหมองคล้ำ ดูแล้วน่าประหลาดใจยิ่งชั่วขณะนั้น ทั้งคู่ต่างไม่มีการพูดคุย บรรยากาศภายในรถม้าค่อนข้างตึงเครียดเสิ่นป๋อเหลียงเป็นฝ่ายอธิบายก่อน “ใช่ว่าข้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 619

    ไม่เหลือซากให้เห็น และไม่ได้ออกมาอีกลมเย็นพัดกรูมา เขารู้สึกคล้ายร่างกายถูกหินก้อนใหญ่มากดทับไว้ จนเลือดท่วมทะลัก เจ็บปวดอย่างเหลือแสน...“ไม่...ไม่นะ...”ไป๋อวี้ถังรีบก้าวเท้าพุ่งตัวไป พร้อมเอามือตะกุยดินอย่างบ้าคลั่ง ราวกับสูญเสียสติสัมปชัญญะไปเสียสิ้น“ซวงเอ๋อร์ ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย ข้าจะช่วยเจ้าออกมา ข้าจะช่วยเจ้าออกมาให้ได้...”“เราตกลงว่าจะไปเมืองหยางโจวด้วยกัน เจ้าอย่าทิ้งข้าไปนะ ซวงเอ๋อร์ อย่าทิ้งข้าไป...”เมื่อรอบข้างสงบลง ชาวบ้านก็ต่างแห่กันมา เมื่อเห็นไป๋อวี้ถังเอามือตะกุยดินราวกับไม่คิดชีวิต จนนิ้วมือมีเลือดออก ก็ต่างส่ายหน้าและกล่าวเตือน “คุณชาย ช่างเถิดนะ อย่าขุดอีกเลย ถ้าใครถูกฝังอยู่ใต้ล่าง อย่างไรก็ไม่รอดอยู่แล้ว”ไป๋อวี้ถังไม่ยอมรับฟัง พลางวิ่งเข้าหมู่บ้านถือพลั่วมาหนึ่งอัน ขุดดินไปอย่างบ้าคลั่งอีกเมื่อเห็นเขาเตือนแล้วไม่ฟัง ชาวบ้านบางรายก็ไปช่วยขุดบ้างมีคนหนึ่งกล่าวเตือนเขา “คุณชายก็อย่าเสียใจมากนัก บางที สหายท่านอาจจะรอดตายหวุดหวิด หรือไม่ก็ ไม่ได้รออยู่ที่เชิงเขานี้”ไป๋อวี้ถังหยุดชะงักโดยพลัน นัยน์ตาแดงก่ำ มองชาวบ้านผู้นั้นด้วยความหวัง พลางกล่าว “จริงร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 618

    ไป๋อวี้ถังขี่ม้ามาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขามองหาบ่อน้ำ แล้วจึงเอากระเป๋าใส่น้ำที่พกติดตัวมาบรรจุน้ำในบ่อจนเต็มหมู่บ้านนี้มีผู้คนอยู่ห่างๆ เพียงไม่กี่ครัวเรือน เดิมไป๋อวี้ถังไม่คิดจะอยู่นาน แต่พอรอนแรมมาไกลมาก อีกทั้งละแวกนี้ก็ไม่มีโรงเตี๊ยมพอให้พักอาศัยหากคิดจะหาโรงเตี๊ยมจริงๆ ก็ต้องเดินทางต่อไปอีกประมาณสิบกว่าลี้เพื่อไม่ให้หลินซวงเอ๋อร์ต้องหิวข้าว ไป๋อวี้ถังจึงไปหาครอบครัวหนึ่ง พร้อมใช้เงินซื้อหมั่นโถวหลายลูกที่พวกเขาเพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ๆ เนื่องจากเขาเป็นคนใจป้ำ ครอบครัวชาวบ้านธรรมดาทำงานหนึ่งปียังไม่ได้เงินมากมายเท่านี้ จึงได้แถมนมแพะที่รีดเองให้แก่ไป๋อวี้ถังไปด้วยเป็นนมที่เพิ่งผ่านการต้มมา ดื่มแล้วช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมากไป๋อวี้ถึงจึงไม่ปฏิเสธ ยอมรับมาแต่โดยดีแต่เขาไม่กล้าให้หลินซวงเอ๋อร์คอยนาน ขณะหันหลังคิดจะกลับนั้น จู่ๆ มีหญิงชราร้องเรียกจากด้านหลัง“คุณชาย หากไม่รีบร้อนเดินทาง เชิญค้างที่นี่สักคืนค่อยไปก็ได้”ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้างหน้ายังมีคนรออยู่”หญิงชรามองดูท้องฟ้า พลางกล่าว “พรุ่งนี้ค่อยไปก็ยังไม่สาย คุณชายไปพาเพื่อนมาด้วยก็ได้ หลายวันนี้มีฝนตกหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 617

    ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “ข้าก็คิดเช่นนั้น”หลินซวงเอ๋อร์มองหน้าเขาพร้อมยิ้มเล็กน้อย นางกล่าวต่อ “ถ้าเช่นนั้นข้าขอไปก่อน ขอให้พี่ไป๋มีความสุขในเร็ววัน ลาก่อน”กล่าวจบ นางไม่รอช้าที่จะปล่อยผ้าม่านลงไป๋อวี้ถังสีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน รีบร้อนกล่าวต่อ “แม่นางซวงเอ๋อร์รอประเดี๋ยว...”ได้ยินเสียงร้องเรียกของไป๋อวี้ถัง หลินซวงเอ๋อร์จึงแหวกผ้าม่านด้วยความสงสัยอีกครั้งในยามนี้ ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูง แดดภายนอกจึงแสบตายิ่ง หลินซวงเอ๋อร์ยกมือขึ้นบังตา เพื่อลดความแรงกล้าของแสง พลางกล่าวเสียงอ่อนโยน “พี่ไป๋ ท่านยังมีเรื่องอันใดอีก?”นางยังต้องรีบเดินทางต่อ ไม่อยากพูดคุยกับเขานานไป๋อวี้ถังกล่าว “แม่นางซวงเอ๋อร์คิดดีแล้วหรือไม่ว่าจะไปที่ใด หรือเราสองคนจะเดินทางด้วยกัน?”น้ำเสียงเขาฟังดูราบเรียบ คล้ายกับไม่ตั้งใจกดดัน เพียงแต่ถามไปเรื่อยเปื่อยแต่หลินซวงเอ๋อร์แทบไม่ต้องคิด นางรีบกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้ายังไม่ได้คิดว่าจะไปที่ใด แผ่นดินกว้างใหญ่ ไปถึงแห่งใดก็อยู่ตรงนั้นก่อน”ไป๋อวี้ถังกล่าวยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ประจวบเหมาะนัก ข้าก็ไม่คิดจะไปที่ใด หรือเราจะเดินทางด้วยกัน เพราะหนทางยังอีกยาวไกล หากมีเพื่อนพูดคุยก

DMCA.com Protection Status